[รีวิวฉบับที่ 2752] PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) คอสโดพร้อมอยู่ที่มีจุดเด่นเยอะมาก เพราะที่นี่เป็นคอนโดห้องใหญ่ Rare Item ใจกลางเมือง เน้นความเป็นส่วนตัวสูง และเป็น Cat Allowed เอาใจทาสแมวโดยเฉพาะ‼️

หากเทียบว่าเรามีงบประมาณ 10-20 ล้านบาท หาซื้อคอนโดในโซนทองหล่อ-เอกมัย, เพชรบุรีและพระราม 9 ที่มีความคึกคักของทำเลมากกว่าโซนศูนย์วิจัยนี้ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่น้อยกว่า ทำให้ PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) ได้ความคุ้มค่าในเรื่องราคาและพื้นที่ใช้สอย แลกมากับตัวทำเลที่ขยับออกมาหน่อยแต่ยังเดินทางเชื่อมต่อได้ง่ายอยู่นั่นเอง

นอกจากนั้นยังเป็นคอนโด Cat Allowed เลี้ยงได้เฉพาะแมวเท่านั้น เพราะทางโครงการมองว่าน้องแมวไม่ค่อยส่งเสียงดังเท่ากับสัตว์ชนิดอื่นแต่ว่ายังมีเหตุผลเบื้องลึกอีกนะว่าทำไมโครงการนี้ถึงเลือกทำเป็นคอนโด Cat Allowed ไม่ใช่ Pet-Friendly เหมือนโครงการอื่นๆ ตามไปอ่านคำตอบด้านล่างกันต่อได้เลยค่ะ

  • ทำเลเชื่อมต่อ 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ ถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 และถนนประดิษฐ์มนูธรรม และใกล้รพ.กรุงเทพเพียง 1 กิโลเมตร ทำให้นอกจากจะมี Real Demand บนทำเลแล้ว ยังเหมาะกับกลุ่มคนที่ทำงานในโรงพยาบาลหรืออยากมาพักรักษาตัวใกล้โรงพยาบาลนั่นเอง
  • เน้นความเป็นส่วนตัวสูง มีเพียง 18 ยูนิต รวมถึงออกแบบยูนิตต่อชั้นเพียง 3 ยูนิต และไม่มีส่วนกลางที่เกิดเสียงดัง
  • คอนโด Cat Allowed เอาใจคนรักแมว เพราะอนุญาตให้เลี้ยงได้เฉพาะน้องแมวเท่านั้น
  • ห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ ถือเป็นห้อง Rare Item ไม่มีให้เลือกซื้อบนทำเลแล้ว มีฟังก์ชันน่าสนใจอย่าง Extra Storage Room ห้องเก็บของส่วนตัวที่อยู่นอกห้องพักอาศัยและห้อง 2 Bedroom ที่ได้ Foyer 2 จุดและประตู 2 ชั้นที่เราไม่เคยเห็นในโครงการอื่นเลย

ถึงแม้โครงการจะเพิ่งเปิดขายไปเมื่อ 21-22 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ทางโครงการแอบบอกมาว่าขายไปได้ประมาณนึงแล้วนะคะ ยิ่งคอนโดยูนิตน้อยๆแบบนี้ด้วย หากใครสนใจต้องรีบแล้วนะคะ ไม่งั้น Sold Out ก่อนแน่นอน

ข้อมูลโครงการ

PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) ณ วันที่ 23 กันยายน 2567

 ชื่อโครงการ   PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่  ซอยพระราม 9 ซ. 26 ถนนเพชรบุรี แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
 ที่ดิน  ประมาณ 200 ตารางวา
 ประเภทคอนโด  Low Rise 7 ชั้น
 จำนวนยูนิต  18 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   3 ยูนิต
 ที่จอดรถ  24 คัน คิดเป็น 133% (Conventional Parking)
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  สร้างเสร็จปี 2567
 ประเภทห้องพัก
  • 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 86.00 – 90.00 ตร.ม.
  • 3 Bedroom 3 Bathroom 1 Powder Room ขนาด 136.75 – 137.50 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.70 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  10.9-17.5 ล้านบาท*
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  135,000 บาท/ตร.ม.
  เปิดให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรก 21 – 22 ก.ย. 2567
 เว็บไซต์โครงการ https://pg.thinkofliving.com/PYNNSoonvijai
 Call Center  1685

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.747606, 100.587332
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Highlight

  • ทำเลใจกลางเมือง เชื่อมต่อ 3 ถนนหลัก ทั้งถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 และถนนประดิษฐ์มนูธรรม
  • ใกล้ทางพิเศษศรีรัช ด่านรามคำแหง มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 2.1 กิโลเมตร
  • มีทางลัดและซอยเล็กๆมากมาย เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางรถติดได้อยู่พอสมควรเลย
  • ใกล้โรงพยาบาลกรุงเทพ เพียง 1 กิโลเมตร เหมาะกับกลุ่มคนที่ทำงานในโรงพยาบาลและลงทุนปล่อยเช่าคนไข้ที่พักรักษาตัว
  • ความอุดมสมบูรณ์ครบครัน สามารถเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยได้ทั้งเส้นเพชรบุรีหรือสุขุมวิทที่มีห้างใหญ่ๆทั้ง EmQuartier, Emporium, Emsphere และ Terminal 21

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) ถือเป็นโครงการที่อยู่ใจกลางเมืองย่านเพชรบุรี เชื่อมต่อไปยังย่านธุรกิจสำคัญต่างๆได้สะดวก ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยพระราม 9 ซอย 26 ที่เป็นซอยย่อยของซอยเพชรบุรี 47 สามารถเชื่อมต่อไป 3 ถนนหลักได้ทั้งถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 และถนนประดิษฐ์มนูธรรม รอบๆตัวโครงการก็มีทางลัดและซอยเล็กๆมากมาย ใช้เพื่อหลบหลีกเส้นทางรถติดได้อยู่พอสมควร อีกทั้งใกล้ย่านใจกลางเมืองอย่างเอกมัย-ทองหล่อที่ขับรถได้ง่ายๆเพียง 5 นาทีเท่านั้น

สำหรับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการมีความเจริญค่อนข้างมาก ทำให้บนถนนเพชรบุรีมีร้านค้า ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้ออยู่ตลอดแนวถนน หรือจะไปทางย่านทองหล่อ-เอกมัยก็อยู่ไม่ไกลจากโครงการ แต่ถ้าต้องการซื้อของแบบจริงจัง ไปห้างใหญ่ๆตรงถนนสุขุมวิทได้ เช่น EmQuartier, Emporium, Emsphere, Terminal 21 และ Gateway เอกมัย เป็นต้น

รวมถึงมีโรงพยาบาลและสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่ง ได้แก่ รพ.กรุงเทพ ห่างจากโครงการเพียง 1.0 กิโลเมตร, รพ.สมิติเวช สุขุมวิท, รพ.พระราม 9, รร.นานาชาติโชรส์เบอรีกรุงเทพ, รร.นานาชาติแองโกลสิงคโปร์, ม.ศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตประสานมิตรและรร.นานาชาติเอกมัย ดังนั้นใครที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้อยู่แล้วและกำลังมองหาคอนโดใหม่ที่มีความเป็นส่วนตัว เดินทางก็สะดวกๆในย่านนี้อยู่ละก็โครงการนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียวค่ะ

PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) มีราคาเริ่มต้น 10.9-17.9 ล้านบาท* ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 135,000 บาท/ตร.ม. หากเทียบว่าเรามีงบประมาณ 10-20 ล้านบาท หาซื้อคอนโดในโซนทองหล่อ-เอกมัย, เพชรบุรีและพระราม 9 ที่มีความคึกคักของทำเลมากกว่าโซนศูนย์วิจัยนี้ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่น้อยกว่า ทำให้ PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) ได้ความคุ้มค่าในเรื่องราคาและพื้นที่ใช้สอย แลกมากับตัวทำเลที่ขยับออกมาหน่อยแต่ยังเดินทางเชื่อมต่อได้ง่ายอยู่นั่นเอง

นอกจากนั้นโครงการนี้ก็เป็นโครงการที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนปล่อยเช่า เพราะตั้งอยู่ใกล้รพ.กรุงเทพที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ยกทั้งครอบครัวมาหาเช่า Serviced Condo, Serviced Apartment หรือโรงแรม เพื่อเข้าพักและไปรักษาที่รพ.กรุงเทพได้ง่ายนั่นเอง ซึ่งบอกเลยว่าค่าเช่าสูงประมาณ 30,000 บาทไปจนถึง 300,000 บาท/เดือนเลยค่ะ ทางโครงการคาดการณ์ค่าตอบแทน Yield สูงสุด 8-9%* เลย

ที่ตั้งโครงการจะอยู่บนซอยพระราม 9 ซอย 26 ที่เป็นซอยย่อยของซอยเพชรบุรี 47 หรือที่เรียกกันว่า ซอยศูนย์วิจัย โดยสามารถเข้า-ออกได้ 3 เส้นทาง ทั้งถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 และถนนประดิษฐ์มนูธรรม รวมถึงมีเส้นทางในซอยเพื่อหลีกเลี่ยงรถติด โดยลัดออกมายังถนนหลักโดยรอบได้สะดวกเชื่อมกับถนนเอกมัย-รามอินทราและถนนพระราม 9 ได้ค่ะ

สำหรับคนที่ใช้ทางด่วนในการเดินทางเป็นประจำ มีทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดจะเป็นทางพิเศษศรีรัช เพื่อเชื่อมไปยังโซนอื่นๆได้ โดยขึ้นที่ด่านรามคำแหง มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 2.1 กิโลเมตร

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยดั้งเดิมในพื้นที่และอพาร์ทเม้นท์ ส่วนทางฝั่งทิศใต้มีโรงแรม A One สูง 16 ชั้น แต่ทางโครงการออกแบบให้ห้องพักอาศัยไม่ได้หันออกไปทิศนี้จึงไม่ส่งผลเรื่องวิวห้องพักค่ะ ส่วนบริเวณโดยรอบก็ไม่มีอาคารสูงมาบังวิว ไม่มีแหล่งเสื่อมโทรม โรงงานหรือแหล่งที่ก่อให้เกิดมลภาวะการอยู่อาศัย

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัยแนวราบ
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ซอยพระราม 9 ซ.26 และอพาร์ทเม้นท์
  • ทิศใต้ ติดกับโรงแรม A One สูง 16 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ยิมมวยไทยและบ้านพักแนวราบ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Donki Mall ทองหล่อ ~ 3.0 กิโลเมตร
  • บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เอกมัย ~ 3.4 กิโลเมตร
  • ฟอร์จูนทาวน์ ~ 3.9 กิโลเมตร
  • EMQUARTIER ~ 4.6 กิโลเมตร
  • Terminal 21 ~ 5.0 กิโลเมตร
  • EMPORIUM ~ 5.2 กิโลเมตร
  •  เดอะ สตรีท รัชดา ~ 5.3 กิโลเมตร
  • EMSPHERE ~ 5.8 กิโลเมตร
  • เซ็นทรัล พระราม 9 ~ 9.6 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

  • รพ.กรุงเทพ ~ 1.0 กิโลเมตร
  • รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ~ 2.7 กิโลเมตร
  • รพ.พระราม 9 ~ 3.3 กิโลเมตร

สถานศึกษา

  • รร.นานาชาติโชรส์เบอรีกรุงเทพ ~ 2.1 กิโลเมตร
  • รร.นานาชาติแองโกลสิงคโปร์ ~ 2.8 กิโลเมตร
  • ม.ศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตประสานมิตร ~ 3.5 กิโลเมตร
  • รร.นานาชาติเอกมัย ~ 4.7 กิโลเมตร

รายละเอียดโครงการ

Highlight

  • คอนโด Low Rise ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร ได้บรรยากาศภายในห้องเทียบเท่าคอนโด High Rise
  • เน้นความเป็นส่วนตัวสูง มีเพียง 18 ยูนิต รวมถึงออกแบบยูนิตต่อชั้นเพียง 3 ยูนิต และไม่มีส่วนกลางที่เกิดเสียงดัง
  • คอนโด Cat Allowed เอาใจคนรักแมว เพราะอนุญาตให้เลี้ยงได้เฉพาะน้องแมวเท่านั้น
  • ที่จอดรถ 133% ทุกห้องมีที่จอดรถ
  • Extra Storage Room ห้องเก็บของส่วนตัวที่อยู่นอกห้องพักอาศัย ทำให้ลูกบ้านได้เพิ่มพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นโดยไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนภายในห้อง
  • พื้นที่ส่วนกลางของแมว ถึงแม้จะไม่ได้มีพื้นที่ส่วนกลางเยอะ แต่ก็ออกแบบมารองรับน้องแมวของลูกบ้านด้วย

PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) เป็นคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น ออกแบบในสไตล์ Contemporary Modern​ ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 200 ตารางวา รวม 18 ยูนิต ซึ่งถือว่าเป็นโครงการขนาดเล็ก ทำให้โครงการนี้โดดเด่นในเรื่องความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศภายในโครงการที่เงียบสงบ นอกจากนั้นยังเป็นคอนโด Cat Allowed ที่อนุญาตให้เลี้ยงเฉพาะน้องแมวได้เท่านั้นแตกต่างจากคอนโด Pet-Friendly ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้หลากหลายกว่านั่นเอง

แต่ก่อนที่เราจะไปเจาะลึกถึงรายละเอียดโครงการที่ขอบอกเลยว่ามีดีเทลเล็กๆน้อยๆเพียบและเหตุผลที่ทางแสนสิริเลือกออกแบบเป็นคอนโด Cat Allowed ไม่ใช่คอนโด Pet-Friendly เราจะขอเกริ่นถึงแบรนด์ “PYNN” ที่หลายๆคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกันเท่าไหร่นัก เพราะเป็นแบรนด์ใหม่จากแสนสิริที่เพิ่งเปิดตัวออกมา 2 โครงการค่ะ

แบรนด์ “PYNN (พินน์)” เป็นคำพ้องเสียงกับคำว่า Pin แปลว่า เข็มหมุดหรือการปักหมุดนั่นเอง โดยแนวคิดของแบรนด์นี้ก็คือ “Pin Your Owned ปักหมุดชีวิต ใจกลางเมือง” ทางแสนสิริจึงออกแบบโครงการที่อยู่ภายใต้แบรนด์ PYNN เป็นคอนโด Low Rise ใจกลางเมืองบนที่ดินประมาณ 200 ตร.วา มีจุดเด่นอยู่ที่ความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนยูนิตน้อย ส่วนกลางไม่เยอะ ห้องขนาดใหญ่และเลี้ยงสัตว์ได้นั่นเอง จึงเหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยง ชอบบรรยากาศการอยู่อาศัยที่สงบ ไม่ชอบความพลุกพล่านและไม่เน้นพื้นที่ส่วนกลางมากนัก

PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) ถือเป็นโครงการแห่งที่ 2 ต่อจาก PYNN ปรีดี 20 ที่ตอนนี้ก็เหลือขายไม่กี่ยูนิตแล้วนะคะ โดยความแตกต่างหลักๆระหว่างโครงการนี้และ PYNN ปรีดี 20 คือ มียูนิตน้อยกว่า เลี้ยงได้เฉพาะแมวและแบบห้องเป็น 2-3 Bedroom ค่ะ

สำหรับแนวคิดในการพัฒนาโครงการมีรายละเอียดที่เรายอมรับเลยว่าทางแสนสิริใส่ใจในการทำโครงการจริงๆ งั้นเราค่อยๆตามไปดูจุดที่น่าสนใจกันทีละประเด็นเลยนะคะ

  • คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น พร้อมฝ้าเพดานสูงถึง 2.70 เมตร : คอนโด Low Rise จะมีความสูงต่ำกว่า 23 เมตร โดยส่วนใหญ่จึงสร้างเป็นคอนโด 8 ชั้น แต่ละชั้นมีความสูงอยู่ประมาณ 2.50 เมตร แต่ทางโครงการนี้ยอมลดจำนวนชั้นและจำนวนห้องขาย เพื่อออกแบบให้บรรยากาศภายในห้องที่โปร่งสบายด้วยความสูงของฝ้าเพดานถึง 2.70 เมตรนั่นเอง ซึ่งได้ความสูงห้องไม่แพ้โครงการ High Rise เลยนะคะ
  • ออกแบบห้องพักขนาดใหญ่ เริ่ม 86-137.50 ตร.ม. : ถือเป็น Rare Item มีความต้องการอยู่อาศัยสูง โครงการอื่นบนทำเลก็ไม่มีห้องขนาดใหญ่แล้ว รวมถึงบางโครงการต้องทำ Combine ห้องเล็กเป็นห้องใหญ่เพื่อขายเลย อีกทั้งทางโครงการออกแบบรองรับกลุ่มครอบครัวที่ทำงานในรพ.กรุงเทพและโซนข้างเคียง มีกลุ่มนักลงทุนที่อยากปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติที่ยกทั้งครอบครัวมาอยู่อาศัยและพักรักษาตัวด้วย
  • คอนโด Cat Allowed เลี้ยงได้เฉพาะน้องแมว : ทางโครงการมองว่าน้องแมวไม่ได้ส่งเสียงดังเท่ากับสัตว์ชนิดอื่น แต่มีอีกเหตุผลก็คือมองถึงคนที่ซื้อลงทุนเพื่อปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติที่มารักษาตัวอยู่ที่รพ.กรุงเทพใกล้ๆกับโครงการนั่นเอง ซึ่งจากสถิติพบว่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่มารักษาเป็นชาวเอเชียตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาอิสลามจึงไม่สามารถสัมผัสน้ำลายของน้องสุนัขได้ เพราะถือเป็นสิ่งที่ไม่สะอาดจึงไม่นิยมเลี้ยงสุนัขกันนั่นเอง ทำให้ทางโครงการเลือกพัฒนาเป็นคอนโดที่เลี้ยงได้เฉพาะน้องแมว เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่อาศัยร่วมกันได้อย่างสบายใจค่ะ

ทางโครงการได้กำหนดรายละเอียดของน้องแมวไว้ว่าลูกบ้านต้องลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียนแรกเข้าจำนวน 3,000 บาท/ต่อตัวและค่าธรรมเนียมรายปี 3,600 บาท ส่วนกรณีทำความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินจ่ายมูลค่าตามจริงนะคะ ซึ่งลูกบ้านของ 2 Bedroom สามารถเลี้ยงแมวได้ 2 ตัว ส่วนห้อง 3 Bedroom เลี้ยงได้ 3 ตัวค่ะ ส่วนตัวน้องแมวจะต้องมีความสูงไม่เกิน 15 นิ้ว และน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัมค่ะ ดังนั้นจะหลงน้องแมวจนตามใจปากแล้วน้องแมวตัวกลมไม่ได้นะ

ปัจจุบันทางโครงการได้กำหนดให้เลี้ยงได้เฉพาะน้องแมวเท่านั้น แต่หากมีการหารือกับกลุ่มลูกบ้านในโครงการและต้องการเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นเพิ่มขึ้นก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ภายในโครงการนี้ได้ค่ะ

จากเราเขียนมาเป็นรายละเอียดการเลี้ยงสัตว์เบื้องต้นของโครงการนี้นะคะ ซึ่งแต่ละคอนโดก็จะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป โดยทาง Think of Living เคยเขียนบทความรวมคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ไว้แล้วให้ทุกคนสามารถอ่านเป็น Guideline ข้อกำหนดการเลี้ยงสัตว์ในคอนโดได้ค่ะ

เรามาเริ่มกันที่ Master Plan โครงการกันเลย โดยทางเข้า-ออกของโครงการจะมีจุดเดียวนะคะ อยู่ติดกับซอยพระราม 9 ซ.26 โดยเป็นประตูรั้วเหล็กรางเลื่อนไฟฟ้า มีระบบในการเข้า-ออกของรถยนต์เป็นแบบจดจำทะเบียนรถผู้พักอาศัย License Plate Recognition System และระบบในเดินเข้า-ออก ขึ้น-ลงอาคารเป็น Face Scan และ Keycard Access พร้อมระบบช่วยรักษาความปลอดภัยภายในโครงการทั้ง CCTV ส่วนกลาง, รปภ.คอยดูแลอยู่ตลอด 24 ชั่วโมงและรั้วทึบรอบโครงการ

เราพามาดู Main Gate ของโครงการที่ออกแบบเป็นทางเข้า-ออกทางเดียว แบ่งเป็น 2 ช่องเข้า-ออก โดยติดตั้งเป็นประตูรั้วเหล็กรางเลื่อนไฟฟ้า มีระบบในการเข้า-ออกของรถยนต์เป็นแบบจดจำทะเบียนรถผู้พักอาศัยจึงขับรถเข้า-ออกได้สะดวกดี

บริเวณด้านหน้าโครงการจะมีห้องเก็บขยะอยู่ทางด้านซ้ายของภาพ ทำให้รถเก็บขยะสามารถเก็บขยะไปได้โดยไม่ต้องขับเข้าไปด้านในโครงการค่ะ เราว่าออกแบบมาดีนะเพราะนอกจากจะกันบุคคลภายนอกแล้ว บริเวณด้านในโครงการจะได้ไม่สกปรกด้วย ส่วนข้างๆของ Main Gate จะเป็นประตูรั้วสำหรับคนเดินเข้าไปด้านในโครงการนั่นเอง

บริเวณก่อนถึงประตูรั้วจะมี Grab & Go Area เป็นห้องที่ออกแบบมารองรับกับเทรนด์สมัยใหม่ที่คนส่วนใหญ่สั่งอาหาร Delivery ผ่าน Application กันมากขึ้น รวมถึงเป็นการออกแบบกั้นโซนไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปภายในโครงการได้ดี เพราะมีติดตั้งระบบ Face Scan ก่อนเปิดประตูรั้วเข้าไปในโครงการไว้ด้วย

ภายใน Grab & Go Area จะตั้งชั้นวางของไว้ให้วางอาหารได้หลายชั้นเลยและมีพื้นที่ให้เดินเข้าไปได้ รวมถึงติดตั้งระบบ CCTV เพื่อคอยสอดส่องเผื่อส่งอาหารมาไม่ครบหรือมีคนหยิบอาหารสลับกับลูกบ้านคนอื่นก็จะได้สามารถตรวจสอบกันได้ค่ะ

เราชอบที่ออกแบบมีหน้าต่างกระจกอยู่ด้านข้าง ทำให้ทาง รปภ. ที่นั่งดูแลรักษาความปลอดภัยใกล้ๆกับ Grab & Go Area สามารถมองเข้ามาภายในห้องนี้และติดต่อกับทางลูกบ้านได้ในกรณีที่ลูกบ้านอาจจะลืมลงมาหยิบอาหารค่ะ

เมื่อขับเข้ามาภายในโครงการก็สามารถจอดรถได้เลย ซึ่งทางโครงการออกแบบที่จอดรถเป็นแบบ Conventional Parking มาให้ทั้งหมดรวม 24 คัน คิดเป็น 133% ทำให้มั่นใจได้เลยว่าทุกห้องจะมีที่จอดรถแน่นอน โดยลูกบ้านที่อยู่ห้อง 2 Bedroom จะได้ 1 ที่จอดรถ และลูกบ้านห้อง 3 Bedroom ได้ 2 ที่จอดรถค่ะ

บริเวณใกล้ๆกับ Main Gate จะเป็น Handicap Parking จำนวน 1 คัน ที่ออกแบบให้มีพื้นที่ด้านข้างเพิ่มขึ้นมา เพื่อใช้เข็นวีลแชร์สำหรับผู้สูงอายุได้นั่นเอง

เมื่อเราผ่าน Grab & Go Area เปิดประตูรั้วเข้ามาด้านในโครงการแล้ว จะเจอกับ Guard House, Storage และประตูทางเข้าไป Welcome Space เพื่อขึ้นไปชั้นพักอาศัยค่ะ

ก่อนเราจะเข้าไปด้านในอาคารกัน จะมีห้อง Storage อยู่ด้านข้างประตูเข้าอาคาร ไว้สำหรับเก็บของได้อย่างพวกพัสดุต่างๆ โดยทางรปภ.และแม่บ้านจะเป็นคนคอยดูแลความเรียบร้อยต่างๆภายในโครงการนะคะ เพราะทางโครงการนี้จะไม่มีห้องนิติบุคคล แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะหากมีปัญหาอะไรก็สามารถติดต่อผ่าน Application รวมถึงทางโครงการมีระบบ LIV-24 คอยดูแลอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยอยู่แล้วนั่นเอง

Image 1/2
Welcome Space

Welcome Space

สำหรับโครงการนี้จะมีส่วนกลางอยู่ที่ชั้น Rooftop นะคะ ดังนั้นชั้น 1 นี้จะมี Welcome Space เป็นโถงไว้ยืนรอลิฟต์นั่นเอง แต่มีตั้งเป็นที่นั่งไว้นั่งรอได้เหมือนกัน หากในกรณีลิฟต์มีปัญหาหรือต้องซ่อมแซมบำรุงรักษา ก็มีประตูด้านข้างลิฟต์เปิดไปยังบันไดเพื่อเดินขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยได้ค่ะ ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งระบบ Face Scan ไว้ตั้งแต่ประตูทางเข้าอาคาร, ประตูไปยังบันไดหนีไฟและภายในลิฟต์โดยสาร ซึ่งถือว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยภายในโครงการที่ค่อนข้างรัดกุมเลยนะคะ

บริเวณ Welcome Space จะมีติดตั้ง MailBox ไว้สำหรับใส่พวกจดหมายหรือแจ้งข่าวสารต่างๆของโครงการไว้ด้วยค่ะ

มีการออกแบบที่น่าสนใจอีกจุดคือพื้นของ Welcome Space เลือกใช้เป็น SILVER DIANNA MARBLE ที่มีลวดลายหินอ่อนชัดเจน ช่วยสร้างความสวยงามให้กับบริเวณนี้ได้ดีค่ะ

ทางโครงการติดตั้งลิฟต์โดยสารมาให้ 1 ตัว รองรับได้ 13 คน น้ำหนักรวมไม่เกิน 1,000 กิโลกรัม มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 18 : 1 ถือว่าไม่สูงมากค่ะ ส่วนตัวลิฟต์ก็ออกแบบให้มีช่องกระจก เพื่อให้มองเห็นจากภายนอกได้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถช่วยเหลือได้ทันที

Image 1/4
ห้องน้ำ Universal Design

ห้องน้ำ Universal Design

นอกจากนั้นตรงบริเวณ Welcome Space ก็ออกแบบมีห้องน้ำตามหลัก Universal Design ที่ดี รองรับการใช้งานของคนทุกวัย รวมถึงทางโครงการออกแบบภายในห้องน้ำดูสวยงามเลย ตกแต่งผนังฝั่งนึงเป็นกระเบื้องสีเขียวตัดกับสีผนังห้องที่เป็นสีขาวครีมได้ดี

โดยติดตั้งเป็นประตูบานเลื่อนที่สามารถใช้งานเปิด-ปิดได้ง่าย ภายในห้องน้ำก็ออกแบบมีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ กระจกยาวเต็มความกว้างห้องและโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติ พร้อมติดตั้งราวจับช่วยพยุงเวลาลุก-นั่งด้วยค่ะ

ต่อมาเราพาไปดูชั้น Rooftop ของโครงการกันนะคะ ซึ่งเป็นพื้นส่วนกลางของโครงการนั่นเอง ประกอบด้วย BBQ Area, Seat Wall และ Wash Station สำหรับสัตว์เลี้ยงค่ะ โดยรอบอาคารก็ปลูกต้นไม้ล้อมรอบ เพิ่มวิวสีเขียวและสร้างบรรยากาศสดชื่นและร่มรื่นในโครงการด้วย

Image 1/2
บันไดขึ้นมาชั้น Rooftop

บันไดขึ้นมาชั้น Rooftop

หากต้องการขึ้นมาใช้งานชั้น Rooftop ต้องใช้บันไดหนีไฟจากชั้น 7 เพื่อเดินขึ้นมานะคะ โดยเข้า-ออกด้วย Keycard นั่นเอง

Image 1/3
Rooftop

Rooftop

Rooftop ประกอบด้วย BBQ Area, Seat Wall และ Wash Station สำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งทางโครงการออกแบบเป็น Hardscape พื้นที่รองรับกิจกรรมต่างๆ พร้อมปลูกต้นไม้ล้อมรอบสร้างบรรยากาศสดชื่นและร่มรื่นในโครงการ ทำให้มานั่งชมวิวเมืองพร้อมได้วิวต้นไม้สีเขียวด้วย

เราชอบนะที่ทางโครงการเลือกออกแบบเป็น Hardscape เหมาะสมกับโครงการที่ไม่มีนิติบุคคลอยู่ประจำ เพราะสามารถดูแลรักษาให้สวยงามได้ง่ายดีและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แตกต่างจากการออกแบบ Softscape ที่เป็นสนามหญ้าเหมือนโครงการอื่นที่ทางนิติบุคคลต้องใช้เวลาและความใส่ใจในการดูแลรักษา เปลี่ยนสนามหญ้าบ่อยๆหรือคอยรดน้ำตลอดเวลา

Image 1/3
BBQ Area

BBQ Area

BBQ Area พื้นที่สำหรับให้มานั่งพักผ่อนหรือปาร์ตี้สังสรรค์กันได้ เราชอบที่ทางโครงการออกแบบมีเคาน์เตอร์อ่างล้างมือมาให้เรียบร้อยเลย จึงสามารถล้างและทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงตั้งโต๊ะ 6 ที่นั่งมาให้เรียบร้อยเลยด้วย

Image 1/3
Wash Station

Wash Station

Wash Station เป็นพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งทางโครงการได้ออกแบบเป็นพื้นที่อาบน้ำหรือล้างเท้าน้องแมว พร้อมเตรียมก๊อกน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีทิชชู่ ถุงพลาสติกให้เก็บของเสียของน้องแมว เพื่อทิ้งขยะตรงจุดที่เตรียมไว้ได้เลย


แปลนชั้นพักอาศัย

Image 1/6
ชั้น 2

ชั้น 2

สำหรับชั้น 2-7 เป็นชั้นพักอาศัยของโครงการนะคะ โดยวางตำแหน่ง 2 Bedroom หันไปทางทิศตะวันออกและตะวันตก ส่วน 3 Bedroom จะหันไปทางทิศเหนือ ส่วนทางด้านทิศใต้ที่หันไปเจอโรงแรม A One สูง 16 ชั้น ก็จะเป็นส่วนของ Core Lift อาคารนั่นเอง

เรามองว่าทางโครงการจัดวางตำแหน่งห้องพักอาศัยได้ดีเลยค่ะ เพราะออกแบบส่วนของ Core Lift เป็นฝั่งที่โดนโรงแรมบังวิว ถึงจะทำเป็นห้องพักอาศัยแต่ก็ขายยากอยู่ดีนั่นเอง จึงทำให้มียูนิตต่อชั้นเพียง 3 ห้อง ได้ความเป็นส่วนตัวสุดๆ

ทางโครงการจัดตำแหน่งของ 2 Bedroom ที่หันไปทางทิศตะวันออก ฝั่งด้านหน้าโครงการของชั้น 2-3 แตกต่างกับชั้น 4-7 โดยชั้น 2-3 จะเป็น 2 Bedroom Type 2B ที่ออกแบบมีพื้นที่ระเบียงตรง Common Area อยู่ด้านข้างห้อง แต่ชั้น 4-7 ในตำแหน่งเดียวกันจะเป็น 2 Bedroom Type 2C ออกแบบได้ระเบียง 2 จุดทั้งบริเวณ Common Area และ Master Bedroom รวมถึงระเบียงตรง Common Area จะหันไปด้านหน้าโครงการ จึงได้พื้นที่ภายใน Common Area ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนั่นเองค่ะ

นอกจากนั้นในแต่ละชั้นมี Extra Storgae Room ห้องเก็บของส่วนตัวของทุกห้องที่อยู่นอกห้องพักอาศัย ทำให้ลูกบ้านได้เพิ่มพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นโดยไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนภายในห้องนั่นเอง แต่สำหรับห้องพักอาศัยบนชั้น 7 จะได้ Extra Storgae Room ที่เล็กกว่าชั้นอื่นๆนะคะ รวมถึงทางโครงการได้ออกแบบมีประตูกระจกกั้นระหว่าง Core Lift และโถงทางเดินไปยังห้องพักอาศัยตรงชั้น 7 เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะเป็นชั้นที่คนอื่นต้องเดินผ่านเพื่อเดินต่อไปยังชั้นดาดฟ้านั่นเอง

Image 1/4
โถงทางเดิน

โถงทางเดิน

โถงทางเดินของโครงการค่อนข้างกว้างและสว่าง ตรงบริเวณด้านหน้าลิฟต์ก็มีช่องหน้าต่างดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในอาคารและเปิดระบายอากาศได้ด้วย ส่วนตำแหน่งห้องขยะจะอยู่ใกล้ๆกับ 2 Bedroom Type 2A แต่เรามองว่าจำนวนยูนิตต่อชั้นมีเพียง 3 ห้องเอง จึงไม่ได้เกิดกลิ่นรบกวนการอยู่อาศัยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Welcome Space
  • Mailbox
  • Grab & Go Area
  • Rooftop Garden ประกอบด้วย
  • BBQ Area
  • Seat Wall
  • Wash Station สำหรับสัตว์เลี้ยง
  • ลิฟต์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 18 : 1
  • ที่จอดรถแบบ Conventional Parking 24 คันคิดเป็น 133% (2 Beroom ได้ 1 ที่จอดรถ / 3 Bedroom ได้ 2 ที่จอดรถ)
  • EV Charger 1 จุด 2 หัวจ่าย
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card / Face Scan / Liv 24

แบบห้อง

Highlight

  • ห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ที่ไม่มีให้เลือกซื้อบนทำเลแล้ว ถือเป็นโปรดัส์หายากบนทำเล
  • เหมาะกับกลุ่มครอบครัว สามารถอยู่อาศัยได้สบาย ไม่อึดอัด ตอบโจทย์คนที่ทำงานในรพ.กรุงเทพหรือโซนใกล้เคียง
  • เน้นบรรยากาศภายในห้องโปร่งสบาย ด้วยความสูงฝ้า 2.70 เมตร และกระจกยาวตลอดแนวผนัง รวมถึงมีหน้าต่างกระจกเข้ามุมในทุกยูนิต เปิดรับแสงและวิวได้กว้าง
  • Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อมพื้นที่ใช้งานต่อเนื่องกัน
  • ทุกห้องนอนได้ห้องน้ำในตัว ใช้งานได้สะดวก
  • Foyer 2 จุดและประตู 2 ชั้นของห้อง 2 Bedroom ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นในโครงการอื่นมาก่อนเลยค่ะ

PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) เป็นคอนโด Low Rise ออกแบบเน้นความเป็นส่วนตัวสูง ได้บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน ด้วยจำนวนยูนิตเพียง 18 ยูนิต หรือจำนวนยูนิตต่อชั้นเพียง 3 ยูนิตนั่นเอง นอกจากนั้นทางโครงการก็ไม่ได้มีส่วนกลางที่สร้างเสียงดังรบกวนการอยู่อาศัยภายในโครงการด้วย

โดยโครงการนี้จะออกแบบเน้นเป็นห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ แบ่งเป็น 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 86.00 – 90.00 ตร.ม. และ 3 Bedroom 3 Bathroom 1 Powder Room ขนาด 136.75 – 137.50 ตร.ม. จึงสามารถรองรับการอยู่อาศัยแบบครอบครัวได้สบายๆเลยนั่นเอง ซึ่งห้องขนาดใหญ่แบบนี้ถือเป็น Rare Item ที่ไม่เหลือขายบนย่านนี้แล้วนะคะ

นอกจากนั้นมีจุดที่น่าสนใจตรง Extra Storage Room เป็นห้องเก็บของส่วนตัวของทุกห้องที่อยู่นอกห้องพักอาศัย มีขนาดประมาณ 0.95×1.50 เมตร ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของโดยไม่รบกวนพื้นที่พักผ่อนในห้องเลยนั่นเอง แต่สำหรับห้องพักอาศัยตรงชั้น 7 จะได้ Extra Storage Room ที่มีขนาดเล็กกว่าชั้นอื่นๆ มีขนาดอยู่ที่ 0.95×1.15 เมตรค่ะ

ทางโครงการจะให้กุญแจส่วนตัวและติดป้ายเลขห้องไว้ชัดเจนว่าลูกบ้านจะได้ห้องเก็บของตำแหน่งไหน เราจึงใช้เป็นพื้นที่เก็บจักรยาน รถเข็นเด็ก กระเป๋าเดินทางหรือของชิ้นใหญ่ๆได้เลยนะ ซึ่งพื้นที่ใช้สอยของห้องเก็บของนี้คิดรวมอยู่ในโฉนดห้องแล้วนะคะ

Image 1/9
Type 2A

Type 2A

สำหรับรูปแบบการขายของโครงการนี้จะเป็น Fully Fitted นะคะ แต่ทางโครงการก็มี Furniture Package ให้เลือกซื้อเพิ่มเติมได้ตามภาพด้านบนเลยค่ะ ซึ่งออกแบบมารองรับการเลี้ยงน้องแมวโดยเฉพาะ ด้วยการเลือกใช้ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่กันรอยขีดข่วนและเป็นผ้าสะท้อนน้ำ ส่วนค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของ Furniture Package อยู่ที่ 200,000 บาท สำหรับ 2 Bedroom และห้อง 3 Bedroom จะมีราคาอยู่ที่ 300,000 บาท

วัสดุภายในห้อง
– พื้นห้อง : พื้น SPC ลายไม้ หนา 5.5 มม.
– พื้น Foyer : กระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– พื้นระเบียง : กระเบื้องเซรามิก Matt สี Grey ขนาด 30×60 เซนติเมตร
– ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร บริเวณ Foyer, ห้องครัวและห้องน้ำ / 2.70 เมตร บริเวณ Common Area, Bedroom และ Balcony (เฉพาะ Walk-in Closet ของห้องนอนรอง 1 ของ 3 Bedroom สูง 2.50 เมตร)
– ผนังห้องฉาบเรียบ ทาสีขาว
– ไฟดาวน์ไลท์
– สวิทซ์-ปลั๊ก จาก Legrand
– เครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type (Common Area และ Master Bedroom ใน 3 Bedroom) และ Wall Type (Bedroom)
– Digital Door Lock จาก Igloohome รองรับ 5 ระบบ ได้แก่ Bluetooth, Keypad, Card, Finger Scan และ Key รวมถึงตั้งรหัส PIN Code ชั่วคราวและ One Time Password ได้ด้วย

วัสดุห้องครัว
– พื้นห้องครัว : กระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– Hob, Hood และ อ่างล้างจาน จาก MEX
– Top Counter และ Backsplash : หินสังเคราะห์ พร้อมติดตั้งไฟ Strip Light
– หน้าบานเฟอร์นิเจอร์ : PVC Membrain กันรอยขีดข่วนจากแมวได้

วัสดุห้องน้ำ
– พื้นและผนังห้องน้ำ : กระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร
– สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ จาก KOHLER และ ENGLEFIELD (โถสุขภัณฑ์แบบ Washlet จาก American Standard เฉพาะ Master Bedroom และ Powder Room)
– Top Counter : หินสังเคราะห์
– หน้าบานเฟอร์นิเจอร์ : PVC Membrain

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ


Type 2A : 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 86.50 ตร.ม.

ห้องแรกที่เราพามาดูคือ 2 Bedroom 2 Bathroom (Type 2A) มีพื้นที่ใช้สอย 86.50 ตร.ม. โดยตำแหน่งห้องจะหันไปทางทิศตะวันตกมีให้เลือกตั้งแต่ชั้น 2-7 เลย งั้นเราพาไปดูจุดเด่นของแบบห้องนี้กันต่อเลยนะคะ

  • พื้นที่ Foyer 2 จุด ทั้งบริเวณด้านหน้าห้องและภายในห้อง ทำให้นอกจากจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ให้ใช้งานแล้ว ยังมีประตูล็อก 2 ชั้น เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น
  • Common Area ขนาดใหญ่ พร้อมหน้าต่างตลอดแนวผนังและกระจกเข้ามุม ทำให้บรรยากาศภายในห้องโปร่งสบาย เปิดรับแสงและวิวกว้าง
  • ห้องครัวแบบปิด ทำอาหารจริงจังได้ มีพื้นที่ในการประกอบอาหารได้กว้าง รวมถึงช่วยป้องกันกลิ่นและควันลอยเข้าไปภายในห้องนอน
  • ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทั้งจาก Common Area และห้องนอนรอง จึงใช้งานได้ง่ายและยืดหยุ่น
  • Master Bedroom ขนาดใหญ่ กั้นแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน ทั้ง Walk-in Closet และ Master Bathroom
  • Master Bathroom ติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบฝังมาให้เรียบร้อย

Image 1/2
Foyer โถงทางเข้าบริเวณด้านหน้าห้อง

Foyer โถงทางเข้าบริเวณด้านหน้าห้อง

ทางโครงการได้ออกแบบฟังก์ชันพิเศษมาให้ 2 Bedroom ทุกห้อง ได้แก่ Foyer โถงทางเข้าบริเวณด้านหน้าห้องเลย พร้อมกั้นด้วยประตูระแนงอะลูมิเนียมปิดเป็นสัดส่วนและติดตั้ง Digital Door Lock จาก Igloohome รองรับ 5 ระบบ ได้แก่ Bluetooth, Keypad, Card, Finger Scan และ Key ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องยืนหากุญแจหรือบัตรในกระเป๋าอยู่หน้าห้อง ก็กด Password หรือสแกนลายนิ้วมือเข้าห้องได้เลยนั่นเอง

นอกจากนั้นยังสามารถตั้งรหัส PIN Code ชั่วคราวและ One Time Password ได้ด้วย ซึ่งทำให้สะดวกเวลาเราอยู่ข้างนอก เวลามีเพื่อนสนิทมาเยี่ยมก็สามารถตั้งรหัสชั่วคราวให้เข้ามานั่งรอในห้องก่อนได้เลย รวมถึงช่างที่เรานัดมาซ่อมแซมต่างๆก็สามารถเข้ามาทำงานได้เลย ไม่ต้องรอลูกบ้านกลับมาเปิดประตูให้ค่ะ

เราชอบฟังก์ชัน Foyer นี้เลยนะคะ เพราะมีพื้นที่ขนาด 1.50×2.80 เมตร เราสามารถทำเป็นตู้เก็บรองเท้าพร้อมที่นั่งใส่รองเท้าได้สบายๆหรือจะเป็นพื้นที่เก็บจักรยานและร่มก็ยังได้ด้วย รวมถึงทางโครงการเลือกปูพื้นมาเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร สามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ

จากพื้นที่ Foyer จะมีประตูอีกชั้นเป็นประตูเพื่อเปิดเข้าสู่ภายในห้องแล้วค่ะ จะได้หน้าตาบานประตูเหมือนในรูปพร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จาก Igloohome มาให้เหมือนกันค่ะ สามารถใช้งานได้สะดวกเพราะรองรับการใช้งานถึง 5 ระบบเลยนั่นเอง

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ Foyer อีกจุด มีขนาดประมาณ 1.50×2.15 เมตร โดยเรามองการใช้งานพื้นที่บริเวณนี้เหมาะทำ Built-in ชั้นวางสำหรับเก็บสิ่งของที่ต้องหยิบใช้งานบ่อยๆ เช่น กระเป๋า, พื้นที่แขวนเสื้อคลุมและหมวกต่างๆ เป็นต้น ส่วนการติดบานกระจกเหมือนห้องตัวอย่างก็เป็นไอเดียที่ดีนะ จะได้ส่องเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องค่ะ

Image 1/4
พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร 

พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร 

ถัดมาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารที่ออกแบบเป็น Open Plan พื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 3.55×5.95 เมตร มีข้อดีคือเราสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนตามการใช้งานได้ เวลาเบื่อๆก็สามารถเคลื่อนย้ายและตกแต่งห้องใหม่ได้ง่ายดีค่ะ

อีกทั้งออกแบบเน้นบรรยากาศโปร่งสบายภายในห้องด้วยความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของ Common Area จะอยู่ที่ 2.70 เมตร ถือว่าเป็นความสูงที่ขนาดห้องในคอนโด High Rise บางโครงการยังไม่ได้สูงเท่านี้เลยนะ (ส่วนบริเวณ Foyer, ห้องครัวและห้องน้ำ มีความสูงอยู่ที่ 2.45 เมตร) ประกอบกับเลือกใช้หน้าต่างกระจกเกือบตลอดแนวผนังและมีหน้าต่างกระจกเข้ามุมด้วย ทำให้ได้บรรยากาศภายในห้องที่โปร่งและกว้างดีเลยค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นสามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์เหมือนห้องตัวอย่างได้เลย มีพื้นที่ตั้งชั้นวางทีวี โต๊ะกลางและโซฟา 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ มีพื้นที่รอบๆกว้าง สามารถเดินผ่านไป-มาได้ ส่วนด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร วางโต๊ะรองรับ 4 ที่นั่งเหมือนห้องตัวอย่างได้ ทำให้เวลาเรานั่งรับประทานอาหารอยู่ก็สามารถดูทีวีไปพร้อมกัน ด้านข้างก็มีหน้าต่างกระจกเข้ามุมทำให้เปิดรับวิวด้านนอกได้กว้างค่ะ

ทางโครงการได้ปูพื้นบริเวณนี้เป็น SPC ลายไม้ หนา 5.5 มม. ทำให้รู้สึกเหมาะแก่การพักผ่อนมากขึ้นและทนต่อความชื้น-รอยขีดข่วนจากแมวได้ ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบ ทาสีขาวพร้อมไฟแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type มาให้ค่ะ

Image 1/2
ระเบียง

ระเบียง

จากพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารจะมีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียงด้านข้างได้ มีขนาดประมาณ 0.90×4.50 เมตร เราสามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆแบบ Semi Outdoor พร้อมปลูกต้นไม้เพิ่มบรรยากาศสดชื่นและเป็นวิวสีเขียวให้กับภายในห้องด้วย ส่วนพื้นที่นี้จะปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก Matt สี Grey ขนาด 30×60 เซนติเมตร สามารถดูแลได้ง่ายดี

ถัดจาก Common Area จะมีโถงทางเดินกว้าง 1 เมตร เพื่อไปอีกฝั่งของห้อง ประกอบด้วย ห้องครัวแบบปิด, Master Bedroom, ห้องนอนรอง และห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง

ห้องครัวของโครงการจะออกแบบเป็นห้องครัวแบบปิด มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน กั้นแบ่งพื้นที่มาได้เป็นสัดส่วนเลย พอออกแบบเป็นห้องครัวแบบปิดอย่างงี้ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นควันหรืออาหารลอยไปติดเฟอร์นิเจอร์ด้านในห้องนั่นเอง

Image 1/4
ห้องครัว

ห้องครัว

ห้องครัวนี้มีขนาด 2.00×2.50 เมตร ปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร โดยทางโครงการได้ Built – in เคาน์เตอร์ครัวรูปตัว U มาให้เหมือนห้องตัวอย่าง ซึ่งจะมีพื้นที่ยืนประกอบอาหารกว้าง 1.10×1.40 เมตร จึงสามารถยืนหมุนตัวเอื้อมไปหยิบของ เปิดตู้เย็นได้สะดวก

ส่วนชั้นเก็บของทั้งด้านบนและด้านล่างก็มีขนาดใหญ่ สามารถเก็บพวกจาน ชาม แก้วน้ำ เครื่องปรุงและวัตถุดิบทำอาหารได้เยอะ อีกทั้งบริเวณใต้อ่างล้างจานก็มีพื้นที่วางอุปกรณ์ทำความสะอาดและถังขยะไว้ทิ้งเศษอาหารด้วย โดยหน้าบานเฟอร์นิเจอร์จะเป็น PVC Membrain กันรอยขีดข่วนจากแมวได้ค่ะ

รวมถึงออกแบบเว้นช่องวางเครื่องไมโครเวฟไว้ด้านล่าง ช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์ จะได้มีพื้นที่เตรียมอาหารกว้างขึ้นและเว้นช่องวางตู้เย็นกว้าง 1 เมตร ทำให้ลูกบ้านเลือกซื้อตู้เย็นแบบ Side by Side ได้เลยค่ะ

Image 1/2
เคาน์เตอร์ครัว

เคาน์เตอร์ครัว

เคาน์เตอร์ครัว Top ด้วยหินสังเคราะห์ที่สามารถดูแลทำความสะอาดได้ง่าย มีพื้นที่กว้างสำหรับวางเครื่องปรุงหรือเตรียมอาหาร โดยทางโครงการได้ติดตั้งอ่างล้างจานหลุมเดี่ยว, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจาก MEX มาให้แล้ว พร้อมติดตั้งไฟ Strip Light ช่วยให้แสงสว่างเวลาประกอบอาหารด้วยค่ะ แต่เครื่องดูดควันนี้ไม่ได้เป็นระบบหมุนเวียนที่ดูดควันไปปล่อยนอกอาคารค่ะ ดังนั้นพอใช้งานไปนานๆก็อย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองกันด้วยนะ จะได้สามารถดูดซับกลิ่นและควันได้เต็มที่

ส่วนผนังด้านหลังของเคาน์เตอร์ก็มี Backsplash เป็นหินสังเคราะห์ ออกแบบเป็นลายต่อเนื่องกับ Top เคาน์เตอร์ขึ้นมาเลย ซึ่ง Backsplash ติดไว้สำหรับกันเลอะคราบอาหารต่างๆ เพราะเวลาเราทำอาหารหรือใช้ไปนานๆ ทำให้ผนังห้องอาจจะเลอะน้ำมันและเป็นคราบอาหารหรือควันได้จึงดูไม่สวยงาม รวมถึงพอติด Backsplash ก็ทำให้เราสามารถเช็ดคราบอาหารและทำความสะอาดได้ง่ายด้วยค่ะ

Image 1/4
Master Bedroom

Master Bedroom

Master Bedroom มีขนาดประมาณ 3.05×4.75 เมตร ปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ หนา 5.5 มม. ต่อเนื่องมาจาก Common Area โดยห้องนี้จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Wall Type มาให้เรียบร้อยเลยนะคะ

เราสามารถตกแต่งภายในห้องเหมือนห้องตัวอย่างได้เลยทั้งวางเตียง 6 ฟุตและโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง สำหรับตั้งโคมไฟ หนังสือหรือมือถือ ส่วนบริเวณปลายเตียงก็แนะนำให้เลือกแขวนทีวีเหมือนห้องตัวอย่างดีกว่า เพราะถ้าเลือกเป็นชั้นวางทีวีจะเหลือระยะเดินที่แคบไปหน่อย นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ให้ตั้งเก้าอี้นั่งเล่นหรือโต๊ะทำงานเล็กๆได้อยู่เหมือนกันนะคะ

สำหรับความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะอยู่ที่ 2.70 เมตร เท่ากับบริเวณ Common Area รวมถึงมีช่องหน้าต่าง 2 จุด ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องดูสว่าง ทำให้ได้บรรยากาศภายในห้องที่โปร่งสบายดีค่ะ

งั้นเราพามาดูอีกฝั่งของ Master Bedroom กัน ซึ่งพอเราเปิดประตูเข้าห้องมาแล้วจะเจอกับ Walk-in Closet ที่เชื่อมไปยัง Master Bathroom ค่ะ

Image 1/3
Walk-in Closet

Walk-in Closet

ทางโครงการได้ออกแบบพื้นที่ Walk-in Closet ขนาดประมาณ 1.60×1.80 เมตร มีพื้นที่ยืนเลือกเสื้อผ้าและแต่งตัวได้สบาย พร้อมกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนมาให้เรียบร้อยเลย นอกจากจะทำให้ได้ความเป็นสัดส่วนแล้ว ยังสามารถเปิด-ปิดประตูได้กว้างและง่ายดี

เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว I พร้อมกระจกขนาดใหญ่ไว้ส่องเช็กความเรียบร้อยเหมือนห้องตัวอย่างได้เหมือนกัน แต่ใครที่มีเสื้อผ้าเยอะก็เลือก Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว L ก็ช่วยให้เก็บเสื้อผ้าได้มากขึ้น หรือทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้าเล็กๆด้วยก็ดี จะได้ไม่ต้องไปแต่งหน้าอยู่ในห้องน้ำหรือตรงห้องนอน โดยพื้นที่ Walk-in Closet จะอยู่ติดกับ Master Bedroom ให้เราสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องค่ะ

Master Bedroom มีขนาด 2.00×3.70 เมตร ออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้เป็นสัดส่วนดีเลย โดยเลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER และ ENGLEFIELD ส่วนวัสดุปูพื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร ที่ดูแลทำความสะอาดได้ง่าย

Image 1/5
Master Bedroom

Master Bedroom

ทางโครงการติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเหมือนห้องตัวอย่างเลยนะคะ โดยออกแบบเคาน์เตอร์อ่างล้างมือมาให้มีพื้นที่วางอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำและของตกแต่งได้ พร้อมตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือสำหรับเก็บผ้าขนหนู ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ทำความสะอาดในห้องน้ำ

แต่ที่เราชอบคือทางโครงการได้ออกแบบมีตู้เก็บของบานกระจก เหมาะสำหรับเก็บแปรงสีฟัน ยาสีฟัน โฟมล้างหน้าและน้ำหอมต่างๆ รวมถึงติดตั้งไฟส่องสว่างมาให้พร้อมเลย เราจึงมาแต่งหน้าตรงบริเวณนี้ได้ด้วย ส่วนโถสุขภัณฑ์ของ Master Bathroom จะเป็นแบบ Washlet จาก American Standard ซึ่งสามารถใช้งานได้สะดวกดี

พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.00×1.50 เมตร พร้อมติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้ สามารถยืนอาบน้ำและน้ำไม่กระเด็นไปเลอะบริเวณอื่น รวมถึงติดตั้งฝักบัวแบบ Hand และ Rain Shower มาให้เรียบร้อย มีเจาะช่องผนังเพื่อเป็นพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำให้หยิบใช้งานได้สะดวก

นอกจากนั้นทางโครงการยังติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบฝังมาให้สามารถนอนแช่น้ำผ่อนคลายได้ มีความยาวอ่างอาบน้ำประมาณ 1.50 เมตร โดยรอบอ่างอาบน้ำก็มีพื้นที่ให้ตั้งอุปกรณ์อาบน้ำและของตกแต่งได้อย่างต้นไม้เล็กๆ เพื่อเพิ่มวิวสีเขียวในห้องน้ำได้ด้วย

Image 1/2
ห้องนอนรอง

ห้องนอนรอง

ต่อมาเราพามาดูห้องนอนรองที่อยู่ติดกับ Master Bedroom กัน โดยห้องนี้มีขนาดประมาณ 2.70×3.60 เมตร เหมาะวางเตียง 5 ฟุต สามารถแขวนทีวีตรงบริเวณปลายเตียงและมีพื้นที่ด้านข้างตั้งตู้เสื้อผ้า-โต๊ะได้ โดยหน้าต่างก็มีขนาดใหญ่เกือบเต็มผนังห้องเลย ทำให้เปิดรับแสงและวิวได้กว้าง รวมถึงมีประตูเปิดไปยังห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ทั้งห้องนอนนี้และ Common Area ด้วย จึงสามารถใช้งานได้สะดวกดี

Image 1/2
ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง

ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง

ห้องน้ำนี้ออกแบบให้สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง (Double Access Bathroom หรือ Jack and Jill Bathroom) ทั้งจากห้องนอนรองและ Common Area จึงเป็นห้องน้ำสำหรับรองรับแขกได้ด้วย

ซึ่งเรามองว่าช่วงเวลาการใช้งานห้องน้ำของตัวลูกและแขกที่มาเยี่ยมไม่ได้ชนกัน ทำให้ยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่นะ เพราะห้องน้ำนี้จะถูกแขกมาใช้งานในช่วงกลางวันบ่อยๆ แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน ตัวลูกก็จะนั่งเล่น ทำกิจกรรมต่างๆอยู่บริเวณ Common Area อยู่แล้ว จึงทำให้ทั้งแขกและคนในครอบครัวมาใช้งานได้ง่าย ส่วนตอนเช้าหรือกลางคืนก็ไม่ได้มีคนอื่นมาใช้งานตรงกันกับเจ้าของห้องนั่นเอง

สำหรับห้องน้ำนี้มีขนาด 1.50×2.65 เมตร ออกแบบเหมือนกับ Master Bathroom เลย เพียงแค่ไม่มีอ่างอาบน้ำและติดตั้งเป็นโถสุขภัณฑ์แบบทั่วไปนั่นเอง โดยออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้เป็นสัดส่วน ปูพื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร และเลือกใช้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก KOHLER และ ENGLEFIELD

Image 1/4
ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง

ห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง

เคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มีตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือสำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำ พร้อมตู้เก็บของบานกระจกที่ติดตั้งไฟส่องสว่างมาให้เรียบร้อย ส่วนโถสุขภัณฑ์เป็นแบบใช้งานทั่วไป แตกต่างจาก Master Bathroom ที่เป็น Washlet

พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.00×1.50 เมตร พร้อมติดตั้งฝักบัวแบบ Hand และ Rain Shower มีเจาะช่องผนังสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ รวมถึงติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้ด้วย จึงไม่ต้องกังวลว่าเวลาอาบน้ำจะทำให้น้ำกระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นค่ะ

ถัดจากพื้นที่ยืนอาบน้ำจะมีประตูกระจกฝ้าบานเลื่อน 3 ตอน ที่ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามา ลดความชื้นภายในห้องน้ำได้ ซึ่งประตูนี้จะเปิดไปยังพื้นที่ Service สำหรับตั้ง Condensing Unit นั่นเอง ทำให้ช่างสามารถมาบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมได้ง่ายด้วย

นอกจากนั้นเราชอบที่ทางโครงการก็ออกแบบใส่ใจเรื่องภาพลักษณ์ตัวอาคารดี เพราะได้ติดตั้งระแนงพรางสายตาจากด้านนอกตรงพื้นที่ Service นี้ ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกั้นระแนงนี้ก็ได้ แต่พอทางโครงการออกแบบมาก็ทำให้ตัวอาคารดูมีลูกเล่นและสวยงามดีเวลาที่มองจากด้านนอกค่ะ


Type 3A : 3 Bedroom 3 Bathroom 1 Powder Room ขนาด 137.50 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายของโครงการจะเป็น 3 Bedroom 3 Bathroom 1 Powder Room (Type 3A) มีพื้นที่ใช้สอย 137.50 ตร.ม. ซึ่งแบบห้อง 3 Bedroom จะมีให้เลือกเพียง Layout เดียวคือ Layout นี้เลยนะคะ โดยตำแหน่งห้องจะหันไปทางทิศเหนือที่นอกจากจะไม่ค่อยโดนแดดและรับลมดีแล้ว ยังเป็นฝั่งที่ไม่โดนบังวิวด้วยค่ะ

  • Common Area แบบ Open Plan เชื่อมพื้นที่ต่อเนื่องขนาดใหญ่ ทั้งพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่ครัว พร้อมระเบียงยาว
  • Powder Room ห้องน้ำรองรับแขกและการใช้งานบริเวณ Common Area
  • ทุกห้องนอนมีห้องน้ำในตัว ใช้งานได้สะดวก
  • Master Bedroom ขนาดใหญ่ ออกแบบหน้าต่างกระจกเข้ามุม มีพื้นที่ทำ Walk-in Closet ได้เยอะ
  • Master Bathroom ออกแบบเคาน์เตอร์อ่างล้างมือแบบ His & Her และติดตั้งอ่างอาบน้ำแบบฝังมาให้เรียบร้อย
  • ห้องนอนรอง 1 ออกแบบหน้าต่างกระจกเข้ามุม สามารถกั้นพื้นที่เป็น Walk-in Closet ได้

สำหรับห้อง 3 Bedroom จะไม่มี Foyer โถงทางเข้าบริเวณด้านหน้าห้องและประตู 2 ชั้น เหมือนห้อง 2 Bedroom นะคะ โดยประตูเข้าห้องจะมีหน้าตาเหมือนในรูปเลย พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock จาก Igloohome รองรับ 5 ระบบ ได้แก่ Bluetooth, Keypad, Card, Finger Scan และ Key ที่นอกจากจะสามารถใช้งานได้ง่ายแล้ว ยังสามารถตั้งรหัส PIN Code ชั่วคราวและ One Time Password ได้ด้วย ทำให้ช่างต่างๆก็สามารถเข้าไปทำงานในห้องได้เลยโดยไม่ต้องรอลูกบ้านที่อยู่ข้างนอกกลับมาเปิดประตูให้ค่ะ

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับ Foyer กว้าง 1.50 เมตร ซึ่งเราชอบที่ทางโครงการก็ออกแบบตัวบานประตูห่างจากกำแพงห้อง จึงมีพื้นที่เหลือให้ลูกบ้านสามารถทำ Built-in เต็มผนังได้พอดีเหมือนห้องตัวอย่างเลยนั่นเอง

ทางห้องตัวอย่างก็ตกแต่งมาให้เป็นไอเดียนำไปปรับใช้กันได้ทั้งทำ Built-in ตู้เก็บรองเท้าบานกระจกและชั้นวางของ ทำให้เราเก็บรองเท้าได้เยอะและสามารถส่องกระจกเช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้ รวมถึงมีพื้นที่เก็บร่ม หมวก เสื้อคลุมหรือบัตรต่างๆได้ด้วย ถ้าเป็นเราจะเว้นพื้นที่สำหรับทำที่นั่งใส่รองเท้าเพิ่มเติมด้วย จะได้สามารถนั่งก้มใส่รองเท้าได้สะดวกค่ะ

พื้นที่ครัวจะอยู่ติดกับ Foyer เลย ทางโครงการจึงปูพื้นเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร ที่สามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ ส่วนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานตรงบริเวณนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 2.45 เมตร เนื่องจากทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type จึงได้ความสูงฝ้าเพดานที่ลดลงนิดหน่อยนั่นเอง

Image 1/5
พื้นที่ครัว

พื้นที่ครัว

พื้นที่ครัวของห้องนี้มีขนาดประมาณ 2.90×3.35 เมตร ออกแบบเป็นครัวเปิด จึงเหมาะทำอาหารฝรั่งที่ไม่ได้มีกลิ่นแรงหรือควันเยอะ หากใครที่ทำอาหารจริงจังหรือต้องการให้พื้นที่ครัวมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้นก็สามารถกั้นเป็นประตูกระจกเพื่อแบ่งพื้นที่ได้นะคะ ช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นอาหารลอยไปติดเฟอร์นิเจอร์อื่นๆด้วย

ทางโครงการได้ออกแบบตกแต่งพื้นที่ครัวเหมือนห้อง 2 Bedroom ที่เราพาไปดูกันมาเลย โดย Built-in เคาน์เตอร์ครัวรูปตัว U มาให้ มีพื้นที่ยืนประกอบอาหารกว้างประมาณ 1.70×1.75 เมตร พร้อมชั้นเก็บของทั้งด้านบนและด้านล่างที่หน้าบานเฟอร์นิเจอร์จะเป็น PVC Membrain กันรอยขีดข่วนจากแมวได้ ภายในตู้ก็ออกแบบมีช่องเก็บของเยอะและใหญ่ สำหรับเก็บอุปกรณ์และวัตถุดิบในการทำอาหารได้สบายๆ ส่วนบริเวณใต้อ่างล้างจานก็มีพื้นที่วางอุปกรณ์ทำความสะอาดและถังขยะไว้ทิ้งเศษอาหารด้วย

นอกจากนั้นยังออกแบบเว้นช่องวางเครื่องไมโครเวฟไว้ด้านล่าง ทำให้ได้พื้นที่บนเคาน์เตอร์ สำหรับเตรียมอาหารที่กว้างขึ้น และมีพื้นที่ว่างด้านข้างกว้าง 1 เมตร จึงตั้งตู้เย็นแบบ Side by Side ได้ค่ะ

Image 1/2
เคาน์เตอร์ครัว

เคาน์เตอร์ครัว

เคาน์เตอร์ครัว Top ด้วยหินสังเคราะห์ที่ทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมติดตั้งอ่างล้างจานหลุมเดี่ยว, เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจาก MEX มาให้เรียบร้อย แต่ถ้าเราใช้เครื่องดูดควันนี้ไปนานๆก็อย่าลืมเปลี่ยนไส้กรองกันด้วยนะคะ เพราะทางโครงการออกแบบเป็นครัวเปิดด้วย ลูกบ้านน่าจะได้เปิดใช้งานกันบ่อยๆ จึงต้องเปลี่ยนไส้กรอกใหม่ เพื่อดูดซับกลิ่นและควันได้อย่างเต็มที่ค่ะ

ส่วนผนังด้านหลังของเคาน์เตอร์ก็มี Backsplash เป็นหินสังเคราะห์ที่ออกแบบเป็นลายต่อเนื่องกับ Top เคาน์เตอร์ขึ้นมาเลย ช่วยกันเลอะจากการทำอาหารทั้งน้ำมัน คราบอาหารหรือเขม่าควัน อีกทั้งสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายด้วย นอกจากนั้นทางโครงการได้ติดตั้งไฟ Strip Light ตรงเคาน์เตอร์มาให้เรียบร้อยค่ะ

Common Area อยู่ถัดจากพื้นที่ครัวเลย โดยจะเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ หนา 5.5 มม. ได้บรรยากาศเหมาะแก่การพักผ่อนมากขึ้น รวมถึงพื้น SPC ยังทนต่อความชื้น-รอยขีดข่วนจากแมวได้ด้วย ส่วนผนังและฝ้าเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบ ทาสีขาวพร้อมไฟแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type มาให้ค่ะ

Image 1/3
Common Area

Common Area

Common Area มีขนาดใหญ่ประมาณ 3.00×6.10 เมตร ประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้ตามการใช้งานของเราได้

พื้นที่นั่งเล่นสามารถตั้งชั้นวางทีวี โต๊ะกลางและโซฟา 2-3 ที่นั่งเหมือนห้องตัวอย่างได้เลย มีพื้นที่เดินผ่านไป-มาได้สบาย หรือจะทำ Built-in ชั้นวางทีวีและชั้นวางของเต็มผนังได้เหมือนกัน จะได้มีพื้นที่เก็บของได้มากขึ้น ส่วนด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารจึงนั่งรับประทานอาหารพร้อมดูทีวีไปในเวลาเดียวกันได้ โดยเราสามารถเลือกตกแต่งเป็นโต๊ะ 4-6 ที่นั่งได้ค่ะ

นอกจากนั้นทางโครงการได้ออกแบบเป็นห้องหน้ากว้างที่เลือกใช้หน้าต่างกระจกยาวเกือบตลอดแนวผนัง ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวได้กว้าง ประกอบกับความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของ Common Area จะอยู่ที่ 2.70 เมตร (ส่วนบริเวณ Foyer, ห้องครัวและห้องน้ำ มีความสูงอยู่ที่ 2.45 เมตร) ทำให้ได้บรรยากาศภายในห้องที่โปร่งสบายและกว้างไม่แพ้คอนโด High Rise เลย

Image 1/3
ระเบียง

ระเบียง

ทางโครงการออกแบบระเบียงอยู่ด้านข้างของ Common Area ที่มีประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนเปิดออกมายังบริเวณนี้ได้ มีขนาดประมาณ 0.90×4.75 เมตร เราสามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นแบบ Semi Outdoor หรือมุมปลูกต้นไม้ เพื่อเป็นวิวสีเขียวให้กับภายในห้องได้

นอกจากนั้นทางโครงการได้ออกแบบราวกันตกเป็นซี่ๆและมีระยะห่างของแต่ซี่น้อย เพื่อให้น้องแมวมาอยู่หรือเดินเล่นตรงบริเวณนี้ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าน้องแมวจะลอดผ่านราวกันตกไปได้ รวมถึงปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิก Matt สี Grey ขนาด 30×60 เซนติเมตร ที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยค่ะ

สำหรับพื้นที่ Service ตั้ง Condensing Unit ก็กั้นเป็นประตูระแนงที่ได้ความเป็นสัดส่วนดีและสามารถระบายความร้อนจาก Condensing Unit ได้ รวมถึงทางช่างก็สามารถมาบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมได้สะดวกค่ะ

ด้านข้างของพื้นที่นั่งรับประทานอาหารก็จะมี Powder Room เป็นห้องน้ำสำหรับรองรับแขกหรือเวลาที่เรานั่งเล่นอยู่ตรง Common Area ก็สามารถมาใช้งานได้สะดวก

Image 1/3
Powder Room

Powder Room

Powder Room มีขนาดประมาณ 1.50×1.90 เมตร เป็นห้องน้ำที่ออกแบบไม่มีพื้นที่อาบน้ำ จะมีเพียงเคาน์เตอร์อ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์นั่นเอง โดยเลือกใช้อ่างล้างมือจาก KOHLER ตัวเคาน์เตอร์ก็มีตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือสำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำได้ พร้อมตู้เก็บของบานกระจกที่ติดตั้งไฟส่องสว่างมาให้เรียบร้อย ส่วนโถสุขภัณฑ์เป็นแบบ Washlet จาก American Standard สามารถใช้งานได้สะดวก

ถัดจาก Powder Room จะเป็นโถงทางเดินกว้าง 1 เมตร เพื่อเดินไปยัง Master Bedroom และห้องนอนรอง 2 โดยเราจะขอพาไปดู  Master Bedroom กันก่อนนะคะ

Image 1/4
Master Bedroom

Master Bedroom

Master Bedroom มีขนาดประมาณ 4.35×5.15 เมตร ปูพื้นเป็น SPC ลายไม้ หนา 5.5 มม. ต่อเนื่องมาจาก Common Area เหมือนกัน รวมถึง Master Bedroom ของห้อง 3 Bedroom จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type มาให้เรียบร้อยค่ะ

โดยบริเวณพื้นที่เตียงนอนสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมโต๊ะข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนบริเวณปลายเตียงก็ตั้งชั้นวางทีวีได้ มีพื้นที่เดินรอบเตียงกว้าง รวมถึงออกแบบหน้าต่างกระจกเกือบตลอดแนวผนัง เพื่อดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้อง อีกทั้งมีหน้าต่างกระจกเข้ามุม ทำให้เวลานอนอยู่บนเตียงก็เปิดรับวิวด้านนอกได้ด้วย นอกจากนั้นยังออกแบบความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานของทุกห้องนอนอยู่ที่ 2.70 เมตร ช่วยสร้างบรรยากาศโปร่งสบายภายในห้องได้ดี

บริเวณด้านข้างของพื้นที่เตียงนอนจะเป็นพื้นที่ตั้งตู้เสื้อผ้ายาวไปจนถึงบริเวณด้านหน้าของ Master Bathroom เลยนะคะ ซึ่งความสูงของฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.45-2.50 เมตร เนื่องจากทางโครงการได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type จึงมีความสูงฝ้าเพดานที่ลดลงนิดหน่อยค่ะ

Image 1/3
พื้นที่ตู้เสื้อผ้า

พื้นที่ตู้เสื้อผ้า

ทางโครงการออกแบบพื้นที่ด้านข้างเตียงนอนเหมาะทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนังเหมือนทางห้องตัวอย่าง พร้อมตั้งเก้าอี้นั่งได้ด้วย รวมถึงบริเวณด้านหน้า Master Bathroom ก็มีพื้นที่ให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้อีกจุด มีพื้นที่ขนาด 1.90×2.10 เมตร ทำให้สามารถแบ่งพื้นที่แต่งตัวของพ่อ-แม่แยกกันคนละจุดได้เลย ซึ่งนอกจากจะทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าแล้ว ทางห้องตัวอย่างก็ได้ตกแต่งเป็นโต๊ะแต่งหน้า ทำให้แต่งหน้าแต่งตัวตรงบริเวณนี้ได้สะดวกเลย

Image 1/4
Master Bathroom

Master Bathroom

Master Bedroom มีขนาดประมาณ 1.90×4.70 เมตร โดยออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้เป็นสัดส่วน พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER และ ENGLEFIELD ส่วนวัสดุปูพื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร ที่สามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย แต่สำหรับห้องน้ำนี้จะไม่ได้มีช่องหน้าต่างมาให้นะคะ ทางโครงการจึงติดตั้งเป็นพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำแทนก็ช่วยลดความชื้นภายในห้องน้ำได้เหมือนกันค่ะ

Image 1/6
Master Bathroom

Master Bathroom

ทางโครงการติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเหมือนห้องตัวอย่างเลยนะคะ โดยออกแบบเคาน์เตอร์อ่างล้างมือแบบ His & Her พร้อมตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือและตู้เก็บของบานกระจกที่ติดตั้งไฟส่องสว่างมาให้ ส่วนโถสุขภัณฑ์ของ Master Bathroom จะเป็นแบบ Washlet จาก American Standard ที่สามารถใช้งานได้ง่าย

พื้นที่อาบน้ำมีความกว้างประมาณ 1.15 เมตร พร้อมติดตั้งฝักบัวแบบ Hand และ Rain Shower มีเจาะช่องผนังวางของได้ รวมถึงติดตั้งฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้เรียบร้อย ทำให้น้ำไม่กระเด็นไปเลอะบริเวณอื่นด้วย สำหรับ Master Bathroom นี้ก็จะได้อ่างอาบน้ำแบบฝัง มีความยาวประมาณ 1.50 เมตร มาให้เหมือนห้องก่อนหน้านี้เลย ทำให้เราสามารถนอนแช่น้ำผ่อนคลายได้สบายๆค่ะ

Image 1/2
ห้องนอนรอง 2

ห้องนอนรอง 2

ต่อมาเราจะพามาดูห้องนอนรองทั้ง 2 ห้องกัน แต่เราขอเริ่มจากห้องนอนรอง 2 ที่อยู่ติดกับ Master Bathroom กันก่อนนะคะ โดยมีขนาด 2.70×3.65 เมตร แต่ทางบ้านตัวอย่างได้ตกแต่งให้เป็นไอเดียนำไปปรับใช้กัน โดยจัดเป็นห้องทำงานส่วนตัวนั่นเอง ซึ่งเราสามารถใช้เป็นห้องนอนได้นะคะ เพราะมีพื้นที่วางเตียง 5 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียงและแขวนทีวีตรงปลายเตียงได้สบายๆ ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างตั้งตู้เสื้อผ้าได้ด้วยค่ะ

Image 1/5
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 2

ห้องนอนรอง 2 ก็มีห้องน้ำในตัว ทำให้ใช้งานได้สะดวก มีขนาดประมาณ 1.50×2.60 เมตร ออกแบบเหมือนกับห้องน้ำอื่นๆเลย ทั้งเลือกปูพื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตร ที่สามารถดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่าย โดยออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้ชัดเจน พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER และ ENGLEFIELD

ทางโครงการติดตั้งเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ พร้อมตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือและมีตู้เก็บของบานกระจกที่ติดตั้งไฟส่องสว่างมาให้ด้วย ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.95×1.50 เมตร ติดตั้งฝักบัวแบบ Hand- Rain Shower และฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้เรียบร้อยค่ะ

ตอนนี้เราพามาดูห้องนอนรอง 1 ที่ออกแบบแยกฝั่งกับห้องนอนอื่นๆกันนะคะ โดยจะตั้งถัดจากพื้นที่นั่งเล่นนั่นเอง

Image 1/3
ห้องนอนรอง 1

ห้องนอนรอง 1

ห้องนอนรอง 1 มีขนาดประมาณ 3.25×5.30 เมตร สามารถวางเตียง 6 ฟุต, โต๊ะข้างเตียง, ชั้นวางทีวี และเก้าอี้นั่งเล่นในห้องได้ด้วย รวมถึงออกแบบหน้าต่างกระจกเข้ามุมเหมือน Master Bedroom เปิดรับและวิวได้กว้างค่ะ

Image 1/3
พื้นที่ตู้เสื้อผ้า

พื้นที่ตู้เสื้อผ้า

บริเวณทางเข้าของห้องนอนรอง 1 มีพื้นที่ทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าเต็มผนังเหมือนห้องตัวอย่างได้เลย รวมถึงติดบานกระจกขนาดใหญ่ไว้สำหรับส่องเช็กความเรียบร้อยได้ ซึ่งเราสามารถแบ่งพื้นที่บางส่วนสำหรับน้องแมวได้นะคะ จะได้มีพื้นที่นอนเล่น ตั้งคอนโดแมว ที่เก็บของเล่นของใช้ของน้องแมวด้วย ส่วนห้องน้ำของห้องนอนรอง 1 จะอยู่ติดกับประตูเข้าห้องเลยค่ะ

Image 1/5
ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1

ห้องน้ำของห้องนอนรอง 1 มีขนาดประมาณ 1.50×2.60 เมตร ออกแบบเหมือนห้องน้ำของห้องนอนรอง 2 ค่ะ ออกแบบแบ่งโซนแห้ง-เปียกไว้เป็นสัดส่วนเลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER และ ENGLEFIELD

โดยติดตั้งเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ พร้อมตู้เก็บของใต้อ่างล้างมือและมีตู้เก็บของบานกระจกที่ติดตั้งไฟส่องสว่าง บริเวณพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.95×1.50 เมตร ติดตั้งฝักบัวแบบ Hand- Rain Shower และฉากกั้นกระจกอาบน้ำมาให้เรียบร้อย ส่วนวัสดุปูพื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน Matt สี Beige ขนาด 60×60 เซนติเมตรค่ะ

แบบแปลน

หลังจากเราพาไปดู 2 Bedroom 2 Bathroom (Type 2A) และ 3 Bedroom 3 Bathroom 1 Powder Room กันมาแล้ว ยังมีห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom อีก 2 Layouts ให้เลือกด้วยนะคะ โดยตำแหน่งห้องจะหันไปทางฝั่งทิศตะวันออก บริเวณด้านหน้าโครงการนั่นเอง

ความแตกต่างของ Type 2B และ 2C คือ Type 2B จะอยู่ที่ชั้น 2-3 ออกแบบมีพื้นที่ระเบียงตรง Common Area อยู่ด้านข้างห้อง ส่วน Type 2C จะได้ระเบียง 2 จุดทั้งบริเวณ Common Area และ Master Bedroom รวมถึงระเบียงตรง Common Area จะหันไปด้านหน้าโครงการ จึงได้พื้นที่ภายใน Common Area ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นค่ะ

Type 2B : 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 88.50 ตร.ม.

Type 2C : 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 89.75 – 90.00 ตร.ม.

ราคา

PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) ราคา ณ วันที่ 23 กันยายน 2567

  • 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 86.00 – 90.00 ตร.ม. เริ่ม 10.9 ล้านบาท*
  • 3 Bedroom 3 Bathroom 1 Powder Room ขนาด 136.75 – 137.50 ตร.ม. เริ่ม 17.5 ล้านบาท*

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร
  • เคาน์เตอร์ครัว Top Counter หินสังเคราะห์ / Hob, Hood และ อ่างล้างจาน จาก MEX
  • สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ จาก KOHLER และ ENGLEFIELD
  • เครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type และ Wall Type
  • ค่าจอง 2 Bedroom 50,000 บาท และ 3 Bedroom 100,000 บาท
  • ค่าทำสัญญา 2 Bedroom 50,000 บาท และ 3 Bedroom 100,000 บาท
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 98 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

โครงการตั้งอยู่ตั้งอยู่บนทำเลเพชรบุรีที่ถือเป็นทำเลในกลางเมืองเชื่อมต่อไปยังย่านธุรกิจสำคัญต่างๆได้สะดวก โดยอยู่ในซอยพระราม 9 ซอย 26 ที่เป็นซอยย่อยของซอยศูนย์วิจัย สามารถเดินทางไป 3 ถนนหลักทั้งถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 และถนนประดิษฐ์มนูธรรมได้ อีกทั้งมีทางลัดและซอยเล็กๆมากมายช่วยเลี่ยงเส้นทางรถติดด้วย บรรยากาศภายในซอยเป็นที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยวดั้งเดิม อพาร์ทเม้นท์และโรงแรม ทำให้ค่อนข้างเงียบสงบ แตกต่างกับคอนโดมิเนียมโซนข้างเคียงอย่างที่ติดถนนเพชรบุรี โซนทองหล่อ-เอกมัยและพระราม 9 ที่มีความคึกคักสูง

สำหรับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการมีความเจริญค่อนข้างมาก มีร้านค้า ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้ออยู่ตลอดแนวถนนเพชรบุรี หรือจะไปทางย่านทองหล่อ-เอกมัยก็อยู่ไม่ไกล ตรงเส้นสุขุมวิทก็มีห้างใหญ่ๆ เช่น EmQuartier, Emporium, Emsphere, Terminal 21 และ Gateway เอกมัย เป็นต้น รวมถึงมีโรงพยาบาลและสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่ง อย่างใกล้ๆโครงการจะมีรพ.กรุงเทพ ที่ห่างจากโครงการเพียง 1.0 กิโลเมตรค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

เหมาะกับคนที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก เพราะสามารถขับทะลุไปได้ 3 เส้นทางหลักทั้งถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 และถนนประดิษฐ์มนูธรรม รวมถึงมีซอยให้ลัดเลาะเยอะ ใกล้ทางพิเศษศรีรัชเพียง 2.1 กิโลเมตร สำหรับที่จอดรถมีทั้งหมด 24 คัน คิดเป็น 133%

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

โครงการตั้งอยู่ในซอยย่อยที่ไม่มีรถสาธารณะผ่านไปมา สามารถเดินออกมาตรงแถวรางรถไฟจะมีจุดบริการวินมอเตอร์ไซค์ให้เรียกได้ รวมถึงมีรถแท็กซี่ผ่านไปมาด้วยเหมือนกัน โดยอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 550 เมตร ถึงแม้จะอยู่ในระยะที่เดินได้แต่ก็ไม่ค่อยสะดวก เพราะไม่มีทางเท้า ต้องข้ามถนนและทางรถไฟ ประกอบกับปริมาณรถที่มารพ.กรุงเทพก็ค่อนข้างเยอะ ช่วงกลางคืนบรรยากาศก็ค่อนข้างเงียบเพราะส่วนใหญ่เป็นบ้านส่วนบุคคล รวมทั้งที่ตั้งโครงการนั้นไม่ได้อยู่ในระยะของรถไฟฟ้าจึงต้องต่อรถเพื่อขึ้นรถไฟฟ้าทั้ง MRT สถานีเพชรบุรีหรือ BTS ทองหล่อ แต่ปัจจุบันสามารถเรียกรถผ่าน Application ได้แล้ว จึงช่วยให้เดินทางบนทำเลสะดวกมากขึ้นค่ะ

วัสดุ :

โครงการขายแบบ Fully Fitted จึงตกแต่งได้ตามความชอบ แต่ก็มี Furniture Package ให้เลือกซื้อเพิ่มเติมได้เหมือนกัน ทางโครงการเลือกใช้วัสดุเหมาะกับการใช้งานในแต่ละส่วน พื้นห้องเป็น SPC ลายไม้ หนา 5.5 มม. พื้น Foyer, ห้องครัวและห้องน้ำเป็นกระเบื้องพอร์ซเลน ส่วนพื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิก ทำความสะอาดได้ง่าย ตัวประตูทางเข้าห้องติดตั้ง Digital Door Lock จาก Igloohome, Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย Top Counter เป็นหินสังเคราะห์ ติดตั้ง Hob, Hood และ อ่างล้างจาน จาก MEX และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก KOHLER และ ENGLEFIELD พร้อมเครื่องปรับอากาศแบบ Conceal Type และ Wall Type

การออกแบบ :

เน้นความเป็นส่วนตัวสูง เป็นโครงการขนาดเล็กมีเพียง 18 ยูนิต เพื่อนบ้านในโครงการน้อยไม่พลุกพล่าน ส่วนการออกแบบโครงการแยกโซนลูกบ้านและบุคคลภายนอกชัดเจนทั้งห้องขยะและ Grab & Go Area อยู่ด้านหน้าโครงการ ทำให้บุคคลภายนอกไม่ต้องเข้ามาในโครงการเลย รวมถึงการเข้าถึงตัวอาคารทุกจุดใช้ระบบ Face Scan นั่นเอง ส่วนห้องพักก็ออกแบบไม่โดนบังวิวและแต่ละชั้นมีเพียง 3 ยูนิตเท่านั้นจึงได้ความเป็นส่วนตัวดี รวมถึงเป็นคอนโด Cat Allowed ที่เลี้ยงได้เฉพาะน้องแมวด้วย

รูปแบบห้องพักอาศัยในโครงการจะเน้นเป็นห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ มีให้เลือกทั้ง 2-3 Bedroom จึงสามารถอยู่เป็นครอบครัวได้สบายๆ เน้นบรรยากาศภายในห้องโปร่งสบาย ด้วยความสูงฝ้า 2.70 เมตร และกระจกยาวตลอดแนวผนัง รวมถึงมีหน้าต่างกระจกเข้ามุมในทุกยูนิต เปิดรับแสงและวิวได้กว้าง ส่วนภายในห้องจัดฟังก์ชันลงตัว มี Common Area ขนาดใหญ่ ทุกห้องนอนได้ห้องน้ำในตัว แต่ที่เราชอบและไม่เคยเห็นในโครงการอื่นมาก่อนคือ 2 Bedroom ที่ได้ Foyer 2 จุดและประตู 2 ชั้น ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยและความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึง Extra Storage Room ห้องเก็บของที่แยกจากห้องพักอาศัยด้วย

สาธารณูปโภค :

เนื่องจากโครงการมีขนาดเล็กจึงไม่มีส่วนกลางให้ใช้งานมากนัก โดยชั้น 1 มี Welcome Space, Mailbox และ Grab & Go Area รองรับเทรนด์การใช้ชีวิตแบบใหม่ ส่วนชั้นดาดฟ้าเป็น Rooftop Garden ประกอบด้วย BBQ Area, Seat Wall และ Wash Station สำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ด้วยจำนวนยูนิตภายในโครงการที่น้อยจึงมีจำนวนเพื่อนบ้านแชร์ค่าส่วนกลางที่น้อยไปด้วย ทำให้มีค่าส่วนกลางอยู่ที่ 98 บาท/ตร.ม.

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 135,000 บาท/ตร.ม., 23 กันยายน 2567

  • ทำเล 7.50/10 – อยู่ใกล้เส้นเพชรบุรีในซอยศูนย์วิจัย เงียบสงบไม่พลุกพล่าน ใกล้รพ.กรุงเทพ
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก เข้า-ออกได้ 3 ถนนหลัก ใกล้ทางพิเศษศรีรัช
  • ไม่ใช้รถ 7/10 – ห่างจากถนนเพชรบุรีประมาณ 550 เมตร แต่สามารถเรียกรถผ่าน Application ได้
  • วัสดุ 8.25/10 – Fully Fitted วัสดุเหมาะกับราคาและการใช้งาน
  • แบบ 9/10 – เน้นความเป็นส่วนตัวสูงและบรรยากาศโปร่งสบาย เลี้ยงแมวได้ ห้องพักหน้ากว้างขนาดใหญ่ จัดฟังก์ชันลงตัว
  • สาธารณูปโภค 7/10 – มีส่วนกลางให้ใช้งานไม่มากนัก แต่มีพื้นที่ของสัตว์เลี้ยงและที่จอดรถ 133%

  • UPPER CLASS
  • 7.68 / 10.00

PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) เหมาะกับใคร

โครงการ PYNN Soonvijai (พินน์ ศูนย์วิจัย) เหมาะกับคนที่ทำงานในรพ.กรุงเทพหรือคนมองหาคอนโดในเมืองเน้นความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ได้ใช้พื้นที่ส่วนกลางมากนัก อยู่บนทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวก ใช้รถเป็นหลัก บรรยากาศรอบโครงการไม่พลุกพล่าน มียูนิตน้อย แบบห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ 2-3 Bedroom จัดฟังก์ชันลงตัวและสามารถเลี้ยงแมวได้ มีงบเริ่มต้นประมาณ 10.9-17.5 ล้านบาท* หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 65,400-122,500 บาท/เดือน

ตัวอย่างโครงการโดยรอบบนทำเลเดียวกัน 

Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่