รีวิวฉบับที่ 301 … Than Living (แดน ลิฟวิ่ง) ประชาอุทิศ โครงการหมู่ตึกคอนโดลูกผสม ทั้ง High Rise และ Low Rise รวมทั้งสิ้น 6 ตึก ใกล้ทางด่วนรามอินทรา จาก Developer หน้าใหม่ “Siralai (สิราลัย)” ซึ่งก็ไม่ใหม่ซะทีเดียว เพราะเจ้าของโครงการนี้เค้าก็เคยทำอพาร์ตเมนต์มาก่อน ซึ่งก็เรียกได้ว่าอยู่ในวงการอสังหาฯมาพอสมควรละครับ
Fact @ 29 JAN 2013
- Than Living (แดน ลิฟวิ่ง) ประชาอุทิศ
- บริษัท สิราลัย จำกัด
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 3 อาคาร 19-20-21 ชั้น และ คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร รวม 823 ยูนิต
- ที่จอดรถทั้งโครงการ ประมาณ 60%
- ที่ดินประมาณ 8-1-82 ไร่
- Studio/1 Bedroom/2 Bedrooms/3 Bedrooms/Duplex
- พื้นที่ใช้สอย 28-148 ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.24 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 85,000 บาท
- www.thanliving.com
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
โครงการ Than Living อ่านว่า “แดน ลิฟวิ่ง” นะครับ ชื่อแบรนด์ดึงมาจากคำว่า “More Than” หลายคนจะเข้าใจผิดอ่านว่า Than = ทัน ซึ่งผมก็เคยเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นมาก่อน
มาดูแผนที่โครงการกันครับ Than Living ตั้งอยู่บนถนนใหญ่ประชาอุทิศ ส่วนที่อยู่ใกล้กับถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา หรือ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ห่างจากถนนเส้นนี้ประมาณ 350 เมตรได้ การเดินทางมายังโครงการ สามารถมาได้สองทางหลักๆ คือจากทาง รัชดา ห้วยขวาง วิ่งไล่มาตั้งแต่หัวถนนประชาอุทิศเลย และอีกทางหนึ่งก็คือมาจากถนนพระรามเก้า เข้าถนนประดิษฐ์มนูธรรม แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าประชาอุทิศอีกทีนึง ก่อนที่จะถึงโครงการ
ทางแรกมาจากแยกห้วยขวาง วิ่งเข้าถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ต่อด้วยถนนประชาอุทิศตามลำดับ ก็จะวิ่งเกาะเส้นนี้มาเรื่อยๆก็จะถึงโครงการได้เลย แต่เส้นนี้เนื่องจากถนนมันค่อนข้างแคบ และเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ อาจจะทำให้การจราจรไม่คล่องตัวเท่ากับอีกทางหนึ่ง ว่ากันตรงๆก็คือรถติดสะบัดมาก คนท้องถิ่นทราบดี เพราะว่าถนนมันมีคอขวดตรงกลางเยอะ รถจอดเอยอะไรเอย อีรุงตุงนังกันไปหมด ดังนั้นผมเลยแนะนำว่าใช้ถนนเลียบทางด่วนหรือซอยจำเนียรเสริมจะสะดวกกว่า “มาก”
อีกทางหนึ่งที่พูดถึงก็คือมาทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งตรงนี้จะสะดวกกว่า โดยเฉพาะคนที่ใช้ทางด่วนเป็นหลัก ลงทางด่วนที่ทางออก พระราม 9 แล้วเราก็วิ่งเส้นพระราม 9 ต่อมาเรื่อยๆ ตามเส้นประสีแดง มาเลี้ยวซ้ายเข้าประดิษฐ์มนูธรรมต่อไปแล้วไปเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าประชาอุทิศตามรูป แต่ทางนี้ความจริงจะมีทางลัดด้วย คือ ทางลัดในซอย พระราม 9 ซอย 17 (เส้นประสีม่วง) ซึ่งในซอยนี้จะไปเชื่อมกับซอยจำเนียรเสริมที่จะลัดไปออกประชาอุทิศได้ โดยพอออกจากซอยมาหน่อยก็จะเจอ Than Living อยู่ทางขวามือ
เดี๋ยววันนี้พาไปโครงการจากทางแยกห้วยขวางก่อนนะครับ ส่วนอีกทางหนึ่งที่มาจากถนนเลียบทางด่วน เราจะขอข้ามไปก่อนนะ
มาจากถนนรัชดาภิเษก วิ่งมาจนถึงแยกห้วยขวางเราก็จะเห็นป้าย เลี้ยวขวาไปประชาอุทิศก็วิ่งตามป้ายไปเลย
วิ่งเข้ามาแล้ว ถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ซึ่งจะเป็นถนน 3 เลนนะครับ แบ่งเวลากัน ไป-กลับ มีไฟเขียว-แดงบอกทิศทางการเดินรถ
พอวิ่งตรงมาเจอแยกก็เลี้ยวขวาเข้าประชาอุทิศเลย
เนื่องจากระหว่างทางก็วิ่งตรงๆไม่มีอะไร เราจะขอข้ามไปเลย มาถึงแหลมเจริญซีฟู้ด สาขาประชาอุทิศแล้ว
หลังๆนี่แบรนด์นี้รสชาติต้องปรับปรุงนะ ที่สาขา Central World วันก่อนไปกินมาไม่ได้เรื่องเลย แต่ที่สาขา Central ลาดพร้าวยังดีอยู่ คงจะไม่ได้แอ้มเงินผมและครอบครัวไปอีกนาน
วิ่งตามเส้นทางไป บรรยากาศถนนเส้นนี้ก็ประมาณนี้นะครับ เส้นนี้มีโรงเรียนเยอะมาก เวลาโรงเรียนใกล้ๆเลิก รถก็จะติดแบบนี้แหละ
ข้ามสะพานข้ามคลองลาดพร้าว
เลยสะพานข้ามคลองมาอีกหน่อยจะเจอกับทางลัดไปพระราม 9 ซอย 17 หรือซอยจำเนียรเสริม ดังภาพ แต่เราจะไม่พาเข้าไปดูนะ
จากตรงนี้เราวิ่งตรงไปก็จะเจอกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือ เลียบทางด่วนรามอินทรา แล้วล่ะ ก่อนถึงนิดเดียวก็จะเจอทางเข้าโครงการ Than Living ทางขวามือ
เลี้ยวขวาเข้าสำนักงานขายมาแล้ว ซึ่ง Sales Office นี้บริษัท Italian Thai เป็นผู้ก่อสร้าง
จะเห็นได้ว่างาน สนง. ขาย ของ Than Living ก็ค่อนข้างอลังการงานสร้าง เพดานสูง กระจกเยอะๆ แถมมี Landscape รอบๆอีกต่างหาก ลงทุนไปหลายตังอยู่
เจาะลึกตัวโครงการ
สำหรับโครงการ Than Living นี้จะประกอบไปด้วย อาคารที่อยู่อาศัยทั้งหมด 6 อาคารด้วยกันครับ โดยจะแบ่งเป็นตึกเตี้ย 8 ชั้น ทั้งหมด 3 ตึก A-B-C และตึกสูง Smart Building อีก 3 ตึก สูง 19-20-21 ชั้น
ตึกนี้รูปหล่อพอสมควร ทีมดีไซน์คือสถาปนิกสมดุลย์ (WOHA) แบบตึกล้ำมาก ต่อไปเมื่อสร้างเสร็จคงจะกลายเป็น Landmark ของถนนประชาอุทิศ
ที่นี่ทำ Plan ได้ค่อนข้างแปลก คือจะเอา Facilities ไว้ที่ชั้น 2 โดยเหมือนยกระดับขึ้นมา ให้รถที่จอดมุดลงไปใต้ Facilities ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปมาเห็นแล้วอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าเป็นชั้นใต้ดินหรือ Underground แต่จริงๆแล้วไม่ใช่
ทิศห้องที่นี่วางออกมาได้ไม่ค่อยดี เพราะตัวที่ดินบังคับให้ตึกต้องสร้างในแนวตะวันออก-ตะวันตก ห้องส่วนใหญ่เลยเป็นห้องที่รับแดดค่อนข้างมากทั้งสองทิศ *ยกเว้น* ห้องทิศตะวันตกของตึกเตี้ย ซึ่งจะมีเงาตึกสูงมาบังแดดให้พอสมควร
ตึกแต่ละตึกของที่นี่เค้าก็จะมีความหมาย และคอนเซปท์ของแต่ละตึกที่ไม่เหมือนกันนะครับ อย่างเช่น
ตึก A: A Little Friend เป็นตึกที่เน้นสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง ที่จะอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้ามาเลี้ยงในอาคารได้ จำนวนและไซส์ของสัตว์เลี้ยงสอบถามรายละเอียดจากโครงการได้ (มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนะครับ ตอนแรกๆขายแบบให้เลี้ยงสัตว์ได้ แต่ตอนนี้มีนโยบายไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้แล้ว เพิ่มเติมข้อมูลวันที่ 13/11/2557)
ซึ่งตรงนี้มีประเด็นสำหรับคนที่ไม่ชอบสุนัข เช่นเป็นภูมิแพ้หรือเป็นโรคแพ้ขนสุนัข เน้นว่าอยู่ห่างๆตึก A ไปเลยดีกว่า ส่วนผู้ที่ชอบมีน้องหมาอยู่ด้วย ก็โอเคครับ Happy กันไป แต่นิติต้องเข้มงวดกวดขันนะ จะปล่อยให้น้องหมาอึเรี่ยราดไม่ได้ ถ้าจะอยู่ร่วมกันแล้วเลี้ยงหมา ต้องมี “วินัย” สูงครับ
ตึก B: B Healthy(Function room) เป็นห้องออกกำลังกายที่เป็นห้อง Function room ไว้ใช้ทำกิจกรรมกีฬาในร่ม เช่น เต้นแอโรบิค เล่นโยคะ เป็นต้น ส่วนห้องออกกำลังกายที่เป็น Fitness ที่มีอุปกรณ์พร้อมครบจะอยู่ที่ตึก Smart 2(Fitness) เป็นตึกสูง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตึก B Healthy(ตึกเตี้ย)
C: C-curity (Security) ที่เน้นเสริมความปลอดภัยเป็นพิเศษให้กับคุณผู้หญิง เช่น มีการใช้ รปภ. ที่เป็นผู้หญิง อะไรแบบนี้ เรียกว่า Lady Building ซึ่งผมก็เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนะ ถ้าผู้หญิงโสดอยู่กันหมดก็ดีไป ทุกอย่างเข้าข่าย เป็น All Ladies แต่ถ้ามีผู้ชายมาพักอยู่ด้วย เช่นครอบครัว ฯลฯ ของจริงก็ไม่แตกต่างกับตึกทั่วไปหรอกครับ
สุดท้ายคือ ตึกสูงแบบ D หรือที่เค้าจะเรียกว่า Smart Building 1-2-3 เป็นตึกสูง 19-20-21 ชั้น ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของตึก Low Rise
แปลนชั้น Ground ของพวก Low Rise Building ทำออกมาคล้ายๆกับ Underground แต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะครับ
ตึก A ที่เอาไว้เลี้ยงน้องหมาได้ จะเน้น Dog Park พาสุนัขเดินเล่นหน้าตึกที่บริเวณชั้นส่วนกลาง
ตึก B ที่บอกว่าเป็นตึกที่อยู่ใกล้ Facility มากที่สุด จะมี Gym และสระว่ายน้ำอยู่ด้วยกัน สระระบบเกลือ ความยาวออกกำลังกายได้สบายๆ มีแยกสระเด็ก
คนลงได้เท่านั้น สุนัขห้ามเด็ดขาดนะครับ
ตึก C จะมีสระแช่น้ำเล็กๆ ไว้ในส่วนกลางนะครับ
ความหนาแน่นต่อชั้นของตึก Low Rise จะสูงกว่า High Rise อยู่ที่ 17:1 นะครับ
มาดูตึก High Rise กันบ้าง ทั้ง 3 ตึก หน้าตาคล้ายๆกัน มีจำนวน 19 – 21 ชั้น
โดยชั้นล่างสุดของพวกตึก High Rise นี้จะต่อกับ Facility ที่ชั้น 2 ของตึก Low Rise นะครับ คือเดินออกมาแล้วก็จะเจอพวกสระว่ายน้ำและสวนตรงกลางได้เลย ซึ่งชั้นล่างสุดของแต่ละตึกก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางเช่นกัน เอามาต่อเชื่อมกัน ให้ดูโดยรวมแล้วใหญ่ๆ
ชั้น G ของตึก D จะมี Coffee Shop ในส่วนหน้าสุดของโครงการ ตึกนี้มีลิฟท์ 2 ตัว ไม่มี Service Lift แยกต่างหากครับ
ชั้น G ของตึก E เป็นส่วนของ Gym ที่เบิ้ลให้อีก 1 ชุด และขนาดใหญ่กว่า Gym ของตึก Low Rise ด้วย
ชั้น G ของตึก F มีส่วนของห้องสมุด (Library) เอาไว้อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ฯลฯ
ที่จอดรถบางส่วนของโครงการนี้จะเป็น Mechanical Parking และพอนับจำนวนที่จอดรถรวมๆกันจะได้ประมาณ 60% ของจำนวนยูนิตนะครับ
ชั้นที่เป็น Typical Floor Plan เรียบๆ แบบนี้ มีห้องสูงสุด 10 ห้องต่อชั้น มีการเจาะช่องแสง ระบายอากาศ ทางเดินลิฟท์ไม่ยาว จัดว่าโอเคในด้านความหนาแน่นต่อชั้น
มี Lift 2 ตัวต่อ 1 ตึก อาจจะดูเหมือนว่าน้อยสำหรับตึก High Rise แต่ด้วยจำนวนยูนิตต่อตึกอยู่ที่ 155 – 165 ยูนิต ทำให้อัตราส่วนลิฟท์พอหารออกมาแล้วจะอยู่แถวๆ 80 ทำให้ออกมาค่อนข้างดี ตัวเลขนี้ไม่มีปัญหานะครับ จะมีปัญหาเมื่อลิฟท์เสียหรือหยุดบริการไป 1 ตัวเท่านั้นแหละ ที่จะต้องรอกันนานหน่อย
เรามาดู Floor Plan ของชั้นที่มีห้องเพดานสูงกันบ้าง นั่นก็คือ Unit Type C ที่เราเห็นเป็นเอกลักษณ์ของโครงการนี้ เป็นยูนิตที่เน้นเพดานสูงโปร่ง 5.5 เมตรในส่วนของ Living Area ทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาได้บางส่วน
ห้องนี้จริงๆแล้วเป็นห้องชั้นเดียวนะครับ ไม่ใช่ Duplex ออกจะคล้ายๆกับ Hybrid MOFF ของค่าย Property Perfect แต่เพดานสูงกว่ามาก ทำให้โปร่งโล่งกว่า อยู่จริงใช้งานได้ดีกว่าและสบายกว่า MOFF
นี่เป็นชั้นบนที่ เบิ้ลขึ้นมาของห้องแบบ Type C
สำหรับตึก E และ F จะมีห้องที่เป็น Duplex ยูนิตอยู่ด้วยครับ
มีจนวนไม่มากเลยไม่ค่อยเน้น
เช่นกันกับชั้นบนสุดที่มี Penthouse Unit อยู่ด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- เลี้ยงสัตว์ได้ที่ตึก A Little Friend
- สระว่ายน้ำ (ใหญ่) ที่ตึก B Healthy
- สระว่ายน้ำ (เล็ก) ที่ตึก C-Curity
- ห้องออกกำลังกาย ตึก Smart 2 (Fitness) ตึก B Healthy (Function room สำหรับกีฬาในร่ม)
- Library ที่ตึก Smart 3
- Coffee shop ที่ตึก Smart 1
- สวนหย่อมและลานลู่วิ่ง Jogging Track รอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 1:80 ถึง 1:50 ต่ออาคาร
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough (ห้อง 1 Bedroom – Type B)
เอาล่ะ เข้าไปดูส่วนห้องตัวอย่างกันบ้างนะครับ เริ่มจากห้อง 1 Bedroom Type B แบบ Standard ก่อนนะ
เริ่มจากทางเข้าก่อนเลย ธรณีประตูของห้องตัวอย่างไม่ได้มีการปรับระดับเอาไว้นะครับ แต่ทางโครงการก็แจ้งมาว่าของจริงจะทำให้นะ
เข้ามาปุ๊บก็จะเจอส่วน Living Area ก่อน โซฟาอยู่ทางด้านนี้
อีกด้านหนึ่งเป็นทีวีแขวนผนัง
นั่งบนโซฟาแล้วมองทีวีก็จะเห็นประมาณนี้ มีชั้นวางของอยู่ด้านล่าง ส่วนระยะวางทีวีก็จัดได้ประมาณนี้ ขนาดไม่เกิน 40″ ก็ถือว่าสมเหตุสมผลสำหรับห้อง 1 Bedroom
พื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม. แล้วของจริงจะ Build บัวล่างของผนังมาให้ดังภาพ
งานสวิตช์ไฟทำออกมาได้เนี้ยบเกินราคา ของยี่ห้อ Sierra
ปลั๊กไฟก็เช่นเดียวกัน ของ Sierra เสียบปลั๊กได้แบบ Universal เลย ไม่ต้องใช้ Adapter
เพดานส่วนของห้อง Living สูง 2.7 เมตร เป็นแบบไม่ปิดฝ้านะครับ แต่ก็จะเห็นกล่องดาวน์ไลท์สี่เหลี่ยมยื่นๆลงมาแบบนี้
ผนังฝั่งที่วางโซฟา ในห้องตัวอย่างเค้าทำชั้นวางของแบบ Built-in มาให้ ตรงนี้ห้องของจริงไม่มีนะ ถ้าเราอยากได้ฟังก์ชั่นนี้ก็จะหาโต๊ะข้างมาวางแทนก็ได้
ชั้นวางของเหนือโซฟา
พื้นที่วางโต๊ะข้างโซฟา ทั้งหมดนี้เค้าก็ทำให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆ
ต่อจากส่วน Living Area ก็จะเป็นครัว ซึ่งเป็นครัวปิด มีหน้าต่างบานกระจกกั้นสองชั้น
เหนือกระจกบานสไลด์ เค้าก็แอบทำชั้นวางของไว้ข้างบนให้ดูเป็นไอเดียนะ
มาดูดีเทลของบานสไลด์กันหน่อย เวลาปิดจะเห็นเป็นแบบนี้เป็นหน้าบาน 2 บาน
แต่เวลาเปิดบานเลื่อนออก มันจะเปิดได้จนสุด เพราะความจริงผนังมันจะเป็น บานเลื่อน 3 บาน ที่ซ่อนเข้าไปอยู่ด้านหลังผนังตรงข้างๆตู้เย็นสีชมพูนั่น ซึ่งเวลาต้องการให้อากาศถ่ายเทก็จะช่วยได้มาก
พื้นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนั่งเล่นกับ ห้องครัว ถูกกั้นด้วยรางเลื่อน ซึ่งฝังลงไปในพื้น ไม่ได้ยื่นๆออกมาเป็นธรณีให้สะดุด พื้นครัวเป็นกระเบื้องแกรนิโต้ ขนาด 60×60 ซม.
ที่วางโต๊ะกินข้าว จัดได้ 2 ที่นั่งแบบนี้
ตรงข้ามเป็นครัว ซึ่งจัดวัสดุมาดีพอสมควร
ท้อปครัวเป็นหินควอทซ์ มีลวดลาย และหน้าบานเป็นลามิเนต
อ่างล้างมือแบบฝังลงไปในเคาน์เตอร์
ก็อกน้ำที่นี่ ดึงออกมาเป็นสายฉีดได้ด้วย ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นนักในคอนโดระดับราคานี้
ยี่ห้อ Sierra เช่นเดียวกัน
ออกไปดูระเบียงกันบ้าง ตรงนี้เป็นผนังกระจกบานสไลด์
เปิดหน้าบานได้จนสุด เลื่อนไปซ่อนไว้ในผนังข้างๆเคาน์เตอร์ครัวเช่นเดียวกัน
ระเบียงของห้องนี้พิเศษหน่อย เป็นแบบสามเหลี่ยม และส่วนที่กว้างที่สุดก็จะประมาณ 1.30-1.40 เมตร ดูจากแผ่นกระเบื้องได้ ซึ่งก็จะทำให้ใช้งานได้โอเค วางราวตากผ้าได้โดยไม่เกะกะนัก
มองเข้าไปในห้องครัว
Compressor แอร์เป่าออกนอกระเบียง และเครื่องซักผ้า วางใน Grille ด้านข้าง
เปิดออกมาก็จะเห็นแบบนี้
ซูมให้เห็นดีเทลรางบานเลื่อนชัดๆ วัสดุให้มาดี ปิดได้สนิท และมีการซีลป้องกันเสียงและฝุ่น
เข้าไปดูห้องนอนกันบ้าง
ประตูทางเข้า
วงกบห้องตัวอย่างเป็นแบบนี้ แต่ของจริงจะให้มาหนากว่านี้
ห้องนอน
หน้าต่างบานกระทุ้ง และแอร์แขวนผนัง
ทีวีไม่มีชั้นวาง ต้องแขวนผนังเท่านั้น ระยะประมาณนี้
หน้าต่างบานกระทุ้ง
เวลาเปิดบานกระทุ้งแล้ว ตรงนี้มันไม่มีล็อคนะ ซึ่งถ้าลมพัดแรงๆ ฝนตก ก็อาจจะสั่นได้
กลับมาดูอีกด้านของห้องนอน
ตู้เสื้อผ้าแบบนี้ Built-in มาให้ด้วย ช่องสีเหลี่ยมจัตุรัสข้างบนซ้ายนั่นเปิดได้นะ
เข้าไปดูห้องน้ำกันบ้าง
พื้นห้องน้ำส่วนที่เชื่อมกับห้องนอนกั้นด้วยตัวจบแบบนี้ แต่ในห้องตัวอย่างยังไม่ได้ลดระดับให้นะครับ ของจริงเห็นว่าจะลดระดับให้ปกติ
อ่างล้างมือแบบหล่อสำเร็จ มีชั้นวางของอยู่ข้างบน
สุขภัณฑ์ของ Sierra เช่นเดียวกับครัว
หลุมเล็กไปหน่อยนะ เทียบกับขนาดมือ
โถสุขภัณฑ์
ปุ่มกดชักโครก แบบแยก “หนัก” – “เบา”
ข้างๆอ่างล้างมือมีที่แขวนกระดาษทิชชู่ด้วย ซึ่งประหยัดพื้นที่ได้ดีทีเดียว แต่เสียดายไม่น่าเอาสายฉีดชำระมาวางคู่กันนะ เปียกหมด
ชั้นวางของยาวมาจนถึงเหนือโถสุขภัณฑ์ สำหรับบ้านไหนที่ชอบอ่านแม็กกาซีนขณะทำธุระส่วนตัว 😀
Shower Box แบบ Hand Shower พร้อมชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ
พื้น Shower Box มีคิ้ว Stainless คั่นส่วนเปียกส่วนแห้ง แต่น่าจะลดระดับให้มากกว่านี้หน่อยนะ เปิดน้ำแรงๆก็ยังซึมออกมาได้อยู่นะแบบนี้
หัวฝักบัวแบบ Hand Shower คอฝักบัวปรับระดับได้
หัวก็อกน้ำของ Sierra
Product Walkthrough (ห้อง 1 Bedroom – Type C)
มาดูห้อง Type C กันบ้าง ห้องนี้เป็นห้องเด่นของโครงการเลย เพราะว่าครึ่งหนึ่งของห้องนี้ ส่วนที่เป็น Living Area เค้าทำห้องเป็นแบบ Double Volume ได้เพดานสูง 5.5 เมตร และทำเป็นชั้นลอยแบบ Open-Space อยู่ด้านบนด้วย พูดแล้วอาจจะยังไม่เห็นภาพ เดี๋ยวไปดูกันว่าจะออกมาเป็นยังไง
เข้าห้องไปดูกัน ในภาพข้างบนนี้เราจะเห็น Living Area เปิดโล่งอยู่ไกลๆริมหน้าต่างโน่น แต่เดี๋ยวไปดูส่วนอื่นที่ไม่ได้ทำแบบ Double Volume กันก่อนนะ อันได้แก่ ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องนอน
เริ่มจากส่วนครัวกันก่อน ครัวที่่นี่ให้ Spec มาแบบเดียวกันหมด Top หินควอทซ์ ก็อกน้ำ Sierra, เตากับที่ดูดควันของ Mex
ห้องนี้จะย้ายเครื่องซักผ้าจากที่ระเบียงมาไว้ที่ครัวแทนนะ
ห้องนี้ครัวจะมีที่เก็บของเพิ่มขึ้น แล้วก็มีที่วางของเพิ่มขึ้นด้วยเป็นเคาน์เตอร์ยาวต่อมาแบบนี้อีกนิดนึง
แต่ว่าห้องนี้ก็ต้องวางตู้เย็นอยู่อีกฝั่งหนึ่งตรงใต้บันไดที่จะขึ้นชั้นลอย
ต่อจากส่วนครัวจะเป็นห้องน้ำ กับห้องนอน เข้าไปดูห้องน้ำกันก่อน
Spec วัสดุห้องน้ำ และยี่ห้อสุขภัณฑ์จัดมาเหมือนกับห้องที่แล้วนะ
ให้ดูอีกมุมหนึ่ง
Shower Box ให้มาเหมือนกันเด๊ะๆ
เข้ามาที่ห้องนอนบ้าง ทันทีที่เข้ามา ขวามือจะ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเอาไว้ให้
ตรงนี้จัดวางเตียงขนาด 5 ฟุต
ผนังอีกด้านหนึ่งมีหน้าต่างเปิดเป็นบานกระทุ้ง พร้อมแอร์
มองออกไปเป็นประตูที่เราเดินเข้ามา ให้ดูตู้เสื้อผ้า
ออกมาปุ๊บก่อนจะเข้าสู่ห้องนั่งเล่นจะเจอโต๊ะกินข้าวก่อนที่อยู่ถัดจากครัวมา
ถัดจากโต๊ะกินข้าวเข้าไป ก็จะเป็น Living Area วางโซฟา ระยะดูทีวีไม่ได้กว้างมากนะ ขนาดประมาณนี้ วางอยู่ติดผนังบันไดทางขวาเลย
ทีวีขนาดคงใหญ่กว่านี้ได้ไม่มาก คงไม่ถึง 40 นิ้วล่ะ ถ้าจะแขวนผนังตรงนี้ มุมมองก็ดูทีวีก็จะแปลกๆนิดนึงนะครับ
สังเกตขั้นบันไดจะค่อนข้างแคบและชัน ตรงนี้ต้องเดินระวังๆหน่อย เด็กเล็กหรือผู้สูงอายุไม่ควรจะให้ปีนขึ้นไป
Highlight ของห้องนี้อยู่ที่เพดาน Double Volume สูง 5.5 เมตร แต่เฉพาะครึ่งเดียวของห้องนะ แขวนโคมไฟ และติดผนังกระจกสูงๆแบบนี้ ก็จะทำให้ห้องดูโปร่งทีเดียว
ให้ดู Space ตรงนี้ เวลามองขึ้นไปด้านบน ก็จะเห็นชั้นลอยแบบนี้ แต่อันนี้เค้าทำราวจับบันไดเป็นกระจกด้วยนะ ซึ่งของจริงจะเป็นวัสดุอะไรให้เช็คกับทางโครงการอีกทีนะครับ
ออกไปดูระเบียงกันบ้าง ประตูกระจกห้องนี้เปิดได้ครึ่งเดียวนะ
ระเบียงกว้างประมาณ 80 ซม. ขนาดประมาณนี้ วาง Compressor Air เป่าออกด้านนอก
มองจากระเบียงเข้ามาเห็นแบบนี้
ห้องนี้เค้าทำพื้นที่เก็บของตามขั้นบันไดให้ดูแบบนี้นะครับ แต่ของจริงไม่มีให้
และบันไดก็จะไม่เป็นแบบนี้ด้วย จะเป็นแบบขั้นบันไดยื่นๆออกมาจากผนัง (ไม่ได้ก่อแนวตั้ง มีแต่แนวนอน) แต่ตัวขั้นบันได้ก็จะปิดผิวด้วยลามิเนต 8 มม.ให้ เช่นเดียวกับชานพักชั้นล่าง
ขั้นบันได้ค่อนข้างแคบและชันนะครับ เวลาเดินต้องระวังสะดุด บันไดของจริงจะมีช่องว่างในแนวตั้งอย่างที่กล่าวไปเมื่อสักครู่ ก็จะมีพื้นที่ให้เหยียบมากขึ้นหน่อยนึง แต่ก็ยังชันอยู่ดี
ขึ้นมาที่ชั้นลอย เค้าจัดให้ดูเป็นห้องทำงานนะ
วางโต๊ะทำงาน กับเก้าอี้เอาไว้ให้ดู จงใจใช้ทุกอย่างเป็นกระจก จะได้ดูโล่งขึ้นไปอีก
ชั้นวางของด้านหลัง อันนี้เค้าทำให้ดูเป็นไอเดียนะ ของจริงไม่มี
ข้างบนนี้ปลั๊กไฟเตรียมไว้ให้สองสามจุด
เวลามองลงไปข้างล่าง เราก็จะเห็นวิวแบบนี้ ทำให้ข้างบนน่านั่งทำงานขึ้นอีกเยอะเลย
Product Walkthrough (2 Bedrooms – Type 2A)
สุดท้ายจะพาไปดูห้องแบบ 2-Bed กันบ้าง
เข้ามาปุ๊บเราจะเจอส่วนครัวก่อนเลย พร้อมกับหน้าต่างกระจกตรงนี้ ห้องนี้จะลักษณะเป็นห้องมุมหน้ากว้าง รับวิวจาก 3 ด้าน
พื้นห้องนี้วัสดุเป็นลามิเนตหนา 8 มม.เช่นเดียวกัน แต่ว่าจะเปลี่ยนสีให้เข้มขึ้น
ในส่วนของตู้รองเท้า ไม่รวมอยู่ในราคาขายนะครับ เป็นเพียงไอเดียของการตกแต่งเท่านั้น
ถัดมาเป็นส่วนครัวและส่วนเตรียมอาหาร ตู้เย็นวางข้างๆเตาแบบนี้ และด้านล่างวางไมโครเวฟ
เตาไฟฟ้าของ Mex แบบ 4 หลุม
ที่ดูดควันของห้อง 2 Bed นี้ให้มาขนาดเล็กไปนิดนึง เมื่อเทียบกับเตาที่ให้มาถึง 4 หลุม แต่ก็ยังดีที่ข้างๆครัวมีหน้าต่างให้เปิดระบายกลิ่นได้
เปิดตู้ข้างบนดูไม่เห็นท่อ ดังนั้นน่าจะเป็นดูดควันระบบหมุนเวียนครับ
Pantry ครัว แบบแยกสองฝั่ง อันนี้จะเป็นอ่างล้างมือ กับที่วางเครื่องซักผ้า Spec เหมือนห้องอื่น
มองข้าม Pantry ไปจะเห็นส่วน Living Area
ให้ดูอีกมุม มุมนี้เห็นโต๊ะกินข้าวชัดๆ ต่อเนื่องไปจนโซฟา
ชั้นวางทีวี และชั้นวางของทั้งหลาย อันนี้เค้าไม่ได้แถมมาให้นะ ต้องไปหามาติดเอง ทีวีถ้าจะวางตรงนี้แบบในห้องตัวอย่างก็จะบังผนังกระจกไปนิดนึงนะ แต่ก็จะ Center กับโซฟามากกว่า แล้วแต่คนชอบ ถ้าไม่ mind ก็ไม่เป็นไร
ผนังตรงระเบียงนี้เป็นกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window
ระเบียงเหมือนห้องที่แล้ว
เข้าไปดูห้องนอนกันบ้างดีกว่า อันนี้ขอพาไปดู Master Bedroom ก่อน อยู่ตรงข้าม Living Area
ห้องนอน Master เข้ามาแล้วหน้าตาแบบนี้ ขนาดไม่ได้ใหญ่ มีช่องหน้าต่างอยู่ทางซ้าย ตู้เสื้อผ้าทางขวา ทีวีแขวนผนัง
ตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้
หน้าต่างทางด้านนี้เค้าเอาโต๊ะสูงกับ Stool มาตั้งให้ดูเป็นไอเดีย
ผนังส่วนนี้ก่อแบบนี้ให้เลย แต่ไม่ได้ฝังหลอดไฟให้นะ ก็จะได้ Lighting Effect ประมาณนี้
สุดท้ายเราจะไปดูห้องนอนเล็กนะครับ ส่วนห้องน้ำของห้อง Type นี้มี 2 ห้องน้ำนะ แต่หน้าตาเหมือนกับห้องที่แล้วเด๊ะๆเลย ก็จะเลยจะไม่พูดถึงนะ Spec ก็ให้มาเหมือนกัน
ห้องนอนเล็ก จัดเตียง 3 ฟุตไว้ให้ สำหรับนอนคนเดียว
มีพื้นที่วางโต๊ะทำการบ้านแบบนี้ได้
ผนังปลายเตียงวางทีวีได้ จอไม่เกิน 32″ ข้างๆเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง
สุดท้ายคือตู้เสื้อผ้าที่บริเวณทางออก Built-in มาให้ พอดีกับส่วนเว้าของผนังตรงหน้าประตูเลย เป็นอันจบการพาชมห้องตัวอย่าง
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 29/01/2013
- 1 Bedroom Type 1B อาคาร Smart 3 ชั้น 17 ห้อง 1710 เนื้อที่ 32.42 ตารางเมตร ราคา 2.76 ล้านบาท
หรือ 85,200 บาทต่อตารางเมตร - 1 Bedroom Type 1C-6 อาคาร Smart 2 ชั้น 4 ห้อง 405 เนื้อที่ 31.41 ตารางเมตร ราคา 3.12 ล้านบาท
หรือ 99,400 บาทต่อตารางเมตร - 2 Bedroom Type 2A-1 อาคาร Smart 2 ชั้น 8 ห้อง 802 เนื้อที่ 56.45 ตารางเมตร ราคา 4.83 ล้านบาท
หรือ 85,600 บาทต่อตารางเมตร
- Fully Fitted แบบมีเฟอร์นิเจอร์ Built-in
- จอง 10,000 บาท สำหรับห้อง 1 Bedroom และ 20,000 บาทสำหรับห้อง 2 Bedrooms
- ทำสัญญา 50,000 บาท สำหรับห้อง 1 Bedroom และ 70,000 บาทสำหรับห้อง 2 Bedrooms
- ค่ากองทุน 400 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
ราคาขายของโครงการนี้ต้องบอกว่าเอาเรื่องมากๆ เมื่อเทียบกับโครงการข้างๆอย่างศุภาลัย City Resort ที่เปิดตัวกันไปในราคาต่อตารางเมตรที่ 46,000 – 52,000 บาท ในขณะเดียวกัน แดน ลิฟวิ่ง กดไปแถวๆ 85,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเป็นราคาที่เทียบกันได้กับคอนโดมิเนียมที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าย่านสุทธิสารหรือลาดพร้าว แต่ถ้าเอาแดน ลิฟวิ่ง ไปชนกับศุภาลัยก็คงจะไม่ถูก เพราะเนื้อโครงการต่างกันค่อนข้างมากโดยเฉพาะเกรดของวัสดุ
ทำเลของแดน ลิฟวิ่ง อยู่ค่อนไปทางถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา และการใช้ทางลัดอย่างเช่นซอยจำเนียรเสริม มาจากรัชดาหรือเหม่งจ๋ายอาจจะไกลและรถติด แต่ถ้ามาจากทางด่วนจะสบายกว่ามาก การเดินทางเหมาะกับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวล้วนๆ ถ้าไม่มีรถก็ต้องใช้บริการพี่วินเรียกไปถนนรัชดาเพื่อต่อ MRT อีก 1 รอบ โดยที่จอดรถของโครงการแดน ลิฟวิ่งมีให้ทั้งหมด 60% จัดว่าค่อนข้างโอเคนะครับสำหรับโครงการในเมืองแบบนี้
แบบตึกเป็นผลงานที่สวยสดงดงาม เรียกว่าเป็นจุดที่เด่นที่สุดของโครงการแดน ลิฟวิ่ง ด้วยดีไซน์ ภาพลักษณ์ภายนอกที่สวยงาม ก็จะยกระดับความภูมิใจของคนที่อยู่อาศัย เรียกว่าเพิ่มมูลค่าทางอารมณ์หรือ Emotional Value ของตัวตึก แต่ความสวยก็ต้องมากับความเหมาะสมในการใช้งานที่ควบคู่กันไป โดยที่ความหนาแน่นต่อชั้นสูงสุดที่ 10 ยูนิตต่อชั้น สำหรับ High Rise, 17:1 สำหรับ Low Rise และอัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 50 – 80 ต่อ 1 ซึ่งจัดว่าดีมากนะครับ
เนื่องจากมีตึก A ซึ่งเป็นตึก Low Rise ที่อนุญาติให้เลี้ยงสุนัขได้ ก็ต้องกล่าวถึงกันหน่อย เพราะว่าโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะไม่อนุญาติให้เลี้ยงสุนัข เพราะว่าจะมีเรื่องการดูแลสัตว์เลี้ยง ที่จะต้องกวดขันเรื่องวินัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากคอนโดก็เปรียบเสมือนบ้าน บ้านของคน 800 กว่าครอบครัว ดังนั้นจะต้องมีกฎสำหรับคนหมู่มาก ที่จะต้องดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเองให้อยู่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ไปรบกวนผู้อยู่อาศัยท่านอื่นๆนะครับ ตรงนี้ต้องฝากนิติฯในอนาคตดูแล กระชับให้ดี ส่วนผู้ที่แพ้ขนสัตว์หรือกลัวสุนัข แนะนำเป็นตึก High Rise กั้นโซนด้วยพื้นที่ส่วนกลางไปเลยจะดีกว่าครับ
(มีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลนะครับ ตอนแรกๆขายแบบให้เลี้ยงสัตว์ได้ แต่ตอนนี้มีนโยบายไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้แล้ว เพิ่มเติมข้อมูลวันที่ 13/11/2557)
แบบห้องที่น่าสนใจคงจะต้องพูดถึงห้อง Type C ที่เป็นห้องเพดานสูง เวลาเดินอยู่ชั้นล่างของห้องตัวอย่างก็ยังไม่ค่อย Buy Idea เท่าไร แต่พอเดินขึ้นไปชั้นบน นั่งลงบนโต๊ะทำงานกระจกก็เลยรู้ว่ามันโปร่งดีนะ สบายดี นั่งทำงานสะดวกดี มองทะลุผ่านกระจกลงไปเห็นวิวด้านล่างได้เลย สุดท้ายผมเลยชอบพื้นที่ชั้นบนมาก (มากกว่า MOFF ที่เพดาน 4 เมตร) แต่ด้วยขนาดตารางเมตรที่ไม่กว้าง ประมาณ 5-6 ตารางเมตร ทำให้ทำเป็นอะไรไม่ได้มากนอกจาก Studio หรือ Working Space ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะใช้เป็นห้องนอนนะครับ ส่วนสิ่งที่ไม่ชอบของห้องนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องขนาดของตัวบันไดและความกว้างของขั้นบันไดที่แคบไปหน่อย เดินไม่ค่อยสะดวกครับ เวลาขึ้นลงต้องจับราวมั่นๆ
วัสดุอุปกรณ์จัดมาค่อนข้างพรีเมี่ยม สุขภัณฑ์ ห้องน้ำ หัวก๊อก และท๊อปครัว เป็นตัวเด่นชูโรง อีกทั้งเฟรมกระจกและสวิทช์ไฟก็ดูดี สะท้อนราคาของคอนโดมิเนียมเกรด 80,000 – 90,000 บาทต่อตารางเมตร โดยจะขายเป็นแบบ Fully Fitted มีการจัดตู้เสื้อผ้าและแอร์มาให้แล้ว เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวให้ทางลูกบ้านจัดหาตามความต้องการที่จะแต่งบ้านนะครับ
สุดท้ายเป็นเรื่องพื้นที่ส่วนกลาง ที่ดีไซน์มาได้ค่อนข้างฉลาด คือใช้พื้นที่ตรงกลาง, พื้นที่ชั้น G ของทุกตึก และพื้นที่บริเวณชั้น 2 ของ Low Rise จับมาเชื่อมกันเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นพื้นที่ชิ้นเดียวที่ใหญ่มาก และจัดส่วนกลางมาครบ สระว่ายน้ำ, Gym สองชุด, สวนขนาดใหญ่, ห้องสมุด และร้านกาแฟ ที่ดูฟังก์ชั่นทั้งหมดแล้วมีขนาดใหญ่พอที่จะใช้งานได้จริงทุกฟังก์ชั่น
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 90,000 บาทต่อตารางเมตร, 26/01/2013
- ทำเล 7.0/10 – ติดถนนใหญ่ประชาอุทิศ ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – รถติดแต่มีทางเลี่ยง ใช้ทางด่วนสะดวก ที่จอดรถ 60%
- ไม่ใช้รถ 7.0/10 – อยู่บนถนนใหญ่แต่ไม่ใกล้ MRT
- วัสดุ 9/10 – ทำออกมาได้ดี
- แบบ 9/10 – สวยงาม ล้ำสมัย
- สาธารณูปโภค 9/10 – ใหญ่ เยอะ ต่อเชื่อมกันเป็นผืนเดียว ใช้งานได้จริง
- UPPER CLASS
- 7.85 / 10.00
BOTTOM LINE
Than Living เหมาะกับผู้ที่ชอบทำเลประชาอุทิศ-เหม่งจ๋าย ชอบแบบที่สวยงามและสวนกลางที่ครบเครื่อง ใช้รถยนต์เป็นหลัก ใช้ MRT เป็นรอง
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ