รีวิวโครงการ
The Sneak EP.154 : ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท จรัญฯ 91
7 สิงหาคม 2022
รีวิวฉบับที่ 2028 … หลังจากรถไฟฟ้าเริ่มเข้ามายังย่านจรัญฯ ทำเลนี้ก็มีคอนโดทยอยมาเปิดตัวกันอยู่เรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็น High Rise ติดถนนใหญ่ แต่วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ Supalai City Resort จรัญฯ91 กลุ่มคอนโด Low Rise ในซอยจรัญฯ91 (ซอยตรงข้ามรพ.ยันฮี) ที่เปิดตัวมาด้วยราคาโปรโมชัน 1.39 ล้านบาท และเป็นคอนโด Low Rise ที่เดินไม่ไกลจากรถไฟฟ้าโดยห่างจากสถานีบางอ้อแค่ 190 เมตร เราไปชมกันค่ะ
ข้อมูลโครงการ
15 January 2020
- Supalai City Resort Charan 91 (ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท จรัญฯ 91)
- บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : เขตบางพลัด
- ที่ดินประมาณ 11-3-20.4 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 5 อาคาร แบ่งเป็นห้องพัก 1,036ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต
- อาคารสโมสร 2 ชั้น 1 อาคาร
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 30 ยูนิตที่อาคาร 1-3
- ที่จอดรถประมาณ 518 คัน คิดเป็น 50% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- เริ่มก่อสร้าง : ปลายปี 2563
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปลายปี 2565
- 1 Bedroom 27 – 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.57 – 2.53ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus 37 – 45.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.30 – 3.07 ล้านบาท
- 2 Bedroom 46.5 – 57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.53 – 3.98 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท ( 1 Bedroom 27 ตร.ม.) / ราคาโปรโมชัน
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 60,000 บาท/ตร.ม.
- ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1720
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.800952 , 100.509385
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ Supalai City Resort จรัญฯ91 ตั้งอยู่ในซอยจรัญฯ91 หรือซอยที่อยู่ตรงข้ามสะพานยันฮี ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีบางอ้อประมาณ 190 เมตร ทำเลตั้งอยู่ระหว่างแยกบางพลัดกับเชิงสะพานพระราม 7 บริเวณย่านนี้ยังคงสภาพแวดล้อมที่เป็นย่านชุมชนเก่าแก่อาศัยกันมานาน มีการยึดถือการใช้ชีวิตแบบเดิมๆที่เป็นมาอย่างเรียบง่าย สองข้างทางส่วนใหญ่จะยังคงเป็นอาคารพาณิชย์หรือตึกแถวที่เปิดเป็นร้านค้าร้านอาหารเรียงกันไป ภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว บ้านพักอาศัย ทำให้บรรยากาศโดยรวมมีทั้งความคึกคัก หาของกินได้ง่าย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมที่มาเกาะรางรถไฟสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายเกิดขึ้นเยอะขึ้นมาก ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมากนัก
โดยในช่วงของตัวโครงการเราจะเรียกได้ว่าเป็น “จรัญฯ-บางพลัด” จัดอยู่ในช่วงปลายของถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งมีข้อดีคือใกล้สะพานหลายจุด ทั้งสะพานพระราม 7 ที่สามารถใช้เข้าเมืองไปยังย่าน รัชดาภิเษก, ลาดพร้าว, พระราม9 ได้สะดวก และสะพานกรุงธนฯ(ซังฮี้) สามารถใช้ข้ามฝั่งไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ แถมยังมีสะพานพระราม 8 และสะพานปิ่นเกล้า ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวเลือกในการเดินทางข้ามไปยังฝั่งกรุงเทพชั้นในทั้งสิ้น อีกทั้งยังใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกใช้หนีรถติดได้ ถือเป็นอีกหนึ่งความสะดวกในการเดินทางเลยค่ะ นอกจากนั้นถนนจรัญสนิทวงศ์เองยังสามารถใช้เส้นทางเชื่อมสู่ถนนสายหลักได้หลายสายสำคัญ เช่น ถนนราชพฤกษ์ ถนนเพชรเกษม ถนนกาญจนาภิเษก ถนนอรุณอมรินทร์ ถนนบรมราชชนนี ถนนสิรินธร ถนนราชวิถี ถนนวงศ์สว่าง ถนนพิบูลสงคราม ถนนประชาราษฎร์ ถนนรัชดาภิเษก ถนนกรุงเทพ – นนทบุรี อีกด้วย
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ โดยพื้นเพเดิมของทำเลที่ตั้งโครงการจะเป็นพื้นที่พักอาศัยเดิมของคนในชุมชนที่มักจะรายล้อมตามวัดต่างๆ ซึ่งมีให้เห็นกันแทบทุกซอย จึงทำให้มีร้านค้าร้านอาหารเกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ ในระยะเดินก็จัดว่าสะดวกเพราะมี Family Mart อยู่หน้าปากซอย และมี 7-11 อยู่ตรงทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีบางอ้อ อีกทั้งฝั่งตรงข้ามซอยจรัญฯ91 คือโรงพยาบาลยันฮี ซึ่งมีตลาดอยู่ข้างๆมีขายทั้งของสด ของแห้ง พร้อมมีโต๊ะให้นั่งทานข้าวที่ตลาดได้เลย ส่วนในตัวโรงพยาบาลเองก็จะมีศูนย์อาหารและร้านอาหารอย่าง S&P ให้เราเดินไปหาอะไรทานได้สะดวก
ถอยออกมาดูระยะไกลกันขึ้นหน่อย ถ้าดูจากแผนที่จะเห็นว่ามีทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และสถานศึกษารายล้อมอยู่โดยรอบค่อนข้างครบ มีห้างสรรพสินค้าและตลาดให้เลือกใช้งานได้หลายจุด เช่น บนถนนจรัญฯเองก็มีตลาดอินดี้ หรือจะไปโซนถนนบรมราชชนนีซึ่งเป็นจุดความเจริญหลักของย่านนี้ที่มีทั้ง Tesco Lotus, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, The Sense ปิ่นเกล้า ตลาดปิ่นเงิน และ Major ปิ่นเกล้าให้ไปเดินเล่นกันได้ หรือจะไปทางฝั่งถนนสิรินธรก็มีตั้งฮั่วเส็ง, ตลาดนัดสิรินธร และช่างชุ่ย เรียกได้ว่าถ้ามาจากทางไหนก็สามารถซื้อของเข้าบ้านได้สะดวกเลยค่ะ รวมถึงยังมีโรงเรียนชื่อดังสำหรับบุตรหลานก็มีตัวเลือกให้เยอะทีเดียว ส่วนโรงพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลใช้งานได้สะดวก นอกจากนั้นยังมีสถานที่สำคัญอื่นๆในย่านนี้เช่น กฟผ. หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตซึ่งเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ในย่านนี้
สมัยก่อนถนนจรัญสนิทวงศ์นั้นไม่มีทางด่วนในบริเวณใกล้เคียงจึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการจราจรที่ติดขัด ถ้าอยากจะขึ้นทางด่วนทีต้องไปขึ้นที่บริเวณสะพานตากสิน หรือ ทางด่วนยมราช แต่ตอนนี้ได้มี โครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ที่เข้ามาทำให้ชาวจรัญฯมีความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น โดยสามารถใช้เชื่อมกับทางขึ้น-ลง หลายแห่งได้แก่
- บริเวณถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก)
- ทางขึ้นลงราชพฤกษ์
- ทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี
- ทางขึ้นลงบางบำหรุหรือถนนสิรินธร
- ทางขึ้นลงจรัญสนิทวงศ์
- ทางขึ้นลงพระราม 6
- ทางขึ้นลงกำแพงเพชรตรงทางแยกต่างระดับศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2)
การเดินทางสาธารณะคงต้องขอเริ่มที่รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย บางซื่อ – ท่าพระ กันก่อนเลย เพราะมีสถานีบางอ้ออยู่ห่างจากตัวโครงการประมาณ 190 เมตรเท่านั้น สามารถเดินไปใช้งานกันได้ไม่ยาก สถานีบางอ้อหากนั่งต่อไป 2 สถานีจะเชื่อมต่อกับสถานีเตาปูนซึ่งเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงและถ้านั่งต่อไป 3 สถานีจะเชื่อมต่อกับ สถานีบางซื่อ ซึ่งเป็น Interchange กับสายสีแดงอ่อน สายสีแดงเข้มและแอร์พอร์ตลิงค์และจากโครงการถ้านั่งย้อนไป 2 สถานีก็จะเจอกับสถานีสิรินธรซึ่งเป็น Interchange กับสายสีแดงอ่อนอีกสถานีหนึ่ง ทำให้เพิ่มความหลากหลายในการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น
และอีกหนึ่งจุดข้อได้เปรียบของถนนจรัญสนิทวงศ์ในช่วงถนนนี้ คือเป็นช่วงที่เรียบขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีท่าเรือริมแม่น้ำสำหรับเป็นตัวเลือกในการเดินทางและถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างของย่านนี้ ซึ่งสามารถช่วยทุ่นเวลาไม่ให้เราต้องอยู่บนท้องถนนนานนัก เราสามารถใช้เดินทางไปยังสาทรได้เลย คลิกดูรายละเอียดเส้นทางการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ที่นี่เลย โดยท่าเรือที่ใกล้และสะดวกต่อการเดินทางที่สุดคือ ท่าเรือข้ามฟากวัดอาวุธวิกสิตาราม
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถอื่นๆก็สะดวกเนื่องจากโครงการอยู่ใกล้ถนนใหญ่ จึงเรียกรถได้ง่ายทั้งแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ใกล้ๆโครงการ มีรถประจำทางสาย รวมถึงมีรถกระป๊อให้บริการอีกด้วย
การเดินทางในวันนี้จะเริ่มจากถนนวงศ์สว่างมุ่งหน้าสะพานพระราม 7 ขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แล้ววิ่งตรงเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์ ผ่านโรงพยาบาลยันฮี ตรงมาตามทางเรื่อยๆจากนั้นหาที่กลับรถ โครงการจะอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์91 หรือซอยที่อยู่ตรงข้าม รพ.ยันฮีค่ะ
เส้นทางการเดินทาง
การเดินทางในวันนี้เราใช้ถนนวงศ์สว่าง วิ่งตรงมาเรื่อยๆเพื่อข้ามสะพานพระราม 7
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมโดยรอบของโครงการ Supalai City Resort จรัญฯ91 ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบสูง 1-2 ชั้น และอพาร์ทเม้นท์ ฝั่งที่ติดถนนใหญ่ก็จะเป็นตึกแถวที่มักเปิดเป็นร้านค้าอยู่ชั้นล่างสลับกับอาคารพาณิชย์ ใกล้ๆกับโครงการที่เป็นตึกสูงจะมีคอนโด The Tree RIO Bang-aor Station สูง 41 ชั้นอยู่ฝั่งด้านหลังโครงการค่ะ สรุปแล้วแต่ละด้านของโครงการจะติดกับ
- ทิศเหนือ – ติดกับถนนซอยจรัญสนิทวงศ์91 ที่ภายในซอยจะเป็นชุมชนแนวราบสลับกับอพาร์ทเม้นท์
- ทิศตะวันออก – ติดกับอพาร์ทเม้นท์และชุมชนแนวราบ
- ทิศใต้ – ติดกับชุมชนแนวราบและคอนโด The Tree RIO Bang-aor Station
- ทิศตะวันตก – ติดกับชุมชนแนวราบ
ทิศเหนือ หรือฝั่งหน้าโครงการติดกับถนนซอยจรัญสนิทวงศ์91 ที่ภายในซอยจะเป็นชุมชนแนวราบสลับกับอพาร์ทเม้นท์
ทิศตะวันออก ติดกับอพาร์ทเม้นท์และชุมชนแนวราบ
ทิศใต้ หรือฝั่งด้านหลังโครงการติดกับชุมชนแนวราบและคอนโด The Tree RIO Bang-aor Station
ทิศตะวันตก ติดกับบ้านพักอาศัยแนวราบ ซึ่งตลอดทั้งซอยบรรยากาศค่อนข้างสงบค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
- สะพานพระราม 7 ∼ 1.7 กม.
- สะพานกรุงธน (ซังฮี้) ∼ 3.5 กม.
- สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ∼ 6.0 กม.
- สะพานพระราม 8 ∼ 6.5 กม.
ห้างสรรพสินค้า แหล่ง Shopping
- โลตัส จรัญฯ ∼ 2.5 กม.
- ตลาดอินดี้ ปิ่นเกล้า ∼ 4.0 กม.
- บิ๊กซี วงศ์สว่าง ∼ 4.6 กม.
- เกตเวย์ บางซื่อ ∼ 4.6 กม.
- ตั้ง ฮั่ว เส็ง ∼ 4.7 กม.
- เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ปิ่นเกล้า ∼ 5.2 กม.
- พาต้า ปิ่นเกล้า ∼ 5.5 กม.
- โลตัส ปิ่นเกล้า ∼ 5.7 กม.
- เซ็นทรัล พลาซ่า ปิ่นเกล้า ∼ 6.1 กม.
- ช่างชุ่ย ∼ 6.1 กม.
- The Sense ปิ่นเกล้า ∼ 6.3 กม.
- Makro จรัญฯ ∼ 6.5 กม.
- ตลาดบางขุนศรี ∼ 6.6 กม.
- ตลาดรถไฟธนบุรี ∼ 6.7 กม.
- ตลาดวังหลัง (พรานนก) ∼ 7.0 กม.
- Home Pro จรัญฯ ∼ 9.0 กม.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลยันฮี ∼ 350 เมตร
- โรงพยาบาลตา หู คอ จมูก ∼ 5.8 กม.
- โรงพยาบาลเจ้าพระยา ∼ 6.9 กม.
- โรงพยาบาลศิริราช ∼ 7.4 กม.
- โรงพยาบาลธนบุรี ∼ 7.5 กม.
- โรงพยาบาลวิชัยเวช แยกไฟฉาย ∼ 7.6 กม.
สถานศึกษา
- โรงเรียนยันฮีบริบาล ∼ 170 เมตร
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พระนครเหนือ ∼ 2.6 กม.
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเก้าพระนครเหนือ ∼ 2.6 กม.
- โรงเรียนโยธินบูรณะ ∼ 3.7 กม.
- คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ∼ 4.6 กม.
- โรงเรียน เซนต์คาเบรียล ∼ 4.7 กม.
- โรงเรียนทิวไผ่งาม ∼ 4.8 กม.
- มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ∼ 4.8 กม.
- มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ∼ 4.9 กม.
- โรงเรียนราชวินิต ∼ 5.4 กม.
- โรงเรียนราชินีบน ∼ 5.7 กม.
- วชิราวุธวิทยาลัย ∼ 6.2 กม.
- มหาวิทยาลัยศิลปากร ∼ 7.7 กม.
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ∼ 7.8 กม.
รายละเอียดโครงการ
ภาพรวมของ Supalai City Resort จรัญฯ91 เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 5 อาคาร แบ่งเป็นห้องพัก 1,036ยูนิต และร้านค้า 4 ยูนิต อาคารพักอาศัย Building 1 , 2 , 3 จะเป็นรูปตัว I มีห้องพักอาคารละ 210 ยูนิต ส่วน Building 4 , 5 จะเป็นรูปตัว L มีห้องพักอาคารละ 203 ยูนิต โดยจะมี Clubhouse 2 ชั้น อยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มอาคารทั้งหมด
โครงการนี้ออกแบบภายใต้แนวความคิด การนำเสนอความมีเสน่ห์ ของชุมชนและวิถีชีวิตย่านฝั่งธนบุรี โดยจะมีการใช้งานหัตถกรรมเครื่องสานของย่านฝั่งธนบุรีมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบและตกแต่งภายในอาคารพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ อีกทั้งในงาน Landscape จะออกแบบโดยใช้เส้นสายของการจัดสวน (ร่องสวน) คู คลองค่ะ
จากผังโครงการทางเข้า-ออกจะมีอยู่ทางเดียวติดถนนซอยจรัญฯ91 โดยเข้ามาจะเจอกับร้านค้าซึ่งทางโครงการแจ้งว่าจะเป็น 7-11 และสวนหย่อมก่อน โครงการนี้จัดสวนมาให้ถึง 3 จุดได้แก่ด้านหน้าโครงการ Playground ตรงกลาง และสวนหย่อมด้านหลัง ถัดเข้าไปด้านในข้ามคลองถึงจะเป็นอาคารพักอาศัยและClubhouse การจัดผังแบบนี้ทำให้คนที่อยู่ด้านในอาคารพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวเพราะมีระยะห่างจากถนนพอสมควร ทำให้ไม่วุ่นวายพลุกพล่าน และสามารถแยกคนที่มาใช้ร้านค้ากับส่วนพักอาศัยออกได้ชัดเจน
อาคาร Clubhouseจะอยู่กึ่งกลางพื้นที่โครงการ โดยมีอาคารพักอาศัยทั้ง 5 อาคารล้อมรอบ สามารถเดินมาใช้ Facilities ได้สะดวกพอๆกัน ข้อดีของการแยกพื้นที่ส่วนกลางออกมาคือทำให้ภายในอาคารพักอาศัยสงบเป็นส่วนตัว และ สามารถควบคุมความปลอดภัยได้ โดยชั้นล่างจะเป็นที่จอดรถทั้งหมดแบบไม่ Fix ช่องจอด สามารถจอดได้ 518 คันแบบไม่รวมซ้อนคัน หรือคิดเป็น 50% แต่ละอาคารจะมี Lobby Lift แยกของใครของมัน ห้องพักอาศัยจะอยู่ที่ชั้น 2-8 ซึ่งห้องส่วนใหญ่จะถูกวางผังในแนวทิศเหนือ-ใต้ซึ่งเป็นทิศที่ไม่โดนแดดร้อนตอนบ่าย สำหรับคนที่เลือกอยู่ฝั่งด้านในโครงการจะเห็นวิวเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนฝั่งด้านนอกจะเห็นเป็นวิวชุมชนแนวราบ โดยจะมีห้องพักบางส่วนของอาคาร 4 , 5 เป็นฝั่งที่ใกล้กับคอนโด High Rise ข้างเคียงค่ะ
เนื่องจากโครงการมีทั้งหมด 5 อาคาร ดังนั้นตำแหน่งของแต่ละอาคารก็มีจุดเด่นแตกต่างกันไป เช่น
- Building 1 : เป็นอาคารที่อยู่ใกล้ทางเข้า – ออกและ 7-11 มากที่สุดเหมาะกับคนที่อยากได้ห้องที่เดินไม่ไกลจากทางเข้าออก และห้องที่อยู่ฝั่งด้านในโครงการมองออกมาจะไม่ชนกับห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เนื่องจากอยู่หน้าโครงการคนจะผ่านไป-มาเยอะหน่อยและยังใกล้กับป้อมรปภ.ด้วยค่ะ
- Building 2 : เป็นอาคารที่ใกล้กับ Clubhouse ขึ้นมาหน่อย และอยู่ตรงข้ามกับสวนกลางโครงการที่มีสนามเด็กเล่นเลยค่ะ
- Building 3 : เป็นอาคารที่ใกล้กับ Clubhouse และสวนหย่อมหลังโครงการ อาคารนี้จะมี Library และ Terrace ให้ใช้ด้วย และเนื่องจากอยู่ด้านในสุดจึงเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว
- Building 4 , 5 : เป็นอาคารรูปตัว L ที่อยู่ใกล้กับ Clubhouse คนที่อยู่ด้านในมองออกมาจะเห็นวิว Facilities ทั้ง 2 อาคารนี้จะมีความหนาแน่นน้อยกว่าอาคาร 1 – 3 หน่อย โดยอาคาร 4 จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหน่อยเพราะอยู่ถัดเข้าไปด้านในค่ะ
บริเวณด้านหน้าโครงการซึ่งจะมีร้านค้า (สำนักงานขายในปัจจุบัน) และ สวนหย่อม ข้ามคลองไปจึงจะเจอกับอาคารพักอาศัย จึงสามารถแยกคนที่จะมาใช้ร้านค้า หรือ มาติดต่อชั่วคราวเอาไว้บริเวณนี้ได้โดยไม่ไปรบกวนพื้นที่ด้านใน
ร้านค้าบริเวณด้านหน้า ทางโครงการแจ้งว่าจะเป็น 7-11 ลูกบ้านสามารถเดินลงมาซื้อของกินของใช้ได้สะดวกแบบไม่ต้องเดินออกนอกโครงการเลย ตรงนี้ถือว่าดีนะคะ และในกรณีที่เราหิวตอนดึกดื่นค่ำมืดก็ไม่ต้องเดินออกไปไหนไกล ลงมาหาอะไรทานได้เลย ไม่เปลี่ยวด้วย
ถัดเข้ามาด้านในจึงจะเป็นส่วนของอาคารพักอาศัย โดยจะแบ่งออกเป็นอาคาร 1-5 เรียงกัน ล้อมรอบอาคาร Clubhouse ซึ่งเป็น Facilities หลักของโครงการ
โครงการนี้มีพื้นที่สีเขียวมาให้ค่อนข้างเยอะทั้งด้านหน้า ตรงกลาง และด้านหลังอาคาร โดยในรูปคือสวนตรงกลางโครงการที่มีสนามเด็กเล่นให้น้องๆหนูๆด้วย
อาคาร Clubhouse จะอยู่กึ่งกลางพื้นที่โครงการ โดยมีอาคารพักอาศัยล้อมอยู่โดยรอบแบบนี้เลย สามารถลงมาใช้งานได้สะดวกพอๆกัน และเป็นการทำให้อาคารพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย
Facilities หลักจะอยู่ในอาคาร Clubhouse ที่อยู่กลางโครงการซึ่งชั้นล่างจะมี Lobby Lounge , ห้อง Laundry , ห้อง Meeting Room และ ห้องนิติบุคคล ส่วนชั้นบนเป็นสระว่ายน้ำและฟิตเนส
ผังชั้น 2 ของอาคาร Clubhouse จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Infinity Edge Pool ซึ่งในสระจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ มี Jacuzzi และ มุมนั่งพักผ่อนข้างๆสระด้วย ส่วนฟิตเนสจะมีการกั้นห้องเป็นสัดส่วน โดยมีห้องน้ำแยกชายหญิงให้ใช้ครบครันซึ่งภายในห้องน้ำจะมีแยกห้องน้ำและห้องอาบน้ำมาให้ครบ พร้อมมีตู้ล็อคเกอร์ด้วยค่ะ
Lobby Lounge และพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆจะมีการตกแต่งด้วยต้นไม้ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น เน้นการเปิดช่องแสงทำให้ด้านในมีความโปร่งโล่งและสามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทางโครงการเลือกใช้งานหัตถกรรมหรือเครื่องสานเพื่อให้เข้ากับ Concept การออกแบบโครงการ ภายในห้องจัดโต๊ะมาให้หลากหลายแบบสามารถนั่งแบบชิลๆ หรือ นั่งประชุมก็ได้ค่ะ
สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ แบบ Infinity Edge Pool ซึ่งจะมี Jacuzzi พร้อมมุมนั่งพักผ่อนข้างสระมาให้ด้วย และรอบๆสระทางโครงการจะจัดเป็นสวนหย่อม ทำให้บรรยากาศร่มรื่นตามสไตล์รีสอร์ทค่ะ ส่วนตัวอาคารจะใช้โทนสี Earth Tone ทำให้ดูรวมๆแล้วสบายตา และตัวอาคารมีการใช้กระจกสีเขียวตัดแสงเพื่อลดความร้อนเข้าห้องพักอาศัยด้วย
ห้องฟิตเนสจะอยู่บริเวณชั้น 2 ของ Clubhouse มีเครื่องเล่นและอุปกรณ์การออกกำลังกายมาให้หลากหลายและครบครัน มีผนังโดยรอบสามารถชมวิวขณะออกกำลังกายได้ สไตล์การตกแต่งจะเน้นความเป็นธรรมชาติและเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีการสานเช่นเดียวกันค่ะ
ด้านหลังโครงการจะมีสวนหย่อมอยู่อีกจุดหนึ่ง สามารถลงมานั่งเล่นพักผ่อนได้ สวนนี้จะค่อนข้างเป็นส่วนตัวเพราะอยู่ด้านในสุดและได้ร่มเงาจากอาคารข้างเคียง ใต้อาคารจะมีห้องสมุดที่เชื่อมต่อกับ Terrace มาให้ด้วย สำหรับคนที่เลือกห้องพักทางฝั่งนี้ มองออกมาก็จะเห็นวิวสวนด้วยค่ะ
บรรยากาศของสวนหย่อมด้านหลังโครงการ จะเน้นต้นไม้ใหญ่และมีซุ้ม+ม้านั่งสำหรับนั่งเล่นพักผ่อน
มาดูแปลนของแต่ละอาคารกัน เริ่มที่ Building 1 เป็นอาคารรูปตัว I ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 เหมือนกันทุกอาคาร โดยอาคารนี้จะมีจำนวนยูนิตต่อชั้นเท่ากับ 30 ยูนิต โถงลิฟต์ถูกวางไว้ตรงกลางอาคาร แบ่งโซนห้องพักอาศัยเป็น 2 ฝั่ง ทำให้แต่ละห้องเดินมาใช้ลิฟต์ได้สะดวก ไม่มีห้องไหนเดินไกลเกินไปและยังได้ช่องแสงจากบริเวณมุมของอาคารเข้ามายังโถงทางเดินอีกด้วย โดยอาคารนี้จะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 2 ตัวแบบไม่ล็อคชั้นโดยจะมีอัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 105 : 1 ซึ่งยังถือว่ารอลิฟต์ไม่นาน
ห้องพักถูกจัดวางในทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ได้ลมดีและไม่โดนแดดร้อนตอนบ่าย ห้องพักจะวางสลับๆคละกันไปโดยห้องแบบ1 Bedroom ขนาด 27.0 – 35.0 ตร.ม. จะอยู่ตรงกลาง ส่วน 1 Bedroom Plus ขนาด 43.5 – 45.5 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 57.0 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่หน่อยจะถูกจัดให้อยู่บริเวณมุมของอาคารค่ะ
Building 2 จัดผังแบบ Mirror กับ Building 1 เป็นอาคารรูปตัว I เหมือนกันค่ะ
ส่วนผังของ Building 3 จะเหมือนกับ Building 2 เลยเพราะอยู่ฝั่งเดียวกันค่ะ
Building 4 อยู่ด้านในโครงการฝั่งทิศใต้ อาคารนี้เป็นรูปตัว L มีห้องพักอาศัย 203 ห้อง ซึ่งมีจำนวนยูนิตเท่ากับ 29 ห้องต่อชั้น มีลิฟต์โดยสารอยู่ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 101 : 1 รวมๆแล้วถือว่ามีความหนาแน่นน้อยกว่าอาคาร 1 , 2 , 3 หน่อย โดยการวางผังจัดให้โถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง วางห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 27.0 – 35.0 ตร.ม. ไว้ตรงกลางและห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 37.0 – 45.5 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 46.5 – 57.0 ตร.ม. ไว้บริเวณมุมอาคารเช่นเดียวกัน
อาคารนี้เนื่องจากเป็นรูปตัว L ห้องที่อยู่ทางฝั่งซ้ายของรูปจะเป็นฝั่งที่วางตัวในทิศตะวันออก – ตะวันตก ส่วนห้องที่อยู่ฝั่งขวาของรูปจะวางตัวในทิศเหนือใต้ค่ะ
ส่วน Building 5 แปลนจะวาง Mirror กับ Building 4 ค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby Hall & Co-Living Space
- สนามเด็กเล่น
- สวนพักผ่อน
- สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบเกลือ
- Fitness
- Library & Meeting Room
- Meeting Room
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร แบบไม่ล็อคชั้น
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ >> 104 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์อาคาร 1 , 2 ,3 >> 105 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์อาคาร 4 , 5 >> 101 : 1
- Service Lift : ไม่มี
- ที่จอดรถประมาณ 518 คันคิดเป็นประมาณ 50% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ 24 ชั่วโมง
แบบห้อง
สำหรับห้องพักอาศัยโครงการขายแบบ Fully Fitted ให้ เคาน์เตอร์ครัว (ให้อ่างล้างจาน ไม่ให้เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน) สุขภัณฑ์ แอร์ รวมถึงมี Wallpaper* เครื่องทำน้ำอุ่น*มาให้ (*ข้อมูล ณ วันเข้าไปเก็บข้อมูลนะคะ โปรดสอบถามกับทางโครงการอีกครั้งค่ะ) โดยห้องพักอาศัยในโครงการนี้จะแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ 1 Bedroom 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom
- 1 Bedroom 27 – 35 ตร.ม. – กลุ่มนี้เป็น Product ที่มีเยอะที่สุดในโครงการ ส่วนใหญ่เป็นห้องครัวเปิด ยกเว้นห้อง 35 ตร.ม. ตำแหน่งของห้องน้ำจะแยกออกมาจากห้องนอน ห้องนอนกั้นแยกด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นสัดส่วน และส่วนใหญ่มีพื้นที่สำหรับวางโซฟาในห้องนอนได้
- 1 Bedroom Plus 37 – 45.5 ตร.ม. – ห้องที่ Plus เข้ามาจะเป็นห้องทำงานที่สามารถจัดวางเตียงเล็กๆได้ ครัวยังคงเป็นครัวปิด แต่จะได้ระเบียงขนาดใหญ่กว่าห้องแบบ 1 Bedroom รวมถึงการจัดฟังก์ชันต่างๆ ลงตัวมากขึ้น
- 2 Bedroom 46.5 – 57 ตร.ม. – จัดวางผังให้พื้นที่นอนพักผ่อน และ ทำกิจกรรมแยกกันชัดเจน เช่น ห้องนอนอยู่ฝั่งหนึ่ง ห้องนั่งเล่น ทานข้าว ครัวอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เวลาใช้งานจะไม่รบกวนกัน ห้องนอน 2 ห้องขนาดพอๆกันอยู่อาศัยได้ดี ไม่อึดอัด ส่วนครัวจัดพื้นที่เป็นครัวเปิดเช่นเดิม
เรามาดูกันที่ห้องแรก 1 Bedroom 27 ตารางเมตร ห้องนี้พอเข้ามาจะเจอกับครัวและห้องน้ำก่อน โดยครัวเป็นครัวเปิดดังนันจึงไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆที่มีกลิ่นเช่นผัดกระเพรา และด้วยทำเลที่หาของกินง่าย เราสามารถซื้อเอามาอุ่นทานได้ จริงๆด้วยระยะถ้าใครอยากทำเป็นครัวปิดก็สามารถทำกั้นประตูเพิ่มได้นะคะ เพราะมีพื้นที่ระหว่างเคาน์เตอร์ครัวและชั้นวางทีวีเหลือ แต่ถ้าไม่กั้นก็สามารถ Built-in ตู้รองเท้าเพิ่มได้ค่ะ ห้องนี้ไม่มีโต๊ะทานข้าวนะคะ เราสามารถนั่งทานในห้องนั่งเล่นได้ ซึ่งจากครัวถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งตำแหน่งของโซฟาอยู่ในจุดที่มองไม่เห็นถ้ามีแขกเข้ามาจากหน้าห้อง ดังนั้นจึงทำให้เป็นส่วนตัวดี เราสามารถนั่งดูหนังได้อย่างสบายใจ ห้องนอนจะอยู่ด้านในสุดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน วางเตียงได้ 5 ฟุต ฝั่งปลายเตียงสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้ ผนังฝั่งระเบียงจะมีบางส่วนที่ยื่นออกไปทำให้สามารถวางโซฟาหรือโต๊ะทำงานเล็กๆได้ ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่มองออกไปเห็นวิวเพราะอยู่ข้างหน้าต่างด้วยค่ะ
เข้ามาในห้องเราจะเจอกับครัวและห้องน้ำก่อน ถัดเข้าไปจึงเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอน ครัวของห้องนี้เป็นครัวเปิด เหมาะกับการซื้ออาหารมาอุ่นทานมากกว่าทำอาหารหนักๆ โดยพื้นของโครงการนี้ให้เป็นลามิเนต และมีความสูงฝ้าเพดานเท่ากับ 2.50 เมตรค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวเราได้แบบนี้เลย โดย Top จะเป็นลามิเนต HPL (High Pressure Laminate) วัสดุสังเคราะห์ที่สามารถทนความร้อนและการขีดข่วนได้ สำหรับอุปกรณ์ครัวเราจะได้แค่อ่างล้างจานอย่างเดียวนะคะ เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันทางโครงการไม่ได้ให้
อ่างล้างจานเป็นแบบหลุมเดียวของ Teka ค่ะ
ตู้บนเปิดออกมาจะมีพื้นที่สำหรับเก็บของและวางไมโครเวฟเป็นสัดส่วน ทำให้ไม่ต้องเสียพื้นที่วางบน Top เคาน์เตอร์ แต่เราจะไม่ได้เครื่องดูดควันนะคะ สามารถซื้อมาติดตั้งเพิ่มเองได้
ห้องน้ำมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียกพร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆมาให้ แต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้นะคะ เราสามารถหามาติดตั้งเองได้ทั้งแบบฉากกั้นกระจกนิรภัยและม่านพลาสติกซึ่งเดี๋ยวนี้มีลายสวยๆออกมาเยอะแล้ว
ธรณีประตูมีหินวางอยู่ด้านบนค่ะ ซึ่งสามารถกันน้ำจากในห้องน้ำไหลไปโดนส่วนอื่นๆได้
อ่างล้างหน้าเป็นแบบแขวนลอย ติดตั้งมาให้พร้อมกระจกเงา
อ่างล้างหน้าเราได้ของ COTTO ซึ่งมีพื้นที่ด้านบน สามารถวางของใช้เล็กๆน้อยๆได้เช่น สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน
โถสุขภัณฑ์ก็เป็นของ COTTO เช่นเดียวกัน
พื้นที่อาบน้ำทางโครงการติดตั้งฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ ถ้าเราติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มก็จะช่วยให้น้ำไม่ไหลไปโดนส่วนแห้งและการใช้พื้นที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น
พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยธรณีที่ยกสูงขึ้นมาประมาณ 5 ซม. โดยพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.78 x 1.28 เมตร สามารถยืนอาบได้สบายๆ
ฝักบัวที่ทางโครงการให้มาค่ะ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งอยู่ใกล้กับห้องนอนเลย กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ซึ่งถ้าไม่ปิดประตูก็จะได้ Space ที่โปร่ง โล่งแบบนี้
พื้นที่ตรงนี้มีระยะดูทีวีเท่ากับ 2.70 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 52″-60″ ได้เลย
ห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ทำให้ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นแต่ยังได้ความโปร่ง ถ้าใครอยากมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่านี้หรือพูดง่ายๆคือไม่อยากให้ใครเห็นในห้องก็สามารถหาม่านหรือสติกเกอร์ฝ้ามาติดเพิ่มเติมได้นะคะ
ห้องนอนสามารถวางเตียงได้แบบ 5 ฟุตหรือ Queen Size ฝั่งปลายเตียงมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ห้องนี้จะมีระเบียงด้วยค่ะ
ทางฝั่งขวาของเตียงมีระยะพอวางโต๊ะข้าง ส่วนฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นฝั่งที่ผนังยื่นออกไปและทำให้สามารถวาง Daybed โซฟา หรือโต๊ะทำงานเพิ่มเติมได้
อย่างในห้องตัวอย่างตกแต่งมุมนี้ด้วย Daybed ทำเป็นมุมนั่งอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นมุมที่เห็นวิวด้วยเพราะอยู่ใกล้หน้าต่าง
ปลายเตียงมีระยะถึงตู้ประมาณ 80 ซม. สามารถเดินผ่านได้สบายๆ และตรงโต๊ะเครื่องแป้งสามารถวางเก้าอี้ได้โดยไม่ติดกับเตียง
ปลายเตียงสามารถวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้เต็มแผง หรือใครเสื้อผ้าเยอะจะทำให้ตู้ทั้งหมดเลยก็ได้ค่ะ
ห้องนอนจะมีช่องแสงอยู่ 2 จุดคือตรง Daybed ข้างเตียงและประตูทางออกไปที่ระเบียง
ตำแหน่งที่ติดตั้งแอร์ของห้องนี้คือด้านบนประตูทางออกไปที่ระเบียง โดยแอร์ที่โครงการให้เป็นของ Trane ค่ะ
ระเบียงเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ของแอร์และเครื่องซักผ้า ปูด้วยกระเบื้อง Ceramic ผิวด้าน พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.09 x 1.48 เมตรค่ะ
อีกห้องตัวอย่างคือ 1 Bedroom 35 ตารางเมตร ห้องนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย พื้นที่นั่งเล่นจะอยู่หน้าห้องเลย ซึ่งจะเชื่อมต่อกับโต๊ะทานข้าวที่อยู่หน้าห้องครัว สามารถจัดที่นั่งได้ 2-4 ที่นั่ง โดยโต๊ะนี้สามารถปรับใช้เป็นโต๊ะทำงานก็ได้นะคะ ถ้าไม่ได้ใช้ทานข้าว ครัวห้องนี้เป็นครัวปิดดังนั้นห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหาร โดยครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียงพอดี สามารถเปิดประตูระเบียงเพิ่มระบายอากาศเวลาเราทำอาหารได้อีกทางหนึ่ง ห้องน้ำมีอยู่ 1 ห้องใกล้ๆกับห้องนอนและห้องนั่งเล่น ส่วนห้องนอนเข้ามาจะเจอกับมุมแต่งตัวแยกออกมาจากพื้นที่พักผ่อน โดยตำแหน่งของเตียงจะอยู่ด้านในสุด ข้างเตียงมีพื้นที่สำหรับทำโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ
ห้องนี้เข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับโต๊ะทานข้าวเลย ซึ่งระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.40 เมตร สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่งได้ ห้องน้ำและห้องครัวจะอยู่ทางฝั่งซ้าย ส่วนครัวห้องนี้เป็นครัวปิด โดยวัสดุอื่นๆจะเหมือนกับห้องก่อนหน้านะคะ
บริเวณหน้าห้องครัวสามารถวางโต๊ะอาหารได้ โดยจัดได้สูงสุดประมาณ 4 ที่นั่งเลย แนะนำว่าให้หาโต๊ะ-เก้าอี้ที่ขาโปร่ง สามารถสอดเก้าอี้เข้าไปใต้โต๊ะได้สะดวกจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ค่ะ
โต๊ะทานข้าวอยู่หน้าห้องครัวพอดีดังนั้น เวลาทำอาหารเสร็จก็ยกออกมาทานได้สะดวก
ครัวห้องนี้เป็นครัวปิดโดยจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอนซึ่งสามารถช่วยกันกลิ่นและควันไม่ให้ออกไปโดนพื้นที่ส่วนอื่นของห้องได้
โดยครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียง เวลาทำอาหารสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้อีกทางหนึ่ง
ระยะห่างระหว่างผนังกับเคาน์เตอร์ครัวมีประมาณ 90 ซม. สามารถยืน ขยับ หมุนตัวได้สะดวกค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวเราได้เหมือนเดิมนะคะ ไม่มีอ่างล้างจานและเครื่องดูดควันมาให้
พื้นที่ระเบียงของห้องนี้ก็มีไว้วาง Condensing Unit ของแอร์และเครื่องซักผ้าเช่นเดียวกัน เป็นระเบียงที่เน้นสำหรับใช้งานค่ะ
ห้องน้ำทั้งการตกแต่งและวัสดุเหมือนกับห้องก่อนหน้าเลย ฟังก์ชัยแยกส่วนแห้งส่วนเปียกแต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ค่ะ
อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จาก COTTO
พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้มีการแยกพื้นที่และกั้นด้วยธรณี ซึ่งถ้าเราติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำก็จะเป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยขนาดของพื้นที่อาบน้ำกว้างขวาง อาบสบายอยู่ที่ 0.77 x 1.28 เมตร
เข้ามาที่ห้องนอนเราจะเจอกับพื้นที่สำหรับแต่งตัวก่อนเลย ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับพื้นที่พักผ่อน
ถัดเข้ามาด้านในจึงจะเป็นเตียงนอนซึ่งสามารถวางเตียงได้แบบ 5 ฟุต และข้างเตียงจะได้ช่องแสงสามารถเปิดระบายอากาศหรือนอนชมวิวได้
ข้างเตียงทางฝั่งซ้ายสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ ส่วนฝั่งขวามีพื้นที่ค่อนข้างเยอะสามารถ Built-in เป็นตู้ได้เลย
อย่างในห้องตัวอย่างทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่มีชั้นวางของอยู่ด้านข้าง เราสามารถดูเป็นไอเดียในการตกแต่งพื้นที่ได้ค่ะ
ปลายเตียงมีระยะให้เดินผ่านได้สบายๆ ถ้าอยากจะติดตั้งทีวีแนะนำให้แขวนผนังจะประหยัดพื้นที่มากกว่าค่ะ
ปลั๊กและสวิตช์ไฟเป็นของ Bticino
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
แบบแปลน
แปลนของห้องพักทั้งหมดในโครงการสามารถคลิกชมได้ที่นี่ค่ะ
1 Bedroom 27 sq.m.
ราคา
15 January 2020
- 1 Bedroom 27 – 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.57 – 2.53ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus 37 – 45.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.30 – 3.07 ล้านบาท
- 2 Bedroom 46.5 – 57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.53 – 3.98 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 4,900 – 9,900 บาท
- ทำสัญญา 29,000 – 59,000 บาท
- ดาวน์ 24 งวด (งวดปกติ 4,900 – 9,900 บาท เฉพาะงวดที่ 10 , 20 29,000 – 59,000 บาท)
- ค่ากองทุน 380 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 38 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
ทำเลของโครงการ Supalai City Resort จรัญฯ91 ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์91 ซึ่งเป็นซอยที่อยู่ตรงข้ามรพ.ยันฮีพอดี ซึ่งถ้ามองในภาพกว้างทำเลนี้จัดอยู่ในช่วงปลายของถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งมีข้อดีคือใกล้สะพานหลายจุด ทั้งสะพานพระราม 7 สะพานกรุงธนฯ(ซังฮี้) สะพานพระราม 8 และสะพานปิ่นเกล้าทำให้สามารถเดินทางเชื่อมต่อเข้าไปในเมืองได้สะดวก อีกทั้งยังเป็นจรัญฯช่วงที่อยู่ใกล้ทางด่วนอีกด้วย ส่วนถ้ามองในระยะใกล้กับโครงการทำเลนี้ดีตรงที่อยู่ใกล้กับรพ.ยันฮี เพราะสามารถเดินข้ามไปหาอะไรกินที่ตลาดข้างรพ.และร้านอาหารในรพ.ได้สะดวก อีกทั้งหน้าปากซอยเองก็มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงถ้าโครงการเสร็จจะมี 7-11 ในโครงการด้วย
ทำเลนี้เป็นทำเลที่มีครบทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าและสถานศึกษา ถ้าอยากจะไป Shopping ก็จะมี Tesco Lotus, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, The Sense ปิ่นเกล้า ตลาดปิ่นเงิน และ Major ปิ่นเกล้าให้ไปเดินเล่นกันได้ หรือจะไปทางฝั่งถนนสิรินธรก็มีตั้งฮั่วเส็ง, ตลาดนัดสิรินธร และช่างชุ่ยค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ :
ด้วยความที่โครงการอยู่ในจรัญสนิทวงศ์ช่วงปลายทำให้ใกล้สะพานข้ามแยกต่างๆ ทั้งสะพานพระราม 7 ที่สามารถใช้เข้าเมืองไปยังย่าน รัชดาภิเษก, ลาดพร้าว, พระราม9 ได้สะดวก และสะพานกรุงธนฯ(ซังฮี้) สามารถใช้ข้ามฝั่งไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ แถมยังมีสะพานพระราม 8 และสะพานปิ่นเกล้า อีกทั้งยังใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกใช้หนีรถติดได้ นิกจากนั้นถนนจรัญสนิทวงศ์เองยังสามารถใช้เส้นทางเชื่อมสู่ถนนสายหลักได้หลากหลาย เช่น ถนนราชพฤกษ์ ถนนเพชรเกษม ถนนกาญจนาภิเษก ถนนอรุณอมรินทร์ ถนนบรมราชชนนี ถนนสิรินธร ถนนราชวิถี ถนนวงศ์สว่าง ถนนพิบูลสงคราม ถนนประชาราษฎร์ ถนนกรุงเทพ – นนทบุรี อีกด้วย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
โครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีบางอ้อประมาณ 190 เมตร สามารถเดินไปใช้ได้สะดวกและไม่ไกจากสถานี Interchange สายสีม่วงและสายสีแดงอ่อน ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถอื่นๆก็สะดวกเนื่องจากโครงการอยู่ใกล้ถนนใหญ่ จึงเรียกรถได้ง่ายทั้งแท็กซี่ วินมอเตอร์ รถประจำทางสาย รถกระป๊อ รวมถึงสามารถใช้เรือซึ่งสามารถช่วยทุ่นเวลาไม่ให้เราต้องอยู่บนท้องถนนนานนัก
วัสดุ :
ให้มาเหมาะสมกับราคา โครงการขายแบบ Fully Fitted มี Wallpaper เครื่องทำน้ำอุ่นมาให้ ได้เคาน์เตอร์ครัวโดยจะมีอ่างล้างจานมาให้ แต่ไม่ให้เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน Top ครัวเป็นลามิเนต พื้นเป็นเป็นไม้ลามิเนต สุขภัณฑ์ของ COTTO ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ได้แอร์ของ Trane ค่ะ
การออกแบบ :
ออกแบบได้ดีสำหรับโครงการ Low Rise ที่มีหลายอาคาร จุดที่ชอบคือการวางผังให้อาคารพักอาศัยอยู่ด้านใน แยกส่วนของร้านค้าออกมาทำให้คนที่อยู่ด้านในอาคารพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัว และการจัดอาคาร Clubhouse อยู่ตรงกลาง ล้อมด้วยอาคารทั้ง 5 ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินมาใช้ Facilities ได้สะดวกพอๆกัน ห้องส่วนใหญ่จะถูกวางผังในแนวทิศเหนือ-ใต้ซึ่งเป็นทิศที่ไม่โดนแดดร้อนตอนบ่าย ห้องพักอาศัยออกแบบได้ลงตัวแยกพื้นที่ทำกิจกรรมและนอนพักผ่อนออกจากกันชัดเจน
สาธารณูปโภค :
Facilities หลักจะอยู่ในอาคาร Clubhouse ที่อยู่กลางโครงการซึ่งชั้นล่างจะมี Lobby Lounge , ห้อง Laundry , ห้อง Meeting Room และ ห้องนิติบุคคล ส่วนชั้นบนเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือแบบ Infinity Edge Pool ซึ่งในสระจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ มี Jacuzzi และ มุมนั่งพักผ่อน และยังมีฟิตเนสจะมีการกั้นห้องเป็นสัดส่วน พร้อมห้องน้ำแยกชายหญิงให้ใช้ครบครันค่ะ และใน Building 3 จะมีห้องสมุดให้ใช้อีกด้วย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 50,000 – 70,000 บาท/ตร.ม., 15 January 2020
- ทำเล 7.75/10 – ใกล้สถานีบางอ้อ ตรงข้ามรพ.ยันฮี เป็นจรัญฯช่วงปลายใกล้สะพานข้ามแม่น้ำ
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก ใกล้ถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 8/10 – สะดวกและมีทางเลือกหลากหลายทั้งรถไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ รถเมล์ รถกระป๊อและเรือ
- วัสดุ 7/10 – ให้มาตามมาตรฐานโครงการ
- แบบ 7.5/10 – วางผังได้ลงตัวทั้งอาคารและภายในห้องพัก
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาครบครันน่าใช้งาน Facilities แยกอยู่ใน Clubhouse
- ECONOMY CLASS
- 7.71 / 10.00
BOTTOM LINE
Supalai City Resort จรัญฯ 91 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดราคาย่อมเยาใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินถึง เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน หาของกินง่าย มีส่วนกลางให้ใช้ครบในทำเลจรัญสนิทวงศ์ตอนปลาย ไม่เน้นของที่ให้ในห้อง มีงบประมาณ 1.57 – 3.98 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อน 11,000 – 28,000 บาทต่อเดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving