รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ THE BASE Sukhumvit 50 คอนโด Low Rise ใกล้ทางด่วนและโลตัสอ่อนนุช จาก แสนสิริ [รีวิวฉบับที่ 2006]

9 ธันวาคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1669 สวัสดีค่ะ โครงการ The Base สุขุมวิท 50 เป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 50 ใกล้กับ BTS อ่อนนุช และทางด่วน 2 เส้นทาง ออกแบบภายใต้แนวคิด Camouflage หรือการพรางตัว ซ่อนพื้นที่มุมส่วนตัว มีพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย และมีห้องให้เลือกหลายเเบบ ในราคาเริ่มต้นที่ 2.29 ล้านบาท เราไปชมกันค่ะ

Fact @ 28 August 2018

  • The Base Sukhumvit 50 (เดอะ เบส สุขุมวิท 50)
  • บริษัท สิริ ที เค ทรี จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซอยสุขุมวิท 50 เขตคลองเตย
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 415 ยูนิต
  • อาคารคลับเฮาส์ สูง 2 ชั้น 1 อาคาร
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิต
  • ที่จอดรถไม่รวมจอดซ้อนคันประมาณ 151 คัน คิดเป็น 36.38% ที่จอดรถแบบจอดซ้อนคันอีก 41 คัน คิดเป็น 10%
  • ที่จอดรถจักรยานยนต์ 5 คัน
  • ที่ดินประมาณ 3 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  พฤษภาคม 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธันวาคม 2562
  • 1 Bedroom 25 – 26.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 30.75 – 32 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 34.25 – 42 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 45.5 – 56.75 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 115,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแลัว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • Call Center : 1685

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัดที่ตั้งโครงการ : 13.705449, 100.592213
พิกัด Sale Gallery (ห้างสรรพสินค้า Century The Movie Plaza Sukhumvit ติดกับ BTS อ่อนนุช) : 13.705920, 100.601663

จากเเผนที่ของโครงการ The Base สุขุมวิท 50 ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 50 เส้นทางการเดินทาง สามารถเข้า – ออกได้จากทั้งถนนสุขุมวิท , ถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ และมีทางด่วนใกล้เคียงอยู่ 2 เส้น คือทางด่วนฉลองรัช และ ทางด่วนเฉลิมมหานคร อีกทั้งยังใกล้กับแนวรถไฟฟ้า BTS สถานีอ่อนนุชอีกด้วยค่ะ นับว่าในแง่การเดินทางเเล้ว เป็นทำเลที่สะดวกทั้งการเดินทางทางรถ เเละยังมีตัวเลือกรถไฟฟ้าสาธารณะในละเเวกที่สามารถเข้าถึงได้สะดวกอีกด้วยนะคะ

ทำเลที่ตั้งโครงการ ตั้งอยู่ในย่านที่พักอาศัยขนาดใหญ่แถบอ่อนนุช ซึ่งจะมีทั้งที่พักอาศัยแนวราบและคอนโดอยู่สลับกันเต็มไปหมด ในช่วงหลังๆมานี้ก็จะคึกคักไปด้วยคอนโดเนื่องจากความเจริญเริ่มกระจายตัวออกมาเรื่อยๆ ส่วนสภาพแวดล้อมโดยรวมอย่างที่ทราบกันดีว่าย่านอ่อนนุชนี้มีความอุดมสมบูรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครัน ราคาถูกลงมาหน่อย น่าคบหาเมื่อเทียบกับแถบถนนสุขุมวิทชั้นในอย่าง ย่านอโศก, ทองหล่อ, เอกมัย

สำหรับที่ตั้งโครงการ The Base สุขุมวิท 50 จะอยู่บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 50 เลยใต้ทางด่วนฉลองรัชก็เตรียมตัวเลี้ยวขวาเข้าซอยเริ่มเจริญเลย บริเวณต้นซอยจะเป็นอาคารสำนักงาน โกดัง เข้าไปด้านในช่วงบริเวณที่ตั้งโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยเกือบทั้งหมด ข้อดีของที่ตั้งลักษณะนี้คือ เป็นทำเลเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน เพราะเป็นซอยตันจึงไม่มีรถวิ่งผ่านตลอดเวลา ไม่มีเสียงรบกวนจากการจราจร และไม่มีอาคารสูงบดบังวิวหรือทัศนียภาพ ข้อเสียก็จะติดตรงที่ว่าถนนซอยนี้ค่อนข้างแคบหน่อย ทำให้สัญจรลำบากนิดนึงค่ะ แต่ก้มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ในซอยนะคะ

เรามาดูเส้นทางต่างๆกันดีกว่าค่ะ ว่าถนนอะไรจะพาเราไปยังที่ไหนกันได้บ้าง

  • ถนนสุขุมวิท 50 ก็จะพาเราไปออกยังถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นเส้นทางของรถไฟฟ้า และพาไปยังถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำได้
  • ถนนสุขุมวิท เป็นเส้นทางเดียวกันกับทางเดินรถไฟฟ้า จากถนนเส้นนี้สามารถพาเราเข้าเมืองไปยังสยามได้ หรือพาเราออกนอกเมืองไปยังบางนาได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีทางเเยกไปยังถนนต่างๆอีกหลายสาย เช่นที่ใกล้ๆโครงการเราก็จะมีถนนอ่อนนุช ถนนสุขุมวิท 71 หรือพระโขนงที่จะพาเราไปยังรามคำแหง หรือ ถนนเอกมัย ที่จะพาไปยังเอกมัย-รามอินทราได้
  • ถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ ถนนเส้นนี้จะมีรถบรรทุกวิ่งผ่านเยอะหน่อย เพราะเป็นถนนที่ใกล้กับท่าเรือ สามารถใช้เดินทางไปยังโซนพระราม 4 หรือจะไปยังปากน้ำ สำโรง ปู่เจ้าได้ค่ะ

สำหรับการเดินทางแบบพึ่งพารถสาธารณะภายในซอยสุขุมวิท 50 ที่เป็นซอยหลักด้านหน้านั้น ก็มีหลากหลายให้เลือกสรรทั้ง รถสองแถว วินมอเตอร์ไซต์ รวมไปถึงตัวโครงการมี Shuttle Bus รับ – ส่งสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชตรงโลตัสอีกด้วยค่ะ แต่จะให้บริการเป็นช่วงเวลา ต้องรอทางนิติบุคคลเเจ้งเวลาให้บริการอีกทีนะคะ

สภาพแวดล้อมเเละชุมชน… อ่อนนุชเป็นเหมือนทำเลที่มีทุกอย่างพร้อม และอำนวยความสะดวกแก่การใช้ชีวิตในคอนโดมาก จึงมีโครงการใหม่ๆขึ้นมากมายหลายโครงการทั้งรอบๆรถไฟฟ้าเองและถนนใกล้เคียง ด้วยความที่เป็นสุขุมวิทชั้นนอกเขยิบออกมาหน่อยสาธารณูปโภคอาจจะมีราคารองลงมาจากสุขุมวิทชั้นใน เช่น ร้านอาหาร ที่เที่ยว กินดื่มต่างๆ อาจจะบ้านๆกว่า ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะว่าก็ยังถือว่าออกมาจากสุขุมวิทชั้นในเพียงสถานีเดียว (หลังจากข้ามคลองพระโขนง) ส่วนความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยนั้นเรียกว่าสะดวกมากเดียว

สำหรับความอุดมสมบูรณ์นั้นอย่างที่บอกไปว่าย่านนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีคอนโดอยู่เยอะมากทำให้มีพวก Hypermarket และ Community Mall ทยอยมาเปิดกันอย่างคึกคักมีทั้ง Tesco Lotus ที่อยู่ติด BTS อ่อนนุช, Big C Extra ในซอยอ่อนนุชรวมถึง ตลาดสดที่อยู่ตรงข้ามด้วย ส่วน Community mall จะมี 2 จุดที่ใกล้ๆคือ Phyll และ Century Movie Plaza  เป็นแหล่งทานข้าวดูหนังที่ใกล้โครงการที่สุด แบบที่ไม่ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปต่อที่ไหนเลย

แต่ถ้านับจากที่ตั้งโครงการเราเอง.. การจับจ่ายซื้อของหลักๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น Tesco Lotus ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยโครงการ ซึ่งเป็นห้างค่อนข้างใหญ่ หากใครที่ชื่นชอบการทำอาหารเองก็จะมีตลาดสดอย่างตลาดอ่อนนุช และตลาดพระโขนงให้เลือกใช้บริการในระยะทางไม่ไกลมากนัก ประมาณ 2.5 – 3 กม.

ภาพบรรยากาศรถไฟฟ้า BTS สถานีอ่อนนุช

บรรยากาศห้างสรรพสินค้า Century The Movie Plaza ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Sale Gallery ของโครงการ The Base สุขุมวิท 50 ( ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ) โดยข้างในอาคารก็จะมีร้านอาหารมากมาย มีทั้งร้านกาแฟอย่าง Starbucks หรือชานมชื่อดังแบบ Koi The อีกทั้งยังมีโรงหนังอยู่ชั้นบน เอาใจคนรักหนังจริงๆ ถ้าคนไหนอยู่อาศัยเเถวนี้แล้วอยากดูหนังก็เรียกได้ว่าสามารถเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ มาส่งเเละดูหนังชิวๆได้เลยในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือจะเเวะก่อนกลับบ้านก็สะดวกดีนะคะ คือเราไม่ต้องต่อรถไฟฟ้า 2-3 รอบเพื่อเเวะดูหนังที่รถไฟฟ้าสถานีอื่นค่ะ

ฝั่งตรงกันข้ามกับ Century The Movie Plaza จะมี Tesco Lotus อ่อนนุชอยู่ ซึ่งนอกจากจะเป็น Hyper Market ที่มีชื่อเสียงมีสินค้าทั้งของสด-ของใช้ให้เลือกซื้อกันเเล้ว ยังเป็นจุดที่มี Food Court ขนาดใหญ่ และร้านอาหารให้เเวะซื้อกินก่อนไปทำงานหรือก่อนกลับบ้านก็ได้ เป็นจุดที่มี Traffic หรือคนเข้า-ออกเยอะมากๆอีกจุดนึงเลยนะคะ สำหรับคนที่ต้องการใช้รถไฟฟ้าเเวะไปทำธุระไม่นานมาก ก็สามารถขับรถมาจอดตรงนี้ได้ 3 ชม.ฟรีด้วย และข้างหน้า Tesco Lotus ก็จะมีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่ เราก็สามารถนั่งเข้าเมืองได้ เช่นนั่งไปลงตรง Emporium เพื่อไปวิ่งที่สวนเบญฯ เป็นต้นค่ะ

อีกหนึ่งข้อได้เปรียบของซอยสุขุมวิท 50 นี้นอกจากรถไฟฟ้าสาธารณะเเล้ว การใช้รถยนต์ส่วนตัวนั้นถือว่าสะดวกระดับนึงเลย เนื่องจากซอยโครงการ(สุขุมวิท 50) นี้ มีทางขึ้น – ลงทางด่วนทั้ง 2 ทางด้วยกัน คือ เฉลิมมหานคร และฉลองรัช ทั้งคู่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องไปผ่านถนนหลักที่รถติดอย่างสุขุมวิทเลย รวมไปถึงเป็นซอยที่เชื่อมไปยังถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำที่ทะลุไปยังแถบปู่เจ้าสมิงพรายและแถบท่าเรือคลองเตยได้ ข้อดีคือสามารถซิกแซกลัดเลาะโดยใช้ถนนรองอย่างถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำเป็นการเดินทางได้ และเนื่องจากความสะดวกของซอยนี้ที่ทะลุไปได้เยอะนั้นก็ทำให้มีปริมาณรถที่ใช้ซอยเล็กๆ นี้เข้า – ออกเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่บริเวณถนนทางรถไฟสายเก่า ปากน้ำ ก็จะมีเงื่อนไขการใช้ถนนอยู่เช่น ช่วง 6-9 โมงเช้า จะเป็นการเดินรถทางเดียวขาออกนะคะ ต้องคำนวนการเดินทางเเละเลือกการใช้เส้นทางดีๆ

สำหรับเส้นทางการเดินทางในวันนี้ที่เราจะพาไป เราจะเริ่มจากปากซอยสุขุมวิท 50 หรือตรง Tesco Lotus นะคะ โดยเราจะขับรถเข้าซอยมาเรื่อยๆ เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะพบเจอกับอะไรบ้าง มีของกินหรือไม่ เส้นทางเปลี่ยวรึเปล่าถ้าเกิดเราอยากจะเดินออกกำลังกายเข้าไปโครงการจะได้ไหม ไปดูกันค่ะ

เริ่มต้นมาเราจะอยู่บนถนนสุขุมวิท 50 ค่ะ เข้าไปในซอยเมื่อสุดซอยถนนเส้นนี้จะเชื่อมต่อไปยังถนนทางรถไฟสายปากน้ำค่ะ

ขับตรงมาจะมีทางเเยกไปยังทางด่วนฉลองรัช ซึ่งจะพาเราไปยังพระราม 9 หรือรามอินทราก็ได้ค่ะ จากตรงนี้เรายังคงตรงไปต่อนะคะ

สองข้างทางเป็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียมซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ สื่อถึงศักยภาพของทำเลนี้ที่กำลังพัฒนาเเละได้รับความนิยมค่ะ

ข้างทางยังคงมีร้านอาหารให้เห็นอยู่บ้างนะคะ และภายในซอยก็ถือว่ามีมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา มีทางเท้าให้เดินทั้ง 2 ข้างทางค่ะ

ขับตรงมาจะเจอกับ 7-eleven อยู่ทางซ้ายมือค่ะ

ตรงมาเรื่อยๆ เราจะเจอกับทางพิเศษฉลองรัช ตัดผ่านอยู่ด้านบนพอดี พอเจอเเล้วก็เตรียมตัวเลี้ยวขวาเลยค่ะ

ทางเข้าจะอยู่ซอยเเรกที่เจอใต้ทางด่วนเลย บริเวณนี้ถึงเเม้จะมีทางเท้าให้เราเดิน แต่สำหรับผู้หญิงก็เเอบน่ากลัวอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะทางด่วนที่ตัดผ่านมีหลายเลนมาก ขนาดกลางวันยังดูมืดๆไปบ้าง ถ้าเป็นเวลากลางคืนคงไม่เหมาะที่จะเดินคนเดียวเเน่ๆ

เมื่อเลี้ยวเข้ามาเราจะอยู่ในซอยเริ่มเจริญนะคะ ทางขวามือจะมีป้ายชุมชนเริ่มเจริญตั้งอยู่ สังเกตุเห็นได้ชัด บริเวณปากซอยจะมีร้านอาหารอย่างร้านข้าวมันไก่ขายอยู่ด้วยค่ะ ซึ่งเมื่อตรงเข้าไปภายในซอยนี้ก็จะมีคอนโด Low Rise ของเจ้าอื่นๆตั้งอยู่เช่นกันค่ะ

เลยมาไม่กี่สิบเมตร ก็จะเจอโครงการ The Base สุขุมวิท 50 ตั้งอยู่ทางซ้ายมือเเล้วค่ะ ปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่ คาดว่าจะเสร็จประมาณสิ้นปีหน้า หรือช่วงประมาณเดือนธันวาคม 2562 ตรงข้ามกับที่ตั้งโครงการจะมีสโมสรเทนนิสให้บริการอยู่ค่ะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการ The Base สุขุมวิท 50 ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ ทางเข้าออกอยู่ติดกับซอยเริ่มเจริญ โดยรอบๆโครงการจะเป็นที่อยู่อาศัยในเเนวราบเป็นส่วนมาก มีอาคารประเภทคอนโดมิเนียมอยู่ 1 โครงการทางทิศใต้ เดี๋ยวเราจะมาดูกันว่ารอบๆโครงการติดกับอะไรบ้าง

  • ทิศเหนือ ติดกับอาคารสำนักงานสูงประมาณ 4 ชั้น
  • ทิศใต้ ติดกับที่อยู่อาศัยสูงประมาณ 2 ชั้น และ Condo Low rise สูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันออก ติดกับซอยเริ่มเจริญและ Tennis Sport Club
  • ทิศตะวันตก ติดกับบ้านพักอาศัยสูงประมาณ 2 ชั้น

  • ทิศเหนือ ติดกับอาคารสำนักงานสูงประมาณ 4 ชั้น

  • ทิศตะวันออก ติดกับซอยเริ่มเจริญและ Tennis Sport Club ถนนเป็นถนน 2 เลน รถสามารถขับสวนกันได้ ลึกเข้าไปภายในซอยส่วนมากเป็นที่อยู่อาศัย มีโบสถ์คริสและมีโกดังตั้งอยู่ข้างใน

  • ทิศตะวันออก ตรงข้ามกับทางเข้าโครงการจะเป็นที่ตั้งของ Tennis Sport Club

  • ทิศตะวันออก หันหน้าออกนอกโครงการไปทางขวามือจะเป็นอู่รถยนต์

  • ทิศใต้ ติดกับที่อยู่อาศัยสูงประมาณ 2 ชั้น

  • ทิศใต้ ติดกับที่อยู่อาศัยสูงประมาณ 2 ชั้น มีร้านค้าของชำเล็กๆตั้งอยู่

มองจากถนนหน้าโครงการไปยังปากซอยเริ่มเจริญค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น 

  • Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 1 km.
  • สถานี BTS อ่อนนุช ~ 1.2 km.
  • Century The Movie Plaza Sukhumvit ~ 1.4 km.
  • Phyll (คอมมูนิตี้มอลล์) ~ 1.7 km.
  • สำนักงานเขตพระโขนง ~ 1.7 km.
  • ตลาดสดอ่อนนุช ~ 2 km.
  • Big C Extra ~ 2.2 km.
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 2.3 km.
  • Summer Hill (คอมมูนิตี้มอลล์) ~ 2.3 km.
  • Naiipa Art Complex ~ 2.5 km.
  • Habito Mall ~ 2.6 km.
  • โรงพยาบาล เทพธารินทร์ ~ 2.9 km.
  • ท่าเรือคลองเตย ~ 3.4 km.
  • W Market ~ 3.4 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Base สุขุมวิท 50 นับเป็นคอนโดจากแบรนด์ The Base ภายได้แนวคิด #Markmybase ที่เปิดตัวพร้อมๆกันกับ โครงการ The Base สะพานใหม่ ตามหลัง The Base Central ภูเก็ตมาติดๆ โดยโครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการร่วมทุนระหว่างแสนสิริ และ TOKYU ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร สูง 8 ชั้น จำนวนทั้งสิ้น 415 ยูนิต แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน โดยพื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 1 ระหว่างทั้ง 2 อาคารเเละจะมี Clubhouse แยกออกมาต่างหากสูง 2 ชั้น

โครงการภายใต้แบรนด์ The Base ที่เปิดตัวออกมาในปีนี้ นับว่าเจ้าของโครงการเองอย่างแสนสิริ มีความกล้าที่จะเล่นกับคอนเซ็ปต์ที่หวือหวา เน้นการใช้สีสัน และลวดลายที่แปลกตากว่าคอนโดอื่นๆทั่วไปในตลาด โครงการ The Base สุขุมวิท 50 นี้ก็เช่นกันค่ะ โครงการนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากคำว่า “Camouflage” หรือการพรางตัว ที่จับเอาคาแรกเตอร์ของสมัยสงครามโลกมาเล่น ผสมกับช่วงหลังสงครามโลกที่ผู้คนออกมาเฉลิมฉลองกัน ดังนั้นสีสันที่หยิบจับเอามาใช้ในโครงการจะเน้นสีที่สดใส ฉูดฉาด แนวความคิดนี้จะเห็นได้จากการเลือกใช้เส้นสายลาย Op Art ที่เป็นลายกราฟฟิกพรางตา มาทำเป็นลวดลายของ Facade ภายนอก และเลือกใช้โทนสี smoky orange และสี green mint มาเป็นคู่สีหลักในการออกแบบ

ก่อนจะไปชมโมเดล และห้องตัวอย่าง เราอยากพาไปชม sale gallery กันก่อน โดย sale gallery ของที่นี่จะตั้งอยู่ที่ ห้างสรรพสินค้า Century Movie Plaza อ่อนนุช ติดกับ BTS อ่อนนุช ชั้น 2 ข้างในมีการตกแต่งที่จำลองบรรยากาศและวัสดุที่จะใช้ภายในโครงการจริงมาให้ชมกัน ผู้อ่านที่สนใจสามารถเเวะเข้าไปชมกันได้นะคะ

เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 2 Sale Gallery จะตั้งอยู่ใกล้ๆกับประตูทางออกไปยังที่จอดรถนะคะ ด้านหน้าจะมีจอ Interactive ที่เราสามารถเล่นได้ เมื่อยืนตรงตำแหน่งจะมีกล้องถ่ายภาพเราไว้ เราสามารถเข้าไปรับ Postcard ข้างในโครงการได้เลยค่ะ แต่ ณ วันที่ผู้เขียนไป Sale gallery ยังไม่ได้เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเลยไม่มีภาพมาให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่ถ้าผู้อ่านท่านไหนเข้าไปเล่นมา ช่วยส่งรูปกลับมาให้ดูบ้างนะคะ

ตรงเข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์ต้อนรับก่อนเลย  มีมุมนั่งพักผ่อนอยู่ด้านหน้า จำลองเฟอร์นิเจอร์ที่จะใช้ที่ lobby ภายในโครงการค่ะ ผู้เขียนได้ไปทดลองนั่งมาก็นั่งสบายดีนะคะ

หันมาทางขวามือ จะมี model ให้เห็นหน้าตาภาพรวมของโครงการกันและมีห้องตัวอย่างให้ชมด้วย 1 ห้องค่ะ

โคมไฟที่ใช้ตกแต่งที่นี่ เดี๋ยวเราก็จะได้เห็นกันที่โครงการจริงกันด้วยนะคะ เป็นโคมไฟ Melt จาก Tom Dixon ที่มีรูปแบบเหมือนการหลอมละลาย เข้ากับคอนเซ็ปต์ Camouflage หรือพรางตามากจริงๆค่ะ

อีกหนึ่งวัสดุที่เป็นไฮไลท์ของโครงการนี้คือหินขัด Terrozzo จากอิตาลี ที่สั่งทำพิเศษเฉพาะในโครงการนี้เท่านั้น โดยเราจะเห็นวัสดุนี้มาใช้เป็นพื้น Top เคาน์เตอร์ Reception ใน  Sale Gallery และเป็น Top เคาน์เตอร์ครัวภายในห้องพักด้วยค่ะ รายละเอียดสีสันและลวดลายก็จะเลือกใช้สีส้ม เขียวเป็นหลักด้วย ถือเป็นการเลือกใช้คู่สีที่คุมโทนไปทั้งโครงการ

เรามาเริ่มดูตัวโครงการกันดีกว่าค่ะ  ชั้น 1  จะเป็นชั้นของที่จอดรถ Lobby และพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ โดยโครงการนี้จะได้ที่จอดรถอยู่บนชั้น 1 เท่านั้นค่ะ สามารถจอดรถได้ทั้งหมด 36% แต่ถ้ารวมจอดซ้อนคันจะเป็น 46% ค่ะ การวางอาคารเเละตำแหน่งห้องจะถูกวางให้ขวางทิศเหนือ-ใต้เพื่อให้ลมพัดผ่านตัวอาคารได้ดี ห้องที่อยู่ทางด้านในก็จะได้รับวิวพื้นที่สระว่ายน้ำตรงกลาง ถือเป็นการสร้างมุมมองมุมพักผ่อนส่วนตัวด้วยค่ะ

จากทางเข้าโครงการที่ติดกับถนนเริ่มเจริญ เข้ามาเราจะสามารถมา Drop off ตรงหน้าอาคาร A ได้ หรือจะตรงไปเพื่อไปจอดรถใต้ตัวตึกและรอบๆอาคารได้เช่นกัน โดยการเดินรถจะสามารถเดินรถได้ทางเดียวเท่านั้นค่ะ จาก Drop Off เข้ามาจะเป็น Main Lobby ที่มี Double Volume ตรงนี้เราสามารถตรงเข้าลิฟต์ของอาคาร A ได้ ส่วนผู้ที่พักอาศัยที่อาคาร B ก็จะต้องเดินผ่านส่วนที่เป็น Hidden Backyard ซึ่งเป็นมุมพักผ่อน เเล้วจึงเข้าไปยังตัวลิฟต์ที่ขึ้นไปอาคาร B ค่ะ ลิฟท์โดยสารที่โครงการให้มาจะมีอยู่อาคารละ 2 ตัว เป็นลิฟต์ล็อคชั้น อัตตราส่วนอยู่ที่ 103.75 : 1 อาจจะต้องรอนานนิดหน่อย

พื้นที่ส่วนกลาง นอกจาก Lobby , Hidden Backyard ที่กล่าวมาเเล้ว ยังจะมี มุมที่จัดเป็นที่นั่งพักผ่อนกลางสวนภายนอกอาคารอีกจุดหนึ่งเรียกว่า Outdoor Recreation Area ที่จะอยู่ข้างๆกับสระว่ายน้ำ และยังมี Clubhouse อยู่อีกหนึ่งอาคารเล็กๆ 2 ชั้น ปลายสระค่ะ โดยพื้นที่ส่วน Clubhouse ชั้นล่างจะมีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำไว้ให้บริการ และมีลิฟต์โดยสารอำนวยความสะดวกสำหรับคนที่ต้องการขึ้นไปใช้บริการที่ชั้น 2 อีกด้วย

มาถึงชั้น 2 ชั้นนี้จะเริ่มเป็นชั้นที่พักอาศัยแล้วค่ะ โดยห้องทางเดินจะเป็นเเบบ Double corrridor มีห้องพักอยู่ทั้ง 2 ฝั่งทางเดิน แต่ก็มีการออกแบบให้ตำแหน่งประตูเยื้องๆกันเพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น ที่ชั้น 2 ของอาคาร A ก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่เช่นกันค่ะ ประกอบไปด้วย Meeting Room , Co-working room และ Entertainment room ส่วนที่ชั้น 2 ของ Clubhouse จะเป็นห้องฟิตเนสที่เปิดมุมมองได้ทั้ง 2 ด้าน คือวิวหลังโครงการ และวิวสระว่ายน้ำ

ชั้น 3-8 จะเป็น Typical Floor คือมีแต่ห้องพักอาศัยทั้งชั้นเเล้วค่ะ โดยจำนวนยูนิตต่อชั้นที่อาคาร A จะอยู่ที่ 31 ห้องและ จำนวนยูนิตต่อชั้นของอาคาร B จะอยู่ที่ 29 ห้อง ถือว่ามีความหนาแน่นกลางๆ มีห้องแบบ 1 Bedroom ตรงกลาง และห้องแบบ 2 Bedroom จะถูกวางตำแหน่งริมและระหว่างอาคาร

มาดูที่ตัวโมเดลกันบ้าง  เราจะเห็นชัดเลยค่ะว่า โทนสีที่เป็นธีมสีหลักของอาคารอย่าง ส้มและน้ำเงินเขียวนั้นจะถูกนำมาใช้เป็นทั้งสีทาภายนอกอาคารและภายในอาคารเลย  ตึกน้ำเงินเขียวจะเป็นตึก A ส่วนตึกส้มจะเป็นตึก B นะคะ เมื่อเข้ามาจะเจอกับทางวนรถ ในกรณีที่เราเรียกรถเแท็กซี่ หรือพี่ Grab มา ก็ให้เค้ามา Drop เราลงที่หน้าอาคาร A ก็ได้ แต่ถ้าเราจะไปจอดรถก็ตรงไปมุดใต้อาคาร A เพื่อวนหาที่จอดได้เลยค่ะ

ถนนหน้าโครงการจะเป็นถนนสวนกันได้ 2 เลนมีชื่อว่าถนนเริ่มเจริญ บริเวณทางเข้าจะมีการตกแต่งเป็นสวนเล็กๆนำสายตาเข้าสู่โครงการ มีประตูรั้วกั้นเปิด-ปิดทางเข้าออกไว้ ลวดลายรั้วก็จะยังคงเล่นกับลายเส้นกราฟฟิกเเบบ Op Art ไล่มาตั้งแต่รั้วทางเข้ายันประตูเลยค่ะ

เมื่อเข้ามาแนวความคิด Camouflage และลวดลาย Op Art ก็จะนำมาเล่นใน pattern ผนังของอาคาร ระแนงตกแต่งที่เป็น Facade เห็นเป็นเอกลักษณ์ของอาคารดีนะคะ

อ้อมไปทางด้านหลังก็จะมีที่จอดรถอยู่เหมือนกันค่ะ พื้นที่ส่วนกลางเเละที่จอดรถจะถูกแยกออกจากกันด้วยแนวต้นไม้นะคะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับคนที่ใช้บริการพื้นที่ส่วนกลางค่ะ

ถ้าเข้ามาดูบรรยากาศจำลองภายใน Lobby ที่อาคาร A กันบ้างนะคะ ตัวโคมไฟ melt ที่เราพาไปดูที่ Sale Gallery จะถูกมาจัดวางไว้ตรงนี้เองค่ะ ผนังที่เห็นก็จะเป็นหินขัด Terrozzo โทนสีที่นำมาตกแต่งจะเน้นสีสันฉูดฉาด เรียกได้ว่าเป็นโทนแม่สีเลยนะคะ แต่การที่นำสีมาสองถึงสามสี ตัดกับพื้นเรียบๆก็ช่วยทำให้ไม่ดูเยอะจนเกินไปค่ะ

ทางเดินเข้าพื้นที่ส่วนกลางชั้น 2 ด้านหน้าก็ยังมีเก้าอี้และมุมพักผ่อนไว้ให้ใช้งานอยู่ เราจะเห็นว่าพอขึ้นมาชั้น 2 หิน Terrozzo ที่เป็นผนังของชั้น 1 จะกลายมาเป็นพื้นของชั้นนี้เเทน เป็นการเลือกเล่นวัสดุเดิมในบริบทใหม่ๆ คนที่ใช้งานก็จะรู้สึกต่างออกไป ในขณะที่รู้สึกคุ้นเคยกับวัสดุอยู่ค่ะ

ห้อง Entertainment Room ก็จะมีเก้าอี้นวดให้ ที่เราเห็นบนเก้าอี้ก็จะมีจอส่วนตัวพร้อมหูฟังบลูทูธนะคะ เราสามารถมานอนดูหนัง หรือจะเล่นเกมส์เล่น ROV ก็ได้บรรยากาศที่เเตกต่างไปอีกแบบ ตรงนี้จะมีเคาน์เตอร์บาร์ให้บริการด้วย เราอาจจะมานั่งเล่นกับเพื่อน ทำกิจกรรมต่างๆได้ มีพื้นที่เตรียมไว้ให้

หรือสำหรับคนที่ต้องการพื้นที่อ่านหนังสือหรือคุยงาน ก็จะมี Meeting Room ไว้ให้ ตรงนี้จะเริ่มนำวัสดุไม้มาใช้ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับโทนห้องนี้คะ

ถัดจาก Lobby เข้ามา เราจะเจอกับพื้นที่ Hidden Backyard ก่อน ตรงนี้เป็นพื้นที่กึ่ง Indoor และ Outdoor อยู่ระหว่างอาคาร A และอาคาร B

เนื่องจากมีแนวอาคารช่วงบังเเดดไว้ ทำให้พื้นที่ตรงนี้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นในช่วงเวลากลางวัน มีบรรยากาศสบายๆ เห็นวิวสระว่ายน้ำได้ ในกรณีที่ลูกบ้านคนไหนมีแขกมาแต่ไม่อยากให้ขึ้นไปยังพื้นที่ส่วนพักอาศัย เพราะห้องรกหรืออะไรก็เเล้วแต่ ก็สามารถมานั่งพูดคุยได้ตรงนี้ค่ะ เสมือนเป็นห้องรับแขกของเรา เนียนไปเลยค่ะ ที่น่าสนใจของพื้นที่ตรงนี้อีกอย่างคือ ตัวประตูที่เราเห็นระหว่างทางเดินกับสระ จะสามารถเปิด-ปิด ได้ เพื่อสร้างร่มเงา และความเป็นส่วนตัวในการใช้งานด้วยค่ะ

ถัดจาก Hidden Backyard มาก็จะเป็นสระว่ายน้ำค่ะ สระว่ายน้ำของที่นี่จะใช้เป็นระบบเกลือ มีระบบจากุชชี่ให้มาด้วย โดยสระว่ายน้ำจะมีความยาวสูงสุด 20 เมตร ลึก 1.2 เมตรค่ะ

ลวดลายกระเบื้องที่ใช้ภายในสระน้ำก็จะเล่นกับลาย Op Art และมีการจัด Landscape รอบๆ แบ่งพื้นที่แต่ละส่วนไว้ ให้เกิดมุมซ่อนส่วนตัวให้ได้ใช้งานกัน

ข้างๆสระว่ายน้ำก็จะมีส่วนที่เรียกว่า Outdoor recreation area เป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนอีกจุดหนึ่งค่ะ นอกจากนี้ตรงพื้นที่ส่วนกลางยังจะมี WiFi  ไว้ให้บริการกับลูกบ้านด้วยค่ะ

ปลายสุดของสระว่ายน้ำ เราจะเจอกับอาคาร 2 ชั้นอยู่เป็น Clubhouse ของโครงการ โดยพื้นที่ชั้น 1 ของ Clubhouse จะเป็นห้องน้ำ ห้องอาบน้ำไว้ให้บริการสำหรับคนที่มาใช้สระว่ายน้ำเเละฟิตเนส

พื้นที่ฟิตเนสจะมีการเล่น Double Volume ไว้ด้วย และมีการเล่นลวดลาย Op Art ที่ผนังอาคาร

ฟิตเนสของที่นี่จะเเบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆคือ  1. Extraordinary Gym ที่ประกอบไปด้วย เครื่องพายเรือ (row HX) ลูกบอลเรืองเเสง (Fluiball) เครื่องชกมวย (Nexersys) 2.Functional Training และ 3. Cool Down

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • พื้นที่โถงต้อนรับ
  • ห้องทำงานส่วนกลาง
  • ห้องสันทนาการ
  • ห้องประชุม
  • ห้องซักผ้า / อบผ้า
  • สระว่ายน้ำพร้อมจากุซซี่
  • ห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์
  • สวนส่วนกลาง พร้อมพื้นที่พักผ่อนและคลับเฮ้าส์
  • อินเตอร์เน็ตไร้สายสำหรับโถงต้อนรับ, ห้องสันทนาการ, ห้องทำงานส่วนกลาง,
    ห้องประชุม, คลับเฮ้าส์และบริเวณโดยรอบสระว่ายน้ำ
  • จุดบริการชาร์ตแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร ส่วน Clubhouse มีลิฟต์ 1 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 103.75 : 1 (เฉพาะส่วนที่พักอาศัย)
  • ที่จอดรถไม่รวมจอดซ้อนคันประมาณ 151 คัน คิดเป็น 36.38% ที่จอดรถแบบจอดซ้อนคันอีก 41 คัน คิดเป็น 10%
  • ที่จอดรถจักรยานยนต์ 5 คัน
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง
  • CCTV
  • รถบริการรับ-ส่งที่โลตัส อ่อนนุช เป็นช่วงเวลา (อาจจะต้องรอสอบถามกับทางนิติบุคคลอีกทีค่ะ)

https://youtu.be/FCJQaBoBtGk

สำหรับคนที่สนใจ เรามีวีดีโอ walk through จากทางโครงการมาให้ดูกันอีกซักรอบ


Product Walkthrough

สำหรับโครงการนี้ ตัวห้องจะมีให้เลือกเป็นแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom ในโครงการขายเป็นเเบบ Fully Furnished ค่ะ

  • 1 Bedroom 25 – 26.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 30.75 – 32 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 34.25 – 42 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 45.5 – 56.75 ตร.ม.

ส่วนห้องตัวอย่างจะมีให้ชมเพียง 1 ห้องนะคะ เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม.ค่ะ เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าการตกแต่งจะออกมาเป็นแบบไหน แล้วจะให้อะไร ได้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนบ้างภายในโครงการนะคะ

ผังห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. นี้จะเป็นผังหน้ากว้าง คือห้องนั่งเล่นเเละห้องนอนจะได้หน้าต่างทั้งคู่ค่ะ โดยตำแหน่งการวางผังจะอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของทั้งอาคาร A และ อาคาร B เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับครัวปิดก่อนเลย ซึ่งตรงนี้จะให้เคาน์เตอร์ และชั้นวางรองเท้าให้ มีประตูบานเลื่อนกั้นแยกโซนระหว่างครัวกับส่วนนั่งเล่น จากครัวก็สามารถเดินเข้าไปยังห้องน้ำทางขวามือได้โดยตรง ซึ่งห้องน้ำตรงนี้จะสามารถเข้าได้ 2 ทางทั้งจากครัวและจากห้องนอนค่ะ พื้นที่ส่วนนั่งเล่น ก็จะถูกแบ่งเป็นสัดส่วน มีระเบียงเล็กๆ เอาไว้ตากผ้า ระบายอากาศ ระหว่างโซฟากับครัวจะมีพื้นที่เหลือประมาณนึง เราสามารถจัดวางโต๊ะกินข้าวได้ 2 ที่นั่ง ตำแหน่งก็ตรงข้ามกับประตูห้องนอนเลยค่ะ เมื่อเข้าห้องนอนมา ห้องนี้จะได้ค่อนข้างยาวเลย สามารถวางเตียงเเบบ King Size ได้ มีมุมติดหน้าต่างที่มี Bay window สามารถทำ Built-in โซฟาหรือมุมนั่งทำงานเพิ่มก็ได้ ส่วนหน้าห้องน้ำก็สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้สบายๆค่ะ โดยมีพื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งกว้างพอประมาณ เดินได้สะดวก มีตรงปลายเตียงนิดหน่อยที่ไม่น่าจะทำเป็นชั้นวางทีวีได้ แนะนำว่าถ้าใครต้องการจะติดทีวีแล้ว ให้เลือกทีวีเเบบเเขวนผนังดีกว่า ส่วนห้องน้ำของห้องนี้ จะได้ห้องน้ำที่จัดวางเรียงสุขภัณฑ์ชิดไว้ด้านนึง มีติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำให้เรียบร้อย แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งออกจากกัน

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจของโครงการนี้คือการคิดพื้นที่ใช้สอย ในโครงการทั่วๆไป เรามักจะเห็นพื้นที่ระเบียงกลายเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ใช่ไหมค่ะ แต่สำหรับของที่นี่ เค้าจะไม่นำเอาพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit มารวมกับพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง ซึ่งพื้นที่ใต้ Condensing นี้ก็จะสามารถวางต้นไม้กระถาง ตกแต่งให้ห้องเราดูร่มรื่นเพิ่มได้ด้วยค่ะ อ่านเเละมองแปลนอย่างเดียวเราคงยังไม่เห็นภาพ งั้นเราไปดูบรรยากาศภายในห้องกันดีกว่าค่ะ

ตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์เบื้องต้นที่จะได้ภายในห้องนี้นะคะ แต่อาจจะต้องสอบถามกับทางโครงการอีกครั้งเพื่อความเเน่ใจค่ะ

ประตูทางเข้าที่ให้มาจะเป็น Digital Door Lock ของ Yale นะคะ ตัวบานจะกรุด้วยลามิเนต เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับส่วนครัวก่อนนะคะ ครัวที่ได้นี้จะเป็นครัวปิด ทางซ้ายมือของเราจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว มีชุดอุปกรณ์ครัว เตาไฟฟ้าให้มา ส่วนทางขวามือจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็น และมีชั้นวางรองเท้าวางอยู่ พื้นที่ตรงส่วนครัวนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 2.3 เมตรค่ะ

พื้นของห้องครัวที่ได้จะเป็นพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 ซม. โทนสีขาว ตัดกับเคาน์เตอร์ตรัวสีเข้ม ส่วนผนังของห้องนี้จะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ติดไฟดาวน์ไลท์ไว้ให้

สวิตซ์ไฟจะให้มาเป็นระบบสัมผัสหน้าตาเเบบนี้ของ orvibo

ทางซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว วัสดุ Top และ Back ของเคาน์เตอร์จะกรุด้วยหินขัด Terrazzo ที่ใช้ตกแต่งพื้นที่ส่วนกลาง ตัวตู้บานเปิด-ปิดจะให้มาเป็น Soft Close ตัวบานกรุด้วยเมลามีน ความยาวของเคาน์เตอร์จะอยู่ที่ 1.95 เมตรค่ะ ส่วนตัวคิดว่าในโครงการนี้ไม่ได้ใช้วัสดุที่ราคาเเพงอะไรมาก แต่นำเอาการออกแบบมาช่วยเพิ่มมูลค่าเข้าไป เช่นการเลือกสีสันที่แปลกตา มาใช้กับวัสดุทั่วไปที่คุ้นเคยกัน สร้างคาแรกเตอร์ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนค่ะ

ฟังก์ชั่นการใช้งานจะประกอบไปด้วย อ่างล้างจาน เตาเเละเครื่องดูดควัน มีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารเล็กๆ มีช่องเก็บของต่างๆ ช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าและไมโครเวฟ ความสูงของเคาน์เตอร์ประมาณ 90 ซม. เป็นระยะที่ใช้งานได้สะดวก ส่วนช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าจะกว้างประมาณ 60 ซม. ควรเลือกเครื่องซักผ้าแบบบานเปิดหน้าตู้นะคะ แล้วอย่าลืมเผลอไปเลือกเครื่องใหญ่เกินไปใส่ช่องนี้ไม่ได้เเล้วจะหาว่าไม่เตือนค่ะ 🙂

ในห้องมีติดตั้งระบบเครื่องดูดจับควันไฟไว้ให้ด้วยค่ะ

ช่องใส่ของด้านบนเป็นบานเปิด ภายในกั้นเป็นชั้นๆ เก็บอาหารเเห้ง มาม่าอะไรพวกนี้ได้

ด้านล่างก็เป็นทั้งลิ้นชักและบานเปิดสามารถวางพวกจานชาม ช้อนส้อม หรือวางถังขยะได้ค่ะ

ตัวอ่างล้างจานจะได้ของ MEX ขนาดอ่างประมาณ 40×40 ซม. สำหรับคนที่อยู่ 1-2 คนก็ใช้งานได้สบาย

ส่วนเตาไฟฟ้าให้มา 2 หัว พร้อมพัดลมดูดอากาศด้านบน ของ MEX เช่นกันค่ะ

มองย้อนออกไปยังหน้าห้องจะเห็นว่ามุมห้องระหว่างประตูทางเข้าและประตูห้องน้ำจะเป็นมุมสำหรับวางตู้เย็นพอดี ถัดเข้ามาในห้องจะเป็นที่วางตู้รองเท้า ทางเดินส่วนที่แคบที่สุดจะอยู่ระหว่างเคาน์เตอร์ครัวกับตู้เย็น คือเหลือทางเดินประมาณ 1 เมตร

ชั้นวางรองเท้านี้โครงการก็จะให้มาด้วย หน้าตาเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะประมาณนี้ หน้าบานยังคงใช้ลายเส้นเเบบ Op Art ค่ะ ขนาดเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 40×50 ซม.

นอกจากนี้ภายในห้องก็มีให้ Google Home Automation มาด้วย เป็นระบบสั่งการด้วยเสียงให้เปิด-ฟิดไฟได้ ตอนนี้ตัวนี้ยังคงต้องสั่งงานเป็นภาษาอังกฤษอยู่ แต่คาดว่าในอนาคตจะสั่งด้วยภาษาไทยได้ค่ะ

ถัดจากส่วนครัวเข้ามายังพื้นที่ห้องนั่งเล่น จะถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนเปิดได้ฝั่งเดียว เมื่อเปิดสุดเเล้วจะเหลือทางเดินประมาณ 1.35 เมตร ตัวหน้าบานจะเป็นกระจกใส กรอบบานจะได้เป็น Aluminium powder coated ทำสีตามแนวคิดของโครงการ

ถัดเข้ามายังพื้นที่ส่วนนั่งเล่น จะพื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 2.4×3.4 เมตร ตรงนี้จะมีเฟอร์นิเจอร์ส่วนรับประทานอาหารให้มาติดกับประตูครัว เป็นโต๊ะยาว วางชิดผนังเเละสามารถวางเก้าอี้ได้ 2 ตัวพอดี นอกจากนี้ยังมีโซฟา โต๊ะกลาง เเละชั้นวางทีวีให้มาด้วย แต่หน้าตาเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะไม่ใช่เเบบนี้นะคะ ส่วนพื้นจะมีการเปลี่ยนวัสดุเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. แทน ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะได้เป็นฉาบเรียบทาสี ไฟจะได้เป็นไฟดาวน์ไลท์ฝังฝ้าเพดาน ระยะความสูงของห้องนี้จะอยู่ที่ 2.5 เมตร

ตรงนี้ที่บอกว่าจะให้โต๊ะยาวมา วางชิดผนังเเละมีเก้าอี้ 2 ตัวให้มาด้วย นอกจากจะใช้ทานอาหารเเล้ว ยังสามารถใช้เป็นที่นั่งทำงานได้อีกด้วยค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นเมื่อวางชุดโซฟาเเล้วจะเหลือทางเดินจากปลายเบาะมายังชั้นวางทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.2 เมตร ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2 เมตร ดูสบายกำลังดี

สามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้ ขนาดความกว้างของผนังตรงนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร

จากห้องนี้ไปยังระเบียงจะเป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอน เปิดได้ 2 ทางค่ะ ตัวล็อคที่ได้จะได้ชุดอุปกรณ์ตามภาพเลย

รางล่างของบานประตูก็จะใช้เป็นธรณีประตูไปได้ด้วยเลย พื้นภายนอกลดระดับลงเล็กน้อย กันน้ำเเละฝุ่นไหลเข้าห้อง

พื้นที่ตรงระเบียงจะมีขนาดประมาณ 1.80×0.75 เมตร ระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคง่ายต่อการทำความสะอาด

พื้นที่ระเบียงสามารถใช้งานได้เต็มที่ไม่ต้องกลายเป็นที่แคบๆเอาไว้วางเครื่องซักผ้าเเละ Condensing Unit แอร์อีกต่อไป พื้นที่ตรงระเบียงจะให้ไฟเป็นโคมไฟติดผนังค่ะ

พื้นที่อีกฝั่งนึงจะเป็นที่วาง Condensing Unit สามารถวางได้ 2-3 ตัว หันออกหน้าระเบียงได้เลย เวลาเรามาใช้งานจะไม่โดนลมร้อน ตรงนี้เป็นตำแหน่งที่มี Facade ที่ทำเป็นลวดลาย Op Art บังไว้พอดี ทำให้ดูเรียบร้อยมากขึ้นเมื่อมางเข้ามาจากภายนอก

พื้นที่ตรงนี้เองค่ะที่บอกว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่คิดลงไปในพื้นที่ขาย ตัววัสดุจะเปลี่ยนไปเป็นปูนเปลือยแทน มีการใช้สเตนเลสเก็บขอบรอยต่อวัสดุเรียบร้อยเชียวค่ะ

ต่อไปเราจะเข้าไปดูยังห้องนอนกันนะคะ ประตูเข้าห้องนอนจะตั้งอยู่ตรงข้ามกับส่วนรับประทานอาหารพอดีค่ะ

เมื่อเข้ามาทางซ้ายมือเราจะเป็นตำเเหน่งวางเตียงนอน สามารถวางเตียงนอนเเบบKing Size ได้สบายๆ เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเตียงนอนนี้ทางโครงการก็จะให้มาด้วย พร้อมฟังก์ชั่นที่เป็นลิ้นชักอยู่ข้างเตียงค่ะ

พื้นที่ทั้ง 2 ข้างเตียง จะเหลือระยะทางเดินอยู่ที่ประมาณ 7o ซม. ยังถือว่าเป็นระยะที่ใช้งานได้สะดวก มีแต่ปลายเตียงที่จะเหลือทางเดินประมาณ 55 ซม. ไม่ควรที่จะวางชั้นวางของหรือเฟอร์นิเจอร์อะไรเพิ่มเติมนะคะ แต่ถ้าอยากวางทีวีก็เเนะนำให้เลือกเป็นทีวีแบบแขวนผนังเเทน

หน้าต่างของห้องนอนจะได้เป็นแบบ Bay window เเล้วก็ได้เป็น Low wall ด้วยค่ะ ความสูงของผนังจรดขอบหน้าต่างจะอยู่ที่ 40 ซม. ทำให้เราได้ช่องเเสงที่สูงมากขึ้นภายในห้อง ภายในห้องก็จะดูโปร่งและสว่างมากยิ่งขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งไว้ให้ระบายอากาศด้วยค่ะ

พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 1.40×0.70 ซม. ตรงนี้ทางโครงการจะให้โต๊ะเเละเก้าอี้มาให้นะคะ สามารถเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องเเป้งก็ได้

จากหน้าต่างมองย้อนกลับมาจะเจอกับทางเข้าห้องน้ำเเละตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า

ตู้เสื้อผ้าที่ได้จะไม่ใช่หน้าตาเเบบนี้นะคะ เเต่จะเป็นบานเปิด 3 บาน ตัวหน้าบานดีไซน์ที่ได้จะคล้ายๆกับชั้นวางรองเท้าค่ะ ความกว้างของตู้เสื้อผ้าจะอยู่ที่ประมาณ 1.35 เมตร

เข้ามาดูภายในห้องน้ำกันบ้าง ตัวห้องน้ำจะได้พื้นและผนังเป็นกระเบื้องเซรามิคนะคะ แต่จะไม่ใช่รุ่นนี้ ยกเว้นกระเบื้องที่เป็นลายในห้องน้ำ ส่วนไฟที่ได้ก็จะเป็นไฟดาวน์ไลท์ฝังฝ้าค่ะ ห้องนี้เนื่องจากไม่ได้ติดผนังภายนอก ดังนั้นโครงการจึงติดพัดลมดูดอากาศให้มาแทน

พื้นที่ห้องน้ำทั้งหมดจะอยู่ที่ 2.55 x1.70 เมตร โดยเเบ่งเป็นส่วนเปียกและส่วนเเห้งออกจากกัน

พื้นข้างในก็จะลดระดับลงจากพื้นด้านนอกเล็กน้อย กับน้ำไหลย้อน และง่ายต่อการทำความสะอาด

พื้นที่ส่วนเเห้งจะกว้างอยู่ประมาณ 1.60 เมตร ใช้งานได้สบาย กระจกได้บานที่กว้างเเบบนี้เลย

อ่างล้างหน้าจะได้ของ Cotto ดีไซน์เหลี่ยมๆหน่อย มีพื้นที่วางอุปกรณ์เเปรงฟันเล็กน้อย

โถสุขภัณฑ์จะได้ของ Cotto เช่นกัน แต่ที่เเขวนกระดาษชำระจะเป็นของ VRH

สำหรับพื้นที่ส่วนอาบน้ำจะถูกแยกออกมาชัดเจน ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ และ Pattern ของกระเบื้องนี้มีดีไซน์เนอร์มาช่วยกำหนดลวดลายเอาไว้ให้ด้วยโดยเฉพาะ ลวดลายยังคงเน้นคอนเซปต์ลายพราง โทนสีเขียว

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 0.90×1.20 เมตร หมุนตัวใช้งานได้สะดวก

มีช่องตรงผนัง เอาไว้สำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ ช่องนี้จะเป็นช่องเปล่าๆ ซึ่งเราสามารถติดชั้นเพิ่มทีหลังได้ สำหรับคุณผู้หญิงที่มีข้าวของเยอะ คงชอบตรงนี้นะคะ

ฝักบัวและชุดอุปกรณ์ที่ได้ ก็จะเป็นของ Cotto ค่ะ หน้าตาเเบบนี้ จับถนัดมือ

Image 1/2
1A_Re

1A_Re

1A

มาดูห้องนอนแบบอื่นๆกันบ้างค่ะ ห้องเริ่มต้นของโครงการนี้จะเป็นห้องนอน 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. ตัวห้องจะเป็นห้องเเนวลึก เข้ามาก็จะเจอกับส่วนครัวก่อนเป็นอันดับเเรก ครัวที่ให้มาจะเป็นครัวปิด ถัดจากครัวมาจะเป็นส่วนห้องนอนเลย ซึ่งสำหรับห้องนี้จะรวมเอาห้องนอนกับพื้นที่โซฟาพักผ่อนไว้ด้วยกันค่ะ และมีห้องน้ำที่สามารถเข้าออกได้ทางเดียวจากห้องนอนค่ะ สำหรับห้องแบบนี้จะมีมากในอาคาร A ตัวหน้าต่างหันหน้าไปทางทิศใต้ อาจจะร้อนๆหน่อยช่วงเย็นแต่ก็เป็นตำแหน่งที่ได้รับลมดีเลยค่ะ

Image 1/2
1B_Re

1B_Re

1B

ส่วนห้องแบบ 1B นี้จะเป็นห้องที่เหมือนกันกับห้องตัวอย่างที่เราพาไปชมกันข้างต้นนะคะ Type นี้ส่วนมากจะหันหน้าไปทางทิศเหนือของอาคาร

Image 1/4
1C_Re

1C_Re

1C

ต่อมาที่ Type 1C แบบนี้จะมีขนาดห้องอยู่ที่ประมาณ 34-35 ตร.ม. ตำแหน่งการวางห้องจะกระจายๆ แต่ห้องนี้จะมีข้อดีตรงที่จะมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาให้ ถึงเเม้ครัวที่ได้จะไม่ใช่ครัวปิด แต่ก็มีการแบ่งโซนการใช้งานที่ค่อนข้างโอเค มีพื้นที่ส่วนที่ต้อนรับแขกแยกออกมาจากส่วนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างห้องนอนชัดเจน

Image 1/4
1D_Re

1D_Re

1D

ส่วนห้องแบบ 1D จะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 41-42 ตร.ม. จะเป็นห้องที่พัฒนาต่อจากห้อง 1C อยู่คือ ตรงส่วนครัวจะกลายเป็นครัวปิด มีการกั้นประตูชัดเจอ เเละมี Option ให้เลือกตรงห้องอเนกประสงค์คือสามารถปรับเป็น Walk-in Closet , Working หรือห้องเล่นโยคะก็ได้ค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้องตำแหน่งมุมตึก ทำให้ได้หน้าต่าง 2 ด้านของผนังค่ะ

1E

ส่วนห้อง 1E จะมีขนาดใกล้เคียงกับ 1D คือมีขนาดอยู่ที่ 41.25 ตร.ม.เป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดใหญ่เลยค่ะ  มีห้องอเนประสงค์ที่กว้าง สามารถปรับเป็นห้องนอนก็ได้ สามารถอยู่ได้ถึง 4 คน แต่ก็ยังคงมีห้องน้ำห้องเดียวนะคะ  พื้นที่ส่วนต่างๆถูกแบ่งเป็นสัดส่วนเรียบร้อย และเนื่องจากเป็นห้องหัวมุม ทำให้พื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆภายในห้องสามารถมีหน้าต่างส่วนตัว (ยกเว้นห้องน้ำค่ะ)

 

Image 1/2
2A_Re

2A_Re

2A

มาที่ห้องแบบ 2 Bedroom กันบ้างค่ะ สำหรับ 2 Bedroom จะมีขนาดเริ่มต้นที่ 25.50 ตร.ม.ค่ะ Type 2A เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับส่วนครัวเเละรับประทานอาหารก่อน ซึ่งเป็น Open Space พื้นที่ใช้สอยเชื่อมต่อไปยังส่วนที่เป็นพื้นที่นั่งเล่น เราอาจจะกั้นประตูเพิ่มให้เป็นครัวปิดเพิ่มที่หลังได้นะคะ จากพื้นที่ตรงนี้จะเเบ่งออกเป็นซ้าย-ขวาเเยกไปทางห้องนอนทั้งสองห้อง โดยห้องนอนใหญ่จะวางเตียงเเบบ King size ได้ และมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนเล็กก็มีพื้นที่พอประมาณ อาจจะวางเตียงเเบบ Queen size ได้ค่ะ ส่วนห้องน้ำก็จะใช้ร่วมกันกับห้องรับแขก ซึ่งตรงห้องน้ำนี้จะมีประตูเข้า-ออก 2 ทาง ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวกับห้องนอนเล็กได้ค่ะ ห้องนอนนี้จะตั้งอยู่ตำเเหน่งที่สามารถเห็นวิวสระว่ายน้ำในโครงการได้ค่ะ

2B

ส่วนห้องเเบบ 2B จะเป็นห้องที่มีขนาด56.25 ตร.ม. อยู่ที่อาคาร A ได้วิวสระว่ายน้ำค่ะ ห้องนี้จะมีความพิเศษมากขึ้นตรงที่จะเเทบไม่ใช้ผนังร่วมกับห้องข้างๆเลยค่ะ และพื้นที่ทุกห้องได้หน้าต่างด้วย เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวที่เป็นครัวปิดก่อนเลย ก่อนที่จะเข้ามาเป็นส่วนนั่งเล่นเเละรับประทานอาหารเชื่อมต่อกัน พื้นที่ตรงนี้จะเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงได้ด้วย ได้หน้าต่าง 2 ฝั่งผนัง ทำให้บรรยากาศดูไม่อึดอัด เหมาะกับการพักผ่อนค่ะ ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวที่มีอ่างอาบน้ำให้มาด้วย และห้องนอนเล็กก็สามารถวางเตียงได้ถึง King Size ส่วนห้องน้ำจะใช้ร่วมกับส่วนรับแขก แต่เป็นห้องน้ำที่เข้าได้ 2 ทางค่ะ

2C

ห้อง 2C ซึ่งเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 56.75 ตร.ม. ห้องนี้จะมีอยู่ที่อาคาร A เท่านั้น โดยห้องนี้จะมีครัวปิดให้มาด้วย เมื่อเข้าห้องนอนมาจะเจอกับพื้นที่ส่วนกินข้าวและนั่งพักผ่อนรับแขกก่อน ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นครัวปิด พื้นที่ตรงนี้จะมีหน้าต่างทั้งแนวผนังเลย ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูสว่างไสวเเละโปร่งนะคะ เมื่อเลี้ยวซ้ายมาจะเป็นทางเดินไปยังห้องนอน 2 ห้อง โดยทางขวามือจะเป็นห้อง Master Bedroom ที่มีพื้นที่ภายในห้องนอนกว้างขวางพอสมควร มีพื้นที่สำหรับ Walk-in Closet และมีอ่างอาบน้ำให้มาในห้องน้ำส่วนตัว ส่วนอีกห้องนอนนึงจะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กลงมา สามารถวางเตียงแบบ Single Bed ได้ และมีทางเดินเข้าห้องน้ำได้โดยตรง แต่ห้องน้ำนี้จะมีทางเข้า-ออกอีกทาง สำหรับเเขกที่มาเยี่ยมบ้าน เข้าใช้งานได้สะดวกไม่ต้องผ่านห้องนอนก่อน

2D

และห้องแบบสุดท้ายจะเป็นห้อง 2D ซึ่งเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 56.75 ตร.ม. ห้องนี้จะมีอยู่ที่อาคาร B เท่านั้น โดยห้องนี้จะเป็นห้องหน้ากว้าง มีครัวปิด เมื่อเข้าห้องมาเราจะเจอกับพื้นที่เก็บรองเท้าก่อนและจะมีครัวปิดอยู่ทางด้านหลัง เมื่อเดินมาทางขวามือจะเป็นพื้นที่สำหรับจัดเป็นส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหารได้ ซึ่งตรงนี้จะติดกับระเบียงที่มีขนาดกว้างพอสมควร ช่วยทำให้ห้องได้แสงเต็มที่เเละสามารถเปิดระบายอากาศ รับลมได้ด้วย พื้นที่ตรงกลางนี้จะเป็นส่วนที่แบ่งห้องนอนทั้ง 2 ห้องออกจากกัน โดยห้อง Master Bedroom จะเป็นห้องที่ถูกแบ่งเป็นสัดส่วนค่อนข้างดี มีพื้นที่ทำเป็น Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว ซึ่งมีอ่างอาบน้ำให้มาด้วย ในขณะที่อีกห้องนอนหนึ่งก็ไม่ได้มีขนาดเล็กไปซักทีเดียว สามารถวางเตียงคู่ก็ได้ ส่วนห้องน้ำสำหรับห้องนี้จะต้องใช้ร่วมกับพื้นที่ตรงกลาง ซึ่งจะมีทางเข้า 2 ทาง ทำให้เมื่อมีเเขกเหรื่อมาเยี่ยมบ้านก็จะไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนไปเพื่อเข้าห้องน้ำ ทำให้เสียความเป็นส่วนตัวได้

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 28 August 2018 

  • ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. ราคาขายเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท หรือตร.ม.ละ 91,600 บาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 115,000 บาท
  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปกลับ BTS อ่อนนุช
  • จอง 20,000 – 30,000 บาท
  • ทำสัญญา 30,000 – 70,000
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 68 บาท/ตร.ม./เดือน

Promotion 22 กันยายน – 8 ตุลาคม : แถม Home Automation , Voice Command และ เครื่องใช้ไฟฟ้า

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลโครงการอยู่ในย่านอ่อนนุช จัดย่านพักอาศัยที่ได้รับความนิยมทำเลหนึ่ง เพราะสามารถเดินทางเข้าเมืองต่อเนื่องไปในย่านสุขุมวิทได้สะดวก ในย่านนี้จึงมีทั้งคนที่อยู่กันแต่เดิมและกลุ่มคนที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่เกาะตามแนวรถไฟฟ้า BTS  ซึ่งที่พักอาศัยก็จะมีหลายหลากทั้งแนวราบและคอนโด ส่วนที่ตั้งโครงการจะอยู่ในซอยเริ่มเจริญที่แยกจากซอยหลักอย่าง สุขุมวิท 50 มาอีก ข้างในเป็นซอยตัน บริเวณที่ตั้งโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยเกือบทั้งหมด เป็นทำเลเงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน ไม่มีรถวิ่งผ่านตลอดเวลา ไม่มีเสียงรบกวนจากการจราจร และไม่มีอาคารสูงบดบังวิวหรือทัศนียภาพ สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ทั้งด้านอุปโภคบริโภคสูงพอตัวเรียกว่าหาของกินของใช้ไม่ยาก แต่ต้องออกมาที่กลางซอยสุขุมวิท 50 แหล่งจับจ่ายซื้อของหลักๆ ที่อยู่ใกล้ตัวโครงการก็คงจะเป็น Tesco Lotus ที่อยู่บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 50 ติดรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุช

การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกใช้ได้เพราะถึงแม้ตัวโครงการจะอยู่ในซอยย่อย แต่ก็ไม่ลึกมาก เมื่อออกมาก็จะเชื่อมต่อกับซอยสุขุมวิท 50 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถทะลุออกถนนได้หลากหลาย ทั้งถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ เป็นจุดขึ้นลงทางด่วนทั้ง 2 ทางด่วนคือ ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนเฉลิมมหานคร เรียกได้ว่าเป็นซอยที่มีทางหนีทีไล่พอสมควร แต่เพราะยังมีข้อเสียเนื่องจากเป็นซอยที่ลัดขึ้นทางด่วน ออกถนนรถไฟสายเก่าปากน้ำได้จึงทำให้ในซอยนี้ติดเกือบตลอดทั้งวัน ซึ่งก็ควรจะเผื่อเวลาในการเดินทางกันหน่อย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ ที่สะดวกที่สุดจะเป็นพี่วินที่อยู่ภายในซอย เราสามารถเรียกเพื่อไปยังรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือ BTS สถานีอ่อนนุชได้ โดยระยะทางระหว่างโครงการกับตัวสถานีรถไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 1.2 กิโลเมตร ทางโครงการก็ได้มี Shuttle Bus Service ให้บริการเช่นกันเป็นช่วงเวลา ถ้ารถสองเเถว ก็มีวิ่งรับส่งอยู่ตลอดทั้งวันในซอยสุขุมวิท 50

วัสดุ ให้มาแบบ Fully Furnished ได้ทั้งเฟอร์ Built-In และลอยตัว ได้ Top หัดขัด Terrazzo สั่งทำพิเศษที่ดูพิเศษขึ้นมา นอกนั้นก็ให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามราคา ได้พื้นกระเบื้องเเกรนิตโต้ตรงครัว ห้องนอนเเละห้องรับเเขกได้พื้นลามิเนต พื้นห้องน้ำเเละภายนอกเป็นกระเบื้องเซรามิก ผนังและฝ้าเพดานได้ฉาบเรียบทาสี ไฟได้ดาวน์ไลท์

การออกแบบ การออกแบบของที่นี่คอนข้างโดดเด่นด้วยแนวความคิด camouflage และการนำเส้นสายลาย Op Art มาใช้ในโครงการ ทำให้โครงการดูมีความโดดเด่นเเละเป็นที่จดจำได้ มีการใช้คู่สีตัดกันสื่อถึงความมั่นใจของคนที่อยู่อาศัย ส่วนการวางผัง และการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางก็ทำได้น่าสนใจ มีพื้นที่หลืบ มุมต่างๆซ่อนอำพรางไว้ทั่วบริเวณตรงตามคอนเซปต์ ตัวห้องก็มีแบบให้เลือกเยอะ หลากหลายขนาดตามความต้องการ

สาธารณูปโภค ที่ให้มาค่อนข้างหลากหลายเเละน่าใช้งาน มีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส Lobby และมุมทำงาน มุมพักผ่อนหลากหลายมุม และพื้นที่ใช้สอยของส่วนกลางแต่ละส่วนก็จะมีความพิเศษที่แตกต่างกว่าโครงการอื่นๆเช่นฟิตเนส ก็จะมีเครื่องเล่นอย่างเครื่องพายเรือที่ให้พิเศษขึ้นมา และเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตเเล้ว การที่แบ่งย่อยพื้นที่ส่วนกลางออกเป็นพื้นที่เล็กๆ ก็จะทำให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ใช้งานส่วนตัวมากขึ้น นับว่ามีขนาดเพียงพอต่อการใช้งานอยู่นะคะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 115,000 บาท/ตร.ม., 28 August 2018

  • ทำเล 7.25/10 – อยู่ในซอยเริ่มเจริญ ไม่ไกลแหล่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนสุขุมวิท แต่ไม่ได้อยู่ในระยะเดินต้องต่อรถไปอีกที
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน 2 ทางด่วน ซอยหลักมีเส้นทางไปออกถนนหลายสาย
  • ไม่ใช้รถ 7/10 – ห่างจาก BTS อ่อนนุช 1.2 กม. มี Shuttle Bus Service มีวินมอเตอร์ไซต์ในซอย
  • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบ ดีไซน์สอดคล้องไปกับตัวโครงการ ดูโดดเด่นมีเอกลักษณ์
  • แบบ 8.75/10 – แนวความคิดในการออกแบบโดดเด่นมาก เเละสามารถนำมาเล่นได้ทั่วทั้งโครงการทั้งส่วนที่เป็น Exterior , Interior และ Furniture มีแบบห้องให้เลือกหลากหลาย และจัดฟังก์ชันการใช้งานได้ค่อนข้างลงตัว
  • สาธารณูปโภค 8.75/10 – มีให้เลือกหลากหลาย น่าใช้งาน
  • UPPER CLASS
  • 7.74/ 10.00

BOTTOM LINE

The Base สุขุมวิท 50 เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่ชื่นชอบดีไซน์ การออกแบบ มั่นใจในตนเอง มองหาคอนโดในย่านอ่อนนุช  ทำเลเงียบสงบไม่พลุกพล่านมาก เดินทางเข้าเมืองสะดวก ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า หาของกินของใช้ง่าย มีห้องให้เลือกหลากหลาย เและมีส่วนกลางให้ใช้เยอะ  มีงบประมาณ 2 ล้านกลางๆ ขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนที่ 17,500 บาทขึ้นไป