รีวิวโครงการ
The Sneak EP.31 – The Origin Ram 209 Interchange
22 มิถุนายน 2019
รีวิวฉบับที่ 1878 … The Origin Ram 209 Interchange (ดิ ออริจิ้น รามฯ 209 อินเตอร์เชนจ์) พร้อมบุกเบิกทำเลคอนโดใหม่เตรียมต้อนรับ Q3 แล้ว ซึ่งโลเคชั่นใหม่นี้อิงรถไฟฟ้าที่กำลังสร้างอยู่ 2 สาย (ชมพูและส้ม) เป็นโครงการเดียวในย่านนี้ที่เป็น High Rise สูง 31 ชั้น และอยู่ใกล้สถานี มีนบุรี (Interchange) ในช่วงราคาไม่แรงเลยค่ะ ประมาณ 69,500 บาท/ตร.ม. (AVG) จะเป็นอย่างไรไปดูกัน
Pre-Sale : 29 มิ.ย. 2562
สร้างเสร็จ : เม.ย. 2565 ปัจจุบันพร้อมเข้าอยู่แล้ว ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
Fact @ 04 June 2019
- The Origin Ram 209 Interchange (ดิ ออริจิ้น รามฯ 209 อินเตอร์เชนจ์)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ถนนรามคำแหง (หน้าซอยรามคำแหง 209) เขตมีนบุรี
- ที่ดินประมาณ 4-0-87 ไร่
- คอนโด High Rise 31 ชั้น และอาคารจอดรถ รวม 1,007 ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 38 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 336 คัน คิดเป็น 33%
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2021
- Studio 22 ตร.ม.
- 1 Bedroom 25 ตร.ม. (มาตรฐาน, Smart Closet)
- 1 Bedroom Plus 30 และ 34 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท (โปรโมชั่น ในวัน Pre-Sale เท่านั้น)
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 69,500 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 020-300-000
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด Google Maps : 13.810857, 100.733621
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
เรียกได้ว่าโครงการ The Origin Ram 209 Interchange เป็นคอนโด High Rise ที่มาบุกเบิกรามคำแหง (สุขาภิบาล 3) ตอนปลายใกล้มีนบุรีนะคะ โซนนี้ตั้งแต่ดั้งเดิมถึงปัจจุบันแล้วก็ยังเป็นทำเลชุมชนแนวราบขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์หลักๆ จะเกาะอยู่ตามโซนสีฟ้าที่เราได้วงไว้ ซึ่งโครงการนี้ก็ไปเกาะตรงแถบมีนบุรีเช่นกัน ใกล้ๆ บนถนนรามคำแหงมี Big C, HomePro และ Tesco Lotus แต่ถ้าตรงเลยโครงการไปหน่อยจะเป็นแยกตัดกับร่มเกล้าที่เชื่อมเข้าถนนสีหบุรานุกิจ ที่มีตลาดขนาดใหญ่รวมตัวกันทั้งตลาดมีนบุรี และตลาดนัดจตุจักร 2 ส่วนห้างที่ใกล้สุดจะเป็น Fashion Island และ The Promenade โดยการเข้าถึงความอุดมสมบูรณ์ทั้งหมดนี้ยังต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวจะสะดวกสุดนะคะ
แต่คิดว่าหากการมาของรถไฟฟ้าและโครงการนี้เสร็จน่าจะช่วยส่งเสริมให้มีความคึกคักในบริเวณใกล้ๆ โครงการ ระยะเดินได้มากขึ้นอีกพอสมควรนะ
สำหรับทำเลโครงการ The origin ram 209 Interchange เรามองว่าหากใครที่ต้องการเดินทางด้วยรถยนต์ จะเหมาะกับคนที่ทำงานแถวนี้อยู่แล้ว หรือคุ้นชินทำเลนี้มาก่อนหน้าเลยอยากอยู่ใกล้ๆ ทำเลเดิมของตัวเอง เพียงแต่ขยับขยายจากบ้านของครอบครัว เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ได้วิวมุมสูง ได้ Facilities หลากหลายแทน
โซนนี้การเดินทางด้วยรถสะดวกสำหรับคนที่เดินทางไป 4 ทางด้วยกันนะ 1. วิ่งเข้ารามคำแหง 2. วิ่งเข้ารามอินทรา 3. วิ่งเข้าร่มเกล้าเพื่อตรงไปย่านอุตสาหกรรมลาดกระบัง หรือจะไปสุวรรณภูมิก็ไม่ยากนะ (รถติดหน่อยเพราะรถใหญ่เยอะ แต่ระยะทางไม่ไกลมากสำหรับการขับรถ) 4. วิ่งไปฉะเชิงเทรา หากใครทำงานย่านโรงงานฉะเชิงเทราแต่อยากอยู่ใกล้ทำเลคึกคัก ทำเลโครงการนี้ก็ตอบโจทย์นะคะ สามารถวิ่งตรงไปทางสุวินทวงศ์ได้ง่าย
และการใช้วงแหวนรอบนอกตะวันออก (ถนนกาญจนาภิเษก) ก็เป็นเส้นสำคัญในการวิ่งเข้าเมืองนะ ซึ่งก็อยู่ไม่ห่างจากโครงการมากนักค่ะ
และจุดเด่นของทำเลโครงการนี้ รวมไปถึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทาง Origin เลือกมาตั้งอยู่ก็เพราะว่าศักยภาพทำเลนี้ในอนาคตอันใกล้ จะเป็นจุด Interchange สำคัญของรถไฟฟ้าฝั่งกรุงเทพตะวันออก ทั้งสายสีส้มและสายสีชมพู ซึ่งจุด Interchange นี้คือ สถานี มีนบุรี โดยจะตั้งอยู่บริเวณช่วงด้านหน้าโครงการเลยนะคะ ในระยะเดินเราอาจจะยังไม่สามารถบอกได้เนื่องจากตัวสถานีและบันไดยังไม่ก่อสร้างนะ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าจะอยู่ในระยะเดินได้ (คือไม่เกิน 400 ม.)
ซึ่งรถไฟฟ้าที่จะสร้างเสร็จในระยะเวลาใกล้เคียงกับโครงการเสร็จก็จะเป็นสายสีชมพู และในปี 2566 ก็จะเป็นสายสีส้มค่ะ เมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมใช้ทั้งหมดก็ทำให้ทำเลโครงการเองตอบโจทย์กลุ่มคนอีกแบบด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่คนที่ทำงานในละแวกนี้หรือเน้นวิ่งออกนอกเมืองแล้ว แต่เป็นคนที่ทำงานในเมืองนั่นแหละ ที่ยอมเดินทางไกลหน่อย แต่ได้สถานีต้นสาย โอกาสได้นั่งเก้าอี้ก็สูง 55 และราคาคอนโดมิเนียมที่หยิบจับได้ไม่ยาก ระดับ First Jobber ก็พอที่จะกู้ซื้อเองได้อยู่
สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นที่เส้นรามคำแหงบริเวณ Golden Place และขับตรงไปผ่านถนนกาญจนาภิเษก ขึ้นสะพานยกระดับและตรงไปเรื่อยๆ ผ่าน Big C, Tesco Lotus แล้วให้ขึ้นสะพานอีกที พอช่วงลงสะพานเบี่ยงซ้ายเพื่อเข้าโครงการได้เลยค่ะ จุดสังเกตคือที่ตั้งจะอยู่เยื้องกับไทวัสดุ
จากบริเวณ Golden Place นะคะ สังเกตตรงกลางถนนตอนนี้จะเห็นว่ารางรถไฟฟ้าสายสีส้มมีความคืบหน้าพอสมควรแล้วนะคะ โดยสถานีสัมมากรนี้จะเป็นสถานีแรกของโซนนี้จะขึ้นจากใต้ดินมาเป็นแบบยกระดับ
จากนั้นเราขับมุ่งหน้าตรงไปทางมีนบุรีเรื่อยๆ นะคะ ผ่านทางเข้าถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก)
ขับผ่านถนนกาญจนาภิเษกมาระยะนึงเราจะผ่านแยกที่ตัดกับถนนราษฎร์พัฒนา ซึ่งคนแถวนี้จะเรียกกันว่าซอยมิสทีนนะคะ โดยถนนเส้นนี้มีความสำคัญมากๆ นะ เพราะเป็นถนนที่สามารถเชื่อมออกร่มเกล้าได้ ภายในมีความคึกคักสูงมากทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และหมู่บ้านแนวราบเยอะทีเดียวค่ะ
จากนั้นเราขับตรงไปเรื่อยก็จะผ่านวัดบำเพ็งใต้ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดดังของคนย่านนี้นะคะ และภายในวัดเองก็มีตลาดนัดขวัญเรียม ตลาดน้ำที่มีบริการให้นั่งล่องเรือชิลๆ ด้วยนะ ใครอยากได้บรรยากาศตลาดน้ำในกรุงเทพฯ ไม่ต้องขับรถไปถึงต่างจังหวัดก็มาเที่ยวเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้อยู่นะ
ส่วนเราจะขับตรงขึ้นสะพานกันไปนะคะ
เมื่อลงสะพานมาแล้วตรงมาอีกหน่อยเราก็จะผ่านโซนที่มี Hyper Market ใหญ่ทั้ง Tesco Lotus, HomePro และ Big C Supercenter สุขาภิบาล 3
ขับผ่านมาหน่อยจะมีสะพานยกระดับนะคะ ให้เราขึ้นสะพานเลย แต่พยายามอยู่เลนซ้ายสุดไว้นะ เพราะว่าบริเวณปลายสะพานแล้วจะต้องเบี่ยงซ้ายเข้าโครงการ
ลงสะพานมาให้พยายามเบี่ยงซ้ายเข้าโครงการนะคะ เพราะที่ตั้งโครงการจะอยู่ไม่ไกลจากปลายสะพานมากนัก
จุดสังเกตของตำแหน่งโครงการและ Sale Gallery ปัจจุบัน ให้สังเกตที่สะพานลอยและไทวัสดุค่ะ เพราะจะอยู่เยื้องๆ กันเลย
ทำเลที่ตั้งโครงการ The Origin Ram209 Interchange นี้ สภาพแวดล้อมโดยรอบจะค่อนข้างโล่งนะคะ ยังมีพื้นที่ว่างค่อนข้างเยอะ และสถานที่ต่างๆ จะเป็นสเกลใหญ่ๆ เช่น ไทวัสดุ หรือ Big C เป็นต้น ลักษณะสภาพแวดล้อมแบบนี้มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยนะคะ สำหรับจุดเด่นเลยคือเรื่องของวิว ด้วยความที่โปร่งโล่งและส่วนใหญ่เป็นอาคารแนวราบทำให้เราจะไม่จำเป็นต้องเลือกชั้นโซนสูงๆ อย่างเดียวก็สามารถมองวิวระยะไกลได้แล้ว
ส่วนจุดด้อยที่เรามองคือเรื่องความคึกคักโดยรอบโครงการ The origin ram 209 Interchange ปัจจุบันยังมีไม่มากสำหรับระยะเดินได้นะคะ ทั้งนี้จะเหมาะกับการขับรถออกไปหาข้าวกินมากกว่า และตอนกลางคืนก็ยังมีสภาพแวดล้อมไม่เหมาะกับการเดินเท่าไหร่นะ แต่เราว่าในอนาคตอันใกล้การมาของรถไฟฟ้าสถานีมีนบุรีที่จะอยู่บริเวณช่วงหน้าโครงการจะทำให้ความคึกคักในระยะเดินมาโครงการดีขึ้นอีกพอสมควรเลย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Tesco Lotus
- Big C
- HomePro
- ตลาดมีนบุรี
- ตลาดนัดจตุจักร 2
- Fashion Island
- The Promenade
- Amorini
โครงการ The Origin Ram209 Interchange นี้เรียกได้ว่าเป็นโครงการที่ทาง Origin มาลองตลาดทำเลชุมชนแนวราบก็ว่าได้นะคะ ซึ่งการมาในครั้งนี้ก็จัดมาให้เป็นคอนโด High Rise ซะด้วย ถ้าเราลองเสริชคอนโดโดยรอบของพื้นที่นี้จะเห็นว่ายังไม่มีคอนโด High Rise ที่สูง 30 กว่าชั้นเลยนะคะ ทำให้การมาครั้งนี้เจาะช่องว่าของกลุ่มตลาดชัดเจน โดยเราคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากอยู่ทำเลนี้เดิม ขยับเข้ามาใกล้รถไฟฟ้าในอนาคตเดินทางสะดวกขึ้น ในราคาหยิบจับได้และที่สำคัญคือได้วิวมุมสูง + Facilities หลากหลายค่ะ
สำหรับ Facilities โครงการจะแบ่ง 4 โซนหลักๆ นะคะ
อาคารจอดรถ
ชั้นดาดฟ้า : ทางโครงการออกแบบมาให้ไม่ใช่เพียงดาดฟ้าทั่วไป แต่มีการจัดพื้นที่เป็น Street Basketball, Jogging Track,สวนหย่อม และพื้นที่นั่งเล่น
อาคารพักอาศัย
ชั้น 1 (G Floor) : Lobby ของ Visitor และลูกบ้าน, มีห้อง Meeting Room สำหรับลูกบ้านนัดแขกมานั่งคุยงานได้ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น มีร้านค้า 4 ยูนิต ที่ทางโครงการตั้งใจจะเลือกร้านสะดวกซื้อมาลง เพียงแต่ยังไม่ได้คอนเฟิร์มว่าจะเป็นแบรนด์อะไร รวมไปถึง Laundry Room ให้ด้วย
ชั้น 27 : เป็นชั้น Main Facilities หลักของโครงการนะคะ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 2 โซนย่อยคือรูปแบบ Indoor กับ Outdoor สำหรับ Indoor จะเป็นพวกห้อง CO-KITCHEN / PRIVATE DINING ROOM / CO-PASSION SPACE / GAME ROOM / MULTI FUNCTION STUDIO / SKY LOUNGE / FITNESS / SWIMMING POOL
Co-Kitchen
Game Room
Multifunction studio
Fitness
และโซน Outdoor จะเป็นสระว่ายน้ำขนาดความยาว Half Olympic คือ 6.5 x 25 ม. ค่ะ
ชั้นดาดฟ้า : สวน + พื้นที่นั่งเล่น
เรามาดู Perspective ในบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของโครงการกันนะคะ เริ่มจากส่วตรงกลางระหว่างอาคารพักอาศัยและอาคารจอดรถนั้นทางโครงการมีการจัด Landscape ให้ร่มรื่นน่าเดินมากขึ้นโดยจัดเป็นพื้นที่สวน + พื้นที่นั่งเล่น ซึ่งเราว่าส่วนนี้น่าจะร่มเกือบทั้งวันนะ เพราะได้เงาอาคารช่วยบังได้
ส่วนด้านหลังจัดให้เป็นพื้นที่ส่วนขนาดกำลังดีไว้มาเดินเล่นสูดอากาศได้ และที่สำคัญทางโครงการจะมีการทำประตูด้านหลังให้เดินไปบริเวณคลองได้ค่ะ ซึ่งพื้นที่ที่กั้นหลังจากประตูรั้วไปแล้วจะไม่ใช่พื้นที่ของโครงการนะคะ เพียงแต่ทางโครงการจะมีการจัดสวนต่างๆ ให้สาธารณะ เพื่อทัศนวิสัยของลูกบ้าน
ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถทางโครงการออกแบบให้เป็นพื้นที่สวน+พื้นที่นั่งเล่นในสวน และ Jogging Track นะคะ และยังจัดให้อีกมุมนึงเป็น Street Basketball ด้วย ทำให้ชั้นดาดฟ้าที่ถ้าไม่ทำอะไรก็เสียประโยชน์การใช้งานไป ได้มี Facilities ให้ใช้งานได้ดีเลยค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 27 กันต่อสำหรับโซน Outdoor ก็จะเป็นส่วนสระว่ายน้ำ ซึ่งดูจากบรรยากาศแล้วจะได้อารมณ์แนว Resort ดีเลยนะคะ และด้วยความที่สระจัดให้ไปอยู่ในชั้นสูงๆ อย่างชั้น 27 แล้วก็จะได้วิวมุมสูงสบายตาเลย เพราะรอบด้านไม่มีอาคารสูงในระยะประชิด
ส่วนลักษณะของสระที่นี่จะเป็นรูปแบบ Infinity Edge Pool เพื่อให้ลูกบ้านได้สัมผัสและเข้าถึงวิวมุมสูงมากขึ้นได้ ขนาดของสระที่นี่ให้มาเพื่อว่ายออกกำลังกายได้จริงนะคะ โดยอยู่ที่ 6.5 x 25 ม. จัดเป็นความยาว Half Olympic เลย ส่วนระบบสระจะใช้เป็นระบบเกลือค่ะ
มาดูในส่วนของ Master Plan กันต่อนะคะ สังเกตว่าที่ดินของโครงการจากถนนรามคำแหงด้านหน้าจะเป็นรูปแบบหน้าแคบลึก โดยด้านหน้าจะเป็นอาคารพักอาศัยก่อนและถัดไปจะเป็นอาคารจอดรถนะคะ ขยับไปด้านหลังสุดที่ดินโครงการจะติดกับคลองแสนแสบค่ะ
อาคารพักอาศัย
สำหรับบริเวณด้านหน้าของอาคารพักอาศัยจะแบ่งเป็น Lobby 2 โซนด้วยกัน Lobby ที่แยกออกมาชัดเจนจะเป็น Visitor Lobby นะคะ การแยกแบบนี้ทำให้ลูกบ้านเองได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมไปถึงเป็นพื้นที่สำหรับลูกบ้านสามารถนัดแขกมานั่งคุยได้ด้วย
สำหรับลูกบ้านเองก็จะมี Lobby ในอาคารไว้รองรับเช่นกันนะคะ และถัดไปจะเป็นโซน Meeting Room และร้านค้าอีก 4 ร้าน
อาคารจอดรถ
ที่นี่จะแยกอาคารจอดรถออกจากอาคารพักอาศัยเลยนะคะ โดยระหว่างอาคารมีการจัดพื้นที่สวนไว้ให้ตามที่เราเห็นใน Perspective เลย และด้านบนก็ได้พื้นที่ส่วนกลางมาให้ใช้งานเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งก็แลกกับการต้องเดินใช้งานระหว่างอาคารอยู่หน่อยนะคะ ไม่สะดวกเท่ากับมีที่จอดรถในชั้นล่างของอาคารเลย
ชั้น Typical Floor Plan จะเป็นชั้น 2-25 นะคะ โดยลักษณะของการวางผังที่นี่ก็มี Trick การออกแบบที่น่าสนใจอยู่นะ ด้วยความที่จำนวนยูนิตต่อชั้นค่อนข้างสูง ประมาณ 38 ยูนิต/ชั้น ซึ่งทางโครงการก็ต้องการให้ในชั้นเดียวกันแบ่งโซนชัดเจนมากขึ้น โดยการบิดทางเดินให้ไม่ตรงกันเป็นทางยาวๆ และวางตำแหน่งลิฟต์ไว้ตรงกลาง การใช้งานจริงแยกเป็น 2 โซนโดยปริยายนะคะ ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น คนเดินผ่านหน้าห้องน้อยลง
มาพูดถึงเรื่องห้องกันอีกหน่อย โดยจำนวนห้องที่มากที่สุดจะเน้นเป็นห้องพักอาศัย 25 ตร.ม. และรองลงมาก็จะเป็นห้อง 30 ตร.ม. นะคะ ห้องใหญ่สุดที่นี่คือ 34 ตร.ม. อยู่มุมอาคารทิศตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นห้องเดียวที่ผนังไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลยค่ะ
ชั้น 26, 28-31 จำนวนยูนิตต่อชั้นจะลดลงมาเหลือ 19 ยูนิตเท่านั้นนะคะ หากใครที่ชอบวิวมุมสูงและจำนวนเพื่อนบ้านในชั้นน้อยลงครึ่งนึงเลย มีงบประมาณเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยชั้นบนๆ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะคะ โดยเฉพาะห้อง 30 ตร.ม.ฝั่งทิศเหนือ 2 ห้องมุมค่ะ
ชั้น 27 เป็นชั้น Main Facilities แบบยก Floor เลย การจัดวางจะแบ่งออกเป็น 2 โซนชัดเจนนะคะ คือ โซน Indoor และ Outdoor โดย Outdoor นี้ก็จะเป็นสระว่ายน้ำที่หันไปทางทิศเหนือ มีการจัดพื้นที่นั่งเล่นข้างไว้ให้เรียบร้อย
ส่วนโซน Indoor น้ำหนักพื้นที่หลักๆ จะเห็นว่าค่อนข้างให้ความสำคัญกับ Fitness พอสมควรเลย เพราะได้ขนาดพื้นที่เยอะ แยกโซน Cardio, Weight Training และยังมีห้อง Studio สำหรับเล่น Yoga หรือจะเป็น พิลาทิสก็ได้
ถัดมาเป็นห้องต่างๆ ที่มีฟังก์ชันใช้งานต่างกันไปนะคะ ทางโครงการตั้งใจซอยพื้นที่ออกมาเพื่อได้ Facilities หลายรูปแบบมากขึ้น
ปิดท้ายด้วยชั้น Rooftop ชั้นนี้เราขึ้นมาจากบันไดหนีไฟนะ เพราะลิฟต์จะสิ้นสุดที่ชั้น 31 แล้วนะคะ โดยการใช้งานของชั้นนี้จะเป็นพื้นที่สีเขียวให้ออกมาเดินเล่นรับลมและวิวในมุมที่สูงที่สุดในโครงการเลย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1
- Lobby 2 จุด (ลูกบ้าน + Visitor)
- Meeting Room
- Shop
- Garden
- JOGGING TRACK
- SKY GARDEN
- STREET BASKETBALL
- VIEW POINT
- Swimming Pool ระบบ เกลือ 6.5 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร
- CO-KITCHEN
- PRIVATE DINING ROOM
- CO-PASSION SPACE
- GAME ROOM
- MULTI FUNCTION STUDIO
- SKY LOUNGE
- FITNESS
- GARDEN
สำหรับโครงการ The origin ram 209 Interchange จะเน้นห้องขนาดกะทัดรัด ราคาแพกเกจรวมไม่แรง เริ่มอยู่ที่ล้านต้นๆ ก็หยิบจับเป็นเจ้าของได้แล้ว โดยไซส์ห้องจะมี 4 แบบหลักๆ เราขออธิบายภาพรวมก่อนจะไปดูห้องตัวอย่างกันนะ
- Studio ขนาด 22 ตร.ม. = ห้องนี้เป็นห้องเล็กสุดที่ราคาเริ่มล้านต้นๆ นั่นเองค่ะ ถ้าใครชอบโครงการนี้ และงบไม่เกินล้านกลางๆ ห้องนี้คือคำตอบเลย
- 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. (มาตรฐาน) = ห้องนี้เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดนะคะ การจัดฟังก์ชันภายในสำหรับเรามองว่าลงตัวสุดนะ ได้ครัวปิด ได้ห้องนอนเป็นสัดส่วน และขนาดอยู่ 1-2 คนไม่เล็กไป ถ้าใครมีงบขึ้นมาหน่อย ช่วงราคาน่าจะเกาะอยู่แถวๆ ล้านกลางๆ-ล้านปลายๆ
- 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. (Smart Closet) = ห้องนี้จัดฟังก์ชันมาได้แปลกใหม่มาก เพราะเน้นพื้นที่แต่งตัวขนาดใหญ่ไปเลย ใครที่ต้องการพื้นที่สำหรับแต่งตัวแต่งหน้า หรือบางทีอยากได้ห้องสะสมของ เราว่าห้องนี้เหมาะค่ะ เสียดายที่วันไปโครงการห้องนี้อยู่ระหว่างการเก็บงาน ไม่งั้นจะถ่ายมาฝากกันแล้ว
- 1 Bedroom Plus ขนาด 30 ตร.ม. = ห้องนี้เหมาะกับคนที่ต้องการห้องอเนกประสงค์เพิ่มเติมนะคะ เช่นห้องทำงานที่เป็นสัดส่วน
- 1 Bedroom Plus ขนาด 34 ตร.ม. = แปลนจะเหมือนกับห้องขนาด 30 ตร.ม. เพียงแต่ห้องอเนกประสงค์ที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ห้องนี้สามารถจัดให้เป็นห้องนอนเล็กวางเตียง 3.5 ฟุตได้แบบพอดีๆ นะ ซึ่งถ้าใครอยู่กันเกิน 2 คน ห้องนี้คือห้องใหญ่สุดของโครงการค่ะ
ส่วนรูปแบบการขายจะเป็น Fully Fitted ซึ่งจะให้
- เฟอร์นิเจอร์ Built-in ทั้งหมด (ชั้นวางทีวี, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง, ฐานเตียง 5 ฟุต)
- ชุดครัว Top Particle + Hob & Hood จาก Teka
- ห้องน้ำ สุขภัณฑ์จาก Cotto และ Hafele
- เครื่องปรับอากาศ Daikin Inverter 9,000 BTU (จำนวนขึ้นอยู่กับ Type ห้องนั้นๆ)
- Home Automation
- Smart Mirror (เฉพาะห้อง 1 Bedroom Plus 30, 34 ตร.ม.)
สำหรับห้องที่เราจะพาไปดูก็คือห้อง 1 Bedroom 25 ตร.ม. ที่เราบอกว่าใครงบสูงขึ้นมาหน่อยจาก 22 ตร.ม. และต้องการห้องที่จัดฟังก์ชันได้ลงตัว เราแนะนำห้องนี้นะ เริ่มต้นจากทางเข้าห้องมาเป็น Common Area ที่วางชุดโซฟา โต๊ะกินข้าวได้กำลังพอดี ไม่เล็กมากไป ส่วนห้องนอนจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกให้แสงเข้ามายัง Common Area ได้ แต่ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นต้องปิดม่านเอานะ
ภายในห้องนอนได้ขนาดกำลังดี วางตู้เสื้อผ้าและเตียงขนาด 5 ฟุตได้ ส่วนครัวได้แบบครัวปิด เป็นหนึ่งใน 2 Type ที่ได้ครัวปิดนะคะ และวางตำแหน่งครัวดีที่สุดของทุก Type ด้วยซึ่งใครที่เน้นทำอาหารห้องนี้จะตอบโจทย์กว่าห้องอื่นๆ นะ สุดท้ายคือหน้าห้องน้ำมีจัดโต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้นั่งแต่งหน้าแต่งตัวได้ค่ะ
เข้ามาภายในห้องจะเป็นส่วน Common Area ก่อนนะคะ โดยพื้นที่นี้เชื่อมทั้งพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ีรับประทานอาหารเลย ผนวกกับการได้ฝ้าเพดานสูงเกินมาตรฐาน 2.6 ม. + ประตูบานเลื่อนกระจกสูงถึงฝ้า ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ไม่มืดทึบ มีความโปร่งโล่งดีนะ
ส่วนระยะของทีวีห้องนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.2 ม. ถือว่ามีระยะพอสมควรนะคะ เลือกทีวีขนาดใหญ่ 40″-42″ จะกำลังดีกับระยะสายตา
ส่วนพื้นห้องนี้จะเป็นลามิเนตหนา 8 มม. มาตรฐานนะคะ
ชั้น Built-in ได้ทั้งหมดเลย ประกอบด้วยตู้เก็บของด้านข้างที่ด้านล่างทำเป็นชั้นวางรองเท้าให้ ได้ชั้นวางทีวีและชั้นวางของด้านบน
สำหรับฝั่งชุดโซฟาระยะตรงนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.1 ม. เลือกว่าโซฟาขนาด 2 ที่นั่งหรือแบบ Love Seat จะกำลังดีค่ะ แต่ถ้าใครอยากได้โซฟาแบบนอนเหยียดสบายๆ ต้องเป็นแบบ 3 ที่นั่งนะ ซึ่งก็ต้องยอมแลกกับพื้นที่ด้านข้างที่จะวางโต๊ะกินข้าวได้ไป
พื้นที่ด้านข้างโซฟาทางโครงการตั้งใจออกแบบไว้ให้เป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารแบบกะทัดรัดนะ เพราะวางได้เต็ม Max คือ 2 ที่นั่งตามในห้องตัวอย่างเลย วิธีที่จะได้โต๊ะขนาดใหญ่ขึ้นได้สำหรับห้องแปลนนี้คือเลือกซื้อโต๊ะแบบพับได้ เวลาจะกินข้าวก็กางออกมา ซึ่งเราว่าเวิคนะสำหรับห้องนี้
ถัดไปเป็นส่วนห้องนอนนะคะ ห้องนี้จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดประตูได้กว้างมากขึ้น บางทีเปิดแอร์ตัวเดียวก็น่าจะเย็นทั่วถึงทั้งโซน Common Area และห้องนอนเลย
เข้ามาในห้องนอนกันต่อนะคะ ขนาดห้องนี้อยู่ราวๆ 2.56 x 3 ม. ฟังก์ชันหลักๆ ห้องนี้คือตู้เสื้อผ้าและเตียงนอน
ตู้เสื้อผ้าที่ได้เป็นแบบบานเปิด 2 บาน ภายในวางเสื้อผ้าได้พอสมควรเลยนะคะ และมีลิ้นชักไว้ให้จัดของได้ดี
ส่วนเตียงที่นี่จะให้ฐานเตียง 5 ฟุตไว้แล้วนะ แค่ซื้อฟูกมาวางเท่านั้นเลย ส่วนเรื่องพื้นที่เตียงนอนนั้นจะมีข้างนึงติดผนังนะคะ เดินขึ้นเตียงได้แค่จากฝั่งตู้เสื้อผ้าและฝั่งปลายเตียง ส่วนหน้าต่างได้มาขนาดมาตรฐานไม่ใหญ่มาก ซึ่งก็เป็นไปตามราคานะ
ถัดมาที่พื้นที่แต่งตัว ซึ่งติดกับห้องน้ำและห้องครัวนะคะ มุมนี้จริงๆ เป็นมุมที่ดีนะที่ทางโครงการจัดฟังก์ชันมาให้ ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ใช้สอยภายในได้คุ้มค่ามากขึ้น
ซึ่งในส่วนนี้เราจะแค่ส่วนโต๊ะที่มีลิ้นชักให้เท่านั้นนะ ไม่ได้กระจกเงาติดผนังนะคะ แต่แนะนำให้ซื้อติดเหมือนในห้องตัวอย่างเลย มันดีมากกว่ากระจกตั้งโต๊ะตรงที่เช็คการแต่งกายได้เต็มตัวมากขึ้น และยังช่วยหลอกตาให้ห้องดูใหญ่มากขึ้นได้ด้วยนะ
ถัดมาที่ห้องครัว ส่วนนี้ก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดประตูได้กว้างมากขึ้นได้
พื้นห้องครัวปรับให้เป็นแกรนิตโต้แทน เพื่อจะได้ทำความสะอาดและดูแลรักษาได้ดีมากขึ้น ส่วนความกว้างทางเดินอยู่ที่ประมาณ 70 ซม. เป็นระยะที่เดินได้คนเดียวกำลังดี แต่จะติดเวลาเปิดบานเปิดเล็กน้อย
เรามาดูชุดครัวกันต่อนะคะ ด้านข้างชุดครัวตรงนี้จะเว้นว่างไว้สำหรับวางตู้เย็นนะ ขนาดที่พอดีก็จะอยู่ที่ประมาณ 7.4 คิวบิกฟุต
เคาน์เตอร์ครัวที่นี่ได้ท็อปเป็น Particle เคลือบเมลามีนนะคะ ส่วนบานเปิดทั้งหมดปิดผิวด้วยลามิเนตมาตรฐาน
Sink เป็นหลุมเดียวจาก Teka
Hob เป็นเตา 2 หัวจาก Teka ส่วน Hood ให้เป็นระบบหมุนเวียนจาก Teka เช่นกันค่ะ ส่วน Back Splash ที่นี่ไม่ได้ให้มานะคะ แนะนำให้กรุกระจกหรือกระเบื้องเพิ่มนะ จะได้เหมาะกับการทำความสะอาดมากขึ้น ไม่เลอะผนังด้วยค่ะ งบในการกรุไม่แพงมาก หลักพันก็ทำได้แล้ว เผลอๆ จะซื้อกระเบื้องมากรุกันเองก็ได้ไม่ต้องพึ่งช่าง
มองขึ้นไปที่ชั้นเก็บของด้านบนมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟให้ด้วยนะ
ถัดมาที่ระเบียงกั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนเช่นเดิม
ส่วนระเบียงซักล้างห้องนี้จะต้องแบ่งพื้นที่ให้วางเครื่องซักผ้าด้วยนะคะ ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับใช้งานจริงๆ ไม่มากนัก
รูปแบบการวาง CDU จะเป็นแบบเป่าลมร้อนเข้าระเบียงนะ ถ้าไม่อยากให้ห้องหรือพื้นที่ส่วนนี้ร้อน ควรติดตั้งกริลล์เบี่ยงทิศทางลมเพิ่มเติมค่ะ
มาดูภายในห้องน้ำกันต่อนะคะ ภายในแยกโซนเปียกและแห้งออกชัดเจนด้วยฉากกั้นกระจกที่จะได้เป็นมาตรฐานเลย ส่วนโซนแห้งมีการกรุกระจกเงาขนาดใหญ่ให้ด้วยค่ะ ซึ่งในห้องมาตรฐานจะได้เหมือนในห้องน้ำของห้องตัวอย่างทั้งหมด
สุขภัณฑ์ที่ได้เกรดมาตรฐานทั่วไปนะ ไม่ได้หวือหวา ก็เป็นไปตามราคาระดับ Economy นะคะ เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก อ่างล้างมือก็จะให้เป็นลอยตัวติดผนัง
โถสุขภัณฑ์ก็จะเป็นแบบ 2 ชิ้น ขนาดกลางๆ จาก Cotto
ส่วนพื้นที่อาบน้ำนอกจากกั้นด้วยฉากกั้นกระจกแล้วก็ทำธรณียกให้เล็กน้อยกันน้ำไหลย้อนนะคะ ส่วนขนาดภายในห้องน้ำจะอยู่ประมาณ 0.8 x 1 ม.
ฝักบัวที่ได้เป็นแบบสายอ่อน (Hand Shower) จาก Hafele ค่ะ
สำหรับห้องถัดไปที่เราจะพามาดูคือห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 30 ตร.ม. ที่เราได้เกริ่นไปว่ามีจุดเด่นคือมีห้องอเนกประสงค์ติดระเบียงภายนอก จัดฟังก์ชันเพิ่มได้เช่นเป็นห้องทำงานที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น ส่วนครัวก็จะถูกดันออกมาเป็นครัวเปิดขนาดกะทัดรัดแทนนะคะ ดังนั้นห้องนี้จะไม่ได้เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารหนักมากนักนะ แต่เน้นได้ฟังก์ชันใช้งานเพิ่มเติมแทน
และถ้าใครเคยติดตามโครงการ Origin อยู่แล้ว แปลนนี้จะเหมือนกับรุ่น Knightsbridge แบรนด์ระดับบนๆ ของ Origin ยุค 2 ปีที่แล้วที่ตีตลาดความสูงฝ้าเพดาน 3 ม. นั่นเองค่ะ แต่อันนี้จะต่างหน่อยตรงฝ้าเพดานที่สูงอยู่ที่ 2.6 ม. แทนนะ
เข้ามาภายในบรรยากาศจะโปร่งโล่งกว่าห้อง 25 ตร.ม. ค่อนข้างชัดเจนเลย เพราะพื้นที่ที่มากขึ้นของห้องนี้มาขยายหน้ากว้างของห้องนั่นเองค่ะ ทำให้ห้องนี้มีหน้ากว้างที่มากกว่า ซึ่งการที่ได้ห้องรูปแบบที่กว้างมากขึ้นส่งผลมากๆ ในเรื่องของความโปร่งโล่ง เพราะแสงเข้าได้มากขึ้น เป็นส่วนสำคัญ พอๆ กับเนื้อที่ที่มากขึ้นนะ
สำหรับพื้นที่นั่งเล่นจะได้ชุด Built-in ตู้เสื้อผ้า Spec เดียวกับห้องที่แล้วเลยค่ะ
ส่วนพื้นที่ตรงนี้จะมีความลึกมากกว่าห้องที่แล้ว ทำให้ได้พื้นที่รับประทานอาหารที่มากขึ้น ซึ่งห้องนี้ทางโครงการเลยให้ชุด Built-in ส่วนนี้มาเพิ่มด้วยนะคะ ประกอบด้วยโต๊ะกินข้าวแบบพับได้ ตู้เก็บของด้านบน และมีเว้นช่องว่างไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาด 7.4 คิวบิกฟุตได้กำลังดี
ส่วนบริเวณโซฟามีทางเลือกเดียวในการแต่งห้องคือวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งนะคะ
เข้ามาในห้องนอนที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนเช่นเดิม ภายในจัดฟังก์ชันเหมือนเดิมกับห้องที่แล้วนะคะ โดยมีตู้เสื้อผ้าบานเปิดและเตียงนอนที่ฝั่งนึงติดกับหน้าต่างภายนอก
ซึ่งขนาดห้องนอนของห้องนี้จะพอๆ กับห้องที่แล้วเลยค่ะ
ถัดมาในส่วนครัวจะเป็นครัวเปิดแล้วนะคะ ขนาดกะทัดรัดลงมาด้วย แต่ Spec ต่างๆ เหมือนเดิมหมด เพิ่มเติมคือด้านล่างครึ่งนึงแบ่งให้เป็นที่วางเครื่องซักผ้าขนาด 8 Kg กำลังพอดีๆ
ส่วนห้องอเนกประสงค์กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน
ขนาดห้องอเนกประสงค์นี้อยู่ที่ประมาณ 1.85 x 1.9 ม. ซึ่งก็จะจัดเป็นห้องทำงานได้กำลังดีนะคะ แต่ถ้าใครจะปรับให้เป็นเตียงนอนเพื่อเพิ่มห้องนอนอีกห้องแนะนำให้เลือกห้อง 34 ตร.ม. แทน แบบแปลนจะเหมือนกันแค่ห้องอเนกประสงค์ที่ใหญ่มากขึ้นสามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้
บรรยากาศภายในห้องนี้โอเคเลยนะ เหมาะกับการทำเป็นห้องทำงาน หรือห้องพักผ่อนเลย เพราะได้วิวภายนอกด้วยค่ะ
ส่วนระเบียงห้องนี้จะสามารถใช้งานได้มากกว่าห้องที่แล้วพอสมควรเลยนะคะ เพราะไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าตรงนี้แล้ว
หันกลับมาดูห้องน้ำในห้องนี้การจัดวางและสเป็คเหมือนกับห้อง 25 ตร.ม.เลยนะคะ แต่สิ่งที่ได้เพิ่มเติม เฉพาะห้อง 30, 34 ตร.ม. คือ Smart Mirror ที่เป็นสเป็คเดียวกับ Park Origin เลย
เนื่องจากที่ Sale Gallery ยังไม่ได้มีการติดตั้ง Smart Mirror ให้ดูกันนะคะ เราเลยขอเอารูปจาก Park Origin มาให้ดูเพื่ออธิบายให้ทุกคนเห็นภาพและรู้จัก Smart Mirror กันมากขึ้น โดยลักษณะของ Smart Mirror นี้ก็จะเป็นกระจกแบบ Touch Screen ได้และใช้งานได้เหมือนกับ Tablet ทั้งหมด (ระบบปฏิบัติการ Andriod) สามารถโหลดแอพอย่าง Youtube, Netflix เพื่อฟังเพลงและดูหนังได้นั่นเอง
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย The origin ram 209 Interchange @ 04 June 2019
- ราคาเริ่มต้น 1.49 ล้านบาท (และโปรโมชั่นเฉพาะวันงาน Pre-Sale ได้ส่วนลด 200,000 บาท ทำให้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.29 ล้านบาท)
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการต่อตารางเมตรอยู่ที่ 65,900 บาท (เนื่องจากเรายังไม่ได้ราคามาอย่างเป็นทางการนะคะ หากคุณผู้อ่านสนใจจะซื้อห้องขนาดไหนให้เอาพื้นที่ใช้สอยลองคูณกับราคาเฉลี่ย/ตร.ม. 65,900 บาท ดูก่อนนะคะ เพื่อสำรวจราคาเบื้องต้นก่อนตัดสินใจค่ะ)
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
- Kitchen & Sink / ท๊อป Particle เคลือบเมลามีน
- Hob & Hood / ของยี่ห้อง Teka
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล : โครงการ The Origin Ram209 Interchange เรียกได้ว่าเป็นการบุกเบิกทำเลใหม่สำหรับการทำคอนโดเลยก็ว่าได้นะคะ โดยเฉพาะรูปแบบคอนโด High Rise ในย่านนี้ที่ยังไม่มีใครเคยลองเปิดตลาดมากก่อน ซึ่งทาง Origin ก็ได้เปิดแบรนด์ใหม่อย่าง The Origin มาลองตลาดนี้ ในราคาที่ไม่แรง สามารถหยิบจับได้ง่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 65,900 บาท/ตร.ม.
บรรยากาศของทำเลนี้ปัจจุบันยังเป็นทำเลของโครงการแนวราบนะคะ เพราะยังมีพื้นที่ดินว่างที่สามารถพัฒนาได้อยู่ แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นแนวราบใหม่นั้นก็จะอยู่ในซอยดังต่างๆ มากกว่า เช่น ซอยมิสทีน (ราษฎร์พัฒนา) หากจะเป็นแนวราบที่ติดถนนใหญ่นั้นยังไม่ค่อยเห็นมาเปิดใหม่เท่าไหร่ แต่เชื่อว่าราคาน่าจะขยับไปพอสมควรเลยเนื่องจากการมาของรถไฟฟ้าที่พอเห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ซึ่งหากใครที่ต้องการทำเลติดถนนใหญ่ (รามคำแหง) ใกล้รถไฟฟ้าในอนาคตเลย ในราคาหลัก 1-2 ล้านบาทยังหยิบจับได้ ก็มีตัวเลือกไม่มาก หนึ่งในนั้นก็คือโครงการ The origin ram 209 Interchange นี้เองค่ะ เพราะในราคาที่ใกล้เคียงกัน (2-3 ล้านบาท) ของโซนนี้ถ้าเทียบกับแนวราบก็จะเป็นทาวน์โฮมขนาดเล็กในซอยย่อยลึกเข้าไปหลายร้อยเมตรถึงหลักกิโลเหมือนกันนะ
การเดินทางโดยใช้รถ : สำหรับการใช้รถปัจจุบันยังจำเป็นมากของคนที่อาศัยในทำเลนี้ ถือว่าสะดวกสุดแล้วค่ะ โดยทำเลนี้การเดินทางจะเหมาะกับการวิ่งออกนอกเมืองมากกว่า เช่น วิ่งไปแถวร่มเกล้า – สุวรรณภูมิ สำหรับคนที่ทำงานย่านอุตสาหกรรมลาดกระบัง หรือทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่อยากได้คอนโด High Rise ใกล้รถไฟฟ้าด้วย ในระยะที่ใกล้ๆ ที่ทำงานเราว่าโครงการนี้น่าจะตอบโจทย์สุดนะคะ เพราะถ้าใกล้โซนร่มเกล้า – สุวรรณภูมิ มากกว่านี้จะถูกจำกัดความสูงของอาคารแล้ว
และนอกจากคนทำงานในย่าน ร่มเกล้า – สุวรรณภูมิ แล้วอีกกลุ่มที่เหมาะคือคนที่เน้นวิ่งไปทางสุวินทวงศ์ – ฉะเชิงเทรา หรือแถวย่านมีนบุรีใกล้ๆ ค่ะ ส่วนการใช้ทางด่วนนั้นใกล้สุดก็จะเป็นถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก)
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : เรียกได้ว่าเหตุผลหลักที่ทาง Origin เลือกมาตั้งโครงการตรงนี้เลยนะคะ เพราะต้องการให้อยู่ติดกับสถานี มีนบุรี ซึ่งเป็นสถานี Interchange ระหว่างสายสีชมพู+สายสีส้ม โดยกำหนดการณ์แล้วถ้าไม่มีการเลื่อนอะไรโครงการจะเสร็จพร้อมๆ กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูค่ะ และรออีก 2-3 ปีหลังจากโครงการสร้างเสร็จก็จะได้ใช้ทั้งสายสีชมพูแและสีส้มเลย ซึ่งหากสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เรียกว่าการเดินทางโดยไม่ใช้รถจะสะดวกมากสุดแล้ว
วัสดุ : สำหรับโครงการนี้เรามองว่าวัสดุที่ได้ค่อนข้างโอเคนะ สำหรับราคาที่จ่ายไป โดยรูปแบบการขายจะเป็น Fully Fitted สิ่งที่ได้จะมี Furniture Built-in (ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวางทีวี, ฐานเตียง, เคาน์เตอร์ครัว) และห้องน้ำพร้อมสุขภัณฑ์ พื้นจะเป็นลามิเนตและแกรนิตโต พร้อมกับฝ้าเพดานสูง 2.6 ม. ค่ะ มีพิเศษขึ้นมาหน่อยก็จะมี Home Automation มาให้ และเฉพาะห้อง 30, 34 ตร.ม. จะได้กระจกในห้องน้ำเป็น Smart Miror สเป็คเดียวกับแบรนด์บนสุดของ Origin อย่าง Park Origin เลย
การออกแบบ : ในด้านการออกแบบของโครงการ The origin ram 209 Interchange เราจะขอเทียบกับเพื่อนบ้านโดยรอบเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นนะคะ เพราะด้วยรูปแบบจริงๆ แล้วการออกแบบคือเป็นไปตามราคานะ ไม่ได้หวือหวามาก แต่สวยสมราคา แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านเรามองว่ามีหลายข้อที่โดดเด่น อย่างแรกคือ รูปแบบ High Rise ที่ยังไม่มีในย่านนี้ ใครอยากได้วิวมุมสูงมากกว่า 8 ชั้น (Low Rise) โครงการนี้ตอบโจทย์ อีกข้อคือ Facilities ยกขึ้นไปชั้นบน (ชั้น 27) และจัดมาหลากหลาย
และเมื่อพูดข้อดีแล้วก็ขอพูดถึงสิ่งที่ต้องคำนึงเช่นกันนะ ด้วยความที่โครงการนี้ทำราคาออกมาไม่แพงมาก จะขายให้คุ้มค่าก็จัดจำนวนห้องมาค่อนข้างเยอะอยู่ที่ 1,007 ยูนิต ซึ่งก็จะมีเพื่อนบ้านร่วมโครงการเยอะหน่อย อัตราส่วนลิฟต์จะอยู่ที่ประมาณ 252 : 1 และยูนิตต่อชั้นมากสุดคือ 38 ยูนิต
รูปแบบของห้องพักอาศัยเน้นขนาดกะทัดรัดนะคะ ตั้งแต่ 22-34 ตร.ม. ไม่มีทำห้อง 2 Bedroom แต่มากสุดจะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่ห้องอเนกประสงค์จะปรับเป็นห้องนอนเล็กก็ได้อยู่ค่ะ และถึงขนาดห้องจะมีไม่มากแต่ Type ห้องที่นี่เราว่าจัดมาหลากหลายอยู่นะ ส่วนใหญ่เป็นแบบเดียวกันกับห้องของแบรนด์ Knightsbridge รุ่นก่อนเลย ซึ่งก็ค่อนข้างลงตัวนะคะ ถ้าถามความชอบของเรา เราค่อนข้างชอบห้อง 25 ตร.ม.มากสุด ด้วยฟังก์ชันที่ค่อนข้างลงตัวเป็นสัดส่วน และอีกห้องที่น่าสนใจแต่เสียดายว่าวันเข้าโครงการทางโครงการกำลังเก็บงานอยู่เลยไม่ได้เข้าไปดูคือห้องขนาด 25 ตร.ม. แบบ Smart Closet ความน่าสนใจคือการที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่แต่งตัวมากๆ มี Walk-in Closet เป็นสัดส่วนเลย อันนี้น่าจะตอบโจทย์กับสาวๆ ที่ชอบแต่งตัวนะคะ
สาธารณูปโภค : สำหรับ Facilities เรามองว่าที่ The origin ram 209 Interchange ทำออกมาน่าสนใจ และค่อนข้างโดดเด่นกว่าเพื่อนบ้าน เพราะมีหลากหลายทั้งชั้นล่างที่แยกโซน Lobby ลูกบ้านและ Visitor ออกจากกัน มีพื้นที่สวนหลายจุดทั้งระหว่างอาคารพักอาศัยและอาคารจอดรถ ด้านหลังโครงการที่ติดกับคลอง รวมไปถึงชั้นดาดฟ้าของทั้ง 2 อาคารด้วย
สุดท้ายคือ Facilities ในชั้น 27 ซึ่งก็ให้มายก Floor ขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ เพื่อให้เพียงพอกับการใช้งานของลูกบ้านพันยูนิตค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 65,900 บาท/ตร.ม.,04 June 2019
- ทำเล 7.5/10 – ความอุดมสมบูรณ์ใกล้ในระยะขับรถง่าย ปัจจุบันความคึกคักจะอยู่โซนมีนบุรีขยับออกไปอีกหน่อย
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวกติดถนนใหญ่ วิ่งออกนอกเมือง และโซนมีนบุรีได้สะดวก ได้ที่จอดรถ 33%
- ไม่ใช้รถ
- รถไฟฟ้ายังไม่เสร็จ 7/10 – ติดถนนใหญ่เลยเรียกรถสาธารณะต่างๆ ได้ไม่ยากมาก
- รถไฟฟ้าสร้างเสร็จทั้ง 2 สาย 9/10 – รถไฟฟ้าอยู่ใกล้โครงการ และสามารถเลือกใช้รถไฟฟ้าได้ทั้ง 2 เส้นทาง (ส่วนระยะเดินถึงบันไดขึ้น-ลงสถานียังไม่แน่นอนหากติดกับโครงการจริงจะให้คะแนนเต็มค่ะ)
- ECONOMY CLASS
- รถไฟฟ้ายังไม่เสร็จ 7.7 / 10.00
- รถไฟฟ้าสร้างเสร็จทั้ง 2 สาย 8.0 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ The Origin Ram209 Interchange เหมาะกับกลุ่มคนที่มองหาคอนโด High Rise ในย่านมีนบุรี ตั้งใจจะใช้รถไฟฟ้าทั้ง 2 สายในอนาคต ชอบวิวมุมสูง และ Facilities ที่หลากหลาย ในราคาที่หยิบจับได้ง่าย ไม่แรงจนเกินงบประมาณ