รีวิวโครงการ

คอนโดเพนท์เฮาส์ราคา 45 ล้าน | Park Court Sukhumvit 77

12 มีนาคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1806 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราพามาชมโปรเจ็ค Niche Market น่าสนใจอย่าง Park Court สุขุมวิท 77 หมู่คอนโด Low Rise ที่มียูนิตต่อชั้นเพียง 2 ยูนิต มีแต่ห้อง 3 Bedroom ขนาดกว่า 280 ตร.ม. บนเนื้อที่ดิน 7 ไร่กว่า ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ใน T77 Community ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท

Fact @ 14 February 2019

  • Part Court Sukhumvit 77 (พาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77)
  • บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยสุขุมวิท 77 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา
  • คอนโด Low Rise 7 ชั้น 5 อาคาร 70 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 2 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 146 คันคิดเป็น 208%
  • ที่ดินประมาณ 7-2-82.4 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  กรกฎาคม 2016
  • แล้วเสร็จเมื่อ  : ธันวาคม 2017
  • 3 Bedroom 282.03 – 287.21 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 45 ล้านบาท / หรือเฉลี่ยตร.ม.ละ 159,557 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 160,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center  : 1622

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.714592, 100.603341

ที่ตั้งของโครงการ Park Court สุขุมวิท 77 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 77(อ่อนนุช) เป็นหนึ่งในคอนโดมิเนียมภายในโครงการ T77 Community  การเดินทางโดยใช้รถยนต์ถือสะดวกทีเดียวเพราะทางเข้า-ออกอยู่ติดถนนหลักอย่างอ่อนนุช ถ้าจะเข้าเมืองใช้ถนนสุขุมวิทไปเอกมัย ทองหล่อ อโศกก็ไม่ไกลมาก หรือจะไปสีลมก็ตัดเข้าถนนพระราม 4 ได้

อีกจุดนึงที่สำคัญจะมาเสริมการเดินทางโดยใช้รถคือ มีถนนส่วนบุคคลของแสนสิริที่ตัดผ่านกลุ่มโครงการ T77 community ไปทะลุโผล่ออกซอยปรีดีพนมยงค์ 2 และซอยสุขุมวิท 71 ได้ หรือสามารถใช้ขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ที่สามารถไปพระราม 9 ศรีนครินทร์  และจุดขึ้นทางด่วนอีกจุดที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการมากนัก เป็นทางด่วนเฉลิมมหานครจะอยู่ตรงซอยสุขุมวิท 62 ประมาณ 4 กม. ไปได้หลายที่ทั้งพระราม 9, รัชดา เป็นต้น โดยรวมแล้วการเดินทางโดยรถยนต์จัดว่าโอเคเลยนะคะ แต่ปัญหาของแถวนี้คือในช่วงเวลาเร่งด่วนรถมักจะติดพอสมควร แม้แต่บนทางด่วนก็ติดเช่นกันค่ะ ควรจะต้องเผื่อเวลากันไว้หน่อยนะคะ

พูดถึงความสะดวกในการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว ก็ต้องพูดถึงเรื่องที่จอดรถ ซึ่งเป็นสิ่งคู่กัน เพราะทำเลดีเดินทางสะดวกแต่ไม่มีที่ให้จอดรถก็ไม่ใช่ว่าจะดีนะคะ ซึ่งที่นี่จัดมาเยอะทีเดียวค่ะ ถึง 208% แบบไม่รวมซ้อนคัน เรียกว่าแทบจะไม่เห็นในจำนวนที่จอดรถที่ให้เยอะเท่านี้ในโครงการคอนโดมิเนียม Segment เดียวกันแล้วนะคะ ที่ได้เปอร์เซ็นเยอะขนาดนี้เนื่องจากจำนวนยูนิตโครงการน้อยเพียง 70 ยูนิต ประกอบกับห้องของที่นี่ขนาดใหญ่ 3 Bedroom เท่านั้น ดังนั้นแต่ละยูนิตก็น่าจะมีรถเกิน 1 คันอยู่แล้ว การจัดที่จอดรถมาให้ 208% ก็น่าจะตอบโจทย์การใช้งานจริงได้ดีค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์อาจจะต้องต่อรถหลายต่อหน่อย เนื่องจากตัวโครงการอยู่ในซอยลึกพอสมควรประมาณ 800 ม. ซึ่งโครงการก็อำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านโดยจะมี Shuttle Service บริการรับ-ส่งภายใน T77 เรียกให้ไปส่งหน้าปากซอยและเรียกรถสาธารณะต่ออีกได้ค่ะ

และต้องบอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ส่วนบุคคล (T77 community ) ซึ่งมีการเก็บค่าผ่านทางรถยนต์ 20 บาท และจักรยานยนต์ 10 บาท จากทางขึ้นสะพานแสนสำราญที่ทางแสนสิริทำขึ้นจนถึงทางเข้า-ออกด้านหลังตรงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เพราะฉะนั้นรถที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้เส้นทางนี้คงไม่ได้วิ่งผ่าน เราต้องออกมาเรียก Taxi และวินมอไซค์ด้านนอกแต่ออกมาตรง The Base77 และ Blocs ก็มีทั้งรถเมล์ สองแถว Taxi และวินมอเตอร์ไซค์ให้เลือก

ในด้านความอุมสมบูรณ์ ที่ใกล้ที่สุดจะเป็น Habito เป็น Community mall โดยห่างจากโครงการประมาณ 400 m. มี 7-11 ร้านกาแฟ ร้านอาหารให้เลือกพอสมควร ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบเส้นสุขุมวิท 77 (อ่อนนุช) นี่ใครเคยผ่านมาพอจะทราบว่าริมฟุตบาททางเดินนี่คึกคักมากๆหาของกินง่าย ร้านค้า ร้านอาหาร เครื่องดื่มต่างๆมีมากมาย ใกล้ๆมีตลาดอ่อนนุช, เยื้องๆตรงข้ามโครงการมี BigC, ในกลุ่มโครงการแสนสิริมีคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง Habito, ออกไปถนนใหญ่สุขุมวิทตรงสถานี BTS จะมี Tesco Lotus และ Century อ่อนนุช

การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นกันที่ถนนสุขุมวิท ช่วงบริเวณหน้าถนนสุขุมวิท 71 ขับมุ่งหน้าไปทางอ่อนนุช หลังจากข้ามคลองพระโขนงมาแล้วชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าถนนอ่อนนุช หรือสุขุมวิท 77 จากนั้นตรงเข้ามาประมาณ 350 ม. เยื้องกับ Big C และเลยตลาดอ่อนนุชมาหน่อยก็จะเห็นทางเข้าโครงการ T77 Community ให้เลี้ยวเข้าและตรงเข้ามาประมาณ 800 ม. ผ่าน Habito และ Bangkok Prep ก็จะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ฝั่งขวามือค่ะ

เริ่มต้นเส้นทางบนถนนสุขุมวิทบริเวณพระโขนงก่อนข้ามคลองพระโขนงไปยังอ่อนนุชนะคะ

ขับตรงขึ้นสะพานมาฝั่งซ้ายมือจะเห็นจุดขึ้นทางด่วนฉลองรัช ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางด่วนที่ใกล้กับโครงการ

ขับข้ามสะพานมาแล้วให้ชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิท 77 หรือถนนอ่อนนุช

บรรยากาศช่วงตอนต้นของถนนอ่อนนุชส่วนใหญ่เป็นตึกแถวเรียงรายกันไป มีความคึกคักสูงทั้งร้านค้าและร้านอาหาร ราคาย่อมเยา

บรรยากาศบนฟุตบาทจะมีร้านขายของทั้งของกินของใช้ ให้เลือกจับจ่ายกันตลอดแนวเส้นทาง

ถัดมาหน่อยเราจะเห็น Big C Extra เป็น Hyper Market ขนาดใหญ่ไว้ให้ซื้อของใช้ ของสด กับมาทำอาหารที่บ้านได้

เยื้องๆ กันเป็นตลาดสดอ่อนนุช ตลาดขนาดใหญ่ในย่านนี้และนับว่าใกล้กับโครงการมากที่สุดนะคะ

ด้านในตลาดก็มีขายทั้งอาหารสด อาหารแห้ง แบบตลาดสดทั่วไปค่ะ โดยตลาดนี้จะเปิดขายตั้งแต่เช้าไปจนถึงช่วงเย็นๆ เลย

ถัดจากตลาดมาหน่อยก็จะเป็นทางเข้า T77 Community แล้วนะคะ

สำหรับ T77 Community นี้จะมีการเก็บค่าผ่านทาง แต่ทั้งนี้เมื่อเป็นลูกบ้านในโครงการ T77 จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่วนคนภายนอกมีค่าผ่านทาง 30 นาทีแรก รถยนต์ 20 บาท/เที่ยว จักรยานยนต์ 10 บาท/เที่ยว ถ้าเกิน 30 นาทีคิดค่าจอดรถชั่วโมงละ 100 บาท เศษของชั่วโมงคิดเป็น 1 ชั่วโมง โดยขาเข้าจะต้องรับบัตร จ่ายเงินตอนขาออก

ผ่านป้อมยามเข้ามาจะเจอสะพานแสนสำราญที่ทางแสนสิริสร้างขึ้น เพื่อข้ามคลองพระโขนงไปยังพื้นที่อีกฝั่งของแสนสิริ สะพานเป็น 2 เลนรถวิ่งสวนกัน มีทางเดินเท้าให้ทั้ง 2 ฝั่งและมีราวแยกถนนกับทางเดินเรียบร้อย มีไฟริมราวสะพานให้ด้วย ตอนกลางคืนเปิดไฟสวยน่าใช้

คลองที่เห็นเป็นคลองพระโขนงค่ะ คลองนี้จากการลงพื้นที่แล้ว จัดว่าเป็นคลองที่ไม่มีกลิ่นนะคะ แต่อาจจะมีบ้างเป็นบางช่วงเวลาที่เปิดทางกั้นน้ำเพื่อระบายทางเดินน้ำออกเป็นบางครั้ง

เริ่มลงสะพาน ด้านขวามือเป็น Habito คอมมูนิตี้มอลล์ที่ทางแสนสิริสร้างเสร็จแล้ว จะเห็นว่าลูกบ้านที่อยู่โครงการด้านใน (หนึ่งในนั้นคือ Park Court สุขุมวิท 77) จะมีรถกอล์ฟรับส่งจากโครงการไปที่ปากซอยสุขุมวิท 77 (อ่อนนุชด้วย)

บรรยากาศภายใน Habito มีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ให้มานั่งเล่นได้ จากโครงการถึง Habito สามารถเดินมาหรือจะขี่จักรยานชิลๆ มาก็ได้นะคะ

จาก Habito มาแล้วก็จะเจอทางแยก ให้เลี้ยวขวาค่ะ

ผ่าน Dental Hospital หรือโรงพยาบาลทันตกรรมใน T77 เลย

ตรงมาอีกหน่อยผ่านโรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep จัดเป็นโรงเรียนที่ใกล้โครงการมากที่สุด เดินมาเรียนได้เลยค่ะ

จากนั้นตรงมาอีกหน่อยก็จะเห็นป้ายหน้าโครงการแล้วนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโครงการ Park Court สุขุมวิท 77 ส่วนใหญ่อยู่ติดคลองพระโขนง ได้วิวและบรรยากาศโครงการริมคลอง ฝั่งตรงข้ามเป็นวัดใต้และคอนโดมิเนียม ส่วนฝั่งที่ติดกับโครงการเลยจะมีคอนโดมิเนียม Low Rise 2 โครงการ อย่าง Hasu Haus และ Mori Haus ส่วนในอนาคตอาจจะมีโครงการเพื่อนบ้านเพิ่มอีกไม่เกิน 2 โครงการค่ะ

จากภาพแสดงตำแหน่งของอาคารข้างเคียงที่ติดกับโครงการ ตามทิศได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ ด้านหน้าติดกับ Mori Haus
  • ทิศตะวันออก ติดกับ Hasu Haus
  • ทิศใต้ ติดกับ คลองพระโขนง
  • ทิศตะวันตก ติดกับ พื้นที่ว่าง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Habito ประมาณ 200 m
  • 7-11 ซอยปรีดีพนมยงค์ 2 ประมาณ 650 m
  • Big C Extra ประมาณ 800 m
  • ตลาดอ่อนนุชประมาณ 850 ม.m
  • โลตัสอ่อนนุช ประมาณ 1.5 km
  •  BTS อ่อนนุช ประมาณ 1.5 km
  • โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ประมาณ 2.4 km
  • Gateway เอกมัย ประมาณ 2.5 km
  • เมเจอร์เอกมัย ประมาณ 2.6 km
  • โรงพยาบาลสุขุมวิท ประมาณ 3.4 km


เจาะลึกตัวโครงการ

เรามาดู Master Plan กันก่อนนะคะ สำหรับโครงการ Park Court สุขุมวิท 77 นี้เป็นคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น ทั้งหมด 5 อาคาร แต่จะมีการแบ่งรูปแบบการขายเป็น 2 แบบ คือ อาคาร A และอาคาร D เป็นอาคารซื้อเพื่ออยู่อาศัย (เป็นเจ้าของ) ส่วนอาคาร B, C และ E เป็นอาคารปล่อยเช่า โดยผู้บริหารดูแลการเช่าต่างๆ จะเป็นทางบริษัท Plus Property

ดังนั้นต้องบอกบรรยากาศการอยู่อาศัยของโครงการนี้จะมีความแตกต่างจากคอนโดมิเนียมอื่นๆ ที่มีรูปแบบการซื้อเพื่ออยู่อาศัยอย่างเดียวนะคะ เพราะจะมีลูกบ้านส่วนนึงที่ไม่ได้อยู่ประจำร่วมอยู่ด้วย แต่ก็แลกมากับการที่ทางโครงการเองก็จะมีการดูแลรักษาบรรยากาศโครงการอย่างดีเพื่อให้มีแขกมาเช่าอยู่เสมอ รวมไปถึง Service ต่างๆ ที่ทางโครงการมีให้สำหรับลูกบ้านที่เช่าอยู่ ทางลูกบ้านที่ซื้อเพื่ออยู่ก็สามารถไปติดต่อเพื่อใช้ได้ แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ในส่วนการจัดวางผังอาคารทำออกมาได้น่าสนใจนะคะ เนื่องจากที่ดินโครงการที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต จึงได้พื้นที่สีเขียวกว่า 2 ไร่ พร้อมกับการวางตำแหน่งอาคารให้ไม่บังกันเองและหันหน้าไปทาง Facilities ทั้งหมด + ได้วิวคลองพระโขนงอีกด้วย

สำหรับ Facilities ส่วนกลางนี้อยู่ชั้น Ground ทั้งหมด โดยตั้งใจให้บรรยากาศส่วนนี้เหมือนอารมณ์ Resort โดยประกอบด้วยพื้นที่สวน, Multi-Purpose Room, Fitness, Swimming Pool และ Playground

เรามาดูกันอาคารและบรรยากาศจริงกันเลยนะคะ เริ่มต้นที่หน้าโครงการนี้ตั้งแต่ทางเข้าเลยถนนจะปูด้วย Concrete Stamp ทั้งหมด ด้านข้างจัดเป็นพื้นที่สวนเล็กๆ ดูเขียวสบายตา

สำหรับถนนทางเข้านี้จะแบ่งเป็นขาเข้า-ออก โดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อน และรั้วล้อเลื่อนตามรูป ปกติเข้า-ออกด้วยระบบ Sticker นะคะ หากใครที่เป็น Visitor จะต้องแลกบัตรกับทางโครงการก่อน

ตรงเข้ามาภายในโครงการสิ่งแรกที่จะเห็นจะเป็นส่วน Drop-Off ก่อนนะคะ ไว้สำหรับรับ-ส่งลูกบ้านไปยัง Lobby หรือจะเลี้ยวซ้าย-ขวาไปยังที่จอดรถได้

ในส่วน Lobby ที่นี่มาแปลกกว่าที่อื่นๆ เลยนะคะ ส่วนใหญ่เราจะเห็น Lobby ใต้อาคาร และอยู่ Indoor แต่ที่นี่ด้วยความที่เน้นธรรมชาติ และต้องการให้เข้าถึงพื้นที่สีเขียวจึงทำส่วน Lobby เป็นรูปแบบ Semi-Outdoor

ด้านในจัดพื้นที่นั่งเล่นให้ 3 ฝั่งกว้างขวางสบายๆ

วิวจาก Lobby จะได้บรรยากาศ Resort แบบนี้เลยค่ะ คือมีทั้งบ่อน้ำตื้นเลี้ยงปลาคาร์ฟ และสวนสีเขียว ซึ่งในส่วน Lobby นี้จะไม่ร้อนเลย มีลมพัดผ่านสบายๆ ดีค่ะ และข้อดีต่อเนื่องสำหรับลูกบ้านคือ Lobby ที่เป็นแบบ Semi-Outdoor นี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ ช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าส่วนกลางแบบ Long term ได้

จาก Lobby เราเลี้ยวซ้ายมาดูบรรยากาศบนถนนภายในโครงการกันนะคะ โดยสำหรับลูกบ้านที่อยู่อาคาร D และ E ให้เลี้ยวซ้ายมาเพื่อเลี้ยวเข้าไปจอดรถใต้ดินของอาคารนั้นๆ นะคะ ส่วนลูกบ้านอาคาร A, B และ C ให้เลี้ยวขวาแทนค่ะ

บรรยากาศโดยรอบของถนนถือว่าร่มรื่นมากๆ นะคะ และจะมีที่จอดรถสำหรับ Visitor รองรับหลายช่องจอดทีเดียวค่ะ ทั้งนี้หากลูกบ้านมีรถมากกว่า 1 คันก็สามารถมาจอดบริเวณนี้ได้นะคะ

สำหรับใครที่จอดรถบริเวณนี้ก็สามารถเดินเข้าอาคารได้เลยนะคะ ต้องบอกว่าแต่ละอาคารในชั้น 1 จะไม่ได้มี Lobby ไว้รองรับนะคะ แต่เราสแกนบัตรเข้าไปก็จะเป็นโถงทางเดินเลย เดี๋ยวยังไงเราจะพาไปดูภายในอาคารหลังจากดูบรรยากาศรอบโครงการและ Facilities เสร็จแล้วนะคะ

สิ่งที่เราชื่นชอบบรรยากาศที่นี่มากๆ คือการออกแบบที่เป็นไปตาม Concept โครงการจริงๆ ที่ต้องการเน้นความร่มรื่น และการ Luxury ที่ไม่ใช่ในเชิงความหรูหรา แต่ Luxury ในเชิงที่มีพื้นที่ดิน มีธรรมชาติมาก จะเห็นว่า 2 ฝั่งทั้งริมรั้วและริมอาคารจัดสวนไม้พุ่มสลับกับต้นไม้ใหญ่ตลอดแนว

สำหรับห้องที่มีหันมาทางถนน และอยู่ในชั้นล่างสุดทางโครงการจะปลูกเป็นไม้พุ่มสูงเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกบ้านในชั้นนี้มากขึ้น

ลูกบ้านอาคาร D และ E หากจะจอดรถต้องเลี้ยวขวาระหว่างอาคารนี้นะคะ

ลักษณะที่จอดรถจะอยู่ใต้ดินอาคารอย่างที่บอกค่ะ ใครอยู่อาคารไหนให้จอดรถใต้ดินของอาคารนั้นๆ โดยที่จอดรถของลูกบ้านทุกยูนิตจะมีครบไม่ต้องหาที่จอดเลยค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยผ่านทางเข้าอาคาร E

จากนั้นก็จะสุดถนนโครงการฝั่งซ้ายมือแล้วนะคะ ซึ่งสุดทางนี้ทางโครงการจัดเป็นพื้นที่จอดจักรยานยนต์สำหรับเจ้าหน้าที่และพนักงานในโครงการนะคะ ส่วนของลูกบ้านนั้นทางโครงการมีจัดพื้นที่ไว้บริเวณที่จอดรถใต้อาคารเรียบร้อยค่ะ

ตรงมาบริเวณฝั่งขวาของ Lobby ก็จะเป็นพื้นที่จอดรถ Visitor สำหรับลูกบ้านอาคาร A, B และ C นะคะ แต่สำหรับส่วนที่จอดรถ Visitor ไม่ได้ Fix นะคะว่าต้องจอดแยกโซนกัน เพียงแต่ความสะดวกในการเดินไปยังอาคารง่ายกว่าเท่านั้น โดยจากภาพนี้เราเดินตรงมาจาก Drop-Off หน่อยเดียวก็จะเห็นทางเข้าอาคาร C อยู่ฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอทางลงไปยังส่วนที่จอดรถของอาคาร C นะคะ

จากนั้นเราเลี้ยวมาตามทางเลย บรรยากาศฝั่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบดีทีเดียวค่ะ ลูกบ้านในชั้น 1 ของอาคาร B ถือว่าได้ความเป็นส่วนตัวพอสมควร

และตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับทางเข้าอาคาร B นะคะ ซึ่งลักษณะการเปิดทางเข้าของอาคารฝั่งนี้ทั้ง 3 อาคารจะแยกตำแหน่งกันเด็ดขาดชัดเจนไปเลย อย่างอาคาร C ก็อยู่อีกฝั่ง อาคาร B ก็หันมาอีกฝั่ง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

ต้องบอกว่าการวางอาคารของที่นี่นอกจากออกแบบมาให้ไม่บังกันเองระหว่างอาคารภายในโครงการแล้ว ยังมีการบิดองศาที่ไม่ประจันหน้ากับคอนโดเพื่อนบ้านโดยตรงเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

และหลังจากเราผ่านทางเข้าอาคาร B มาแล้วสุดทางจะเป็นทางลาดลงนะคะ เพื่อไปยังอาคารจอดรถของอาคาร A และอาคาร B ค่ะ

สำหรับทางเข้าอาคาร A จะอยู่ด้านหลังแบบนี้เลย เรามองว่าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เมื่อเทียบกับอาคารก่อนหน้านะ

ตรงไปตามทางฝั่งซ้ายแยกไปที่จอดรถอาคาร B และฝั่งขวาแยกไปที่จอดของอาคาร A ค่ะ

ภายในที่จอดรถใต้อาคารทุกอาคารปรับพื้นถนนโดยทาด้วย Epoxy ดูสะอาดสวยงามดีทีเดียวค่ะ

สำหรับทุกช่องจอดของที่จอดรถจะติดเลขที่ห้องให้ เป็นการ Fix ที่จอดรถกลายๆ นะคะ แต่ต้องบอกว่าในส่วนของที่จอดนี้ไม่ได้อยู่ในโฉนด ดังนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ขึ้นอยู่กับนิติบุคคลต่อไป

อีกฝั่งนั้นจะเป็นทางเข้าในอาคารของชั้นใต้ดินนะคะ และจริงๆ ก็เรียกว่าเป็นทางเข้าหลักก็ว่าได้

นอกจากนี้ยังมีจัดพื้นที่ EV Charger ให้ด้วยนะคะ ซึ่งจะมีอาคารละ 2 จุดด้วยกัน รองรับสำหรับรถไฟฟ้าหรือจะเป็นรถ hybrid ก็ใช้ร่วมได้

สุดทางในแต่ละอาคารมีโซนสำหรับจอดจักรยานไว้ให้เรียบร้อยเลยค่ะ

สำหรับที่จอดรถทุกอาคารจะเชื่อมเข้ากับ Facilities ส่วนกลางได้นะคะ

นอกจากนี้ระหว่างอาคารเองก็มีการทำ Cover Way กันฝนไว้ให้เดินระหว่างกันได้

หลังจากดูส่วนที่จอดรถเสร็จแล้ว เราขึ้นมาดูบริเวณพื้นที่ส่วนกลางกันต่อนะคะ เริ่มต้นที่สวนกันเลยค่ะ

บรรยากาศบริเวณสวนนี้หลักๆ จะเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ มีทางเดินด้านข้างพร้อมต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้รอบๆ นะคะ สวนนี้เราสามารถมาเดินเล่นหรือจะพาน้องหมามาวิ่งเล่นก็ได้เช่นกัน หลายคนอ่านแล้วอาจจะสะดุดว่าคอนโดเอาน้องหมา/แมวมาเลี้ยงได้หรอ? สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการ Pet Friendly นะคะ อนุญาตให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ค่ะ

บริเวณริมคลองมีจัดพื้นที่นั่งเล่นไว้ให้ตลอดทางริมสวนนะคะ ไว้มานั่งเล่นใต้ร่มไม้ได้

และสำหรับลูกบ้านอาคาร D และ E ในส่วนระเบียงจะได้วิวสวนอย่างเต็มที่เลยค่ะ

ถัดจากสวนมาแล้วก็จะมีพื้นที่สำหรับมาเดินเล่นชมวิวคลองพระโขนงได้

บรรยากาศริมคลองพระโขนงได้บรรยากาศดีทีเดียวนะคะ และน้ำก็ไม่ได้เป็นน้ำเสียด้วย จึงไม่มีกลิ่นมาให้กังวลใจ

สำหรับฝั่งตรงข้ามคลองของโครงการจะเป็นวัดใต้และโรงเรียนวัดใต้ราษฎรนิรมิต

ถัดมานั้นจะเป็นห้อง Multi-Purpose การออกแบบจะเป็นห้องกระจกอยู่ตรงกลางระหว่างสวนและสระว่ายน้ำอีกฝั่ง เปิดรับวิวได้เต็มที่

ด้านข้างของห้องมีจัดพื้นที่นั่ง พร้อมกับเตา BBQ ไว้เผื่อลูกบ้านสามารถออกมานั่งปาร์ตี้สังสรรค์ได้

ภายในห้องนี้เป็นห้องโล่งนะคะ เพราะทางโครงการตั้งใจออกแบบไว้ให้เป็นห้องอเนกประสงค์ที่ทางลูกบ้านสามารถมาขอติดต่อเพื่อใช้งานได้หลากหลาย เช่น ทำเป็นห้องโยคะ ห้องประชุม ต่างๆ ได้

ถัดมาอีกโซนของพื้นที่ส่วนกลางกัน ตรงกลางระหว่างสวนและสระว่ายน้ำคั่นกลางด้วยบ่อปลาคาร์ฟ ซึ่ง Landscape จัดให้ทำเป็นสะพานข้ามตามในรูปเลย ได้บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ

บ่อปลาคาร์ฟนี้เป็นมุมที่เราชอบอีกมุมของโครงการเลยค่ะ ออกมานั่งดูปลาชิลๆ ก็ได้ความสงบอีกรูปแบบนึง ซึ่งต้องบอกว่าบรรยากาศแบบนี้ไม่ค่อยจะเห็นในคอนโดมิเนียมในเมืองนะคะ

และหันมาอีกฝั่งจะเห็นว่าบ่อปลาคาร์ฟนี้เชื่อมไปจนเกือบสุดที่ดินที่ติดกับคลองพระโขนงเลยค่ะ

ข้ามสะพานมาแล้วก็จะเป็นส่วนสระว่ายน้ำ Outdoor และห้อง Fitness ที่มีห้องน้ำอยู่ติดกันเลยนะคะ

สระที่นี่เป็นสระ Freeform มีความยาวพอสมควรเลยสามารถใช้ออกกำลังกายได้จริง

ซึ่งโดยรอบของสระว่ายน้ำนี้ก็จะล้อมรอบด้วยอาคาร A, B และ C นะคะ หลักๆ แล้วอาคารเหล่านี้ในชั้นล่างๆ หน่อยก็จะได้วิวสระเต็มที่ทีเดียว

ถัดมาหน่อยลักษณะทางเดินจะเป็นแบบลาดลงเพื่อเล่นระดับให้บรรยากาศมีความน่าสนใจมากขึ้นนะคะ และอีกอย่างคือเพื่อเชื่อมเข้ากับชั้นใต้ดินส่วนที่จอดรถด้วย

ซึ่งระดับพื้นนี้ก็จะมีสระเด็กอยู่ติดกับสระว่ายน้ำผู้ใหญ่นะคะ แต่แยกกันชัดเจนด้วยระดับที่ต่างกัน เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ

ติดกับสระว่ายน้ำจัดให้เป็นสนามเด็กเล่น โดยตั้งเครื่องเล่นเด็กๆ ไว้ให้ พร้อมปูหญ้าเทียมบริเวณโดยรอบสนามเด็กเล่น ช่วยกันกระแทกเวลาเด็กๆ วิ่งแล้วหกล้มได้ระดับนึง

ส่วนพื้นที่รอบๆ ที่ดินนั้นก็จัดให้เป็นพื้นที่สวนทั้งหมดเลยค่ะ ดูร่มรื่นดีมากๆ

เรากลับมาดูอาคาร Fitness และห้องน้ำส่วนกลางกันต่อนะคะ บริเวณหน้าห้องน้ำนี้มีทางฉากกั้นเพื่อบังสายตาจากคนภายนอกได้ระดับนึงให้ด้วย

เข้ามาด้านในแบ่งโซนเป็นพื้นที่อ่างล้างมือ ห้องน้ำ 2 ห้อง และห้องอาบน้ำ 2 ห้องเป็นสัดส่วน

ห้องน้ำนี้ออกแบบให้เป็นแบบฝ้าเพดานสูงด้วยนะคะ เลยได้ความโปร่งโล่งพอสมควรเลย

บรรยากาศภายใน Fitness ค่อนข้างโปร่งโล่งดีทีเดียวเลยนะคะ เพราะเป็นห้องกระจกเปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้ทั้ง 3 ทาง ส่วนภายในห้องว่าเครื่องออกกำลังให้เต็มห้องเลยค่ะ อยู่ที่ประมาณ 7-8 เครื่อง พร้อมโซน Weight Training

วิวหลักๆ จากห้อง Fitness จะหันไปทางฝั่งคลองพระโขนงและสระว่ายน้ำ ได้มองวิวขณะออกกำลังกายไปด้วยได้

สำหรับอาคารพักอาศัยนี้แต่ละชั้นจะมีการจัดวางเหมือนกันนะคะ คือ 1 ชั้น ต่อ 2 ยูนิตเท่านั้น เปิดมาจากลิฟต์โดยสารก็แบ่งเป็น 2 ห้องคนละฝั่งเลยค่ะ ทำให้ห้องพักอาศัยมีความเป็นส่วนพอสมควรเพราะมีผนังด้านเดียวที่ติดกับเพื่อนบ้านนะคะ

เรามาดูภายในอาคารกันต่อนะคะ เริ่มต้นที่ทางเข้าหลักจากส่วนที่จอดรถกันค่ะ

บริเวณหน้าประตูติดตั้งจุดสแกนบัตรไว้ให้สำหรับลูกบ้าน และมี VDO Door Phone สำหรับ Visitor ที่มาติดต่อลูกบ้านจะต้องกดเบอร์ห้องลูกบ้านเพื่อติดต่อเข้ามาในอาคารนะคะ

เข้ามาภายในก็จะเจอพื้นที่ Lobby เล็กๆ ก่อน โดยจัดเป็นโซฟานั่งเล่น 2 ที่นั่งไว้ให้

ถัดมาฝั่งซ้ายสุดของรูปจะเป็นส่วน Mail Box นะคะ ส่วนฝั่งขวานั้นมีบันไดหลักและลิฟต์โดยสาร 1 ตัว โดยใครที่อยู่ห้องชั้นล่างๆ เดินขึ้นบันไดก็สะดวกอยู่นะคะ ส่วนลิฟต์โดยสารถึงแม้จะมีอาคารละ 1 ตัว แต่ด้วยจำนวนยูนิตน้อยมากต่ออาคารทำให้ความหนาแน่นต่ำ อัตราส่วนลิฟต์ต่อห้องอยู่ที่เพียง 14 : 1 เท่านั้น

สำหรับพื้นที่ Mail Box จัดให้เป็นโซนชัดเจนนะคะ พร้อมทั้งมีป้ายประกาศติดด้านหน้า

ส่วน Highlight ที่น่าสนใจของอาคารพักอาศัยคือการที่โครงการจัดให้มีพื้นที่เก็บของให้กับทุกยูนิต ไว้สำหรับเก็บของต่างๆ หากห้องเก็บของภายในห้องตัวเองไม่พอ ซึ่งถือว่าดีมากๆ นะคะ แต่ในส่วนของห้องเก็บของนี้จะไม่ได้อยู่ในโฉนดนะคะ ถือเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่จัดมาให้ทุกคนใช้งานได้ ในเรื่องความคุ้มค่าถือว่าดีทีเดียว ในทางกลับกันก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังได้เช่นกัน

เข้ามาดูขนาดของห้องเก็บของถือว่าได้เยอะอยู่นะคะ สามารถเก็บของใหญ่ๆ ได้สบายเลย

ข้ามส่วนลิฟต์โดยสารมาอีกฝั่ง ตรงไปสุดทางจะเป็นห้องเก็บของอีกฝั่งและลิฟต์ Service

ลิฟต์ Service จะอยู่มุมในสุดนะคะ ไว้สำหรับขนของต่างๆ

กลับมาที่บรรยากาศภายในลิฟต์โดยสารนี้จะตกแต่งให้ดูหรูหราทีเดียวค่ะ แต่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักนะคะ และไม่ได้เป็นลิฟต์ล็อกชั้น เนื่องจากมีการสแกนบัตรมาตั้งแต่หน้าทางเข้าอาคารแล้ว

ขึ้นมาชั้น 1 จากลิฟต์โดยสารเราจะเจอกับประตูทางเข้าห้อง 2 ฝั่งเลยนะคะ ใครอยู่ฝั่งไหนก็เลี้ยวเข้าประตูฝั่งนั้นได้เลย ไม่ต้องเดินไกล

ส่วนบรรยากาศโถงทางเดินมีความกว้างขวางพอสมควรนะคะ

และสุดทางสำหรับชั้น G นั้นจะเป็นประตูทางเข้าอาคารจากส่วนถนนในอาคารนั่นเองค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ เป็นเป็นสระเด็ก และสระผู้ใหญ่
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ 2 ไร่
  • Multi-Purpose Room
  • EV Charger
  • ลิฟท์โดยสาร 1 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 14 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 146 คันคิดเป็น 208% (ไม่รวมซ้อนคัน)
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการนี้จะมีอยู่เพียงรูปแบบเดียวนะคะ คือห้อง 3 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 282.03 – 287.21 ตร.ม. โดยรูปแบบการขายของอาคาร A และ D นั้นจะมีความต่างอยู่ตรงที่ อาคาร A ขายในรูปแบบ Fully Fitted มีเฉพาะชุดเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in ให้ ไม่มี Furniture ลอยตัว ส่วนอาคาร D ขายแบบ Fully Furnished ให้ครบทุกอย่างรวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยนะคะ ซึ่งตั้งใจออกแบบมาให้ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวที่มีความชอบแตกต่างกันไป ใครชอบที่จะดีไซน์การตกแต่งห้องเองก็จะเหมาะกับอาคาร A ในขณะที่ใครที่ต้องการห้องพร้อมอยู่เลย และชอบสไตล์ที่โครงการตกแต่งให้แล้วอาคาร D จะคุ้มค่ากว่าค่ะ เนื่องจากเรทราคาทางโครงการบอกว่าไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่

มาดูที่ผังห้องกันนะคะ ต้องบอกว่าการจัดวางผังห้องพักอาศัยของโครงการนี้มีความแตกต่างจากห้องพักอาศัยทั่วไป ด้วยขนาดห้องที่เรียกว่าเทียบเท่ากับพื้นที่ใช้สอยของบ้านเดี่ยวแล้ว ทำให้มีพื้นที่สำหรับการจัดวางฟังก์ชันได้ครบครันเท่ากับบ้านเดี่ยวเลยค่ะ

สำหรับผังห้องนี้เราค่อนข้างชอบทีเดียวนะคะ โดยเฉพาะการจัดโซนการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ หลักๆ คือแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน

  1. Common Area : โดยประกอบด้วยพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่เชื่อมต่อกันติดกับระเบียงและกระจกที่หันไปทางพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ เปิดรับวิวธรรมชาติได้เต็มที่ พร้อมทั้งในโซนนี้ยังมีอีก 1 ห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดเป็นพื้นที่กึ่งส่วนตัวได้ เพราะจัดให้เป็นประตูเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้จัดเป็นแบบเปิดโล่ง หรือจะกั้นเป็นห้องก็ได้เช่นกันนะคะ และห้องนี้ยังมีห้องน้ำในตัวแยกจากห้องน้ำส่วน Common Area อีกด้วย
  2. Service : โซนนี้ออกแบบมาได้น่าสนใจทีเดียวนะคะ เริ่มต้นจากการแยกประตูทางเข้า-ออกแม่บ้านกับเจ้าของเป็นสัดส่วน ดังนั้นแม่บ้านสามารถเข้า-ออกห้องได้โดยใช้ประตูแยกไม่จำเป็นต้องใช้ประตูหลักอย่างเดียว เจ้าของสามารถล็อกประตูส่วนครัวได้ เพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นในช่วงกลางคืน ส่วนห้องครัวนี้ยังเชื่อมกับระเบียงซักล้าง และห้องนอน+ห้องน้ำแม่บ้านอีกด้วยนะคะ รูปแบบการจัดแบบนี้ส่วนใหญ่เราจะเห็นในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่กันนะคะ ซึ่งหากใครต้องการบรรยากาศแบบเดิมแต่เปลี่ยนการอยู่อาศัยมาในแนวคอนโดใกล้เมืองมากขึ้นโครงการนี้ก็ตอบโจทย์ดี
  3. ห้องนอน : โซนห้องนอนจะอยู่ด้านในสุดจากประตูทางเข้าห้อง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับโซนนี้มากขึ้น ห้องที่นี่มีให้ทั้งหมด 3 ห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัวทั้งหมด แต่ห้อง Master Bedroom จะได้ห้องน้ำที่พิเศษมากขึ้นคือมีอ่างล้างมือแบบ His & Her และอ่างอาบน้ำให้เป็นมาตรฐาน

เริ่มต้นกันที่หน้าประตูทางเข้ามีการแยกประตูทางเข้าออกเป็น 2 ประตู คือประตูเจ้าของบ้านและประตูสำหรับแม่บ้านนะคะ โดยประตูของเจ้าของบ้านนี้จะเป็นขนาด Oversize กว้าง 1.4 ม. วัสดุประตูเป็นไม้ Solid Core กรุแผ่นวีเนียร์ ส่วนวงกบใช้เป็นไม้เนื้อแข็งดูสวยงาม ส่วนประตูสำหรับแม่บ้านนั้นจะเป็นวัสดุ MDF มาตรฐาน

บริเวณประตูทางเข้าหลักนี้จะติดตั้ง Digital Door Lock จาก Samsung ให้เป็นมาตรฐานอีกด้วยนะคะ ซึ่งรุ่นนี้สามารถรองรับทั้ง Password, Keycard และกุญแจแบบมาตรฐานได้

เข้ามาภายในห้องนะคะ จะแบ่งการใช้งานเป็น 2 โซน  ฝั่งซ้ายมือจะเป็นส่วน Common area และอาจารย์ฝั่งขวามือของรูปนี้จะเป็นโซน Service โดยรูปที่เราเห็นนั้นจะเป็นในส่วนของ Pantry ค่ะ

เราขอย้อนกลับมาดูในส่วนของประตูทางเข้าหน้าห้องกันนะคะ ติดกับประตูนั้นจะมีการ Built in ตู้สำหรับเก็บของให้เป็นมาตรฐานโดยมีประตูปิดเรียบร้อยกันฝุ่นได้ สำหรับวัสดุที่ใช้จะเป็น MDF ทาสีขาวตามสีของผนัง

ด้านใน Built in ชั้นวางรองเท้าด้านล่างและตู้เก็บของด้านบน ดูเป็นสัดเป็นส่วนดีค่ะ

ก่อนที่จะไปดูในส่วนของ Common area นั้นเราจะพาไปดูในโซน service กันก่อนนะคะโดยด้านหน้าทางเข้าครัวนั้นจะเห็นโซน Pantry รูปแบบเคาน์เตอร์บาร์ก่อน สำหรับจัดเตรียมเครื่องดื่มและขนมเล็กๆ น้อยๆ และเป็นโต๊ะแบบ Breakfast สำหรับทานอาหารเร็วๆในช่วงเช้าหรือมานั่งดื่มเครื่องดื่มชิวๆก็ได้เหมือนกันนะคะ ด้านบนของ Pantry เป็นตำแหน่งของแอร์ที่ออกแบบมาในรูปแบบ Conceal ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น

รูปแบบของ Pantry ที่ได้เป็นมาตรฐานนี้ก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยนะคะ จะเห็นว่า Material หลักที่โครงการนำมาใช้จะเป็นลายไม้ และหิน ซึ่งเน้นวัสดุธรรมชาติ คุมสี Earthtone ตาม Concept โครงการ

ชุด Pantry แบ่งออกเป็น 2 โซนด้วยกัน ฝั่งซ้ายเป็นเคาน์เตอร์เตรียมอาหารและโต๊ะกินข้าวแบบ Breakfast ส่วนฝั่งขวานั้นเป็น Sink ล้างจาน และชั้นวางของต่างๆ พร้อมช่องว่างวางตู้เย็น ตรงกลางเป็นประตูทางเข้าในส่วนห้องน้ำส่วนกลางที่ไว้ใช้รับรองแขกหรือลูกบ้านที่ใช้งานบริเวณ Common Area นะคะ

สำหรับสเป็ควัสดุท็อปเคาน์เตอร์ครัวใช้หิน 2 เฉดสีด้วยกัน โดยฝั่งที่เป็นโต๊ะสูงแบบ Breakfast นั้นจะใช้เป็นหิน Quartz Clamshell ส่วนท็อปเคาน์เตอร์ด้านล่างจะเป็นหิน Quartz เช่นเดิมแต่เป็นลาย Emperadoro ค่ะ สำหรับบานเปิดนั้น หน้าบานใช้ไม้เนื้อแข็งสีดำกรุด้วยลามิเนต หลักการเปิดปิดหน้าบานจะให้ Soft Close เป็นมาตรฐาน

อีกฝั่งใช้วัสดุเดียวกันแต่ติดตั้งซิงค์สำหรับล้างจานเล็กๆได้ สวนผนังด้านหลังกรุด้วยกระจกเงาดำใส นอกจากเรื่องความสวยงามแล้วยังสามารถทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

ส่วนด้านบนของเคาน์เตอร์นั้นมีการกรุด้วยกระจกดำใส ด้านข้างบนพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นให้เรียบร้อย หากใครเลือกอยู่อาคาร D นั้นจะได้ตู้เย็นตามห้องตัวอย่างคือ Electrolux เป็นมาตรฐานด้วยนะคะ

ประตูทางเข้าห้องน้ำใช้เป็น MDF กรุด้วยลามิเนต ลักษณะประตูเป็นประตูทรงสูง เปิด-ปิดโดยใช้ก้านโยกสแตนเลส

เข้ามาด้านในห้องน้ำนี้จะเป็นแบบ Powder Room นะคะ หรือห้องน้ำที่ไม่ได้มีพื้นที่อาบน้ำ

ภายในวางสุขภัณฑ์เป็นอ่างล้างมือพร้อมชุด Built-in ด้านล่างและโถสุขภัณ์แบบชิ้นเดียว ด้านหลังมี Low Wall สวยงามพร้อมวางของจุกจิกได้นะคะ ส่วนยี่ห้อสุขภัณฑ์ของที่นี่จะใช้ American Standard เป็นมาตรฐานทั้งหมด

ภายในห้องครัวนี้ถือว่าทางโครงการก็ให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าโซนอื่นๆ เลย เพราะมีการออกแบบมาให้เป็นครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจังเลยนะคะ พร้อมทั้ง Built-in เคาน์เตอร์ทั้งหมด + ติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งานจริงกันเลยทีเดียว

เข้ามาด้านในครัวเราหันมาฝั่งซ้ายมือจากประตูทางเข้าจะเห็นประตูทั้งด้านหน้าและด้านซ้ายของรูปนะคะ โดยประตูด้านหน้านี้จะเป็นประตูที่ออกไปยังส่วนโถงทางเดิน และด้านซ้ายเป็นห้องเก็บของค่ะ

บริเวณพื้นที่ในห้องเก็บของมีขนาดพอสมควรเลยนะคะ สามารถเก็บของได้เยอะทีเดียว นอกจากนี้หากใครต้องการจัดสรรพื้นที่ห้องเก็บของให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น เผื่อจะใส่ของเล็กของน้อยได้ด้วย แนะนำให้ Built-in ชั้นเก็บของเพิ่มเติมนะคะ

เรากลับเข้ามายังส่วนครัวกันต่อนะคะ สำหรับพื้นครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบด้านกันลื่นได้พอสมควรนะคะ และอีกอย่างคือทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนชุด Built-in ครัวจะได้ตามห้องตัวอย่างเลย ซึ่งใช้สเป็ควัสดุเดียวกันกับ Pantry ด้านนอก ประกอบด้วยหน้าบานกรุลามิเนต และท็อปครัวหิน Quartz ลาย Emperadoro

การจัด Built-in ชั้นเก็บของถือว่าจัดมาให้เยอะสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานเลย และมีช่องภายในเยอะเช่นเดียวกันเก็บของได้พอสมควร ตรงกลางเว้นช่องไว้สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งในห้องจริงก็จะได้ตู้เย็น Side by Side จาก Electrolux

ด้านข้างได้เครื่องใช้ไฟฟ้า Built-in อย่าง Oven จาก Franke และไมโครเวฟจาก Electrolux

สำหรับ Hood and Hood จะได้จาก Franke เช่นเดียวนะคะ ตัวเตาเป็นเตาแบบ Induction 4 หัวเตาพร้อม Hood แบบ Exhausted หรือการส่งท่อออกด้านนอกช่วยระบายกลิ่นอาหารได้ดีกว่าระบบหมุนเวียน

ส่วนด้านหลังของเคาน์เตอร์หรือเรียกว่า Back Splash กรุด้วยกระเบื้อง ช่วยให้สามารถทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมซ่อนไฟไว้ด้านล่างของชั้น Built-in เพิ่มความสว่างส่วนเคาน์เตอร์ได้ดีขึ้น

ส่วน Sink ล้างจากที่ได้เป็นแบบ 2 หลุมนะคะ ซึ่งใช้งานจริงได้สะดวกดี เพราะสามารถแบ่งการใช้งานได้ 2 โซน แยกกัน โดย Sink นี้จาก Franke เช่นเดิมค่ะ

ถัดจาก Sink ล้างจานด้านล่างจะมีการ Built-in เครื่องล้างจานหรือ Dish Washer จาก Franke ให้เป็นมาตรฐานอีกด้วยนะคะ

สุดบริเวณครัวแล้วก็จะเจอกับประตูที่ออกไปยังส่วนระเบียงซักล้างด้านนอก

ปิดท้ายส่วนครัวด้วยหน้าตาของสวิชต์ไฟที่มีการเล่นสีให้อิงกับบรรยากาศโดยรอบ เช่น ตู้ Built-in ที่เป็นสีน้ำตาลหน้ากากของสวิชต์ไฟก็ใช้เป็นสีน้ำตาลทองตามในภาพค่ะ

ลักษณะระเบียงซักล้างนี้ออกแบบเป็นระเบียงแบบ Semi-Outdoor คือมีหลังคาคลุมทั้งหมด และมีขนาดใหญ่ทีเดียวใช้งานได้จริง สำหรับกระเบื้องบริเวณนี้เป็นกระเบื้องสีดำด้านหน้ามี Texture ด้านกันลื่นได้นะคะ และสีดำเองก็เหมาะกับการใช้งานภายนอกได้ดี เพราะดูไม่สกปรกง่าย

หันมาฝั่งซ้ายนั้นเป็นส่วนห้องนอนแม่บ้านนะคะ โดยช่องหน้าต่างและช่องแสงจะมีเปิดจากทางระเบียงจุดเดียวนะคะ ที่เราเห็นเป็นบานเกร็ดนั่นเอง ดังนั้นอาจจะระบายอากาศไม่ได้ดีมากนัก

ภายในห้องนอนแม่บ้านนี้สามารถวางเตียง Single Bed ได้กำลังดี และเหลือพื้นที่ด้านข้างเล็กน้อย แต่หากครอบครัวไหนมีแม่บ้าน 2 คน แนะนำให้วางเฉพาะฟูกเตียงเอานะคะ จะได้วางเตียงเพิ่มอีก 1 เตียงได้

และด้านข้างมี Built-in ชั้นเก็บของให้ด้วย ซึ่งตั้งแต่เราไปดูโครงการราคาแพงมาโครงการนี้เป็นโครงการแรกเลยที่เห็นมี Built-in ให้ในห้องนอนแม่บ้านนะคะ เรามองว่าตัวโครงการเองออกแบบได้ใส่ใจทุกคนไม่ใช่แค่เจ้าของเท่านั้นแต่แม่บ้านเองก็ได้ Furniture Built-in เช่นกัน

อีกฝั่งแบ่งเป็น 2 โซน คือพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า และอีกห้องเป็นห้องน้ำของแม่บ้าน

ภายในห้องน้ำแม่บ้านทำออกมาได้ดีเลยนะคะ มีการแบ่งโซนการใช้งานเป็นโซนเปียกและแห้ง แม้ไม่ได้ให้ฉากกั้นมาแต่สามารถซื้อม่านพลาสติกมาติดตั้งได้ และสุขภัณฑ์ทั้งหมดของห้องน้ำนี้ใช้ American Standard

เราออกมาดูส่วน Common Area กันต่อนะคะ สำหรับโซนนี้จะแบ่งเป็น 2 ฟังก์ชันด้วยกันคือพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ สามารถจัดโซฟาขนาดใหญ่ พร้อมโซฟาขนาดเล็กอีก 1 และเก้าอี้โซฟาอีก 2 ได้สบายๆ เลยค่ะ และบรรยากาศในส่วนนี้จะโปร่งโล่งดีมากๆ ด้วยฝ้าเพดานสูง 2.7 ม. และหน้าต่างบานเลื่อนแบบ Full Height ตลอดผนัง

อีกด้านของพื้นที่นั่งเล่น หันไปทางทีวีนะคะ จะเห็นว่าระยะทีวีค่อนข้างกว้างทีเดียว สามารถวางทีวีขนาดใหญ่กว่า 60 นิ้วได้สบายมากๆ ค่ะ ทั้งนี้ทางโครงการจะมีทีวีติดตั้งให้เป็นมาตรฐานอยู่แล้วนะคะ

ส่วนด้านหลังโซนพื้นที่นั่งเล่นนี้เป็นพื้นที่รับประทานอาหารนะคะ โดยพื้นที่นี้ทางโครงการมีการจัดเฟอร์นิเจอร์ชุดโต๊ะเก้าอี้แบบเดียวกับห้องตัวอย่างไว้ให้ รองรับที่นั่งได้ถึง 9 ที่นั่ง

เรามาดูส่วนประตูบานเลื่อนกระจกกันต่อนะคะ โดยหน้าต่างทุกจุดของห้องจะมีการติดตั้งม่าน 2 ระดับ (โปร่ง+ทึบ) ให้เป็นมาตรฐาน และนอกจากนี้ทุกประตู-หน้าต่างในห้องจะติดตั้งบานเลื่อนแบบมุ้งลวดให้ด้วย ทำให้สามารถเปิดประตูหน้าต่างรับลมได้เต็มที่ไม่ต้องกังวลเรื่องแมลง

ลักษณะบานประตูเป็นบานเปิด 2 ฝั่งทำให้สามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างขวางดีทีเดียวค่ะ

สำหรับพื้นที่ระเบียงถือว่าทางโครงการให้ความสำคัญพอสมควรเลยนะคะ เพราะได้ขนาดใหญ่ กว้างและยาวตลอดหน้ากว้างของห้องเลย ทำให้สามารถออกมานั่งเล่นชมวิวสวน และพื้นที่ส่วนกลางได้ดีมากๆ นอกจากนี้ราวกันตกยังกั้นด้วยกระจก Tempered ให้ชมวิวได้ดีมากขึ้นอีกด้วย

บรรยากาศระเบียงด้านข้างที่ยาวตลอดหน้ากว้างของห้อง และความกว้างของระเบียงทำให้สามารถจัดพื้นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor ได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องแดดและฝนมากนักเพราะมีหลังคายื่นมาเกือบพอดีกับราวกันตกเลย

เข้ามาภายในกันต่อนะคะ ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหารแล้วจะเป็นส่วนห้องอเนกประสงค์ที่อยู่โซนด้านใน ใกล้กับทางเข้าห้องนอน

สำหรับห้องเอนกประสงค์​นี้ออกแบบให้ผนังด้านข้างทั้ง 2 ฝังมีประตูเปิด สามารถจัดให้เป็นได้ทั้งพื้นที่เปิด หรือเป็นห้องปิดก็ได้ สำหรับฝั่งติดพื้นที่รับประทานอาหารจะเป็นประตูบานเปิดคู่ผลักเข้าด้านใน ด้านข้างมี VDO Door Phone ไว้ให้เป็นมาตรฐาน สำหรับแขกเข้ามาติดต่อหน้า Lobby ตึกสามารถติดต่อลูกบ้านได้โดยตรงและลูกบ้านก็จะได้เห็นหน้าแขกว่าเป็นคนรู้จักจริงหรือไม่ ก่อนเชิญแขกเข้ามาใน Lobby

ประตูอีกฝั่งจะเป็นประตูบานเลื่อนนะคะ ซึ่งเปิดได้กว้างและง่ายมากกว่าหน่อย บานเลื่อนนี้เดินรางบนจึงทำให้พื้นห้องกับพื้นทางเดินเป็นผืนเดียวกันเดินไม่สะดุด

ภายในห้องนี้โครงการออกแบบมาให้เป็นห้องที่สามารถใช้แบบอเนกประสงค์​ต่างๆ จะทำเป็นห้องทำงาน ห้องสะสมของ และหากครอบครัวไหนมีสมาชิกในบ้านเยอะ หรือมีแขกมาเยี่ยมบ่อย ก็สามารถปรับห้องนี้เป็นอีก 1 ห้องนอนได้นะคะ เพราะห้องนี้มีจัดห้องน้ำส่วนตัวไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อาจจะต้องปรับตรงประตูทางเข้าห้องให้เป็นประตูบานเปิดเดี่ยว ฝั่งเดียวแทน

ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและแห้งให้เป็นสัดส่วน ตรงกลางจะเป็นอ่างล้างมือนะคะ

สำหรับโซนแห้งนี้ประกอบด้วยอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์​จาก American Standard

กระจกเงาให้เป็นตู้กระจกพร้อมซ่อนไฟไว้ใต้ตู้ดูสวยงาม

อ่างล้างมือเป็นเซรามิกแบบฝังเคาน์เตอร์ ส่วนท็อปเคาน์เตอร์นี้กรุด้วยหิน Quartz สวยงามและคงทนในการใช้งานดี ด้านล่างมี built-in ชั้นเก็บของให้ พร้อมติดตั้งระบบทำน้ำร้อนเรียบร้อย

สำหรับโถสุขภัณฑ์​มีขนาดกำลังดีในการใช้งาน และมีพื้นที่รอบข้างเล็กน้อย ไม่เล็กจนเกินไปนะคะ

อีกฝั่งเป็นพื้นที่อาบน้ำโดยกั้นด้วยฉากกั้นกระจกแบบสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน + Frameless ดูสวยงามทีเดียวค่ะ

ฝักบัวสายอ่อนแบบเดินท่อฝังในผนัง และสายฝักบัวเป็นแบบไม่มีข้อ ทำความสะอาดได้ง่าย ด้านข้างของฝักบัวมีการทำช่องไว้สำหรับวางแชมพู ครีมอาบน้ำต่างๆ ได้พอสมควร

ถัดมาเป็นโถงทางเดินเพื่อแจกไปยังห้องนอนอีก 3 ห้อง

เริ่มต้นด้วยห้อง Master Bedroom นะคะ เข้ามาแล้วจะแบ่งเป็น 2 โซน ฝั่งซ้ายเป็นทางเข้าห้องน้ำและ Walk-in Closet ตรงไปเป็นพื้นที่เตียงนอน

เข้ามาในส่วนของ Walk -in Closet นี้จะมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของให้ 2 ฝั่ง สุดทางเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง โดยระยะความกว้างของทางเดินกว้างอยู่ราวๆ 1.2 ม. ถือว่ากว้างพอสมควร ให้ใช้งานได้ง่าย และเมื่อเปิดตู้แล้วก็ยังพอมีทางเดินเหลือให้เดินได้บ้าง

สิ่งที่พิเศษและไม่ค่อยได้เห็นโครงการอื่นคือการติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้ใน Walk-in Closet ด้วยนะคะ ซึ่งก็ถือว่าดีเลย เพราะบางคนแต่งตัวนาน แต่งหน้าด้วย หากแอร์เข้าจากห้องนอนเข้ามาไม่ถึงดี ก็จะร้อนไปเหงื่อออกได้

ต้องบอกว่าพื้นที่ Walk-in Closet นี้จะเชื่อมกับห้องน้ำเลยนะคะ ดังนั้นก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องความชื้นพอสมควร ทั้งนี้ทางโครงการก็ได้ติดตั้งช่องสำหรับดูดอากาศ ไล่ความชื้นในส่วนของตู้เก็บของให้ด้วย ถือว่าดีมากๆ

ต้องบอกว่าตู้เสื้อผ้าของห้อง Master Bedroom ให้มาจุใจมากๆ ใน Walk-in Closet นี้ก็ 2 ตู้แล้ว ยังมีด้านนอกอีกจุดด้วยนะคะ ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง

สุดทาง Built-in เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ผนังกรุด้วยกระจกเงา และมีเก้าอี้สตูลให้เรียบร้อย

ส่วนในห้องน้ำจะแยกระดับพื้นและเปลี่ยนจากพื้นลามิเนตเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้แทน ซึ่งในส่วนนี้หากใครที่ต้องการกั้นพื้นที่แยกระหว่าง Walk-in Closet และห้องน้ำเป็นสัดส่วนนั้นสามารถติดตั้งประตูบานเปิดได้นะคะ

ตรงกลางเป็นอ่างล้างมือและด้านข้างแบ่งออกเป็น 2 ด้าน ซ้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำและขวาคือโถสุขภัณฑ์นะคะ สำหรับส่วนอ่างล้างมือทำออกมาได้หรูหราทีเดียวด้วยการจัดอ่างให้เป็นแบบ His & Her พร้อมกระจกกว้างเท่าผนัง

ตัวอ่างได้ขนาดใหญ่ทรงต่างจากห้องน้ำห้องอื่นๆ ยี่ห้อ American Standard เช่นเดิม ส่วนด้านล่าง Built-in ตู้เก็บของให้เรียบร้อยนะคะ พร้อมกับด้านข้างของแต่ละอ่างที่ติดตั้งปลั๊กไฟกันน้ำให้

ท็อปหินเคาน์เตอร์ให้มาสวยทีเดียวค่ะ ด้วยสี Copper Bronze และเวลาสะท้อนกับไฟด้านบนจะมีกากเพชรวิ้งค์ๆ ด้วยค่ะ ดูหรูหราดีทีเดียว

เราหันมาที่ฝั่งขวาโซนโถสุขภัณฑ์กันก่อนนะคะ โซนนี้ก็กั้นด้วยฉากกั้นกระจกสูงถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียว

ภายในวางโถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวจาก American Standard ด้านหลังทำ Low Wall ไว้ให้วางของตกแต่งต่างๆ ได้

ส่วนโซนพื้นที่อาบน้ำนี้ไม่ได้มีฉากกั้นแยกโซนระหว่างอ่างล้างมือให้นะคะ หากใครจะติดตั้งเพิ่มก็ทำได้ หรือไม่ทำแบบห้องตัวอย่างเลยก็โปร่งโล่งดีค่ะ และจริงๆ ก็มีการติดตั้งฉากกั้นกระจกแยกกับส่วน Shower ให้แล้วด้วย

Highlight อีกหนึ่งจุดของห้องน้ำคือมุมอ่างอาบน้ำ เพราะได้กระจกเข้ามุมเปิดรับวิวได้ดีมากๆ แต่ต้องบอกว่าห้องพักอาศัยของที่นี่นั้นเป็น Low Rise และมีหลายอาคารจะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่นะคะ เวลาใช้งานจริงจะต้องปิดม่านอยู่ดี โดยทางโครงการก็มีติดตั้งม่านมูลี่ให้ตามห้องตัวอย่างเลย

ส่วนตัวอ่างเป็นอ่างเซรามิกขนาดใหญ่ 1.8 ม. สามารถนอนแช่น้ำได้สบายเลยค่ะ

ติดๆ กันเป็นพื้นที่อาบน้ำกั้นฉากด้วยกระจก Tempered แบบฝ้า เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ภายในให้ทั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower แต่สเป็คลดลงมาหน่อยไม่ได้แบบฝังเข้าผนังแล้ว

ออกมาจากโซน Walk-in Closet และห้องน้ำเราก็จะเจอกับตู้เสื้อผ้า built-in อีกจุดนึง ซึ่งได้ขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเช่นเดียวกัน

ส่วนพื้นที่เตียงนอนมีขนาดกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถจัดฟังก์ชันเพิ่มเติมนอกจากเตียงนอนได้ ทั้งวางเก้าอี้โซฟานั่งเล่น Built-in โต๊ะทำงานได้

สำหรับเตียงที่ได้ จะเป็นเตียง+ฟูกขนาด King Size หรือ 6 ฟุตนะคะ มีโต๊ะข้างเตียงวางให้ 2 ฝั่ง ด้านหลังหัวเตียงทั้ง 2 ด้านมีช่องแสงให้อีก

ฝั่งปลายเตียง Built-in ทั้งชั้นวางทีวี โต๊ะทำงานเสร็จสรรพ

ปิดท้ายด้วยอีก Highlight ของห้องนอนนี้คือผนังฝั่งที่หันไปทาง Facilities โครงการนี้จะได้ประตูบานเลื่อนกระจกเต็มบานไปเลย รับวิวได้ดีมากและช่วยให้ในห้องโปร่งโล่งมากขึ้น

และมาดูอีก 2 ห้องนอนกันค่ะ ซึ่งทางเข้าจะอยู่ติดกันเลยนะคะ

เข้ามาภายในห้องนอนเล็กสุดของผังห้องนี้ ถึงจะเป็นห้องขนาดเล็กสุดแต่พื้นที่ใช้สอยภายในถือว่าอยู่ได้สบายๆ เลยนะคะ โดยทางโครงการจะวางเตียง Queen Size หรือ 5 ฟุตมาให้ ก็ยังมีพื้นที่เหลือโดยรอบพอสมควรเลย แต่หากใครที่ต้องการเตียงขนาด 6 ฟุต สามารถซื้อมาเปลี่ยนได้เลยค่ะ เพราะมีพื้นที่ภายในห้องกว้างเพียงพอ

ปลายเตียงและด้านข้างของเตียง Built-in เป็นชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้าให้

ซึ่งตู้เสื้อผ้าที่ได้ก็มีให้ 2 จุด รองรับสมาชิกในห้อง 2 คนได้เลย

ปิดท้ายด้วยตรงมุมห้องที่ติดกับหน้าต่างทางโครงการจัดเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นโต๊ะ+เก้าอี้สำหรับทำงานเรียบร้อย

ติดกับพื้นที่ทำงานเป็นทางเข้าห้องน้ำในห้องนอนของห้องนี้นะคะ การจัดพื้นที่ภายในห้องน้ำแยกเป็นสัดส่วนดีมาก โดยเข้ามาจะเป็นโซนแห้งก่อนและเข้าสู่โซนเปียกหรือพื้นที่อาบน้ำที่กั้นด้วยฉากกั้นกระจกด้านใน

ตัวอ่างล้างมือมีขนาดมาตรฐานเท่ากับห้องนำ้ห้องอื่นๆ (ยกเว้นห้อง Master Bedroom) แต่ Built-in เคาน์เตอร์ขนาดใหญ่เท่ากับความกว้างของห้องน้ำ พร้อม Built-in ชั้นวางของด้านล่างไว้อีกด้วย จึงมีพื้นที่วางของค่อนข้างเยอะเลยค่ะ

ส่วนฝั่งตรงข้ามอ่างเป็นโถสุขภัณฑ์ พร้อม Built-in Low Wall ให้วางของจุกจิกเพิ่มเติมด้านหลังได้

พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้ได้ขนาดใหญ่นะคะ มาพร้อมกับฝักบัวสายอ่อน + Rain Shower

มาที่ห้องนอนถัดมากันต่อนะคะ

ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าห้องที่แล้วนะคะ แต่จะมีการจัดพื้นที่สำหรับการอยู่ 2 คน ดังนั้นเริ่มตั้งแต่หน้าทางเข้าห้องเราจะเห็นชั้นวางของแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งแบบ Symmetry เพื่อให้สมาชิกในห้องแบ่งการใช้งานได้ชัดเจน

เตียงนอนแยกเป็น Single 2 เตียงเลยชัดเจน แต่หากใครที่อยู่ห้องนี้แบบคู่รักหรือนอนคนเดียว แนะนำให้ปรับเป็นเตียง 6 ฟุตแทน หรือง่ายๆ เลย เนื่องจากโครงการให้ฟูกกับเตียงมาก็ขยับเตียงมาชนกันไปเลยค่ะ

ปลายเตียง Built-in ชั้นวางทีวีและโต๊ะทำงานมาให้ 2 จุด

ด้านข้างของโซนเตียงนอนจะมีระเบียงในตัวนะคะ ทำให้ห้องนี้ได้แสงธรรมชาติและเปิดรับอากาศภายนอกได้ดี

ระเบียงของห้องนี้มีขนาดใหญ่เลยนะคะ สามารถจัดฟังก์ชันเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor ได้เลย

ด้านข้างมีพื้นที่แยกโซนเก็บ CDU แอร์ให้เรียบร้อย

ส่วนด้านหลังของโซนเตียงนอนจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำในห้องนอน

ลักษณะของ Walk-in Closet จะเป็นทางเดินยาวด้านนึง และอีกด้าน Built-in ตู้เสื้อผ้าให้

ซึ่งตู้เสื้อผ้าเองก็แบ่งออกเป็น 2 ตู้ชัดเจน ตรงกลางคั่นด้วยโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ

เข้ามาในห้องน้ำในห้องนอน เราจะเห็นโถสุขภัณฑ์ตรงกลางก่อน และด้านข้างจัดให้เป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ

เคาน์เตอร์อ่างล้างมือได้ขนาดใหญ่เลยนะคะ จริงๆ จะทำเป็น His & Her ยังได้เลย

ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ กั้นด้วยฉากกั้นกระจกตามเดิม

ปิดท้ายด้วยฝักบัวสายอ่อน+Rain Shower พร้อมเซาะร่อง 2 ด้านไว้สำหรับวางของใช้ต่างๆ ได้ และด้านบนมีหน้าต่างบานกระทุ้งไว้สำหรับระบายอากาศ ซึ่งมีมุ้งลวดปิดกันแมลงให้เรียบร้อยค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 February 2019

  • 3 Bedroom ขนาด 282.03 – 287.21 ตร.ม. ราคา 45-53 ล้านบาท

  • Fully Furnished  (อาคาร D) / Fully Fitted (อาคาร A)
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7มตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Park Court สุขุมวิท 77 คอนโดระดับ Luxury โครงการแรกของมั่นคงที่มาตีตลาด Niche Market ชัดเจนมาก ด้วยการขายห้องเฉพาะ 3 Bedroom ขนาดกว่า 280 ตร.ม. รองรับครอบครัวใหญ่ที่ต้องการอยู่ในรูปแบบคอนโดมิเนียมแทนที่บ้านเดี่ยว ในราคาแพกเกจเริ่มต้น 45 ล้านบาท

ทำเล – โครงการตั้งอยู่ใน T77 Community ซึ่งต้องบอกว่าบรรยากาศของ T77 จะแตกต่างจากบรรยากาศรอบนอกอ่อนนุชพอสมควรนะคะ เพราะภายใน T77 นี้ออกแบบให้เป็นชุมชนแนวสูงสมัยใหม่และครบครันมีทั้งโรงเรียนนานาชาติอย่าง Bangkok Prep, Community Mall อย่าง Habito และโรงพยาบาล เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดที่ได้บรรยากาศชุมชน+มีสถานที่สำคัญครบครันภายใน

การเดินทางโดยใช้รถ – จัดว่าสะดวกแม้จะเข้ามาอยู่ภายใน T77 Community​ เพราะสามารถวิ่งเข้า-ออกได้จากทั้ง 2 ทางคือ ถนนอ่อนนุช และถนนปรีดี พนมยงค์ (สุขุมวิท 71) อีกทั้งไม่ไกลกับทางด่วนฉลองรัชและเฉลิมมหานคร ทำให้ลดเวลารถติดในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ดี

นอกจากนี้ในส่วนที่จอดรถเองก็ให้มาเยอะทีเดียวอยู่ที่ 208% แบบไม่รวมซ้อนคัน พร้อมทั้งเป็นที่จอดรถแบบ Conventional ทั้งหมด จึงน่าจะเพียงพอกับการใช้งาน อย่างน้อยๆ แต่ละห้องจะได้ 2 ช่องจอดถ้าลองหารกับจำนวนห้อง และมี 1 ช่องจอดชัวๆ ที่โครงการจะติดป้ายเลขที่ห้องให้ล้อคไว้สำหรับลูกบ้านห้องนั้นโดยเฉพาะ แต่ต้องบอกว่าช่องจอดไม่ได้ Fix ให้แบบมีในโฉนดนะคะ ดังนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังได้เช่นกัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ถือว่าสะดวกระดับนึงนะคะ เพราะต้องเดินทางหลายต่อหน่อยแต่ก็มีรถให้เรียกได้ไม่ยาก เริ่มจากหน้าโครงการใช้ Shuttle Service ของโครงการวิ่งไปส่งหน้า T77 จากนั้นจะเรียกแท็กซี่ก็ง่ายแล้วค่ะ

การออกแบบ – ตัวโครงการเป็น Low Rise 7 ชั้น 5 อาคาร จำนวนเพียง 70 ยูนิต อาคารละ 14 ยูนิตเท่านั้น บนเนื้อที่ดินกว่า 7 ไร่ จุดเด่นเลยคือความหนาแน่นน้อย และจัดพื้นที่ส่วนกลาง On ground กว่า 2 ไร่ บรรยากาศจะเป็นแนวรีสอร์ทชัดเจนค่ะ ส่วนที่แตกต่างจากโครงการทั่วไปคือ โครงการนี้ไม่ได้มีแค่คอนโดมิเนียมอย่างเดียว แต่ใน 3 อาคารจาก 5 อาคารจะปล่อยเช่าแทนการขาย ทำให้ลูกบ้านในโครงการค่อนข้างหลากหลายเช่นกันนะคะ

ห้องพักอาศัยที่นี่ทำมาได้น่าสนใจ แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยวาง Common Area ไว้ด้านหน้ารับรองแขกเปิดรับวิวภายนอกได้ดี ครัวอยู่โซนด้านหลัง ส่วนโซนห้องนอนจัดไว้ในสุดได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

การออกแบบผังทำมาได้น่าสนใจจัดการใช้งานให้คล้ายกับบ้าน เช่น ส่วนครัวและห้องนอนแม่บ้าน มีประตูเข้า-ออกห้องแยกกับประตูหลักที่ลูกบ้านใช้ ดังนั้นลูกบ้านจึงสามารถล็อคประตูครัวแยกโซนกับแม่บ้านได้ หากต้องการความเป็นส่วนตัว หรือไม่ต้องการให้มารบกวน ในขณะที่แม่บ้านก็ยังเข้า-ออกไปยังโถงทางเดินในอาคารได้

วัสดุ – รูปแบบการขายของโครงการแบ่งออกเป็น 2 แบบนะคะ อาคาร A ขายแบบ Fully Fitted ตอบโจทย์คนที่ต้องการตกแต่งหรือดีไซน์ภายในเอง ส่วนอาคาร D ขายรูปแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์ (Built-in และ ลอยตัว) + เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งหากเทียบกับราคาต่อตารางเมตร 160,000 ถือว่าให้มาคุ้มค่าทีเดียว เช่น เคาน์เตอร์ท็อปหิน Quartz, ชุดครัว Built-in จาก Franke, เครื่องใช้ไฟฟ้า Electrolux, สุขภัณฑ์​ American Standard, พื้นปูด้วยลามิเนตหน้ากว้างจากอิตาลี และแอร์แบบ Concealed

สาธารณูปโภค – Facilities ที่โครงการจัดมาให้ถือว่าได้ครบครันนะคะ สระว่ายน้ำำ, Fitness, Multi-Purpose Room, สนามเด็กเล่น และสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ เทียบกับขนาดแล้วก็คุ้มค่ากับราคา พร้อมกับมีมุม Ev charger รองรับ และเป็นโครงการ pet friendly สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา AVG 160,000 บาท/ตร.ม.,14 February 2019

  • ทำเล 7.25/10 – อยู่ใน T77 Community ลึกจากถนนสุขุมวิท 77 ประมาณ 800 ม.
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เข้า-ออกได้ 2 ทาง อ่อนนุชและปรีดี พนมยงค์ ใกล้ทางด่วน และที่จอด 208%
  • ไม่ใช้รถ 7/10 – หลุดระยะเดิน BTS และลึกจากปากซอย 800 ม. แต่มี Shuttle Service ให้
  • วัสดุ 8.5/10 – คุ้มค่าในระดับราคาที่จ่าย
  • แบบ 8/10 – ฟังก์ชันลงตัว เป็นสัดส่วน
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ได้พื้นที่ส่วนกลางร่วม 2 ไร่ มีฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน และ Facilities on Ground

  • LUXURY CLASS
  • 7.64 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Park Court สุขุมวิท 77 เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มองหาคอนโดมิเนียมไม่ใช่บ้านเดี่ยว ในย่านที่เข้าไปใจกลางเมืองสะดวก ด้วยรถส่วนตัวและรถสาธารณะ อยู่ในชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ครบถ้วน ทั้งโรงเรียน, โรงพยาบาลและ Community Mall อย่าง T77 มีงบประมาณ 45-53 ล้านบาท