รีวิวฉบับที่ 516 … O2 Condo เพลินจิต คอนโดพร้อมอยู่ 7 ชั้น ในซอยนายเลิศ ใกล้ BTS เพลินจิต โดย Ocean Property … โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในย่านเพลินจิต-วิทยุครับ ซึ่งเป็นย่านที่ไม่ค่อยจะมีคอนโดเกิดใหม่ให้รีวิวกันมากมายซักเท่าไรนักนะครับ เป็นอีกหนึ่งโปรเจคที่เป็น Residence จาก Ocean Property ซึ่งเจ้านี้เป็น Developer อสังหาฯเก่าแก่ที่หลายๆคนคงจะคุ้นชื่อกันอยู่แล้ว มีโครงการอย่าง Ocean Marina และ Ocean Portofino เป็นโครงการคอนโดพร้อมท่าเรือยอร์ชที่พัทยา และเป็นเจ้าของอาคารสำนักงาน Ocean Tower I & II บนถนนอโศกมนตรีด้วย และสำหรับโปรเจค O2 Condo นี้ก็ถือเป็นคอนโดแห่งแรกในกรุงเทพฯที่ Ocean Property พัฒนาขึ้น หลังจากที่เคยประสบความสำเร็จกับคอนโดตากอากาศที่ต่างจังหวัดมาแล้ว ตอนนี้คอนโดแท่งนี้สร้างเสร็จพร้อมอยู่มาได้ประมาณเกือบ 2 ปีแล้วครับ นับตั้งแต่ปี 2555 มีลูกบ้านโอนและเข้าอยู่พอสมควรแล้ว จะทำออกมาเป็นยังไงเดี๋ยวพาไปดูกันครับ
Fact @ 22 January 2014
- O2 Condo เพลินจิต (โอทู คอนโด)
- Ocean Property Company Limited
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขตปทุมวัน
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร 48 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 8 ยูนิต
- ที่จอดรถใต้ดิน 2 ชั้น จอดได้ประมาณ 36 คันในช่องจอด หรือประมาณ 75% ไม่รวมซ้อนคัน*
- ที่ดินประมาณ 0-2-89 ไร่
- สร้างเสร็จในปี 2555
- 1 Bedroom 50 – 60 ตารางเมตร (SOLD OUT)
- 2 Bedrooms 98 – 100 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นประมาณ 13.8 ล้านบาท (UPDATE 29 JUNE 2014)
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตร 140,000 บาท (UPDATE 29 JUNE 2014)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 147,000 บาท (UPDATE 29 JUNE 2014)
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS เพลินจิต ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS เพลินจิต
- http://www.o2condo.com
- โทร 02-655-2511
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
พิกัด : 13.745091,100.549402
แผนที่จากทางโครงการครับ (คลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่) ที่ตั้งของโครงการ O2 Condo ตั้งอยู่บน ถนนวิทยุ อยู่ใน ซอยนายเลิศ ซึ่งเป็นซอยเล็กๆ เชื่อมจากถนนวิทยุมาที่ ถนนเพลินจิต ซึ่งซอยนี้จะเป็นทาง One-Way ไม่สามารถเข้าซอยจากฝั่งถนนเพลินจิตได้ ต้องเข้าจากฝั่งถนนวิทยุเท่านั้นนะครับ
ซอยนายเลิศที่เป็นที่ตั้งของ O2 Condo นี้มีความสำคัญอยู่อย่างหนึ่ง ตรงที่เป็นทางผ่านในการไปขึ้นทางด่วนเพลินจิต ใครก็ตามที่ขับรถมาจากชิดลมผ่านถนนเพลินจิตเพื่อตรงไปขึ้นทางด่วนเพลินจิตอยู่เป็นประจำมักจะรู้จักซอยนี้ดี เนื่องจากโดยปกติแล้ว ถนนเพลินจิต ส่วนที่เลยถนนวิทยุไปแล้วจนถึงทางขึ้นทางด่วนเพลินจิต จะปิดไม่ให้เข้า ในเวลา 17.00-19.00น. ของวันธรรมดา ทำให้รถทุกคันที่มุ่งหน้าจะไปขึ้นทางด่วน จะถูกบังคับให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนวิทยุ และถ้าใครยังอยากจะขึ้นทางด่วนอยู่ ก็ต้องใช้ซอยนายเลิศนี้แหละ เป็นทางลัดมาออกที่ข้างๆทางขึ้นทางด่วนพอดี ลองดูภาพประกอบข้างบนแล้วจะเข้าใจมากขึ้นครับ ซึ่งจะในซอยนี้ก็จะเต็มไปด้วยรถที่ต่อคิวรอขึ้นทางด่วนอยู่เต็มไปหมดในช่วงเวลาเย็นๆของทุกวันครับ แต่หลังจากเลย 19.00 ไปแล้ว (ซักประมาณ 19.30น.) การจราจรในซอยก็จะกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
เดี๋ยวพาไปดูเส้นทางการไปโครงการคร่าวๆกันก่อนครับ ผมเริ่มจากบนถนนเพลินจิตฝั่งเหนือละกันครับ ขับรถมาจากหน้า Central ชิดลม วิ่งมาที่แยกเพลินจิต ผ่านห้าง Central Embassy ที่กำลังก่อสร้างอยู่ทางซ้ายมือตามรูป
ตัว Central Embassy ยังสร้างไม่ทันเสร็จ ก็มี Sky Walk จาก BTS เพลินจิตมาจ่อรอไว้อยู่แล้ว ในรูปจะเห็นโครงที่กำลังขึ้นอยู่ครับ
ขับมาถึงสี่แยกเพลินจิต ก็จะมีไฟแดง 1 อัน
จากตรงนี้เราเลือกเลี้ยวซ้ายไปทางถนนวิทยุครับ แต่ถ้าเราเลือกตรงไป เราก็จะไปขึ้นทางด่วนเพลินจิตครับ และในช่วงเวลาประมาณ 17.00-19.00 ของวันธรรมดา รถทุกคันที่ผ่านมาทางนี้จะตรงขึ้นทางด่วนไม่ได้ครับ และจะถูกบังคับให้เลี้ยวซ้ายทุกคัน ซึ่งถ้ารถคันไหนอยากจะขึ้นทางด่วน ก็จะต้องไปผ่านซอยนายเลิศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการนี่แหละครับ
ซ้ายมือเจอ สถานฑูตอังกฤษ ที่ตอนนี้มีพื้นที่เล็กลงแล้ว (แต่ก็ยังใหญ่อยู่ดี) เพราะขายที่ให้เซ็นทรัลทำห้างฯไปแล้ว
ทางขวาตรงข้ามกันจะเป็นสถานฑูตสวิตเซอร์แลนด์
จากตรงนี้เราสังเกตป้ายทางขึ้นทางด่วนครับ เตรียมตัวชิดขวาเอาไว้ อย่างที่บอกว่าซอยนี้เป็นซอยลัดไปทางด่วนนะครับ
ถัดมาจะเจอทางเข้าซอยนายเลิศ เราก็เลี้ยวขวาเข้าไปเลยครับ
สภาพซอยนี้เป็นอย่างที่เห็น เป็นซอยเล็กๆ ถนน 2 เลน รถวิ่งสวนกันไม่ได้ เป็นถนนวันเวย์นะครับ
พอขับตรงเข้าไปเรื่อยๆก็จะเจอทางโค้ง 1 จุด ก็ให้เลี้ยวขวาตามทางไปครับ
เลี้ยวขวามาแล้ว ซ้ายมือจะเจอกับโรงแรม Arcadia Suites Bangkok ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ
ถัดมาจะเจอกับคอนโดแท่งหนึ่งทางซ้ายมือ ชื่อว่า The Nest ที่เราเคยไปรีวิวกันมาแล้วครับ อ่านได้ที่นี่: รีวิว The Nest เพลินจิต
ขับรถมาอีกหน่อย ก็จะเจอกับโครงการ O2 Condo ตามรูปครับ
ถึงบริเวณหน้าโครงการแล้ว
ทางเข้าอยู่ฝั่งนี้
ทำเลของ O2 Condo จัดว่าอยู่ในโซนที่เป็นทำเลใจกลางเมืองแบบ “Prime Location” ได้เลย เพราะว่าอยู่ในย่านเพลินจิต หนึ่งในย่านที่มีราคาประเมินที่ดินสูงที่สุดในประเทศ การเดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวก เพราะถนนเพลินจิต เป็นถนนที่เชื่อมมาจาก ถนนสุขุมวิท ไปยัง ถนนพระราม 1 ผ่าน ถนนวิทยุ, ถนนชิดลม, ถนนหลังสวน, ถนนราชดำริ และตัวถนนวิทยุ ก็เชื่อมจาก ถนนเพชรบุรี ไปยังถนนพระราม 4 อีกด้วย ซึ่งแต่ละเส้นที่กล่าวมา ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ เป็นถนนเส้นที่มีความเจริญอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ มีห้างสรรพสินค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย มีโรงแรมหรูๆชื่อดัง มีอาคารสำนักงานหลายแห่ง และยังเป็นที่ตั้งของสถานฑูตของหลายประเทศทีเดียว รวมถึง อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, สวิตเซอร์แลนด์, เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ความเจริญและความสะดวกของทำเลในโซนนี้คงไม่ต้องสาธยายมากครับ เพราะส่วนใหญ่ก็คงจะรู้จักและเข้าใจทำเลโซนเพลินจิตกันในภาพกว้างๆอยู่แล้ว สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกของทำเลนี้ ก็สามารถเข้าไปอ่านได้ในบทความ มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS เพลินจิต นะครับ อ้อ แต่อย่าลืมนะครับว่า ทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองแบบนี้ก็ย่อมมีข้อด้อยเหมือนกัน ทั้งเรื่องความวุ่นวาย มลพิษ การจราจรที่ติดขัด และความหนาแน่นของประชากรในชุมชนที่สูงมาก ยังไม่รวมเรื่องราคาในการหยิบจับอสังหาฯแถวนี้ 🙂 เวลาตัดสินใจซื้อบ้าน อย่าลืมมองเหตุผลเหล่านี้ประกอบกันนะครับ เพราะแต่ละคนก็มีเงื่อนไข ความต้องการไม่เหมือนกันครับ
ส่วนอันนี้เป็นแผนผังคร่าวๆ ว่ารอบๆโครงการมีอะไรอยู่ตรงไหน มีความสะดวกยังไงนะครับ ลองเอาไปดูกัน
พอเป็นโครงการในเมือง สิ่งที่สำคัญรองลงมาจาก Zoning ของทำเล ก็คือ Access ครับ เนื่องจากมันจะเป็นตัวกำหนดวิธีการเดินทางและเส้นทางที่เราจะใช้ในชีวิตประจำวันของทุกๆวันเลยครับ ซึ่งตัว O2 Condo นี้ ต้องถือว่าเป็นโครงการที่มี Access ที่แปลกพอสมควรในเรื่องการใช้รถ เนื่องจากตัวซอยนายเลิศที่เป็นที่ตั้งของโครงการเป็นถนนวันเวย์ครับ การขับรถเข้าซอยต้องเข้าจากด้านถนนวิทยุ (จุด A) ซึ่งก็เป็นถนนวันเวย์อีกเหมือนกัน และมีทางออกทางเดียวคือฝั่งถนนเพลินจิต (จุด C)
ถ้าดูจากรูปข้างบน เวลาเราขับรถออกจากโครงการ (เริ่มจากจุด B) เราก็จะขับออกมาที่ปากซอยนายเลิศฝั่งเพลินจิตครับ (จุด C) และจากตรงนั้น เราก็เลือกไปได้ 2 ทาง คือ (1) เลี้ยวซ้าย เพื่อไปขึ้นทางด่วนเพลินจิต (ตรงไปทางสุขุมวิทไม่ได้) และ (2) เลี้ยวขวา ไปทางแยกเพลินจิตครับ และจากแยกเพลินจิต เราก็เลือกได้ว่าจะขับรถตรงไปทางเพลินจิตฝั่งเหนือ ผ่านหน้า Central ชิดลม ไปทางสี่แยกราชประสงค์ หรือ จะเลี้ยวขวาเข้าถนนวิทยุ ไปทางถนนเพชรบุรี
ลูกศรสีเขียวที่อยู่ในภาพคือเราสามารถใช้เส้นทางพวกนี้ได้ แต่ลูกศรสีแดงคือไปไม่ได้นะครับ อย่างเช่น เราจะวิ่งเพลินจิตฝั่งใต้ก็วิ่งไม่ได้ (ไม่งั้นต้องปีนข้ามเกาะกลาง) ถ้าทำงานอยู่แถวเพลินจิตแต่อยู่ฝั่งใต้ (เช่น ตึกมหาทุนพลาซ่า ตึก Park Venture) ใช้เดินเอา หรือนั่งรถไฟฟ้าเอาจะสะดวกกว่านะครับ เพราะถ้าขับรถคงจะต้องวิ่งอ้อมไกลมากๆเลยครับ หรืออีกจุดหนึ่ง จากแยกเพลินจิตจะเลี้ยวซ้ายเข้าวิทยุไปทางพระราม 4 ก็ทำไม่ได้เหมือนกันครับ ทางไปพระราม 4 ที่น่าจะสะดวกที่สุดคือไปเลี้ยวเข้าซอยสมคิดหลังเซ็นทรัลชิดลม เพื่อไปออกถนนชิดลม จากนั้นวิ่งตรงมาเข้าหลังสวน –> ถนนสารสิน –> วิทยุ (หรือราชดำริ) แล้วค่อยเป็นพระราม 4 ครับ ถ้าวิ่งจนชินก็ไม่ใช่ทางที่ยากนัก แต่รถมักจะติดครับ ต้องทำใจหน่อย ส่วนถ้าทำงานอยู่โซนสุขุมวิทแล้วไม่อยากนั่งรถไฟฟ้า ต้องใช้วิธีขับรถไปเข้าถนนเพชรบุรี แล้วไปวกกลับมาเข้าสุขุมวิท ทางซอยนานา หรือ อโศกครับ (หรือซอยอื่นๆก็ได้ พร้อมพงษ์/ทองหล่อ/เอกมัย แล้วแต่สะดวก)
เป็นอย่างนี้จะเห็นว่าโครงการมีข้อจำกัดในเรื่องเส้นทางการขับรถอยู่พอสมควร ดังนั้น ถ้าเราเป็นคนที่เลือกจะใช้รถ ควรจะพิจารณาเส้นทางดีๆครับ เช่น จะไปทำงานทางไหน จากที่ทำงานจะกลับบ้านยังไง เพื่อศึกษาเส้นทางให้เชี่ยวชาญไว้ก่อนครับ
ถ้าเปลี่ยนจากการขับรถ มาเป็นการเดินไปรถไฟฟ้า อันนี้จะสะดวกพอสมควรเลยครับ โดยระยะห่างจากรถไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 280 เมตร เรียกว่าอยู่ในระยะเดินของคนปกติทั่วไป อีกทั้งนี่คือสถานีเพลินจิต นั่งไป 1 ป้าย ถึงชิดลม 2 ป้ายถึงสยาม หรือ อโศก ซึ่งทั้งสองอันเป็นสถานี Interchange เปลี่ยนขบวนได้เลย และบริเวณนี้มีอาคารสำนักงาน และ Office Building อื่นๆอีกมากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าด้วย ถ้าใช้ชีวิตอยู่แถวๆนี้ ทำงานแถวนี้ แล้วแข็งแรงหน่อย เดินไกลๆได้ในระยะ 1 กม. นี่จะถือว่าสะดวกสบายมากเลย เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆนี่มีให้ค่อนข้างครบ เผลอๆจะเดินไปทำงานได้ไม่ต้องเสียเงินด้วย แต่อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะยอมเดินที่ระยะไกลแค่ไหนนะครับ และจะมีอีกเรื่องคือความปลอดภัยครับ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในซอย ถึงจะเป็นระยะน้อยกว่า 300 เมตร แต่พอเป็นการเดินเข้าซอยล้วนๆมันก็อาจจะดูมีมุมเปลี่ยวได้ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน และยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอะไรแบบนี้ ถ้าเป็นผู้ชายร่างยักษ์ แข็งแรง กำยำ ก็อาจจะไม่ต้องห่วงมากนัก ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางโครงการก็คิดเผื่อเรามาแล้วครับ โดยเขาจะมี Shuttle Service เป็นรถตุ๊กตุ๊กสำหรับบริการลูกบ้าน ไปส่งที่รถไฟฟ้าได้ หรือจะโทรเรียกให้ไปรับในระยะใกล้ๆได้ด้วย เช่นเดินไปซื้อของที่ห้างใกล้ๆ แล้วโทรเรียกให้ไปรับ จะได้ไม่ต้องแบกกลับมาเอง แบบนี้ก็ทำได้ครับ ซึ่งน่าจะช่วยให้มีความสะดวกและความมั่นใจมากขึ้นครับ
ส่วนเรื่องการเรียกรถ อันนี้ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ยากหน่อยครับ เพราะวินมอเตอร์ไซค์ที่ใกล้ที่สุดก็คืออยู่ปากซอย ยังไงก็ต้องเดินออกไปเรียกอยู่ดี ส่วน Taxi ก็ไม่ค่อยผ่านเข้ามาในซอยนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากมันค่อนข้างแคบ และเป็น One-Way ครับ เราอาจจะติดต่อให้คุณรปภ.ช่วยเรียกรถให้ หรือไม่งั้นก็ต้องเดินออกไปเรียกที่ถนนใหญ่ด้วยตัวเองนะครับ ส่วนรถเมล์ รถตู้ ไม่ต้องพูดถึงครับ ถนนใหญ่โลด
เราเริ่มสำรวจทำเลโครงการกันที่ BTS เพลินจิตละกันครับ ซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุด ห่างไปประมาณ 280 เมตรครับ ไปดูกันว่ารอบๆสถานีรถไฟฟ้าจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง แล้วเดี๋ยวค่อยเดินเข้าโครงการ ไปทางซอยนายเลิศครับ
แผนผังบริเวณรอบๆรถไฟฟ้าเพลินจิตครับ อันนี้ผมลอง Draft ขึ้นมาให้ดูถึงสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการนะครับ ความจริงแล้ว มีจุดที่น่าสนใจมากกว่านี้อีก แต่ถ้าจะให้ใส่ลงไปหมดทุกอัน อาจจะดูไม่รู้เรื่อง อันนี้ผมเลยเอาเฉพาะอันที่ใหญ่ๆ ให้พอนึกออกว่าอะไรอยู่ตรงไหนนะครับ สี่เหลี่ยมสีน้ำเงินในภาพก็คือที่ดินของโครงการ ที่อยู่ในซอยนายเลิศ ที่ระบุไว้ด้วยเส้นสีแดงครับ จุด A คือ BTS เพลินจิต
ที่อยู่ติดกับสถานี ข้างๆซอยร่วมฤดี คือ โรงแรม Novotel เพลินจิต ครับ
ข้างๆโรงแรมคือซอยร่วมฤดี เป็นซอยที่อยู่ขนานไปกับถนนวิทยุ เป็นอีกหนึ่งซอยที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในย่านเพลินจิตครับ มีคอนโด มีโรงแรมหรู รวมถึงมีบ้านเดี่ยวเก่าแก่อยู่ในซอยนี้ด้วย และยังเป็นซอยที่มีร้านอาหารดีๆหลายร้าน เหมาะกับการไปนั่ง Dinner จริงๆ 😀
ติดกับซอยร่วมฤดีอีกฝั่งหนึ่ง ก็คืออาคาร Q.House เพลินจิต ที่อยู่ตรงข้าม Novotel ครับ
สภาพแวดล้อมรอบๆสถานี
อาคาร มหาทุนพลาซ่า ก็เป็นอีกหนึ่งอาคารสำนักงานใหญ่ๆบริเวณนี้ ซึ่งอยู่ติดกับสถานี BTS เพลินจิตเลย ด้านล่างเป็นเวิ้ง มีร้านค้า ร้านอาหาร เพียบ
ฝั่งตรงข้ามอาคารมหาทุน มีที่ดินเปล่าอยู่แปลงหนึ่ง เมื่อก่อนเป็นปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ ปัจจุบันถูกซื้อไปแล้ว น่าจะเตรียมขึ้นเป็นโรงแรมหรูนะครับ
ถัดมาจากที่ดินแปลงว่างๆ ก็คือที่ดินขนาดใหญ่ประมาณ 9 ไร่ ของ Noble ที่กำลังก่อสร้างโครงการ Noble เพลินจิต อยู่ครับ ซึ่งจะมี 3 อาคาร สูง 14 ชั้น 45 ชั้น และ 51 ชั้น สูงกว่า Central Embassy ซะอีกนะเนี่ย กว่าจะเสร็จสมบูรณ์คงราวๆปี 60-61 โน่น คงต้องรอดูกันต่อไปนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโครงการนี้
ข้างๆที่ดินของ Noble เป็นอาคาร Wave Place เดี๋ยวพาไปดูใกล้ๆอีกที
Sky Walk ของสถานีเพลินจิต เป็นอีกหนึ่ง Sky Walk ที่ยาวใช้ได้นะครับ เชื่อมต่ออาคารโดยรอบเข้าด้วยกันเกือบหมด แทบจะไม่ต้องเดินบนพื้นดินเลย แล้วเดี๋ยวในอนาคต (ไกลๆ) Sky Walk อันนีก็จะเชื่อมไปจนถึงสถานีชิดลม แปลว่าอาจจะยาวไปถึงสยามได้เลยในอนาคตครับ แต่ก็เป็นเพียงแค่แผนพัฒนานะครับ ที่ยังไม่มีกำหนดตายตัวว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
อาคาร Wave Place ตรงหัวมุมถนนเพลินจิต ตัดกับวิทยุ ด้านในมี Home Pro Plus ด้วย ซึ่งถือว่าเป็น HomePro เจ้าเดียวในละแวกนี้เลยก็ว่าได้นะครับ
ตรงข้าม Wave Place คือ Central Embassy ที่กำลังก่อสร้างอยู่ สังเกตจากรูปร่างแล้ว ถ้าสร้างเสร็จคงจะเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยน่าดู พอจะเป็น Landmark ของย่านเพลินจิตได้เลยนะเนี่ย
โครงเหล็กที่เห็นในรูปคือโครงของทางเดิน Sky Walk ที่จะเสียบเข้าห้าง Central Embassy
มองไปไกลๆจะเห็น Central ชิดลม อยู่ข้างๆ Embassy ครับ
และนี่คือถนนวิทยุ ซึ่งเป็นถนนเส้นสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ มีอาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่าง All-Seasons Place, อาคารสินธร, มีโรงแรม Plaza Athenee, โรงแรม Conrad รวมถึงสถานฑูตหลายประเทศ เช่น อเมริกา, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์ ถือว่าเป็นถนนเส้นที่เจริญที่สุดเส้นหนึ่งของประเทศเลย
อาคาร Park Venture EcoPlex อยู่บริเวณหัวมุมของแยกเพลินจิต เป็นที่ตั้งของโรงแรม The Okura
ใต้อาคาร Park Venture มี 7-Eleven สาขา Premium ด้วย สังเกตได้จาก Logo สีเทา-ขาว
ร้านกาแฟ Dean & Deluca ก็มีนะครับ เป็นทางเลือกสำหรับคนอยากมีกาแฟดีๆกินครับ เพราะแถวนี้ Cafe Amazon อาจจะหายากหน่อย แหะๆ
ตรงข้ามตึก Park Venture ก็คืออาคารสำนักงานของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นสาขาใหญ่เลย (รองจากพระราม 3)
เดินไปโครงการ
ส่วนต่อไปจะพาเดินไปโครงการครับ ไปดูว่าระหว่างทางเราจะเจออะไรบ้าง เริ่มต้นที่ปากซอยนายเลิศครับ ซึ่งอยู่ติดกับสถานี BTS
หน้าปากซอยจะมีแก๊งพี่วินมอไซค์จอดรออยู่แล้ว ใครไม่อยากเดินก็นั่งมอไซค์เข้าไปเลย (ดูท่าทางแล้ววิ่งย้อนศรเข้าไปแน่ๆ)
สภาพปากซอยนายเลิศครับ เป็นซอยเล็กๆ ถนน 2 เลน มีไหล่ทาง แต่ไม่มีฟุตบาทครับ
เวลาขับรถออกจากซ้าย จะเลือกไปได้ 2 ทางอย่างที่บอกนะครับ คือ เลี้ยวซ้ายไปทางด่วน กับ เลี้ยวขวากลับไปที่แยกเพลินจิต
ถ้าเลี้ยวซ้ายมาทางด่วน เราก็จะเจอกับด่านเพลินจิตครับ มีป้ายกำกับชัดเจนว่า ห้ามตรงไปสุขุมวิท แต่ก็มีคนฝ่าฝืนทุกที อย่าลืมตัวเผลอตรงไปนะครับ คุณตำรวจแกยืนดักรออยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
เราเดินเข้าซอยนายเลิศต่อไปครับ
สภาพในซอยแม้จะเป็นตอนกลางวัน แต่ก็ถือว่าเงียบสงบมากๆ คือมีรถผ่านไปมาเรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยมีคนเดินเท่าไหร่ครับ ช่วงกลางวันยังไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ แต่หลัง 17.00 ไปแล้วตรงนี้จะรถติดมากๆเลยครับ เพราะรถเขาจะมาต่อคิวขึ้นทางด่วนกัน ในซอยส่วนใหญ่เป็นบ้านคน ตึกแถว หรือคอนโด เป็นที่อยู่อาศัยเกือบหมด แอบสังเกตว่ารั้วค่อนข้างสูงเหมือนกันนะ
ตรงเข้าซอยมาเรื่อยๆจะพบกับทางแยก ถ้าตรงไปจะเป็นทางตันครับ เราเดินเลี้ยวซ้ายไปทางโครงการเลย อย่าลืมว่านี่เราเดินเอานะครับ รถเข้าจากทางนี้ไม่ได้
พอเลี้ยวซ้ายมาแล้ว ก็จะเจอทางตรงสั้นๆ
มาถึงหัวโค้งอีกจุดหนึ่ง เราก็เลี้ยวขวาตามทางไปครับ
รั้วสีขาวแนวยาวที่เห็นอยู่นี่ คือรั้วของโครงการ Noble เพลินจิตครับ ที่ดินของเขาจะมีส่วนที่อยู่ติดซอยนายเลิศด้วย และน่าจะมีทางเข้า-ทางออกตรงนี้ ในอนาคตหลังจาก Noble สร้างเสร็จแล้ว เรา “อาจจะ” (ย้ำว่า “อาจจะ”) ได้ผลพลอยได้อย่างหนึ่งไปด้วย คือ อาจจะสามารถเดินตัดโครงการ Noble ผ่านไปยังรถไฟฟ้าได้นะครับ แล้วน่าจะสะดวก+ปลอดภัยกว่าเดินบนถนนซอยก็ได้ แต่อันนี้ยังไม่ชัวร์นะครับ เพราะ Security ของ Noble อาจจะเข้มงวดก็ได้ อย่าพึ่งไปหวัง
เดินตรงมาจากหัวโค้งอีกหน่อยก็จะถึงโครงการแล้ว
ทางขวามือก่อนถึงจะมีคอนโด Low Rise พอมีอายุ ตั้งอยู่หนึ่งแท่ง ชื่อ เพลินจิต คอนโดมิเนียม
มาถึงหน้าโครงการ O2 Condo เพลินจิต แล้วครับ
หน้าตาตึกภายนอกประมาณนี้ครับ
ตัว Facade เป็นกระจกเต็มเลย
ทางเข้าโครงการอยู่ทางนี้ ทางคนเดิน กับ ทางรถเข้า อยู่ทางเดียวกันนะครับ ถ้าสังเกตในรูปดีๆ ประตูรั้วใหญ่อันนี้จะมีประตูเล็กๆอยู่ทางขวา ให้คนเดินเข้าได้ครับ
จบเรื่องทำเลเพียงเท่านี้ครับ ตอนนี้ไปดูข้างในโครงการกัน
เจาะลึกตัวโครงการ
รูปแบบของโครงการ O2 Condo เพลินจิต เป็นอาคาร Low Rise 7 ชั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 289 ตารางวา (เกือบๆ 3 งาน) มียูนิตทั้งหมด 48 ยูนิต ซึ่งดูจากขนาดที่ดินแล้วถือว่าเป็นคอนโดขนาด Compact มากๆครับ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีจำนวนยูนิตน้อย ซึ่งจะมีข้อดีตามมาตรงที่ความวุ่นวายในการบริหารจัดการจะน้อยลง และมีความ Private มากขึ้น ชนิดที่ว่ารปภ.คงจำหน้า จำรถได้เลย ว่าเป็นลูกบ้านตึกนี้รึเปล่า และ Facilities รวมถึง ลิฟท์ จะมีการ Share ใช้ที่น้อยลง ลดความหนาแน่นลงไปมากเลย ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการครับ
มาดู Floor Plans ชั้น GF กันก่อน จากภาพด้านบนนี้หน้าโครงการอยู่ทางทิศตะวันตกครับ รูปร่างที่ดินเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมเกือบๆจัตุรัส ทำให้มีหน้ากว้าง พอจะจัดสรรพื้นที่ และฟังก์ชั่นต่างๆได้ค่อนข้างโอเคสำหรับโครงการขนาดไม่ถึง 1 ไร่แบบนี้ พื้นที่ในชั้น G จะเป็นส่วน Lobby+Library+เคาน์เตอร์นิติบุคคล อยู่รวมกัน และมีโถงลิฟท์อยู่ทางด้านในมีประตูกั้นอีก 1 ชั้น ที่จอดรถจะเป็นที่จอดรถใต้ดินลงไป 2 ชั้น
จากหน้าโครงการขับรถผ่านรั้วเข้ามา จะเจอกับทางลาดลงไปที่จอดรถทันทีเลยครับ มีทางเข้า-ออกทางเดียว เพราะฉะนั้นต้องระวังรถสวนกันด้วยนะครับ
ที่โครงการมีรถ Shuttle TukTuk เอาไว้บริการลูกบ้าน ไปรับไปส่งรถไฟฟ้าได้ หรือไปรับมาจากห้างฯใกล้ๆก็ได้ ใช้วิธีโทรเรียกกัน ถือว่าเป็น Service ที่ช่วยได้เยอะครับ สำหรับโครงการที่ต้องเข้ามาอยู่ในซอย ไม่ติดถนนใหญ่แบบนี้
ชั้น B เป็นชั้นที่จอดรถ
นี่คือ B2 ครับ ที่จอดรถในช่องจอดทั้งหมด 3 ชั้น รวม 36 คัน(ประมาณ 75%) ทางโครงการ Claim ว่า ถ้าจอดซ้อนคันจะจอดได้ประมาณ 100% หรือประมาณ 48 คัน แต่ในความเป็นจริงผมคิดว่าอาจจะไม่ถึงนะครับ เพราะว่าชั้นใต้ดินล่างสุดเป็นทางตันที่ไม่มีที่กลับรถ ในทางปฏิบัติเวลาจอดซ้อนคันมันอาจจะจอดได้ถึงจำนวนดังกล่าว แต่เวลาเอารถออกมันจะต้องถอย และมันอาจจะทำให้จอดไม่สะดวกครับ แถมที่จอดรถมีทางเข้า-ออกทางเดียว ต้องเว้นระยะเผื่อรถวิ่งสวนกันด้วย ถ้าจอดซ้อนคันไปแล้ว มันจะไม่มีทางให้รถหลบกันเองครับ ดังนั้นจำนวนที่จอดรถอาจจะไม่ถึง 100% อย่างที่บอก แต่อย่างไรก็ดี ตอนนี้ก็การันตีแน่ๆว่าจอดในช่องจอดได้ประมาณ 75% ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวครับสำหรับคอนโดในเมืองที่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินถึง
จากชั้นที่จอดรถ จะมีทางเข้าอาคารอยู่ทุกชั้น และมีลิฟท์ลงไปถึงชั้นใต้ดินทุกชั้น ทำให้เวลากลับบ้าน จะเข้าห้อง เราก็ไม่จำเป็นต้องผ่าน Lobby ครับ สามารถแตะคีย์การ์ดที่ประตูลานจอดรถ แล้วกดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นที่เราต้องการได้ทันที
เรายังไม่ขึ้นห้องครับ เดินอ้อมมาที่ทางเข้า Lobby หลักก่อน (เพราะผมไม่มี Key Card ฮ่าๆๆ) ด้านหน้าทางเข้ามีจุด Drop-off แบบนี้ครับ มีเคาน์เตอร์รปภ.อยู่ทางด้านขวา คอยดูแลรักษาความปลอดภัย/เปิดประตูรั้ว/เรียก Taxi ให้ครับ
ประตูทางเข้า Lobby ทั้งเข้าและออก จะต้องแตะคีย์การ์ดครับ ไม่มีปุ่มกดจากด้านใน ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เราลืมเอาการ์ดออกจากบ้านครับ ส่วนตัวผมชอบแบบนี้มากกว่านะ ถึงจะยุ่งยากซักนิด แต่สำหรับคอนโดที่อื่นที่เป็นปุ่มกด Unlock วันไหนลืมเอาการ์ดออกจากบ้านนี่เรื่องใหญ่เลย ต้องรอให้คนมาเปิดให้อย่างเดียว
พอผ่านประตู Lobby มาแล้ว ก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ของนิติบุคคล ที่จะคอยนั่งเป็น Reception ให้ลูกบ้าน ทางขวาเป็นประตูเข้าไปยังโถงลิฟท์
ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ จะเป็นทางเดินเข้าไปยังมุม Library ที่ไม่ได้เป็นห้องปิดนะครับ แต่กั้น Partition ด้วยผนังกระจกเอาไว้ สามารถเดินเข้าไปนั่งอ่านหนังสือ นั่งพักผ่อน หรือเป็นที่นั่งสำหรับนั่งประชุมกลุ่มเล็กๆได้
ถึงแม้ว่าจะเป็น Lobby แบบชั้นเดียว และเป็นตึก Low Rise แต่ถือว่าจัด Lobby ออกมาได้ OK ผนังรอบด้านเป็นกระจกหมด และมีม่านบังแดด ฝ้าเพดานไม่เตี้ย น่าจะสูงพอๆกับชั้นพักอาศัย หรือสูงกว่า ประมาณ 2.70-2.80 เมตร มีพื้นที่เท่าที่เห็น ด้วยรวมก็ถือว่าน่าใช้ดีครับเมื่อเทียบกับ Low Rise ทั่วๆไป ที่ไม่ค่อยใส่ใจตรงนี้เท่าไหร่
ต่อมาเราเดินเข้าไปยังโถงลิฟท์ ก็ต้องแตะบัตร Key Card ที่ประตูอีกทีหนึ่งนะครับ
ผ่านประตูเข้ามาจะเจอกับตู้จดหมาย Mailbox ของทั้ง 48 ห้อง
เข้ามาอีกหน่อย เป็นโถงลิฟท์ ตกแต่ง พื้น-ผนัง ด้วยกระเบื้องลายหิน
ฝั่งตรงข้ามของโถงลิฟท์ เป็นทางเดินที่มาจากลานจอดรถ ประตูฝั่งนี้ก็ต้องใช้ Key Card แตะบัตรเข้ามานะครับ Security จัดว่าใช้ได้
ลิฟท์ที่นี่มี 2 ตัวครับ อัตราส่วนลิฟท์ 24:1 ซึ่งดีมากๆ เพราะมีจำนวนยูนิตน้อย แค่ 48 ยูนิตเอง บางที่จะทำลิฟท์ตัวเดียวแล้วนะเนี่ย
ลิฟท์อีกหนึ่งตัวเป็นลิฟท์ขนาดใหญ่กว่า ทำหน้าที่เป็น Service Lift สำหรับขนของได้ด้วย ตอนนี้เขาปิดผนังด้วยไม้อัดไว้ก่อน เพราะยังมีลูกบ้านขนของเข้ามาตกแต่งห้องอยู่
ระบบลิฟท์เป็นลิฟท์ธรรมดา ไม่ได้ล็อคชั้น (Proxy Elevator) นะครับ
เดี๋ยวพาขึ้นมาดูชั้น Facilities ก่อนนะครับ เรากดลิฟท์ขึ้นมาที่ชั้น 7 จากนั้นเดินขึ้นบันไดหนีไฟมาที่ Rooftop ครับ
ขึ้นมาที่ชั้น 8 ซึ่งจริงๆแล้วเป็นชั้น 8 หลอกๆนะครับ ตามกฎหมายต้องเรียกว่าชั้นดาดฟ้า แต่เพื่อให้สื่อสารง่ายๆ โครงการก็เลยเรียกชั้นนี้ว่าชั้น 8 ไปซะเลย แต่ตามกฎหมายแล้วตึกนี้มี 7 ชั้นครับ 🙂
ผังชั้นดาดฟ้าแบ่งเป็น 2 ส่วน หลักๆครับ เราขึ้นบันไดมาตรงแกนกลางของอาคาร แล้วจะมีประตูเปิดออกทางทิศเหนือ-ใต้ ทิศเหนือจะเปิดออกไปเจอกับสระว่ายน้ำ และ Sun Deck สำหรับอาบแดดครับ ส่วนทางทิศใต้ จะออกไปเป็น Party Lounge & Moonlight Deck ที่จะเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมได้ มีพื้นที่นั่งเล่น มีการจัดสวนเอาไว้ เป็นรูปตัว L โดยที่พื้นที่สระว่ายน้ำและสวนนี้ จะสามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ครับ
ออกมาที่โถงทางเดิน จะมีป้ายบอกทาง
ออกไปดู Rooftop Garden กันก่อน
และนี่คือส่วนที่เป็น Party Lounge ครับ เขาจะจัดสวนเอาไว้ และวางชุดโต๊ะ-เก้าอี้ไว้เป็นมุมๆ ให้เราสามารถขึ้นมานั่งเล่นได้ หรือจะจัด Party ก็ได้ โดยต้องขออนุญาตจากนิติบุคคลก่อนนะครับ แต่สามารถทำได้ ตอนกลางวันคงจะร้อน และไม่น่าขึ้นมาเท่าไหร่ แต่พอตกเย็นก็จะน่าใช้หน่อย
วางเก้าอี้ไว้เป็นมุมๆ ให้สามารถขึ้นมานั่งใช้ได้หลายกลุ่มด้วย
วิวนี้มองลงไปเห็นสถานฑูตสวิสฯด้านล่างครับ
ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นที่ดินของ Noble ที่กำลังก่อสร้างอยู่ และในไม่กี่ปีข้างหน้าก็คงจะขึ้นมาบังวิวทิศนี้ไปนะครับ
ส่วนด้านนี้เป็นทางเดินจากสวนไปยังสระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำหน้าตาประมาณนี้ครับ พอว่ายออกกำลังกายได้บ้าง แต่ไม่จริงจังมาก
อีกมุมหนึ่งของสระว่ายน้ำ
ตรงกลางมีบ่อ Jacuzzi
ริมสระก็จะมี Day Bed วางเอาไว้ ลูกบ้านฝรั่งคงจะชอบมานอนอาบแดดกัน
ส่วนของ Facilities ก็คงจะมีเท่านี้นะครับ บางคนอาจจะมีคำถามว่า ที่นี่ไม่มีห้องฟิตเนสหรอ? ก็ขอตอบว่าไม่มีครับ จริงๆแล้วคอนโดระดับราคา 120,000 บาทต่อตารางเมตรอย่างโครงการนี้ก็ควรจะมีนะครับ แต่ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่ และขนาดที่ดิน โครงการน่าจะมองว่าถ้าจะให้มีทั้งฟิตเนสด้วย และสระว่ายน้ำด้วย อาจจะใช้งานไม่สะดวกซักอย่าง เพราะมันก็จะเล็กมากทั้งคู่ แต่ก็มีลูกบ้าน+ลูกค้าบางคนที่อยากจะได้ฟิตเนส โครงการเลยแก้ปัญหาโดยการ สมัครสมาชิกฟิตเนสของโรงแรม Novotel ให้กับลูกบ้านได้ใช้ฟรี 2 ปี ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ฟิตเนสอย่างเดียว แต่สามารถใช้ Facilities อย่างอื่นของโรงแรม Novotel ได้ด้วย เช่น สระว่ายน้ำ/ล็อคเกอร์ ลักษณะว่าเป็นสมาชิกโรงแรมไปโดยปริยาย เบื้องต้นก็ทำให้ 2 ปีก่อน แต่ถ้าจะมีการต่ออายุสมาชิกเพิ่ม ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ลูกบ้าน และ นิติบุคคล ที่จะต้อง Deal กันเองต่อไปครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ บนชั้นดาดฟ้า
- สมาชิก Fitness ของโรงแรม Novotel เพลินจิต ฟรี 2 ปี
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 24 : 1 (รวม Service Lift แล้ว)
- ที่จอดรถประมาณ 36 คันในช่องจอด ที่จอดรถใต้ดิน 2 ชั้น (ประมาณ 75%)
- Shuttle Service รับส่ง BTS เพลินจิต
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
ถัดมาเรามาดูชั้นพักอาศัยกันบ้างนะครับ ตัวโครงการมีห้องพักตั้งแต่ชั้น 2 – 7 ครับ แต่ละชั้นมีห้องพักทักหมด 8 ห้อง แปลนเหมือนกันหมดทุกชั้น รวมทั้งโครงการมี 48 ยูนิต โครงการดันฝ้าเพดานในแต่ละชั้นสูง 2.70 เมตร ซึ่งจัดว่าสูงกว่าคอนโด Low Rise ทั่วๆไปที่มักจะอยู่แค่ 2.40-2.60 เมตร แต่ก็ทำให้สามารถสร้างได้แค่ 7 ชั้น ซึ่งไม่ใช่ข้อเสียของลูกบ้านหรอกครับ กลับดีซะอีก จะได้มียูนิตน้อยๆ มีความหนาแน่นน้อยลง มีความ Private เป็นส่วนตัวมากขึ้น
ในแต่ละชั้นของชั้นพักอาศัย จะมีห้อง 1 Bed อยู่ 4 ห้อง ขนาด 50-60 ตารางเมตร และห้อง 2-Bed อีก 4 ห้องขนาดประมาณ 100 ตารางเมตร เป็นห้องมุมทั้งหมด รวมก็เป็น 8 ห้องครับ
ทุกๆชั้น เนื่องจากเขาดีไซน์ตึกให้โถงทางเดินอยู่ตรงกลาง แล้วห้องอยู่รอบๆ จึงดีไซน์ให้มีช่องเปิด 2 ช่องตามภาพ เพื่อให้อากาศถ่ายเท และสามารถมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในโถงทางเดินได้ ไม่ให้มืดครับ
***หมายเหตุ ก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนว่า ผนังกั้นห้องระหว่างยูนิตเป็นผนังแยกที่มี Air Gap คั่นกลาง แต่จริงๆแล้วเป็นผนังร่วมนะครับ ไม่ใช่ผนังแยก ขออภัยที่อาจจะทำให้หลายๆคนเข้าใจผิดมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ห้องตัวอย่างของโครงการอยู่ที่ชั้น 4 ครับ เราขึ้นลิฟท์มาแล้ว
โถงทางเดินบริเวณหน้าลิฟท์ กว้าง 1.50 เมตรตามปกติ
นี่คือช่องหน้าต่างบริเวณโถงทางเดินครับ มีอยู่ 2 จุดในแต่ละชั้น
Plan ห้อง 1-Bed ครับ เอาอันนี้ให้ดูก่อน เนื่องจากไม่มีห้องตัวอย่างให้ดูครับ ตัวห้องมีขนาด 50 ตารางเมตร แบ่ง Layout เป็นห้องนอน+ห้องน้ำครึ่งนึง และ ห้อง Living+ครัว อีกครึ่งนึงครับ เอาครัวไว้หน้าห้อง เป็นครัวเปิด และเอาส่วน Sofa ดูทีวีติดหน้าต่าง ห้องน้ำเอาไว้ในห้องนอน และเอาระเบียงไว้ติดกับหน้าต่างห้องนอนครับ ห้อง 1-Bed นี้ขายหมดแล้วครับ (@ม.ค. 57)
ส่วนห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูเป็นห้อง 2-Bed ที่ยังมีเหลืออยู่ในโครงการ ห้องนี้ขนาด 100 ตารางเมตร เน้นพื้นที่ส่วน Living Area ใหญ่มากตั้งอยู่หัวมุมห้อง ติดกับผนังเข้ามุม แถมมีระเบียงขนาดใหญ่อีก 2 อัน 2 ด้านครับ ตัวห้องนอนอยู่ 2 ฝั่ง ติดกับหน้าต่างแต่ไม่มีระเบียง ทั้งสองห้องมีห้องน้ำในตัว ส่วนครัวไม่ค่อยเน้นเท่าไหร่ ได้เป็น Pantry ตัวU อยู่บริเวณทางเข้าหน้าห้อง
ห้องนี้ขายแบบ Fully Furnished & “Ready to Live” ครับ คือนอกจากจะให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวจาก Chic Republic และ Built-in ทั้งหมดที่เห็นในห้องตัวอย่างแล้ว ยังรวม Prop ตกแต่งบางส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า ผ้าม่าน Wallpaper และแอร์ทุกห้องครับ ไปดูกันว่าห้องจะเป็นยังไง
พื้นที่บริเวณโถงหน้าห้อง ทางซ้ายเป็นห้อง One-Bed ทางขวาที่เปิดประตูเป็นห้อง Two-Bed ครับ เราจะไปดูห้องนี้กัน
ประตูทางเข้าห้องเป็นแบบ Over-Sized สูง 2.60 เมตร (พื้นถึงฝ้าสูง 2.70 เมตรนะครับ แต่บริเวณหน้าประตูจะมีการดรอปฝ้าลงมาเพื่อฝังไฟใต้ฝ้า)
มือจับประตูแบบ Digital Door Lock ของ SAMSUNG ใช้การ์ดแตะได้ หรือกดรหัสเข้าห้องก็ได้ เพิ่ม Security อีกชั้นนึง
เดินเข้าห้องแล้ว จะเจอทางเดินเข้าไปยังส่วน Living ครับ ทางซ้ายมือเป็นตู้เก็บของ
พื้นปูด้วย Engineering Wood ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์ แต่ปิดผิวด้วยไม้จริง ทำให้เดินแล้วมีความรู้สึกเหมือนไม้มากกว่าพื้นลามิเนตนะครับ
ตู้เก็บของด้านหน้า มีเยอะมาก ด้วยความที่พื้นที่เยอะ ใส่ตู้มาเต็มเลย
ตรงข้ามตู้เก็บของ ทางขวามือของทางเดิน จะเป็นช่องเข้าไปยังห้องครัว
อันนี้ผมยืนอยู่ในห้อง หันหน้าไปทางทางเข้าห้องครับ
พื้นที่ครัวต้องบอกว่าไม่เน้นเท่าไหร่ แต่จัดเฟอร์นิเจอร์มาให้แน่นมาก แอบแน่นไปนิด เพราะระยะการเปิดประตูต่างๆ อาจจะใช้งานค่อนข้างอึดอัด แต่ให้พื้นที่เก็บของมาเยอะดี
ให้ดูพื้นที่ครัวชัดๆอีกรูปนะครับ วางเครื่องใช้ไฟฟ้า และ ถังขยะลงไปแล้ว ดูแน่นเลย อ้อ แต่ที่เห็นในห้องนี้คือได้อย่างนี้เลยนะครับ
เมื่อเปิดประตูตู้ และลิ้นชักออก จะเหลือพื้นที่ยืนนิดเดียวเอง จริงอยู่ว่าเวลาเปิดเราคงจะเปิดทีละบานนะครับ แต่ว่าถ้าเป็นคนตัวใหญ่ๆ อาจจะบ่นก็ได้
ให้เตาไฟฟ้าเซรามิกแบบ 4 หัวมาด้วย ของ Electrolux
Hood ดูดควันตัวเล็กไปหน่อย เมื่อเทียบกับขนาดของเตาที่ให้มา 4 หัว อันนี้ของ Electrolux เหมือนกัน
พื้นที่เก็บของเยอะจริง
เครื่องซักผ้าใส่มาให้แล้ว ขนาดเท่านี้ ฟิตพอดีเป๊ะ
อ่างล้างจาน แบบหลุมเดี่ยว มีที่วางภาชนะด้านข้าง ของ Franke
ที่วางตู้เย็น ใส่ตูเย็นของ Electrolux เอาไว้ ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก
ถัดมาเป็นห้อง Living Area ครับ เฟอร์นิเจอร์และ Props ตกแต่งที่ได้ ให้เหมือนกับที่เห็นในห้องนี้เลยครับ
Space ของห้อง Living ใหญ่มาก ด้วยความที่เป็นห้องขนาด 100 ตารางเมตร
ฝ้ามีการดรอปลงมาเป็น Step เพื่อฝังหลอดไฟครับ ส่วนที่สูงที่สุด สูง 2.70 เมตร ใส่ Downlight และ หลอดใต้ฝ้า ให้เสร็จสรรพ ตามนี้ ไม่มีล็อกหลบ
ให้ดู Space ส่วนรับประทานอาหาร เมื่อเดินมาจากห้องครัว
โต๊ะกินข้าวอยู่ติดกับประตูกระจก เต็มบาน รับแสงธรรมชาติและวิวภายนอกได้เต็มที่ระหว่างรับประทานอาหาร
เฟอร์นิเจอร์ชุดนี้ จาก Chic Republic ให้มาด้วย
รวมถึง Prop บนโต๊ะด้วยนะครับ ไม่ได้ล้อเล่น
ตำแหน่งติดแอร์ วางอยู่หลังโต๊ะกินข้าว
แอร์ยี่ห้อ Samsung มีการตีกล่องรอบๆแอร์ให้แบบนี้เลยนะครับ เป็นการตกแต่งให้
ถัดมาเป็นส่วนโซฟานั่งดูทีวี อยู่มุมสุดของห้อง ติดกับผนังหน้าต่าง 3 ด้าน เว้าเข้ามุมแบบ Bay-Window มุมนี้ต้องบอกเลยว่าให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเดี่ยวดีครับ
ชุดโซฟาหนัง และ โต๊ะกลาง แถมมาให้แบบนี้ เป็นโซฟาตัว L นั่งกันได้ทั้งครอบครัวเลย
ชั้นวางทีวี ที่ Built-in มาให้ครบแล้ว จริงๆแล้วพื้นที่เก็บของข้างทีวีดูน้อยไปหน่อยนะ ผมแนะนำว่าเอาตู้กระจกมาใส่บริเวณนี้ดีกว่า
แถม Samsung LED TV ขนาด 40″ ให้ด้วยครับ เตรียมพร้อมสำหรับ Digital TV เลย 😛
ติดกับส่วนดูทีวีจะมีระเบียงอยู่ด้านหนึ่ง
ผ้าม่าน/Wallpaper ติดมาให้เรียบร้อยแล้ว
พื้นที่ระเบียงมีไม่มากเท่าไหร่ ระเบียงนี้ไม่เน้นใช้งานเท่าไหร่ครับ เพราะเป็นระเบียงที่มีคอมฯแอร์วางอยู่
รางประตูบานเลื่อน ถูกฝังลงไปที่พื้นครับ แบบนี้จะดูเรียบร้อยกว่า และป้องกันการสะดุดได้เวลาเดินผ่าน แต่ก็จะมีฝุ่นตกลงไปเหมือนกันนะครับ คงต้องคอยดูดฝุ่นออก แล้วก็เวลาน้ำสาดเข้ามาที่ระเบียง อาจจะกันน้ำได้ไม่ดีมาก
มือจับประตู ใช้วัสดุค่อนข้างดีเลย มีราวจับยื่นออกมาด้วย และประตูปิดได้สนิทดีครับ
นอกระเบียง แขวน Compressor เอาไว้ มี Grille บังให้ดูเป็นระเบียบ และสวยงามเมื่อมองจากภายนอก คอมแอร์เป่าออกไปทางด้านนอกด้วย ระเบียงจะได้ไม่ร้อน
กลับเข้ามาดูที่ห้องนั่งเล่นต่อ ผนังด้านหลังโซฟาเป็นกระจกรอบด้าน 3 ด้านเลย (ในรูปมีม่านบังอยู่) แบบนี้ก็ร้อนหน่อย แต่ว่าได้วิวรอบด้านเลย และห้องจะดูโปร่งมาก ซึ่งถ้าใครไม่ถูกใจแบบนี้ เขาก็ติดม่านเอาไว้ให้หมดแล้ว แค่ดึงม่านลงมาก็โอเค
ข้างๆโต๊ะกินข้าวก็จะมีระเบียงอีกหนึ่งอัน ซึ่งระเบียงอันนี้จะใหญ่กว่าอีกอันมาก ใช้งานสะดวกแน่นอน
ระเบียงพื้นที่ใหญ่ ตากผ้านวมได้เลย แถมไม่มีคอมฯแอร์ให้เกะกะด้วย
ด้านนอกระเบียงก็จะประมาณนี้ครับ จะเห็นว่าเป็นผนังกระจกยาวเลย
วิวด้านนอกระเบียง มองเห็นตึก Noble ด้วย
กลับเข้ามาในห้อง ไปดูส่วนห้องนอนเล็ก กับห้องน้ำที่อยู่ติดกันบ้าง
ประตูในห้องเป็นแบบความสูง Oversized ทั้งหมด แต่ความกว้างเท่ากับปกติประมาณ 80 cm
เข้ามาดูในห้องน้ำเล็กกันบ้าง ห้องน้ำห้องนี้อยู่ติดกับห้องนอนเล็กครับ สามารถเข้าได้จากทั้งทางห้องนอนเล็ก และทางห้องรับแขก
พื้นที่ในห้องน้ำประมาณนี้
พื้นห้องน้ำดรอปลงไปประมาณ 3 ซม. มีตัวจบเป็นหินก่อนเข้าห้องน้ำ ซึ่งแบบนี้จะดีกว่าแบบมี Curb นะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะเดินสะดุดเวลาเข้าห้องน้ำ
ชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแบบก่อ และโถสุขภัณฑ์
อ่างล้างหน้า COTTO แบบฝัง ข้างๆอ่างวางของได้เพียบ พื้นที่เยอะ
หัวก็อกน้ำ COTTO เช่นเดียวกัน
ท้อปหินแกรนิต
ตู้เก็บของหน้าบานเป็นกระจกเงา
เปิดออกมาเก็บของได้
ใต้อ่างล้างหน้าก็มีช่องเก็บของอีก น่าจะเพียงพอนะ
สายฉีดชำระ ดูไม่สมราคาไปหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ห้อง Shower Box เป็นผนังแบบปูนครึ่งหนึ่ง อีกหนึ่งหนึ่งเป็นกระจก แล้วมีบานประตูกระจกกั้นส่วนเปียก-ส่วนแห้งอีกทีหนึ่ง
ชุด Rain Shower ที่ติดมาให้
ในห้อง Shower Box มีพื้นที่สำหรับนั่งหรือวางของได้
หัว Rain Shower
ชุด Hand Shower ที่มาเป็น Set คู่กัน
ระบบน้ำที่นี่เป็นแบบน้ำร้อนผสมน้ำเย็น ไม่ใช่เครื่องทำน้ำอุ่น แล้วเขาก็ให้ชุดก็อกน้ำอย่างดีมาด้วย ปรับอุณหภูมิได้
ออกจากห้องน้ำเข้ามาในห้องนอนเล็ก
ห้องน้ำนี้สามารถเข้าได้ 2 ฝั่งอย่างที่บอก
ห้องนอนเล็ก วางเตียง 5 ฟุตเอาไว้ให้ดู มีพื้นที่วางโต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ฝั่ง ห้องนี้ไม่มีเฟอร์นิเจอร์นะครับ ให้มาเป็นแบบห้องเปล่า ดังนั้นเราจะซื้อเตียง 6 ฟุตมาใส่ก็ทำได้
พื้นที่ปลายเตียงมีเพียงพอที่จะวางตู้เสื้อผ้า ตู้ Cabinet เล็กๆหนึ่งตู้ แต่ต้องวัดระยะเผื่อเปิดประตูห้องให้ดีๆนะครับ
พื้นที่ปลายเตียงกว้างมาก จะวางชั้นวางทีวีก็ได้
ผนังห้องนอนเล็กเป็นผนังกระจก รับวิวได้
พื้นที่ข้างเตียงยังเหลือ วางโต๊ะหัวเตียงได้แบบหลวมๆ
สำหรับห้องนอนเล็กนี้ มีห้องตัวอย่างอยู่ห้องหนึ่งที่แต่งแบบทำห้องนอนเล็กเป็นห้องทำงานด้วยนะครับ อันนี้โครงการเขาก็ทำไว้ให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆ จะทำตามก็ได้ไม่ทำก็ได้นะ
มาดูห้อง Master Bedroom กันบ้าง ซึ่งเป็นห้องสุดท้ายครับ เปิดเข้าห้องมา ห้องนี้แต่งครบ ให้เตียงขนาด 6 ฟุตมา ด้านซ้ายวางโต๊ะหัวเตียง ส่วนด้านขวาวางโต๊ะทำงาน
ปลายเตียงวางชั้นวางทีวีแบบ Built-in แล้วยังมีพื้นที่เหลือให้เดินผ่านได้สะดวก
ให้ดูอีกมุมหนึ่ง ห้องน้ำอยู่มุมไกลๆ
พื้นที่ปลายเตียงแบบชัดๆ ยังมีพื้นที่ด้านบนเหลือ จะใส่ตู้เก็บของอีกก็ยังสามารถทำได้ เพราะพื้นถึงฝ้าให้มาสูง
ปลายเตียงติดแอร์เอาไว้แล้ว แถมมี Grille บังสายตาอีก … แต่ส่วนตัวผมคิดว่า ติดแอร์แบบเปลือยๆน่ะดีแล้ว จะได้ดูแลรักษาง่ายหน่อย แล้วตำแหน่งติดแอร์อยู่ปลายเตียงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะแอร์จะเป่าหน้าได้ครับ เวลาเรานอนหลับ โดยปกติจะนิยมติดด้านข้างมากกว่า
แอร์ของ Samsung ติดไว้แบบนี้
พื้นที่ข้างเตียงเหลือเยอะมาก จะวางโต๊ะเครื่องแป้งอีกตัวก็ทำได้ หรือจะใส่ตู้เสื้อผ้าเพิ่มก็ได้ถ้ายังไม่พอ
โต๊ะข้างเตียงที่ให้มาด้วย
ห้องนอน Master Bedroom อยู่ติดกับผนังกระจกพื้นจรดฝ้า มีบานกระทุ้งซ้าย-ขวา สามารถเปิดออกรับลมได้ แต่ไม่มีระเบียง
โต๊ะทำงานที่อยู่ข้างเตียง อยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำ ความจริงตำแหน่งตรงนี้วางโต๊ะเครื่องแป้งอาจจะเหมาะสมกว่า เพราะอยู่ใกล้ห้องน้ำ แล้วนำโต๊ะทำงานไปไว้อีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับหน้าต่างแทน เพื่อให้ได้แสงธรรมชาติด้วย
โต๊ะทำงานให้ชุดนี้มาเลย มีเก้าอี้หนังให้ด้วย
สุดท้ายเป็นส่วน Walk-in Closet ที่เป็นตู้เสื้อผ้า 2 ด้าน ด้านในสุดเป็นประตูบ้านเลื่อน สำหรับเข้าห้องน้ำ
เปิดประตูบานเลื่อนออกก็จะเห็นห้องน้ำอยู่ภายใน
ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ หน้ากว้างกว่าห้องน้ำของห้องนอนเล็ก สามารถวางอ่างอาบนำ้ได้ แต่ไม่มี Shower Box ทำให้ต้องยืนอาบน้ำในอ่าง
โถสุขภัณฑ์
ด้านหลังโถสุขภัณฑ์มีพื้นที่วางของนิดหน่อย
เคาน์เตอร์อ่างล่างหน้า ใหญ่กว่าห้องเมื่อกี๊นิดนึง
ตู้เก็บของ หน้าบานเป็นกระจกเงา
อ่างอาบน้ำหน้าตาประมาณนี้ ดรอปพื้นที่อ่างลงไปหน่อยนึง เพื่อความง่ายในการก้าวเข้าก้าวออกจากอ่างด้วย
หัวก็อกข้างอ่างหน้าตาแบบนี้ ยี่ห้อ Marino
ชุด Rain Shower ที่อยู่ในอ่างอาบน้ำอีกที เวลาอาบน้ำต้องยืนอาบนะจ๊ะ
ส่วนห้อง 2-Bed ห้องอื่นในโครงการ ยังมีห้องพิเศษด้วยนะครับ เป็นห้องที่ตกแต่งโดย Designer โดยจะวางเฟอร์นิเจอร์ชุดพิเศษเอาไว้ครับ ห้องนี้ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ทั้งชุดเลย ใครสนใจก็แนะนำว่าเข้าไปดูที่โครงการจะดีกว่าครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 January 2014
- 2-Bed ชั้น 2 ห้อง 2B1 เนื้อที่ 99.82 ตร.ม. ราคา 12.8 ล้านบาท หรือ 128,230 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 2 ห้อง 2B2 เนื้อที่ 99.45 ตร.ม. ราคา 12.8 ล้านบาท หรือ 128,707 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 3 ห้อง 3B2 เนื้อที่ 98.45 ตร.ม. ราคา 12.8 ล้านบาท หรือ 130,015 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 3 ห้อง 3B3 เนื้อที่ 98.45 ตร.ม. ราคา 12.8 ล้านบาท หรือ 130,015 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 3 ห้อง 3B4 เนื้อที่ 99.82 ตร.ม. ราคา 12.8 ล้านบาท หรือ 128,230 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 4 ห้อง 4B3 เนื้อที่ 98.45 ตร.ม. ราคา 12.8 ล้านบาท หรือ 130,015 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 4 ห้อง 4B4 เนื้อที่ 99.82 ตร.ม. ราคา 14.38 ล้านบาท หรือ 144,117 บาท/ตร.ม. (ห้องตัวอย่างตกแต่งพิเศษ)
- 2-Bed ชั้น 5 ห้อง 5B3 เนื้อที่ 98.45 ตร.ม. ราคา 13.48 ล้านบาท หรือ 137,000 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 6 ห้อง 6B3 เนื้อที่ 98.45 ตร.ม. ราคา 13.81 ล้านบาท หรือ 140,300 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 7 ห้อง 7B3 เนื้อที่ 98.45 ตร.ม. ราคา 14.13 ล้านบาท หรือ 143,600 บาท/ตร.ม.
- 2-Bed ชั้น 7 ห้อง 7B4 เนื้อที่ 99.82 ตร.ม. ราคา 16.1 ล้านบาท หรือ 161,306 บาท/ตร.ม. (ห้องตัวอย่างตกแต่งพิเศษ)
- Fully Furnished + แอร์ + Wallpaper + ผ้าม่าน + เครื่องใช้ไฟฟ้า + Props ตกแต่งบางส่วน
- เพดานสูง 2.70 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle TukTuk ไปกลับ BTS เพลินจิต
- จอง 100,000 บาท
- ทำสัญญา 20% จากราคาขาย
- ค่ากองทุน 600 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 55 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน (เฉพาะปีแรก)
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลของโครงการ O2 Condo เพลินจิต จัดว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในเขตใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ในย่านเพลินจิต-วิทยุ-ชิดลม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเขตเศรษฐกิจ เป็นย่านที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ความอุดมสมบูรณ์ในรัศมี 1-3 กิโลเมตร จัดว่าอยู่ในขั้นดีมาก
ตัวทำเลของโครงการ O2 Condo ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ อยู่ลึกเข้าซอยไปประมาณ 300 เมตร แต่อยู่ในระยะเดินไปรถไฟฟ้าได้ ตัวซอยนายเลิศเป็นซอยสงบๆ เป็นทำเลที่อยู่อาศัย ซึ่งมีความแตกต่างจากทำเลโดยรอบพอสมควร เหมือนปลีกวิเวกออกไปเลย ทำให้ได้เรื่องของความสงบ และความเป็นส่วนตัว แม้จะอยู่ในจุดที่วุ่นวายอย่างใจกลางเมือง แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นซอยที่มีความเฉพาะตัว เป็นซอยที่ไม่ค่อยมีคนใช้เป็นทางผ่านเท่าไหร่นัก นอกเสียจากช่วงเย็นๆเวลา 17.00-19.00 ที่จะมีรถขึ้นทางด่วนที่มาติดอยู่ในซอย เพราะถูกบังคับให้เลี้ยวเข้าซอยนี้ แต่นอกเหนือจากเวลาดังกล่าว อาจจะมีสภาพที่ดูเปลี่ยวไปบ้าง โดยเฉพาะเวลากลางคืน ซึ่งจะรับได้หรือเปล่าอันนี้ต้องแล้วแต่บุคคลไปนะครับ
การเดินทางด้วยรถยนต์ของโครงการ ต้องบอกเลยว่ามีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เนื่องจากรอบด้านเต็มไปด้วยถนนวันเวย์ และตัวซอยนายเลิศเองก็เป็นถนนวันเวย์เช่นเดียวกัน ถนนซอยก็ค่อนข้างแคบ ถ้ายืนยันจะอยู่โครงการนี้แล้วจะใช้รถ ควรดูดีๆว่าในชีวิตประจำวัน จะมี “Loop” การเดินทางไป-กลับอย่างไร สะดวกหรือไม่ ซึ่งอันนี้บอกไม่ได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าทำงานที่ไหน แต่โซนที่สะดวกหน่อยน่าจะเป็นโซนเส้นพระราม 1 เส้นเพลินจิตฝั่งเหนือ ที่เกาะแนวรถไฟฟ้า และโซนเพชรบุรี / สุขุมวิทตอนต้น นี่แหละครับ แต่โครงการนี้ก็มีข้อดีตรงที่ให้ที่จอดรถมาค่อนข้างดี ประมาณ 75% ไม่รวมซ้อนคัน
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ อยู่ในขั้นที่สะดวกพอสมควรเลย เพราะอยู่ในระยะเดินเท้าไปรถไฟฟ้าได้ ห่างประมาณ 280 เมตร แถมยังมี Shuttle Service รับส่งที่รถไฟฟ้า และสามารถเรียกให้ไปรับจากห้างฯบริเวณใกล้เคียงได้ด้วย เช่น Central ชิดลมเป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวกที่ไม่ต้องเดินแล้ว ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับการเดินทางได้อีก เพราะไม่ต้องพึ่ง Taxi/มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไหนไม่รู้ ซึ่งถ้าจะเรียกรถเองก็จะลำบากหน่อยด้วย เพราะว่าซอยนี้รถ Taxi ไม่ค่อยผ่าน วินมอไซค์ก็อยู่ปากซอย ต้องเดินออกไปเรียกที่ถนนใหญ่อยู่ดี
การออกแบบโครงการ เน้นความ Privacy มาก และเสริมระบบ Security ให้กับโครงการได้ดีพอสมควร มีจำนวนยูนิตน้อย มีความหนาแน่นน้อย จำนวนห้องแค่ 8 ห้องต่อชั้น อัตราส่วนลิฟท์ 24:1 มีการใส่ใจรายละเอียดในเรื่องความ Private ของโครงการ เช่น จำนวนยูนิตที่น้อยเทียบกับขนาดที่ดิน การ Access เข้าโครงการ มี Key Card/CCTV และ รปภ. ที่คอยดูแล เสริม Digital Door Lock ให้กับห้องด้วย ก็ถือว่า ให้มาครบดี สำหรับคอนโดราคาระดับนี้ และถึงแม้จะเป็น Low Rise ก็ตาม
ตัวห้องมีขนาดใหญ่ ให้พื้นที่มาเยอะมาก ห้อง 1-Bed ขนาด 50 ตารางเมตร และห้อง 2-Bed ขนาด 100 ตารางเมตร เรื่องความอยู่สบายและการจัดเฟอร์นิเจอร์ ทำได้ลงตัวอยู่แล้ว พื้นที่เยอะ จัดง่าย แต่จะติดอยู่บางเรื่อง อย่างแรกคือครัว ที่ให้มาขนาดเล็ก ทั้ง 1-Bed และ 2-Bed เทียบกับสัดส่วนขนาดห้องแล้ว น่าจะเพิ่มขนาดครัวให้ใหญ่กว่านี้ เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะ Built-in เฟอร์นิเจอร์มาครบแล้วก็ตาม แต่ระยะการใช้งานยังไม่ค่อยสะดวกอยู่ ส่วนห้องน้ำ สำหรับห้องที่มีอ่างอาบนำ้จะติดแค่เรื่องที่เราต้องไปยืนอาบในอ่าง ซึ่งคนไทยหลายๆคนอาจจะไม่ชอบ ไหนๆห้องมีพื้นที่เยอะ น่าจะจัดให้เป็น 4 Fixture ไปเลย แล้วไปลดพื้นที่ส่วนอื่นลง เพิ่มให้ห้องน้ำห้องใหญ่อีกหน่อย
วัสดุอุปกรณ์ส่วนใหญ่จัดมาให้สมราคา และบางชิ้นก็ถือว่าเกินความคาดหมาย เช่นผนังกระจกเต็มบาน รอบด้าน และการเก็บรายละเอียดต่างๆ การดรอปฝ้า การลดระดับพื้น และยังให้เป็นแบบ Fully-Furnished ด้วย ถือว่าให้มาดีกว่ามาตรฐานของคอนโดราคานี้อยู่ในระดับหนึ่งเลยครับ
ทางด้าน Facilities ก็มีมาให้พอใช้งานได้ในระดับคอนโด Low Rise แต่สระว่ายน้ำเอาไปไว้บนชั้นดาดฟ้า และให้พื้นที่สระใหญ่พอสมควร เมื่อเทียบกับตัวตึก ซึ่งตรงนี้ถือว่าดี พื้นที่สวนดาดฟ้า และพื้นที่นั่งเล่นก็ดูน่าใช้งานดี ถ้าตอนที่แดดไม่ร้อน หรือ กลางค่ำกลางคืน พาเพื่อนมา Party ได้ ก็คงจะสนุกเลย แต่จะติดตรงที่ไม่มีฟิตเนสเป็นของตัวเองนี่แหละ ซึ่งโครงการก็ให้ Membership ของ Novotel มาแทน ที่สามารถไปใช้ฟิตเนสที่โรงแรม Novotel เพลินจิตได้ ก็นับว่าแก้ไขปัญหาได้ระดับหนึ่ง เพราะอายุสมาชิกก็ฟรีแค่ 2 ปีเท่านั้น แต่โดยรวมก็ถือว่าให้มาสมราคาดีครับ
สุดท้ายคือเรื่องของราคาของโครงการนี้ ซึ่งด้วยขนาดห้องที่ใหญ่ ทำให้ราคาต่อยูนิตของโครงการค่อนข้างสูง ห้อง 1-Bed เริ่มอยู่แถวๆ 6.4 ล้าน ส่วนห้อง 2-Bed ก็ประมาณ 12.8 ล้านขึ้นไป ถ้าเทียบเป็นราคาต่อตารางเมตรแล้วอาจจะไม่สูงกว่าโครงการหลายๆโครงการในละแวกเดียวกัน แต่พอเทียบเป็นราคาต่อยูนิตแล้ว ราคานี้มีสินค้าที่เป็นตัวเปรียบเทียบเยอะ และสามารถหยิบโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่หรือติดรถไฟฟ้าก็ได้เหมือนกัน ดังนั้นคนที่เหมาะกับโครงการนี้ ก็ควรจะเป็น คนที่ยอมกระเถิบเข้าไปอยู่ในซอย ไม่ซีเรียสว่าจะต้องอยู่ติดถนนใหญ่ ซึ่งต้องยอมเสียเวลาเดินทางออกมาหน่อย ยอมจ่ายเท่ากันเพื่อให้ได้ห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น อยู่สบาย ใช้งานได้จริง และไม่วุ่นวาย ได้ความเป็นส่วนตัวครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 130,000 บาทต่อตารางเมตร, 22 January 2014
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลอยู่ในซอย ไม่ติดถนนใหญ่ ซอยแคบ แต่ได้ความอุดมสมบูรณ์ ความเจริญของตัวเมือง
- เดินทางด้วยรถ 6/10 – ล้อมรอบด้วยถนนวันเวย์ มีข้อจำกัดในการเดินทางด้วยรถมาก แต่ที่จอดรถ 75%
- ไม่ใช้รถ 8/10 – ห่างรถไฟฟ้าประมาณ 280 เมตร, มี Shuttle Service, แต่ต้องเรียกรถที่ถนนใหญ่
- วัสดุ 8.25/10 – Fully Furnished วัสดุดีกว่ามาตรฐานในระดับหนึ่ง ผนังกระจกพื้นถึงฝ้าเต็มบาน ให้ของมาครบพร้อมอยู่
- แบบ 8.5/10 – ยูนิตน้อย ไม่หนาแน่น เน้น Privacy และ Security ค่อนข้างดี ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – สระว่ายน้ำ และ Sky Garden จัดออกมาดี Lobby น่าใช้ และน่าจะเพียงพอเทียบกับคนอยู่อาศัย เสียดายไม่มีฟิตเนส
- HIGH CLASS
- 7.58 / 10.00
BOTTOM LINE
O2 Condo เพลินจิต เหมาะกับคนที่กำลังมองหาบ้านที่อยู่ใกล้ที่ทำงาน ในย่านเพลินจิต เน้นเดินไปทำงานได้ หรือนั่งรถไฟฟ้าใกล้ๆ ชอบใช้ชีวิตอยู่ในเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการโครงการที่มี Privacy และ Security ยูนิตน้อยๆ อาจจะชอบ Low Rise มากกว่า High Rise และมองหาคอนโดห้องที่มีขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะๆ ใช้งานได้สะดวก
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ