สวัสดีครับ รีวิวฉบับที่ 326 Mr.Oe แวะมาทำการบ้านโครงการ The Gallery Bearing ให้ซะทีนะครับ เพราะเรียกร้องมากันหลายท่านเลย แต่เนื่องจากภาระกิจรัดติ้วมากๆ เลยมาทำรีวิวช้าไปหน่อย ไม่ทันช่วงเปิดตัว ต้องขออภัยด้วย อย่างไรก็ดี ทำเลตรงนี้ นับว่าร้อนแรงต่อเนื่อง มีโครงการใหม่ๆ ทยอยเปิดตัวมากมาย สำหรับ The Gallery นี้ ก็เป็น High Rise ตึกที่สองของซอยนี้แล้ว ตัวโครงการมีอะไรดีอะไรเด่น หรือต้องเลือกยังไง เราไปดูด้วยกันครับ 🙂
Fact @ 15 Mar 2013
- The Gallery แบริ่ง
- The Urban Property
- MAIN – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 27 ชั้น 269 ยูนิต
- ที่จอดรถในช่องจอดยังไม่รวมจอดซ้อนคัน 101 คัน คิดเป็น 38%
- ที่ดินประมาณ 1-1-48 ไร่
- 1-2 Bedrooms, Duplex, Penthouse
- พื้นที่ใช้สอย 26.5 – 104.7 ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.76 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 70,000 – 85,000 บาท
- ขายแบบ Fully Furnished + เครื่องใช้ไฟฟ้า
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS บางนา-แบริ่งได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS บางนา-แบริ่ง
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
โครงการนี้พูดเรื่องทำเลง่ายมากเลยนะครับ เพราะ The Gallery อยู่ติดกับ Knightsbridge ที่ผมเคยรีวิวไปแล้ว แถมยังมีรีวิวเจาะลึกทำเลในย่านนั้น ในช่วงตั้งแต่ BTS บางนา – BTS แบริ่งด้วย ดังนั้นผมจะขออนุญาตยก Link มาแปะให้ดูนะครับ สบายเลย 🙂 คนที่ไม่รู้พื้นที่ทำเลนี้ แนะนำให้อ่านทั้งสองอันข้างล่างนี้ครับ แต่ใครที่เคยอ่านรีวิวทำเล Knightsbridge มาแล้ว ก็ข้ามส่วนนี้ไปเลยได้จ้ะ 😀
เอาล่ะ ถ้าอ่านสองอันบนเรียบร้อย เราไปดู รายละเอียดทำเลของ The Gallery กันต่อเลยเนอะ
แผนที่โครงการ ดูยากนิดนึง สาระสำคัญคือโครงการ The Gallery อยู่ในซอยแบริ่ง (สุขุมวิท 107) ตรงปากซอยแยกแบริ่งซอย 6 หรือเข้าซอยแบริ่งมา 360 เมตร โครงการอยู่ขวามือ
แผนที่จาก Google ดูสเกลจริงกันเลย จากหน้าโครงการเดินไปปากซอย 360 เมตร ถ้าเดินต่อไปจนถึงทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า ระยะทางรวมจากหน้าโครงการก็ประมาณ 500 เมตรนะครับ พอเดินไหว แต่วันไหนที่ร้อนมากๆ หรือฝนตก ก็เดินลำบากเหมือนกัน ยังดีที่ซอยนี้เป็นซอยใหญ่ มี Taxi และพี่วิน วิ่งตลอดเวลา สามารถเรียกได้ง่าย เพราะโครงการติดถนนใหญ่ซอยแบริ่งเลย ไม่ได้เข้าซอยแยก คนไม่ใช้รถก็สามารถเลือกอยู่อาศัยโดยมีความสะดวกในระดับใช้ได้ เลือกไปรถไฟฟ้าไม่สะดวกเหมือนโครงการติดบันไดรถไฟฟ้าแน่ๆ แต่ก็พอเดินไปได้ไม่ลำบากนัก ที่สำคัญคือความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการ ในระยะเดินเท้านี่ค่อนข้างสะดวกและมีของเยอะโดยเฉพาะอาหาร ในบริเวณปากซอย ที่ระยะ 2-300 เมตรจากโครงการ ส่วนตรงข้ามแบบเยื้องๆ ก็มี 7-11 สาขาที่ค่อนข้างใหญ่ ไว้ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
การเดินทางโดยรถส่วนตัวค่อนข้างสะดวกครับ เพราะมีทางเลือกหลายทาง เวลาจะไปไหนมาไหน ทั้งทางด่วนบางนา หรือวิ่งตรงตามเส้นทางสุขุมวิท หรือวิ่งไปทางศรีนครินทร์ และถ้าจะไปนอกเมืองสามารถใช้เส้นวงแหวนไปได้หมด เหนือใต้ออกตก สะดวกทุกทาง อ้อมหน่อยแต่ไม่ต้องผ่านเมือง
ในการเลือกห้องในโครงการนี่ต้องเล็งดีๆนะครับ เพราะฝั่งทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ถ้าหันหน้าเข้าหาตัวตึก คือด้านขวามือ) จะถูกประกบด้วยโครงการรุ่นพี่ Knightsbridge ที่ระดับความสูงใกล้เคียงกันเลย (Knightsbridge สูง 25 ชั้น The Gallery สูง 27 ชั้น แต่ชั้น 26+27 ของ The Gallery คือชั้น Facility) ดังนั้นจะโดน Block View กันเอง …. ซึ่งโครงการทราบเรื่องนี้ดี จึงทำการบ้านโดยการออกแบบตึกให้มีหน้าต่างเปิดรับวิวไปทางด้านหน้าและหลังโครงการ (NE-SW) เพื่อจะได้ไม่ต้องโดนบังวิว…รายละเอียดเดี๋ยวผมอธิบายที่ Floor Plan นะ ใจเย็นๆ 🙂
ส่วนทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ (ด้านหลังตึก) ควรเลือกชั้นสูงกว่าชั้น 8 ถ้าเป็นคนซีเรียสเรื่องวิว เพราะจะตัดปัญหาเรื่องตึกเตี้ยๆในซอยบดบังสายตาไปได้เยอะ ทางด้านทิศตะวันออดเฉียงใต้ (ถ้าหันหน้าเข้าหาตัวตึก คือด้านขวามือ) จะยังเป็นพื้นที่โล่ง บ้านสองชั้นแถวๆนั้น แต่ไม่การันตี เพราะมีโอกาสเป็นตึกได้เช่นกัน ส่วนด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ (หน้าโครงการ) ปัจจุบันเป็นสำนักงานขายของ Knightsbridge เป็นที่แปลงใหญ่ซึ่งเจ้าของไม่เดือดร้อนเงิน คงนำไปพัฒนาทำอะไรที่มันได้มูลค่ามากกว่าคอนโดนะ แปลงใหญ่สวยซะขนาดนั้น ดังนั้นจะเลือกทำเลด้านทิศนี้ก็พอจะอุ่นใจอยู่ แม้ว่าเกิดแจ็คพ๊อตลง มีการพัฒนาเป็นอาคารสูง ก็ยังมีถนนคั่น ไม่เบียดกันระยะประชิดแน่ๆ อ้อ แต่ควรเลือกชั้นสูงหน่อยก็ดี เพราะมันติดถนน
สำนักงานขายตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการเลยนะครับ ติดถนนสองด้าน คือถนนซอยแบริ่ง และถนนซอยแยกแบริ่ง 6
สภาพถนนซอยแบริ่ง ที่หน้าโครงการ ตอนกลางวันรถไม่เยอะหรอก แต่เช้าเย็น ก็จะรถเยอะหน่อย
สำนักงานขายมี หมีสีส้มตัวใหญ่เบ้อเร่อ ยืนอยู่หน้าสำนักงาน สังเกตุง่าย ไม่หลงนะ
ปากซอยแบริ่ง 6 ที่อยู่ด้านข้างโครงการ ที่เห็นล้อมรั้วอยู่นั่นคือพื้นที่ของ Knightsbridge
โรงแรมมนต์มณี และ Knightsbridge ที่อยู่ติดกันกับโครงการ The Gallery
เจาะลึกตัวโครงการ
ก่อนจะไปดูโครงการ ขอแนะนำ Developer เจ้าของโครงการก่อนนะครับ ตัว The Urban Property ผมก็เพิ่งรู้จักตอนไปทำรีวิวโครงการ Acqua ที่พัทยานะครับ (อ่านรีวิว Acqua กดตรงนี้) ซึ่งทางเจ้าของโครงการมีฐานการพัฒนาโครงการอสังหาที่พัทยานะครับ ทำมาทั้งแนวราบ และแนวดิ่ง หลายโครงการแล้ว จึงไม่น่าห่วงเรื่องประสบการณ์และการเงินเท่าไร น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนโครงการที่ทำๆมานิยมขายแบบจัดเต็มคือ ให้ของมาเยอะครับ ตัว The Gallery เองก็คงเป็น Project เปิดตัวของเค้าที่กรุงเทพ ก็เลยยังขายด้วยกลยุทธิ์จัดเต็มแบบที่พัทยาครับ แลกกันกับการที่ไม่เป็นที่รู้จักของตลาดในย่านนี้
โมเดลตึก ด้านซ้ายคือซอยแบริ่งนะ เป็นด้านหน้าโครงการ
ทางเข้าออกด้านหน้าโครงการที่ซอยแบริ่ง
ขับรถเข้ามาแล้วไปวนขึ้นที่จอดที่ด้านหลังตึก
The Gallery นี้เขาจะมีชั้นพิเศษคือชั้น 6-17-21-23 ที่มีสวนเล็กๆ อยู่ที่ชั้นนั้นด้วยนะครับ
ชั้น 26 ที่เป็นชั้นดาดฟ้า ทำเป็นสระว่ายน้ำ สวน และพื้นที่นั่งเล่นรับวิว ส่วน ฟิตเนสต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกนิด เป็นชั้น 27 นะครับ
Zoom ให้ดู ชั้นฟิตเนส รับวิวเต็มที่เหมือนกัน
ภายในสำนักงานขาย
สำนักงานขายมองไปฝั่งตรงข้าม เป็น สำนักงานขาย Knightsbridge กันเลยทีเดียว เดี๋ยวว่างๆ ผมเอามา ไฝว้ กันเป็น The Battle of Bearing ดีกว่า
หน้าตาตึกในโบร์ชัวร์
Master Plan ชั้น G จะเห็นแนวการวนรถนะครับ วนเข้าด้านหลังขึ้นไปจอดบนตึก ด้านขวามือมีสวนหย่อมด้วย ส่วน Lobby และ พื้นที่รับแขก ก็อยู่ด้านหน้าตามมาตรฐาน ชั้นนี้มีที่จอดรถในอาคารด้วยนะนับช่องจอดได้ 15 คัน
ชั้น 6 ชั้นเริ่มต้นของส่วนพักอาศัย ตัวผังจัดแบบตัว L มีสวนเล็กๆ นั่งเล่นได้ ลิฟท์โดยสาร มี 2 ตัว ต่อ 269 ห้อง อัตราส่วนลิฟท์เท่ากับ 135 ห้องต่อลิฟท์โดยสารหนึ่งตัว เกินค่ามาตรฐานไปประมาณ 30% ก็จะมีผลต่อการรอนานหน่อยในชั่วโมงเร่งด่วน ชั้นนี้มีห้องอยู่ 15 ห้อง ไม่มาก ไม่น้อย มีห้องติดสวนอยู่ 2 ห้อง คือ 605-606 ซึ่งมีดีมีเสีย ดีที่ได้บรรยากาศสวนเขียวๆ เสียตรง Privacy แหม กล้าออกมาตาก กกนที่ระเบียงไหมอ่ะ ตอนมีคนนั่งเล่นที่สวนอ่ะ ห้อง 609 อยู่ติดลิฟท์โดยผนังส่วนห้องน้ำกับห้องนั่งเล่น ติดผนังลิฟท์เลย แถมประตูหน้าก็ติดๆกับประตูหน้าของห้อง 608 กันเลยทีเดียว แนะนำให้ทำความรู้จักหนิทหนมกันไว้เยอะๆ เป็นแฟนกันได้เลยก็ดี จะได้ Combine ห้องให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
ส่วนที่ทิ้งขยะ อยู่ค่อนมาทางด้านซ้าย แปะอยู่กับตรง Service Lift ซึ่งห้องที่อยู่ตรงข้ามห้องทิ้งขยะได้แก่ ห้อง 603 นะครับ ส่วนห้อง 601+616 ที่อยู่ซ้ายสุด จะอยู่ใกล้กับตึก Knightsbridge แต่เขาออกแบบมาดี ให้หน้าต่างเปิดรับวิว หันไปด้านหน้าและหลังโครงการ จึงไม่มีปัญหาเรื่องวิวนะครับ
โครงการออกแบบละเอียดใช้ได้นะครับ โปรดสังเกตุแนวประตูที่พยายามทำเหลื่อมกัน (มีตรงกันอยู่สี่ห้องคือ 601-616, 602-615) จะได้ Privacy เพิ่มีกนิด เวลาเปิดประตูไม่ต้องกลัวเพื่อนห้องตรงข้ามเห็นในห้องเราว่า รกขนาดไหน ใกล้ระดับป่าดงดิบหรือยัง .. และอีกข้อคือโถงทางเดิน ตัว L แบบนี้ ห้องที่จะชนสามแพร่ง เขาหลบและแก้โดยการวางตำแหน่งลิฟท์ที่แม่นมากครับ
ชั้น 7-16 จะคล้ายๆกับชั้น 6 แต่ไม่มีสวน และห้อง 704,705,706,707 ก็จะเสีย Privacy หน่อย พราะจะมองเห็นระเบียงกันในระยะใกล้ๆ และอาจจะส่งห้องนอนกันได้ในบางมุม ส่วนห้องติดลิฟท์ และตรงข้ามห้องขยะ ยังเหมือนเดิม
ชั้น 17 มีสวนเล็กๆ เพิ่มเข้ามาแล้วนะครับ ตัวผังคล้ายๆกันกับชั้น 6 นั่นแหละ แต่มีห้องใหญ่เพิ่มเข้ามาที่มุมอาคาร ทำให้ชั้นนี้มีเพื่อนร่วมชั้นเหลืออยู่แค่ 13 ห้องนะครับ
ชั้น 21 มีสวนเหมือนกัน แต่มีของเพิ่มมาอีกอย่างคือ Sky Lounge เป็นพื้นที่สวนและที่นั่งเล่นรับวิว ที่ดีสำหรับหลายๆห้องที่วิวไม่สวยจะได้มาใช้ได้ ชั้นนี้ไม่ใช่ตัว L ละนะ จะกลายเป็นตัว I แทน ห้องเหลือน้อยลง เหลือแค่ 9 ห้องเท่านั้น เป็นห้องใหญ่ ไปซะ 4 ห้อง
ชั้น 22 ขึ้นไป กลายเป็นตัว I แล้วนะ ห้องใหญ่กลายเป็น 6 ห้อง เหลือห้องเล็กแค่ 3 ห้อง
ชั้น 26 ชั้นดาดฟ้า ทำเป็นพื้นที่สำหรับทุกคน มีสระว่ายน้ำ สวน พื้นที่นั่งเล่น ตัวสระจะแคบนิดนึง ว่ายสวนกันได้สองคน เอาไว้แช่น้ำผ่อนคลายรับวิวก็สบายๆ ส่วนถ้าจะออกกำลังกายก็พอไหวอยู่ครับ
ชั้น 27 ต้องเดินขึ้นบันไดมาจากชั้น 26 ชั้นนี้ มีแค่ Fitness นะครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- สระว่ายน้ำ
- ห้องออกกำลังกาย
- ห้องสมุด
- สวนหย่อมชั้น G และสวนลอยฟ้าชั้น 6-17-21-23
- Sky Lounge
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 135:1
- ที่จอดรถในช่องจอดในอาคาร 101 คันหรือ 38%
- ระบบ CCTV / Access Card
- Reception & Concierge
Product Walkthrough
ห้องตัวอย่างมีให้ดู 3 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 2 ห้อง และ ห้อง 2 Bedroom 1 ห้อง ผมเลือกมาให้ดู 2 ห้องนะครับ คือ 1 Bedroom 29 ตารางเมตร และ 2 Bedroom 53.1 ตารางเมตร ขอเริ่มจากห้อง 1 Bedroom กันก่อนเนอะ
ห้องเขาขายแบบ Fully Furnished + แอร์ + เครื่องใช้ไฟฟ้า (TV LED 32 นิ้ว, ตู้เย็น 7 คิว, ไมโครเวฟ 20 ลิตร, เครื่องซักผ้า 6.5 กก) ส่วนการจัดห้อง จัดแบบ 1 Bedroom ที่กั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ชิ้น ได้ครัวแยก ห้องน้ำเปิดเข้าจากด้านเดียวกับครัว ส่วนของระเบียงเล็กไปนิดนะ แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย
ระยะพื้นถึงฝ้า 2.6 เมตรนะจ๊ะ
ประตูหน้าห้อง
ระบบ Lock ได้ระบบล็อคด้วย key card คล้ายตามโรงแรม
พื้นห้องเป็นพื้นลามิเนต ตัวจบตรงธรณีประตูยังไม่ confirm นะครับ
เปิดประตูเข้ามาจะเป็นส่วน Living Area แบบนี้
ชุดโซฟาดูทีวีที่เขาจัดให้
ที่วางทีวี และ ทีวีที่แถม
มองย้อนกลับไปที่ประตู ให้ดูระยะดูทีวี ก็พอได้แต่จัดจอใหญ่ไม่ได้นะจ๊ะ
ชุดชั้นวางทีวี และตู้เก็บของที่เขา Built มาให้
โต๊ะทานข้าววางอยู่ระหว่าง โซฟาและห้องนอน ตำแหน่งการวางน่ะวางได้นะ แต่นั่งจริงไม่ได้ เพราะเลื่อนเก้าอี้อีกตัวถอยออกไม่ได้มันติดโซฟา ถ้าไม่อยากนั่งกินข้าวตนเดียวแบบเหงาๆ ก็ต้องเลื่อนโซฟาไปทางประตู ยอมดูเกะกะหน่อย และ โซฟาไม่ center กะทีวีหน่อย ดีกว่าต้องนั่งกินข้าวคนเดียวนะเออ 😉
ที่นั่งทานข้าว ติดกับประตูกระจกบานเลื่อนด้วย
ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ชิ้น กั้นห้องนอนกับห้องนั่งเล่น เป็นกระจกใส ถ้าอยากได้ Privacy ก็ติดม่านเอา อ้อการอยู่ห้องที่กั้นด้วยกระจกแบบนี้ เวลาเมาๆให้ทำตัวดีๆ อย่าเดินชนกระจกหรือทะเลาะกะกระจก มันจะแตก และห้ามทะเลาะกะแฟน เพราะเดี๋ยวขว้างนู่นนี่โดนกระจกแตกได้อีก
พอเลื่อนปิดแล้ว มันก็ใสๆแบบนี้ ระวังจะเดินชนนะเออ ….. ข้อดีของการเป็นประตูกระจกแบบนี้คือแสงธรรมชาติจากหน้าต่างห้องนอนมันสาดส่องมาถึงห้องนั่งเล่นด้วย จะได้ไม่มืดมัวอึดอัด
ห้องนอน
ปลายเตียง ถ้าจะติดทีวี ต้องแขวนผนังเท่านั้น
ตู้เสื้อผ้าที่เขา Built มาให้ ซึ่งคงไม่พอใส่สำหรับใครหลายคนที่กำลังอ่านอยู่นี้
โต๊ะอเนกประสงค์ใช้นั่งแต่งหน้าแต่งตัวได้
ช่องหน้าต่างได้กว้างประมาณนี้
ออกไปดูครัวกันมั่ง
ครัวได้ Pantry และตู้แขวนผนัง ขนาดเท่าที่เห็น ตัวเครื่องซักผ้าวางตรงนี้นะไม่ใช่วางระเบียง
Counter Top แกรนิต ติดผนังกระจกกันเลอะเทอะให้เรียบร้อย มี Sink + เตา + เครื่องดูดควัน + ไมโครเวฟ + ตู้เย็น + เครื่องซักผ้าแถมมาเสร็จสรรพ
Pantry อีกมุม
เดินออกไประเบียงลำบากหน่อยนะ มีธรณีก่อสูง และห้อง Type นี้จะมีเสาอยู่ด้านนอก ตรงระเบียง ทำให้ระเบียงมันแคบลง
ประตูระเบียงวางบนธรณีก่อแบบนี้
แอร์ให้ Mitsubishi แขวนคอมแอร์แบบนี้ ระเบียงมันจะมีลมร้อนอบๆหน่อยนะ ตากผ้าแห้งเร็วดี แต่จะออกมายืนหรือปลูกต้นไม้คงจะไม่ไหว
ห้องน้ำอยู่ติดกับครัว
พื้นห้องน้ำลดระดับ และธรณีกั้นด้วยหินแกรนิต ความชื้นและน้ำจะได้ไม่มาโดนพื้นลามิเนตในห้อง
ภาพรวมพื้นที่ห้องน้ำ
ห้องน้ำมีที่วางของจุกจิกเยอะใช้ได้
อ่างล้างหน้า American Standard
โถสุขภัณฑ์ American Standard
ช่องเก็บของที่เค้า Built มาให้
พื้นที่ยืนอาบน้ำ ไม่เล็กไม่ใหญ่อาบได้ 1 คน
ชุดฝักบัวที่ให้มา พร้อมกับที่วางสบู่อันเล็กๆ มองไม่เห็นกันล่ะซี 😀 ดูดีๆดิ มันใส
สวิทช์ไฟของ Panasonic
ต่อด้วยห้อง 2 Bedroom 53.1 ตารางเมตร ห้องนี้เอาแบบตรงๆ น่าจะเรียกว่า 1 +1 มากกว่านะ เพราะห้องนอน 2 มันเล็กจัง เหมาะทำเป็นห้องทำงาน ห้องเลี้ยงเด็ก ห้องผ้า หรือห้องอเนกประสงค์มากกว่า ส่วนครัวได้เป็นครัวเปิด Pantry ตัว L ที่รวบเอาโต๊ะทานข้าวมาฟีเจอริ่งด้วย แถมแอบเอาเครื่องซักผ้ามาซุกไว้ด้วย ออกแบบมาได้ดีสำหรับคนไม่ทำอาหารหนักหน่วงนัก เพราะใช้พื้นที่ได้คุ้มดีตรงส่วนครัวนะ ตรงโซฟานั่งดูทีวีวางชิดกับระเบียงยาวตลอดแนว น่าเสียดายที่ไม่หันคอมแอร์ให้เป่าลมร้อนออกด้านนอก ทำให้ใช้ประโยชน์ระเบียงได้ไม่เต็มที่ จะมีลมร้อนจากคอมแอร์เป่าอบตลอดเวลา น่าตากผ้าเป็นยิ่งนัก ห้องน้ำมีมาให้ 2 ห้อง แต่เป็นห้องเล็กทั้งคู่
เปิดประตูเข้ามาจะเป็นส่วน Living Area แบบนี้
ผนังส่วนด้านนี้ Built ตู้มาให้ เยอะเลย
มองย้อนกลับไปที่ประตู ดูตำแหน่งครัว
ขวามือนี่คือตู้เก็บของและรองเท้า
ครัวชุดนี้ลงตัวดีแล้ว สำหรับห้องนี้ โปรดสังเกตุวิธีวางเครื่องซักผ้าของเค้านะครับ วางได้เป๊ะมาก เพราะซ้ายมือคือห้องน้ำ และห้องเล็ก ซึ่งการลำเลียงผ้ามาซักจะสะดวกดี เวลาเราจะป้ายน้ำยาอะไรที่ผ้าก่อนซัก ก็ป้ายมันในห้องน้ำได้ จะเปียกจะเลอะก็ช่างมัน แล้วก็เอามายัดลงถังซักผ้าที่อยู่ติดกันได้เลย เป็นการวางตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งานครับ ส่วนตู้เย็นจะวางตัวใหญ่กว่านี้ก็ได้ พื้นที่พอจะวางได้ลองวัดพื้นที่ดูก่อนซื้อมาวางนะ
โต๊ะทานข้าว 4 ที่นั่งตรงนี้ แคบไปนิด แต่ก็ชดเชยด้วยประโยชน์เพิ่ม คือสามารถทำเป็นโต๊ะเตรียมอาหาร หรือทำครัวร่วมกันในครอบครัวได้ เพราะมันต่อเชื่อมอยู่กับ Pantry เลย
Pantry ตัว L Spec เหมือนห้อง 1 Bedroom ผนังติดกระจกกันเลอะเทอะเรียบร้อย
ตู้แขวนเก็บของ เยอะใช้ได้ แต่ดูดีๆ จะพบว่าหยิบของยากมิใช่น้อย 🙂 วางของเบาๆหยิบจับง่ายๆ นะครับ
ชุดโซฟาดูทีวี วางติดระเบียง
ระยะและพื้นที่เล็กไปนิดนึง แต่ถ้าอยู่กัน 2 คนก็ไม่เป็นไร
โซฟาที่เขาให้
ชุดตู้วางทีวี วางของจุกจิกได้เรียบร้อย
ระเบียงแนวยาว ตากผ้านวมได้ แต่ปลูกต้นไม้ไม่ได้ น่าเสียดายจริง เพราะมีคอมแอร์ 3 ตัวเป่าลมร้อนมาระเบียงเต็มๆ
พื้นระเบียงจะปรับ slope และลดระดับนิดหน่อย รวมทั้งมีตัวธรณีก่อกั้นไว้ ส่วนประตูกั้นด้วยกระจกบานเลื่อนนะครับ
คอมแอร์ 3 ตัว นี้ เป่าลมร้อนอบระเบียงเต็มๆ จริงๆแล้วถ้าเป่าลมร้อนออกนอกอาคารจะสามารถใช้ประโยชน์ระเบียงได้ดีกว่านี้
พอเปิดม่าน แสงธรรมชาติสาดไปถึงครัวเลย
ไปดูห้องนอนแต่ละห้องมั่ง
อันนี้ห้องนอน 2 ที่ผมว่าน่าจะทำเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์จะเหมาะกว่า
ดูปลายเตียงดิ ขนาดวางเตียงเล็กยังติดเลย แต่ถ้าเป็นเด็กๆ ก็พออยู่ได้อยู่นะ
เตียงฟิตพอดีเป๊ะ
ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะอเนกประสงค์
ภาพรวมพื้นที่ห้องน้ำ นอนเล็กและ Living area ตรงส่วน Shower Box เล็กนิดนึง อาบดีๆ อย่าลีลาเยอะ ส่วนอ่างล้างหน้าวางตำแหน่งชิดผนังด้านขวาแบบนี้ คนถนัดขวาแอบเซ็ง เวลาแปรงฟันอย่ากางศอกเยอะ ศอกจะกระแทกผนังและแปรงสีฟันมันจะหลุดมือ คงจะเซ็งมิใช่น้อย
ห้องนอน master bedroom มันจะยาวๆนะ จุดดีและจุดเสียมาพร้อมกัน คือมีหน้าต่างสองด้าน ที่เห็นเป็นม่านปิดอยู่ เวลาเปิดหน้าต่างทั้งคู่ลมโกรกดีแน่นอน แต่ตำแหน่งวางทีวีที่ด้านหลังเป็นหน้าต่างนี่ไม่ค่อยเหมาะ เพราะแสงมันแยงตา จึงต้องปิดม่านตลอด แถมจะแขวนทีวีที่ผนังก็ไม่ได้อีก เลยต้องวางบนตู้วางทีวี (Side Board) เลยเกะกะพื้นที่นิดนึง
เนี่ยอ่ะ ให้ดูตำแหน่งวางทีวีปลายเตียง
ตู้เสื้อผ้า หน้าบานกระจก เอาไว้เช็ครูปร่างตัวเองได้ ว่าหลอนหรือกลมได้ที่หรือยัง
ห้องน้ำ อยู่ด้านนู้นนะจ๊ะ 🙂
ภาพรวมห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ได้ Shower Box กระจกโปร่ง บางคนแอบดีใจที่ไม่มีอ่างอาบน้ำ จะได้หาข้ออ้างไปอาบน้ำนอกสถานที่กันไป ซึ่งไม่ใช่ผมแน่นอน เพราะที่บ้านมีอ่างอาบน้ำฮับ 😀
พื้นที่ยืนอาบน้ำชัดๆอีกที
ช่วยมองหาที่วางสบู่กันหน่อย 🙂 มีให้นะ แต่มันอันเล็กๆอ่ะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 15/03/2013
- 1 Bedroom 26.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นรวมโปรโมชั่น 1.79 ล้านบาท หรือ 67,550 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedrooms 52.0 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นรวมโปรโมชั่น 3.74 ล้านบาท หรือ 71,925 บาทต่อตารางเมตร
- Duplex 2 Bedroom 102.4 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นรวมโปรโมชั่น 8.85 ล้านบาท หรือ 86,425 บาทต่อตารางเมตร
- Penthouse 3 Bedroom 100.1 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นรวมโปรโมชั่น 8.77 ล้านบาท หรือ 87,600 บาทต่อตารางเมตร
- Fully Furnished + แอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
- 1 Bed จอง 20,000 บาท, 2 Bed จอง 40,000 บาท, Duplex & Penthouse จอง 60,000 บาท
- 1 Bed ทำสัญญา 60,000 บาท, 2 Bed ทำสัญญา 120,000 บาท, Duplex & Penthouse ทำสัญญา 200,000 บาท
- ดาวน์ 12% ผ่อนได้ 24 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
The Gallery ตั้งอยู่ติดถนนซอยก็จริงแต่แบริ่งเป็นซอยใหญ่ที่เชื่อมต่อได้กับถนนหลักหลายสาย ความอุดมสมบูรณ์จัดว่าดี มีร้านค้าร้านอาหารเยอะแยะค่อนข้างสะดวก การเดินทางโดยรถส่วนตัวเข้าออกเมืองสะดวกใช้ได้มีทางเลือกให้ไปหลายทาง ทั้งทางด่วนบางนา วิ่งตรงเข้าสุขุมวิท หรือออ้อมเข้าไปทางศรีนครินทร์ ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัวมีทางเลือกเยอะ ทั้งพี่วิน พี่เมล์ Taxi สองแถว หรือจะเดินไป BTS ก็พอได้ที่ระยะประมาณ 500 เมตรถึงสถานี โครงการติดถนนหลักจะได้เปรียบโครงการในซอยแยกหรือซอยลึกตรงเรียกหารถได้ง่ายหน่อย
ทำเลแบริ่งนี้คึกคักมาสักระยะหนึ่งแล้ว และคงจะมีการพัฒนาต่อเนื่องกันอีกยาวๆ เพราะปัจจัยทั้งด้านขนาดของถนนซอยที่กว้าง รถไฟฟ้า และการคมนาคมสะดวก ที่สำคัญ ฝั่งด้านโครงการเป็นเขตสมุทรปราการ ไม่ใช่กรุงเทพ ซึ่งข้อกำหนดบังคับและความยืดหยุ่น เอื้อต่อการทำโครงการมากกว่าฝั่งกรุงเทพที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนครับ รวมถึงราคาที่ดินที่ยังพอหยิบจับได้ เลยเป็นตัวเร่งอันดีให้ Developer ทั้งหลาย มาสร้างโครงการที่นี่กันเยอะเชียว อ้อ Local Demand คนสมุทรปราการนี่ไม่เบานะครับ เพราะนอกจากคนพื้นที่แล้ว ยังมีคนทำงานย่านนี้ ที่ต้องการมีบ้านใกล้รถไฟฟ้ากันอีกเยอะ
โครงการนี้ราคาเริ่ม 67,000 บาทต่อตารางเมตร เป็นราคาโปรโมชั่นนะครับ ราคาปกติที่หยิบจับกันจริงจะอยู่ เจ็ดหมื่นกลางไปจนถึง เกือบเก้าหมื่นต่อตารางเมตร ราคาค่อนข้างแตกต่างกันมาก เวลาจะเลือกหยิบสักห้อง ดูกันให้ละเอียดหน่อยนะครับ ห้องขนาดเท่ากัน คนละทำเล คนละชั้น ราคาไม่เท่ากันแน่ๆ แถมอาจจะต่างกันมากด้วย
การออกแบบ ไม่พูดเรื่องความสวยงามนะครับ เพราะเป็นสิ่งที่แต่ละคนต้องมองกันเอง เพราะชอบไม่เหมือนกัน โครงการนี้ออกแบบได้ละเอียดทีเดียวในส่วนของอาคารและพื้นที่ส่วนกลาง เรียกว่าทำการบ้านมาเพื่อไม่ให้ด้อยกว่า Knightsbridge ที่อยู่ติดกัน แถมมีแทรกสวนไว้ตามชั้นพิเศษต่างๆ เหมือนกันอีกต่างหาก การเอา Sky lounge สระว่ายน้ำ สวน และ Fitness ไปไว้ชั้นบนๆและดาดฟ้า ก็ถือว่าออกแบบการใช้งานได้ดี เพราะมีการกระจาย Facility ไว้ให้ใช้ได้หลายๆจุด และบนดาดฟ้ายังได้วิวที่สวยน่าใช้มี Privacy กว่าเอาไว้ข้างล่างเยอะ … แต่ตัวห้องออกแบบมาได้ยังไม่เป๊ะมากนักสำหรับคนแถวนี้ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่ยังไงๆ ก็อยากได้อ่างอาบน้ำ โดยเฉพาะถ้าเป็นห้องใหญ่ครับ ส่วนของระเบียงก็ใช้งานได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากลมร้อนของคอมแอร์
วัสดุอุปกรณ์ที่ให้มา เรียกว่าจัดมาเต็มเหนี่ยว ได้ของตามมาตรฐาน และให้มาเยอะแยะแบบครบเลย นะครับ Fully Furnished แถมเครื่องไฟฟ้า และแอร์ สำหรับห้องที่ราคาต่ำกว่า 80,000 บาทต่อตารางเมตรนี่เรียกว่าได้เยอะสำหรับทำเลนี้
สาธารณูปโภคส่วนกลางกระจายกันดี มีครบ น่าใช้ แต่ที่จอดรถจะน้อยไปหน่อย จอดในช่องจอด 38% นี่ต้องลุ้นให้คนเช่าอยู่เยอะๆก็แล้วกัน
ในส่วนของ Developer เป็นหน้าใหม่ในกรุง แต่ก็โชกโชนมาจากการพัฒนาโครงการที่พัทยา ซึ่งผมไม่ได้การันตีให้นะครับว่า ดีหรือไม่ดี เพราะผมก็ยังไม่เคยเห็นผลงานและบริการหลังการขายที่กรุงเทพ ซึ่งเชื่อว่าทางเจ้าของโครงการเขาก็รู้ถึงจุดนี้ดี จึงจัดของมาให้แบบเต็มที่แบบนี้ ก็ต้องแลกกันครับ Brand ยังไม่ดังในพื้นที่ก็ต้องจัดเต็มเป็นของธรรมดา
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 80,000 บาทต่อตารางเมตร (แปลว่าถ้าซื้อถูกกว่านี้ก็ให้คะแนนเพิ่มเองได้ ถ้าซื้อแพงกว่านี้ก็ลดคะแนนเองได้นะครับ)
- ทำเล 7.75/10 – เหมาะกับคนย่านนี้ หรือทำงานแถวนี้
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางสะดวกสำหรับคนย่านนี้ แต่ที่จอดรถอาจจะไม่พอนะ น้อยไป
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – มีทางเลือกเยอะ สะดวก
- วัสดุ 9.25/10 – ให้มาเยอะดี มีของดีหลายอย่างด้วย
- แบบ 8.5/10 – ออกแบบได้ดีครับ ละเอียดดี มีจุดบกพร่องที่ไม่สมบูรณ์บ้างแต่แก้ไขไม่ยาก เพราะส่วนมากอยู่ในห้อง
- สาธารณูปโภค 8.0/10 – จัดมาให้ดี แต่ตกม้าตายตรงลิฟท์กะที่จอดรถที่จัดมาให้น้อยไปนิด
- MAIN – UPPER CLASS
- 8.04 / 10.00
BOTTOM LINE
The Gallery เป็นโครงการที่เหมาะกับคนทำงานย่านนี้ หรือชอบทำเลแถวนี้ มองหาโครงการคอนโดวิวโล่งๆสูงๆ มี Facility ให้ใช้งานเยอะ อยู่ไม่ไกลรถไฟฟ้า ไม่เน้นใช้รถ หรือสามารถยืดหยุ่นเรื่องการเดินทางได้ มีอุปนิสัยซื้อของมองที่ฟังค์ชั่นที่เหมาะกับตัวเองมากกว่าพลิกหาป้าย Brandname ที่คุ้นเคย มีงบประมาณในระดับ 1.8 – 10 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,000 – 70,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ