รีวิวฉบับที่ 1010 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการย่านลาดพร้าวกันกับโครงการ MITI (มิติ) คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 198 ยูนิต โครงการใหม่ขนาดเล็กๆ แต่ดีเทลไม่น้อย บริหารโครงการโดย One Real Estate โครงการตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าววังหิน ห่างจากสี่แยกวังหินประมาณ 400 ม. โดยจะเริ่ม Pre-sale ประมาณสิ้นเดือนนี้ (กุมภาพันธ์ 2559) สำหรับโครงการนี้มีวัสดุดีเทล และการออกแบบที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ อย่ารอช้าไปชมโครงการพร้อมๆ กันเลย 🙂
Fact @ 03 February 2016
- Miti Condominium (มิติ คอนโดมิเนียม)
- บริษัท วัน ลีฟวิ่ง ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ลาดพร้าว
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 198 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 60% กว่า รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 2-0-9 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q2 2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q3 2560
- 1 Bedroom 27.5 – 36 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
- 1+1 Bedroom 41 – 41.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.84 ล้านบาท
- 2 Bedroom 52 – 60.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.64 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 68,000 – 70,000 บาท/ตร.ม
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 085-911-8811
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.828402, 100.591854
ที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าววังหิน ใกล้สี่แยกวังหินที่ตัดกับถนนเสนานิคม 1 และถนนพหลโยธิน 32 ประมาณ 400 ม. ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีเสนานิคมที่อยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุด
ทำเลโครงการตั้งอยู่ในย่านลาดพร้าว บนถนนลาดพร้าววังหินที่เป็นแหล่งชุมชนที่มีคนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น บนถนนและภายในซอยนั้นจะมีทั้งบ้านพักอาศัย ตึกแถว อาคารพาณิชย์ที่อยู่กันมานาน และคอนโด Low Rise สลับกันไป ด้วยจำนวนคนที่อยู่อาศัยกันหนาแน่นนั้นจึงทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านอาหารการกินตามมา เรียกได้ว่าเป็นถนนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยๆ เลยทีเดียว และยังมีให้เลือกตั้งแต่ร้านข้างทางไปยันร้านติดแอร์ เหมาะมากกับคนที่อยู่คอนโดและไม่เน้นการทำกับข้าว
สำหรับการเดินทางบนถนนลาดพร้าววังหินนี้ ข้อดีคือสามารถเข้า-ออกไปทะลุถนนสายอื่นๆ ได้หลากหลายทั้งถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก ถนนพหลโยธิน ถนนประดิษฐ์มนูธรรม และถนนประเสริฐมนูกิจ นอกจากนั้นภายในซอยยังมีซอยเล็กซอยน้อยให้ลัดเลาะได้อีกหลายเส้นทาง ส่วนทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะอยู่บริเวณถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ค่ะ แต่ในขณะเดียวกันเมื่อมีจำนวนคนที่พักอาศัยบนถนนลาดพร้าววังหินนี้มีจำนวนมาก จึงต้องทำใจและเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยรถยนต์ด้วย เพราะรถบนถนนค่อนข้างหนาแน่นตลอดทั้งวัน และยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน
ส่วนใครที่พึ่งพิงระบบสาธารณะในการเดินทางอาจจะต้องต่อรถหลายทอดหน่อยนะคะ เพราะถนนลาดพร้าววังหินถึงแม้จะเป็นถนนที่ทะลุไปไหนมาไหนได้สะดวกแต่ก็ไม่ใช่ถนนหลักในการเดินทางที่จะมีรถประจำทางหรือแท็กซี่วิ่งให้บริการขวักไขว่เหมือนถนนหลักอย่างลาดพร้าว หรือเกษตรนวมินทร์ แต่ก็ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่นักเพราะยังมีพี่วินมอเตอรไซต์, รถสามล้อเล็ก หรือจะเรียกแท็กซี่จากหน้าโครงการเลยก็ยังพอมีวิ่งบ้าง สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการเป็นแหล่งชุมชน มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย มีรถผ่านเข้าออกตลอด สาวๆ ที่กลับบ้านตอนกลางคืนก็ถือว่าปลอดภัยระดับนึงเพราะโครงการติดถนนไม่ได้เปลี่ยวเลย ส่วนรถไฟฟ้าตอนนี้สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีลาดพร้าว ซึ่งอยู่ห่างไปพอสมควร
มาดูสถานที่สำคัญใกล้เคียงกันบ้างค่ะ เริ่มจากภายในถนนลาดพร้าววังหินกันก่อน จะเห็นว่ามีทั้งตลาด อย่างตลาดวังหินยิ่งเจริญ ตลาดสะพาน 2 และ ตลาดโชคชัย 4, Community Mall อย่าง The Jas และ Green Plaza, Hyper Market อย่าง Tesco Lotus และ Mini Big C ซึ่งเรียกได้ว่าครบถ้วนตามความต้องการไม่ต้องออกไปไหนไกล ส่วนสาวๆ ที่รักการช็อปปิ้งก็มีห้างใหญ่ๆ ให้เลือกทั้งบนถนนลาดพร้าว, พหลโยธิน และเลียบด่วนรามอินทรา ทั้ง Central ลาดพร้าว, ยูเนี่ยน มอลล์ และ Central Festival East Ville
การเข้าถึงโครงการ สามารถเข้าถึงได้หลายเส้นทางดังนี้
- เส้นทางที่ 1 : เข้าจากทางถนนลาดพร้าวโดยสามารถเข้าจากทางซอยลาดพร้าว 41 (ซอยภาวนา) หรือ จากถนนโชคชัย 4 ก็ได้ จากนั้นตรงเข้ามาเข้าถนนลาดพร้าววังหิน เข้าสู่โครงการ
- เส้นทางที่ 2 : เข้าจากทางถนนรัชดาภิเษก โดยสามารถเข้าจากทางซอย รัชดาภิเษก 32 หรือ ซอยรัชดาภิเษก 36 ก็ได้ ตรงเข้ามาเลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าววังหิน เข้าสู่โครงการ
- เส้นทางที่ 3 : เข้าจากทางถนนพหลโยธิน เลี้ยวเข้าถนนเสนานิคม ตรงเข้ามาเลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าววังหิน เข้าสู่โครงการ
- เส้นทางที่ 4 : เข้าจากทางถนนประเสริฐมนูกิจ ตรงผ่านถนนลาดปลาเค้า ผ่านแยกวังหิน ตรงมาเข้าถนนลาดพร้าววังหิน เข้าสู่โครงการ
- เส้นทางที่ 5 : เข้าจากทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือ เลียบทางด่วนรามอินทรา เลี้ยวเข้าถนนสังคมสงเคราะห์ มาเข้าถนนโชคชัย 4 และ ถนนลาดพร้าววังหิน เข้าสู่โครงการ
การเดินทางในวันนี้จะเริ่มจาก ถนนลาดพร้าวบริเวณซอยลาดพร้าว 41 (ซอย ภาวนา) มาเข้าถนนโชคชัย 4 แล้วเลี้ยวเข้าถนนลาดพร้าววังหินตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 3.5 ม. จะเห็นโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ
สำหรับการเดินทางครั้งนี้เราจะเริ่มต้นกันที่ถนนลาดพร้าวฝั่งขาออกไปยังบางกะปิค่ะ โดยเราจะขับผ่านซอยลาดพร้าว 41 บริเวณแยกภาวนาไปก่อนนะคะ แต่ซอยนี้เป็นอีกซอยที่สามารถทะลุเข้าลาดพร้าววังหินได้เช่นกัน
ตรงมาเรื่อยๆ ขับผ่านตลาดสะพาน 2 บริเวณซอยลาดพร้าว 47 เป็นตลาดที่ขายอาหารสดขนาดใหญ่บนถนนลาดพร้าว
เลี้ยวเข้าถนนโชคชัย 4 หน้าปากซอยจะมีสถานีตำรวจนครบาลโชคชัยเป็นจุดสังเกตอยู่
เลี้ยวไปตามทาง บริเวณทางโค้งจะมีร้านข้าวต้มศาลพระภูมิร้านดัง จะสังเกตว่าปริมาณรถค่อนข้างเยอะที่เข้ามาบนถนนนี้
ตรงเข้ามาตามถนนโชคชัย 4 ขับตรงไปเรื่อยๆ บริเวณฝั่งตรงข้ามโชคชัย 4 ซอย 9 จะเป็นซอย สังคมสงเคราะห์ สามารถใช้ลัดไปออกถนน ประดิษฐ์มนูธรรมหรือถนนเลียบด่วนรามอินทราได้
ตรงมาอีกซักระยะเจอโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล โชคชัย 4 ฝั่งซ้ายมือ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับโครงการมากที่สุด
เลยโรงพยาบาลมาอีกนิดพอเจอแยกนี้ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าววังหิน
ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านวัดลาดพร้าวไปก่อนค่ะ
ตรงไปตามทาง จะเจอทางโค้งถ้าไปทางซ้ายจะเป็นทางไปออกซอยลาดพร้าว 41 เพื่อทะลุออกถนนลาดพร้าวบริเวณแยกภาวนาได้ แต่เราจะตามโค้งไปทางขวา
บนถนนลาดพร้าววังหินทั้งสองฝั่งของถนนนี้จะมีตึกแถวร้านค้า ร้านอาหารที่เปิดขายกันเกือบตลอดแนวถนน
ขับตรงมาจะเจอแยกนี้ ด้านซ้ายเป็นทางไปซอยรัชดาภิเษก 32 ส่วน ทางด้านขวา (ซ. ลาดพร้าววังหิน 48) สามารถทะลุไปถนนโชคชัย 4 และ ถนนนาคนิวาสได้ค่ะ
ตรงเข้ามาอีกด้านซ้ายเป็นร้านสามวันสองคืน หรือร้านนั่งชิลที่มีทั้งเพลงฟังสบายและเพลงแดนซ์ร้านดังประจำถนนลาดพร้าววังหินนี้ และบนถนนนี้ก็ยังมีร้านนั่งชิลๆสไตล์นี้อยู่เยอะเหมือนกันนะคะ ใครที่ชอบมา Hang Out กับเพื่อนๆ ในวันหยุดก็ไม่ต้องออกไปไหนไกลเลย
ตรงมาอีกจะเจอ Community mall อยู่ 2 แห่ง ทางด้านซ้ายเป็น Green Plaza ส่วนทางด้านขวาเป็น The Jas วังหิน
ภายใน The Jas มีร้านอาหารอยู่เยอะพอสมควร เวลาหิวก็พอพึ่งพิงได้ มีสตาร์บัคด้วยนะ
ถัดจาก Community mall ขับตรงมาอีกจะเจอ Tesco Lotus
พอถึงแยกนี้ถ้าไปทางซ้ายจะเป็นทางไปซอยรัชดาภิเษก 36 สามารถใช้ออกไปยังถนนรัชดาภิเษกได้ ส่วนทางขวาจะเป็นทางไปถนนโชคชัย 4 แต่เราจะขับตรงไปก่อนนะคะ
ตรงมาผ่านวัดสิริกมลาวาส หรือ วัดใหม่เสนา ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุด ตอนเช้าๆ ก็เดินมาทำบุญได้เลยค่ะ
บนถนนนี้นอกจากพี่วินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการแล้วยังมีพี่รถสามล้อเล็กให้บริการด้วยเช่นกันค่ะ
บรรยากาศใกล้โครงการส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวและอาคารพาณิชย์ริมถนนทั้ง 2 ฝั่งทั้งที่เปิดเป็นร้านอาหาร ก๋วยเตี๋ยว ร้านคาเฟ่ขายขนมและกาแฟแล้วก็ยังมี 7-11 เป็นอีกแหล่งพึ่งพิงนึงคอยบริการอยู่ตลอด 24 ชม.
ก่อนจะถึงโครงการจะเจอโครงการเพื่อนบ้านอย่าง Chambers Chaan ลาดพร้าว – วังหิน
ถัดไปอีกหน่อยเป็นร้านซ่อมและร้านเหล็ก บริเวณริมฟุตบาทกว้างและเดินได้สะดวกค่ะ
ติดกับโครงการคือซอยลาดพร้าววังหิน 72
ภายในซอยลาดพร้าววังหิน 72 มีทาวน์โฮมสูง 2-3 ชั้น เรียงรายตามแนวซอยซึ่งซอยนี้เป็นซอยตันนะคะ ไม่สามารถทะลุออกไปได้ บรรยากาศภายในซอยถือว่าเงียบสงบดีค่ะ
และแล้วเราก็ถึงหน้าโครงการกันแล้วค่ะ เเต่เดี๋ยวเราจะพาไปดูบรรยากาศและสภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการกันก่อนค่อยเข้าไปดูในโครงการกันค่ะ
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยจะเป็นตึกแถวสูง 2-3 ชั้นรอบๆ โครงการ ชั้นที่สูงเลยชั้น 2-3 ไปก็จะไม่มีปัญหาในเรื่องของการถูกบล็อกวิว ส่วนวิวที่ได้นั้นก็จะเห็นเป็นบรรยากาศของบ้านพักอาศัยรอบๆ เนื่องจากเป็นอาคาร Low Rise
ในเรื่องของการจัดวางอาคารคือวางตามแนวทิศเหนือ-ใต้ ใครที่เลือกทิศเหนือก็จะได้เปรียบในเรื่องของทิศทางแดดที่จะได้รับแดดอ่อนๆ ในตอนเช้า และห้องไม่อมความร้อนในตอนบ่ายด้วย ส่วนทิศใต้นี้ข้อได้เปรียบจะเป็นในเรื่องของทิศทางลมที่พัดผ่านได้ดี แต่ในเรื่องแดดก็จะร้อนกว่าทิศเหนือ เนื่องจากทิศทางของดวงอาทิตย์จะอ้อมมาทางทิศใต้ค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับตึกแถวสูง 2-3 ชั้น ในซอยลาดพร้าววังหิน 74
- ทิศตะวันออก ติดกับตึกแถวสูง 2 ชั้น
- ทิศใต้ ติดกับตึกแถวสูง 2 ชั้น และอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ในซอยลาดพร้าววังหิน 72
- ทิศตะวันตกติดกับถนนลาดพร้าววังหิน ตรงข้ามเป็นที่ดินว่างเปล่าและมีอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นด้านข้าง
เมื่อยืนบริเวณหน้าโครงการ จะเห็นว่าฝั่งตรงข้ามโครงการติดกับอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น และที่ดินว่างเปล่าด้านหน้าทำเป็นพื้นที่ขายของ
เยื้องมาทางซ้ายเป็นที่ดินส่วนบุคคลล้อมรั้วชัดเจน
หันกลับมาดูฝั่งเดียวกับโครงการกันบ้าง ด้านข้างขวาโครงการติดกับซอยลาดพร้าววังหิน 72 ด้านข้างหน้าปากซอยเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
ส่วนฝั่งด้านซ้ายโครงการนั้นด้านหน้าเป็นอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น ด้านล่างทำเป็นร้านขายสีทาบ้านและร้านขายมอเตอร์ไซต์ ถัดจากร้านแล้วคือซอยลาดพร้าววังหิน 74 ภายในซอยนี้มีหมู่บ้านอมรพันธ์ เป็นหมู่บ้านที่อยู่มานานแล้ว
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- วัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนานิคม) ~ 300 เมตร
- Mini Big C ลาดพร้าววังหิน ~ 300 เมตร
- ตลาดวังหินยิ่งเจริญ ~ 400 เมตร
- Tesco Lotus ~ 500 เมตร
- Green Plaza ~ 550 เมตร
- The JAS ~ 550 เมตร
- Plaza Lagoon ~ 1.1 กิโลเมตร
- วัดลาดพร้าว ~ 2.9 กิโลเมตร
- ม.ราชภัฎจันทรเกษม ~ 3.1 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล โชคชัย 4 ~ 3.5 กิโลเมตร
- ตลาดโชคชัย 4 ~ 4.5 กิโลเมตร
- ตลาดลาดพร้าวสะพาน 2 ~ 4.6 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 6.7 กิโลเมตร
โครงการ Miti คอนโด เป็นอาคาร Low Rise สูง 7 ชั้น และ Club House ใช้สอย 3 ชั้นวางอยู่ด้านหน้าโครงการ สำหรับอาคารพักอาศัยสูง 7 ชั้น จะเห็นว่าแตกต่างจากจำนวนชั้นอาคาร Low Rise ปกติที่มีมักจะมีความสูง 8 ชั้น แต่เนื่องจากความสูงฝ้าที่โครงการออกแบบมานั้นมีความสูง 2.8 ม. และเมื่อติดกฎหมายการจำกัดความสูงไม่เกิน 23 ม. นั้นจึงทำให้ตัวอาคารสามารถสูงได้เพียง 7 ชั้น ดังนั้นก็ทำให้จำนวนยูนิตน้อยลงไปอีกชั้น โดยมีจำนวนยูนิตที่ 198 ยูนิตค่ะ
สำหรับการตกแต่งออกแบบเรียบง่ายตามสไตล์ความเป็น Modern ผสมผสานกับความเป็นบ้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยวัสดุ Bio-Wood ไม้เทียมที่มีลักษณะคล้านเป็นไม้จริงแต่มีความคงทนมากกว่า
มาดูโมเดลโครงการกันค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 2 ไร่เศษ ระหว่างซอยลาดพร้าววังหิน 72 และลาดพร้าววังหิน 74 หน้าโครงการติดถนนลาดพร้าววังหินลึกไปตามแนวซอย
จากหน้าโครงการหรือทิศตะวันตก จะเห็นว่าการวางตำแหน่งค่อนข้างแตกต่างจากโครงการทั่วไปคือ วาง Club House อยู่ด้านหน้าและอาคารพักอาศัยด้านหลัง โดยเมื่อเข้าโครงการจะต้องผ่านในส่วนของ Club House เสมือนเป็น Lobby เชื่อมต่อเข้าไปยังอาคารพักอาศัย และยังสามารถแยกพื้นที่ต้อนรับแขกอยู่ตรง Club House ได้ชัดเจน ทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น
สำหรับทิศเหนือ ติดกับตึกแถวสูง 2 ชั้น นอกจากจะไม่มีปัญหาในเรื่องของการถูกบล็อควิวแล้ว ทิศเหนือยังได้เปรียบในเรื่องของแดดที่จะส่องเข้าตัวห้องเป็นแดดอ่อนๆ ยามเช้า ไม่อมแดดในตอนบ่ายอีกด้วยค่ะ ตำแหน่งของห้องแบบ 1 Bedroom Plus (41 ตร.ม.) และ 2 Bedroom (52 ตร.ม.) จะอยู่ระหว่างสวนได้ด้วย
ทิศตะวันออก ติดกับตึกแถวสูง 2 ชั้น ตำแหน่งห้องในทิศนี้จะเป็นห้องแบบ 33 ตร.ม. ด้านซ้ายและ 36 ตร.ม. ด้านขวา โดยวิวที่ได้จากทิศนี้จะเป็นบ้านพักอาศัยจำนวนมากในย่านลาดพร้าวจากส่วนของห้องนั่งเล่นค่ะ
ทิศใต้ ติดกับซอยลาดพร้าววังหิน 72 ภายในซอยเป็นทาวน์เฮ้าส์และตึกแถวสูงประมาณ 2-3 ชั้น ในเรื่องของวิวจะคล้ายๆ กับทิศเหนือค่ะ แต่จะได้เปรียบเรื่องระยะที่ติดกับอาคารข้างเคียงมาหน่อยเพราะได้ระยะของซอยมาเพิ่มความห่างในมีระยะทอดสายตาได้สำหรับชั้น 2-3 นะคะ แต่ชั้นบนๆ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ ส่วนอาคารด้านนี้มีหน้าตาคล้ายคลึงกับทิศตรงข้ามคือทิศเหนือ แต่จะมีแตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่ด้านนี้เป็นตำแหน่งของห้องขยะด้วย ซึ่งจะบอกว่าทางโครงการได้คำนึงถึงเรื่องความเป็นอยู่ของโครงการได้ค่อนข้างดีนะคะ เพราะอย่างห้องขยะที่มีอยู่ในทุกๆ ชั้นนั้นก็ได้ติดพัดลมดูดอากาศเพื่อให้ระบายกลิ่นขยะออกทางด้านนอกไม่มีกลิ่นหมักหมมภายในอาคาร
จากหน้าโครงการ ทางเข้าโครงการโดยรถยนต์จะอยู่ทางซ้ายมือ ใช้ระบบการเข้า – ออกด้วยไม้กระดกอัตโนมัติด้วย Key Card Access ส่วนการเดินเข้าโครงการคือการเดินเข้าส่วน Club House แล้วทะลุไปยังอาคารพักอาศัยเลย สำหรับการจัดการทางเข้า – ออกทั้งเส้นทางของรถและการเดินนั้นแยกจากกันชัดเจน ไม่เดินขวางทางถนน (Cross Circulation) ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุได้ดี
จากชั้นล่าง Club House ที่เป็นส่วน Lobby โครงการแล้ว ด้านหลังจะเป็นส่วนสระว่ายน้ำแบบ Outdoor ขนาด 5 x 15 ม. ลึก 1.2 ม. ระบบเกลือ ด้านข้างมีพื้นที่ Day Bed ไว้นอนอาบแดด หรือนั่งเพลินๆ ด้วยลักษณะของสระว่ายน้ำเป็นแบบน้ำล้นไหลไปยังส่วน Reflection Pond เพื่อให้เกิดความรู้สึกของการเคลื่อนไหวไปตามสเต็ปการเดินทางเข้าสู่ส่วน Private Lobby
ส่วนในชั้นสองของ Club House จะมีส่วนห้องอ่านหนังสือ, Fitness และชั้นดาดฟ้าด้านบนสุดเป็นส่วนนั่งเล่นพักผ่อนแบบ Outdoor ไว้สำหรับลูกบ้านมานั่งเล่นชิลๆ ในตอนเช้าหรือตอนเย็นๆ ก็ได้ค่ะ
ถัดจากบริเวณ Club House มีทางเดินที่เชื่อมเข้ากับส่วน Private Lobby โดยจะเป็น Lobby สำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะ คือต้องสแกนบัตรเข้าส่วน Lobby เลยจึงเป็นส่วนที่แตกต่างกับ Lobby บริเวณ Club House ที่ใช้เป็นที่รองรับบุคคลที่เข้ามาติดต่อหรือแขกของลูกบ้านได้ค่ะ ซึ่งต่อไปจะมีการทำประตูกั้นพื้นที่ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้นด้วยค่ะ
ซูมมาดูส่วนพักผ่อนใกล้ Private Lobby อีกด้านนึง จะเห็นว่าบริเวณพื้นที่พักผ่อนนั้นด้านหลังมีม่านน้ำตก (Feature Water Wall) ทำให้เกิดความรู้สึกของการเคลื่อนไหวของน้ำทั้งแนวนอนที่ไหลจากสระว่ายน้ำมายังส่วน Reflection Pond แล้วยังมีในส่วนของม่านน้ำตกแนวตั้งด้วยค่ะ และอีกหนึ่งสิ่งที่ได้คือการพักผ่อนที่เมื่อผู้ฟังได้ฟังเสียงธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมอย่างเสียงน้ำไหลก็สามารถทำให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ตามประสบการณ์ในอดีตที่สัมพันธ์กับเสียงนั้นๆ และช่วยหลอกล่อให้สมองและจิตใจไม่ให้จดจ่อกับเสียงความถี่บีตที่แฝงไว้ได้ค่ะ (ข้อมูลเรื่องเสียงธรรมชาติ กับการบำบัดและพักผ่อนจาก ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทย์ศาสตร์ ม.เชียงใหม่)
เรามาดูกันต่อที่ตัวอาคารกันค่ะ สำหรับทิศตะวันตกเป็นทิศที่รับแสงแดดมากที่สุด จึงมีการทำแผงกันแดดแบบแนวตั้ง (Fin) ซึ่งเหมาะกับการกันแดดในทิศตะวันตกหรือทิศตะวันออก เนื่องจากทิศทางของการโคจรดวงอาทิตย์ที่จะมาในแนวนอนด้านข้างเมื่อทำแผงกันแดดแบบแนวตั้งจึงช่วงในการเบี่ยงเบนทิศทางแดดได้ดี ส่วนวัสดุที่ใช้ในการทำแผงกันแดดนั้นคือ ไม้เทียม Bio-Wood ซึ่งมีคุณสมบัติคงทน แต่ให้ความรู้สึกเหมือนไม้จริง ดังนั้นนอกจากจะใช้บังแดดได้แล้วยังดูสวยงามด้วยค่ะ
ส่วนพื้นที่ระเบียงแบบ 2 Bedroom นั้นจะมีบางห้องสลับชั้นกันที่ได้พื้นที่ระเบียงเพิ่มมากขึ้นประมาณ 5 ตร.ม. โดยพื้นที่นี้สามารถทำเป็นสวนหรือพื้นที่นั่งเล่นเพิ่มขึ้นได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทางโครงการไม่ได้ปลูกต้นไม้ริมระเบียงที่เพิ่มขึ้นมาให้นะคะ
ในส่วนด้านข้างอาคารติดกับทางเดิน (Corridor) มีพื้นที่สวนแทรกระหว่างห้อง ซึ่งถือเป็นอีกจุดเด่นนึงของโครงการเลยค่ะ ข้อดีของการมีพื้นที่สีเขียวติดกับทางเดินคือ บรรยากาศในโถงทางเดินจะแตกต่างกันกับ double corridoor ทั่วไปเลย เพราะนอกจากจะมีแสงธรรมชาติส่องเข้าถึงโถงทางเดินได้แล้ว ยังได้พื้นที่สีเขียวให้มองเมื่อเดินผ่าน หรือใครเบื่อๆ ก็มายืนรับลมบนพื้นที่นี้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งลูกบ้านทุกคนสามารถใช้งานพื้นที่สวนนี้ได้ค่ะ
สำหรับห้องริมสวนที่เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus (41 ตร.ม.) และห้องแบบ 2 Bedroom (52 ตร.ม.) ก็จะได้ชมวิวสวนจากห้องของตัวเอง เสมือนมีพื้นที่สีเขียวริมบ้าน แต่สวนนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางซึ่งมีคนดูแลให้ด้วยนะคะ ส่วนในเรื่องตำแหน่งของหน้าต่างที่มองเห็นสวนได้นั้นก็ไม่ได้เป็นตำแหน่งที่เดียวกันกับห้องตรงข้าม จะอยู่ในตำแหน่งเยื้องๆ กัน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ อย่างไรก็ดีแม้ว่าห้องตำแหน่งนี้จะได้เห็นสวน แต่ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างเช่นเดียวกันค่ะ
มาต่อกันที่ถนนภายในโครงการกัน หลังจากที่ผ่านจุดเข้า – ออกมาแล้วถนนจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ โดยการเดินรถจะเป็นทางเดียววิ่งอ้อมเข้าที่จอดรถด้านหลัง
จากนั้นจะเลี้ยวเข้าสู่พื้นที่จอดรถในชั้นล่าง ซึ่งมีทั้งพื้นที่จอดรถในร่มและกลางแจ้ง ประมาณ 60% กว่าของโครงการ รวมจอดซ้อนคันแล้ว ถือว่าให้มาเยอะพอสมควร เพราะทำเลนี้คนส่วนมากมักจะใช้รถกันค่ะ
มาดูกันต่อในส่วนของทัศนียภาพจำลองโครงการ ในส่วนนี้คือบรรยากาศของ Lobby ที่อยู่ชั้นล่าง Club House ภายในตกแต่งให้เหมือนกับห้องนั่งเล่นเพื่อให้เกิดความรู้สึกคล้ายคลึงกับการอยู่บ้าน รอบข้างเป็นกระจกใสสูงจนถึงฝ้าเพดานช่วยให้ห้องโปร่งโล่ง มีแสงสว่างส่องเข้าถึงภายในได้ดี
ส่วนชั้นบนของ Club House มีห้อง Fitness โดยสามารถวางเครื่องเล่นได้ประมาณ 6 ตัว ประมาณนี้ค่ะ
ส่วนห้องอ่านหนังสือก็เป็นอีกห้องที่อยู่ชั้นบน Club House เช่นเดียวกัน การตกแต่งจะเป็นสไตล์ Casual สบายๆ ไม่ได้เป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะประชุมจริงจัง แต่จะเน้นเป็นการนอนเล่นอ่านหนังสือเงียบๆ ชิลๆ มากกว่า โดยในห้องอ่านหนังสือนี้จะมี Free Wifi ให้ลูกบ้านได้ใช้งานด้วยค่ะ
จากส่วน Club House ออกมาด้านนอกเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่พักผ่อน ลักษณะการออกแบบคือการใช้เส้น ระนาบออกมาให้ความรู้สึกเป็นบ้านหลังใหญ่ ดูอบอุ่นและเป็นส่วนตัว
เข้ามาในส่วนของ Private Lobby หรือ Lobby ที่อยู่ด้านล่างอาคารพักอาศัย ภายในวางชุดโซฟา 2 ชุดเรียบง่ายหันหน้าออกไปยัง Reflection Pond (บ่อน้ำ) และ Feature Water Wall (ม่านน้ำตก)
และภาพบรรยากาศสวนติดทางเดินภายในอาคาร เป็นอีกมุมสำหรับการพักผ่อนสายตาด้วยพื้นที่สีเขียวที่ยกขึ้นมาเพื่อให้สัมผัสกับธรรมชาติได้มากขึ้น
ทาง Facebook โครงการ Miti คอนโด มี Video Presentation โครงการ สามารถเข้าไปดูได้โดยคลิกที่รูปด้านบน หรือ คลิกที่นี่
สำหรับแปลนโครงการ จะวางแปลนเหมือนกันทุกชั้น ซึ่งจะแตกต่างกันที่ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 60 ตร.ม. ที่อยู่ฝั่งซ้ายสุดของอาคาร ที่มีการยื่นระเบียงเพิ่มขึ้นมา 5 ตร.ม. สลับซ้ายขวาในแต่ละชั้นค่ะ โดยเราจะขออธิบายแปลนในรูปเดียวกันไปเลยนะคะ ลักษณะการวางแปลนอาคารทำออกมาเรียบง่าย โดยจัดวางตำแหน่งห้องนอนอยู่ทางทิศเหนือ – ใต้ แบ่งด้วยทางเดินแบบ Double Corridor ตำแหน่งห้องซ้ายสุดคือตำแหน่งของขนาด 60 และ 60.5 ตร.ม. (Type ห้องเดียวกันเพิ่มตรงระเบียง 5 ตร.ม.) โดยห้องขนาดนี้จะสามารถเห็นวิวได้ 2 มุม และมีขนาดใหญ่สุดค่ะ ถัดมาคือตำแหน่งห้องใกล้สวนซึ่งมีขนาด 41 และ 52 ตร.ม. ส่วนห้องอื่นๆ ซึ่งเป็นขนาดห้องส่วนใหญ่คือห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.5 – 36 ตร.ม. ที่จะวางสลับกันไปมา
สำหรับเรื่องความหนาแน่นของโครงการถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ได้หนาแน่นมากนัก ด้วยอัตราส่วนลิฟต์ 99 : 1 และจำนวนยูนิตต่อชั้นที่ 33 ยูนิต ตำแหน่งของลิฟต์จะอยู่ฝั่งซ้ายสุด โดยมีจำนวนลิฟต์ 2 ตัว การจัดวางตำแหน่งลิฟต์ไปทางใดทางหนึ่งแบบนี้ก็จะอำนวยความสะดวกให้ห้องที่อยู่ใกล้ๆ เดินได้สบายๆ ส่วนห้องขวาสุดก็จะเดินไกลหน่อย แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องที่อยู่ใกล้ๆ โถงลิฟต์ค่ะ แต่อีกหนึ่งเหตุผลของการวางตำแหน่งลิฟต์ไว้ทางด้านซ้ายนั้นก็คือทำให้หลายๆ ห้อง ได้เดินผ่านสวนที่ทางโครงการตั้งใจทำไว้ให้เพื่อให้ลูกบ้านได้บรรยากาศของพื้นที่สีเขียวที่อยู่ใกล้มากขึ้นด้วย
เราเริ่มเข้ามาที่ส่วน Club House โครงการกันค่ะ บริเวณนี้จะเป็นทางเดินเข้าสู่ Lobby ด้านขวามือ หรือขึ้นไปใช้บริการห้องอ่านหนังสือ หรือห้อง Fitness ในชั้น 2 ก็ได้ค่ะ
ภายในส่วน Lobby ที่ Club House การตกแต่งคล้ายคลึงกับรูป perspective เลยค่ะ คือออกแบบเน้นความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้าน ด้านขวาจัดเป็นชุดโซฟาและเก้าอี้นั่ง มีชั้นวางตกแต่งของ รวมทั้งหนังสือให้อ่านเล่นได้ ทั้งนี้การตกแต่งทั้งหมดจะให้โอนให้นิติบุคคลเป็นแบบนี้ทั้งหมดค่ะ
หันมาอีกด้านเป็นส่วน Reception ด้านหลังบริเวณโมเดลเป็นห้องสำนักงาน ซึ่งในอนาคตสามารถเปลี่ยนเป็นห้องนิติบุคคลหรือห้องอื่นๆ ตามความเหมาะสมได้ค่ะ
ส่วนนั่งเล่นเป็นชุดเก้าอี้น่ารักๆ
ถัดจากส่วนนั่งเล่นมีประตูออกไปด้านนอก
ออกมาจะเป็นส่วนห้องน้ำและพื้นที่เก็บของแม่บ้าน
หันออกมาบริเวณสนามหญ้าที่เห็นอยู่นี้ ต่อไปจะกลายเป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำค่ะ
ในส่วนของรั้วรอบโครงการสูง 5 เมตร โดยเป็นรั้วทึบ 3 ม. และมีการต่อเติมระแนงเพิ่มอีก 2 ม.
ขึ้นมาด้านบน บริเวณโถงบันไดเป็นแผงกระจกขนาดใหญ่ เปิดรับแสงธรรมชาติให้ดูสว่าง โปร่งโล่ง เมื่อขึ้นไปชั้น 2 ปัจจุบันเป็นส่วนของห้องตัวอย่างนะคะ แต่ต่อไปจะกลายเป็นห้อง Fitness และห้องอ่านหนังสือค่ะ
ด้านหลัง Club House ต่อไปจะกลายเป็นพื้นที่อาคาร 7 ชั้นค่ะ ^^
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby 2 จุด (Lobby ที่ Club House และ Private Lobby ที่อาคารพักอาศัย)
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 15 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง
- ห้องอ่านหนังสือ
- สวน
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่ออาคาร 99 : 1
- ที่จอดรถ ไม่รวมจอดซ้อนคันมากกว่า 60%
- ระบบ CCTV / Access Card
- Proxy Lift
- Free Wifi บริเวณห้องอ่านหนังสือ
มาดูห้องตัวอย่างกันค่ะ สำหรับห้องแรกคือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 28 ตร.ม. พื้นถึงฝ้า 2.8 เมตร ลักษณะห้องเป็นห้องแนวลึก ผังห้องจัดวางฟังก์ชั่นสำหรับห้องขนาดเท่านี้ถือว่าจัดได้ลงตัวดีค่ะ โดยแบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือห้องนั่งเล่น และห้องนอน สำหรับโซนห้องนั่งเล่นนี้จะอยู่ทางเข้าห้อง เข้ามาจะเป็นส่วนห้องน้ำด้านซ้าย และพื้นที่ครัวด้านขวา ด้วยขนาดห้องที่ไม่ได้ใหญ่มากนักการจะทำเป็นครัวปิดจึงค่อนข้างลำบาก ทำให้ห้อง Type นี้ได้เป็นครัวแบบเปิด ซึ่งเหมาะกับการทำอาหารเบาๆ มากกว่าการทำอาหารหนักๆ ที่มีกลิ่นแรง ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารนั้นจะใช้ร่วมกันกับพื้นที่นั่งเล่น คือนั่งรับประทานข้าวบนโซฟาเลย แต่หากใครที่ไม่สะดวก ก็สามารถซื้อโต๊ะพับเล็กๆ สำหรับนั่ง 2 ท่าน มากางบริเวณทางเดินได้ค่ะ
เข้ามาในส่วนห้องนอนนั้นกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเป็นสัดส่วนเรียบร้อย ภายในห้องวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พร้อมตู้เสื้อผ้า และยังมีมุมห้องที่สามารถทำเป็นพื้นที่ทำงานเล็กๆ หรือใครจะซื้อโซฟาไซส์เล็กมานอนอ่านหนังสือเล่นริมหน้าต่างก็ได้เช่นกันค่ะ ในส่วนของระเบียงซักล้างเมื่อวางเครื่องซักผ้าแล้วก็ยังพอเหลือพื้นที่สำหรับซักล้างหรือตากผ้าได้อยู่บ้างค่ะ
สำหรับรูปแบบการขายของโครงการเท่าที่ทราบในตอนนี้คือขายแบบ Fully Furnished โดยออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้เข้าพอดีกับตัวห้องนะคะ แต่ทั้งนี้รูปแบบการขายแบบ fully furnished ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ในอนาคตค่ะ
เริ่มกันที่ประตูห้องกันค่ะ วัสดุประตูเป็นประตูไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต
ใช้ระบบ Digital Door Lock ยี่ห้อ Alpha แบรนด์นำเข้าจากญี่ปุ่น รูปแบบจะเรียบๆสไตล์ญี่ปุ่น ด้านข้างเป็นขอบยางกันน้ำรั่วซึมเข้าตัวเครื่องด้วย
ตัวล็อกของยี่ห้อนี้จะมีเดือยยื่นขึ้นมาจากตัวล็อกด้านบน ซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เพราะกุญแจที่ผลิตนั้นจะมีการซ้ำกันน้อยกว่าตัวล็อกทั่วไปค่ะ ส่วนด้านในเป็นมือจับก้านโยกปกติด้านล่างเพื่อให้เปิด – ปิดประตูได้สะดวก แต่จะมีการล็อกอีกชั้นด้านบนเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นและยังเผื่อเด็กๆ เผลอเปิดประตูออกไปนอกห้องได้
พื้นภายในห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม.ทั้งหมด
เข้ามาจะเจอกับส่วนครัวที่อยู่ซ้ายมือ และห้องน้ำทางขวามือค่ะ ลึกเข้าไปหน่อยคือพื้นที่นั่งเล่น และสุดท้ายคือห้องนอนค่ะ
บริเวณครัวใช้วัสดุพื้นคือไม้ลามิเนต แม้จะดูสวยกลมกลืนกันทั้งห้อง แต่เมื่อเทียบการปูด้วยกระเบื้อง(บริเวณครัว)แล้ว จะทำความสะอาดยากกว่าและมีความคงทนน้อยกว่า ส่วนระยะความกว้างของทางเดินกว้างประมาณ 1.2 ม. ถือว่ากว้างระดับนึงที่มีพื้นที่เพียงพอในการทำอาหารค่ะ
พื้นที่วางตู้เย็นสามารถวางตู้เย็นขนาด 8.4 คิวบิกฟุต ได้พอดีๆ
Pantry ครัวที่ได้ Top เป็นหินสังเคราะห์ ด้านหลัง Pantry กรุด้วยกระจกขาวนมเรียบร้อยและทำความสะอาดได้ง่ายไม่เป็นคราบติดผนังค่ะ ส่วนบานเปิดทุกบานเป็นบานปกตินะคะ ไม่ได้ให้ Soft Close
บานเปิดเป็นแบบบาดขอบเพื่อใช้ในการเปิด-ปิดได้ง่าย ส่วนวัสดุปิดผิวบานเปิดปิดด้วยลามิเนตค่ะ
อ่างที่ได้เป็นแบบฝังเคาน์เตอร์ จาก Teka ค่ะ ส่วนด้านข้างพอมีที่วางจานหรือเตรียมอาหารอีกนิดหน่อย
Hob & Hood จาก Teka หัวเตาเซรามิก 2 หัว สำหรับระบบดูดควันเป็นแบบ Exhausted หรือการต่อท่ออกไปด้านนอก เหมาะกับครัวเปิดแบบนี้ที่ช่วยในเรื่องของการดูดควันอากาศจากการทำอาหารได้ดี
ตู้ลอยด้านบนทำมาให้มีพื้นที่เก็บของได้เยอะพอสมควร และ Built-in ไปจนถึงฝ้าเพดาน ข้อดีอย่างนึงคือด้านบนไม่เป็นที่เก็บฝุ่น เนื่องจากไม่ได้ใช้งาน
หันหลังกลับมาที่ห้องน้ำกันต่อค่ะ ตัวพื้นห้องน้ำลดระดับลงไปเล็กน้อย ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้กันลื่น ภายในแยกโซนเปียกและโซนแห้งเป็นสัดส่วน
ในโซนแห้งนั้น จัดวางตำแหน่งอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์เรียงตามกัน พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ยาวไปจนสุดผนัง
อ่างล้างมือพร้อมตู้ลอยด้านล่างจาก Cristina
หน้าตาอ่างล้างหน้าจะเป็นแบบนี้นะคะ ความกว้างของอ่างมีระยะล้างมือได้พอสมควร ขอบอ่างมีพื้นที่สามารถวางครีมหรือสบู่ล้างมือได้นิดหน่อย
โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียว พร้อมอุปกรณ์ในห้องน้ำทั้งหมดจาก Cristina ส่วนระยะระหว่างโถกว้างประมาณ 70 ซม. นั่งได้สบายๆ ค่ะ
ส่วนพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกบานเลื่อน
ด้านล่างฉากเป็นรางเลื่อนต่อจากส่วนธรณีที่ยกสูงขึ้นมาหน่อยกันน้ำไหลย้อน สำหรับพื้นที่ในห้องน้ำมีขนาดประมาณ 1.3 x 0.7 ม. เป็นขนาดที่อาบน้ำได้สบายๆ ค่ะ
ฝักบัวสายอ่อน พร้อมชั้นวางสบู่จาก Cristina
หัวฝักบัว
กลับเข้ามาในห้องกันต่อ จากพื้นที่ครัวจะเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น
ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ได้เป็น Built – in ทั้งหมด
ตู้ด้านข้างสำหรับวางของกระจุกกระจิก
ส่วนชั้นวางทีวีพร้อมตู้ลอยทำมาให้สำหรับเก็บของได้พอสมควร และมีความยาวของชั้นทีวีที่เผื่อสำหรับขนาดทีวีที่ใหญ่ให้
หันกลับในโซนนั่งเล่น สิ่งที่ได้คือโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ที่มีระยะเบาะที่นั่งค่อนข้างกว้างประมาณ 80 ซม. นั่งได้สบายๆ แต่ไม่รวมโต๊ะกลางให้นะคะ สำหรับโต๊ะกลางนั้นสามารถซื้อขนาดใหญ่กว่านี้ได้อีกหน่อยนะ เพราะมีพื้นที่เหลือระหว่างโซฟากับชั้นทีวีค่อนข้างมาก อาจจะซื้อโต๊ะกลางที่เป็นชุดเดียวกันกับโต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถพับเก็บได้ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีกค่ะ เพราะขนาดของห้องนี้อาจจะเล็กไปหน่อยสำหรับการมีพื้นที่รับประทานอาหาร
เงยหน้าไปดูฝ้าเพดานกันบ้าง สำหรับฝ้าเพดานด้านข้างไม่ได้ซ่อนไฟให้นะคะจะเป็นฝ้าเรียบทั้งหมด ส่วนดวงโคมได้ตามแบบนี้เลยค่ะ คือเป็นดวงโคมฝังรูปทรงสี่เหลี่ยม
ประตูกั้นห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน สูงถึงฝ้าเพดาน (2.8 ม.) ตัวกระจกได้เป็นกระจกใสหากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็สามารถติดฟิล์มฝ้าได้ค่ะ
มือจับมาตรฐาน ผิวตัวกรอบบานสี Autumn Brown เป็นสีที่ค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่นๆ รูปแบบประตูที่ได้ค่อนข้างมีมาตรฐาน เก็บเสียงได้ค่อนข้างดีค่ะ ไปลองปิดทดสอบเสียงกันได้นะคะ
ด้านล่างมีตัวกันชนให้แต่ละบานด้วย ช่วยกันกระแทกและกันเสียงดังปึงปังได้ดีเลย
รางเลื่อนด้านล่างทำมาให้แบบลดขอบซึ่งช่วยไม่ให้สะดุดได้ดี รวมทั้งยังสามารถลดการสะสมของฝุ่นได้ด้วยค่ะ
เข้ามาในส่วนของห้องนอน ประกอบด้วย ตู้เสื้อผ้าด้านซ้าย เตียงนอน พื้นที่ Working Cornor ติดริมหน้าต่าง และระเบียงซักล้างด้านในสุดด้านซ้าย จะสังเกตว่าพื้นที่ในห้องนอนถึงแม้จะไม่ได้มีพื้นที่มากนัก แต่ยังโปร่งโล่งนั้นก็เพราะมีช่องเปิดเต็มพื้นที่ รวมทั้งฝ้าเพดานที่สูง 2.8 ม.นั้นช่วยเพิ่มปริมาตรของห้องให้ดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ
ทางเดินรอบเตียงมีพื้นที่เดินได้สบายๆ
เตียงที่ได้มีขนาด 5 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างเตียง
ตู้เสื้อผ้าที่ได้เป็นแบบ Built-in สูงถึงฝ้าเพดาน ด้านบนสามารถเก็บข้าวของได้อย่างกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมๆ หรือเครื่องนอน ส่วนด้านล่างที่เป็นส่วนตู้เสื้อผ้านั้นภายในมีพื้นที่สำหรับแขวนเสื้อผ้าและลิ้นชัก รวมทั้งไฟส่องสว่างในตู้เรียบร้อยค่ะ
มือจับจับง่ายดี บานเปิดด้านข้างบุด้วยผ้าสักหลาดกันฝุ่นได้ดี
ด้านข้างตู้เสื้อผ้าไม่ได้ตกแต่ง หรือ Built-in ไว้ให้นะคะ สำหรับสาวๆ คนไหนที่รู้สึกว่าตู้เสื้อผ้าไม่เพียงพอกับชุดเสื้อผ้าและความรักในการช็อปปิ้งก็สามารถต่อเติมตู้เสื้อผ้าบริเวณนี้เพิ่มได้ หรือจะทำเป็นพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้เช่นกันค่ะ แต่ไม่แนะนำให้จัดบริเวณนี้เป็นที่วางทีวีเท่าไหร่นะคะ เพราะต้องวางบริเวณมุมๆ ซึ่งหากนอนดูจากเตียงแล้วก็จะถูกตู้เสื้อผ้าบังด้วย ต้องเยื้องสายตาดู ทำให้ไม่ถนัดเท่าไหร่นัก
เดินมาบริเวณข้างเตียงด้านซ้ายจะแคบกว่าด้านอื่นๆ อยู่หน่อย มีความกว้างประมาณ 50 ซม. ค่ะ
ถัดจากเตียงนอนจะมีมุมเล็กๆ ติดหน้าต่างซึ่งเป็นพื้นที่ Working Cornor เหมาะสำหรับลูกบ้านที่อยู่ในห้องขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็จำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่ทำงานด้วยเล็กๆ กว้างประมาณ 1.4 ม. สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นโต๊ะทำงานนั้นจะไม่ได้นะคะ ลูกบ้านต้องซื้อมาวางเองหรือใครจะซื้อโซฟาเล็กๆ มานอนอ่านหนังสือชิลๆ ริมหน้าต่างก็ได้เช่นกันค่ะ แต่อย่าลืมเช็คความกว้างของโซฟาดีดีนะคะ ^^
ด้านข้างบริเวณพื้นที่ทำงานมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานยาว สำหรับระบายอากาศได้ดี
ถัดมาในส่วนของระเบียงซักล้าง กั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อน ตัวกระจกเป็นกระจกนิรภัยลามิเนตตัดแสง Euro Grey ซึ่งมีคุณสมบัติในการตัดแสงหรือหักเหแสงได้ดีกว่ากระจกสีเขียวตัดแสงปกติ เวลามองจากข้างนอกเข้ามาจะเห็นในห้องไม่ค่อยชัด ช่วยเพิ่ม privacy ได้ในระดับหนึ่ง
สำหรับพื้นที่ระเบียงเมื่อวางเครื่องซักผ้าเรียบร้อยจะเหลือพื้นที่ประมาณ 1.2 x 0.8 ม. ซึ่งก็ยังพอเหลือพื้นที่สำหรับซักล้างได้บ้าง ส่วนพื้นที่ตากผ้าอาจจะมีพื้นที่ไม่พอนัก สามารถติดตั้งราวแขวนระหว่างผนังได้เพื่อใช้แขวนเสื้อผ้าได้มากขึ้น ส่วนรั้วระเบียงสูงประมาณ 1 ม. เป็นรั้วเหล็กสีเทา
ด้านข้างเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า
และด้านบนเป็นพื้นที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์เป่าเข้าด้านข้าง สำหรับเรื่องของความร้อนนั้นไม่น่าจะมีปัญหามากนัก เพราะความสูงฝ้า 2.8 ม. ซึ่งค่อนข้างสูงเลยความสูงของคนไปเยอะพอสมควร
ห้องตัวอย่างต่อมาคือห้องแบบ 1 Bedroom เช่นเดียวกับห้องแรก แต่มีขนาดเพิ่มมากขึ้นอยู่ที่ 33 ตร.ม. ทำให้การจัดวางภายในห้องลงตัวมากยิ่งขึ้นเพราะได้พื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร รวมไปถึงครัวที่ได้เป็นแบบครัวปิดติดระเบียงซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการทำอาหาร ส่วนระเบียงของห้อง Type นี้นั้นมีขนาดเล็กกว่าห้องแรกและมีพื้นที่น้อยไปหน่อยสำหรับซักล้างและตากผ้า
เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อนซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร การจัดวางห้องลักษณะนี้ประกอบกับเพดานที่สูง 2.8 เมตร กั้นห้องด้วยกระจกบานสูง ทำให้ห้องมันดูโปร่งโล่งขึ้นค่ะ
พื้นห้องบริเวณพื้นที่นั่งเล่นเชื่อมไปยังห้องนอนเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. จบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป
ระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟาประมาณ 1.8 ม. ทีวีขนาดประมาณ 32 นิ้วจะพอดีกับระยะสายตา
โซฟาที่ได้เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ไม่รวมโต๊ะกลางเช่นเดียวกับห้องแรกค่ะ
ชุด Built-in ชั้นวางทีวีเหมือนกันกับห้องแรกค่ะ จะมีเพิ่มเติมบริเวณตู้ลอยข้างบนซ้าย
มาดูที่ตู้ด้านข้างกันค่ะ ทางโครงการออกแบบไว้โดยคำนึงถึงกิจกรรมที่ใช้จริงในห้องอย่างตู้ด้านข้างนี้ เมื่อเข้ามาที่ห้องแล้วก็จะใช้สำหรับเก็บรองเท้า มีวางของกระจุกกระจิกอย่างกระเป๋าตังไว้ในลิ้นชัก มีที่แขวนติดผนังชุด Built-in ไว้สำหรับแขวนกุญแจรถได้ และตู้ด้านบนก็เพิ่มเติมมาให้มากกว่าห้องแรกค่ะ
สวิชต์ไฟที่ได้หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ
เดินมาอีกหน่อยจะเห็นว่ามีพื้นที่ทางเดินบริเวณนี้ไปจนถึงในห้องนอนบริเวณตู้เสื้อผ้ารวมๆ แล้วค่อนข้างกว้างพอสมควร ซึ่งหากไม่ได้ใช้งานและเป็นเเค่ทางเดินก็ถือว่าเปลืองไปหน่อย แต่หากใครที่ชอบปาร์ตี้ในห้องกับเพื่อนๆ ก็คงจะได้ใช้พื้นที่นี้เหมือนกันนะ อาจจะวางโต๊ะญี่ปุ่นนั่งกินขนม เล่นเกมส์ หรือจะวางฟูกขนาดใหญ่ให้เพื่อนๆ นอนค้างกันชั่วคราวก็ได้ค่ะ
เข้ามาอีกหน่อย ด้านข้างโซฟาจะเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งพอดีๆ แต่ชุดเฟอร์นิเจอร์นี้ไม่ได้นะคะ ต้องซื้อมาวางกันเอง ^^
หันหลังกลับมาจะเป็นพื้นที่โต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งทางโครงการ Built-in ให้เรียบร้อยไม่รวมเก้าอี้นะคะ โซนนี้จัดมาได้ลงตัวกับการใช้งานดีนะคะ เริ่มจากเมื่ออาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวแต่งหน้าได้เลย ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมา
เข้ามาดูห้องน้ำกันต่อค่ะ ภายในห้องน้ำลดระดับลงมาเล็กน้อยและปูกระเบื้องแกรนิตโต้ด้านสีเทาเช่นเดียวกันกับห้องแรก
ภายในห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์ทั้งยี่ห้อและแบบเดียวกันกับห้องแรกทั้งหมด
จะมีแตกต่างกันหน่อยตรงบริเวณโถสุขภัณฑ์ด้านหลังเพิ่ม Low Wall มาให้สำหรับวางครีมวางสบู่เล็กๆ น้อยๆ ได้
ขนาดระยะความกว้างระหว่างโถประมาณ 70 ซม. นั่งได้สบายๆ
พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน Tempered เหมือนกับห้องแรก
ส่วนพื้นที่อาบน้ำได้เล็กลงจากห้องแรกอยู่หน่อย โดยมีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.1 x 0.8 ม.
ส่วนฝักบัวสายอ่อนพร้อมที่วางสบู่จาก Cristina เหมือนกับห้องแรกค่ะ
ออกจากห้องน้ำมาดูโซนด้านหลังห้องกันค่ะ บริเวณนี้จะกั้นโซนห้องด้วยกระจกบานเลื่อนสูง 2.8 ม.เช่นเดิม แต่ความรู้สึกจะโปร่งกว่าห้องแรกอยู่เพราะมีความกว้างห้องที่มากขึ้น จึงทำให้มีช่องเปิดรับแสงมากขึ้นตามไปด้วย
เราเข้ามาดูกันในส่วนของห้องครัวกันก่อนเข้าไปดูห้องนอนนะคะ บริเวณพื้นทางเดินในครัวกว้างประมาณ 80 ซม. ถือว่าเดินและทำอาหารได้ไม่ลำบาก ส่วนพื้นในครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ง่ายต่อการทำความสะอาดและเหมาะสมกับการใช้งานภายในครัวมากกว่าพื้นลามิเนต
Pantry ครัวที่ได้ทั้งหมดเหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ คือ Top หินสังเคราะห์, Sink และ Hob&Hood จาก Teka ด้วยระบบดูดควันแบบต่อท่อออกด้านนอก ด้านหลัง Pantry กรุด้วยกระจกขาวนมเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด
ส่วนด้านบนก็ได้เหมือนกับห้องแรกเช่นเดียวกันค่ะ รวมทั้ง Built-in ตู้ลอยถึงฝ้าเพดานด้วย
พื้นที่ด้านข้าง Pantry มีความกว้างในการวางตู้เย็นขนาด 8.4 คิวบิกฟุต แบบพอดีๆ ใครที่อยากได้ตู้ขนาดใหญ่กว่านี้หน่อยต้องเช็คขนาดตู้เย็นและ Pantry หน่อยนะคะ ^^
ถัดจากครัวจะเป็นระเบียงซักล้างค่ะ กั้นด้วยประตูบานเลื่อนที่ใช้กระจกนิรภัยลามิเนตตัดแสง Euro Grey เช่นเดิม
มือจับมาตรฐาน ด้านข้างรางค่อนข้างหนากันเสียงได้ดี
พื้นที่ระเบียงที่ได้ของห้องนี้ค่อนข้างเล็ก และยิ่งวางเครื่องซักผ้าไปแล้วจะเหลือพื้นที่สำหรับซักล้างหรือตากผ้าได้ไม่มากนัก
ฝั่งขวาของระเบียงทำเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า พร้อมติดตั้งปลั๊กไฟกันน้ำให้เรียบร้อย
ด้านบนเป็นพื้นที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์
ถ่ายให้ดูอีกด้านของกระจกนิรภัยลามิเนตตัดแสง Euro Grey ซึ่งภายนอกจะเป็นสีชาๆ แบบนี้ค่ะ ส่วนภายในเห็นเป็นกระจกใสธรรมดา ทั้งสีและคุณสมบัติของกระจกจะเพิ่มความเป็นส่วนตัว คนข้างนอกมองเข้ามาได้ไม่ชัดมากเท่ากระจกเขียวตัดแสงปกติค่ะ
มาต่อกันที่ห้องนอนค่ะ ภายในแบ่งเป็นโซนแต่งตัวที่ได้ตู้เสื้อผ้า Built-in เหมือนกันกับห้องแรก และโซนเตียงนอนค่ะ
เตียงนอนที่ได้คือขนาด 5 ฟุต ส่วนใครที่ติดการนอนดูทีวีสามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังได้ค่ะ แต่ไม่แนะนำให้ Built-in ชั้นวางทีวีนะ เพราะพื้นที่ทางเดินปลายเตียงมีไม่มาก
ระยะความกว้างของพื้นปลายเตียงและริมเตียงกว้างประมาณ 60 ซม. สามารถเดินได้อยู่ค่ะ
สำหรับในห้องนี้ได้ Bay-Window ด้วยค่ะ สามารถเปิดมุมมองและรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ห้องได้มากขึ้น สังเกตลักษณะกระจกที่มองจากด้านในออกข้างนอกนะคะ จะใสๆไม่สะท้อนมากเหมือนที่คนข้างนอกจะมองเข้ามาในห้องค่ะ
Frame บานกระจกหนาและค่อนข้างแข็งแรง
และด้านข้างมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานยาวใช้ระบายอากาศภายในห้องนอน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 3 Feburary 2016
- 1 Bedroom ขนาด 27.5 – 28 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.94 ล้านบาทหรือ 70,545 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 32 – 36 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.24 ล้านบาทหรือ 70,000 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 41 – 41.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.84 ล้านบาทหรือ 69,268 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 52 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.64 ล้านบาทหรือ 70,000 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 60 – 60.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.19 ล้านบาทหรือ 69,833 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.8 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- ราคาเพิ่ม/ลด ต่อชั้น 50,000 บาท
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา
- 1 Bedroom ขนาด 27.5 – 28 ตร.ม. 40,000 บาท
- 1 Bedroom ขนาด 32 – 36 ตร.ม. 50,000 บาท
- 1 Bedroom Plus ขนาด 41 – 41.5 ตร.ม. 70,000 บาท
- 2 Bedroom ขนาด 52 – 60.5 ตร.ม. 90,000 บาท
- 1 Bedroom ขนาด 27.5 – 28 ตร.ม. งวดละ 6,900 บาท
- 1 Bedroom ขนาด 32 – 36 ตร.ม. งวดละ 7,900 บาท
- 1 Bedroom Plus ขนาด 41 – 41.5 ตร.ม. งวดละ 10,000 บาท
- 2 Bedroom ขนาด 52 – 60.5 ตร.ม. งวดละ 15,000 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคาและโปรโมชั่น ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Miti คอนโด ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าววังหิน ระหว่างซอยลาดพร้าววังหิน 72 และ 74 ห่างจากสี่แยกวังหินประมาณ 400 ม. ทำเลบนถนนลาดพร้าววังหินเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่พอสมควร มีคนอยู่เยอะ สภาพแวดล้อมคึกคักตลอดทั้งวันและขึ้นชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์สูง หาของกินง่ายมีให้เลือกหลากหลายทั้งร้านค้า ร้านอาหารน้อยใหญ่ ตั้งแต่รถเข็น ร้านตึกแถว ยันร้านอาหารติดแอร์ ซึ่งเป็นร้านที่อร่อยและขึ้นชื่อหลายร้าน นอกจากนี้ยังมี Community mall บริเวณใกล้เคียงอีก 2 แห่งคือ Green Plaza และ The Jas วังหิน ส่วนตลาดก็มีตลาดวังหิน ตลาดสะพาน 2 และ ตลาดโชคชัย 4 ให้เลือกซื้อของสดของแห้งกัน ส่วนบริเวณโดยรอบโครงการที่ติดหน้าถนนเป็นอาคารพาณิชย์ขายสี มอเตอร์ไซต์ และเหล็กสูงตั้งแต่ 2 – 4 ชั้น ส่วนรอบๆ ที่ดินเป็นตึกแถวและทาวน์โฮมสูงประมาณ 2 – 3 ชั้น ภายในซอยค่อนข้างสงบไม่วุ่นวายเพราะเป็นซอยตันไม่ได้ทะลุออกถนนอื่นๆ ได้ โดยรวมถือเป็นทำเลที่อยู่อาศัยดั้งเดิมที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่ก่อนแล้ว
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างสะดวก เพราะถนนลาดพร้าววังหินเป็นถนนที่สามารถทะลุออกไปยังถนนได้หลายสายทั้งถนนลาดพร้าว ถนนรัชดาภิเษก ถนนพหลโยธิน ถนนประดิษฐ์มนูธรรม และ ถนนประเสริฐมนูกิจ แต่เนื่องจากภายในซอยและย่านใกล้เคียงอย่างโชคชัย 4 ที่สามารถทะลุกันได้นั้นมีผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น จึงทำให้การจราจรบนถนนหนาแน่นตลอดทั้งวัน ถึงจะสามารถใช้เส้นทางลัดเส้นอื่นสำหรับหลีกเลี่ยงได้แต่ก็แนะนำให้เผื่อเวลาในการเดินทางไว้ด้วยนะคะ ส่วนทางด่วนจะอยู่บนถนนเลียบด่วนรามอินทรา ซึ่งไม่ไกลมากจากที่ตั้งโครงการ
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถือว่าไม่ได้ลำบากถึงแม้ว่าจะได้อยู่บนถนนเส้นหลักที่มีรถเมล์วิ่งผ่านแต่ก็สามารถใช้บริการรถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์ หรือ แท็กซี่ ที่มีให้เรียกใช้บริการกันได้ตลอดทั้งวัน และด้วยทำเลที่ค่อนข้างคึกคักตลอดทั้งวันและกลางคืนนั้นทำให้สภาพแวดล้อมไม่เปลี่ยวค่ะ ส่วนในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงต่อขยาย โดยมีสถานีเสนานิคมอยู่ใกล้ที่สุด คาดว่าสายสีเขียวต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตนี้จะเสร็จในปี 62
การออกแบบโครงการทำออกมาได้ดีในเรื่องของความเป็นส่วนตัวโดยวาง Club House ไว้ด้านหน้าแยกออกจากอาคารพักอาศัย จำนวนยูนิตที่มี 198 ยูนิต รวมไปถึงเรื่องความหนาแน่นอยู่ที่ 99:1 และจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 33 ยูนิต ทำให้มีบรรยากาศของความเป็นบ้านสูง ทางโครงการค่อนข้างเน้นและคำนึงถึงการอยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพอย่างการให้ที่จอดรถประมาณ 60% เมื่อเทียบกับโครงการอื่นในราคาเท่าๆ กันแล้วถือว่าให้มาเยอะพอสมควร, ห้องขยะที่ทำพัดลมดูดอากาศออกภายนอกไม่ส่งกลิ่นเหม็นเข้ามาภายในอาคาร, ความสูงฝ้าเพดานที่ให้ 2.8 ม. เพื่อเพิ่มปริมาตรของห้องนอนให้มากขึ้น ทำให้รู้สึกถึงความโปร่งโล่งมากขึ้น และสุดท้ายถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการก็คือพื้นที่สวนที่อยู่ติดกับระเบียงทางเดินช่วยเพิ่มบรรยากาศของโถงทางเดินได้ดีทีเดียวค่ะ
วัสดุที่ให้ถือว่าได้ของดีเกินราคานะคะ ด้วยรูปแบบการตกแต่งในปัจจุบันที่ให้เป็นแบบ Fully Furnished เริ่มตั้งแต่ Digital Door Lock จาก Alpha, อุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดจาก Cristina, Pantry ครัว Top หินเทียม ด้านหลังกรุด้วยกระจกสีขาวนม Hob&Hood และ Sink จาก Teka ให้ระบบดูดควันแบบส่งท่อต่อไปด้านนอก ตัวบานกระจกและรางเลื่อนใช้วัสดุดีป้องกันเสียงได้ รางเลื่อนลมขอบมุมเดินไม่สะดุด บาน Frame หนาแข็งแรง และกระจกภายนอกที่ได้เป็นกระจกลามิเนตตัดแสง Euro Grey ซึ่งมีประสิทธิภาพสะท้อนและหักเหแสงได้ดีกว่ากระจกเขียวตัดแสงปกติ
สำหรับสาธารณูปโภคทำได้ดี น่าใช้ และน่าจะเพียงพอ โดย Club House จะอยู่ด้านหน้าโครงการภายในมีส่วน Lobby, ห้องอ่านหนังสือ และห้อง Fitness ที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำภายนอกขนาด 5 x 15 ม. ระบบเกลือมีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนแบบ Outdoor รวมทั้งด้านล่างอาคารพักอาศัยได้ทำ Private Lobby เพิ่มให้อีกเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกบ้านให้มากขึ้นค่ะ และสวนที่อยู่ติดโถงทางเดินก็เป็นอีกพื้นที่ส่วนกลางที่ลูกบ้านสามารถเข้ามาใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนได้ค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 70,000 บาท/ตร.ม., 03 February 2016
- ทำเล 7.75/10 – แม้จะอยู่ในทำเลชุมชนดั้งเดิมที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง คึกคัก แต่ก็จัดเป็นทำเลรอง เมื่อเทียบกับย่านแถวนี้
- เดินทางด้วยรถ 8.50/10 – เข้าออกได้หลายทาง ทางเลี่ยงทางลัดเยอะใกล้ทางด่วน ให้ที่จอดรถมาเยอะดี แต่บางช่วงก็รถติดมากพอสมควร
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ติดถนนเรียกรถง่ายและปลอดภัย แต่จะออกไปถนนหลักไกลไปหน่อย
- วัสดุ 8.75/10 – ให้ของมาดีและครบ ถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้ คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคานี้
- แบบ 8.5/10 – ออกแบบมาได้ดียอมทำ 7 ชั้นแลกกับเพดาน 2.8 เมตร
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – ให้มาครบ น่าใช้งาน และเพียงพอเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต
- MAIN CLASS
- 8.05 / 10.00
BOTTOM LINE
Miti คอนโด เหมาะกับคนที่อยากมีบ้านในทำเลแถบย่านวังหิน ทำเลอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง เดินทางสะดวกด้วยรถยนต์ ชอบโครงการที่เน้นความเป็นส่วนตัว ยูนิตน้อย และเลือกโครงการที่จัดห้องมาให้เรียบร้อย มีงบประมาณระดับ 2 – 5 ล้านหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 14,000 – 34,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไปค่ะ 🙂
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )