รีวิวฉบับที่ 2,003 … เอาใจฝั่งบางแคกันบ้าง กับ The LIVIN เพชรเกษม คอนโด High Rise 2 อาคาร บนถนนเพชรเกษม ห่างจาก MRT ภาษีเจริญและ SEACON บางแค เพียง 260 เมตร ภายในมีร้านค้ามาให้หลายร้าน และจัดพื้นที่ส่วนกลางมาแบบแน่นเอียดแถมยังเปิดให้ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง พร้อมห้องพักอาศัยหลากหลายรูปแบบ ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.9 ล้านบาท เริ่มจะอยากรู้กันแล้วสินะครับ ตามผมเข้าไปดูรายละเอียดภายในกันเลย
Fact @ 28 November 2019
- The Livin Phetkasem (เดอะ ลิฟวิ่น เพชรเกษม)
- RISLAND Thailand
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ
- ที่ดินประมาณ 9-8 ไร่
- คอนโด High Rise 32, 33 ชั้น 2 อาคาร 2,167 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต
- อาคาร A 1,140 ยูนิต
- อาคาร B 1,027 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 34 ยูนิตที่อาคาร A
- ที่จอดรถประมาณ 904 คัน คิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- เริ่มก่อสร้าง : Q1 2020
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q1 2023
- Studio 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท
- 1 Bedroom 28,32 และ 38 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 45 และ 55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 78,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- โทร : 02-026-6888
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด Google Maps : 13.712434, 100.431081
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ The Livin Phetkasem ครับ
“ถนนเพชรเกษม” เป็นทำเลที่อยู่ระหว่างทางเข้าเมืองกรุงเทพชั้นในกับจังหวัดนครปฐม ซึ่งถ้าพูดถึงหลายๆคนคงจะนึกถึงทำเลของที่อยู่อาศัยแนวราบ อาคารพาณิชย์ และชุมชนดั้งเดิม จุดเปลี่ยนที่สำคัญของทำเลนี้คือการมาของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ส่งผลให้เริ่มมีการสร้างคอนโดเกาะตามแนวรถไฟฟ้าทั้ง Low Rise และ High Rise มีการพัฒนาโดยรอบพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีคนย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กันมากขึ้น เป็นกลุ่มคนที่ทำงานในละแวกใกล้เคียงหรือต้องการคอนโดไม่ไกลจากรถไฟฟ้าที่ออกนอกเมืองมาหน่อย ราคาไม่สูงเท่าคอนโดในเมืองแต่ยังได้ความสะดวกสบายอยู่
ตัวโครงการ The Livin Phetkasem จะอยู่ติดถนนใหญ่เพชรเกษมเลย ใกล้กับซอยเพชรเกษม 37 ถนนเส้นนี้เป็นถนนสายหลักของคนย่านฝั่งธนฯ เดิมทีส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบบ้านและชุมชนดั่งเดิมในพื้นที่ และมีอาคารพาณิชย์อยู่ตามแนวริมถนนเพชรเกษมต่อเนื่องยาวๆไปจนถึงนครปฐม และการมาของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินช่วง หัวลำโพง – หลักสอง ก็ทำให้ทำเลนี้เข้าถึงได้ง่าย ทำให้เกิดคอนโดมิเนียมสร้างตามแนวรถไฟฟ้าในทำเลนี้กันให้เห็นทุกสถานีเลยก็ว่าได้ และการมีคนย้ายเข้ามาอยู่มากขึ้น ก็ส่งผลให้บริเวณโดยรอบพื้นที่ก็มีความเจริญมากขึ้นกว่าเดิม การจราจรจึงหนาแน่นขึ้นตามไปด้วย
การเดินทางเข้าออกเมืองทำได้ไม่ยาก สามารถใช้เส้นทางได้ทั้ง ใช้ถนนเพชรเกษมตรงไปออก ถนนราชพฤกษ์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ หรือออกไปวงเวียนใหญ่เชื่อมไปออกสาทรได้ ส่วนถ้าจะใช้เส้นพุทธมณฑลสาย 1, 2 ก็สามารถไปออกถนนบรมราชชนนีได้ ส่วนเส้นกาญจนาภิเษกก็ใช้ยิงยาวไปฝั่งบางใหญ่หรือพระราม 2 ได้ หรือมาออกเส้นกัลปพฤกษ์ไปออกสาทร สีลมได้ ถ้าจะขึ้นทางด่วนจะต้องไปขึ้นที่ทางด่วนแถวพระราม 2 ซึ่งอาจจะไกลหน่อย
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย เป็นสายที่เปิดให้บริการกันแล้ว ช่วงรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ปัจจุบันมีระยะทางรวมราว 35 กิโลเมตร เส้นทางเริ่มต้นจากสถานีหลักสอง สิ้นสุดที่สถานีเตาปูน รวม 30 สถานี ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่าย เพราะเป็นสายที่สามารถเดินทางเข้าไปยัง วัดมังกร (เยาวราช) หัวลำโพง สีลม อโศก ไปจนถึงหมอชิตได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนขบวน ซึ่งตัวสถานีที่ใกล้เราที่สุดคือสถานีภาษีเจริญ ห่างจากตัวโครงการประมาณ 260 เมตร ครับ
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถประเภทอื่นๆ… เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ จึงเดินออกมาเรียกรถโดยสารได้ง่าย เดินออกมาหน้าโครงการก็เรียกได้เลย มีรถแท็กซี่ รถประจำทางและวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการผ่านไปมาอยู่ตลอด
ที่ตั้งของโครงการ The Livin เพชรเกษม อยู่บนถนนเพชรเกษมใกล้กับซอยเพชรเกษม 37 สำหรับความอุดมสมบูรณ์ย่านนี้ส่วนใหญ่จะสังเกตได้ว่าเกาะกลุ่มอยู่บนถนนเพชรเกษมเป็นหลัก ซึ่งของโครงการเราจะมี SEACON บางแค ที่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่อยู่ในระยะเดินประมาณ 230 เมตร นอกจากนั้นตามแนวถนนก็มีร้านค้าร้านอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวสองข้างทาง มีตลาดบางแคสำหรับซื้อ-ขายของสดและของแห้ง ส่วนห่างออกไปหน่อยก็จะมี The Mall บางแค, Tesco Lotus, Big C ถือว่ามีสถานที่ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยกันไม่น้อยเลยครับ นอกจากแหล่งซื้อของกินแล้วยังมีสถานศึกษาอย่าง ม.สยาม, โรงเรียนผดุงกิจวิทยา, วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม, ม.ราชภัฏบ้าน สมเด็จเจ้าพระยา, ม.ราชภัฏธนบุรี เป็นต้น และสถานพยาบาลอีกหลายหลาย เช่น รพ.เพชรเกษม2, รพ.พญาไท3, รพ.สัตว์บางกอก, รพ.บางไผ่, รพ.อินเตอร์เมด เป็นต้น
วันนี้เรามาเดินทางไปโครงการ The Livin Phetkasem ด้วย หนึ่งในเส้นทางที่สะดวกที่สุดกันครับ โดยรถไฟฟ้า MRT สถานีภาษีเจริญนั่นเอง ซึ่งมีข้อดีที่เป็นสถานีที่มีตำแหน่งติดกับ SEACON บางแค ทั้งยังอยู่ฝั่งเดียวกันกับโครงการเราอีก จึงทำให้สามารถลงรถไฟฟ้า แวะซื้อของกินของใช้ก่อนเข้าบ้านได้ง่ายๆเลย โดยจะมีระยะทางประมาณ 260 เมตร เป็นระยะเดินที่สามารถใช้งานได้สบายๆครับ อีกทั้งระหว่างทางก็มีทางเดินค่อนข้างกว้าง เดินสบาย มีร้านค้าร้านอาหารตามทาง ไม่เปลี่ยวครับ
เริ่มต้นที่สถานีภาษีเจริญ เป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สามารถเข้าเมืองไปสีลม อโศก ได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนสายที่ไหนทั้งสิ้น
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
มาดูพื้นที่รอบๆโครงการกันบ้างครับ โครงการของเราตั้งอยู่บนพื้นที่ 9 ไร่กว่าๆ มีลักษณะเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเข้าไปจากถนนเพชรเกษมจนถึงคลองภาษีเจริญ พื้นที่รอบๆในระยะประชิดจะเป็นพื้นที่พักอาศัยแนวราบทั้งหมด ภายในโครงการแยกออกเป็น 2 อาคาร รับวิวฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเป็นหลัก
- ทิศเหนือ – ติดกับถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นทางเข้าออกโครงการ ข้ามฝั่งถนนไปจะมีอาคารสูง 2 อาคาร ที่กำลังจะขึ้นคือ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ และ The Parkland เพชรเกษม 56 ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ทั้ง 2 โครงการ แต่ตัวอาคารของเราจะมีระยะร่นจากถนนเพชรเกษมเข้าไปประมาณ 100 เมตร ทำให้เสียงและฝุ่นจากถนนใหญ่และรางรถไฟฟ้าไม่มีผลกับห้องพักอาศัยนัก อีกทั้งยังไม่ใช่ทิศวิวหลักของห้องพักอาศัยด้วย มีห้องมุมของอาคาร A ที่จะได้วิวฝั่งนี้เพียง 2 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น อาคารสูงฝั่งตรงข้ามจึงไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก
- ทิศตะวันออก – ฝั่งนี้เป็นทิศวิวหลักของห้องพักอาศัย ห้องส่วนใหญ่จะมองที่ฝั่งนี้ จะมองเห็นบ้านพักอาศัยแนวราบเป็นส่วนใหญ่ มีอาคารสูงให้เห็นก็มี อาคารพักอาศัย 5 ชั้น ที่อยู่ติดกับพื้นที่โครงการ แต่มีถนนทางเข้าออกโครงการอยู่ระหว่างกลาง และอาคารพักอาศัยของอาคาร A เริ่มต้นที่ชั้น 4 ส่วนของอาคาร B จะเริ่มที่ชั้น 10 จึงไม่มีผลมากนัก ส่วนติดถนนเพชรเกษมจะมี รพ.เพชรเกษม 2 สูง ประมาณ 6 ชั้น แต่ไม่ตรงกับแนวอาคารพักอาศัย และถ้าห่างออกไปหน่อยจะมี SEACON บางแค ให้เห็นไกลๆ โดยรวมแล้วจัดว่าเป็นฝั่งที่ค่อนข้างโล่งครับ
- ทิศใต้ – ติดกับคลองภาษีเจริญ และบ้านพักอาศัยแนวราบ ทิศนี้จะไม่ใช่ทิศวิวหลักของห้องพักอาศัย จัดเป็นฝั่งที่ค่อนข้างโล่งนะ แต่จะมีห้องพักอาศัยของอาคาร B เพียงชั้นละ 2 ยูนิต ที่ได้วิวฝั่งนี้
- ทิศตะวันตก – เป็นทิศวิวหลักอีกฝั่งนึงของห้องพักอาศัย ซึ่งจะได้วิวค่อนข้างโล่ง จะมี Honda AT สูงประมาณ 4 ชั้น ที่ติดกับถนนเพชรเกษมทางฝั่งทางเข้าโครงการ แต่ไม่อยู่ตรงแนวอาคารพักอาศัยโดยตรง จึงไม่ส่งผลอะไรมากนัก นอกจากนั้นก็มี เดอะโมนาเวล คอนโด สูง 8 ชั้น, ธีรวรรณ อพาร์ทเม้นท์ สูง 8 ชั้น และ I Condo สูง 8 ชั้นเช่นกัน ที่อยู่ฝั่งนี้ แต่ก็มีระยะห่างพอสมควร และห้องพักอาศัยของอาคาร B ก็เริ่มต้นที่ชั้น 10 ด้วย
ฝั่ง Seacon บางแค เราเห็นกันมาแล้วตอนที่ผมพาเดินมา ทีนี้เราไปดูพื้นที่รอบๆโครงการอีกฝั่งกันบ้างนะครับ ทางฝั่งมุ่งหน้าไปยัง MRT บางแค
ติดกับตัวโครงการเลยจะเป็นศูนย์ AT Honda ที่สูงประมาณ 4-5 ชั้น ส่วนนี้จะอยู่ติดถนนเพชรเกษมเลย ซึ่งจะมีระนาบเดียวกันกับหน้าทางเข้าออกโครงการ ซึ่งตัวอาคาร A ซึ่งเป็นอาคารแรกของเรามีระยะ Set Back เข้าไปภายในพื้นที่โครงการประมาณ 100 เมตร ทำให้ไม่มีผลกระทบเรื่องมุมมองเท่าไหร่ครับ
ด้านข้างจะมีสะพานลอยให้สามารถใช้เดินข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ เป็นสะพานลอยแบบไม่มี Cover Way บังแดดบังฝนให้ สำหรับใครที่ใช้บ่อยแนะนำให้พกร่มไว้ด้วยก็ดีครับ
ตรงนี้จะมีจุดกลับรถให้ด้วย สำหรับทั้งสองฝั่งเลยครับ ตรงนี้จะมีระยะจากหน้าโครงการประมาณ 50 เมตร ซึ่งถ้าออกมาอาจจะต้องเบี่ยงเข้าเลนขวาเร็วหน่อย หรือถ้าจะเอาปลอดภัยเลย ก็เลยไปอีกประมาณ 250 เมตร ก็จะมีจุดกลับรถอีกจุดหนึ่งครับ
เดินต่อมาจะมีพื้นที่ทางเดินค่อนข้างกว้าง เหมือนกับที่ผมพาเดินมาจาก MRT ภาษีเจริญเลยครับ
ด้านข้างจะมีซอยเล็กๆ ซึ่งจะเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยวภายใน
ถัดมาอีกนิดเดียวก็จะพบกับป้ายรถประจำทางครับ มีที่นั่งแบบมีหลังคากันแดดกันฝนให้เรียบร้อยเลย
ด้านหลังเป็นอาคาร Sammitr เป็นบริษัทเกี่ยวกับพลังงานทางเลือกครับ
เดินต่อไปอีกหน่อยจะเจอกับปั๊มน้ำมัน Esso ครับ ภายในมี Family Mart ให้บริการด้วย
เดินย้อนกลับมาที่ฝั่งตรงข้ามโครงการ จะมีแนวรถไฟฟ้าที่สูงประมาณ 5 ชั้น ซึ่งอาคารแรกของเรามีระยะ Set Back เข้าไปภายในพื้นที่โครงการประมาณ 100 เมตร ทำให้ไม่มีผลกระทบเรื่องมุมมองเท่าไหร่ครับ
ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นศูนย์ Toyota ครับ
หลังจากดูรอบๆแล้ว เราลองเดินเข้าไปดูพื้นที่ภายในโครงการกันบ้างครับ ด้านหน้าจะเป็นถนนทางเข้าออกโครงการ ยาวเข้าไปภายในประมาณ 100 เมตร
ด้านข้างจะมีอาคารสูงประมาณ 3 ชั้น แต่ไม่มีผลกับวิวของห้องพักอาศัยครับ
ภายในจะเป็นอู่รถเก่า ซึ่งในอนาคตจะถูกรื้อออกทั้งหมดนะ
ด้านข้างจะมีอาคาร 4 ชั้น ครับ อาคารนี้จะเริ่มมีผลกับมุมมองของห้องพักอาศัยเล็กน้อย เพราะเริ่มจะมีตำแหน่งใกล้กับอาคารพักอาศัยแล้ว แต่ตัวห้องพักอาศัยก็เริ่มต้นที่ชั้น 4 จึงทำให้มีความสูงพอๆ กัน และไม่ได้ตรงแนวอาคารซะทีเดียว จึงยังไม่ได้ส่งผลมากนัก
ส่วนพื้นที่ด้านในของโครงการทางฝั่งทิศใต้จะค่อนข้างโล่ง แต่ฝั่งทางทิศตะวันออกจะมีอาคาร 5 ชั้น และทิศตะวันตกจะมีอาคารธีรวรรณ อพาร์ทเม้นท์ 8 ชั้น ครับ
มุมมองทางทิศเหนือจากชั้นดาดฟ้า (ประมาณชั้น 33) – ด้วยความที่เป็นเลน Wide ภาพเลยจะโค้งๆนิดนึงนะครับ วิวฝั่งนี้ในปัจจุบันจะยังโล่งอยู่ครับ แต่ในอนาคตจะมีโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ และ The Parkland เพชรเกษม 56 ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ทั้ง 2 โครงการเลย แต่ทิศนี้ไม่ได้เป็นทิศหลักของห้องพักอาศัยภายใน (เพียง 2 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น) อีกทั้งตัวอาคารของเรามีระยะร่นจากถนนเพชรเกษมเข้าไปประมาณ 100 เมตร ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องมุมมองมากนัก
มุมมองทางทิศตะวันออกจากชั้นดาดฟ้า (ประมาณชั้น 33) – ฝั่งนี้จะเป็นวิวหลักของโครงการ ซึ่งที่จะเห็นชัดๆก็จะเป็น SEACON บางแค และค่อนข้างคึกคัก
มุมมองทางทิศใต้จากชั้นดาดฟ้า (ประมาณชั้น 33) – เป็นฝั่งที่เรียกว่าโล่งที่สุดก็ว่าได้ แต่ฝั่งนี้ไม่ได้เป็นวิวหลักของโครงการ มีห้องพักอาศัยที่หันไปทางฝั่งนี้เพียง 2 ยูนิต / ชั้น เท่านั้น
มุมมองทางทิศตะวันตกจากชั้นดาดฟ้า (ประมาณชั้น 33) – เป็นอีกฝั่งที่เป็นวิวหลักของโครงการนะครับ ฝั่งนี้จะเห็นแนวรถไฟฟ้าเช่นกันกับทิศตะวันออก จะมีอาคาร Low Rise 8 ชั้นให้เห็นกันหนาตากว่าทางฝั่งทิศตะวันออก แต่ก็มีแนวบ้านพักอาศัยแนวราบมากกว่าเช่นกัน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- รพ. เพชรเกษม 2 ~ 80 เมตร
- ซีคอน บางแค ~ 230 เมตร
- MRT ภาษีเจริญ ~ 260 เมตร
- ตลาดบางแค ~ 1.4 กิโลเมตร
- Tesco Lotus บางแค ~ 2.2 กิโลเมตร
- ม. สยาม ~ 2.6 กิโลเมตร
- เดอะมอลล์ บางแค ~ 3.8 กิโลเมตร
- รพ. เกษมราษฎร์ บางแค ~ 4.2 กิโลเมตร
- บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ~ 4.9 กิโลเมตร
- ตลาดสาย 2 ~ 5.4 กิโลเมตร
มาดูภายในโครงการ The Livin Phetkasem กันบ้าง โครงการของเราเป็นอาคาร High Rise 2 อาคาร ที่วางตามแนวพื้นที่ยาวเข้าไปด้านใน อาคาร A 33 และ อาคาร B 32 ชั้น ตามลำดับ มีทั้งหมด 2,167 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต จัดเป็นคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ หลัก 2 พันยูนิตขึ้นไป แยกส่วนพักอาศัยเป็น 2 อาคาร เพื่อกระจายให้แต่ละอาคารมีจำนวนยูนิตไม่หนาแน่นจนเกินไป จัดพื้นที่ภายในโครงการแบ่งเป็นส่วนจอดรถ, ส่วนที่พักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลาง แยกกันอย่างชัดเจน เน้นออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้อยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร 2 อาคาร เพื่อให้ลูกบ้านสามารถมาใช้งานร่วมกันได้ง่าย โครงการมีทางเข้า-ออกหลักอยู่ทางถนนเพชรเกษม ในส่วนของพื้นที่สีเขียวจะเน้นที่ชั้นล่างโดยรอบโครงการ, ชั้น 9 และชั้นดาดฟ้า จะจัดเป็นพื้นที่สีเขียว จุดนั่งพักผ่อน โดยเน้นการปลูกต้นไม้ให้ความร่มรื่น ทางโครงการจัดพื้นที่สำหรับจอดรถได้ทั้งกลางแจ้งและในอาคารที่ชั้น 1-8 ประมาณ 904 คัน คิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
โครงการ The Livin Phetkasem ออกแบบในสไตล์โมเดิร์น เน้นโทนสีอ่อน ขาว เทา ฟ้า เป็นหลัก ด้วยความที่เป็นพื้นที่ยาวเข้าไปด้านใน จากถนนเพชรเกษมถึงคลองภาษีเจริญเลย จึงทำให้ตัวอาคารวางตามแนวพื้นที่ยาวเข้าไปด้านในพื้นที่โครงการ เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวจากถนนใหญ่และแนวรางรถไฟฟ้า ซึ่งตัวโครงการเองก็มีบริการรถกอล์ฟรับส่งภายในพื้นที่โครงการมาที่หน้าโครงการให้นะครับ ไม่ต้องเดินไกล
มาลองดูรายละเอียดภายในอาคารกันบ้าง สองอาคารนี้จะมีความสูงไม่เท่ากันนะครับ โดยอาคาร A จะมีทั้งหมด 33 ชั้น 1140 ยูนิต ส่วนอาคาร B จะมี 32 ชั้น 1027 ยูนิตตัวอาคาร A จะเริ่มต้นห้องพักอาศัยที่ชั้น 4 ส่วนอาคาร B จะเริ่มต้นห้องพักอาศัยที่ชั้น 10 ทำให้อาคาร A จะมีจำนวนยูนิตมากกว่าอาคาร B แต่จะได้ข้อดีตรงที่ใกล้ทางเข้าออกมากกว่า สำหรับใครที่ชอบเดินไปใช้งานรถไฟฟ้า หรือเรียกรถสาธารณะ ก็จะใช้งานได้สะดวกมากกว่าครับ ส่วนอาคาร B จะมีพื้นที่จอดรถที่ชั้น 1-8 ซึ่งตัวอาคารมีตำแหน่งอยู่ด้านในโครงการ จะห่างจากทางเข้าออกโครงการสักหน่อย แต่สำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกมากกว่า ส่วนพื้นที่ส่วนกลางจะมีอยู่ที่ชั้นเดียวกันที่ชั้น 1, 9 และดาดฟ้าครับ
โครงการ The Livin Phetkasem จะมีทางเข้าหลักสำหรับรถยนต์เพียงทางเดียวอยู่ที่ถนนเพชรเกษมครับ ซึ่งจะเดินรถเข้าออกสวนกัน ด้านข้างมีแนวต้นไม้ให้ความร่มรื่นและรับสายตา ที่สำคัญด้านหน้าโครงการติดถนนเพชรเกษมจะมีอาคารที่เป็นร้านค้าของโครงการให้บริการด้วย
เป็นอาคารที่ภายในมีร้านค้าทั้งหมด 4 ร้าน ที่จะปล่อยขายพื้นที่ให้กับผู้ประกอบการภายนอกเข้ามาจับจองพื้นที่สำหรับขายของกันได้ ซึ่งบริเวณนี้ก็จะเปิดให้คนนอกเข้ามาใช้ได้ด้วย จะเป็นร้านที่เปิด 24 ชั่วโมงทั้งหมดนะครับ (ในเบื้องต้น ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ต้องสอบถามทางโครงการอีกทีนะครับ)
ตัวอาคารจะเว้นระยะ Set Back จากถนนเพชนเกษมเป็นระยะประมาณ 100 เมตร เพื่อความเป็นส่วนตัวจากเสียงและฝุ่นของถนนใหญ่และแนวรางรถไฟฟ้า จะมีป้อมรปภ.อยู่บริเวณหลังอาคารร้านค้าครับ ซึ่งจะมีการเข้าถึงแบบรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ ด้วยระบบจดจำทะเบียนรถครับ และจะมีพื้นที่ส่วนกลาง คือส่วนของสนามฟุตบอลขนาดเล็กพร้อมพื้นที่โดยรอบครับ
พื้นที่ส่วนกลางส่วนแรกนี้จะมีสนามฟุตบอลขนาด 21 x 10 เมตร และพื้นที่ไล่ระดับรอบๆสนาม สำหรับนั่งเล่นกันอย่างร่มรื่นด้วย
เมื่อตรงเข้ามาจะเจอกับ Drop Off ของอาคาร A เป็นจุดแรก มีชายคายื่นออกมารับด้วย สำหรับป้องกันฝน ส่วนการเดินรถจะใช้เลนฝั่งซ้ายของตัวอาคาร ขับสวนกันเข้าออกภายในโครงการนะครับ ส่วนฝั่งด้านขวาจะปิดเป็น Bike Lane ให้ออกกำลังกาย ซึ่งส่วนในอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตนะครับ แล้วแต่การบริหารของนิติบุคคลและลูกบ้าน
พื้นที่อาคาร A สำหรับส่วนแรกนี้เป็นส่วนแรกที่จะเข้าถึงของโครงการ จึงทำให้เกิดความประทับใจด้วยการยกระดับสูงขึ้น 3 ชั้น เพื่อให้โปร่งโล่ง และรับแสงจากด้านข้างได้ด้วย
ด้านข้างจะเดินรถสวนกันยาวเข้าไปภายในครับ
เมื่อขับมาถึงตรงกลางระหว่างอาคาร A และ B จะมีจุด Drop Off อีกจุดหนึ่ง สำหรับ Drop Off เข้าอาคาร B ซึ่งก็เป็นจุดเชื่อมต่อของทั้งสองอาคารด้วยเช่นกัน
เมื่อเข้ามาที่ด้านในของพื้นที่ จะมีเลนสำหรับออกมาจากพื้นที่จอดรถภายในโครงการเพื่อออกนอกโครงการ
ด้านหลังจะมีทางให้เลี้ยวเข้าพื้นที่จอดรถภายในโครงการครับ เมื่อเข้าไปภายในอาคาร สำหรับชั้นนี้จะเป็นการวนรถทางเดียวทั้งหมดนะครับ
ด้านหลังโครงการจะมีสวนจัดไว้ให้สำหรับพักผ่อน รวมถึงมีทางที่เชื่อมต่อไปยังคลองภาษีเจริญด้วย
บริเวณนี้ทางโครงการจะสร้างท่าเรือไว้ให้ สำหรับขึ้นลงเรือที่วิ่งไปมาเป็นประจำอยู่แล้วภายในคลองภาษีเจริญ ทางนี้เราสามารถนั่งเรือไปตลาดริมคลองภาษีเจริญ หรือบางหว้าได้นะครับ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่ได้เพิ่มขึ้นมานะครับ
ส่วนอีกฝั่งของแนวอาคาร ทางฝั่งทิศตะวันตก ปัจจุบันจะปิดไว้ไม่ได้เปิดให้มีรถวิ่งนะครับ แต่จะเป็น Bike Lane ให้ออกกำลังกาย จะมีระยะประมาณ 300 เมตรครับ ลองวนไปดูกัน
เมื่อตรงมาถึงระหว่างแนวอาคาร A และ อาคาร B ฝั่งตรงข้ามของ Drop Off อาคาร B ทางฝั่งทิศตะวันตกนี้ก็จะมีพื้นที่สวนให้ด้วย
ตรงมาอีกหน่อยตรงส่วนด้านหน้าใกล้กับ Drop Off ของตัวอาคาร A จะมีสวนด้านข้างให้ด้วย จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นท่ามกลางต้นไม้ใหญ่และสวน
ทีนี้เราลองขึ้นไปดูกันแต่ละอาคารเลยดีกว่า ว่าภายในจะมีอะไรกันบ้าง อย่างที่ทราบกันว่าตัวอาคาร A มีทั้งหมด 1,140 ยูนิต จะวางอยู่ใกล้ทางเข้าออกบนถนนเพชรเกษมทำให้จะเข้าถึงได้ง่าย และภายในก็มีร้านค้าให้ด้วย 2 ร้าน สำหรับคนภายในโครงการ ซึ่งทางโครงการจะเปิดขายพื้นที่ให้กับภายนอกเช่นเดียวกับอาคารร้านค้าด้านหน้า และมีสวน Semi-Outdoor Seating ให้ใช้บริการกันได้ จึงทำให้อาคารนี้อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างที่ต้องมีคนเดินไปมาบริเวณใกล้ๆอาคารมากกว่าอาคาร B ที่สำคัญเลยคือพื้นที่ส่วนกลางของที่นี่จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงทุกส่วนเลย ยกเว้นส่วนของสระว่ายน้ำ เพื่อความปลอดภัย
ชั้น 1-3 – จะยกระดับฝ้าขึ้นเป็น Double Volume ภายในจะประกอบไปด้วยพื้นที่ส่วนกลาง
- Lobby
- Mail Room
- Laundry
- In Building Shops (2 ร้าน)
- Semi-Outdoor Seating
ชั้น 4-8
- พื้นที่พักอาศัย
ชั้น 9 – พื้นที่ส่วนกลางที่ชั้นน้ีของอาคาร A จะเน้นไปที่ห้อง Indoor เกือบจะทั้งหมดนะครับ จะแยกกิจกรรมการใช้งานกันอย่างชัดเจน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในแต่ละพื้นที่
- Mini Golf Simulator
- Board Game Room
- TV Game Room
- Karaoke Room
- Mini Theater
- Multi-Function Room
- Kid’s Club
- Semi-Outdoor Co-Kitchen
ชั้น 10 – 33
- พื้นที่พักอาศัย
Roof Top
- Sky Lounge
- Sky Garden
ภาพจำลองห้อง Mini Golf Simulator สำหรับเอาใจสายตีกอล์ฟ
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Board Game เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตของวัยรุ่นสมัยนี้ สำหรับพบปะ นั่งคุย มีกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งที่นี่ก็จัด Board Game Room มาให้ด้วยเช่นกัน
ภาพจำลองห้อง Game Room ซึ่งเป็นอีกส่วนที่น่าสนใจสำหรับสายทำกิจกรรมร่วมกัน พาเพื่อนๆมาเล่นกันได้นะ
Karaoke Room ก็น่าจะเป็นอีกห้องที่ตอบโจทย์สายกิจกรรมกลุ่มได้ดีทีเดียว
Mini Theater เอาใจสายดูหนังที่อาจจะไม่อยากดูอยู่ที่ห้องคนเดียว หรืออยากดู Netflix จอใหญ่ๆ ก็มาที่นี่กันได้ครับ
TV Game Room หรือใครที่ชอบเล่นเกม ก็มีห้องเกมส์ให้ด้วยเช่นกัน จะพาเพื่อนมาแข่ง PES, FIFA, เกมส์ต่อสู้ หรือเล่นเกมส์ทำอาหารอะไร ที่นี่ก็พร้อมรองรับเช่นกันครับ
Kid’s Club เป็นส่วนที่ขาดไปไม่ได้เลย เพราะเดี๋ยวเด็กๆจะน้อยใจเอาได้ครับ ส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ Outdoor ที่เป็นส่วนภายนอกอาคารให้มีพื้นที่วิ่งเล่น และยังใกล้กับพื้นที่ที่เหล่าพ่อแม่สามารถจับกลุ่มคุยกันได้อย่าง Semi-Outdoor Co-Kitchen อีกด้วย
เป็นพื้นที่นัดรวมกลุ่ม พบปะพูดคุย หรือทำอาคารเล็กๆน้อยๆ กัน ใกล้กับส่วน Kid’s Club ของเด็กๆ แถมยังมีพื้นที่ Outdoor ให้เลือกเปลี่ยนบรรยากาศในวันที่อากาศดีๆอีกด้วยครับ
ส่วนอาคาร B จะมีทั้งหมด 32 ชั้น 1027 ยูนิต เป็นอาคารที่อยู่ด้านในพื้นที่โครงการ และเป็นอาคารที่มีพื้นที่จอดรถในตัว (พื้นที่จอดรถสามารถเชื่อมไปอาคาร A ได้นะ) จึงทำให้เหมาะกับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก อาคารนี้จะมีจำนวนยูนิตน้อยกว่า เพราะเริ่มต้นที่ชั้น 10 ได้วิวด้านบนเลย ไม่ต้องกังวลพื้นที่รอบข้าง (ส่วนใหญ่ด้านข้างจะสูงแค่ 8 ชั้น) อาคารนี้พื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่โดยรอบจะเน้นไปที่ Outdoor ซะเป็นส่วนใหญ่ พื้นที่ส่วนกลางของอาคารนี้ก็จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงทุกส่วนเช่นกัน ยกเว้นส่วนของสระว่ายน้ำเพื่อความปลอดภัย
ชั้น 1-3 – ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางจะยกระดับฝ้าขึ้นเป็น Double Volume
- พื้นที่ส่วนกลาง
- ที่จอดรถ
ชั้น 4-8
- ที่จอดรถ
ชั้น 9 – พื้นที่ส่วนกลางหลักของอาคาร B จะเน้นไปที่พื้นที่ Outdoor เป็นหลัก รับลมและวิวภายนอก แต่ก็มีส่วนภายในให้ใช้อยู่บ้างเหมือนกัน
- Adult Pool ส่วนว่ายออกกำลังกาย ขนาด 8 x 50 เมตร
- Kid’s Pool และพื้นที่แช่น้ำ ขนาด 35 x 5 เมตร
- Step Seating พื้นที่นั่งเล่นรับลม ชมวิวสระว่ายน้ำ
- Fitness Center
- Boxing Corner
- Fly Yoga
- Pilates
- Jogging Track
- Outdoor Fitness
- Sauna & Steam Room
- Outdoor Garden
- Outdoor Pavilion
ชั้น 10 – 32
- พื้นที่พักอาศัย
Roof Top
- Sky Lounge
- Sky Garden
เริ่มด้วยหนึ่งในไฮไลท์ของโครงการเลยครับ กับสระว่ายน้ำขนาด 85 เมตร ที่จะแบ่งออกเป็นสระผู้ใหญ่สำหรับว่ายน้ำออกกำลังกายในระยะ Olympic (50 เมตร) และพื้นที่พักผ่อนอีก 35 เมตร และพื้นที่ริมสระ
จะมีลักษณะเป็นแนวยาว ซึ่งจะมีข้อดีที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีแนวอาคารช่วยบังแดดให้บริเวณทิศตะวันตก ทำให้ช่วงบ่ายสามารถใช้งานได้หลากหลายเวลามากยิ่งขึ้น
พื้นที่ริมสระก็ค่อนข้างกว้าง สามารถออกมานั่งเล่นรับลมได้ แถมยังเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับอาคาร A ด้วย
พื้นที่ริมสระก็มีส่วนนั่งเล่นรับลมให้ด้วย สำหรับสายแช่ ไม่เน้นว่ายออกกำลังกาย ก็แยกพื้นที่ออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่ต้องรบกวนกันและกัน
ส่วนด้านข้างก็ยังมีพื้นที่นั่งเล่นรับลมให้อยู่ แถมด้านในก็มีพื้นที่ส่วนกลางที่รับวิวสระว่ายน้ำด้วย
นั่นก็คือส่วน Fitness Center ขนาดใหญ่ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกันกับส่วนอื่นๆ รับวิวสระว่ายน้ำและบรรยากาศภายนอก หันหน้าไปทางทิศตะวันออกทำให้ช่วงบ่ายก็ไม่ร้อนด้วยเช่นกัน
มีส่วน Boxing Corner, Fly Yoga และ Pilates ให้ด้วย สำหรับสายออกกำลังกายแบบแยกสาย ทั้งต่อยมวย โยคะ และแบบใช้ Pilates
ถัดมาอีกจะมีพื้นที่ Outdoor อีกส่วน คือพื้นที่ Semi Outdoor สำหรับนั่งเล่นและเชื่อมต่อกันในแต่ละพื้นที่
ด้านหลังสุดของอาคารจะเป็น Outdoor Garden ขนาดใหญ่ เป็นสวน สนามเด็กเล่น ให้ออกมาเดินเล่น ยืดเส้นยืดสาย หรือเป็นพื้นที่วิ่งเล่นของเจ้าตัวเล็กก็ได้ครับ
ภายในจะมีเครื่องออกกำลังกาย และพื้นที่นั่งเล่นให้รอบๆพื้นที่เลย เหมาะกับการใช้งานทุกเพศทุกวัย
อีกฝั่งของอาคารจะมี Jogging Track ให้วิ่งด้วย วิ่งกันเป็นวงกลม โดยจะมีระยะรวมทั้งรอบประมาณ 120 เมตร มีแนวต้นไม้ตรงกลางสำหรับให้ร่มเงาด้วย
ภายในนอกจากจะมีลู่วิ่งแล้ว ก็มีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง และที่นั่งเล่นรอบๆพื้นที่ให้ด้วย
ย้ายขึ้นมาที่ชั้น Roof Top ด้านบนกันบ้างนะครับ ทั้งสองอาคารจะมีส่วนดาดฟ้าให้ใช้งานกันทั้งสองอาคารเลยครับ แต่ไม่ได้เชื่อมต่อกันนะ ทำให้สามารถแบ่งจำนวนผู้ใช้งานลงได้เยอะเหมือนกัน
เป็นส่วน Sky Garden และ Sky Lounge ซึ่งจะมีให้ทั้งสองอาคารเลยครับ ของฝั่งอาคาร A จะมี Sky Lounge หันไปทางฝั่งทิศเหนือ รับวิวถนนเพชรเกษมและแนวรถไฟฟ้า
ส่วน Sky Lounge ของอาคาร B จะหันไปทางทิศใต้ทางคลองภาษีเจริญ จะมีบรรยกาศที่ค่อนข้างเงียบและสงบมากกว่า
ภายในตกแต่งเป็นที่นั่งแต่ละมุม พร้อมบาร์ ให้สามารถนำเครื่องดื่มขึ้นมานั่งชมวิวกันได้ด้วย
ห้องพักอาศัยของโครงการ The Livin Phetkasem จะแยกออกเป็น 2 อาคาร ซึ่งทั้ง 2 อาคารจะมีลักษณะเหมือนกันทั้งหมด ต่างกันที่อาคาร A จะมีห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 4 ส่วนอาคาร B จะมีห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 10 ตัวอาคารมีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง ทำให้สามารถแยกออกไปทั้งสองฝั่งได้ค่อนข้างสะดวก มีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 6 ตัว/อาคาร ขนาดของห้องจะเริ่มจาก Studio ที่ใกล้ถึงลิฟต์ และมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อออกไปจนถึงสุดโถงทางเดิน ดังนั้นห้องมุมจึงเป็น 2 Bedroom ฝั่งละ 2 ห้อง 2 ขนาด โถงทางเดินทั้งหมดเป็น Double Corridor มีห้องพักอาศัยขนาบข้างตลอดแนวทางเดิน ที่ริมทางเดินก็มีช่องแสงให้ด้วย
ห้องที่น่าสนใจคือห้อง Studio ขนาด 28 ตร.ม. (สีฟ้า) ที่อยู่มุมอาคารฝั่งทิศตะวันตก และห้อง Studio ขนาด 24 ตร.ม. (สีชมพู) ที่มุมฝั่งทิศตะวันออก เพราะติดกับห้องพักอาศัยเพียงฝั่งเดียว และยังได้หน้าห้องเป็นแบบ Single Corridor ด้วย และห้อง 2 bedroom ขนาด 55 ตร.ม. ที่มีตำแหน่งมุมอาคารติดกับบันไดหนีไฟทำให้ไม่ต้องติดกับห้องพักอาศัยเลย
มุมมอง – ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่จะรับวิวทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเป็นหลัก ส่วนทิศเหนือและทิศใต้จะมีห้องที่หันไปเพียง 2 ยูนิต/ชั้นเท่านั้น จะได้วิวค่อนข้างโล่งทางฝั่งทิศใต้ และวิวถนนเพชรเกษมและแนวรางรถไฟฟ้า
- ทิศตะวันตก – จะสังเกตได้ว่าเขาวางห้อง Studio ขนาด 28 ตร.ม. (สีฟ้า) 8 ยูนิต และมีห้อง Studio ขนาดเล็กที่สุด 24 ตร.ม. 2 ตร.ม. ไว้ทางทิศฝั่งนี้ เพราะเป็นฝั่งที่จะได้รับความร้อนมากกว่า แต่จะได้วิวค่อนข้างโล่ง มีอาคาร Low Rise 8 ชั้น ประมาณ 3 อาคาร ทางฝั่งนี้
- ทิศตะวันออกจะเน้นไปที่ห้องขนาดใหญ่ 32, 38, 45 ตร.ม. มีห้อง Studio ขนาดเล็กที่สุด 24 ตร.ม. เพียง 6 ห้องเท่านั้น ฝั่งนี้จะได้วิวของพื้นที่ส่วนกลาง และไม่ร้อนในช่วงบ่าย ส่วนวิวไกลๆ จะได้เห็น Seacon บางแค ครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนหย่อมที่ชั้น 1, 9 และดาดฟ้า
- Lobby
- Mail Room
- Laundry
- Commercial Shops (4ร้าน) เปิด 24 ชั่วโมง
- In Building Shops (2 ร้าน)
- Entrance Park
- Futsal Court
- Adult Pool ส่วนว่ายออกกำลังกาย ขนาด 8 x 50 เมตร
- Kid’s Pool และพื้นที่แช่น้ำ ขนาด 35 x 5 เมตร
- Step Seating พื้นที่นั่งเล่นรับลม ชมวิวสระว่ายน้ำ
- Fitness Center
- Boxing Corner
- Fly Yoga
- Pilates
- Jogging Track
- Outdoor Fitness
- Sauna & Steam Room
- Outdoor Garden
- Outdoor Pavilion
- Semi-Outdoor Seating
- Semi-Outdoor Co-Kitchen
- Kid’s Club
- Multi-Function Room
- Mini Theater
- Karaoke Room
- TV Game Room
- Board Game Room
- Mini Golf Simulator
- Sky Lounge
- Sky Garden
- ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 180.5 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 190: 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 171 : 1
- พื้นที่ส่วนกลางเปิด 24 ชั่วโมงทุกพื้นที่ยกเว้นสระว่ายน้ำ
- รถกอล์ฟรับส่งภายในโครงการไปที่หน้าโครงการ
- ที่จอดรถประมาณ 904 คันคิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบเข้าออกรถแบบจดจำทะเบียน
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Face Scan
มาดูห้องพักอาศัยของที่นี่กันบ้างครับ มีให้เลือกหลายแบบเลยเหมือนกัน
- Studio 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท
- 1 Bedroom 28,32 และ 38 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 45 และ 55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท
ทุกห้องจะขายในรูปแบบ Fully Fitted ให้เฉพาะชุดครัว ห้องน้ำ และฉากกั้นต่างๆ ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ประตูห้อง MDF มาพร้อม Digital Door Lock พื้นภายในห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟ Downlight ทั้งหมด ครัวจะได้ Top หินสังเคราะห์ หน้าบานต่างๆเป็นเมลามีนทั้งหมด ผนัง Backsplash ฉาบเรียบทาสี อ่างล้างจานและ Hob & Hood แบบ Curculated จาก Franke ประตูกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสง ห้องน้ำเป็นสุขภัณฑ์จาก American Standard ทั้งหมด พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ เครื่องปรับอากาศจาก Trane ขนาด 9,000 BTU. สำหรับห้อง 24-32 ตร.ม. แต่ถ้าเป็นห้องใหญ่กว่านี้จะได้เป็น เครื่องปรับอากาศ Trane ขนาด 12,000 BTU.
ขอเริ่มที่ห้อง 1 Bedroom 32 ตร.ม. ห้องรูปแบบนี้จะเป็นห้องที่มีเยอะที่สุดในโครงการ ซึ่งจะมีตำแหน่งอยู่กลางแนวอาคาร หันออกทิศตะวันออกและทิศตะวันตกทั้งหมด ห้องนี้จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นผังที่เราอาจจะคุ้นตากันอยู่แล้วนะครับ จะได้เป็นครัวเปิดที่ทำให้ห้องดูโล่ง แต่สามารถกั้นเป็นครัวปิดเองได้สำหรับคนที่ชอบทำอาหาร มีพื้นที่วางตู้รองเท้าไว้ให้ด้วย ห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ภายในห้องนอน เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องนอน แต่ถ้ามีแขกอาจจะเสียความเป็นส่วนตัวของห้องนอนไปบ้าง เพราะต้องเข้าผ่านทางห้องนอน ภายในห้องนอนจะมีพื้นที่ริมระเบียงทำเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือ หรือออกกำลังกายรับวิวได้
ภายในแบ่งออกเป็น 5 ส่วน เข้ามาจะพบกับห้องครัวก่อนเลย ฝั่งตรงข้ามมีที่วางตู้เย็นและที่วางตู้รองเท้าไว้ให้ด้วย เข้ามาด้านในจะมีห้องนั่งเล่นที่รวมพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วย เชื่อมต่อไปยังระเบียงซักล้าง ซึ่งจะเป็นช่องแสงหลักของห้องนี้ ด้านข้างมีห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่นอกจากวางตู้เสื้อผ้าก็มีส่วนริมหน้าต่างให้ทำกิจกรรมส่วนตัวได้ด้วย ห้องนอนจะเป็นส่วนเชื่อมไปยังห้องน้ำครับ
ประตูห้องเป็น MDF สีตามนี้เลย มาพร้อม Digital Door Lock รับการเข้าถึง 3 ระบบ Keycard, รหัส และกุญแจ
เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในจะพบกับห้องที่สูง 2.6 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี สิ่งแรกที่จะเห็นคือพื้นที่ครัว เคาน์เตอร์ตัว I ยาวตามแนวผนัง
ด้านหน้าทางเข้าจะประกบด้วยเคาน์เตอร์ตัว I และพื้นที่ด้านข้างที่เป็นพื้นที่วางตู้เย็น และพื้นที่สำหรับทำชั้นรองเท้า
ของจริงจะเว้นเป็นพื้นที่ว่างไว้ให้นะครับ สำหรับทำชั้นรองเท้าเอง
มาเริ่มดูฝั่งครัวกันก่อน จะได้ Built-in ทั้งชุดมาให้แบบนี้เลย
ด้านบนเป็นพื้นที่เก็บของทั้งแบบบานเปิด และแบบชั้นวาง หน้าบานต่างๆจะเป็นเมลามีนสีขาวแบบนี้เลยครับ
ชั้นกลางจะเป็นเคาน์เตอร์ที่ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์สีดำ มีคุณสมบัติทนความชื้นและความร้อนได้ดี ส่วนผนังด้านหลังจะได้เป็นฉาบเรียบทาสี
เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน และอ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยว จาก Franke ทั้งหมด
ด้านล่างจะมีพื้นที่สำหรับวางไมโครเวฟและเครื่องซักผ้า รวมถึงเก็บของอื่นๆด้วยเช่นกัน
ส่วนนี้จะได้ไฟ Downlight มาให้ 1 ดวง พร้อมอุปกรณ์ Sprinkler ดับเพลิงไฟไหม้
ดูภายในห้องกันต่อ จะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ที่แยกไปยังส่วนต่างๆของห้อง ด้านข้างจะเป็นห้องนอน กั้นไว้ด้วยประตู MDF บานทึบ จะได้ความเป็นส่วนตัวจากการมีแขก ห้องนั่งเล่นนี้จะรวมพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วยเช่นกัน ของห้องตัวอย่างจัดเป็นเคาน์เตอร์ยาวไว้ให้ทานอาหาร
ด้านในจะมีพื้นที่ดูทีวีระยะประมาณ 2.3 เมตร เหมาะสำหรับวางทีวีขนาดประมาณ 45-50 นิ้ว ด้านในมีแนวกระจกที่เชื่อมต่อไปยังระเบียงให้ ส่วนนี้จะเป็นช่องแสงหลักของห้องนี้นะครับ แอบเสียดายที่เปิดให้แค่ 2 บาน
ภายในห้องนี้จะได้ไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมทั้งเครื่องปรับอากาศของ Trane ขนาด 9,000 BTU.
ระเบียงมีขนาดประมาณ 2.5 x 0.8 เมตร ลดระดับลงจากพื้นภายในห้อง พื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาดเล็ก แนวระแนงตีเป็นเหล็กสีดำเว้นร่อง ทำให้ดูไม่ทึบ และรับลมได้
ด้านในจะมีพื้นที่ให้ใช้งานได้ค่อนข้างเยอะ แขวน Condensing Unit และไฟแขวนผนัง มีแนวระแนงปิดให้สวยงาม
จะเห็นว่าระดับฝ้าส่วนครัวลดลง เพราะมีการเดินท่อระบายอากาศจากห้องน้ำนะครับ ด้านข้างมีประตูเข้าห้องนอน ลองเข้าไปดูกันครับ
ห้องนอนมีขนาดค่อนข้างกว้างนะ เหมาะกับการใช้งานได้ 2 คน มีช่องแสงและห้องน้ำภายใน รวมถึงพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและใช้งานด้วย
พื้นที่ส่วนพักผ่อนภายในห้องค่อนข้างใช้งานได้สะดวกนะครับ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและพื้นที่ใช้งาน ส่วนฝั่งติดหน้าต่างมีพื้นที่เว้นว่างไว้ให้สำหรับวางโซฟา และที่นั่งได้
ปลายเตียงสามารถติดทีวีแขวนผนังได้นะครับ
เมื่อติดแล้วก็ยังพอมีพื้นที่ให้เดินอยู่ประมาณ 0.5 เมตร
ที่ด้านในจะมีกระจกบานใหญ่ให้ เป็นบาน Fixed ขนาดใหญ่ และด้านล่างของ หน้าต่างบานเปิด ทั้งหมดเป็นกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสง
ด้านในของห้องจะเป็นพื้นที่เข้าห้องน้ำและพื้นที่หน้าห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นพื้นที่โล่งไว้ให้นะครับ สามารถวางตู้เสื้อผ้าเองได้ และมีพื้นที่ให้ใช้งาน แนะนำให้วางเป็นตู้แบบบานเลื่อน จะได้ไม่ต้องใช้พื้นที่หน้าตู้มากนัก
ห้องนี้จะได้ไฟ Downlight 2 ดวง และ เครื่องปรับอากาศจาก Trane ขนาด 9,000 BTU. เช่นเดิม
ภายในห้องน้ำจะได้หน้าตาแบบห้องตัวอย่างทุกอย่างเลย ทั้งกระเบื้องปิดผิว อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งสุขภัณฑ์จนถึงฉากกั้นอาบน้ำ พื้นจะปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่และผนังจะปูด้วยกระเบื้องลายหิน สุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้ของ American Standard
พื้นที่ภายในห้องน้ำค่อนข้างกว้าง ใช้งานได้สะดวก นั่งโถสุขภัณฑ์แล้วมีระยะห่างจากผนัง ไม่อึดอัด
อ่างล้างหน้าเซรามิคแบบเคาน์เตอร์ยกสูงจากพื้นเพื่อง่ายแก่การทำความสะอาดและไม่ต้องโดนน้ำ อ่างมีที่วางของด้านบน มาพร้อมกระจกเงาติดผนัง มีสวิตช์ไฟให้ด้านข้างด้วย
โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นจาก American Standard มาพร้อมอุปกรณ์ชำระล้างสเตนเลสติดตั้งไว้ให้พร้อมใช้งานครับ
ส่วนอาบน้ำจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอน ซึ่งถ้าหากเป็นห้องขนาดเล็กกว่านี้จะเป็นแบบ 3 ตอนนะครับ (จะสามารถเปิดได้กว้างกว่า)
ภายในมีขนาดค่อนข้างกว้าง หมุนตัวอาบน้ำได้สบายๆ
ส่วนอาบน้ำจะเป็น Hand Shower จาก American Standard พร้อมพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำด้านข้างให้เรียบร้อย
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศ
สำหรับห้องนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งจะมีตำแหน่งใกล้กับริมโถงทางเดิน มีทั้งฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเลย ห้องนี้จะมีความพิเศษหน่อยนะครับ เพราะจะมีรูปแบบภายในห้องให้เลือกระหว่างการกั้นกระจกแบ่งเป็นห้อง Plus หรือจะเอาโต๊ะยกระดับนั่งห้อยขาแบบญี่ปุ่นก็ได้ ซึ่งขนาดพื้นที่ภายในจะใกล้เคียงกับห้อง 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ก่อนหน้านี้ครับ แต่ห้องน้ำของห้องนี้จะเข้าได้จากภายนอกห้องนอนเลย เหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องนั่งเล่นภายนอกนี้
แบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 6 ส่วน เริ่มต้นที่ทางเข้าห้อง จะมีครัวเป็นเคาน์เตอร์ตามแนวยาวเหมือนห้องที่ผ่านมา ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่สามารถเข้าออกจากส่วน Common Area ได้เลย ด้านในจะเป็นห้องนั่งเล่น และพื้นที่ Plus ที่ให้เลือก 2 รูปแบบ เพิ่มขึ้นมาบริเวณพื้นที่ติดผนังที่มีช่องแสงเป็นส่วนหลักของห้องนี้ ส่วนห้องนอนจะอยู่ด้านข้าง ภายในเชื่อมต่อกับระเบียงซักล้าง ซึ่งจะช่วยเป็นช่องแสงและสามารถออกไปยืนสูดอากาศได้ แต่ถ้าต้องตากผ้าและถือเสื้อผ้าเปียกๆเข้าออกห้องนอนก็อาจจะลำบากสักหน่อย และถ้าจะเข้าห้องน้ำต้องเดินออกมาด้านนอก ซึ่งจะช่วยให้ห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเวลามีแขก (ไม่ต้องเข้าห้องนอนแล้ว)
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับห้องลักษณะคล้ายๆกับห้องเดิมเดิม สูง 2.6 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี สิ่งแรกที่จะเห็นเมื่อเปิดประตูมาคือพื้นที่ครัว เคาน์เตอร์ตัว I ยาวตามแนวผนัง
ห้องนี้จะแตกต่างตรงที่จะมีห้องน้ำที่ด้านหน้าให้เข้าใช้งานได้จากพื้นที่ส่วนนี้เลย ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และได้ความเป็นส่วนตัวของห้องนอนมากยิ่งขึ้น การที่ประตูติดกับผนังของห้องน้ำทำให้ไม่มีพื้นที่สำหรับวางชั้นวางรองเท้า อาจจะต้องนำเข้าไปเก็บภายในห้อง ซึ่งอาจจะทำให้สิ่งสกปรกเข้าสู่ตัวห้องได้ง่าย
ชุดครัวจะเหมือนเดิมกับห้องที่ผ่านมาเลยครับ ด้านบนเป็นพื้นที่เก็บของทั้งแบบบานเปิด และแบบชั้นวาง หน้าบานต่างๆจะเป็นเมลามีนสีขาว พร้อมที่วางไมโครเวฟ ชั้นกลางจะเป็นเคาน์เตอร์ที่ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ ส่วนผนังด้านหลังจะได้เป็นฉาบเรียบทาสี เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน และอ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยว จาก Franke ทั้งหมด ด้านล่างจะมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า รวมถึงเก็บของอื่นๆด้วยเช่นกัน
ไฟเป็น Downlight ให้มาหนึ่งดวง พร้อมอุปกรณ์ Sprinkler ดับเพลิงไฟไหม้
ด้านข้างจะมีประตูห้องน้ำ และประตูห้องนอน ติดกับแบบนี้ก็เข้าถึงง่ายดีนะครับ โดยจะเป็นประตู MDF บานทึบทั้งคู่
ภายในห้องน้ำจะมีลักษณะคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้ พื้นจะปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่และผนังจะปูด้วยกระเบื้องลายหิน สุขภัณฑ์ทั้งหมดใช้ของ American Standard ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วย
ภายในห้องจะมีขนาดค่อนข้างกว้าง ใช้งานได้สบายๆเลย ห้องน้ำจะลดระดับลงมาจากพื้นภายในห้องเล็กน้อย
อ่างล้างหน้าเซรามิคแบบเคาน์เตอร์ยกสูงจากพื้น มาพร้อมกระจกเงาติดผนัง และสวิตช์ไฟให้ด้านข้าง โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นจาก American Standard มาพร้อมอุปกรณ์ชำระล้างสเตนเลสติดตั้งไว้ให้พร้อมใช้งานครับ
ส่วนอาบน้ำจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน เข้าออกได้สะดวก
ภายในจะมีพื้นที่อาบน้ำสบายๆ วางชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ด้วยนะ
ส่วนอาบน้ำจะเป็น Hand Shower พร้อมพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำด้านข้างให้เรียบร้อย
ภายในห้องน้ำจะได้เป็นไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศ
เมื่อเข้ามาภายในห้อง ห้องนี้จะมีหน้ากว้างพอๆกันกับห้องก่อนหน้านี้ แต่จะลึกกว่าเล็กน้อย เพราะมีพื้นที่ส่วน Plus ริมหน้าต่าง และส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารก็กว้างขึ้นด้วย
อาจจะวางเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมหรือกลม สำหรับนั่งทานข้าวมองเห็นหน้ากันได้ หรือดูทีวีไปพร้อมกันได้ด้วย
พื้นที่ดูทีวีมีระยะประมาณ 2.3 เมตร เหมาะกับการใช้ทีวีขนาดประมาณ 45-50 นิ้ว
ด้านในสุดจะมีชุดพื้นยกระดับแบบนี้ให้มาด้วย หรือถ้าไม่เอาเราจะเลือกเป็นฉากกั้นแบ่งเป็นห้อง Plus ก็ได้ ตรงนี้ถือว่าดีนะครับที่ทางโครงการมีตัวเลือกให้เราได้เลือก เพื่อให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของแต่ละคนมากที่สุด
เป็นพื้นที่ยกระดับประมาณ 40 เมตร เป็นสเต็ป 2 คั่น บันไดจะมีลิ้นชักสำหรับเก็บของได้ 5 ช่อง ด้านบนสุดจะมีโต๊ะที่ปรับขึ้นลงได้ด้วยระบบ Hydraulic
สั่งการทำงานด้วยรีโมท ซึ่งทางโครงการจะมีมาให้ครบชุดเลย (ถ้าเลือกชุดนี้ ไม่เลือกเอาฉากกั้นห้อง)
ด้านล่างจะต้องเสียบปลั๊กไว้ตลอดนะครับสำหรับรอรับสัญญาณจากรีโมท แต่เราสามารถนำปลั๊กสามตามาเพิ่มในส่วนนี้ได้ สำหรับนั่งทำงานบริเวณนี้แล้วชาร์จแบทต่างๆได้สะดวก
ด้านในจะมีช่องแสงให้ด้วย เป็นกระจกบานใหญ่ให้ เป็นบาน Fixed ขนาดใหญ่ และด้านล่างของ หน้าต่างบานเปิด ทั้งหมดเป็นกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสง
บริเวณนี้จะมีไฟ Downlight ให้ 1 ดวง แยกไลน์กันชัดเจน สำหรับเผื่อการแบ่งห้อง แต่ไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศมาให้นะครับ ต้องติดเอง (ถ้าแยกห้อง)
ส่วนภายในห้องนี้จะมีอีก 2 ดวงนะครับ แล้วก็ได้เครื่องปรับอากาศจาก Trane ขนาด 12,000 BTU.
ไปดูภายในห้องนอนกันบ้างดีกว่าครับ
ห้องนอนมีขนาดค่อนข้างกว้างนะ เหมาะกับการใช้งานได้ 2 คน มีช่องแสงจากระเบียง ที่สามารถออกไปยืนรับวิวหรือเปิดระบายอากาศภายในห้องได้ ด้านในมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและใช้งานได้สะดวกด้วย
ด้านหน้านี้มีพื้นที่ค่อนข้างเยอะเลย ผนังฝั่งซ้ายมือสามารถ Built-in เป็นชั้น หรือทำตู้เสื้อผ้าแบบเข้ามุมได้นะครับ จะมีพื้นที่สำหรับใส่ของได้มากขึ้น
พื้นที่ปลายเตียงสามารถแขวนทีวีได้เช่นกันครับ
แต่จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินได้ค่อนข้างลำบากหน่อย เมื่อติดทีวีจะยิ่งยากขึ้นไปอีก และถ้าหากต้องถือตะกร้าผ้าเพื่อนำไปตากที่ระเบียงอาจจะลำบากเหมือนกันนะครับ
อีกฝั่งข้างเตียงสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ และเดินเข้าออกระเบียงได้เหมือนกัน
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวง และ เครื่องปรับอากาศจาก Trane ขนาด 12,000 BTU.
ไปดูระเบียงกันต่อเลย ส่วนนี้จะเป็นช่องแสงหลักของห้องนี้นะครับ
ระเบียงมีขนาดประมาณ 2.7 x 0.8 เมตร ลดระดับลงจากพื้นภายในห้อง พื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาดเล็ก แนวระแนงตีเป็นเหล็กสีดำเว้นร่อง ทำให้ดูไม่ทึบ และรับลมได้
ด้านในจะมีพื้นที่ให้ใช้งานได้ค่อนข้างเยอะ แขวน Condensing Unit และไฟแขวนผนัง มีแนวระแนงปิดให้สวยงาม
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 28 November 2019
- ห้อง Studio อาคาร B ชั้น 12 ห้อง B12A18 เนื้อที่ 23.78 ตร.ม. ราคา 1.9 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 16 ห้อง B1603 เนื้อที่ 28.53 ตร.ม. ราคา 2.26 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 12 ห้อง A12A17 เนื้อที่ 32.7 ตร.ม. ราคา 2.6 ล้านบาท
- ห้อง 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 16 ห้อง B1609 เนื้อที่ 38.05 ตร.ม. ราคา 2.94 ล้านบาท
- ห้อง 2 Bedroom อาคาร B ชั้น 10 ห้อง B1012 เนื้อที่ 45.58 ตร.ม. ราคา 3.33 ล้านบาท
- ห้อง 2 Bedroom อาคาร A ชั้น 12 ห้อง A12A13 เนื้อที่ 55.15 ตร.ม. ราคา 4.65 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
- Kitchen & Sink / Top หินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
- มีรถกอล์ฟบริการรับส่งจากภายในโครงการมาหน้าโครงการ
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา เริ่มต้นที่ 1 % ของราคาห้อง
- ค่ากองทุน 450 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเล : ของโครงการ The LIVIN เพชรเกษม เป็นคอนโดตึกสูงอยู่ในทำเลที่เกาะเส้นทางส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอย่าง MRT ภาษีเจริญ เพียง 260 เมตร และอยู่ฝั่งเดียวกันกับ SEACON บางแค แวะซื้อของเข้าบ้านได้ง่าย ไม่ต้องข้ามฝั่ง และใกล้ตลาดบางแคด้วย พื้นที่ตลาดบริเวณนี้เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่ใหญ่และมีของกินให้เลือกหลากหลาย นอกจากตลาดสดแล้วยังมีร้านอาหาร ร้านขนม ผลไม้ ต่างๆ ถ้าไม่ได้เป็นคนที่ทำกับข้าวกินเองน่าจะชอบ เพราะอยู่ในระยะเดินได้สบายๆ
การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าเดินทางได้สะดวกเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอยย่อย การเดินทางเข้าออกเมืองทำได้ไม่ยาก สามารถใช้เส้นทางได้ทั้ง ใช้ถนนเพชรเกษมตรงไปออก ถนนราชพฤกษ์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ หรือออกไปวงเวียนใหญ่เชื่อมไปออกสาทรได้ ส่วนถ้าจะใช้เส้นพุทธมณฑลสาย 1, 2 ก็สามารถไปออกถนนบรมราชชนนีได้ ส่วนเส้นกาญจนาภิเษกก็ใช้ยิงยาวไปฝั่งบางใหญ่หรือพระราม 2 ได้ หรือมาออกเส้นกัลปพฤกษ์ไปออกสาทร สีลมได้ สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะเป็นด่านพระราม 2 เวลาจะไปก็วิ่งสุดถนนบางแคก็เข้าเส้นพระราม 2 แล้ว ทางโครงการจัดพื้นที่สำหรับจอดรถได้ทั้งกลางแจ้งและในอาคารประมาณ 904 คัน คิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : รถสาธารณะมีให้เลือกเยอะเลยมีทั้ง รถเมล์ รถสองแถว รถกระป๊อ(Subaruเล็ก) แท็กซี่ก็เรียกง่ายเพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ไม่ต้องเดินไกลหรือผ่านซอยเปลี่ยว มีป้ายรถเมล์และสะพานลอยอยู่ใกล้ๆโครงการเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง ที่สำคัญคือมีรถไฟฟ้า MRT สถานีภาษีเจริญ ในระยะเดินประมาณ 260 ม. เดินจากโครงการไปได้สบายๆ ภายในโครงการเองก็มีรถกอล์ฟรับส่งภายในมาที่หน้าโครงการด้วย ไม่ต้องเดินไกล ด้านในของพื้นที่มีท่าเรือให้สามารถรับส่งได้ด้วยนะครับ
วัสดุ : ทุกห้องจะขายในรูปแบบ Fully Fitted ให้เฉพาะชุดครัว ห้องน้ำ และฉากกั้นต่างๆ ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ประตูห้อง MDF มาพร้อม Digital Door Lock พื้นภายในห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟ Downlight ทั้งหมด ครัวจะได้ Top หินสังเคราะห์ หน้าบานต่างๆเป็นเมลามีนทั้งหมด ผนัง Backsplash ฉาบเรียบทาสี อ่างล้างจานและ Hob & Hood แบบ Curculated จาก Franke ประตูกรอบบานอลูมิเนียมทำสี Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสง ห้องน้ำเป็นสุขภัณฑ์จาก American Standard ทั้งหมด พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ เครื่องปรับอากาศจาก Trane ขนาด 9,000 BTU. สำหรับห้อง 24-32 ตร.ม. แต่ถ้าเป็นห้องใหญ่กว่านี้จะได้เป็น เครื่องปรับอากาศ Trane ขนาด 12,000 BTU. ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus ทางโครงการจะมีให้เลือกระหว่างพื้นที่ยกระดับที่เป็นโต๊ะห้อยขาแบบญี่ปุ่น หรือจะเป็นฉากกั้นแบ่งห้อง ก็สามารถเลือกได้ตามลักษณะการใช้งาน
การออกแบบ : มีการ Set Back จากถนนหลักเพื่อความเป็นส่วนตัวจากเสียงและมลพิษของถนนใหญ่และแนวรางรถไฟฟ้า หน้าโครงการมีร้านค้าให้ใช้งาน และภายในก็มีร้านที่ได้ความเป็นส่วนตัวเฉพาะคนในโครงการด้วย ภายในใช้ประโยชน์จากลักษณะของพื้นที่ได้ดีทีเดียว ทั้งการวางอาคารแยกเป็นสองอาคาร กระจายจำนวนผู้อยู่อาศัย แยกพื้นที่ส่วนกลางกระจายออกทั้งสองอาคาร และได้แนวอาคารช่วยบังแดดให้กับพื้นที่ส่วนสระว่ายน้ำ ฝั่งของตัวอาคารก็มีลักษณะเหมือนกันทั้งสองอาคาร วางโถงลิฟต์ไว้ตรงกลางเข้าถึงง่าย มีห้องให้เลือกหลายรูปแบบ
ห้องพักอาศัยจัดพื้นที่มาหลายรูปแบบให้เลือกตามความชอบ ทั้งแบบครัวปิด และครัวเปิด ห้องน้ำภายในห้องนอน หรือแบบห้องน้ำด้านนอก และการให้เลือกพื้นที่ Plus ได้เอง ของห้อง 1 Bedroom Plus ส่วนห้องน้ำก็ได้คิดถึงการใช้งานจริงมาให้ทั้งการแบ่งสัดส่วนแห้งเปียกด้วยฉากกั้นอาบน้ำ การทำพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้
สาธารณูปโภค : จัดมาให้เยอะกว่าโครงการข้างเคียงในย่านนี้นะครับ แต่ด้วยจำนวนยูนิตที่เยอะก็อาจจะต้องใช้ร่วมกับเพื่อนบ้านจำนวนมากเช่นกัน มีการแบ่งชั้นและพื้นที่ของส่วนกลางอย่างชัดเจน เข้าถึงได้ง่ายและใช้งานสะดวก เพราะแบ่งพื้นที่แต่ละกิจกรรมอย่างชัดเจน ทำให้ลดจำนวนผู้ใช้ในแต่ละส่วนได้ สระว่ายน้ำที่อยู่ในทิศตะวันออกทำให้ได้แนวเงาของอาคารช่วยบังแดดช่วงบ่ายให้ มีร้านค้าให้บริการภายในโครงการทั้งส่วนของ Commercial Shops 4 ร้าน ที่จะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง และส่วน In Building Shops 2 ร้าน ระบบเข้าออกโครงการจะเป็นแบบจดจำทะเบียนรถ ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV และ Face Scan พื้นที่ส่วนกลางภายในจะเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมงทุกพื้นที่ยกเว้นสระว่ายน้ำ เด่นๆจะประกอบไปด้วย Futsal Court สระว่ายน้ำส่วนว่ายออกกำลังกาย ขนาด 8 x 50 เมตร และสระเด็กกับพื้นที่แช่น้ำ ขนาด 35 x 5 เมตร ด้านข้าง Fitness Center ที่ภายในแบ่งออกเป็นหลายส่วน Boxing Corner, Fly Yoga และ Pilates ส่วนภายในห้องจะมีพวก Mini Theater, Karaoke Room, TV Game Room, Board Game Room, Mini Golf Simulator และอื่นๆอีกมากมาย แถมยังมีดาดฟ้าให้ใช้งานด้วย Sky Lounge, Sky Garden แต่ละอาคารจะมีลิฟต์โดยสารให้บริการ 6 ตัว โดยจะมีอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 180.5 : 1
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 78,000บาท/ตร.ม., 28 November 2019
- ทำเล 8.75/10 – บนถนนเพชรเกษม 260 เมตรจาก MRT ภาษีเจริญ และ SEACON บางแค
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – บนถนนใหญ่ มีจุดกลับรถใกล้ๆ ที่จอดรถ 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ไม่ใช้รถ 8.75/10 – ติดถนนใหญ่ 260 เมตรจาก MRT ภาษีเจริญ ฝั่งเดียวกับ SEACON บางแค
- วัสดุ 7.5/10 – Fully Fitted ของมาตรฐาน และมีตัวเลือกให้เลือกสำหรับห้อง 1 Bedroom Plus
- แบบ 8/10 – จัดพื้นที่ส่วนกลางไว้เป็นสัดส่วน มีห้องให้เลือกหลายแบบ
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาเยอะกว่าโครงการข้างเคียง มีความหลากหลายและใช้งานง่าย ส่วนกลาง 24 ชั่วโมง
- MAIN CLASS
- 8.35 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ The Livin เพชรเกษม เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำเลฝั่งธน อาจทำงานในเมือง เน้นเดินทางสะดวก ทั้งขับรถยนต์ส่วนตัว และมีรถไฟฟ้าให้เลือกใช้งาน ใกล้ห้างหลักใช้งานได้สะดวกในระยะเดิน ชอบใช้งานพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย จัดพื้นที่ห้องลงตัว มีให้เลือกหลายแบบ มีงบประมาณ 1.9– 5 ล้านหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 14,000 – 35,000 บาท ยังไงก็ลองพิจารณากันดูนะครับ
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving