รีวิวโครงการ

Quinn สุขุมวิท 101 – รีวิวคอนโด : คิดเรื่องอยู่ Ep.532

15 พฤศจิกายน 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

 

รีวิวฉบับที่ 1711 … ขึ้นชื่อว่า “สุขุมวิท” ถนนสายหลักของชาวกรุงเทพ ที่หลายๆคนก็อยากอยู่อาศัยติดกับถนนเส้นนี้ เพราะทั้งเดินทางง่าย ติดถนนใหญ่ แต่ปัจจุบันราคาที่ดินติดสุขุมวิทนั้นสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดทีเดียว โครงการ QUINN สุขุมวิท 101 นั้นถือมีทำเลที่โดดเด่นมาก คือ ติดสุขุมวิท + 0 เมตร รถไฟฟ้า BTS ปุณณวิถีครับ โดย ผู้ประกอบการก็คือ MBK Real Estate ซึ่งเคยทำคอนโดแบรนด์ QUINN ที่รัชดามาแล้ว เราไปดูกันครับ

Fact @ 19 October 2018

  • Quinn Condo Sukhumvit 101 (ควินน์ คอนโด สุขุมวิท 101)
  • ผู้ประกอบการ : MBK Real Estate
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : พระโขนง
  • คอนโด High Rise 31 ชั้น 347 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิตที่ชั้น 8-24
  • ที่จอดรถประมาณ 183 คันคิดเป็น 53% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • ที่ดินประมาณ 2-2-82 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  1 October 2018
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : September 2020
  • 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 54 ตร.ม.
  • Combine 70 ตร.ม.
  • Duplex 125 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.80 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท (Pre-Sale)
  • Pre-Sale 31 October 2018
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร Avereage ทั้งโครงการ 185,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่  
  • โทร  : 063-265-9229

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.689988, 100.608843

แผนที่จากทางโครงการครับ แสดงให้เห็นว่าโครงการอยู่ติด BTS ปุณณวิถี บนเส้นถนนหลักสุขุมวิท นอกจากนั้นยังถือว่าเป็นพื้นที่สามารถใช้งานทางด่วนเฉลิมมหานคร กับ ทางด่วนบางนาตราดได้ไม่ยากด้วยครับ

ทำเลของโครงการ QUINN สุขุมวิท 101 อยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท และ BTS สถานีปุณณวิถี ใช่ครับ…ติดเลยแบบ 0 เมตร สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่เกาะเส้นสุขุมวิท อาทิเช่น ธนาคาร, ปั๊มน้ำมัน, ร้านขายของทั่วไป, โชว์รูม, รวมไปถึง Community Mall และออฟฟิศสำนักงานระดับกลางสเกลรองกว่าพวกโซนสุขุมวิทตอนต้น อาทิเช่นอาคารสามัคคีเภสัช, ตึกแฟนทรี 1,2,3 และ 4 ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานและศูนย์มัลติเพล็กซ์ขนาดใหญ่ของ DKSH, สำนักงานขนส่งเขตพื้นที่ 3 ซึ่งอาคารสำนักงานเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีพนักงานรวมแล้วหลายพันคนซึ่งต้องการทั้งที่อยู่อาศัย ความอุดมสมบูรณ์ในแง่อาหารการกิน และไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต ทำเลแถวนี้จึงค่อยๆเติบโตไปตามการเพิ่มขึ้นของประชากร โดยจะเห็นว่าปัจจุบันมีคอนโดอยู่บนถนนใหญ่ และตามซอยย่อยมากมายเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยเหล่านี้

สำหรับทำเลในย่านนี้จะมีซอยที่สำคัญๆอยู่ 2 ซอยคือ ซอยสุขุมวิท 101 (ปุณณวิถี) กับ ซอยสุขุมวิท 101/1 (วชิรธรรมสาธิต) ซึ่งซอยสุขุมวิท 101/1 นั้นมีความสำคัญตรงที่สามารถไปออกถนนศรีนครินทร์ เวลาไปจะไปห้าง Seacon Square, Paradise Park และ สวนหลวงร. 9 และยังมีทางลัดไปเส้นอ่อนนุชได้ซอยนี้จึงมีความคึกคักค่อนข้างมาก มีคอนโดขึ้นเยอะพอสมควร

ส่วนซอย 101(ปุณณวิถี) นั้นเป็นซอยที่อยู่ติดด้านข้างโครงการ(โครงการติดถนนสองด้านเป็นแปลงมุม) จะเป็นซอยตันไม่ได้มีความคึกคักเท่ากับ เป็นซอยที่เชื่อมต่อไปอ่อนนุช (up date 2/1/2020) และภายในซอยก็มีร้านอาหารค่อนข้างเยอะ ผู้คนที่มาใช้บริการส่วนใหญ่ก็เป็นพนักงานที่ทำงานในละแวกนี้ แหล่งช้อปปิ้งรอบโครงการ ถ้าเป็นห้างใหญ่ๆจะต้องไปบนเส้นบางนากับศรีนครินทร์ บนเส้นบางนาใกล้สุดจะเป็น เซ็นทรัล กับ Big C  ไกลไปอีกหน่อยก็ Mega บางนา

สำหรับใครที่ชอบไลฟ์สไตล์การเดินชอปปิ้งแบบชิคๆชิว ในย่านนี้ก็มี Community Mall และศูนย์การค้าเกิดใหม่ที่น่าสนใจหลายที่ ทั้งโครงการ Phyll สุขุมวิท 54 (เปิดตัวไปแล้ว) และก็มี Century Movie Plaza Onnut(นับเป็นห้างที่มีโรงหนังใกล้โครงการสุดล่ะครับ), Whizdom 101 (ที่ด้านหน้าจะมีร้านอาหาร ธนาคาร ซูเปอร์มาร์เก็ตให้เข้าไปจับจ่ายใช้สอยกันได้ คาดว่าน่าจะเปิดปีหน้าครับ) และสุดท้าย Bangkok Mall ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างเสียทีครับ

  • Century Movie Plaza Onnut  ของ Ekmahakij Co.,Ltd  ตั้งอยู่ข้างๆ BTS อ่อนนุช เป็นโครงการแบบ Mix-Use พื้นที่เชิงพาณิชย์ Shopping complex , โรงภาพยนตร์

The Phyll ตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 54 ข้างสำนักงานเขตพระโขนง เป็น Hybrid-Lifestyle Mall ที่ผสมความเป็นศูนย์การค้าแบบเปิด (Open-Air Mall), แบบปิด (Enclosed Mall) และชั้นใต้ดินแบบกึ่ง Opened-Air ด้วยพื้นที่ขาย 5,200 ตารางเมตร และประเภทร้านค้าที่หลากหลาย

  • Whizdom 101 เป็น Mixed use ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท  โดยภายในจะมีทั้งพื้นที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่, คอนโด และ Community Mall  บนเนื้อที่กว่า 43 ไร่ ซึ่งซื้อต่อมาจากเจ้าของเดิมคือ “ปิยรมย์”นั่นเอง ในอนาคต Piyarom sport club และ Piyarom Place จะหายไป และกลายเป็น Whizdom 101 แทน
  • Bangkok Mall ตั้งอยู่บริเวณถนนบางนา-ตราด ตัดกับสุขุมวิท ตามแพลนออกแบบเดิมนั้นเป็นโครงการศูนย์การค้าและออฟฟิศบนที่ใหญ่เป็น 3 เท่าของสยามพารากอน กำหนดการเดิมแล้วเสร็จในปี 2560(ซึ่งตอนนี้ก็เลยมาจะสองปีแล้ว แต่กำลังจะเริ่มสร้างใหม่ ผมคาดว่าอาจจะเสร็จอีก 2-3 ปีข้างหน้าโน้น)
  • ในช่วงหลายปีมานี้ทำเลแถบสุขุมวิทตอนปลายมีคอนโดเกิดขึ้นมาตามรถไฟฟ้าค่อนข้างเยอะ สภาพชุมชนจึงค่อยๆพัฒนาไปตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น เชื่อว่าเมื่อ Community Mall และศูนย์การค้าเหล่านี้สร้างเสร็จเรียบร้อยก็ยิ่งจะทำให้ทำเลแถบนี้มีความเจริญมากขึ้นไปอีก

    ทำเลนี้ค่อนข้างสะดวกทั้งการเดินทางโดยใช้รถและไม่ใช้รถ สำหรับใครที่ไม่มีรถ อย่างที่บอกครับนี่คือโครงการที่ติดรถไฟฟ้าเลย นานๆก็จะโผล่มาทีแบบนี้ อีกทั้งด้วยตัวโครงการนั้นติดถนนใหญ่อย่างสุขุมวิท ก็สามารถเรียก Taxi ได้เลย ง่ายและปลอดภัย, วันไหนรถไม่ติดก็เลือกใช้รถเมล์ได้ และที่ติดกับตัวโครงการปากซ.สุขุมวิท 101 ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ตั้งอยู่หลายคันมากให้เรียกใช้ได้ในเวลาชั่วโมงเร่งด่วนนะ

    สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวค่อนข้างสะดวก เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ จะเข้า-ออก เมืองก็ใช้ถนนสุขุมวิทได้เลย โดยถนนหน้าโครงการจะเป็นฝั่งสุขุมวิทขาออก ตรงไปเรื่อยๆจะสามารถเลี้ยวเข้าบางนา-ตราด หรือตรงไปสมุทรปราการได้ แต่หากใครอยากเข้าเมืองก็ให้ไปกลับรถที่หน้าซอยสุขุมวิท 64/1 แล้ววิ่งตรงๆเข้าเมืองได้เลย ซึ่งถนนสุขุมวิทนี้เป็นที่รู้กันดีว่ารถติดมากทั้งเช้าและเย็น การใช้ทางลัดจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีในการเดินทาง อย่างถนนสุขุมวิท 101/1(วชิรธรรมสาธิต) เป็นเส้นทางไปทะลุออกถนนเส้นต่างๆได้เช่น อุดมสุข-อ่อนนุช-ศรีนครินทร์ ก็ได้เลย

    ซึ่งทางลัดนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความสะดวก เนื่องจากถนนปุณณวิถีและถนนวชิรธรรมสาธิตนี้มีซอยย่อยแตกออกไปหลายเส้น และหากไม่ใช่ซอยตันก็จะ (up date 2/1/2020)ใช้ทะลุถึงกันได้ไม่ยาก สำหรับการจราจรบนถนนสุขุมวิทตรงนี้ รถติดไม่เท่ากับฝั่งในเมืองที่ข้ามคลองพระโขนงไปแล้ว แต่ปริมาณรถก็ยังมากอยู่ ถ้าเป็นคนใจเย็นหน่อยก็ยังถือว่าโอเค อย่างไรก็ดี ถ้าจะเข้าเมืองใช้รถไฟฟ้ายังสะดวกกว่ามาก

    สำหรับใครที่ใช้ทางด่วนก็มีทางด่วนสุขุมวิท 62 ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่ใช้เลี่ยงสุขุมวิทเพื่อวิ่งเข้าเมือง ห่างจากโครงการประมาณ 2.5 กม. จากโครงการสามารถไปกลับรถได้ที่หน้าซอยสุขุมวิท 64/1 ตรงไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 62 เพื่อขึ้นทางด่วนครับ หรือจะไปใช้ทางด่วนบางนาก็ได้

    ส่วนใครที่จะไปสนามบินโดยอยากใช้ทางด่วน เจ้าทางด่วนเฉลิมมหานครเนี่ย มันยังสามารถไปต่อเปลี่ยนเป็นทางด่วนพิเศษบูรพาวิถี เพื่อไปเข้าสนามบินเลยก็ได้นะครับ

    เมื่อสแกนบัตรออกจากรถไฟฟ้า เราจะชิดขวาเพื่อใช้ทางออกที่ 1

    แต่ยังไม่ได้ลงจากชานชาลา ผมเดินมาดูบนถนนหน่อย จากมุมนี้ด้านล่างคือถนนเส้นหลังอย่างสุขุมวิท ถ้าตรงไปจะเป็น บางจาก, อ่อนนุช และทางขวามือที่เห็นเป็นปากซอยสุขุมวิท 101 (หรือปุณณวิถีนั่นเองครับ)

    แปลงที่ดินโครงการจะเป็นแปลงมุมที่ติดถนนหลักถึง 2 ด้าน ซึ่งตอนนี้มีส่วนนึง(ใกล้ๆกับโค้ง) มีการก่อสร้างเป็น Sale Gallery เสร็จแล้วนะ

    หันไปทางขวานิดนึง รอบๆพื้นที่ดินโครงการทั้งหมดมีการล้อมรั้วไว้แล้ว เลยทำให้เห็นขอบเขตได้ง่ายครับ และจากมุมนี้ก็จะเห็นด้วยว่าตัวโครงการอยู่ติดกับบันไดรถไฟฟ้า BTS ระยะ 0 เมตรจริงๆ

    มองไปในแปลงที่ดิน ผมลองมองรอบๆไม่มีตึกอยู่อยู่ระยะใกล้ๆ อีกทั้งตัวโครงการนี้จะวางอาคารหันรับวิวแค่สองฝั่งเท่านั้น คือ ทิศเหนือ(ซ้ายมือ) และ ทิศใต้(ขวามือ)

    ความพิเศษอีกอย่างคือ ตัว Skywalk ที่พึ่งสร้างเสร็จหมาดเลยไปทางบางจาก(แต่ไม่ถึงบางจากนะฮะ) โดยจะมีความยาวไปประมาณ 700 เมตร

    ซึ่งเราสามารถใช้เดินไปคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง ปิยรมณ์ เพลส และ สปอร์ตคลับ ซึ่งอนาคตจะปิดตัวลงก็ต่อเมื่อ ตัวโปรเจค Whizdom 101 ที่มีคอมมูฯอยู่ด้านหน้าอันใหม่มาเปิดนะครับ เราสามารถแวะมากินข้าวหรือซื้อของเข้าบ้านได้เพราะอยู่ใกล้ๆ (เดินมาบนสกายวอล์คนี้ก็ได้นะไม่โดนแกกโดนฝน)

    ขอกลับมาที่บันไดขาลงของ BTS ปุณณวิถีทางลงที่ 1 ครับ พอลงมาปุ๊กจะเจอ เจ้าร้าน KCG House ที่เป็นร้านเบเกอรี่ ในเครือ บริษัท เคซีจีคอร์ปอเรชั่น จำกัด ขายสินค้าเบเกอรี่ออนไลน์อาทิ เช่น เนย ชีส คุกกี้ วัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ รวมทั้งมีเบเกอรี่สดใหม่ขายที่หน้าร้าน

    ส่วนบันได้อีกฝั่งนึง ที่อยู่ติดกับด้านหน้าโครงการ QUINN สุขุมวิท 101 นั้นจะเป็นฝั่ง “บันไดเลื่อน” ซึ่งเป็นทางขึ้นเท่านั้น

    ตัวแปลงโครงการอยู่ติดกับปากซอยสุขุมวิท 101(ปุณณวิถี) จุดสังเกตคือบริเวณหน้าซอยจะมีป้ายวัดธรรมมงคลอยู่ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดใหญ่ที่อยู่ภายในซอยปุณณวิถีนี้เอง

    ซึ่งตรงข้ามกับแปลงที่ดินโครงการที่เป็นที่ดินแปลงหัวมุมเหมือนกัน จะเป็นร้านอาหารมีพื้นที่ขนาดใหญ่อย่าง “ฮั่วเซ่งฮง” ร้านหูฉลามเก่าแก่ มีบริการ Dilivery ส่งถึงบ้านด้วยนะ และกับกันจะมีร้าน Mu-i ซึ่งขายกาแฟสด เครื่องดื่ม และเบเกอรี่

    เดี๋ยวจะเดินเข้าไปดูในซอยสุขุมวิท 101 (ปุณณวิถี) กันสักหน่อยนะครับ เลี้ยวซ้ายโลด

    ภายในซอยปุณณวิถีเป็นถนน 2 เลน ถนนเส้นนี้เป็นซอยตัน (up date 2/1/2020) บรรยากาศช่วงต้นซอยค่อนข้างคึกคัก มีรถเข้าออกตลอดเวลา ฟุตบาททางเดินก็เรียบร้อยดีสำหรับใครที่ต้องเดินเท้าบ่อยๆ ที่สำคัญตรงนี้ยังเป็นจุดที่มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่หลายคันมากประจำการอยู่ด้วย

    ตัวแปลงที่ดินโครงการมีการล้อมรั้วสูงตลอดแนว

    ซอยปุณณวิถี ด้านในนั้นมีทั้งร้านค้าตึกแถว 2 ชั้น ขนาบอยู่ข้างทางหลายร้านไม่น้อย (แต่จอดรถไม่ได้ต้องไปซอยตามซอยย่อย) รวมไปถึงมีพวกออฟฟิศ อพาร์ทเมนท์ ออฟฟิศสำนักงานขนาดกลาง มินิมาร์ทอยู่ในซอย เพราะความสำคัญของซอยนี้มีซอยย่อยสามารถทะลุไปยังถนนเส้นอื่นอย่างถนนวชิรธรรมสาธิต หรือสุขุมวิท 101/1 เพื่อจะใช้เป็นเส้นทางต่อไปยังถนนศรีนครินทร์ บางนา-ตราด อ่อนนุชได้นะครับ

    เอาล่ะ… กลับมาที่ Sale Gallery โครงการกันบ้าง หน้าตาทำอออกมาได้ดูดีสะอาดตา เน้นวัสดุตกแต่งเป็นโทนสีทอง-ขาว และผนังกระจกโปร่งแสง

    ด้านในของ Sale Gallery นี้การตกแต่งตามมุมต่างๆนั้นมีความหมายนะครับ เพราะจะมีวัสดุและ Mood&Tone หลายจุดหลายส่วน ถูกนำไปใช้ในโครงการด้วย ทั้งช่องแสงที่โดดเด่น (อย่างล็อบบี้ของจริงในตัวโครงการจะเป็นเพดานสูงมากอย่าง Triplex, ตัวเคาน์เตอร์ Reception ที่ดีไซน์เหมือนของจริงในโครงการ)

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

    มาดูเรื่องของวิวรอบตัวโครงการกันบ้างครับ โครงการนี้จะมีลักษณะอาคารเป็นรูปทรงตัว S นะครับ และเปิดมุมมองวิวจากตัวห้องพักอาศัยแค่ 2 ฝั่งเท่านั้นคือ ทิศเหนือ-ทิศใต้ ซึ่งผมก็เลยลองทำแผนที่กราฟฟิคให้พอเข้าใจสังเขป และผมก็มีรูปจากโดรนมาให้ดูประกอบนิดหน่อยด้วย

    ฝั่งทิศเหนือ : ติดกันเลยจะเป็นซอยสุขุวิท 101(ปุณณวิถี) ตรงข้ามกันจะเป็นพื้นที่ร้านอาหารฮั่วเซงฮง ซึ่งพื้นที่ร้านใหญ่มากนะครับ โดยถัดไปพื้นที่รอบๆส่วนอื่นอย่างติดถนนสุขุมวิทก็จะเป็นพวกตึกแถว 4 ชั้น ด้านหลังก็จะเป็นชุมชนพักอาศัยอย่างพวกอพาร์ทเมนท์ 5-8 ชั้น กับบ้านแนวราบ ในระยะมองไปไกลๆราวๆ 190 เมตร ก็จะเห็นอาคารสูง 18 ชั้น อย่าง บ้านมลทิดา ซึ่งก็เป็นระยะที่ไม่เสียความเป็นส่วนตัวแล้วครับ

    ฝั่งทิศใต้ : ในระยะประชิดจะเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยกับตึกแถวที่สูงตั้งแต่ 2-5 ชั้นครับ ถัดไปจะเป็น บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ที่มีดินผืนใหญ่อยู่ด้วยครับ และก็โชว์รูมนิสสันบางจาก ในฝั่งนี้ ณ ปัจจุบันไม่มีอาคารสูงอยู่ในระยะใกล้ๆเลย แต่วิวไกลๆไปโน้น 600 เมตร จะเห็นเพื่อนบ้านอย่าง Whizdom101 เป็นแบ็คกราวน์สวยๆให้ในการดูวิว และก็ฝั่งนี้จะติดหน่อยก็คือถ้าใครเลือกห้องที่อยู่ใกล้กับถนน+ชั้นล่างๆ อาจจะมีเอฟเฟคของเสียงรถไฟฟ้าบ้างนะครับ

    ไลฟ์สไตล์ : ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า, ช็อปปิ้ง

    • ปิยรมณ์ คอมมิวนิตี๊มอลล์ 0.5 ก.ม.
    • บางกอกมอลล์ 2.2 ก.ม.
    • ไบเทคบางนา 2.3 ก.ม.
    • เซ็นทรัลบางนา 4.9 ก.ม.
    • บิ๊กซีบางนา 5.0 ก.ม.
    • พาราไดซ์ พาร์ค 6.0 ก.ม.
    • เมกาบางนา 10.5 ก.ม.
    • อิเกียบางนา 10.5 ก.ม.

    โรงพยาบาล

    • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ 5.5 ก.ม.
    • โรงพยาบาลศิครินทร์ บางนา 7.8 ก.ม.

    โรงเรียน

    • โรงเรียนนานาชาติกลอรี่ 1.7 ก.ม.
    • โรงเรียนนานาชาติเบิร์คคลีย์ 2.6 ก.ม.
    • โรงเรียนนานาชาติเวลส์ 2.9 ก.ม.
    • โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ 6.7 ก.ม.

    สนามบิน

    • สนามบินสุวรรณภูมิ 28.9 ก.ม.


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โดย Developer ก็ได้เลือกสถาปนิกมือดีอย่าง Sd A – somdoonarchitects ที่มีผลงานมาไม่น้อยในกลุ่มของ Condominium High Rise ชื่อดังบ้านเราครับ อีกทั้งยังเลือกใช้ Interior จาก p i a มาช่วยตกแต่งในพื้นที่ส่วนกลางต่างๆในอาคารพักอาศัย

    ตัวโครงการเป็นคอนโด High Rise 31 ชั้น 347 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต อยู่บนที่ดินขนาด 2-2-82 ไร่ เริ่มจากมาดูพื้นที่ส่วนกลางจากโมเดลกันก่อน โดยที่บริเวณด้านหน้าโครงการที่ติดกับ BTS เป็นทั้งส่วนของทางเข้าออกรถยนต์และทางเดินนะครับ บริเวณหัวมุมพื้นที่กลางแจ้งนอกอาคารจะจัดเป็นพื้นที่สวนหย่อมพร้อมศาลาเอาไว้ โดยมีชื่อว่า Secret Garden และโครงการนี้จะมี Retail Shop อยู่ 2 ร้าน ซึ่งทางโครงการวางแพลนเอาไว้จะดิวร้านกาแฟ กับ มินิมาร์ทมา

    ถัดมาก่อน ก่อนจะเข้าพื้นที่ถัดไปจะมีประตูเหล็กเลื่อนไฟฟ้าอยู่ พร้อมป้อมรปภ. เป็นตัวสแกนการเข้าออก (ข้างหน้านี้มีที่จอดรถ Visitor 8 คัน) พอเข้ามาแล้วจะเจอกับ Drop Off ที่เป็นพื้นที่ล้อมรอบต้นไม้เอาไว้ ถ้าเป็นลูกบ้านก็ตรงต่ออ้อมไปด้านหลังอาคาร จะมีทางเข้าสู่ตัวอาคารเพื่อจอดรถ

    ส่วนที่โดดเด่นสะดุดตามากๆสำหรับโครงการนี้ก็คือ “ล็อบบี้” ครับ อย่างแรกคือความสูงงงงงงงงงงงงง ให้มาเป็นแบบ Triplex ถึง 9 เมตร โอ้โห.. อย่างที่สองคือตัว Sculpture ที่ห้อยลงมาจากฝ้าเพดาน เป็นลักษณะเหมือนคลื่น และไปเข้ารูปกับการตกแต่งด้านล่างที่กั้นพาร์ทิชั่นมุมโซฟาด่วยครับ

    ส่วนของการจอดรถ จะจอดในอาคารตั้งแต่ชั้น 1-6  ที่จอดรถประมาณ 183 คันคิดเป็น 53% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) และทื่ชั้น 7 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางในตัวอาคารจะเป็นห้องออกกำลังกาย ที่อยู่ติดกับส่วนของสระว่ายน้ำ(สระเด็ก) มีห้องน้ำและซาวน่าแยกชายหญิง

    ด้านนอกจะมี Poolbed Area ไว้นอนอาบแดดแบบกึ่ง Semi Outdoor ได้ ติดกันเป็นส่วนของสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 8 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร ว่ายกันได้แบบจุใจ แต่ว่าตัวสระนั้นมีส่วนขอบกันตกเซฟตี้ที่ไม่ได้ทำเป็นกระจกเปิดรับวิว แต่จะทำเป็นพื้นที่สีเขียวบังเอาไว้แทน เพราะอยากให้ Privacy แก่ลูกบ้าน ก็ต้องแลกกันไปนะครับ / ด้านข้างสระจะมีส่วนของส่วนหย่อมแบบกลางแจ้งเอาไว้อีกจุดนึง

    ขยับขึ้นมาที่ชั้น 31 ในชั้นนี้จะมีส่วนของห้องพักอาศัยแบบพิเศษอย่าง Duplex ที่มีเพียง 4 ห้องในโครงการนี้เท่านั้นครับ และอีกส่วนนึงจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้าที่เป็นไฮไลท์อย่าง Sky Lounge และภายในจะแบ่งฟังก์ชันย่อยไปอย่าง Theater Room, Pool Table Room, Multipurpose Room ส่วนสุดท้ายคือที่ชั้นดาดฟ้าขึ้นมาจะเป็น Roof Top Garden ที่มีการแบ่งพื้นที่ BBQ Area เอาไว้ให้

    ภาพจำลองบรรยากาศ Perspective Exterior ของตัวโครงการ ที่ใช้โทนสีดูเข้มหน่อย เป็นแนว Modern Contemporary ที่ยอดอาคารสลักชื่อโครงการเอาไว้เห็นมาแต่ไกลๆ

    ภาพจำลองบรรยากาศ Perspective Exterior ของตัวโครงการ ในยามค่ำคืน

    ภาพจำลองบรรยากาศ Perspective บริเวณด้านหน้าทางเข้าหลักโครงการ ติดถนนสุขุมวิท มองเห็น Retail Shop 2 Unit ที่เคลมว่าจะหาร้านกาแฟ กับมินิมาร์ทมาลงครับ และทางซ้ายมือเป็น Sculpter ของศาลาที่ Secret Garden

    ภาพจำลองบรรยากาศ Perspective Exterior ของตัวโครงการ ที่จะเห็นชั้น 31 ในชั้นนี้จะมีส่วนของห้องพักอาศัยแบบพิเศษอย่าง Duplex ที่มีเพียง 4 ห้องในโครงการนี้เท่านั้นครับ

    ภาพจำลองบรรยากาศ Perspective Exterior ของตัวโครงการ ที่จะเห็นชั้น 31 ไฮไลท์อย่าง Sky Lounge และภายในจะแบ่งฟังก์ชันย่อยไปอย่าง Theater Room, Pool Table Room, Multipurpose Room ส่วนสุดท้ายคือที่ชั้นดาดฟ้าขึ้นมาจะเป็น Roof Top Garden

    Ground Plan การเดินรถภายในโครงการนี้จะเป็นแบบ Two Way สามารถสวนทางกันได้นะครับ โดยจะมี Gate อยู่ก่อนถึง Drop Off ซึ่งก็ตจะแปลกหน่อยตรงที่ว่าหากมี Visitor ขับมาส่งแขกแล้วจะ Drop Off กลับตัวออก จะต้องผ่าน Gate ที่เป็นประตูไฟฟ้า ส่วนการจอดรถวิ่งมาด้านหลังตัวอาคารจะมีทางเข้าไปด้านในจอดได้ตั้งแต่ชั้น 1 ส่วนทางเดินรถด้านทิศใต้นั้นสำหรับพวกรถงานระบบ เก็บขยะ รองรับรถดับเพลิงเข้ามาได้

    ภายในตัวอาคารฝั่งด้านหน้าติดถนนจะมี Shop ร้านค้าอยู่ 2 ยูนิต ซึ่งดูจากลักษณะการเปิดรั้วแล้ว ถ้าโครงการดึงร้านกาแฟ กับ มินิมาร์ทเข้ามาได้ คนนอกก็อาจจะเข้ามาใช้ส่วนนี้ได้ด้วยครับ แต่ส่วนของลูกบ้านจะมีการกั้นความปลอดภัยโดยการใช้ Keycard Access ที่ล็อบบี้ และอย่างที่บอกในภาพจำลองว่าล็อบบี้นี้โดดเด่นมากในเรื่องของความสูงแบบ Triplex

    ในพื้นที่ข้างๆของล็อบบี้จากชั้น 1 จะมีบันไดเวียน สามารถเดินขึ้นมาเพื่อใช้งานพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Multipurpose Room และ Meeting Room อยู่ด้วย ส่วนของที่เหลือจะเป็นพื้นที่จอดรถภายในตัวอาคารทั้งหมด

    Image 1/4
    3rd Floor (Parking)

    3rd Floor (Parking)

    ในส่วนของชั้น 3-6 จะเป็น Parking Lots เต็มจะนวน จะจอดได้ประมาณ 30 คัน ต่อชั้น (โดยไม่ได้นับส่วนซ้อนคันนะครับ) และสามารถเข้าสู่โถงลิฟต์โดยสาร แต่ในแปลนเหมือนจะไม่ได้ทำประตู Keycard Access กั้นอีกชั้นที่บริเวณหน้าโถงลิฟต์

    ที่ชั้น 7 เป็นชั้นแรกในส่วนของพักอาศัยครับ โดยจะยังมียูนิตไม่มากนักแค่ 11 ยูนิตเท่านั้น และที่เหลือจะเป็นส่วนของ Facilities ในตัวอาคารจะเป็นห้องออกกำลังกาย ที่อยู่ติดกับส่วนของสระว่ายน้ำ(สระเด็ก) มีห้องน้ำและซาวน่าแยกชายหญิง

    ด้านนอกจะมี Poolbed Area ไว้นอนอาบแดดแบบกึ่ง Semi Outdoor ได้ ติดกันเป็นส่วนของสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 8 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร ว่ายกันได้แบบจุใจ แต่ว่าตัวสระนั้นมีส่วนขอบกันตกเซฟตี้ที่ไม่ได้ทำเป็นกระจกเปิดรับวิว แต่จะทำเป็นพื้นที่สีเขียวบังเอาไว้แทน เพราะอยากให้ Privacy แก่ลูกบ้าน ก็ต้องแลกกันไปนะครับ / ด้านข้างสระจะมีส่วนของส่วนหย่อมแบบกลางแจ้งเอาไว้อีกจุดนึง

    Image 1/17
    8 Floor (Low Zone)

    8 Floor (Low Zone)

    โดยโครงการเค้ามีการแบ่งชั้นเป็นชื่อโวนเอาไว้ ที่ชั้น 7-24 นับว่าเป็น Low Zone ตั้งแต่ชั้น 8 เป็นต้นไปก็นับเป็น Typical Floor Plan ที่มีจำนวนห้องพักอาศัยเต็มอัตรานะครับโดยจะอยู่ที่ 16 Unit/Floor จะมีความแตกต่างในเรื่องของแบบห้องกันเล็กน้อยเท่านั้น

    ตัวอาคารเป็นรูปทรงตัว S ซึ่งหันรับวิวสองฝั่งอย่างทิศเหนือ – ใต้เท่านั้นครับ ทำให้ง่ายต่อความเข้าใจ เอาตำแหน่ง Core Lift เอาใจกลางอาคาร ทำให้ไม่ต้องมีห้องไหนเดินไกลเกินไป โดยหลักๆใน Low Zone นี่จะเป็นห้อง 1 Bedroom เป็นส่วนใหญ่เลยครับ และมี 2 Bedroom อยู่แค่ 3 ห้องต่อชั้นเท่านั้น ตำแหน่งตรงมุมเหลี่ยมทั้งหมด

    ที่ชั้น 25 นับเป็นชั้นแรกของ High Zone โดยปีกอาคารฝั่งด้านหน้าจะหายไป ทำให้ได้ห้องพักอาศัยที่ลดลงไป ได้ความเป็นส่วนตัวมากหน่อยที่โซนพวกนี้ อย่างชั้นนี้จะมี 9 Unit/Floor เท่านั้นครับ จะเห็นว่าห้อง 2 Bedroom หายไปแล้ว และมีห้องพิเศษอย่าง Combine 71 ตร.ม.เข้ามาแทน

    Image 1/5
    26

    26

    ที่ชั้น 26-30 ก็จะมีการลดตัวห้อง 1 Bedroom ออกไปเรื่อยๆครับ และเปลี่ยนเป็นพวกห้อง Combine เข้ามามากขึ้น โดยรวมๆแล้วจะมีห้องพักอาศัยอยู่ราวๆ 6-8 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้นครับ ใครอยากได้ห้องใหญ่ๆหน่อยก็ต้องโซนเหล่านี้แหละครับ

    ชั้น 31 ในชั้นนี้จะมีส่วนของห้องพักอาศัยแบบพิเศษอย่าง Duplex ที่มีเพียง 4 ห้องในโครงการนี้เท่านั้นครับ และอีกส่วนนึงจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางลอยฟ้าที่เป็นไฮไลท์อย่าง Sky Lounge และภายในจะแบ่งฟังก์ชันย่อยไปอย่าง Theater Room, Pool Table Room, Multipurpose Room

    พื้นที่ส่วนกลางอย่าง Theater Room ให้เดินขึ้นบันไดเวียนมาครับ ไม่สามารถขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นนี้ได้นะ

    สุดท้ายคือที่ชั้นดาดฟ้าขึ้นมาจะเป็น Roof Top Garden สวนหย่อมลอยฟ้า มีห้องน้ำส่วนกลาง และมีการแบ่งพื้นที่ BBQ Area เอาไว้ให้

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • ชั้น 1 : Lobby Area – Triple Volume
    • ชั้น 1 : Social Lounge)
    • ชั้น 1 : Commercial 2 Shops)
    • ชั้น 1 : Secret Garden
    • ชั้น 7 : สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 8 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร แยกสระเด็ก
    • ชั้น 7 : สวนหย่อม
    • ชั้น 7 : Fitness
    • ชั้น 7 : ห้องน้ำและห้อง Sauna (แยกชายหญิง)
    • ชั้น 31 : Sky Lounge
    • ชั้น 31 : Theater Room
    • ชั้น 31 : Pool Table Room
    • ชั้น 31 : Multipurpose Room
    • Rooftop : Roof Top Garden, BBQ Area
    • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร | Lift Service 1 ตัว
    • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 115 : 1
    • ที่จอดรถประมาณ 183 คันคิดเป็น 53% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
    • EV Charger 2 Slot
    • ระบบ CCTV / Access Card / รปภ.24 ชม.

     


    Product Walkthrough

    รูปแบบโครงการนี้เป็นการขายแบบ Fullt Fitted โดยจะมีเฟอร์นิเจอร์ Built-In บางส่วนมาให้อย่างตู้เก็บรองเท้าเก็บของหน้าห้อง, ชุดครัว, ห้องน้ำ และแอร์แบบ Wall Type ทุกๆห้องครับ มี Digital Door Lock ให้ด้วย ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานในห้องจะมีแต่ละจุดที่ไม่เท่ากัน อย่าง Living Area จะเป็น 2.80 เมตร / Pantry Area – 2.60 เมตร / Bedroom – 2.70 เมตร

    ห้องตัวอย่างแรก 1 Bedroom Plus ขนาด 36 ตร.ม. โดยตัวห้องเป็นสี่เหลี่ยมที่แบ่งการเข้าใจง่ายๆ ฝั่งขวามือเป็น Common Area (หรือโถงรวม) ที่เชื่อมฟังก์ชันหลายๆอย่างเอาไว้ด้วยกัน เพราะต้องการให้ Space บริเวณนี้ดูกว้างขวาง  ประกอบไปด้วย ครัว(ครัวเปิด), ทานอาหาร, พื้นที่นั่งเล่น และ Semi Balcony หรือระเบียงสองชั้นที่สามารถทำห้องอเนกประสงค์(แต่ทำห้องนอนไม่ได้นะ) และมีการแยกเก็บคอมแอร์ฯเอาไว้ในห้องปิดกั้นเป็นสัดส่วน

    ส่วนของฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนอน ซึ่งค่อนข้างให้น้ำหนักกับพื้นที่ห้องนอนพอสมควร วางเตียง king size ได้เลย ในห้องมีเว้นพื้นที่สำหรับทำตู้เสื้อผ้าที่ผนัง และที่ติดกับผนังช่องแสงนั้นสามารถทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งหรือนั่งทำงานได้ ห้องนี้จะติดตรงเวลาเข้าห้องน้ำต้องไปผ่าน Common Area ก่อน แต่ก็แลกกับถ้าใครมีแขกมาเยี่ยมบ่อย จะได้เข้าห้องน้ำไม่ต้องผ่านห้องนอนเราครับ

    ตัวพื้นห้องจะถูกยกสูงกว่า Corridor โถงทางเดินด้านนอกเล็กน้อย ช่วยกันในเรื่องเศษผงฝุ่น ตามโถงทางเดินที่สามารถเข้าไปในห้องได้ และจากมุมนี้เราจะเห็นวัสดุหลักในการปูพื้นห้องทั้งหมดที่เรืยกว่า “Hybrid Engineered”

    ซึ่งวัสดุตัวนี้ทางโครงการแจ้งมาว่า “Hybrid Engineered” นั้นใช้วิธีการปูพื้นที่เป็นแบบคลิ๊กล็อค บวกกันมีการเคลือบสารกันน้ำ ทำให้ไม่กลัวต่อน้ำ และถึงแม้น้ำหกเลอะก็สามารถกันได้ถึง 24 ชม. ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้กับพื้น

    พวกสวิทช์ในห้องทุกจุดเลยจะเป็น Lighting Switch หน้าตาดูดีครับ ห้องมาตรฐานจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ไม่ได้ติดวอลเปเปอร์มาให้ / อีกอย่างนะครับ โครงการนี้เค้ามี Home Automation ที่สั่งการเปิดปิดระบบ “ไฟ แอร์ ทีวี” ผ่านทางมือถือได้เลยด้วย

    เข้ามาส่วนแรกจะเป็น Common Area (หรือโถงรวม) ที่เชื่อมฟังก์ชันหลายๆอย่างเอาไว้ด้วยกัน เพราะต้องการให้ Space บริเวณนี้ดูกว้างขวาง  ประกอบไปด้วย ครัว(ครัวเปิด), ทานอาหาร, พื้นที่นั่งเล่น และ Semi Balcony

    หันไปมองทางซ้ายจะเป็นส่วนของห้องน้ำ / และติดกันทางขวามือที่เห็นหน้าบานกระจกชาทอง ส่วนนี้นั้นคือชุดตู้ Built-In ที่โครงการทำมาให้นะครับ

    ชุดตู้ Built-In ที่โครงการทำมาให้ ได้วัสดุหน้าบาน มือจับที่ดูดีมาก โดยข้างในจะมีการแบ่งช่องพื้นที่เก็บของเป็นชั้นต่างๆ เหมาะสำหรับเป็นที่เก็บรองเท้านะครับ

    เข้ามาดูส่วนของห้องน้ำ แบ่งการใช้งานเรียงฟังก์ชันเรียงตัวกันไป อ่างล้างมือ, สุขภัณฑ์ และด้านในสุดแยกส่วนเปียกในพื้นที่อาบน้ำ

    ที่ผนังฝั่งซ้ายมือเหนืออ่างล้างมือจะได้เป็นชุดตู้ขนาดกว้าง พร้อมหน้าบานกระจกเงา จากมุมนี้จะเห็นลวดลายของกระเบื้องลายหินอ่อนที่กรุผนังในห้องน้ำดูดี

    ผมลองเปิดในตู้ให้ดูพื้นที่การจัดเก็บของในตู้ 2 ตอนเก็บได้เยอจุใจอยู่นะครับ

    อย่างพวกก๊อกน้ำก็ทำแบบฝั่งผนังไว้เลย(ของ Grohe) สามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนได้เลย / ตัวอ่างเป็นแบบเซรามิคของยี่ห้อ Inax และมีตู้เก็บของใต้อ่างมาให้ด้วย / สุขภัณฑ์นั้นได้เป็นแบบ Wall Hung ฝังผนังมาเช่นเดียวกันของ American Standard และพื้นที่ส่วนแห้งในห้องน้ำนั้นปูด้วยกระเบื้องลายไม้

    มาดูในส่วนของพื้นที่อาบน้ำที่แยกส่วนเปียก โดยกั้นด้วย Shower Box กระจกนิรภัยกัน พื้นที่อาบน้ำค่อนข้างกว้าง ขนาด 1.0 x 1.3 เมตร และชุดฝักบัวรวมไปถึง Rain Shower ทั้งหมดได้เป็นของ GROHE

    ออกจากห้องน้ำมองตรงไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของพื้นที่ครัว ซึ่งจะได้เป็นแบบครัวเปิด ทางขวามือสุดจะเป็นส่วนของพื้นที่วางตู้เย็น

    ด้านบนทั้งหมดจะเป็นชุดตู้ Built แขวนผนังและแบ่งช่องชั้นเก็บของได้มากอยู่พอสมควร

    ตัวหน้าบานของตู้ได้วัสดุเป็นอะคริลิค ที่มีความ Gloss เงาๆ แฝงเกล็กประกายหน่อยๆครับ / Fitting ทั้งหมดเป็น Soft Closed

    Pantry ครัวจะได้เป็นรูปทรง L Shape นะครับ โดยตัวท๊อปครัวเป็นหินควอทช์สีขาว / Hob&Hood ของ TEKA และผนัง Backsplash เป็นผนังกระจกโครงการติดมาให้เลยมาตรฐาน

    ตำแหน่งของ Sink จะอยู่หันเข้าไปหาโซนนั่งเล่นแบบนี้ เราสามารถเตรียมอาหารเครื่องดื่มล้างง่ายๆ เชื่อมปฎิสัมพันธ์กับผู้อยู่อาศัยร่วมอีกคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นเหมือนกันคุยกันได้

    ฝั่งตรงข้ามของ Island ห้องตัวอย่างจัดชุดโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งเอามาชิดไว้ตรงนี้ เข้ากับพื้นที่ได้ดีครับ และยังเป็นโต๊ะทำงานได้ด้วยเวลาเราไม่ได้ใช้ทานอาหาร

    พื้นที่สำหรับวางโซฟานั้นเหมาะกับแบบ 2 ที่นั่งกำลังดี แต่จะเป็นไซส์ที่นั่งสบายหน่อย

    ระยะดูทีวีของห้องนี้ อยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตรครับ ไซส์ทีวีที่เหมาะสมคือประมาณ 42-50 นิ้ว จะได้จอใหญ่เต็มสายตา ผนังฝั่งตรงข้ามสามารถเป็นพื้นที่ใช้สอยของชั้นวางทีวีหรือจะทำตู้แขวนผนังก็ได้ / จากมุมนี้เราจะเห็น Space ที่ต่อเนื่องถัดไปเป็น Double Skin Balcony

    ตัวห้องสามารถใช้ประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน และเป็นแบบกว้างจากผนังชนผนัง และสูงถึงฝ้าเพดานทั้งสองส่วนด้านในและด้านนอก เพื่อต้องการให้ Common Area ได้แสงธรรมชาติมากที่สุด และดูโปร่งสบายตา

    ผมลองเปิดบานประตูสไลด์ ก็จะชิดตัวกันเรียบร้อยครับ และวัสดุกรอบบานประตูเป็นอลูมิเนียมพาวเดอร์โค๊ทสีดำด้าน

    พื้นที่นี้ Double Skin Balcony ตัวโครงการนับว่าเป็นห้อง Plus หรือ อเนกประสงค์ ได้อีกส่วนฟังก์ชันนึงครับ แต่ด้วยพื้นที่จะเป็น Plus แบบที่ทำห้องนอนเสริมไม่ได้นะครับ เหมาะสำหรับจะทำอย่างอื่นอาทิเช่น มุมอ่านหนังสือ จัดสวน ตากผ้า พื้นที่ออกกำลังกายโยคะ แอโรบิค ฯลฯ เป็นต้น มากกกว่า

    ทางฝั่งผนังซ้ายมือ โครงการจะทำประตูกั้นเป็นสัดส่วนในการเก็บ condensing unit ของเครื่องปรับอากาศ (แต่ประตูในรูปไม่ใช่แบบมาตรฐานที่จะให้นะครับ เดี๋ยวจะมีการปรับเปลี่ยน)

    เปิดเข้ามาพื้นที่บริเวณนี้ ด้านล่างสามารถวางเครื่องซักผ้าได้เลย และด้านบนเป็นการแขวน condensing unit หันลมร้อนออกด้านนอกอาคาร และมีการทำระแนงเหล็กบังสายตาจากภายนอก

    กลับเข้ามาในห้องโถงรวมอีกครั้ง มองไปตรงกลางห้อง ฝั่งซ้ายมือของจริงจะมือประตูที่กั้น เพื่อไปยังส่วนของห้องนอนครับ

    พอเราเข้ามาในห้องนอน ทางฝั่งซ้ายมือทั้งหมด จะเว้าพื้นที่ผนังลึกเข้าไป เพื่อสามารถทำเป็นมุมตู้เสื้อผ้า และขวามือเป็นพื้นที่วางเตียง จะเห็นว่าได้ทางเดินไปมาค่อนข้างกว้างเลย

    มุมตู้เสื้อผ้าที่เว้าพื้นที่เข้าไป สามารถทำเป็นตู้เสื้อผ้าแบบไม่มีหน้าบานเปิดโล่งแบบห้องตัวอย่างก็ได้ ข้อดีแบบนี้คือทำให้ห้องดูไม่เล็กอึดอัดมากขึ้น อต่ก็จะมีโดนฝุ่นนะครับ แต่ถ้าต้องการใช้พื้นที่เต็มพื้นที่ก็ Built-Inให้เข้ารูปกับผนังและปิดหน้าบานไปเลยครับ

    หันมาอีกฝั่งเป็นส่วนของพื้นที่วางเตียง ซึ่งห้องนอนนี้สามารถวางเตียง King Size ได้นะ พื้นที่ทางเดินปลายเตียงเหลือราวๆ 40 ซม. ยังพอเดินไปมาได้อยู่ แต่ถ้าใครเอาทีวีมาแขวนผนังเพื่อจะนอนดู การเดินไปมาผ่านที่ปลายเตียงก็จะทำได้ยากขึ้นอีกนิดหน่อย

    ให้ดูไอเดียการตกแต่งพื้นที่หัวเตียง มีการติดผนังกระจกเงาแบบมีลวดลาย และด้านบนมีการดรอปฝ้าซ่อนไฟเอาไว้ให้ (พวกนี้ทั้งหมดเป็นไอเดียนะครับ เผื่อเอาไปทำตามกันได้)

    ด้านข้างเตียงฝั่งซ้าย สามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้ เผื่อเอาไว้ชาร์จมือถือก่อนนอน และที่ติดกับผนังช่องแสงจะเป็นส่วนที่เอาโต๊ะมาวางเข้ากับพื้นที่ตรงนี้เพื่อที่จะได้แสงธรรมชาติ

     

     

    ปิดท้ายกันด้วยมุมโต๊ะเข้าพื้นที่ ตรงนี้สามารถทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานในห้องนอนก็ได้ แล้วแต่เจ้าของครับ โดยจุดเด่นของมันคืออยู่ติดกับหน้าต่างช่องแสงที่อาจจะไม่ได้กว้างมาก แต่ได้เป็นความสูง Full Height จรดฝ้าเพดานเลย (มีบานกระทุ้งเปิดได้ 1 ส่วน)


    ห้องตัวอย่างที่สองที่จะพาไปดู 2 Bedroom ขนาด 54 ตร.ม. ต้องบอกก่อนว่าห้องตำแหน่งนี้จะอยู่ที่มุมอาคารครับ เลยทำให้ได้วิวสองฝั่งสองด้าน และในห้องนอนจะได้เป็น หน้าต่างกระจกเข้ามุมอีกด้วย ตัวห้องเป็นแบบห้องหน้ากว้างนะครับ ยังคงคอนเซปท์เน้นพื้นที่ของ Common Area (หรือโถงรวม) ที่เชื่อมฟังก์ชันหลายๆอย่างเอาไว้ด้วยกัน เพราะต้องการให้ Space บริเวณนี้ดูกว้างขวาง  ประกอบไปด้วย ครัว(ครัวเปิด), ทานอาหาร, พื้นที่นั่งเล่น และ Semi Balcony หรือระเบียงสองชั้น แต่ว่าสเกลทุกอย่างจะขยายใหญ่ขึ้น

    ส่วนของการจัดห้องนอนและห้องน้ำ เอาประตูทางเข้ามาอยู่ไว้ใกล้ๆกันถือว่าดีต่อการใช้งาน ทำให้ลุกมาใช้งานตอนกลางคืนเดินไม่ไกล พื้นที่ห้องนอนใหญ่ได้พื้นที่พิเศาหน่อยและได้มุมมองวิวจากกระจกเข้ามุมได้เต็มที่ ส่วนของห้องน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งเปียกชัดเจน

    เปิดประตูเข้าไปพื้นที่แรกจะเห็นเป็น Common Area (หรือโถงรวม) ที่เชื่อมฟังก์ชันหลายๆอย่างเอาไว้ด้วยกัน  แรกสุดจะเป็นส่วนครัวก่อน

    ผมลองถ่ายย้อนไปทางประตูทางเข้าห้องนะครับ ทางขวามือของประตู เราจะเห็นชุดตู้หน้าบานกระจงสูงแบบ Fuu Height ที่โครงการทำมาให้เป็นส่วนตัว L แบบนี้

    ตำแหน่งของกระจกอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออกห้อง สามารถเช็คสภาพเสื้อผ้า หน้าผม ก่อนออกจากห้องได้ด้วย

    ด้านในของตู้ทั้งสองแบ่งชั้นการเก็บของเป็นสัเส่วนอย่างดี ทั้งเก็บรองเท้า ของขนาดกลางชิ้นอื่นๆ ตู้ฝั่งขวาสามารถวางเครื่องซักผ้าไดด้วยด้วย

    ฝั่งตรงข้ามกับชุดตู้นั้นจะเป็นส่วนของพื้นที่ครัว ยังคงได้เป็น Pantry L Shape ยืนทำครัวได้สะดวกครับ

    โดยวัสดุต่างๆในโซนครัวจะเหมือนเดิมทุกประการ (ไม่ขออธิบายซ้ำละกันนะ) แต่ว่าชุดตู้ด้านบนจะได้พื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

    ห้องก่อนหน้าผมไม่ได้ให้ดูว่าตัว Sink ที่ได้ของ Teka เป็นอ่างแบบหลุมลึกพิเศษครับ

    ตำแหน่งของ Pantry ยังคงเป็นส่วนเชื่อม Space กับ Living Area เผื่ออยู่กันหลายคนทำอาหาร เตรียมอาหารก็พูดคุยกันได้ แต่ว่าครัวเปิดแบบนี้ก็ไม่เหมาะกับทำอาหารที่มีกลิ่นแรงนะครับ

    Living Area ตำแหน่งจะอยู่ใกล้กับช่องแสงธรรมชาติจัดเป็นมุมโซฟาสองที่นั่งที่มีระยะดูทีวีประมาณ 2.60 เมตร จัดทีวีไซส์ 50 นิ้วไปเลย

    โซฟาแบบ 2 ที่นั่งพร้อมวางพนักแขนได้ และด้านหลังจะเป็นมุมรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่งได้ครับ

    ส่วนของพื้นที่ Semi Balcony ที่อยู่ติดกันถ้าเราอยากให้พื้นที่นั่งเล่นดูกว้างขึ้นก็เปิดบานประตูเอาไว้ให้เชื่อมพื้นที่แบบนี้

    นอกจากช่องแสงขนาดใหญ่อีกชั้นที่ด้านนอก ก็มีส่วนของระเบียงกันตกเซฟตี้สูงขึ้นมา 1 เมตรอีกชั้น

    ตัวประตูด้านนอกสามารถเลื่อนเปิดออกเพื่อรับลม แบบเลื่อนได้อิสระทั้งสองฝั่ง

    ห้องนี้ก็ยังคงให้พื้นที่เก็บ condensing unit ไว้เหมือนกันครับ แต่จากก่อนหน้าในห้องจะมีส่วนของพื้นที่เก็บเครื่องซักผ้าไปแล้วในตู้ เพราะฉะนั้นมุมนี้ เราสามารถวางเป็นเครื่องอบผ้า ก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องใช้งานเจ้า Semi Balcony เป็นพื้นที่ในการตากผ้าให้เกะกะ

    กลับเข้ามาในห้อง พื้นที่ด้านหลังโซฟา นั้นสามารถจัดเป็นมุมโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง หรือก็เป็นโต๊ะทำงานได้ด้วย

    ตรงกลางห้องจะมีโถงทางเดินแจกทางออกไป โดยจัดกลุ่มของประตูห้องนอนและห้องน้ำอยู่ใกล้ๆกันแบบนี้ เพื่อที่จะออกมาใช้งานห้องน้ำตอนกลางคืนเดินไม่ต้องไกล แต่ห้องแบบนี้มี 1 ห้องน้ำนะครับ

    เราไปดูในส่วนของห้องน้ำกัน การจัดตำแหน่งจะต่างจากห้องแรกคือ เอาส่วนของอ่างอยู่ตรงกลาง ขวามือเป็นสุขภัณฑ์ และซ้ายมือเป็นพื้นที่อาบน้ำ

    ทางเข้าออกของห้องน้ำและพื้นที่อาบน้ำมีธรณีก่อยกสเต็ปขึ้นมาเล็กน้อย ทางเดินในห้องน้ำไม่ได้กว้างมาก พอกลับตัวไปมาได้ ตัววัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องทั้งหมดแต่ได้ลวดลายเป็นแบบธรรมชาติทั้งลายไม้และหิน

    ห้องน้ำยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นที่จัดเก็บของใช้ต่างๆที่จำเป็นอยู่ในห้องน้ำเช่นเคย สามารถวางของได้หลากหลายพื้นที่ รวมถึงมีส่วนหน้าบานปิดได้ด้วย

    ทางฝั่งขวามือเป็นตำแหน่งของสุขภัณฑ์ American Standard แบบ wall hung toilet ฝังผนัง ดูเรียบร้อบ และระยะพื้นที่การนั่งไม่ติดขัดกับอะไร

    ฝั่งซ้ายมือส่วนที่แยกส่วนเปียกเป็นพื้นที่อาบน้ำด้วย Shower Box กระจกนิรภัย พื้นที่ขนาดประมาณ 0.90 x 1.40 เมตร และด้านในเป็นชุดฝักบัวและ Rain Shower ของ GROHE เช่นกัน ตัวพื้นและผนังกระเบื้องรอบๆเลือกลายได้ดูสบายตาดี

    ออกมาจากห้องน้ำ เดี๋ยวผมพาไปดูห้องนอนเล็กกันต่อละกันนะ

    ในห้องนอนเล็ก ขนาดจะไม่ได้ใหญ่มาก โดยห้องตัวอย่างจะเอาเตียงชิดกับผนังไว้ฝั่งนิด ทำให้มีทางเดินรอบเตียงเป็นรูปตัว L

    ให้ดูพื้นที่หัวเตียงครับ จริงๆไม่ค่อยเหมาะกับวางโต๊ะข้างหัวเตียงแล้ว เพราะห้องตัวอย่างเอาเตียง 5 ฟุตมาลง

    ส่วนทางผนังขวามือเหมาะสำหรับทำเป็นมุมตู้เสื้อผ้าครับ

    ผนังช่องแสงจะคล้ายๆกับในห้องนอนแรกของ 1 Bedroom ก่อนหน้าที่พาไปดูครับ ไม่ได้กว้างมาก แต่สูงแบบเกือบถึงฝ้า Full Height

    สุดท้าย Master Bedroom เป็นส่วนที่ยังได้รับความสำคัญกับพื้นที่มากพิเศษ และยังเน้นช่องแสงธรรมชาติเยอะอีกด้วย

    ทางฝั่งขวามือของประตูทางเข้าห้องนอน เหมาะสำหรับทำเป็นมุมตู้เสื้อผ้านะครับ (ในห้องตัวอย่างติดกระจกเงา อาจจะดูมึนไปบ้าง)

    ห้องนี้สามารถวางเตียง King Size และมีโต๊ะข้างหัวเตียงขนาบทั้งสองฝั่งได้สบายๆ สมกับเป็นห้องนอน Master

    หน้าต่าง และ ช่องแสง ในห้องนี้เรียกได้ว่าให้มาแบบจุใจเลยครับ โดยจะเป็นแบบ Full Height และมีบานกระทุ้งอยู่สองตอน

    ที่ผนังปลายเตียงสามารถทำเป็นชั้นวางนอนดูทีวีได้ แต่ต้องเลือกทีวีไซส์ใหญ่หน่อยอย่าง 50 นิ้วนะครับ ไม่งั้นอาจจะต้องเพ่งได้ และด้านซ้ายมือ (ที่ผ้าม่านบังอยู่นั้น) จะเป็นส่วนของกระจกเข้ามุม อาจจะต้องหาผ้าม่านแบบอื่นมาติดในกรณีคนที่อยากได้วิวจากส่วนนี้ เพราะม่านแบบห้องตัวอย่างมันไปกองอยู่ที่ตรงนั้น

    นี่ครับผมลองหอบยกผ้าม่านเปิดขึ้นถึงช่องแสงกระจกเข้ามุมตรงนี้ จะทำให้ได้องศาในการรับวิวพิเศษกว่า เพราะเป็นตำแหน่งมุมอาคาร

    ห้องแบบ Combine 73 ตร.ม.นั้น โครงการไม่ได้ทำห้องตัวอย่างมาให้ดูนะครับ โดยจะเป็นการเอา 1 Bedroom มาต่อกัน ทำให้เกิดห้องแบบทรงผืนผ้าหน้ากว้างพิเศษ ตรงกลางจะเป็น Common Area ที่ได้พื้นที่ขนาดใหญ่มาก อารมณ์เหมือนบ้านเลย และส่วนของห้องนอนทั้งคู่ก็จะได้พื้นที่ที่ใหญ่ด้วยเช่นกัน ห้องนึงจะมีห้องน้ำในตัว ส่วนอีกห้งอต้องออกมาใช้ร่วมกับส่วนโถงรวม แต่ก็มีฟังก์ชันอาบน้ำครับ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 October 2018

    • 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท
    • 2 Bedrooms 54 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 9.4 ล้านบาท
    • Combine 70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท
    • Pre-Sale 31 October 2018
    • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร Avereage ทั้งโครงการ 185,000 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted / เฟอร์นิเจอร์ Built-In บางส่วน / Digital Door Lock / Home Automation
    • ฝ้าเพดานสูง 2.80 เมตร (ห้องโถง), 2.60 เมตร (ห้องครัว), 2.70 เมตร (ห้องนอน)
    • Kitchen & Sink + Hob & Hood
    • 1 Bedroom จอง 50,000 บาท
    • 2 Bedroom จอง 70,000 บาท
    • Combine Room จอง 100,000 บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ดาวน์ 10%
    • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล โครงการ QUINN สุขุมวิท 101 อยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท และ BTS สถานีปุณณวิถี ใช่ครับติดเลยแบบ 0 เมตร สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่เกาะเส้นสุขุมวิท อาทิเช่น ธนาคาร, ปั๊มน้ำมันร้านขายของทั่วไป, โชว์รูม และออฟฟิศสำนักงานระดับกลางสเกลรองกว่าพวกโซนสุขุมวิทตอนต้นหน่อย

    ความอุดมสมบูรณ์ ในแง่อาหารการกิน และไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต ทำเลแถวนี้จึงค่อยๆเติบโตไปตามการเพิ่มขึ้นของประชากร โดยจะเห็นว่าปัจจุบันมีคอนโดอยู่บนถนนใหญ่ และตามซอยย่อยมากมายเพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยเหล่านี้ พวกซูเปอร์ใกล้ๆก็จะมีพวกคอมมูนิตี้มอลล์ที่กำลังจะเปิดตัวกับเปิดได้ไม่นานอย่าง Whizdom101, Bangkok Mall, Phyll, Century Movie, Tescolotus อิงสุขมวิทในระยะใกล้ๆ จะทั้งนั่งรถไฟฟ้าไปหรือขับรถไปก็ได้ แต่ถ้าอยากจะไปห้างสเกลใหญ่ก็ต้องขับออกไปไกลๆหน่อยอย่างบางนาตราดที่มีเซ็นทรัลอยู่ หรือไม่ก็ศรีนครินทร์ที่มีห้าง Seacon Square, Paradise Park

    การเดินทางด้วยรถส่วนตัว ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ จะเข้าออก เมืองก็ใช้ถนนสุขุมวิทได้เลย โดยถนนหน้าโครงการจะเป็นฝั่งสุขุมวิทขาออก ตรงไปเรื่อยๆจะสามารถเลี้ยวเข้าบางนาตราด หรือตรงไปสมุทรปราการได้ แต่หากใครอยากเข้าเมืองก็ให้ไปกลับรถที่หน้าซอยสุขุมวิท 64/1 แล้ววิ่งตรงๆเข้าเมืองได้เลย อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้นลงทางด่วนเฉลิมมหานครแค่ 2.5 กม.เท่านั้น ส่วนใครที่จะไปสนามบินโดยอยากใช้ทางด่วน เจ้าทางด่วนเฉลิมมหานครเนี่ย มันยังสามารถไปต่อเปลี่ยนเป็นทางด่วนพิเศษบูรพาวิถี เพื่อไปเข้าสนามบินเลยก็ได้นะครับ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ อันนี้เด่นแบบสุดๆไปเลย เพราะทั้งติด BTS ปุณณวิถี 0 เมตร แบบระยะออกรั้วโครงการเดินขึ้นรถไฟฟ้าได้เลย นอกจากนั้นยังติดถนนใหญ่หลักอย่างสุขุมวิท ทำให้เรียกรถเมล์ Taxi ง่ายและปลอดภัย ข้างๆโครงการเดินแค่ 10-20 ก้าวก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์เจ้าใหญ่ประจำการอยู่อีกด้วย

    วัสดุ ที่นี่ขายแบบ Fully Fitted ให้เฟอร์มาบางส่วนอย่างตู้ Built-In เก็บรองเท้าเก็บของ, แอร์ได้แบบ Wall Type, ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 – 2.80 เมตร แตกต่างพื้นที่กันไป, Digital Door Lock, ปูพื้นด้วย Hybrid Engineered, Lighting Switch, ในห้องน้ำมีหลายยี่ห้อทั้ง Inax – American Standard – GROHE แต่โดยรวมของในห้องน้ำดูดีเลยครับ, ชุดครัวท๊อปหินควอทช์มีติดตั้ง Backsplash กระจกมาให้, Hob&Hood ของ TEKA โดยภาพรวมของราคานี้ถือว่าให้มาเหมาะสมกับราคาดีครับ

    การออกแบบ ดีไซน์อาคารที่นี่เลือกใช้ Sd A – somdoonarchitects ที่มีผลงานมาไม่น้อยในกลุ่มของ Condominium High Rise ชื่อดังบ้านเราครับ ตัวอาคารภายนอกโทนสีดูเข้มหน่อย เป็นแนว Modern Contemporary อีกทั้งยังเลือกใช้ Interior จาก p i a มาช่วยตกแต่งในพื้นที่ส่วนกลางต่างๆในอาคารพักอาศัย / แบบห้องที่นี่มีไม่มาก หลักๆแค่ 3 แบบเท่านั้น และแบ่งสัดส่วนฟังก์ชันดีเข้าใจง่าย แต่เป็นครัวเปิดทั้งหมด

    สาธารณูปโภค โดยรวมให้มาแบบพื้นฐาน ที่จำเป็นมีครบครับ อาทิเช่น ห้องล็อบบี้ที่สูงแบบ Triplex มี Shop 2 Unit ด้านหน้า(ซึ่งถ้าดิวเป็นร้านกาแฟกับมินิมาร์ทอย่างที่เคลมไว้ได้จะดีมาก), สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตที่แชร์(และมีแยกสระเด็ก) ฟิตเนส ซาวน่า น่าเสียดายนิดหน่อยที่ราคาขนาดนี้และยกสระไปไว้ชั้นบนๆชมวิวไม่ได้นะฮะ แต่ก็ยังดีที่มี Sky Lounge ที่ชั้น 31 กันชั้นลอยมาให้ และก็สวนดาดฟ้า Rooftop

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคาเฉลี่ย(AVG) 185,000 บาท/ตร.ม., 19 Oct 2018

    • ทำเล 7.25/10 – ติดถนนใหญ่สุขุมวิทและรถไฟฟ้าเลย ราคานี้มาทำ NewHigh ในย่านเหมือนกัน รอบๆระยะเดินยังขาดความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินช็อปปิ้งอยู่บ้าง
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้จุดกลับรถที่ขนาบโครงการทั้งสองฝั่ง และใกล้ทางด่วน
    • ไม่ใช้รถ 7.75/10 –  0 เมตร BTS ปุณณวิถี(สุขุมวิทตอนปลาย) อยู่ติดถนนใหญ่ใช้รถสาธารณะอื่นๆง่าย, ติดพี่วินขนาดใหญ่
    • วัสดุ 8/10 – ให้มาสมราคา กรอบประตูหน้าต่างและอุปกรณ์ Fitting ทำมาดีแข็งแรง
    • แบบ 7.5/10 – แบบอาคารภายนอกเน้นเส้นสายลวดลายดูทันสมัย แบบห้องที่นี่มีไม่มาก แบ่งสัดส่วนฟังก์ชันดีเข้าใจง่าย แต่เป็นครัวเปิดทั้งหมด
    • สาธารณูปโภค 7.25/10 – ให้ส่วนกลางมาครบตามสมัยนิยม แต่เสียดายราคานี้ไม่ได้เอาสระว่ายน้ำและฟิตเนสขึ้นไปชั้นบนๆเพื่อชมวิวได้
    • LUXURY CLASS
    • 7.57 / 10.00

     

    BOTTOM LINE

    QUINN สุขุมวิท 101 นั้นเหมาะกับคนที่อยู่อาศัยโซนสุขุมวิทตอนปลาย ติดถนนใหญ่ ติดรถไฟฟ้า BTS เน้นความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางทั้งรถส่วนตัวและรถไฟฟ้านั่นเอง มีส่วนกลางพื้นฐานครบในตัว ยูนิตเพื่อนบ้านไม่เยอะได้ความส่วนตัว ห้องเหมาะกับการอยู่อาศัยได้ไม่อึดอัด กลุ่มสมาชิกประมาณ 1-3 คน มีงบประมาณ 5.9 – 13 ล้านบาท หรือกำลังผ่อนชำระเริ่มต้นที่ 41,000 บาท/เดือนขึ้นไป