รีวิวฉบับที่ 2034 … Regal อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ โครงการใหม่จากบริษัท Hishine Development กลุ่มทุนจากฮ่องกงที่ในช่วงปีสองปีนี้มาเปิดหลายโครงการในไทยนะคะ สำหรับโครงการนี้เรามองว่าทำเลน่าสนใจเลยทีเดียวเป็นกลุ่มคอนโด Low Rise ในซอยศรีนครินทร์ 40 ตรงข้ามกับซีคอน สแควร์ ซอยนี้เป็นซอยที่ของกินเยอะมาก และเชื่อมต่อไปยังอ่อนนุชหรืออุดมสุขได้อีก ส่วนตัวโครงการมีอยู่ 3 อาคาร ตอนนี้จะเปิดขายอยู่ 2 อาคารก่อน ห้องเริ่มต้นที่ 28 ตร.ม. ขายเป็นแบบ Fully Fitted ในราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท ส่วนราคาต่อตร.ม.นับว่าน่าสนใจเลยนะอยู่ที่ 66,xxx บาทต่อตร.ม. เลื่อนไปอ่านรีวิวเต็มๆกันเลยดีกว่าค่ะ
ข้อมูลโครงการ
21 January 2020
- Regal Onnut-Srinakarin ( รีเกิล อ่อนนุช-ศรีนครินทร์ )
- บริษัท ไฮไชน์ ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ซอยศรีนครินทร์ 40 เขตประเวศ
- ที่ดินประมาณ 3 – 0 – 60 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 382 ยูนิต และร้านค้า n/a ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิตที่อาคาร B, C
- ที่จอดรถประมาณ 171 คัน คิดเป็น 45% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- เริ่มก่อสร้าง : มกราคม 2563
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มีนาคม 2565
- 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. จำนวน 240 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 38 – 54 ตร.ม. จำนวน 116 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.65 ล้านบาท
- 3 Bedrooms ขนาด 56 – 60 ตร.ม. จำนวน 26 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 – 2.75 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท (1 Bedroom 28 ตร.ม.) / หรือตร.ม.ละ 63,929 บาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 66,xxx บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-136-3666
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
Project
พิกัด Google Maps : 13.694528, 100.641856
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
Sale Gallery
พิกัด Google Maps : 13.667262, 100.640119
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ แผนที่นี้จะเป็นแผนที่รวมหลายโครงการในแบรนด์ Regal เอาไว้นะคะ โดยที่ Regal อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ จะเป็นโครงการที่มี Logo สีม่วงบนแผนที่นั่นเอง ตำแหน่งของโครงการนี้จะอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 40 ที่สามารถเชื่อมต่อไปออกซอยอ่อนนุชหรือสุขุมวิท 77 ได้ หรือจะออกไปยังซอยสุขุมวิท 101/1 ได้เช่นกัน
ในแง่การ ใช้รถสาธารณะ นั้น ส่วนตัวมองว่าทำเลนี้ถึงแม้จะอยู่ในซอย แต่ก็เป็นซอยที่สามารถออกไปยังถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ได้สะดวก ภายในซอยมีรถสาธารณะวิ่งเข้า-ออกเป็นประจำ ในแง่การไปใช้รถไฟฟ้า ก็สามารถเรียกวินมอเตอร์ไซค์นั่งไปรถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ หรือว่าในอนาคตบนถนนศรีนครินทร์เองก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองให้ใช้งาน รถไฟฟ้าเส้นนี้จะเชื่อมต่อไปยังถนนลาดพร้าว และมาสิ้นสุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่สถานีสำโรงค่ะ นอกจากนี้ตรงปากซอยศรีนครินทร์ 40 จะเป็นฝั่งตรงข้ามกับซีคอน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีรถสาธารณะจอดหลากหลาย ทั้งรถเมล์รถสองแถว ดังนั้นสำหรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นมีตัวเลือกเยอะเลย (แต่จะต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์ออกมายังถนนสุขุมวิทหรือถนนศรีนครินทร์ก่อนนะคะ)
ในส่วนของการใช้รถยนต์ส่วนตัว Regal อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ จะมีจำนวนที่จอดรถให้มาประมาณ 45% ถือว่าไม่มากแต่ก็ไม่น้อย ทำเลนี้ถ้าใช้รถก็เหมาะกับคนที่ต้องเดินทางไปยังถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์เป็นประจำ เพราะได้ประโยชน์จากเส้นทางลัดเลาะภายในซอยมาก เลยมีตัวเลือกหลากหลาย ถ้าวิ่งเข้าเมืองจะไปทางถนนศรีนครินทร์ก็ได้ ถนนเส้นนี้ใช้จะวิ่งไปยังบางกะปิหรือรามคำแหงได้นะคะ แต่ช่วงนี้อาจจะต้องทำใจหน่อยเพราะบนถนนศรีนครินทร์เองมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ตลอดเส้น ทำให้รถติดอยู่บ้าง ส่วนถ้าจะวิ่งออกนอกเมืองไปยังโซนสมุทรปราการ ก็อาจจะเลือกออกไปทางถนนสุขุมวิทก็ได้ค่ะ
มาดูเรื่องความอุดมสมบูรณ์กันบ้างนะคะ ในส่วนนี้เราขอแบ่งออกเป็นโซนๆตามเส้นทางหรือถนนต่างๆเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
1) ถ้ามองจากตัวโครงการเอง เราว่าตำแหน่งที่มีอาหารการกินขายอยู่เยอะๆในระยะที่เดินใกล้ๆก็คือตลาดยงเจริญที่เดินออกไป 300 เมตรเท่านั้น ตรงนี้จะเป็นโซนที่มีหอพักและ Apartment ให้เช่าเยอะเลยทำให้อาหารการกินมีขายเยอะตาม แถมราคาขายน่ารักด้วย
2) มายังถนนศรีนครินทร์ ฝั่งตรงข้ามกับซอยศรีนครินทร์ 40 ของโครงการเราก็จะมีซีคอนสแควร์ที่เป็นห้างใหญ่ มีหลายๆห้างย่อยอยู่ข้างใน ด้านหลังก็จะมีตลาดนัดรถไฟเอาใจคนชอบเดินตลาดนัดยามดึก หรือถัดไปก็มี Paradise Park และตลาดเสรี(ด้านใน) เป็นตลาดติดแอร์เดินสบายอีกเหมือนกันค่ะ นอกจากนี้จะมีสวนหลวงร.9 อยู่ไม่ไกลด้วย ถ้าใครชอบออกกำลังกายไปก่อน 9 โมงหรือหลัง 5 โมงเย็นก็เข้าฟรีนะคะ
3) มาดูทางลัดเลาะในซอยบ้าง ถ้าไปทางอ่อนนุช ปากซอยอ่อนนุชอย่างที่ทราบกันดีว่าเป็นแหล่งที่อาหารการกิน ห้าง ร้านเยอะมาก ทั้ง Big-C, Lotus มี Century Movie Plaza ที่มีโรงหนังให้ดูอีก เป็นอีกจุดที่อุดมสมบูรณ์มากเลยค่ะ
4) สมมุติว่าเราออกมายังซอยสุขุมวิท 101/1 ตรงนี้จะมี True Digital Park 101 อยู่ไม่ไกล เป็น Community Mall เปิดใหม่ มีร้านอาหาร ธนาคาร ฟิตเนสครบเลยค่ะ
5) สุดท้ายมายังถนนบางนา-ตราดกัน ถนนเส้นนี้จะเป็นตำแหน่งที่ตั้ง Sale Gallery ของโครงการด้วยนะคะ จะอยู่ใกล้ๆกับเซ็นทรัล บางนา , Big-C , Little Walks และโรงพยาบาลไทยนครินทร์ค่ะ
เส้นทางการเดินทาง
เส้นทางการเดินทางที่จะพาไปดูวันนี้เราจะมาจากทางบางนา พอเข้าไปยังถนนศรีนครินทร์ก็จะตรงอย่างเดียวเลย ห้างต่างๆจะอยู่ทางขวามือของเรา ผ่าน Paradise Park มาจะเป็น ซีคอน สแควร์ ตรงนี้ก็ให้ชะลอรถมองทางซ้ายมือไว้ พอถึงซอยศรีนครินทร์ 40 ก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเลยค่ะ ตรงตามทางมาก็เลี้ยวขวาทีนึง ซ้ายทีนึงก็จะเจอกับโครงการทางขวามือแล้วค่ะ คลิกดูรูปเส้นทางประกอบได้นะคะ โดยเลื่อนขวาที่รูปข้างล่างนี้ได้เลย
เริ่มจากถนนศรีนครินทร์กันนะคะ เรามาจากทางบางนา มุ่งหน้าเข้าเมืองไปทางอ่อนนุชค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ Regal อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ จะเป็นที่อยู่อาศัย สลับกับอาคารพาณิชย์ โกดัง และร้านอาหารอยู่บ้างค่ะ แต่ด้วยถนนที่ตั้งที่ขยับออกมาจากถนนหลักอย่างซอยศรีนครินทร์ 40 ทำให้ความพลุกพล่านของรถที่ขับผ่านภายในซอยไม่มาก แต่ก็ยังไม่เปลี่ยวมากเพราะมีที่อยู่อาศัย ร้านอาหารเยอะ ตัวถนนหน้าโครงการจะเป็นซอยสุภาพงษ์ 3 แยก 8 ที่ขับสวนกันได้ เข้า-ออกได้ทั้งซ้ายและขวา ไม่ใช่ซอยตัน สามารถจอดรถข้างถนนได้นะคะ
ปัจจุบันโครงการนี้ขอ EIA ผ่านเรียบร้อย กำลังทำการรื้อถอนอาคารเดิมและปรับพื้นที่อยู่ค่ะ สภาพแวดล้อมตอนนี้ก็จะเห็นรถจอดอยู่ข้างโครงการนะ ซึ่งตอนก่อสร้างเสร็จก็อาจจะมีหรือไม่มีรถจอดได้ เผลอๆถ้าจำนวนที่จอดรถภายในโครงการไม่พอ อาจจะเป็นลูกบ้านเองที่มาจอดริมรั้วแบบนี้นะคะ
ทิศใต้ เป็นถนนหน้าโครงการจะเป็นถนนที่รถสามารถขับสวนกันได้ 2 เลน แถมจอดข้างทางทั้ง 2 ฝั่งได้อีกค่ะ
มองเข้าไปในโครงการจะเห็นว่าทาง ทิศเหนือ หรือด้านหลังจะเป็นอาคารสูงเท่าๆกับอาคารเรา (ประมาณ 8 ชั้น) แต่ตัวอาคารมีรูปทรงเป็นแท่งๆนะคะ ไม่ได้เป็นแผงยาวต่อเนื่องไป ทำให้เรื่องมุมมองหรือความเป็นส่วนตัวอาจจะไม่ได้รบกวนมากเท่าไร (หน้าต่างแต่ละอาคารก็ไม่เยอะด้วยนะ)
ทิศตะวันออก เป็นที่ดินเปล่าอยู่ค่ะ ถัดไปก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็เป็นอาคารพาณิชย์เช่นเดียวกัน เป็นออฟฟิศบ้าง คลินิกบ้างค่ะ
ทิศใต้ ตรงข้ามกับหน้าอาคารจะมีหมู่บ้านเล็กๆ เป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้น
ทางเข้าหมู่บ้านจะเข้าจากอีกถนนค่ะ
ทิศตะวันตก จะเป็นโกดังของ DMHOME เป็นบริษัทขายเฟอร์นิเจอร์
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เยื้องๆกับโครงการเราไปจะเป็นร้านกินดื่ม โรงเหล้าแสงจันทร์ ตอนกลางคืนบริเวณนี้อาจจะคึกคักหน่อยนะคะ มีจัดดนตรีบ้างแต่จะอยู่ด้านในอาคาร หวังว่าเสียงจะไม่ดังมาถึงตัวโครงการเรานะ
อีกโซนที่น่าสนใจไม่ไกลจากโครงการเราคือตลาดยงเจริญ เดินไปทางถนนข้างๆ DMHOME นี้ได้เลย
ยงเจริญนี้เดิมทีจะเป็นกลุ่ม Apartment ค่ะ เรียกได้ว่าโซนนี้เป็นโซนที่อยู่อาศัยที่เป็น Apartment หรือห้องเช่าเยอะเลย พอมีที่อยู่อาศัย แน่นอนว่าความต้องการเรื่องอาหารการกินก็ตามมา ทำให้ที่ชั้นล่างรอบๆตึก และริมถนนบริเวณนี้มีร้านอาหารเยอะมาก
ตรงนี้ถือว่าเป็นแหล่งของกินที่เดินมาจากโครงการเราได้สะดวกเลยนะคะ ระยะทางอยู่ที่ประมาณ 300 เมตรเท่านั้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดยงเจริญ ~ 400 m.
- Seacon Square ~ 1 km.
- วิทยาลัยดุสิตธานี ~ 1.5 km.
- Paradise Park ~ 4.3 km.
- Central บางนา ~ 4.3 km.
- ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ ~ 4.6 km.
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 4.8 km.
- Thanya Park ~ 5 km.
- สวนหลวง ร.9 ~ 5.4 km.
- Century Movie Plaza อ่อนนุช ~ 6.8 km.
- True Digital Park 101 ~ 6.9 km.
- Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 8 km.
รายละเอียดโครงการ
Regal อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 3 อาคาร รวม 382 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่ ในซอยศรีนครินทร์ 40 ค่ะ
ตัวอาคารจะวางด้านยาวของอาคารหันหน้าสู่ถนนทางเข้าหลัก และเน้นการวางอาคารโอบล้อมกันทำให้เกิด Court หรือพื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ดังนั้นเวลาที่เรามองจากภายนอกอาจจะเห็นเป็นอาคารวางต่อเนื่องขนานไปกับแนวที่ดินเลย
ที่ตั้งโครงการจะมีถนนอยู่ 2 ฝั่งของขอบเขตที่ดิน ทำให้ได้ข้อดีเรื่องระยะห่างระหว่างตัวโครงการกับอาคารที่อยู่ข้างๆด้วยค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศถนนหน้าโครงการ ของจริงทางขวามือจะเป็นบ้านเดี่ยว และอาคารพาณิชย์นะคะ ไม่ได้มีทางเดินและต้นไม้แบบนี้ แต่บรรยากาศก็จะได้ความสงบอยู่เหมือนกัน ส่วนที่เห็นตัวโครงการนั้น ที่ชั้น 1 ของอาคารที่ถูกออกแบบไว้ให้เป็นร้านค้า ทำให้ทางด้านหน้าอาคารจะไม่มีรั้วกั้น จะจัดเป็น Landscape มากกว่าค่ะ
อาคาร A จะเป็นอาคารที่มีผังเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งอยู่ตรงกลาง เป็นตำแหน่งทางเข้าหลักที่มี Lobby อยู่ ส่วนอาคาร B และ อาคาร C ที่อยู่ด้านข้างจะมี Shop หรือร้านค้าอยู่ด้านใต้ค่ะ มีผังอาคารเป็นรูปตัว L ส่วนทางเข้าโครงการด้วยรถยนต์นั้นจะเข้าฝั่งอาคาร C ลอดใต้อาคารเข้าไปเลย
ทางเข้าหลักของอาคารที่อยู่อาคาร A ออกแบบมาดูใหญ่เหมือนกันนะคะ ด้วยบันไดที่กว้างยาวเต็มพื้นที่และดีไซน์ความสูงเท่ากับอาคาร 2 ชั้น มีการใช้ระแนงเล่นเป็น Pattern ดูแปลกตาด้วยค่ะ ตรงนี้เข้าไปจะเจอกับ Lobby หลักของโครงการ
พื้นที่ Lobby จะตกแต่งด้วยวัสดุลายหินอ่อนและมีความสูงกว่าระดับปกตินะคะ ทำให้ดูไม่อึดอัด สบายตา
พื้นที่ Lobby จะจัดเป็นโซนนั่งเล่น มีผนังกั้นพื้นที่ Lobby ไว้ให้ ตรงนี้ก็จะได้ข้อดีที่พื้นที่แต่ละส่วนก็จะได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนกัน
คนที่ใช้งานด้านในก็จะได้ความสงบเพิ่มขึ้นหน่อยค่ะ ไม่เจอกับคนที่เดินไปมา เข้า-ออกอาคาร
ตำแหน่งของตู้จดหมายคาดว่าจะอยู่ด้านข้างกับทางเดินนะคะ (เนื่องจากเราไม่มีผังพื้นชั้น 1 เลยไม่แน่ใจเรื่องตำแหน่งของพื้นที่ส่วนนี้ , เส้นทางการเดินเชื่อมต่อกันของแต่ละอาคาร , การเข้า-ออกของที่จอดรถ และส่วนบริการต่างๆเช่น ขนาดของร้านค้า ห้องน้ำ เป็นต้น)
แต่ว่าระหว่างอาคารจะมีพื้นที่ทางเชื่อมที่ออกแบบมามีหลังคาปกคลุมและมีสวนเล็กๆสร้างบรรยากาศให้กับตัวโครงการด้วยค่ะ ดังนั้นสมมุติว่าเราอยู่อาคาร B หรือ C ก็ต้องเข้ามาจากทางอาคาร A ก่อน มายัง Lobby แล้วค่อยเดินเชื่อมมายังอาคารของตัวเองอีกครั้งค่ะ
มองจากโมเดลก็จะเห็นทางเชื่อมระหว่างอาคารเหมือนกันนะคะ มีสวนเล็กๆระหว่างอาคารด้วย มานั่งพักผ่อนได้
ส่วนที่เป็น Shop หรือร้านค้านั้นจะแยกทางเข้า-ออก ออกจากพื้นที่ส่วนพักอาศัย คนที่มาจับจ่ายใช้สอยไม่สามารถเข้าไปส่วนที่พักอาศัยได้ค่ะ
ใต้อาคาร C ก็จะมีพื้นที่ส่วนร้านค้าเช่นกัน ตัวร้านค้านี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าจะเป็นรูปแบบไหน จะขายขาด หรือว่าปล่อยเช่า สิทธิ์ขาดจะเป็นของโครงการหรือ Developer ตรงนี้อาจจะต้องไปถามที่โครงการอีกครั้งค่ะ
ใต้อาคารชั้น 1 ที่ไม่ใช่ Shop และ Lobby ก็จะเป็นที่จอดรถค่ะ โดยที่จอดรถของโครงการนี้จะมี 171 คัน คิดเป็น 45% จอดใต้อาคารที่ชั้น 1 และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น ถือว่าให้มากลางๆนะคะ ไม่น้อยเกินไป แต่ก็ถือว่าไม่เยอะมาก จำนวนที่จอดรถนี้ยังไม่รวมจอดซ้อนคัน และก็สามารถจอดรอบๆโครงการได้อีก (แต่ก็ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยอะไรเหมือนในโครงการนะคะ)
พื้นที่ส่วนกลางหลักจะถูกจัดไว้ที่ชั้น 2 มีทั้งส่วนที่เป็น Indoor จะอยู่ในอาคาร A ส่วนที่เป็น Outdoor อยู่ระหว่าง 3 อาคาร ประกอบด้วยสระว่ายน้ำเป็นหลัก
ซึ่งตัวสระว่ายน้ำจะมีสระปกติขนาด 7.8×22 เมตร ลึก 1.3 เมตร และมีสระเด็กพร้อม Jacuzzi ขนาด 7.8×5 เมตร ลึก 45 ซม. มีการจัด Landscape เช่น ต้นไม้เล็กใหญ่ พื้นที่นั่งเล่นไว้รอบๆสระด้วย ตรงนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักที่กลายเป็นวิวให้กับห้องที่อยู่รอบๆได้เหมือนกันค่ะ
ส่วนที่อยู่ Indoor จะมีฟิตเนสอยู่ตรงกลางเลย ที่ชั้น 2 ของอาคาร A ออกกำลังกายไป มองเห็นวิวสระว่ายน้ำไปด้วย อุปกรณ์ที่ให้มาก็น่าจะได้ตามมาตรฐานนะคะ เช่น ลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน บอลบีบ เป็นต้น
ข้างๆฟิตเนสจะมี Kids’ Room ให้ด้วย ออกแบบมาสีพาสเทลสดใส มีการเลือกรูปร่างเรขาคณิตมาตกแต่งงาน interior ด้วย
นอกจากนี้ก็จะมี Co-working space หรือว่า Library ให้ด้วยค่ะ คนที่เรียนอยู่ก็จะได้มีตัวเลือกไว้นั่งอ่านหนังสือหรือนั่งทำงานภายในห้องนี้ก็ได้นะคะ พื้นที่ส่วนนี้จะมี Wifi ให้บริการอยู่ด้วย
นอกจากนี้ที่ชั้นดาดฟ้าหรือ Roof top ของทั้ง 3 อาคารจะถูกจัดไว้เป็นสวนค่ะ
จากภาพจำลองบรรยากาศสวนชั้นดาดฟ้า จะเห็นว่ามีลงต้นไม้ใหญ่ มีผนังโอบล้อมทางเดิน และมีมุมนั่งพักผ่อน จะไม่ได้เป็นสวนกว้างๆเอาไว้วิ่งเล่นเตะบอลนะคะ
ดูบรรยากาศแล้วน่าจะเหมาะกับการนั่งพักผ่อนสบายๆในตอนเย็นๆ เอาหนังสือมาอ่าน นั่งฟังเพลงเพลินๆได้ค่ะ
ที่อาคาร A จะมีความพิเศษกว่าอาคาร B และ C อยู่ตรงที่ ภายในสวนจะมีฟังก์ชันอื่นๆเพิ่มขึ้นมาให้ด้วย
โดยจะมีส่วนที่เป็นเครื่องเล่นเด็กตั้งไว้ และมีหน้าผาจำลองให้ด้วยค่ะ
มาดูที่ Layout โครงการแบบชัดๆกันอีกที ตอนนี้อาคาร A ยังไม่เปิดขายนะคะ ซึ่งโดยรวมเรามองว่าอาคาร A จะได้เปรียบอยู่หลายๆอย่างเลย เช่น 1) เข้าถึงได้จากทางเข้าคนเดินเป็นอาคารแรก 2) เป็นอาคารที่มีส่วนกลางหลายๆอย่างอยู่ในอาคาร แต่ก็อย่าลืมนะคะว่าความสะดวกสบายแบบนี้ก็จะเป็นอาคารที่มีคนเข้า-ออก ใช้งานลิฟต์มากกว่าอาคารอื่นๆเช่นกัน ใครที่ชอบความสงบหน่อยเลือกอาคาร B และ C ก็อาจจะดีกว่า เดี๋ยวไปดูผังแยกแต่ละอาคารกันต่อนะคะ
อาคาร A จะมีอยู่ 60 ยูนิต มีลิฟต์อยู่ 3 ตัวเลยค่ะ ตรงนี้เรายังไม่มีข้อมูลว่าจะมีการแยกใช้ลิฟต์รึเปล่า เพราะเป็นอาคารที่ส่วนกลางเยอะด้วย แต่พอเทียบจำนวนลิฟต์กับจำนวนยูนิตแล้วถือว่าน้อยเลยนะคะ ใช้ลิฟต์ 2 ตัวเฉพาะชั้นพักอาศัยอัตราส่วนการใช้งานยังอยู่แค่ 1:30 น้อยกว่าคอนโด Luxury หลายๆโครงการอีกนะ
มาดูเรื่องชั้นพักอาศัยกันบ้าง อาคารนี้จะมีอยู่ 6 ชั้น ที่ชั้น 3-8 ชั้นละ 10 ยูนิต โดยปลายทางเดินและบริเวณหน้าโถงลิฟต์ก็จะมีหน้าต่างระบายอากาศให้ด้วย ตรงนี้ก็จะมีข้อดีคือทางเดินหน้าห้องไม่มืดทึบ ระบายอากาศได้ดีนะคะ ส่วนรูปแบบการวางห้องพัก 1 Bedroom จะเป็นห้องที่หันหน้าออกนอกอาคาร (หันไปหน้าโครงการ) ส่วนห้อง 2 Bedrooms และ 3 Bedrooms จะเป็นห้องที่หันไปทางสระว่ายน้ำค่ะ วิวดีสุดในโครงการเลย ตรงนี้มีข้อระวังนิดหน่อยสำหรับห้องแบบ 3 Bedrooms ที่อยู่มุมนะคะ เนื่องจากอาคาร A , B และ C วางต่อเนื่องกัน ดังนั้นด้านแคบของอาคารเมื่อมองออกไปก็จะเจอกับอาคารข้างๆในระยะประชิดอยู่ ดังนั้นห้ามคาดหวังเรื่องวิวนะ เราดูจากแปลนเห็นว่าเป็นตำแหน่งของห้องนอนเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีคืออาคารข้างๆก็จะมาช่วยบังแดดให้เรานะคะ หน้าต่างตรงนี้ฟังก์ชันก็คือให้แสงสว่างในห้องและระบายอากาศค่ะ
สำหรับอาคาร B และ C เราขอพูดถึงทีเดียวเลย เพราะว่าแปลนเหมือนกัน แค่สลับด้านกันเท่านั้น ตำแหน่งที่จะชิดกับด้านแคบของอาคาร A คือด้านล่างของแปลน เป็นห้อง Type F ค่ะ ทั้ง 2 อาคารนี้จะเริ่มชั้นพักอาศัยที่ชั้น 2-8 เลย โดยมีห้องชั้นละ 23 ยูนิต แต่ละอาคารมียูนิตรวมอาคารละ 161 ยูนิต และให้ลิฟต์มาอาคารละ 2 ตัว อัตราส่วนการใช้งานลิฟต์อยู่ที่ 81.5 : 1 ถือว่ายังไม่เยอะนะคะ ไม่ต้องรอลิฟต์นานๆ ตัวอาคารจะเป็นรูปตัว C หรือจะมองเป็น L ก็ได้อยู่ เพราะขาด้านนึงจะไม่ยื่นออกมามาก และปลายทางเดินก็ยังเป็นช่องแสงเอาไว้ให้ทางเดินระบายอากาศ ความชื้นได้ และไม่มืดนัก
รูปแบบการวางห้องพักส่วนใหญ่เราจะเป็นห้อง 1 Bedroom อยู่ทั้งด้านนอกและด้านในอาคาร แต่จะมีห้อง 2 Bedrooms และ 3 Bedrooms บ้างที่มุมอาคารค่ะ ห้องที่เราว่าน่าสนใจจะเป็นห้อง 2 Bedrooms เบอร์ 9, 10 ตรงนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำแบบเต็มๆเลย และระยะห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ใกล้มากจนสูญเสียความเป็นส่วนตัว ส่วนตำแหน่งห้องที่เขียนว่า Type A ที่อยู่มุมด้านใน ตรงนี้เราต้องขอโทษผู้อ่านด้วยนะคะ ว่าเป็นห้องที่ขายหรือไม่ ในผังไม่ได้ลงสีเอาไว้ เรามองว่าเป็นมุมอับอยู่ ไม่ได้วิวอะไรเลย น่าจะเป็นพื้นที่ Service ของชั้นพักอาศัยมากกว่าค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ร้านค้า
- Lobby
- สระว่ายน้ำ ขนาด 22 x 7.8 เมตร ลึก 1.3 เมตร
- สระเด็กและ Jacuzzi ขนาดรวม 7.8 x 5 เมตร ลึก 0.45 เมตร
- ฟิตเนส
- Co-Working Space (หรือ Library)
- Kids’ Room
- สวนที่ชั้นดาดฟ้า แยกอาคาร
- หน้าผาจำลอง (อาคาร A)
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 30 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B,C 80.5 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 171 คัน คิดเป็น 45% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- Wi-Fi ที่ส่วน Library
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ 24 ชั่วโมง CCTV / Key Card
แบบห้อง
รูปแบบห้องพักอาศัยภายในโครงการนี้มีเยอะมากเลยค่ะ ตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง 3 Bedrooms เลย รายละเอียดขนาดและราคาตามนี้
- 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. จำนวน 240 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 38 – 54 ตร.ม. จำนวน 116 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.65 ล้านบาท
- 3 Bedrooms ขนาด 56 – 60 ตร.ม. จำนวน 26 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท
โครงสร้างและวัสดุภายในห้อง
โครงการนี้จะขายเป็นแบบ Fully Fitted โครงสร้างห้องเป็นผนังก่ออิฐ วัสดุต่างๆในห้องจะได้ ประตูติด Digital Door Lock ของ Mazi พื้นเป็น Engineering Wood (ถือว่าดีมากเลยนะคะกับราคาเฉลี่ยเท่านี้) แต่พื้นครัวและห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบ ความสูงห้องอยู่ที่ 2.5 – 2.7 เมตร (ขึ้นอยู่กับฟังก์ชันนะคะ ถ้าเป็นห้องน้ำและครัว บางส่วนก็จะสูงน้อยหน่อย) ในครัวจะได้ชุดครัวครบชิ้น แต่เป็นยี่ห้อ Ying กับ Hafele ท็อปเคาน์เตอร์ได้หินสังเคราะห์ มีกระเบื้องกรุเป็น Back Splash ให้และมีตู้บนล่างบานปิดผิวลามิเนตและติด Soft Close ให้ค่ะ ในส่วนห้องน้ำหลักๆจะได้สุขภัณฑ์ของ Kohler นอกจากนี้จะมีแอร์ให้มาด้วยค่ะ ถ้าเป็นห้องขนาด 28 ตร.ม.จะได้แอร์ 2 ตัว ส่วนห้อง 38 ตร.ม.จะให้แอร์มา 3 ตัว
รีวิวนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่าง 2 ห้องนะคะ เป็นห้อง 1 Bedroom Type A ขนาด 28 ตร.ม. และห้อง 2 Bedrooms Type B ขนาด 38 ตร.ม.ค่ะ
2 Bedrooms
ห้องแรกที่จะพาไปดูขอเริ่มจากห้องใหญ่ก่อน ห้องนี้จะเรียกว่า 2 Bedrooms Type B ขนาด 38 ตร.ม. แต่ส่วนตัวจะมองว่าเป็น 1 Bedroom Plus ก็ได้นะ สามารถอยู่อาศัยได้ 2-3 คนค่ะ โดยรูปร่างของห้องจะเป็นห้องตอนลึก ฟังก์ชันที่เป็น Service และ Living จะอยู่ด้านใน ใกล้กับประตูทางเข้า ส่วนฟังก์ชันที่เป็นห้องนอนจะอยู่ชิดริมหน้าต่างค่ะ สิ่งที่เราชอบของห้องนี้คือการแบ่งพื้นที่ใช้งานแยกเป็นสัดส่วนชัดเจน และส่วนที่เป็นห้องนอนรองสามารถกลายไปเป็นห้องอเนกประสงค์ได้ เหมาะกับคนที่อยู่ 1-2 คน แต่ต้องการพื้นที่ใช้สอยมากมากขึ้น เช่น ทำงานที่บ้าน ต้องการพื้นที่เก็บข้าวของส่วนตัวขนาดใหญ่ หรือจะเป็นครอบครัวเริ่มต้นที่มีลูก 1 คนก็มีห้องนอนที่ขนาดไม่เล็กจนอึดอัดค่ะ แต่ด้วยขนาดห้องที่มี 38 ตร.ม. ทำให้จำนวนห้องน้ำจะเหลืออยู่ห้องเดียว ต้องแบ่งเวลากันใช้ดีๆ และครัวที่ได้เป็นครัวเปิดนะคะ ซึ่งถ้าใครทำอาหารบ่อยๆก็ไปกั้นประตูครัวเอาเองทีหลังได้ค่ะ
เริ่มที่ประตูทางเข้าเลยค่ะ เป็นประตูลายไม้กว้าง 90 ซม. ให้ Digital Door Lock มาเป็นของ Mazi ใช้ Keycard , Password และกุญแจเข้า-ออกได้
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ Common Area ก่อนเลย พื้นที่ส่วนนี้จะมีขนาด 4.55×2.45 เมตร ค่ะ ถือว่ากว้างพอสมควรเลยนะคะ
มองย้อนกลับมาที่ประตู ถึงแม้ว่าห้องนี้จะขายเป็นแบบ Fully Fitted แต่ก็จะมีตู้เก็บของให้มาด้วย ตรงมุมห้องทางซ้ายของภาพค่ะ
ตู้นี้มีขนาด 0.80×0.35 เมตร Built-in มาให้พอดีกับความสูงของห้องเลยค่ะ โดยที่ตัวตู้จะไม่ใช่ตู้ทึบทั้งหมด มีช่องอยู่ตรงกลาง ด้านบนเป็นชั้นวางของ ด้านล่างเป็นที่เก็บรองเท้า และข้าวของจุกจิกอื่นๆได้ มีตู้นี้ถือว่าดีเลยนะคะ รองเท้าก็จะได้เก็บเรียบร้อยไม่วางเกะกะ เก็บได้เป็นสิบคู่เลยด้วยค่ะ
ที่เราชอบอีกจุดคือตำแหน่งที่เป็นชั้นวางของจะมีปลั๊กไฟให้มาด้วย เราเอาอุปกรณ์ไฟฟ้าเช่นจะวาง Router หรือว่าชาร์จโทรศัพท์ , Ipad ก็มาเสียบชาร์จตรงนี้ได้ สายไฟฟ้าก็จะอยู่เฉพาะตรงนี้ ไม่เกะกะทางเดินหรือพื้นที่อื่นๆภายในห้องค่ะ
ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ Living Area ค่ะ หน้ากว้างห้องจะอยู่ที่ 2.45 เมตร ถือว่ากว้างอยู่นะคะ หาโต๊ะเล็กๆมาวางหน้าโซฟาได้อยู่
พื้นที่ตรงนี้กว้างอยู่นะคะ วางโซฟากว้าง 1.6-1.8 เมตรกำลังพอดี
ด้านซ้ายที่เห็นจะมีผนังอยู่ 1.5 เมตร ตรงนี้เหมาะกับการวางทีวีค่ะ ถ้าเรา Built-in ชั้นขึ้นมาเต็มผนังเลยก็จะได้พื้นที่เก็บของมากขึ้นด้วยค่ะ
ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่นั่งกินข้าวค่ะ สามารถจัดได้ 2 – 4 ที่นั่งนะคะ ในกรณีที่เราต้องการจะเปิดประตูห้องนอนเล็กฝั่งเดียวอยู่แล้ว จะขยายโต๊ะกินข้าวก็สามารถทำได้ เลือกโต๊ะยาว 1.20-1.50 เมตรได้ค่ะ (แต่คนที่นั่งข้างในอาจจะเดินยากหน่อย) หรือถ้าต้องการใช้โต๊ะขนาด 4 ที่นั่งจริงๆ อาจจะเลือกเป็นโต๊ะแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส ถ้าใช้งานก็ยกออกมาใช้ แต่ถ้าไม่ใช้งานก็ยกเก็บเข้ามุมแทนได้ค่ะ
พื้นที่ส่วนนี้ถ้าดูดีๆเราจะเห็นระดับฝ้าเพดานที่ไม่เท่ากันอยู่ โดยบางส่วนที่เป็นงานระบบจะถูกลดระดับลงมานะคะ และในห้องจริงดวงไฟที่ได้จะไม่ได้เหมือนในห้องตัวอย่าง แต่จะได้เป็นไฟดาวน์ไลท์ค่ะ
ห้องนอนเล็กจะเป็นห้องที่แยกออกจากส่วน Living ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกค่ะ สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้งสองด้านเลย ที่ต้องเลือกใช้แบบนี้เพราะว่าตัวห้องจะเป็นห้องตอนลึก การใช้ประตูกระจกจะทำให้แสงจากภายนอกอาคารยังสามารถส่องเข้าไปยังส่วน Living ได้
มาดูในห้องนอนเล็กกันค่ะ หลายๆที่ที่เราไปดูห้องนอนเล็กมักจะเล็กมาก แต่สำหรับแบบนี้เรามองว่าเป็นห้องที่มีพื้นที่เยอะอยู่นะคะ ขนาดห้องรวม 2.5×2.6 เมตร
หน้าต่างห้องก็จะได้เป็นช่องแสงขนาดใหญ่ มีหน้าต่างบานเปิดสวิงระบายอากาศได้
ห้องนี้จะให้ตู้เสื้อผ้ามา 1 ชุด เป็น Built-in วางชิดประตูทางเข้าห้อง
ขนาดตู้กะทัดรัด กว้าง 70 ซม.มีชั้นเก็บของ ราวแขวนเสื้อ และลิ้นชักให้มา
วางเตียง 3 – 3.5 ฟุตวางริมหน้าต่างได้เลยค่ะ
ต่อมาเราจะไปดูอีกฝั่งของห้องกันนะคะ ห้องทางขวามือของรูปเลยจะเป็น Master Bedroom ห้องนี้จะมีประตูปิดทึบ ได้ความเป็นส่วนตัวเต็มที่
เข้ามาในห้องจะมีพื้นที่ 3.33 x 2.45 เมตร ห้องนี้จะมีระเบียงส่วนตัวค่ะ สามารถเลือกวางเตียงกว้าง 1.6-1.8 เมตรกำลังดี ถ้าเลือกใหญ่กว่านี้ก็จะไม่เหลือทางเดินเท่าไรนะคะ
ห้องนี้ก็ยังให้ตู้เสื้อผ้ามาเช่นกันค่ะ หน้าบานตู้เป็นบานเลื่อน กว้าง 1.3 เมตร
เลื่อนดูด้านในก็จะมีชั้นวางของ ลิ้นชัก และราวแขวนเสื้อผ้าให้มา
ปลายเตียงจะเป็นผนังที่สามารถติดชั้นวางบริเวณผนังได้ หรือเลือกแขวนทีวีได้นะคะ ไม่แนะนำให้วางเป็นตู้วางพื้นเท่าไรค่ะ เพราะแค่วางเตียงไปทางเดินก็จะเหลือที่อยู่ประมาณ 45 ซม.แล้ว
ห้องนี้จะมีระเบียงอยู่ภายในห้องค่ะ ถ้าเรามองดูจะเห็นประตูบานเลื่อนอยู่นะคะ แต่ตัวประตูนี้จะสูงจากพื้นถึงฝ้า แต่ว่าความกว้างจะไม่กว้างเต็มความกว้างของห้อง เพราะตรงนี้ออกแบบผนังไว้บังพวก Condensing Unit ที่วางไว้ข้างนอกค่ะ เวลามองออกไปก็จะไม่เห็นอะไรที่ไม่สวยงามเนอะ
เก็บรอยต่อวัสดุดูสวยงาม ข้างนอกลดระดับลงไปจากในห้อง กันฝุ่นและน้ำฝนที่อาจจะนองอยู่บริเวณระเบียงไม่ให้เข้ามาภายในห้องนอนค่ะ
ระเบียงห้องใหญ่เลย กว้าง 1 เมตร ยาว 2.4 เมตร เอาชุดโซฟานั่งเล่น outdoor มาวางได้เลย ตรงนี้ราวกันตกเป็นกระจกมีเข้ามุมเล็กๆด้วย ฝั่งที่วาง Condensing Unit ก็จะมีระแนงบังเรียบร้อย แต่อาจจะต้องติดกริลเบี่ยงลมร้อนให้เป่าออกนอกอาคารไป เวลาใช้งานระเบียงก็จะได้ไม่ร้อนเกินไปนะคะ
โดยรวมถือเป็นห้องที่ขนาดกำลังดี ไม่สว่างมาก เหมาะกับการพักผ่อน
มาดูส่วนที่เป็น Service ของห้องกันบ้างค่ะ นั่นก็คือห้องครัวและก็ห้องน้ำ โดยที่ห้องน้ำจะต้องเข้าจากทางห้องครัวเท่านั้นค่ะ ครัวของห้องนี้จะเป็นครัวเปิดค่ะ เดินเข้าออกห้องน้ำก็ง่ายหน่อย แต่ว่าถ้ากั้นเป็นครัวปิด คือมีประตูปิดมิดชิดพวกกลิ่นควันก็จะไม่ไหลลอยมายังพื้นที่อื่นๆภายในห้องนะ
พื้นที่ส่วนครัวจะกว้าง 1.4 เมตร ยาว 2.4 เมตรค่ะ เคาน์เตอร์จะเป็นรูปตัว L เข้ากับมุมห้องเลย เหลือทางเดิน 80 ซม.
ชุดครัวจะ Built-in มาให้ทั้งตู้บนและตู้ล่าง ทางขวาจะเป็นเตาและตำแหน่งวางเครื่องซักผ้า ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นอ่างล้างจานและชั้นวางไมโครเวฟค่ะ
เตาจะได้เป็นเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันของ Hafele หรือเทียบเท่า เครื่องดูดควันจะเป็นระบบหมุนเวียนค่ะ
ใต้อ่างล้างจานจะมีถังขยะให้มาด้วย ตัวตู้จะเป็นบานเปิดมีชั้นวางของด้วยค่ะ ด้านหลังมีปลั๊กให้ด้วย เราอาจจะวางเครื่องใช้ไฟฟ้าตรงนี้ได้ แต่อาจจะหาฝาครอบปลั๊กมาปิดไว้ป้องกันอันตรายจากน้ำบริเวณอ่างล้างจานที่กระเด็นไปยังปลั๊กได้ค่ะ
บนเคาน์เตอร์ท็อปจะเป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash จะเป็นกระเบื้องค่ะ ด้านบนเคาน์เตอร์พอมีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารอยู่ด้วย
ข้างๆครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ
ส่วนในห้องน้ำให้ชุดสุขภัณฑ์มาครบเลยค่ะ พื้นผนังกรุกระเบื้องมา ลายดูดีเลย
เข้าไปในห้องน้ำจะเจอกับอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ก่อนเลย
สิ่งที่เราชอบในห้องน้ำของโครงการนี้คือชั้นวางของและชุดกระจกเงาที่ให้มาแบบนี้ค่ะ
ใต้กระจกเงาจะมีชั้นวางของและมีตู้ที่เปิดออกมาได้ เก็บข้าวของได้เยอะมากเลยค่ะ พวกอุปกรณ์อาบน้ำที่ซื้อมาตุน เช่น กระดาษชำระ สบู่ แชมพู เป็นต้น
ตัวอ่างล้างหน้าจะมีพื้นที่บนเคาน์เตอร์ที่สามารถวางของเล็กๆน้อยๆได้ และมี Built-in ใต้อ่างที่วางของได้อีกเช่นกัน
โถสุขภัณฑ์จะได้ของ Kohler มีสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษชำระมาให้ค่ะ (มีปลั๊กไฟด้วย อย่าลืมหาฝาครอบปลั๊กมาติดเพิ่มเพื่อความปลอดภัยกันนะคะ)
พื้นที่ส่วนเปียกหรือห้องอาบน้ำจะมีฉากกั้นกระจกให้มาเป็นแบบบานเลื่อน
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.28 x 0.80 เมตร ใช้งานหมุนตัวสะดวกค่ะ
ฝักบัวอาบน้ำเป็นแบบมือจับหน้าตาแบบนี้เลยของ Kohler เหมือนกันนะคะ
1 Bedroom
เราลองมาดูห้องตัวอย่างอีกห้องกันนะคะ ห้องนี้จะเป็น 1 Bedroom Type A ขนาด 28 ตร.ม. เป็นห้องตอนลึกที่มีจุดเด่นตรงที่แบ่งโซนอยู่อาศัยกับโซน Service (ห้องน้ำกับครัว) ออกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน ซึ่งการแบ่งอย่างนี้ทำให้ส่วนที่เป็นครัวอยู่ชิดกับระเบียงและได้ประโยชน์คือระบายอากาศได้ดีขึ้น ได้ครัวปิด ส่วนพื้นที่โซนอยู่อาศัยก็จะต่อเนื่องไป ห้องดูมีขนาดกว้างด้วยค่ะ เราลองไปดูห้องจริงกันเลยดีกว่านะคะ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ส่วนพักอาศัยก่อนเลย เป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น และพื้นที่รับประทานอาหาร ส่วนด้านในสุดจะเป็นห้องนอน ตรงนี้หน้ากว้างของห้องจะอยู่ที่ 2.2 เมตรโดยประมาณ
รูปแบบการขายจะเป็น Fully Fitted แต่ก็จะมี Built-in ตู้เก็บของและตู้เสื้อผ้ามาให้ และให้แอร์มา 2 ตัวค่ะ
ชั้นวางของตรงนี้จะทำมาให้ขนาด 80×20 ซม. ด้วยความลึกที่ไม่มาก ชั้นวางรองเท้าจึงเป็นแบบนี้แทน เก็บรองเท้าได้หลายคู่อยู่นะคะ และมีชั้นวางของให้ด้านบนพร้อมปลั๊กไฟเหมือนกับห้องที่แล้วที่พาไปดูกันเลย
ส่วนต่อมาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารต่อเนื่องกัน ตรงนี้จะไม่มีเฟอร์นิเจอร์มาให้ ความลึกของห้องจะอยู่ที่ 3.6 เมตร ตอนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ลองคำนึงถึงขนาดกันดีๆนะคะ
ถ้าให้แนะนำเราว่าโซฟาขนาดกว้าง 1.6 เมตร กำลังพอดี มีโต๊ะหน้าโซฟาเล็กๆได้ แต่เลือกขนาดเล็กหน่อยแบบที่เลื่อนไปมาง่ายก็จะดีกว่า จะได้ไม่เกะกะขวางทางเวลาเดินเข้า-ออกห้อง
ส่วนตำแหน่งของโต๊ะกินข้าวจะเลือกแบบ 2-4 ที่นั่งก็ได้ค่ะ ถ้าใครอยากได้พื้นที่โต๊ะกว้างหน่อยลองเลือกโต๊ะใหญ่ขึ้นกว้างสัก 1.2 เมตรก็ได้นะคะ เผื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นที่นั่งทำงานได้ด้วย
ข้างๆกับชั้นวางของที่ Built-in ให้มาจะเป็นผนังที่เราสามารถทำ Built-in เพิ่มหรือหาชั้นวางทีวีกว้าง 20 ซม.มาวางได้ (ระยะ 20 ซม. จะเป็นระนาบเดียวกันกับชั้นวางของค่ะ)
ถัดเข้าไปเราจะเจอกับประตูเข้าห้องนอนทางขวามือและทางซ้ายมือจะเป็นประตูเข้าครัว ตรงนี้จะเป็นบานเลื่อนกระจกทั้งคู่เลย เพื่อให้แสงสว่างจากนอกอาคารสามารถส่องเข้ามายังด้านในห้องได้
ห้องนี้มีขนาดที่ลึกเหมือนกันนะคะ รวมๆแล้วขนาดอยู่ที่ 3.56×2.3 เมตรเลย ฝ้าเพดานจะสูง 2.7 เมตร และมีขอบกั้นตรงฝ้าเพดานสร้างมาให้แบบนี้ ปิดรางม่านด้วย ดูเรียบร้อย
ชุดหน้าต่างจะเป็นช่องแสงขนาดใหญ่และมีบานเปิดสวิงเอาไว้ระบายอากาศ
เรามองว่าด้วยตำแหน่งตู้เสื้อผ้าที่ให้มาพร้อมกับห้องทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียงกับประตูทางเข้ากว้างมากเลยค่ะ ซึ่งเราสามารถเลือกเตียงที่ใหญ่ขึ้นได้ (แต่อาจจะไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง) และขยับเตียงให้มากลางห้องมากขึ้นได้ แต่ถ้าใครอยากได้พื้นที่กว้างๆแบบในห้องตัวอย่างเราก็มองว่าเป็นไอเดียที่ดีนะคะ กางโต๊ะญี่ปุ่นหาฟูกมาวางนั่งอ่านหนังสือทำงานข้างเตียงแบบสบายๆก็ได้เช่นกัน
ถ้าเลือกเตียงกว้าง 1.6 เมตร ก็จะวางโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆข้างเตียงได้ด้วย
ตู้เสื้อผ้าที่ Built-in มาให้จะมีความกว้าง 80 ซม. หน้าบานเป็นบานเปิดสวิง มีลิ้นชักเก็บของ ชั้นวางของ และราวแขวนเสื้อผ้าให้มาตามรูปเลยค่ะ
ลองมองย้อนออกไปจะเห็นได้ว่าห้องนี้ลึกพอสมควรนะคะ ผนังปลายเตียงก็จะเป็นผนังทึบ เราอาจติดทีวีแบบแขวนได้ หรือหาหมุดมาติดเอาไว้แขวนเสื้อผ้าเบาๆ แขวนกระเป๋าได้เหมือนกัน
มาดูพื้นที่ส่วน Service ของห้องกันบ้าง ตำแหน่งนี้จะอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะกินข้าว เราจะเจอกับห้องครัวทางขวามือ และห้องน้ำทางซ้ายมือ
ตรงนี้จะมีความกว้าง 1.1 เมตร ปลายสุดสามารถวางตู้เย็นได้ เราว่าสะดวกดีนะคะ เดินจากครัวมาหยิบของสดก็ง่าย หรือดูทีวีเพลินๆแล้วจะเดินไปหยิบเครื่องดื่มก็สะดวก
ครัวของห้องนี้จะได้เป็นครัวปิด มีประตูบานเลื่อนกระจกกั้น 3 ตอน เปิดสุดจะพอดีกับแนวเคาน์เตอร์ไม่เกะกะทางเดินค่ะ
เคาน์เตอร์ห้องนี้จะได้ยาวสุดความลึกของห้องเลย ประมาณ 2.6 เมตรได้นะคะ เลยทำให้มีพื้นที่บนเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารเยอะขึ้นด้วยค่ะ ดังนั้นเราจึงวางไมโครเวฟไว้บนเคาน์เตอร์ได้ค่ะ
เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจะเป็นของ Hafele นะคะ มีอ่างล้างจานให้มาด้วย ตู้บนและตู้ล่างจะเป็นแบบบานเปิดสวิง มีชั้นวางของให้ค่อนข้างเยอะค่ะ
รายละเอียดอื่นๆก็จะมีถังขยะมาให้ใต้อ่างล้างจาน และใต้เตาไฟฟ้าจะเป็นตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าค่ะ เครื่องซักผ้าของโครงการนี้จะวางในครัวทุกแบบเลยนะคะ ที่ระเบียงจะไม่มีการเดินงานระบบน้ำ ระบบไฟมาให้ค่ะ
สำหรับห้องนี้ตำแหน่งระเบียงจะติดกับห้องครัวนะคะ เป็นระเบียงสำหรับส่วน Service คือเอาไว้วาง Condensing Unit หรือตากเสื้อผ้า
บานประตูจะเป็นแบบบานเปิดสวิง ซึ่งอาจจะมีข้อเสียเล็กน้อยตรงทำให้เสียพื้นที่ใช้งานตรงบานสวิงออกไป เราไม่สามารถวางของอะไรได้ค่ะ
ตัวระเบียงของจริงจะได้ราวกันตกกระจกเหมือนกันกับห้องตัวอย่างเมื่อสักครู่นะคะ ที่เห็นเสาของจริงจะไม่มี (อันนี้เป็นโครงสร้างของ Sale Galleryค่ะ)
มาดูห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่งกันดีกว่า ตัวห้องน้ำจะมีการจัด Layout เหมือนเดิม เข้ามาเจอกับอ่างล้างมือก่อน ถัดเข้าไปเป็นโถสุขภัณฑ์ และด้านในสุดจะเป็นห้องอาบน้ำค่ะ
รายละเอียดของสุขภัณฑ์และ Built-it จะเหมือนเดิมเลยค่ะ ให้ที่เก็บของมาแบบจัดเต็มเลย
ห้องตัวอย่างนี้แอบเห็นฝาครอบปลั๊กมาด้วยนะ อาจจะต้องลองถามที่โครงการอีกครั้งนะคะว่ามีให้หรือไม่? มีจุดไหนบ้าง?
พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้จะมีขนาด 85×90 ซม. ยังพอยืนหมุนตัวได้นะคะ ตรงผนังมีช่องไว้ให้วางอุปกรณ์อาบน้ำด้วย ตรงนี้ถือว่าดีเลยค่ะ เก็บได้เยอะเลย
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ผังห้องแบบอื่นๆที่มีในโครงการ
นอกจากแบบที่เราพาไปดูแล้ว โครงการนี้ยังมีห้องแบบอื่นๆให้เลือกด้วยนะคะ เราลองไปดูผังห้องอื่นๆกันค่ะ
2 Bedrooms ขนาด 54 ตร.ม. ห้องนี้จะเป็นห้อง 2 Bedrooms ที่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาค่ะ ตัวห้องนี้จะมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเลย และแบ่งส่วนที่เป็น Common Area ไว้ฝั่งนึง ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องนอน โดยที่ห้องนอนใหญ่จะได้พื้นที่ภายในห้องเยอะ มีตู้เสื้อผ้ากว้าง และมีพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งด้วย แต่สิ่งที่เราว่าเป็นจุดที่น่าสนใจของห้องนี้จะอยู่ที่ห้องอเนกประสงค์ที่เพิ่มมาให้ค่ะ เราสามารถใช้เป็นห้องทำงานได้ หรือว่าใครที่มีเสื้อผ้าเยอะจะทำห้องนี้เป็นห้องแต่งตัวใหญ่เลยก็ดีนะคะ ตำแหน่งอยู่หน้าห้องน้ำพอดีเลย
ราคา
21 January 2020
- ราคาห้องที่นำมาลงเป็นราคาเริ่มต้นของแต่ละแบบนะคะ
- 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. ราคา 1.79 ล้านบาท หรือ 63,929 บาทต่อตร.ม.
- 2 Bedroom ขนาด 38 ตร.ม. ราคา 2.65 ล้านบาท หรือ 69,737 บาทต่อตร.ม.
- 3 Bedroom ขนาด 56 ตร.ม. ราคา 3.89 ล้านบาท หรือ 69,464 บาทต่อตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Fitted ( Built-in ครัว, สุขภัณฑ์ , ตู้เสื้อผ้า และเครื่องปรับอากาศ )
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.75 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele หรือเทียบเท่า
- จอง + ทำสัญญา 3%
- ดาวน์ 7% ผ่อนดาวน์ภายใน 2 ปี
- ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 47 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล
โครงการ Regal อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 40 เข้า-ออกได้หลายทาง ทั้งสุขุมวิท, ศรีนครินทร์, อ่อนนุช หรือแม้กระทั่งบางนา-ตราด ทำให้ได้ทำเลนี้มีข้อดีตรงที่มีเส้นทางให้เลือกใช้งานได้หลากหลายค่ะ โดยตัวโครงการจะอยู่ซอยตรงข้ามกับซีคอน สแควร์ ที่ถือว่าเป็นแหล่งที่คึกคักมากที่สุดจุดหนึ่งบนถนนศรีนครินทร์เลย ซอยนี้มีที่อยู่อาศัย หอพัก และ Apartment ค่อนข้างมาก เพราะความสะดวกทั้งการเชื่อมต่อถนนหลายสาย อาหารการกิน ท่ารถสาธารณะต่างๆ(ตรงข้ามซีคอน) จึงเป็นอีกทำเลที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยบริเวณนี้ค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ
ตัวโครงการจะอยู่ในซอย แต่เป็นซอยที่เชื่อมต่อไปยังถนนได้หลายเส้น ทำให้เดินทางไปได้ทั้งศรีนครินทร์, สุขุมวิท และบางนา-ตราดได้ง่าย อัตราส่วนที่จอดรถมีให้อยู่ 45% ถือว่าไม่มากไม่น้อยไป ยังสามารถจอดซ้อนคันหรือจอดข้างถนนข้างๆโครงการได้บ้าง เพราะบริเวณนั้นไม่ใช่ถนนหลักที่ใช้สัญจร เดิมทีมีรถจอดข้างทางอยู่แล้วค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ
ภายในซอยถ้าไม่มีรถส่วนตัวก็จะมีวินมอเตอร์ไซค์และ Taxi ให้เรียกใช้งานได้ แต่อาจจะต้องเดินมายังถนนเส้นหลักนิดหน่อยเช่นบริเวณหน้าตลาดยงเจริญ (300 เมตร) หรือจะเรียกใช้บริการเรียกรถผ่าน Application ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าออกมายังถนนใหญ่ได้แล้ว ตรงซีคอน สแควร์ถือว่าเป็นอีกจุดที่มีรถสาธารณะจอดรอ หรือหยุดรับผู้โดยสารเยอะมาก มีทั้งรถสองแถว รถเมล์ เลือกใช้บริการตามเส้นทางที่ต้องการไปได้เลยค่ะ แต่ถ้าต้องการใช้รถไฟฟ้า ตอนนี้อาจจะต้องไปใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ถนนสุขุมวิทก่อน แต่ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองผ่านบนถนนศรีนครินทร์ค่ะ ใช้เดินทางจากลาดพร้าวมายังสำโรงเลย
วัสดุ
โครงการนี้จะขายเป็นแบบ Fully Fitted โครงสร้างห้องเป็นผนังก่ออิฐ วัสดุต่างๆในห้องจะได้ ประตูติด Digital Door Lock ของ Mazi พื้นเป็น Engineering Wood แต่พื้นครัวและห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังและฝ้าเพดานฉาบเรียบ ความสูงห้องอยู่ที่ 2.5 – 2.7 เมตร ในครัวจะได้ชุดครัวครบชิ้น แต่เป็นยี่ห้อ Ying กับ Hafele ท็อปเคาน์เตอร์ได้หินสังเคราะห์ มีกระเบื้องกรุเป็น Back Splash ให้และมีตู้บนล่างบานปิดผิวลามิเนตและติด Soft Close ในส่วนห้องน้ำหลักๆจะได้สุขภัณฑ์ของ Kohler นอกจากนี้จะมีแอร์ให้มาด้วยค่ะ ถ้าเป็นห้องขนาด 28 ตร.ม.จะได้แอร์ 2 ตัว ส่วนห้อง 38 ตร.ม.จะให้แอร์มา 3 ตัว
การออกแบบ
รูปแบบอาคารจะถูกแบ่งเป็น 3 อาคาร วางเรียงกันเป็นรูปตัว U เกิดพื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารเป็นพื้นที่ส่วนกลางค่ะ ด้วยทำเลและการวาง Layout อาคารใน Master Plan ทำให้ห้องพักทั้งรอบนอกและด้านในจะไม่อึดอัดมาก ไม่มีระยะที่กระชั้นเกินไปนัก ห้องที่หันเข้าภายในโครงการก็จะได้ข้อดีมากหน่อยตรงที่ได้วิวสระว่ายน้ำด้วย แต่การออกแบบเส้นทางการเข้า-ออก ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง เนื่องจากไม่มี Master Plan หรือผังบริเวณมาให้ดูนะคะ ส่วนตัวห้องมีให้เลือกหลากหลาย มีตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง 3 Bedrooms เลย มีทั้งแบบที่เป็นครัวเปิด , ครัวปิด , ห้องนอนเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น หรือห้องนอนแบบมีประตูบานทึบปิดกั้นแยกเป็นสัดส่วนให้เลือกด้วยค่ะ
สาธารณูปโภค
ที่ชั้น 1 จะมี Lobby อยู่ที่อาคาร A และ Shop ที่อาคาร B และ C แต่พื้นที่ส่วนกลางหลักจะอยู่ที่ชั้น 2 ประกอบไปด้วยฟิตเนส , Co-working Space , Kids’ Room, สระว่ายนำ้ , สระเด็กและ Jacuzzi คะ นอกจากนี้ที่ดาดฟ้าของทุกอาคารจะมีสวนอยู่ แต่ที่อาคาร A จะพิเศษหน่อย เพราะมีสนามเด็กเล่นและหน้าผาจำลองด้วยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 66-xxx บาท/ตร.ม., 21 January 2020
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยที่มีอาหารการกินเยอะ
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – มีทางลัดเลาะ เข้าออกหลากหลาย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีให้เลือกเยอะ มีรถไฟฟ้าให้ใช้ แต่ต้องพึ่งวินมอเตอร์ไซค์หนึ่งต่อ
- วัสดุ 7.5/10 – เป็น Fully Fitted วัสดุบางอย่างให้มาดี
- แบบ 7.25/10 – มีแบบห้องให้เลือกเยอะ
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาครบตามมาตรฐาน
- MAIN CLASS
- 7.51 / 10.00
BOTTOM LINE
Regal อ่อนนุช – ศรีนครินทร์ เป็นคอนโด Low Rise ในซอยที่ได้ความสะดวกเรื่องการเดินทางเชื่อมต่อ และอาหารการกิน จึงเหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยย่านนี้ ทำงานแถวซีคอน อยากได้ทรัพย์สินเป็นของตัวเอง อาจจะเปลี่ยนจากเช่าห้องมาผ่อนคอนโดแทน อยู่คนเดียวหรือว่ากำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว มีงบประมาณ 2-4 ล้านบาท (บวกค่าเฟอร์นิเจอร์ไปนิดหน่อย) หรือมีกำลังผ่อนอยู่ที่ 14,000-28,000 บาทต่อเดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving