รีวิวฉบับที่ 1822 … สวัสดีครับวันนี้พาไปรีวิวโครงการ Niche Mono สุขุมวิท-ปู่เจ้า เป็นคอนโด High Rise สูง 12 ชั้น จาก เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ทำเลดีอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีปู่เจ้า เพียง 45 m. ดีไซน์ห้องใหม่เน้นห้อง size ใหญ่ ขายแบบ Fully Furnished พร้อมอยู่ ให้วัสดุในห้องค่อนข้างดี ในราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยครับ
Fact @ 27 February 2019
- Niche Mono Sukhumvit-Puchao (นิช โมโน สุขุมวิท-ปู่เจ้า)
- บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : สำโรง
- คอนโด High Rise 12 ชั้น 3 อาคาร
- อาคาร A 198 ยูนิต, อาคาร B 176 ยูนิต และอาคาร C 198 ยูนิต รวม 572 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 18 ยูนิตที่อาคาร A กับ C
- ที่จอดรถประมาณ 233 คันคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 5-3-98.2 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ม.ค. 2562
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พ.ย. 2562
- 1 Bedroom Living Plus 34.17 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus 34.37 – 36.70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 46.22 – 48.80 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 75,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 73,600 – 80,800 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1775 กด 75
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.638490, 100.592316
แผนที่จากทางโครงการครับ
ทำเล “สำโรง-ปู่เจ้าสมิงพราย” มีใครหลายคนสงสัยว่าทำไมถึงเอาชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อถนน เดิมทีมาจากชื่อ “ป้อมปู่เจ้าสมิงพราย” เป็น 1 ใน 9 ของชื่อป้อมที่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อป้องกันข้าศึกโดยเฉพาะพวกญวณที่แผ่อำนาจเข้ามาทางเขมรในสมัยนั้น ซึ่งเป็นป้อมที่เหลือรอดมาและได้รับการปรับปรุงอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนจะได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาในปี 2552 ที่ผ่านมา โดยองค์ปู่เจ้าสมิงพราย เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือของชาวมอญคู่ป้อมปู่เจ้าสมิงพรายมาช้านาน หรือก็คือเทพารักษ์ ที่ชาวมอญเคารพนับถือเสมือนปู่ มีคำเรียกนำหน้านามว่า สมิง ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ของขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายมอญ นามว่า สมิงพราย จึงเรียกรวมๆต่อมาว่า “ปู่เจ้าสมิงพราย”
โครงการ Niche Mono สุขุมวิท-ปู่เจ้า ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทและมีที่ดินด้านหลังเชื่อมต่อกับถนนรางรถไฟเก่าได้จึงสามารถเข้าออกได้ 2 ทาง ซึ่งปกติถนนสุขุมวิทจะเป็นถนนเส้นหลักที่สามารถวิ่งตรงเข้าสู่ตัวเมืองไปยังพระโขนง อโศก และสยามได้เลย ส่วนถนนรางรถไฟเก่านั้นจะเป็นถนนที่ใช้เลี่ยงรถติดได้ดี เพราะต้องบอกก่อนว่าถนนสุขุมวิทช่วงสำโรงเป็นต้นมารถจะติดหนักมากโดยเฉพาะชั้วโมงเร่งด่วนยาวมาจนถึงถนนกาญจนาภิเษก ดังนั้นหลายๆคนโดยเฉพาะคนในพื้นที่จึงใช้ถนนรางรถไฟเก่าซึ่งเป็นถนนคู่ขนานเพื่อเป็นการระบายรถได้อีกหนึ่งเส้นทาง โดยจะมีความยาวเชื่อมต่อไปจนถึงถนนสรรพาวุธและทางด่วนได้ เพียงแต่ถนนเส้นนี้จะเป็นทาง one way สามารถเดินรถขึ้นเหนือได้ทางเดียวเท่านั้นนะครับ และอีกอย่างหนึ่งคือแถวนี้เป็นเขตโรงงานและอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงเป็นเส้นที่มีรถบรรทุกวิ่งผ่านอยู่เป็นจำนวนมาก เวลาขับรถเส้นนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังกันเป็นพิเศษด้วยนะครับ
นอกจากนี้ถนนสุขุมวิทช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่วิ่งขนานไปกับถนนศรีนครินทร์ที่มุ่งหน้าไปทางบางนา-บางกะปิได้ โดยสามารถใช้ถนนเทพารักษ์ ซอยแบริ่ง หรือซอยลาซาลเพื่อเชื่อมต่อไปได้ง่ายๆครับ แต่ถ้าหากลงใต้มาก็จะไปทางปากน้ำและเข้าสู่ตัวเมืองสมุทราปราการนะ และอีกหนึ่งจุดเด่นของทำเลนี้คืออยู่ไม่ไกลจากวงแหวนกาญจนาภิเษกด้วย แต่ก็ต้องไปกลับรถมาหน่อยนึง จึงทำให้เข้า-ออกเมืองไปทางพระราม 2 หรือจะไปรามคำแหง-บางปะอินก็สะดวก
ความอุดมสมบูรณ์ต้องบอกก่อนว่าทำเลย่านนี้ยังเป็นเขตโรงงานและอุตสาหกรรมอยู่นะครับ โดยรอบจึงมีโรงงานใหญ่ๆอยู่รายล้อมทั้ง Toyota, Honda และ TOA รวมถึงยังมีบริษัทเล็กๆอีกมากมายที่บนถนนปู่เจ้าฯ จึงเป็นทำเลที่ค่อนข้างตอบโจทย์คนทำงานในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูงหน่อยเพราะใกล้ที่ทำงานเดินทางได้สะดวกมากๆ ส่วนเรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงครับ เพราะฝั่งตรงข้ามเป็น BigC Jumbo ที่เราสามารถเดินข้ามสะพานลอยไปใช้งานกันได้ง่ายๆ ภายในเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหาร และร้านกาแฟ หรือหากใครไม่อยากข้ามไปก็มีเซเว่น ร้านกาแฟอเมซอน และศูนย์อาหารที่อยู่ในปั๊ม ปตท. ใกล้ๆกับโครงการเลยครับ สามารถเดินมาใช้บริการได้ไม่ยาก
และถ้าอยากเดินช้อปปิ้งห้างใหญ่ๆ ที่มีตลาดและของถูกๆขายเยอะๆ ก็ต้องยอมรถติดหน่อยเพื่อไปอิมพีเรียลเวิลด์และตลาดสำโรงเลยครับ มีทั้งเสื้อผ้า ตลาดสด ตลาดขายส่งราคาย่อมเยา และโรงพยาบาลพร้อมเลย แต่ถ้าอยากได้ของสดที่ส่งตรงจากทะเลและราคาไม่แพงก็ต้องลงมาที่ปากน้ำด้านล่างเลยครับ รวมถึงมีศูนย์ราชการต่างๆที่จำเป็นก็อยู่ที่นี่หมด หรือจะเป็นห้างบนถนนศรีนครินทร์ก็มีทั้ง Tesco Lotus และ Jas Urban ซึ่งจะมีฟิตเนสและ KFC ที่เปิดตลอด 24 ชม. อยู่ด้วย เผื่อใครหิวๆตอนกลางคืน และสุดท้ายถ้าใครเบื่อๆห้างแถวนี้จะขับรถขึ้นวงแหวนกาญจนาฯ มา Mega บางนา ก็ไม่ยากเลยครับ ซึ่งอนาคตจะมี Mega Project ทำเป็น Mixed-use ขนาดใหญ่ จะมีคนอีกมากมายเข้ามาทำงานและใช้จ่ายในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
จุดเด่นของโครงการนี้คืออยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากๆ โดย BTS สถานีปู่เจ้า เป็นช่วงส่วนต่อขยายมาจาก BTS (หมอชิต-สำโรง) เส้นเดิม ซึ่งจะมีการบังคับเปลี่ยนขบวนที่ BTS สถานีสำโรง โดยตัวชานชาลาจะอยู่ตรงกลางและต้องมาขึ้นขบวนฝั่งตรงข้ามเหมือนสถานีสยาม นอกจากนี้ในอนาคตยังจะเป็น Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง MRT (ลาดพร้าว-สำโรง) อีกด้วย ซึ่งจะห่างออกไปเพียง 1 สถานีเท่านั้นครับ
โดยตัวโครงการจะอยู่ห่างจากบันไดเลื่อนทางขึ้น (เส้นสีแดง) ประมาณ 45 m. และอยู่ห่างจากบันไดและลิฟต์ (เส้นสีเขียว) ประมาณ 140 m. เท่านั้นเองครับ ถือว่าเป็นระยะที่สามารถเดินถึงได้สบายๆ เพียงแต่เป็นระยะที่วัดจากหน้าประตูเท่านั้นนะครับ ถ้าใครที่อยู่อาคารด้านในก็อาจต้องเดินไกลขึ้นอีกหน่อยเป็น 100 – 200 m. แต่เป็นการเดินในโครงการซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยหายห่วง นอกจากนี้ระหว่างทางยังมีวินมอไซค์และเซเว่นอยู่ที่ปั๊ม ปตท. อีกด้วย ส่วนสะพานลอยและป้ายรถเมล์จะอยู่อีกด้านหนึ่ง (เส้นสีส้ม) ซึ่งมีระยะทางประมาณ 170 m. ครับ และนอกจากนี้ถนนรางรถไฟเก่าด้านหลังโครงการยังมีรถสองแถววิ่งผ่านอีกด้วยนะ โดยเราสามารถนั่งไปอิมพีเรียลเวิลด์สำโรงได้ง่ายๆเลยครับ
ส่วนจุดกลับรถใกล้โครงการมากที่สุดคือหน้า BigC (สีแดง) ระยะประมาณ 80 m. ซึ่งอาจค่อนข้างกระชั้นชิดไปสักหน่อยสำหรับบางคน แต่เพราะถนนช่วงนี้รถค่อนข้างติดครับ รถเคลื่อนตัวได้ช้าจึงทำให้สามารถกลับรถได้ทันไม่ยาก แต่จุดนี้ก็ไม่ใช่จุดกลับรถกลักของโครงการจริงๆครับ ถ้าใครกลับรถไม่ทันก็ยังมีอีกจุดหนึ่งตรงแยกปู่เจ้า (สีส้ม) ระยะประมาณ 550 m. แต่รถอาจติดมากหน่อยนะครับ ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนขากลับก็จะมีจุดกลับรถที่อยู่ก่อนวงแหวนกาญจนาภิเษก (สีเขียว) ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 600 m. เป็นระยะสามารถชิดซ้ายเพื่อเข้าโครงการได้อย่างปลอดภัยครับ
และเมื่อพูดถึงการเดินทางด้วยรถยนต์แล้ว ทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคงหนีไม่พ้นวงแหวนกาญจนาภิเษก โดยเราจะต้องไปกลับรถมาก่อน และสามารถมาขึ้นวงแหวนได้ในระยะทางประมาณ 1.5 km. ใช้เวลาเพียง 3 – 5 นาทีเท่านั้น สามารถเลือกได้ว่าจะไปทางพระราม 2 หรือทางศรีนครินทร์-บางนา ก็ได้ครับ
ส่วนถ้าใครอยากเข้าเมืองโดยตรงก็แนะนำให้ใช้ถนนรางรถไฟเก่าด้านหลังโครงการให้เป็นประโยชน์ เพื่อเลี่ยงรถติดที่หนักหน่วงบนถนนสุขุมวิทช่วงตลาดสำโรง โดยเราสามารถเชื่อมต่อกับถนนสรรพาวุธเพื่อไปขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครได้ในระยะทาง 6.4 km. ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีก็ถึงครับ หรือจะตรงต่อไปบนถนนรางรถไฟเก่าแล้วใช้ทางลัดจากซอยสุขุมวิท 62 เพื่อไปขึ้นทางพิเศษฉลองรัชเพื่อไปพระราม 9 – รามอินทราได้ในระยะทางประมาณ 7.7 km. ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีครับ
สำหรับการเดินทางในวันนี้ผมเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้าซึ่งสะดวกที่สุด โดยลงที่ BTS สถานีปู่เจ้า ใช้ทางออกที่ 2 ทางด้านซ้าย แล้วเดินย้อนกลับมาอีกหน่อยประมาณ 140 m. ก็จะถึงที่ตั้งโครงการทางซ้ายมือครับ
เริ่มต้นบน BTS สถานีปู่เจ้า ให้ใช้ทางออกที่ 2 เพื่อลงบันไดทางซ้ายมือครับ
ก่อนลงบันไดลองดูบรรยากาศตรงสถานีกันสักหน่อยครับ ทิศนี้เป็นทางที่มุ่งหน้าไปสำโรง ทางซ้ายจะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ไม่ไกล ส่วนทางขวาจะมี BigC Jumbo ตั้งอยู่ ซึ่งจะมี Skywalk เชื่อมต่อจากสถานีไปลงด้านหน้าห้างเลยครับ ดังนั้นเวลาเราจะมาห้างนี้จากโครงการก็สามารถขึ้นบันไดรถไฟฟ้าเพื่อใช้ทางเชื่อมนี้ไปลงที่หน้าห้างได้สะดวกมากๆ
และเมื่อเราเลี้ยวซ้ายมาที่ทางออกที่ 2 จะเจอกับทางแยกอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางขวาเป็นบันไดเลื่อนทางขึ้นซึ่งจะอยู่ใกล้โครงการมากที่สุดเพียง 45 m. เท่านั้น จึงค่อนข้างสะดวกมากๆสำหรับขาขึ้นเพราะไม่ต้องเดินเองให้เมื่อย ส่วนขาลงเราจะต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปลงบันไดปกตินะ
ก่อนลงจากสถานีลองมองไปรอบๆเพื่อดูบรรยากาศกันอีกสักเล็กน้อย ทางซ้ายที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไปคือปั๊มน้ำมัน ปตท. ซึ่งเป็นปั๊มขนาดใหญ่ที่มีทั้งเซเว่น ร้านกาแฟอเมซอน และศูนย์อาหารอยู่ภายใน สามารถเดินมาใช้บริการกันได้นะ อู่ซ่อมรถก็มี และอีกหนึ่งความสำคัญของปั๊มแห่งนี้คือด้านหลังจะเชื่อมกับถนนรางรถไฟเก่าเช่นเดียวกับโครงการ ดังนั้นรถแถวนี้ส่วนใหญ่จึงใช้ปั๊มแห่งนี้เป็นทางลัดเชื่อม 2 ถนนไป-มาเพื่อเลี่ยงรถติด จึงทำให้ปั๊มแห่งนี้คึกคักเป็นพิเศษครับ และเมื่อเราหันมามองด้านขวากันบ้างจะเจอโรงงานและอาคารสำนักงาน ซึ่งถัดไปจะเป็นที่ตั้งโครงการเราอยู่แค่ข้างหน้านี่เองครับ
และเมื่อเราลงบันไดมาแล้วก็ให้เดินย้อนกลับมาอีกด้านหนึ่งนะ สังเกตว่าติดกันจะมีลิฟต์ที่จะลงมาที่จุดเดียวกันให้สำหรับผู้สูงอายุหรือคนพิการที่ไม่สะดวกขึ้นลงบันไดได้ใช้กันอีกด้วย
เมื่อเดินตรงมาหน่อยก่อนพ้นปั๊มน้ำมันไปจะเห็นว่าด้านซ้ายมีเซเว่นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ถ้าใครกลับจากที่ทำงานด้วยรถไฟฟ้าก็สามารถแวะซื้อของก่อนเข้าบ้านได้ง่ายๆเลย และที่หัวมุมปั๊มน้ำมันยังมีวินมอไซค์ตั้งอยู่อีกด้วย
อัตราค่าโดยสารของวินนี้ก็ตามนี้เลยครับ ถ้าวันไหนใครรีบๆ รถติด หรือทำงานไม่ไกลอยู่แถวนี้ก็สามารถมาใช้บริการพี่วินได้ก็สะดวกดีนะ
และเมื่อเดินตรงต่อมาเลยบันไดเลื่อนและโรงงานมาหน่อยจะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือเลยครับ
ปัจจุบันด้านหน้าโครงการเป็น Sale Gallery ชั่วคราว (ในอนาคตจะรื้อออกเพื่อคืนพื้นที่ให้กับโครงการ) ลักษณะเป็นอาคารทรง Modern โทนสีน้ำตาลเข้มแบบนี้
ส่วนถ้าใครขับรถมาก็สามารถจอดรถด้านหน้าได้เลยครับ มีที่จอดหลายคันเลย
บรรยากาศภายใน Sale Gallery จะมีความ Modern แบบเรียบหรู ใช้โทนสีขาวและกระจกทำให้ดูสะอาดตาและโปร่งโล่ง ด้านซ้ายมีเคาน์เตอร์ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่นั่งประจำคอยให้ข้อมูลอยู่ ทางขวามีชุดโซฟาและโต๊ะเก้าอี้หลายชุด ตรงกลางมีโมเดลให้ดู และตามผนังจะมีข้อมูลของโครงการติดไว้ให้อ่านด้วยครับ ส่วนด้านในสุดจะมีห้องตัวอย่างอีกด้วย
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
บริบทโดยรอบโครงการเป็นชุมชนแนวราบ ซึ่งส่วนมากจะเป็นโกดัง โรงงาน และอาคารสำนักงาน จะมีที่อยู่อาศัยบ้างเป็นตึกแถว สามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับโกดังสูง 3 – 4 ชั้น และตึกแถวสูง 4 ชั้น ระยะกลางยังพอจะมีที่โล่งสีเขียวอยู่ในปัจจุบัน ส่วนถ้าชั้นสูงๆหน่อยจะได้วิวฝั่งสำโรง
- ทิศใต้ : ติดกับโกดัง โรงงาน และอาคารสำนักงานสูง 2 ชั้น ถัดไปเป็นปั๊มน้ำมัน และโรงงาน Toyota ขนาดใหญ่ ชั้นสูงหน่อยจะมองเห็นวงแหวนกาญจนาภิเษก
- ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าด้านหน้าโครงการ ติดกับถนนสุขุมวิท ฝั่งตรงข้ามเป็น BigC Jumbo และคอนโดสูง 35 ชั้น
- ทิศตะวันตก : เป็นทางเข้าทางด้านหลังโครงการ ติดกับถนนรางรถไฟเก่า ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงงานและโกดังสูง 1 – 2 ชั้น
ก่อนจะไปเดินดูรอบๆโครงการผมมีภาพมุมสูงจากสถานี BTS มาฝากครับ ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าทางด้านซ้ายเป็นอาคารสำนักงานและโกดังสูง 2 ชั้น ส่วนทางขวาเป็นโกดังขนาดใหญ่สูง 3 – 4 ชั้น กับตึกแถว 4 ชั้นที่อยู่ติดถนนสุขุมวิทด้านหน้า โดยที่ดินของโครงการจะยาวไปจนติดถนนรางรถไฟเก่าด้านหลังโน่นเลยครับ
มาเดินดูรอบๆกันเลยครับ ด้านหน้าเป็นถนนสุขุมวิทซึ่งด้านบนจะมีโครงสร้างของรถไฟฟ้าวิ่งผ่านอยู่ด้วย ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น BigC Jumbo และคอนโดมิเนียมสูง 35 ชั้น
เราจะไปดูทางซ้ายของโครงการกันก่อนนะ ซึ่งความจริงก็เป็นเส้นทางที่เราเดินทางมาก่อนหน้านี้แล้วนั่นเอง
ติดกันทางซ้ายเป็นบริษัท Thai British Security Printing Company ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายสิ่งพิมพ์ป้องกันการปลอมแปลงต่างๆครับ
และถ้าเดินตรงต่อมาอีกหน่อยเราจะเจอกับบันไดเลื่อนตั้งอยู่ตรงทางเข้าด้านหน้าบริษัทข้างๆเราเลยนะ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 45 m. เท่านั้น มีทางเท้าให้เดินได้สบายๆ
ต่อไปเราจะมาดูทางด้านขวาของโครงการกันบ้าง ซึ่งจากภาพจะเห็นจุดกลับรถอยู่ไม่ไกลเลยครับ ระยะประมาณ 80 m. อย่างที่บอกไปในช่วงแผนที่
ติดกันทางขวาของโครงการจะเป็นตึกแถวสูง 4 ชั้นยาวตลอดแนว
ตรงมาอีกหน่อยจะมีร้านหมูกะทะซึ่งจะเปิดตอนประมาณ 5 โมงเย็น และมีป้ายรถเมล์กับสะพานลอยอีกด้วย ระยะทางประมาณ 170 m. ครับ
ลองขึ้นมาดูบรรยากาศรอบๆจากบนสะพานลอยกันสักนิด ทิศทางนี้เป็นทางมุ่งหน้าไปแยกปู่เจ้า-สำโรง โดยภาพนี้ผมจะถ่ายตอนสายหน่อยซึ่งรถจะซาลงพอสมควรแล้วครับ แต่ถ้าเป็นช่วงเช้า 7 – 8 โมงนี่รถจะติดหนักมาเลย และโดยรอบสองข้างทางจะเป็นตึกแถวยาวต่อเนื่องกันไปครับ
หันกลับมาดูฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านขวามือฝั่งตรงข้ามกับ BigC และลืมบอกไปว่าถ้าเป็นช่วงเช้าที่รถติดฝั่งขาเข้าจะติดยาวไปจนถึงวงแหวนกาญจาฯเลยทีเดียวนะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C Jumbo ~ 100 เมตร
- Imperial World สำโรง ~ 1.4 กิโลเมตร
- ตลาดสำโรง Center~ 1.9 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ ~ 2.1 กิโลเมตร
- ตลาดเอี่ยมเจริญ ~ 2.8 กิโลเมตร
- โรงเรียนนายเรือ ~ 4.5 กิโลเมตร
- ไบเทคบางนา ~ 4.6 กิโลเมตร
- Tesco Lotus ศรีนครินทร์ ~ 5.7 กิโลเมตร
- Jas Urban ~ 6.1 กิโลเมตร
- Central บางนา ~ 7.2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลศิครินทร์ ~ 8.9 กิโลเมตร
- Mega บางนา ~ 15.9 กิโลเมตร
โครงการ Niche Mono สุขุมวิท-ปู่เจ้า เป็นคอนโด High Rise สูง 12 ชั้น 3 อาคาร จำนวนยูนิตรวม 572 ยูนิต บนพื้นที่ขนาด 5-3-98.2 ไร่ ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมาก ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว และจากกฏหมายควบคุมความสูงของอาคารที่ถูก set back จากถนนทั้ง 2 เส้นทางด้านหน้าและด้านหลัง จึงทำให้โครงการนี้มีความสูงอยู่ที่ 12 ชั้น ส่วนภายนอกของตัวอาคารจะมีความเรียบง่ายและใช้สี Earth tone ที่ดูเป็นธรรมชาติ
โดย 3 อาคารจะเรียงจากอาคาร C อยู่ทางด้านหน้าสุดนับจากถนนสุขุมวิทด้านซ้ายมือ ตรงกลางเป็นอาคาร B และอาคาร A อยู่ทางด้านหลังตามลำดับ ซึ่ง ณ ปัจจุบันทางโครงการได้เปิดขายอาคาร B ก่อนเป็นอาคารแรกสำหรับคนไทย และอาคาร A สำหรับชาวต่างชาติ ส่วนอาคาร C จะเปิดขายตามมาเร็วๆนี้แน่นอน แต่เพราะอยู่ด้านหน้าสุด ใกล้ถนนใหญ่และรถไฟฟ้ามากกว่าเพื่อน จึงทำให้เป็นอาคารที่มีราคาสูงสุดด้วยเช่นกันครับ
แต่ละอาคารจะมีความสูงเท่ากันคือ 12 ชั้น โดยชั้น 1 จะเป็น Main Facilities ชั้น 2 – 12 จะเป็นชั้นพักอาศัย แต่จะมีจำนวนยูนิตไม่เท่ากันคือ อาคาร A กับ C มีอาคารละ 198 ยูนิต ส่วนอาคาร B มี 176 ยูนิต โดยที่อาคาร B จะมี Roof Top Facilities อยู่ด้วยนะ
มาดู Master Plan กันครับ ทางเข้าหลักของโครงการจะอยู่ทางด้านขวาซึ่งเข้ามาจากทางถนนสุขุมวิท เดินรถทางเดียวแบบ one way ตามเข็มนาฬิกา และจะมีทางเข้า-ออกอีกทางอยู่ด้านหลังฝั่งถนนรางรถไฟเก่า โดยอาคาร C จะอยู่ทางด้านหน้าสุดซึ่งจะใกล้รถไฟฟ้ามากกว่าอาคารอื่น ทำให้อาคาร A อาจต้องเดินไกลมากกว่าเพื่อนหน่อยแต่ก็เหมาะกับคนที่ต้องการใช้ชีวิตทางด้านหลังโครงการเช่นทำงานอยู่โรงงานด้านหลัง เป็นต้น ส่วนที่จอดรถจะอยู่บริเวณโดยรอบอาคาร จอดรถแบบกลางแจ้งและมีแบบใต้อาคารบางส่วนครับ รวมถึงมีช่องจอด EV Charger และทางโครงการยังมีการจัดโซนของ Lady Parking เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คุณผู้หญิงอีกด้วยครับ
โดยชั้นแรกของทุกอาคารจะเป็น Main Facilities ซึ่งแต่ละอาคารจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ลูกบ้านก็สามารถใช้งานส่วนกลางทุกอาคารได้ทั้งหมด และมี Lobby แยกออกเป็นส่วนตัวทุกอาคาร ขอเริ่มจากอาคาร C ด้านหน้าสุดก่อน จะมีร้านค้าไว้คอยอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านในโครงการ ส่วนในอาคารจะเน้นเป็นคอนเซ็ปต์ Recharge Connecting ให้คนได้เข้ามานั่งพักผ่อนและทำงานอ่านหนังสือกันได้ ซึ่งเป็นโซนที่ค่อนข้างเหมาะสม เพราะเวลามีแขกภายนอกหรือเพื่อนๆมาหาจะได้เข้ามาแค่อาคารแรกเท่านั้น จะได้ไม่ต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวายภายในโครงการมากนัก ส่วนอาคาร B และอาคาร A จะเป็นคอนเซ็ปต์ Recharge Relax แบบ Active zone แยกออกเป็นทั้งแบบ Indoor และ Outdoor มีทั้ง Fitness และสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่คนส่วนใหญ่จะต้องมาใช้งานหรือเหมาะกับคนออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ โดยจัดให้มาอยู่ด้านในโครงการซึ่งลูกบ้านจะได้ความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอกทางด้านหน้าโครงการมากขึ้น
มาดูโมเดลกันบ้างครับ โดยรอบทางด้านซ้ายเป็นอาคารสำนักงานและโกดังสูง 2 ชั้น ส่วนทางด้านขวาเป็นโกดังและตึกแถวสูง 4 ชั้น ทางเข้าด้านหน้าติดถนนสุขุมวิทจะเป็นไม้กั้นกระดกระบบ RFID คือจะใช้สัญญาณ Bluetooth แล้วเปิดให้อัตโนมัติเหมือน Easy pass บนทางด่วน ไม่ต้องเปิดกระจกลงมาเพื่อแตะบัตรให้แดดร้อนหรือเปียกฝนเลย และเมื่อเข้ามาด้านในอาคารแรกที่เจอคืออาคาร C ซึ่งจะมีร้านค้าอยู่ทางด้านหน้าสุดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านทุกคนที่จะต้องผ่านตรงนี้ก่อนเพื่อเข้า-ออกโครงการ โดยทางเดินรถจะเป็นแบบ one way เหมือนที่บอกไปในช่วงแปลนครับ
มีภาพบรรยากาศจำลองบริเวณด้านหน้าโครงการมาฝากกันด้วย แต่ของจริงรถไฟฟ้าจะไม่ได้ใกล้ขนาดนี้นะ จะอยู่ห่างออกไปอีกหน่อยประมาณ 45 m. แต่ก็ยังเดินถึงได้สบายๆ ซุ้มประตูด้านหน้าจะไม่มีครับ แต่จะออกแบบเป็นพื้นที่เปิดโล่งให้ความรู้สึกสบายๆ โดยมีแนวรั้วและสวนเตี้ยๆประดับเท่านั้น จะได้ไม่บดบังตัวอาคารที่อยู่ด้านในครับ
ภาพจำลองบรรยากาศใต้อาคาร C ส่วนแรกที่เจอนอกจากร้านค้าแล้วยังมี EV Charger และช่องจอดรถยนต์แบบใต้อาคาร ช่องจอดรถมอไซค์ และช่องจักรยานอีกด้วย จะได้ไม่ต้องจอดรถตากแดดกลางแจ้งให้แดดร้อนหรือเปียกฝนครับ
ส่วนกลางของอาคาร C หากดูจากโมเดลจะเห็นว่าภายนอกเน้นเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนในสวน โดยมีการทำจุดที่นั่งต่างๆทั้งแบบกลางแจ้งและเป็น Pavilion ให้เลือกใช้งานกันได้ ส่วนใต้อาคารก็จะเป็น Co-Working Space ซึ่งจะมีผนังกระจกที่สามารถมองออกมาเห็นสวนภายนอกได้อีกด้วย
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Relaxing Seat Area จะมีการออกแบบพื้นที่นั่งในสวนเป็น Pavilion ที่มีระแนงไม้เป็นหลังคาคลุมให้ร่มเงา สามารถมานั่งพักผ่อนหรือทำงานอ่านหนังสือกลางแจ้งในตอนกลางวันได้ อาคารนี้จึงเหมาะกับคนที่รักธรรมชาติหรืออยากได้พื้นที่ทำงานที่หลากหลายทั้งแบบ Indoor และ Outdoor หรืออาจมีเพื่อนและแขกจากภายนอกมานั่งทำงานหรือประชุมร่วมกันบ่อยๆ ซึ่งความสะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้าที่สุด รวมถึงร้านค้าจะอยู่ที่อาคารนี้ทั้งหมด แต่ก็ต้องแลกมากับความพลุกพล่านที่อาจมากกว่าอาคารอื่นเช่นกันครับ
แปลนอาคาร C ชั้น 2 – 12 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด 198 ยูนิต ลักษณะอาคารเป็นรูปตัว L มีช่องเปิดถึง 3 จุดจึงทำให้โถงทางเดินภายในสว่างไม่อึดอัด โดยวางโถงลิฟต์ 2 ตัว (อัตราส่วนลิฟต์ 99 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นมาก) อยู่ค่อนไปทางขวามือ จึงทำให้ห้องที่อยู่ด้านซ้ายอาจต้องเดินไกลกว่าเพื่อนหน่อยแต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวอยู่บ้างครับ แต่ถ้าอยากได้ทั้งความเป็นส่วนตัวด้วยและสะดวกด้วยก็ต้องเป็นห้องทางฝั่งขวาสุดเลย ซึ่งจะมีเพื่อนบ้านร่วมทางเดินแค่ 4 – 5 ห้องเท่านั้น เป็นโถงทางเดินแบบ Single Corridor และได้เป็นห้อง 1 Bed Plus กับ 2 Bedrooms ที่ได้วิวค่อนข้างเปิดโล่งทางด้านหน้าโครงการ และเป็นทิศตะวันออกแดดจึงไม่ค่อยร้อนอีกด้วย ส่วนห้องที่หันไปทางทิศเหนือจะมีความน่าสนใจรองลงมา แต่ต้องเป็นชั้นล่างๆหน่อยนะเพราะจะได้วิวสวนส่วนกลางของโครงการ มองเห็นต้นไม้สีเขียวได้อยู่บ้างครับ ส่วนห้องทางทิศให้อาจโดนแดดมากหน่อยแต่ก็สามารถติดฟิล์มหรือม่านกันรังสี UV ในห้องได้ และเป็นห้องที่ได้ลมค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ถัดมาที่อาคาร B ที่อยู่ตรงกลางกันบ้าง ซึ่งจะมีทางเชื่อมแบบมีหลังคาคลุมให้เดินมาจากอาคาร C ได้สะดวก ไม่ต้องตากแดดตากฝน จากโมเดลจะเห็นว่าส่วนกลางของอาคารนี้เป็นสระว่ายน้ำอย่างที่บอกไปในช่วงแปลน นอกจากนี้ยังมีทั้งสระเด็กและ Jacuzzi ให้เลือกใช้งานได้ มีที่นั่งพักผ่อนข้างสระอยู่ใต้อาคารจึงช่วยบังแดดบังฝนได้บ้าง ส่วนใต้อาคารก็เป็น Play room ที่จะมีเครื่องเล่นของเด็กอยู่ภายใน และเป็นผนังกระจกที่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำภายนอกได้ อีกอย่างหนึ่งคือที่ห้องน้ำของอาคารนี้นอกจากจะมีห้องอาบน้ำแบบปกติแล้ว ยังมี Steam/Sauna ให้ใช้งานได้อีกด้วยครับ อาคารนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบใช้สระว่ายน้ำหรือฟังก์ชันต่างๆเหล่านี้บ่อยๆ หรืออยากได้วิวสระว่ายน้ำก็ว่ากันไปครับ
ภาพบรรยากาศจำลองพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร B ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำขนาด 20 x 5 m. และมีที่นั่งพักผ่อนริมสระอยู่ใต้ชายคาจึงนั่งเล่นตอนกลางวันได้แดดไม่ร้อน ผนังใต้อาคารเป็นกระจกทรงสูงจึงค่อนข้างโปร่งโล่งและ Take View สระว่ายน้ำจากด้านในได้ดีครับ
แปลนอาคาร B ชั้น 2 – 12 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด 176 ยูนิต ลักษณะอาคารเป็นรูปตัว U มีช่องเปิดถึง 4 จุดจึงทำให้โถงทางเดินภายในสว่างและโปร่งโล่งมากกว่าเพื่อน วางโถงลิฟต์ 2 ตัว (อัตราส่วนลิฟต์ 88 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นมาก) อยู่ค่อนไปทางขวามืออีกแล้ว จึงทำให้ห้องที่อยู่ด้านซ้ายอาจต้องเดินไกลกว่านิดหน่อยเหมือนเดิม
ห้องที่ผมมองว่าดีของอาคารนี้คือห้อง 2 Bedrooms สองห้องที่อยู่ตรงกลางอาคาร และยังเป็น Type ห้องที่มีเฉพาะอาคารนี้อีกด้วย หันหน้าไปทางทิศเหนือซึ่งขั้นล่างๆของอาคารนี้จะพิเศษหน่อยที่จะได้วิวสระว่ายน้ำ ไม่ใช่แค่วิวสวนหรือต้นไม้เหมือนอาคารอื่นๆ และทิศนี้แดดก็ไม่ค่อยร้อนอีกด้วย แต่อาจไม่มีความเป็นส่วนตัวเท่าห้องที่อยู่ริมๆ เพราะอยู่ตรงกลางอาคารจะต้องมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ่อยครั้ง แต่หากใครอยากได้ห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากหน่อยก็แนะนำเป็นห้อง 1 Bed Plus ที่อยู่ริมสุดของอาคารทั้ง 2 ด้าน เพราะนอกจากจะได้โถงทางเดิน Single Corridor แล้ว ยังมีผนังติดกับห้องเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียว ส่วนอีกด้านก็ได้เป็นช่องเปิดทำให้แสงเข้ามากขึ้นและระบายอากาศได้ดีกว่าห้องอื่นๆครับ
และที่อาคารนี้จะพิเศษหน่อยคือมี Roof Top Facilities ที่ลูกบ้านทุกอาคารก็สามารถมาใช้งานได้นะ ด้านบนประกอบด้วย Sky Social Lounge เป็นพื้นที่แบบ Indoor มีแอร์ไว้นั่งเล่นพักผ่อนสบายๆได้ ส่วนใครอยากสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติโดยตรงก็จะมี Co-Kitchen Space ที่ให้ลูกบ้านมาทำอาหารทานกันบนนี้เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศได้ มีอ่างล้างจานและก๊อกน้ำเตรียมไว้ให้พร้อม หรือจะเป็นจุดนั่งเล่นชมวิวในสวนก็มีนะ
หากดูจากโมเดล Sky Social Lounge จะเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นวิวโดยรอบและสวนจากด้านในได้ ส่วน Co-Kitchen Space จะมีหลังคาผ้าใบที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ตามต้องการ เป็นเหมือนพื้นที่ Se-mi Outdoor ที่ใช้ตอนกลางวันก็ได้ครับ ส่วนที่นั่งเล่นในสวนจะเป็นแบบกลางแจ้งเลย เหมาะจะมานั่งตอนเย็นๆหรือกลางคืนที่แดดไม่ร้อนมากกว่า นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งแผง Solar Cell ไว้บนอาคารนี้อีกด้วย ซึ่งพลังงานที่ผลิตได้นั้นก็จะนำมาใช้กับพื้นที่ส่วนกลางของอาคารนี้โดยเฉพาะ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนกลางของลูกบ้านและช่วยประหยัดพลังงานได้ด้วยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Sky Social Lounge ผนังโดยรอบเป็นกระจกที่ Take View ได้รอบทิศ ภายในมีจุดที่นั่งหลายจุด ทั้งแบบเก้าอี้โซฟา และเคาน์เตอร์บาร์ทรงสูงก็มีให้เลือกตามความชอบครับ เหมาะจะขึ้นมานั่งเล่น นั่งทำงาน หรือพบปะสังสรรค์กันมากๆ
มาถึงอาคาร A ซึ่งเป็นอาคารสุดท้ายกันแล้วครับ และจะมีทางเชื่อมที่มีหลังคาคลุมให้เดินง่ายๆกันอีกเช่นเคย เริ่มจากดูโมเดล Facilities ที่ชั้นล่างกันก่อนเลย โดยอาคารนี้จะเน้นเรื่องการออกกำลังกายทั้งแบบ Indoor และ Outdoor โดยด้านนอกจะจัดเป็นพื้นที่สวน และแบ่งฟังก์ชันออกเป็นสนามเด็กเล่น ลานออกกำลังกายแบบกลางแจ้งซึ่งจะมีเครื่องออกกำลังกายกลางแจ้งตั้งอยู่ รวมถึงมีจุดให้นั่งพักผ่อนในสวนหลังจากเสร็จจากการออกกำลังกายมาเหนื่อยๆอีกด้วย อาคารนี้จึงเหมาะกับคนรักสุขภาพหรือชื่นชอบการออกกำลังกายบ่อยๆครับ
ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Fitness จะมีเครื่องออกกำลังกายค่อนข้างเยอะ ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกทรงสูงที่ทำให้ห้องดูโปร่งและสามารถ Take View สวนภายนอกได้ในระหว่างการออกกำลังกายจะได้ไม่เบื่ออีกด้วย
ส่วนพื้นที่สวนด้านนอกส่วนหนึ่งจะจัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน มีชุดเก้าอี้หวายแบบกลางแจ้งให้ได้นั่งพักผ่อนหลังจากออกกำลังกาย หรือจะมานั่งเล่นเฉยๆก็ได้ไม่ว่ากันครับ และโดยรอบจะเป็นแนวรั้วต้นไม้จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัว รถที่สัญจรผ่านไป-มาในโครงการก็จะมองเข้ามาไม่เห็นด้วยนะ
แปลนอาคาร A ชั้น 2 – 12 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด 198 ยูนิต ลักษณะอาคารเหมือนกับอาคาร C ด้านหน้าเลยครับเพียงแค่สลับด้านกันเท่านั้น ห้องที่แนะนำจึงเป็นตำแหน่งเดิมที่เป็นห้อง 1 Bed Plus ทางซ้ายสุด เพียงแต่ทิศทางของห้องนี้จะเป็นทิศตะวันตกซึ่งแดดอาจร้อนมากกว่า และจะได้วิวที่ค่อนข้างเปิดโล่งของโซนปู่เจ้าแต่อาจไม่ได้สวยงามมากนัก เพราะมีแต่วิวโรงงานกับโกดังเป็นส่วนใหญ่ อีกอย่างหนึ่งคืออาคารนี้เป็นโซนที่ขายให้กับคนต่างชาติด้วยครับ แต่ถ้าคนไทยคนไหนอยากได้ก็ต้องลองคุยกับทางโครงการดูนะ
ปิดท้ายด้วยภาพโมเดลทางด้านหลังโครงการ จะมีทางเข้า-ออกอีกด้านที่ออกมาทางถนนรางรถไฟเก่าซึ่งเป็น one way บังคับเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปทางปู่เจ้านะ ใช้ไม้กั้นกระดกระบบ RFID เหมือนกับด้านหน้าและมีป้อม รปภ. ตั้งอยู่ โดยคนที่ใช้เส้นทางนี้อาจเหมาะกับคนใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อไปทำงานโรงงานในปู่เจ้า หรือจะเลี่ยงรถติดบนถนนสุขุมวิทเพื่อไปขึ้นทางด่วนก็ได้ครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร A Indoor : 1st Floor
- Entrance Lobby & Social Lounge
- Mail Box
- Vending & Washing machine area
- Fitness
- อาคารA Outdoor : 1st Floor
- Multi-purpose space
- Outdoor Fitness
- Playground
- Relaxing area
- อาคาร B Indoor : 1st Floor
- Entrance Lobby & Social Lounge
- Mail Box
- Vending & Washing machine area
- Play room
- อาคาร B Outdoor : 1st Floor
- Swimming pool 20 x 5 m.
- Kid Pool
- Pool Terrace
- Jacuzzi
- Sunbed area
- Steam/Sauna
- Seating area
- อาคาร B : 13th Floor
- Sky Social Lounge
- Outdoor Co-kitchen
- Outdoor seating area
- อาคาร C Indoor : 1st Floor
- Entrance Lobby & Social Lounge
- Business room
- EV Charger
- Juristic Office
- Mail Box
- First – Aid Room
- Vending & Washing machine area
- Co-Working Space
- อาคาร C Outdoor : 1st Floor
- Relaxing seat area
- Outdoor co-working space
- Private living space
แล้วก็มาถึงเรื่องห้องพักอาศัยกันแล้วนะครับ โดยโครงการนี้จะมีแบบห้องหลักๆอยู่ทั้งหมด 3 Type และสามารถแบ่งออกได้อีกเป็น 5 แบบ ซึ่งแบบห้องของโครงการนี้จะมีขนาดห้องเริ่มต้นที่ใหญ่ทั้งหมด ขายแบบ Fully Furnish แต่งครบพร้อมอยู่ ขาดแค่เพียงเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางชิ้นก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย ประกอบด้วย
- ห้อง 1 Bedroom Living Plus ขนาด 34.17 ตร.ม.
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.37 – 36.70 ตร.ม.
- ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 46.22 – 48.80 ตร.ม.
โดยที่ Sale Gallery จะมีห้องตัวอย่างให้ดูทั้งหมด 2 Type คือห้อง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus จะเป็นอย่างไรลองไปชมกันเลยครับ
ห้องตัวอย่างแรกคือ ห้อง 1 Bedroom Living Plus ขนาด 34.17 ตร.ม. เห็นชื่อแบบนี้แล้วก็อย่าพึ่งงงกันไปนะครับ จริงๆแล้วมันก็คือห้อง 1 Bedroom เนี่ยแหละ แต่ส่วน Living ที่อยู่ตรง Common area ขนาดใหญ่จะมีส่วนเชื่อมต่อและกั้นฟังก์ชันระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวด้วยโต๊ะทานอาหารจึงทำให้ห้องกว้างและโปร่งโล่งแต่เป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ก็ยังสามารถกั้นเป็นครัวปิดได้จึงสามารถทำอาหารได้จริงจัง เพราะครัวจะอยู่ติดกับระเบียงซึ่งจะช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ห้องสว่างและเปิดระบายอากาศได้โดยตรงเลยด้วย ส่วนห้องนอนจะอยู่ทางด้านซ้ายของห้องซึ่งกั้นด้วยผนังทึบจึงค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง ภายในมีขนาดพื้นที่กว้างขวางซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้กลางห้องได้ แล้วยังมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือให้วางโต๊ะทำงานได้อีกด้วย
ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนซึ่งจะสะดวกสำหรับเจ้าของห้องที่เวลาตอนกลางคืนจะสามารถเข้าห้องน้ำ หรืออาบน้ำแต่งตัวในห้องให้จบทีเดียวเลยได้สะดวก แต่จะไม่เหมาะกับคนที่มีแขกมาบ้านบ่อยๆเพราะถ้าจะเข้าห้องน้ำก็จะต้องเข้ามาในห้องนอนก่อนซึ่งจะขาดความเป็นส่วนตัวไปได้ครับ ห้องนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก 1 – 2 คน แต่ชอบพื้นที่กว้างๆ อยู่แบบสบายๆ มีฟังก์ชันห้องที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งมุมครัวที่มีโต๊ะทานอาหารทรงสูงแบบอเนกประสงค์และมุมแต่งตัวสำหรับคุณภรรยา กับมุมโต๊ะทำงานติดหน้าต่างสำหรับคุณสามีให้ได้ใช้งานกันอย่างลงตัว
ก่อนเข้าไปดูห้องตัวอย่าง ทางโครงการจะมี Digital Door Lock ของ Home Shield ที่จะติดตั้งที่ประตูมาให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยครับ สีและหน้าตาแบบนี้เลย
เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ Common area ที่ยาวต่อเนื่องไปจนถึงระเบียงด้านในซึ่งแสงก็จะสว่างมาได้จนถึงหน้าห้อง ปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 mm. และฝ้าเพดานสูงถึง 2.7 m. ซึ่งทำให้ห้องนี้โปร่งโล่งมากขึ้นเยอะเลย
พื้นที่ส่วนแรกคือพื้นที่นั่งเล่น มีระยะดูทีวี 1.9 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 46 นิ้วได้ แต่ไม่มีระยะที่พอจะวางโต๊ะกลางได้นะครับเพราะจะเกะกะพื้นที่ทางเดิน แต่อาจวางเป็นโต๊ะเล็กๆไว้วางของนิดหน่อยได้เท่านั้น
ผนังหนังทางซ้ายมือเป็นเพียงแค่ตกแต่งให้ดูเท่านั้น ซึ่งของจริงจะฉาบเรียบทาสีธรรมดา และบางห้องก็จะมีตำแหน่งเสาอยู่ด้านหลังเหมือนที่ห้องตัวอย่างมี ซึ่งเราสามารถ Built ชั้นวางของเพิ่มตรงช่องที่ว่างแบบนี้ก็ได้ ส่วนโซฟานี้เราจะไม่ได้นะครับต้องหาซื้อเอง
ทางด้านขวาจะมีตู้รองเท้าและตู้เก็บของ Built in มาให้พร้อมใช้งาน ซึ่งถือว่าเป็นฟังก์ชันที่ดีมาก เพราะบางโครงการจะมีปัญหาไม่มีพื้นที่เก็บรองเท้าในห้องมาให้ โดยหน้าบานตู้จะติดเป็นกระจกเงามาให้เพื่อส่องสำรวจตัวเองให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้ครับ
ที่เปิดตู้จะมีขอบด้านล่างและด้านข้างให้จับ ซึ่งจะค่อนข้างปิดได้แนบสนิทเรียบร้อยดี และติดตั้ง soft close มาให้เพื่อป้องกันการกระแทกเรียบร้อย เวลาเรารีบๆออกจากบ้านก็ปิดแรงๆได้ไม่ต้องกลัวประตูจะพังเลยครับ
ส่วนชั้นวางทีวีเค้าก็มีมาให้ด้วยนะครับ มีลิ้นชักเก็บของได้ 2 ช่อง และติดโช๊คมาให้แล้วด้วย
ต่อไปเป็นพื้นที่ครัวซึ่งจะกั้นด้วยโต๊ะทานอาหารทรงสูงแบบเคาร์เตอร์บาร์ที่นอกจากจะนั่งทานอาหารแล้วยังใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่ง/ยืนทำอาหารหรือทำงานได้อีกด้วย เป็นดีไซน์ที่ออกแบบมากั้นฟังก์ชันทั้ง 2 ส่วนแต่เราก็สามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ด้วย แล้วยังทำให้ห้องโปร่งโล่งเชื่อมต่อกันได้อีกครับ
โดยพื้นที่ส่วนนี้ถ้าเราอยากทำอาหารจริงจังและไม่อยากให้กลิ่นหรือควันเข้ามาในห้องก็สามารถกั้นผนังทำเป็นพื้นที่ครัวปิดได้นะครับ ซึ่งหากเราใช้เป็นผนังกระจกก็ยังจะได้ความโปร่งโล่งและได้แสงธรรมชาติภายนอกอยู่เช่นเดิม
โดยหากเราเลือกที่จะกั้นห้องแล้วก็จำเป็นต้องเลื่อนโต๊ะทานอาหารตัวนี้ลงมาอีกหน่อยเพราะเค้าไม่ได้ Built in แบบ Fixed เอาไว้ ซึ่งก็มีระยะเหลือพอที่จะเลื่อนโต๊ะขนาด 0.55 x 1.5 m. สูง 1.1 m. ตัวนี้ให้ถอยร่นมาได้ และยังสามารถเลื่อนเก้าอี้ออกมาเพื่อนั่งหันหน้ามองวิวภายนอกได้ปกติเช่นเดิมครับ
พื้นที่ครัวมีขนาด 2 x 2.4 m. จะเปลี่ยนจากพื้นไม้ลามิเนตเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm. ที่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย และมีพื้นที่ระหว่างโต๊ะทานอาหารและผนังกว้าง 90 cm. สามารถเดินผ่านได้สะดวกครับ
ด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่จะ Built in มาให้ครบตามนี้พร้อมใช้งาน
ตู้ด้านบนมีพื้นที่เก็บของค่อนข้างเยอะเลยครับ มีช่องให้เก็บของทรงสูงทางซ้ายมือด้วยนะ
ส่วนทางด้านขวาถือเป็น Signature ของโครงการเสนา ที่ชั้นวางของสามารถดึงลงมาได้เพื่อทำให้คุณผู้หญิงที่ตัวเล็กๆไม่สูงมากนักก็สามารถใช้งานได้สะดวก
ตู้ตรงกลางจะเป็นแม่เหล็กแบบกดกระเด้ง ส่วนตู้บานอื่นๆจะเป็นแบบปาดมุมให้เปิดได้ง่าย พร้อมติดตั้ง soft close ป้องกันการกระแทกมาให้เช่นเคย และอีกหนึ่งจุดที่โครงการนี้เพิ่มเข้ามาจากตัวเก่าๆคือ ตู้ด้านบนทางขวาจะติดฟรอยด์ป้องกันความชื้นหรือน้ำหยดจากจานที่เปียกเอาไว้ด้านใน ตู้ไม้จะบวมน้ำหรือพังง่ายครับ
Top เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินสังเคราะห์ที่ทนรอยขีดข่วน ความชื้น และทนความร้อนได้ดี โดยพื้นที่ใช้งานทางซ้ายสุดกว้างประมาณ 40 cm. และตรงกลาง 20 cm. สามารถใช้วางของหรือประกอบอาหารได้ครับ ติดตั้งเตาไฟฟ้า 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควันของ Frenke แบบหมุนเวียนภายในมาให้ ซึ่งข้อดีคือจะไม่มีท่อในตู้ไปทำให้พื้นที่เก็บของลดลง แต่ก็จำเป็นต้องล้างตัวกรองบ่อยๆด้วยนะครับ ส่วนอ่างล้างจานขนาดประมาณ 50 x 50 cm. ลึก 15 cm. ของ Frenke อีกเช่นกัน มีอย่างเดียวที่ต้องเพิ่มคือ Backsplash ที่ผนังทั้ง 2 ด้าน จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆครับ
ส่วนตู้ด้านล่างก็มีที่เก็บของเยอะเลย ทั้งแบบช่องเล็ก ช่องใหญ่ และลิ้นชัก รวมถึงที่ตู้ด้านซ้ายข้างในจะติดชั้นวางของเอาไว้ให้แบบนี้เลย ส่วนที่เปิดด้านนอกก็สามารถใช้แขวนผ้ากันเปื้อนหรือผ้าเช็ดโต๊ะได้ครับ อ่อลืมบอกไปว่าเขียงไม้บนอ่างล้างจานเราก็จะได้เหมือนกันนะ
ส่วนตู้เย็นทางโครงการจะวางเอาไว้ทางด้านหลัง ซึ่งหากเราจะจัดฟังก์ชันแบบห้องตัวอย่างก็จะต้องวางตู้เย็นไว้ในตำแหน่งนี้อย่างช่วยไม่ได้ครับเพราะจะทำให้เราหยิบจับของมาทำครัวได้สะดวก แต่ก็เป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยดีนักเพราะจะบังแสงและวิวจากระเบียงทำให้ห้องดูอึดอัดไปเยอะเลย ซึ่งเราสามารถย้ายไปไว้ด้านในห้องตรงข้างเคาน์เตอร์ครัวหรือข้างโซฟาก็ได้นะครับ
ส่วนฝ้าเพดานห้องจะเป็นฉาบเรียบทาสีทั้งหมด และได้ไฟน์ดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้าตรงห้องนั่งเล่น 2 ดวง และตรงครัว 1 ดวง มีสปริงค์เกอร์ดับไฟและอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยพร้อม ส่วนเครื่องปรับอากาศใน Common area นี้จะได้เฉพาะช่วงโปรโมชั่นนี้เท่านั้นนะครับ ปกติจะได้แค่เฉพาะในห้องนอนนะ
ประตูระเบียงจะเป็นกระจกบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ และหากเป็นกระจกที่ติดกับภายนอกอาคารจะได้เป็นกระจกเขียวตัดแสง พร้อมติดแถบผ้ากำมะหยี่ช่วยกันฝุ่นและแมลงให้พร้อม โดยประตูหน้าต่างของโครงการนี้จะออกแบบให้ตรงลิ้นขอบประตู จากเดิมที่ปกติจะยื่นออกมาจากบานประตูจะถูกติดตั้งไว้ที่ขอบวงกบประตูแทน ทำให้ประตูปิดได้แนบสนิทและเข้าล็อคได้ดีมากขึ้น สามารถเก็บเสียงและกันฝุ่นได้ดีขึ้นครับ
ขนาดพื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 2.2 x 0.85 m. และมีราวเหล็กสูง 1 m. โดยที่ด้านซ้ายสามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ด้านนอกได้ครับ จะได้ไม่เกะกะพื้นที่ใช้งานในบ้าน ซึ่งทางโครงการจะต่อก๊อกน้ำและปลั๊กไฟเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว
ส่วน Condensing unit จะแขวนอยู่ด้านบน ซึ่งจะพ้นระยะประตูไปแล้วทำให้ไม่เกะกะสายตาเวลามองมาจากภายใน และเป่าลมร้อนออกไปด้านนอกจึงทำให้ระเบียงสามารถออกมาใช้งานได้ไม่ร้อน ติดไฟส่องสว่างมาให้ 1 ดวง และยังมีระแนงด้านบนปิด Condensing unit ไว้ช่วยพรางสายตาจากภายนอก เวลามองเข้ามาจะได้ดูเรียบร้อยมากขึ้นครับ
ต่อไปเป็นห้องนอนซึ่งจะกั้นด้วยผนังทึบทำให้มีความเป็นส่วนตัวและเป็นสัดส่วนมากขึ้น
ภายในมีพื้นที่กว้างขวางสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้กลางห้องได้ แล้วยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือสามารถใช้งานได้สะดวก
โดยทางโครงการจะให้ฐานเตียงมาด้วยนะครับ ซึ่งด้านล่างจะมีลิ้นชักและช่องเก็บของใต้เตียงทำให้ใช้งานพื้นที่ด้านล่างได้เกิดประโยชน์มากขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของได้เยอะเลยทีเดียว
พื้นที่ปลายเตียงเหลือประมาณ 45 cm. สามารถเดินผ่านได้แบบพอดีๆ และผนังปลายเตียงเป็นผนังทึบก็สามารถติดทีวีแขวนผนังได้นะครับหากเป็นคนชอบนอนดูทีวีบนเตียง
ทางด้านขวาของเตียงเป็นช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ที่ช่วยดึงแสงเข้ามาและมีบานกระทุ้งเปิดระบายอากาศได้ด้วย ซึ่งโครงการออกแบบให้ช่องทางซ้ายเป็นช่องขนาดใหญ่ที่จะ Take View ได้ดีมากขึ้น จะได้ไม่ต้องมีเส้นกรอบหน้าต่างมาบังสายตา
พื้นที่ทางด้านขวานี้จะเหลือประมาณ 1.15 m. โดยทางโครงการจัดเป็นชุดโต๊ะทำงานมาให้ริมหน้าต่างแบบนี้ ซึ่งโต๊ะชุดนี้เราก็จะได้ด้วยนะครับ เหมาะมากที่จะนั่งทำงานอ่านหนังสือเพราะจะได้แสงธรรมชาติจากภายนอกและชมวิวระหว่างทำงานไปได้ด้วยครับ
ต่อไปทางด้านซ้ายของเตียงเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ ซึ่งข้างเตียงจะมีพื้นที่ว่างเหลือประมาณ 80 cm. เราสามารถ Built เป็นโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มได้นะครับเพราะโต๊ะข้างเตียงเค้าไม่ได้ให้มา ส่วนพื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้าจะกว้างประมาณ 1.5 m. สามารถใช้งานตู้ทั้ง 2 ฝั่งพร้อมๆกันได้สบายๆเลย
ตู้ทางด้านขวาฝั่งหนึ่งจะเป็นหน้าบานไม้บานทึบ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็จะเป็นกระจกสีดำแบบนี้เลย ข้างในเก็บของได้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งโครงการจะ Built in ตู้ทุกตู้ในห้องสูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้เพิ่มพื้นที่เก็บของแนวตั้งได้เยอะมากขึ้น และที่หน้าบานตู้ข้างในฝั่งซ้ายจะติดกระจกเงามาให้ใช้ส่องแต่งตัวด้วยครับ
ที่เปิดบานตู้ด้านหนึ่งจะเป็นแถบอลูมิเนียม ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นแบบปาดมุมทำให้ดูเรียบร้อยดีและใช้งานไม่ยากด้วยครับ
ส่วนตู้อีกฝั่งก็สามารถใช้เก็บของหรือแขวนเสื้อผ้าเพิ่มได้เช่นกันนะ
ฝ้าเพดานของห้องนี้จะฉาบเรียบทาสีปกติเลย และได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 3 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย รวมถึงได้เครื่องปรับอากาศที่ปลายเตียงขนาด 9,000 BTU อีก 1 ตัวเป็นมาตรฐานด้วยครับ
สุดท้ายคือห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องนอน จะสะดวกสำหรับเจ้าของห้องแต่จะไม่เป็นส่วนตัวหากมีแขกมาแล้วต้องผ่านเข้ามาในห้องนอนก่อน ภายในห้องน้ำค่อนข้างกว้างขวาง สามารถใช้งานได้สะดวกและจัดแบ่งพื้นที่ฟังก์ชันได้ชัดเจน
พื้นที่ส่วนแห้งขนาดประมาณ 1.15 x 1.45 m. โดยจะลดระดับลงจากพื้นห้องเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำกระเด็นหรือไหลย้อนออกไปด้านนอก และที่ชอบฟังก์ชันนี้อีกอย่างคือเราสามารถวางพรมเช็ดเท้าไว้ในห้องตรงนี้ได้ ซึ่งจะใช้งานได้ทั้งการเข้าห้องน้ำปกติหรือออกมาจากการอาบน้ำ จะทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องพื้นไม้ลามิเนตบวมน้ำในระยะยาวหากเราวางพรมไว้หน้าห้องน้ำข้างนอกครับ
ด้านซ้ายติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พร้อมอ่างล้างหน้าของ Kohler ขนาดประมาณ 60 x 47 cm. โดยมีพื้นที่ด้านหลังและขอบผนังแนวยาวให้วางของได้ครับ
ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์ยี่ห้อเดียวกัน ติดตั้งมาพร้อมสายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระซึ่งสามารถใช้งานได้ปกติไม่ติดขัดอะไรครับ
ฝั่งตรงข้ามจะมีซอกเล็กๆขนาดประมาณ 35 x 65 cm. โดยด้านบนทางโครงการจะ Built ชั้นวางของมาให้ 2 ชั้นแบบนี้เลยครับ ส่วนด้านล่างที่ยังมีพื้นที่เหลืออยู่ก็สามารถใช้วางของอื่นๆได้เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำชิ้นใหญ่ๆครับ
สุดท้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.15 x 0.85 m. สามารถใช้งานได้แบบพอดีตัว มีธรณีก่อสูงขึ้นมา 5 cm. ป้องกันน้ำไหลย้อนเปียกทั่วห้อง เพียงแต่ของจริงทางโครงการจะไม่ได้ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ เราสามารถหามาติดตั้งเองได้ในราคาหมื่นกว่าๆ หรือใครอยากประหยัดหน่อยจะติดเป็นม่านก็ใช้ได้ครับ และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือขอบที่นั่งปูนขนาดประมาณ 40 x 40 cm. สูง 40 cm. มีไว้เพื่อไว้นั่งอาบน้ำได้ ซึ่งก็เหมาะกับทั้งผู้ใหญ่วัยทำงานหรือผู้สูงอายุ เวลาอาบจะได้ปลอดภัยไม่เสี่ยงลื่นหกล้มนะครับ
ภายในติดตั้ง Hand Shower มาให้ พร้อมก๊อกแบบก้านโยกที่ใช้งานได้สะดวกตอนมือลื่นๆ รวมถึงที่แขวนฝักบัวด้านบนยังสามารถปรับองศาได้ตามต้องการอีกด้วยครับ และของจริงจะมี Junction box เอาไว้ต่อเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งเอาไว้ให้ด้วยนะ ซึ่งโปรโมชั่นช่วงนี้เค้าจะมีแถมให้อยู่นะครับ
ส่วนฝ้าเพดานจะฉาบเรียบทาสี มีไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศอีก 1 ตัวครับ
ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 36.70 ตร.ม. มีฟังก์ชันที่ต่างจากห้องที่แล้วอย่างชัดเจน แต่จะมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับส่วนครัวที่อยู่ตรงทางเข้าก่อน และได้เป็นครัวปิดสามารถทำอาหารจริงจังได้แล้ว เพราะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนซึ่งจะยังได้ความโปร่งโล่งและพื้นที่เชื่อมต่อกันได้อยู่ ถัดเข้ามาด้านในตรงกลางจะเป็นห้องนั่งเล่นซึ่งมีโต๊ะทานอาหารรวมอยู่ด้วย โดยรอบกั้นแยกจากฟังก์ชันอื่นๆด้วยประตูกระจกบานเลื่อนจึงโปร่งโล่งไม่อึดอัด ส่วนด้านในสุดเป็นห้องอเนกประสงค์อยู่ติดกับหน้าต่างที่ช่วยนำแสงธรรมชาติเข้ามาได้จนถึงหน้าห้อง สามารถจัดห้องนี้เป็นห้องนั่งทำงานอ่านหนังสือหรือห้องนอนเสริมก็ได้ครับ ส่วนห้องจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าแบบห้องที่แล้วหน่อยครับ แต่ก็ทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้นเยอะเลย ภายในมีพื้นที่กว้างขวางสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้กลางห้องได้แล้วยังมีพื้นที่โดยรอบเหลือให้ใช้งานได้สะดวก รวมถึงมีระเบียงและห้องน้ำในตัวอีกด้วย ห้องแบบนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นสัดส่วนของฟังก์ชัน แต่ยังมีความโปร่งโล่งเชื่อมพื้นที่ถึงกันได้ อาจอยู่ด้วยกัน 1 – 2 คน และต้องการห้องทำงานเป็นสัดส่วนเพิ่มอีกห้อง หรือกำลังมีลูกเล็กๆที่ต้องการห้องนอนเล็กเพิ่มเติมก็ได้ครับ
เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับส่วนครัวปิดก่อนอย่างที่บอกไป แต่ก็ไม่อึดอัดเพราะสามารถมองทะลุไปจนถึงหน้าต่างด้านในได้เลยครับ ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.7 m. เท่าเดิมนะ เลยทำให้โปร่งโล่งมากขึ้นไปอีก
พื้นครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายไม่ต้องกลัวน้ำ มีขนาดพื้นที่ใช้งานตรงกลางกว้างประมาณ 1.2 m. สามารถใช้งานได้สะดวก
ด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์ครัวซึ่งจะได้เหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ และอย่าลืมเพิ่ม Backsplash ด้านหลังด้วยนะ จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆ
ด้านขวามีพื้นที่วางตู้เย็นขนาดประมาณ 80 x 77 cm. สามารถใช้ตู้เย็นทรงสูงได้นะ เพราะไม่มีตู้ด้านบนมาจำกัดความสูง หรือจะวางของเพิ่มเติมก็ได้
ส่วนฝั่งตรงข้ามจะมีพื้นที่เว้าเข้าไปขนาดประมาณ 1 x 0.6 m. โดยทางโครงการจะต่อท่องานระบบต่างๆไว้ให้วางเครื่องซักผ้าตรงนี้ได้ครับ ส่วนด้านบนมีพื้นที่เหลือเราสามารถเพิ่มตู้หรือชั้นวางของเพิ่มเติมได้นะ
ฝ้าเพดานฉาบเรียนทาสี มีไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 1 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยพร้อมใช้งาน
อย่างที่เคยบอกว่าห้องครัวนี้ได้เป็นครัวปิดเพราะมีประตูกระจกบานเลื่อนคอยกันกลิ่นและควันไม่ให้เข้าไปรบกวนห้องด้านในได้ จึงสามารถทำอาหารได้จริงจัง โดยประตูบานเลื่อนนี้จะเป็นกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติเช่นเดิม เพียงแต่กระจกนี้ที่อยู่ภายในห้องจะได้เป็นกระจกใสธรรมดาครับ
ถัดเข้ามาด้านในเป็นห้องนั่งเล่นนะ ซึ่งผนัง 2 ด้านเป็นกระจกจึงค่อนข้างโปร่งโล่งไม่อึดอัด ได้รับแสงทั้ง 2 ทางจากห้องอเนกประสงค์และห้องนอนเลยครับ
เริ่มที่ทางขวามือก่อน ติดกับครัวเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารขนาดกว้าง 1.7 m. สามารถใช้โต๊ะแบบ 2 – 3 ที่นั่งได้ครับ มีพื้นที่หลังเก้าอี้เล็กน้อยให้เลื่อนลุกนั่งได้แบบพอดีๆ ส่วนโต๊ะนี้เค้าไม่ได้แถมมาให้ครับต้องไปหาซื้อเองนะ
ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะทานอาหารจะมีตู้ไว้เก็บของอยู่ตรงมุมทางเดินที่ทางโครงการ Built มาให้แบบนี้เลย สามารถเปิดออกได้ทั้ง 2 ฝั่ง ไว้เก็บรองเท้าและของชิ้นใหญ่ๆทรงสูงได้ รวมถึงมีฟังก์ชันตระกร้าผ้าเพิ่มเข้ามาซึ่งโครงการเก่าๆจะไม่มีครับ
ส่วนระยะดูทีวีจะกว้างประมาณ 2.25 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 42 – 50 นิ้วได้ โดยพื้นที่หน้าโซฟาจะวางโต๊ะกลางก็ได้นะครับเพราะไม่ใช่พื้นที่หน้าประตูห้องที่ต้องเดินผ่านบ่อยๆ แต่ก็อย่าเลือกแบบที่มีขนาดใหญ่หรือทึบเกินไปเพราะจะทำให้ห้องดูอึดอัดได้
ชั้นวางทีวีจะได้เหมือนเดิมเลยนะ และพื้นที่ด้านบนก็สามารถทำชั้นวางของหรือ Built ตู้เพิ่มเติมได้ครับ จะได้ใช้พื้นที่แนวตั้งของห้องที่มีฝ้าสูงขนาดนี้ให้เป็นประโยชน์
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี มีไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์และอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยพร้อมใช้งาน รวมถึงเครื่องปรับอากาศในห้องนี้จะได้เฉพาะช่วงโปรโมชั่นนี้เท่านั้นนะครับ
ห้องต่อไปเป็นห้องอเนกประสงค์ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนชุดเดียวกับห้องครัวเลยครับ ทำให้ห้องนั่งเล่นได้รับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างภายนอกไปด้วย ด้านบนมีพื้นที่เหนือประตูสามารถติดม่านที่ด้านในเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้นะครับ
ภายในมีขนาดพื้นที่ประมาณ 2.35 x 1.5 m. โดยห้องนี้จะเป็นขนาดใหญ่สุดของ Type นี้จึงทำให้ได้ห้องอเนกประสงค์กว้างและจะได้ Sofa Bed ตัวนี้ด้วยครับ สามารถใช้เป็นห้องนั่งเล่นอ่านหนังสือหรือจะทำเป็นห้องนอนเล็กก็ได้ แต่ถ้าเป็น Type เล็กกว่านี้เราจะได้เป็นชุดโต๊ะนั่งทำงานอ่านหนังสือตัวเดียวกับห้องนอนของห้องตัวอย่างที่แล้วแทนนะครับ
หน้าต่างมีช่องขนาดใหญ่ที่เอาไว้ Take View ได้ดี และสามารถเปิดบานกระทุ้งระบายอากาศได้ด้วย โดยกระจกตรงนี้จะติดกับภายนอกจึงได้เป็นกระจกเขียวตัดแสงครับ
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 1 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์กับอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยพร้อมใช้งาน
ต่อไปเป็นห้องนอนซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เปิดออกได้กว้างและโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย
จากห้องตัวอย่างหากเราวางโซฟาขนาดประมาณ 2 ที่นั่งไปแล้วจะมีพื้นที่ทางเดินเหลือประมาณ 65 cm. สามารถเดินผ่านได้แบบพอดีๆ และประตูนี้ยังสูงจากพื้นถึงฝ้าจึงไม่มีขอบด้านบนให้ติดผ้าม่านเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ อาจต้องติดรางบนฝ้าแทนซึ่งจะมีราคาที่สูงกว่าเล็กน้อยครับ
ภายในห้องนอนขนาดพื้นที่กว้างขวาง สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้กลางห้องได้แบบนี้ซึ่งก็เป็นฐานเตียงตัวเดียวกับห้องที่แล้วที่มีช่องเก็บของด้านล่างเยอะๆ และยังมีพื้นที่โดยรอบเตียงเหลือให้ใช้งานได้สะดวกไม่อึดอัด
ปลายเตียงกว้างประมาณ 65 cm. สามารถเดินผ่านได้แบบพอดี และไม่ได้เป็นผนังทึบที่จะแขวนทีวีที่ผนังได้แล้ว แต่เราสามารถนอนดูทีวีในห้องนั่งเล่นจากบนเตียงได้เลย เพียงแต่อาจต้องเพิ่มขนาดทีวีเผื่ออีกสักหน่อยครับ
ส่วนด้านขวาของเตียงจะกว้างประมาณ 75 cm. สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ครับ
ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้ และมีพื้นที่ประมาณ 1 x 2.25 m. สามารถออกไปใช้งานได้นะเพราะแขวน Condensing unit ไว้ด้านบนเช่นเคย
ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงก็เป็นตู้เสื้อผ้ากับห้องน้ำครับ โดยข้างเตียง 80 cm. เราสามารถ Built โต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มได้นะ และพื้นที่หน้าตู้เสื้อผ้ากว้างประมาณ 80 cm. เช่นกัน สามารถใช้งานยืนแต่งตัวหน้าตู้ได้แบบพอดีๆ
ตู้เสื้อผ้าเป็นรูปตัว L ภายในมีพื้นที่เก็บของเยอะเช่นเคยเหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ แต่เปลี่ยนตำแหน่งการวางเป็นแบบตัว L เฉยๆเท่านั้น
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี มีไฟดาวน์ไลท์ตรงที่นอน 2 ดวง กับหน้าตู้เสื้อผ้า 1 ดวง พร้อมสปริงค์เกอร์กับอุปกรณ์ดับเพลิงพร้อมใช้งาน ส่วนเครื่องปรับอากาศของห้องนอนนี้เราจะได้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว 1 ตัวนะครับ
สุดท้ายเป็นห้องน้ำซึ่งจะอยู่ในห้องนอน มีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว และแยกพื้นที่ใช้งานออกเป็นสัดส่วนดีครับ
พื้นที่ส่วนเปียกขนาดประมาณ 1.65 x 1.2 m. สามารถใช้งานได้สะดวก
ได้อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ของ Kohler เช่นเดิมพร้อมใช้งาน
และที่ผนังด้านหลังจะมีช่องเอาไว้ให้วางของได้ด้วยครับ โดยเราสามารถทำชั้นวางของเพิ่มเติมได้นะ
ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมีขนาด 1.7 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ และไม่ได้ใช้ฉากกั้นมาเหมือนเดิมนะ แต่จะมีที่นั่งให้และมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย
ภายในติดตั้ง Hand Shower แบบเดิมมาให้ แต่ที่ด้านขวามีจะช่องเล็กๆซึ่งทางโครงการจะทำเป็นชั้นเอาไว้ให้วางของได้ครับ ถือว่าค่อนข้างสะดวกกว่าห้องที่แล้วเพราะชั้นวางของนี้จะอยู่ในพื้นที่อาบน้ำเลย สามารถหยิบสบู่หรือแชมพูใช้งานได้สะดวกมากกว่า ในขณะที่ห้องที่แล้วอาจไว้ใช้วางของอย่างอื่นด้านนอกแทนครับ
ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ได้ไฟดาวน์ไลท์แบบฝังฝ้า 2 ดวง และพัดลมดูดอากาศอีก 1 ตัวครับ
ส่วนสวิตซ์และปลั๊กไฟจะได้เป็นสีขาว ยี่ห้อง Schneider electric หน้าตาแบบนี้เลย
สำหรับห้อง Type อื่นๆที่ไม่มีห้องตัวอย่างจะมีดังต่อไปนี้ครับ
ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 46.22 ตร.ม. ห้องนี้จะอยู่ตรงส่วนมุมตึกฝั่งทิศใต้ของทุกอาคาร ซึ่งจะมีแค่ชั้นละ 1 – 2 ยูนิตเท่านั้น เป็นห้องหน้ากว้างที่เข้ามาด้านในจะเจอกับ Common area ขนาดใหญ่ก่อน แต่ด้วยทิศทางของประตูจะยังไม่เห็นพื้นที่นั่งเล่นของห้อง แต่จะเห็นเป็นครัวและโถงทางเดินแทน ซึ่งทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอกในเรื่องมุมมองขึ้นอีกเล็กน้อย ครัวจะเป็นครัวเปิดซึ่งกั้นห้องลำบากเล็กน้อยเพราะมีระยะประกอบอาหารที่ค่อนข้างแคบ ห้องนั่งเล่นจะรวมกับโต๊ะทานอาหารและมีพื้นที่ติดกับระเบียงยาวจึงค่อนข้างโปร่งโล่งพอสมควร ส่วนฟังก์ชันโถงทางเดินกลางห้องจะแยกไปยังห้องต่างๆ ประกอบด้วยห้องนอน 2 ห้อง และห้องน้ำซึ่งมีแค่ห้องเดียวใช้งานร่วมกันทั้งห้องอาจแออัดไปสักหน่อย แต่ห้องนอนใหญ่จะมีช่องหน้าต่างเพิ่มอีก 1 ด้าน ทำให้ห้องโปร่งโล่งสามารถระบายอากาศได้ดีขึ้น และมี Walk in closet ในตัวด้วยครับ ห้องนี้จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง 1 – 2 คน อาจอยู่กันแบบพี่น้องหรือกำลังมีลูกเล็กก็ได้ครับ เน้นความเป็นส่วนตัวของห้องนอนแต่ก็ยังมีพื้นที่ใช้งานร่วมกันขนาดใหญ่อยู่ด้วย
ห้อง 2 Bedrooms ขนาด 48.80 ตร.ม. เป็น Type ที่พิเศษหน่อยเพราะอย่างที่เคยบอกไปว่าจะมีอยู่แค่อาคาร B เท่านั้น และเป็นห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำเต็มๆจึงเหมาะกับคนที่ต้องการวิวสระว่ายน้ำด้วยนะครับ เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับ Commona area ขนาดใหญ่ที่เป็นห้องนั่งเล่นก่อน คั่นด้วยโต๊ะทานอาหารตรงกลาง และด้านในสุดเป็นครัวปิดที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนจึงทำอาหารจริงจังได้ ติดกันเป็นระเบียงซึ่งช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาภายในและเปิดระบายอากาศได้ดีครับ ส่วนตรงกลางห้องเป็นโถงทางเดินที่จะแจกไปยังห้องอื่นๆ เริ่มจากห้องน้ำซึ่งคราวนี้จะมีอยู่ 2 ห้องแล้วครับไม่ต้องแย่งกันใช้แล้ว โดยห้องด้านนอกใช้งานร่วมกันระหว่างส่วนรวมกับห้องนอนเล็ก ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีเป็นของตัวเองซึ่งค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง แล้วยังมีระเบียงในตัวอีกด้วย ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวมากๆ เป็นครอบครัวขนาดกลาง 2 – 3 คน ที่ต้องการห้องนอน 2 ห้องที่มีความเป็นส่วนตัว ทำอาหารได้จริงจัง และมีห้องน้ำเพียงพอไม่ต้องแย่งกันใช้ แถมยังได้วิวสระว่ายน้ำอีกด้วย ซึ่งในโครงการมีเพียง 22 ยูนิตเท่านั้นนะครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 27 February 2019
- 1 Bedroom Living Plus 34.17 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
- 1 Bedroom Plus 34.37 – 36.70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 46.22 – 48.80 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 10,000 – 20,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000 – 50,000 บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 39 บาท/ตร.ม./เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
- โปรโมชั่น : เครื่องทำน้ำอุ่น 3,500w, ตู้เย็น 2 ประตู 6.8 Q, Digital Door Lock, เครื่องปรับอากาศ ขนาด 9,000 BTU ในห้องนั่งเล่น
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเล : โครงการ Niche Mono สุขุมวิท-ปู่เจ้า ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทและมีที่ดินด้านหลังเชื่อมต่อกับถนนรางรถไฟเก่าซึ่งสามารถใช้เป็นทางลัดเลี่ยงรถติดได้ดี บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยแหล่งงานและโรงงานอุตสาหกรรม มีปั้ม ปตท. ขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆ ซึ่งมีทั้งเซเว่น ร้านกาแฟอเมซอน และศูนย์อาหารครบครัน จะข้ามฝั่งไป BigC Jumbo เลยก็สะดวก หรือจะขับรถไปห้างอื่นๆก็อยู่ไม่ไกล มีทั้งอิมพีเรียลเวิลด์สำโรง ตลาดเอี่ยมเจริญ ตลาดปากน้ำ Tesco Lutus และ Jas Urban มีถนนกาญจนาภิเษกอยู่ไม่ไกล ทำให้เข้า-ออกเมืองได้ง่าย หรือจะใช้รถไฟฟ้าก็สามารถเดินไปใช้ได้ง่ายๆอีกด้วยครับ
การเดินทางโดยใช้รถ : ทางด่วนที่ใกล้สุดคือถนนกาญจนาภิเษกซึ่งจะต้องไปกลับรถมาเล็กน้อย เพียงแต่ต้องระวังหน่อยเพราะระยะใกล้มากแค่ 80 m. ถ้าเลยจุดนี้ไปจะต้องไปรถติดที่แยกปู่เจ้านานพอสมควรเลยครับ โดยถนนกาญจนาภิเษกนี้ก็เลือกได้ว่าจะออกเมืองไปทางพระราม 2 หรือจะเข้าเมืองไปบางนา-ตราดก็ได้ ในระยะทางประมาณ 1.5 km. และสามารถใช้ถนนรางรถไฟเก่าด้านหลังเลี่ยงรถติดไปขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษฉลองรัชได้อีกด้วย ระยะทางประมาณ 6.4 – 7.7 km. ใช้เวลาประมาณ 30 – 40 นาทีครับ เพียงแต่ที่จอดรถของโครงการจะมีแค่ 40% เท่านั้น และส่วนมากจะจอดกลางแจ้งด้วย จึงอาจไม่เหมาะกับคนใช้รถมากนัก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถือว่าสะดวกมากๆ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่สามารถเรียกรถแท็กซี่ได้ง่าย หรือจะเดินไปป้ายรถเมล์ก็ห่างออกไปแค่ 170 m. เท่านั้น และที่ถนนรางรถไฟเก่าด้านหลังยังมีรถสองแถววิ่งให้บริการถึงสำโรงอีกด้วยนะ แต่จุดเด่นจริงๆของโครงการนี้คืออยู่ใกล้ BTS สถานีปู่เจ้ามากๆ มีระยะเดินจากประตูโครงการถึงบันไดเลื่อนทางขึ้นสถานีเพียงแค่ 45 m. เท่านั้น แต่หากเป็นบันไดขาลงก็จะห่างประมาณ 140 m. และใกล้กันที่ใต้สถานียังมีวินมอไซค์ให้ใช้อีกด้วย
การออกแบบโครงการ : ตัวโครงการออกแบบเป็นคอนโด High Rise 3 อาคาร ที่มีความสูงเพียงแค่ 12 ชั้น จำนวน 572 ยูนิตถือว่าน้อยและมีความเป็นส่วนตัวครับ โดยแต่ละอาคารจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปทั้งเรื่องของทำเลและ Facilities เพียงแต่ลักษณะการใช้งานจะยุ่งยากกว่าแบบอาคารเดียวที่มีทุกอย่างอยู่ในอาคารเดียวกันครับ ซึ่งอาคาร C จะมีฟังก์ชันที่อาจมีคนภายนอกเข้ามาใช้งานด้วยและจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุด ประกอบด้วยร้านค้าและ Co-Working space ซึ่งจัดไว้ด้านหน้าสุดเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านด้านใน ส่วนอาคาร B จะเป็นศูนย์รวมของทุกอาคารซึ่งจะมีความพิเศษกว่าเพื่อนคือมีสระว่ายน้ำและ Roof Top Facilities รวมถึงลักษณะอาคารที่เป็นตัว U และมียูนิตเฉพาะแบบ 2 Bedroom ที่หาได้เฉพาะอาคารนี้เท่านั้น แล้วยังเป็น Type เดียวที่ได้วิวสระว่ายน้ำอีกด้วย ส่วนอาคาร A จะเป็นของชาวต่างชาติ และมี Fitness ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor และมีผังอาคารเหมือนอาคาร C คือรูปตัว L และมีช่องแสงเยอะ รวมถึงมีโซนที่ได้ Single Corridor ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงอีกด้วย โดยมีอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 95.33 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นมากครับ
การออกแบบห้องพัก : ถือว่าทำออกมาได้ดีมากๆ ห้องเริ่มข้นขนาดใหญ่และเป็นตอนลึกแต่หน้ากว้างและฝ้าเพดานสูง 2.7 m. จึงสามารถจัดฟังก์ชันได้ค่อนข้างลงตัวและโปร่งโล่งมากๆ โดยเฉพาะห้อง 1 Bedroom ที่ดีไซน์ห้องใหม่ด้วยการกั้นฟังก์ชันครัวกับห้องนั่งเล่นด้วยโต๊ะทานอาหารแบบเคาน์เตอน์บาร์ทรงสูง จึงทำให้ห้องโปร่งโล่งและสามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ที่หันหน้าออกไปรับวิวภายนอกได้โดยไม่ต้องนั่งหันเข้ากำแพงแบบเดิมๆ ส่วนห้องนอนก็กว้างขวางกั้นด้วยผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัว และยังมีพื้นที่นั่งทำงานข้างหน้าต่างได้ด้วย ส่วนห้อง 1 Bed Plus จะมีความเป็นสัดส่วนชัดเจนมากขึ้นแต่ยังได้ความโปร่งโล่งจากประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นฟังก์ชันต่างๆเอาไว้ แล้วยังมีห้องอเนกประสงค์ให้เลือกใช้งานเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนเสริมได้ด้วยนะ สุดท้ายคือห้อง 2 Bedrooms จะมีความเป็นส่วนตัวมากเป็นพิเศษ และมักจะอยู่ตำแหน่งห้องมุมหรือเห็นวิวสระอีกด้วย เพียงแต่ว่าขนาดห้องเริ่มต้นของโครงการนี้เป็นห้อง size ใหญ่ที่หากคิดเป็นเงินก้อนแล้วจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ถ้าคิดเป็นราคาเฉลี่ยบาทต่อตารางเมตรแล้วถือว่าคุ้มค่าครับ
วัสดุ : ถือว่าให้ของค่อนข้างดี ขายแบบ Fully Furnished แต่งครบพร้อมอยู่ ขาดแค่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางอย่างก็เข้าอยู่ได้ พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 mm. และพื้นครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm. Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ ประตูกระจกและหน้าต่างกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกภายในใสธรรมดาและกระจกภายนอกเขียวตัดแสง ส่วนสุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำทั้งหมดจะเป็นของ Kohler รวมถึงชุดตู้ Built in ต่างๆจะถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณผู้หญิงด้วยครับ
สาธารณูปโภค : ให้มาครบและค่อนข้างหลากหลาย ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 1 ของแต่ละอาคารซึ่งจะมีทั้งแบบ Indoor และ Outdoor ทั้ง Co-Working Space, Relaxing seat area, EV Charger, Swimming pool 20 x 5 m., Jacuzzi, Steam/Sauna, Play room, Playground, Fitness, Outdoor Fitness และมี Lobby & Social Lounge แยกของแต่ละอาคารของเป็นส่วนตัว รวมถึงอาคาร B จะมี Roof Top Facilities ประกอบด้วย Sky Social Lounge, Outdoor Co-kitchen และ Outdoor seating area
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคา AVG 70,000 – 100,000 บาท/ตร.ม., 27 February 2019
- ทำเล 7.5/10 – ติดถนน 2 ฝั่ง โดยรอบเป็นโรงงาน ฝั่งตรงข้ามเป็น BigC หาของกินง่าย
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ใกล้ถนนกาญจนาภิเษก และใช้ถนนรางรถไฟเลี่ยงรถติดไปขึ้นทางด่วนบางนาได้ แต่ที่จอดรถเป็นแบบกลางแจ้งและน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ถือว่าสะดวกมาก เรียกรถสาธารณะง่าย และใกล้ BTS สถานีปู่เจ้า 45 m.
- วัสดุ 8/10 – ให้มาค่อนข้างดี ขายแบบ Fully Furnished คุ้มค่ากับราคา
- แบบ 8.25/10 – ทำได้ดี ตึกไม่บังวิวกันเอง แต่ส่วนกลางใช้งานยากไปหน่อย แบบห้องขนาดเริ่มต้นใหญ่ ฟังก์ชันเป็นส่วนตัวและเป็นสัดส่วน
- สาธารณูปโภค 8.25/10 – ให้มาเยอะและหลากหลาย เพียงพอต่อจำนวนยูนิต
- MAIN CLASS
- 7.91 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Niche Mono สุขุมวิท-ปู่เจ้า เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในนิคมปู่เจ้าหรือทำงานในเมืองที่ต้องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ชอบส่วนกลางที่หลากหลาย แบบห้องขนาดใหญ่และมีฟังก์ชันลงตัว ให้วัสดุ Built in ในห้องค่อนข้างดี มีงบประมาณระดับ 2.59 – 4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,000 – 28,000 บาท/เดือน