รีวิวฉบับที่ 1003 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ Mayfair Place สุขุมวิท 50 ที่พึ่งจัดงานแถลงข่าวไปในวันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวโครงการเป็นกลุ่มคอนโด High Rise 3 อาคาร สูง 8 – 17 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 50 ห่างจาก BTS อ่อนนุช ประมาณ 650 ม. จาก พีทีเอฟ เรียลตี้ (2015) ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาฯ ร่วมทุนระหว่างไต้หวันและไทย โดยจะเริ่มเปิดขาย pre-sale ในวันที่ 30-31 มกราคมนี้ค่ะ โครงการจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ ^^

Fact @ 22 Jan 2016

  • Mayfair Place Sukhumvit 50 (เมย์แฟร์ เพลส สุขุมวิท 50)
  • บริษัท พีทีเอฟ เรียลตี้ (2015) จำกัด
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : คลองเตย
  • คอนโด High Rise 3 อาคาร อาคาร A สูง 14 ชั้น อาคาร B สูง 17 ชั้น และอาคาร C (ส่วนกลาง) สูง 8 ชั้น ทั้งหมด 353 ยูนิต และ 4 ร้านค้า
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด

  • อาคาร A 13 ยูนิต
  • อาคาร B 11 ยูนิต

  • ที่จอดรถประมาณ 203 คันคิดเป็น 57% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 68%
  • ที่ดินประมาณ 3-1-72 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : พฤกษาคม ปี 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พฤกษาคม ปี 2561
  • 1 Bedroom 30.2 – 36.84 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 41.40 – 71.56 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท
  • 3 Bedrooms 78.40 – 114.84 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท หรือ 110,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 120,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 110,000 – 140,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS อ่อนนุช ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ในช่วงระหว่างการดำเนินการขออนุมัติ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-331-8999
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.704792, 100.595413

    แผนที่จากทางโครงการ ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 50 ลึกเข้าไปในซอยประมาณ 650 ม. จากหน้าปากซอยที่มี Tesco Lotus และสถานีรถไฟฟ้า อ่อนนุช ภายในซอยสามารถขึ้น – ลงทางด่วนได้ทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร และรามอินทรา – อาจณรงค์ค่ะ

    ทำเลที่ตั้งโครงการ ตั้งอยู่ในย่านชุมชนพักอาศัยขนาดใหญ่แถบอ่อนนุช ซึ่งจะมีทั้งที่พักอาศัยแนวราบและคอนโดตั้งแต่ Low Rise ในซอยและ High Rise ที่เรียงรายกันตลอดแนวถนนสุขุมวิท สภาพแวดล้อมโดยรวมอย่างที่ทราบกันดีว่ามีคนอาศัยอยู่มากนั้นทำให้ทำเลย่านอ่อนนุชนี้มีความอุดมสมบูรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันแต่ก็จะเป็นเกรดบ้านๆ และราคาถูกลงมาเมื่อเทียบกับแถบถนนสุขุมวิทชั้นในอย่าง ย่านอโศก, ทองหล่อ, เอกมัย

    ในเรื่องของการเดินทางนั้นถือว่าสะดวกระดับนึงเลย ทั้งการใช้รถยนต์ส่วนตัวและแบบพึ่งพารถสาธารณะ เนื่องจากซอยโครงการ (สุขุมวิท 50) นี้ มีทางขึ้น – ลงทางด่วนทั้ง 2 ทางด่วนด้วยกันคือ เฉลิมมหานคร และ รามอินทรา – อาจณรงค์ รวมไปถึงเป็นซอยที่เชื่อมไปยังถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำที่ทะลุไปยังแถบปู่เจ้าสมิงพรายและแถบท่าเรือคลองเตยได้ ข้อดีคือสามารถซิกแซกลัดเลาะโดยใช้ถนนรองอย่างถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำเป็นการเดินทางได้ และเนื่องจากความสะดวกของซอยนี้ที่ทะลุไปได้เยอะนั้นก็ทำให้มีปริมาณรถที่ใช้ซอยเล็กๆ นี้เข้า – ออกเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน

    สำหรับการเดินทางแบบพึ่งพารถสาธารณะภายในซอยสุขุมวิท 50 นั้น ก็มีหลากหลายให้เลือกสรรทั้ง รถสองแถว วินมอเตอร์ไซต์ รวมไปถึงตัวโครงการมีการ Service ลูกบ้านด้วย Shuttle Bus รับ – ส่งสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชอีกด้วยค่ะ นั้นก็เพราะว่าตัวโครงการนั้นอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 650 ม. ซึ่งระยะนี้ก็คงจะไกลไปสักหน่อยสำหรับการเดิน แต่หากใครฟิตร่างกายปึ๋งปั๋งก็คงจะเดินได้สบายๆ ค่ะเพราะภายในซอยมีทางเท้าให้เดินได้สะดวกอยู่ทีเดียว

    ซอยสุขุมวิท 50 นี้เป็นซอยที่มีความแตกต่างกับซอยอื่นๆ ตรงที่เป็นจุดขึ้น – ลงทางด่วนทั้ง 2 ทางด่วนด้วยกัน ทั้งทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ และทางด่วนเฉลิมมหานคร ซึ่งหากมองในแง่ของคนที่ทำงานโดยใช้ทางด่วนเป็นหลักก็ถือว่ามีความสะดวกพอสมควรทีเดียวค่ะ

    เรื่องความสมบูรณ์ในด้านอาหารการกินและการจับจ่ายซื้อของหลักๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น Tesco Lotus ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยโครงการ ซึ่งเป็นห้างค่อนข้างใหญ่นอกจากจะมีในจับจ่ายซื้อของเหมือน Tesco Lotus ทั่วไปแล้ว บริเวณลานจอดรถในตอนเย็นๆ จะมีเต้นท์ร้านค้าขายเสื้อผ้าเปิดให้เดินช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าในราคาย่อมเยา หากใครที่ชื่นชอบการทำอาหารเองก็จะมีตลาดสดอย่างตลาดอ่อนนุช และตลาดพระโขนงให้เลือกใช้บริการในระยะทางไม่ไกลมากนัก ประมาณ 2.5 – 3 กม.ค่ะ

    สำหรับการเดินทางของเราในวันนี้จะเริ่มต้นที่ สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช แล้วเดินเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 50 ประมาณ 650 ม. ก็จะเห็น Sale Office โครงการตั้งอยู่ฝั่งขวามือค่ะ พร้อมแล้วไปกันเลยค่ะ!!

    เมื่อเสียบบัตรออกแล้วให้เดินมาที่ทางออก 2 ซึ่งเป็นทางเชื่อมไปยัง Tesco Lotus ค่ะ

    หากใครเลี้ยวซ้ายก็จะเข้าไปยังห้าง Tesco Lotus นะคะ ส่วนเราจะเลี้ยวขวาลงเดินตามฟุตบาทเข้าซอยสุขุมวิท 50 กัน

    ฟุตบาทติดถนนใหญ่กว้างขวางเดินสะดวกมากๆ ด้านข้างเป็นเต้นท์เล็กๆ ตลอดความยาวของลานจอดรถ Tesco Lotus ซึ่งจะเปิดขายเสื้อผ้าในราคาย่อมเยาช่วงเวลาเย็นๆ ค่ะ

    เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยสุขุมวิท 50 จะสังเกตเห็นเลยว่าปริมาณรถที่ออกมาจากซอยนี้เยอะมาก และรถติด ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 10 โมงกว่า ที่เลยช่วงเร่งด่วนไปแล้ว

    บริเวณหน้าปากซอยมีพี่วินคอยให้บริการสำหรับใครที่ขี้เกียจเดินไกลๆ เพราะตัวโครงการก็อยู่ห่างจากปากซอยประมาณ 650 ม. ก็ถือว่าเลยระยะการเดินได้สบายๆ ไปแล้ว

    ฝั่งตรงข้ามวินมอเตอร์ไซต์เป็นที่ตั้งของคอนโด High Rise อย่าง Rhythm สุขุมวิท ค่ะ

    ภายในซอยนี้ยังมีจุดเข้า – ออกห้าง Tesco Lotus ด้วยนะคะ ซึ่งสะดวกในการเข้าใช้บริการห้างนี้ของคนในซอยโดยไม่ต้องอ้อมไปเลี้ยวเข้าด้านหน้า และหากลูกบ้านคนไหนขับรถออกมาส่งลูกส่งแฟนขึ้นรถไฟฟ้าก็สามารถกลับรถได้ง่ายๆ จากบริเวณลานจอดรถ Tesco Lotus นี้แล

    ฟุตบาทบริเวณต้นซอยโครงการมีความกว้างลดลงมาหน่อยจากฟุตบาทที่ติดถนนใหญ่ แต่ก็ยังเดินเท้าได้สบายๆ

    ภายในซอยนี้สามารถทะลุออกถนนทางรถไฟสายปากน้ำ และสามารถเลี้ยวขวาไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ไปลงถนนพระราม 9 หรือถนนรามอินทราได้ค่ะ

    เดินมาอีกหน่อยจะเจอกับกลุ่มคอนโด The Link Advance สุขุมวิท 50

    หันกลับมาที่ถนนภายในซอยนอกจากจะมีพี่วินที่วิ่งให้บริการภายในซอยแล้ว ยังมีรถสองแถวคอยให้บริการอีกด้วยนะคะ

    เดินมาเรื่อยๆ จนถึงจุดขึ้น – ลงทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ซึ่งจะอยู่ก่อนสะพานข้ามคลองค่ะ

    เดินขึ้นมาที่สะพานข้ามคลองคาง สภาพน้ำในคลองแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยนอกจากผักตบชวา ทำให้ยากต่อการระบายน้ำมากทีเดียวนะคะ และแต่ก่อนเมื่อตอนภัยน้ำท่วม ปี 2554 ซอยสุขุมวิท 50 นี้ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมเหมือนกัน

    ข้ามสะพานมาแล้วจะเริ่มเห็นบรรยากาศของพื้นที่พักอาศัยหนาแน่นมากขึ้นอีกหน่อย ส่วนใหญ่ด้านซ้ายจะเป็นบ้านพักอาศัยของคนในพื้นที่ที่อยู่มานาน และด้านขวานอกจากจะมีบ้านเรือนในซอยย่อยๆ เล็กๆ แล้วก็มีอพาร์ทเม้นท์ คอนโด ขึ้นอยู่ติดหน้าซอยค่ะ

    เดินมาอีกเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นชาวต่างชาติเดินผ่านไปผ่านมาค่อนข้างมาก จากที่สอบถามผู้คนในซอยและจำนวนชาวต่างชาติที่เดินผ่านแล้วจึงรู้ว่ามีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในซอยนี้ค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ

    เดินมาเรื่อยๆ จะรู้ว่าภายในซอยสุขุมวิท 50 นี้ยังมีซอยย่อยเล็กๆ เป็นชื่อต่างๆ อีกเยอะมาก โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นซอยตันและเป็นบ้านพักอาศัยที่อยู่กันมานานแล้วค่ะ บรรยากาศโดยรวมทั้งภายในซอยย่อยๆ จะค่อนข้างเงียบสงบ ส่วนบรรยากาศบริเวณด้านนอกซอยสุขุมวิท 50 ก็จะคึกคักหน่อย เพราะมีทั้งรถวิ่งไปมาตลอดเวลาแล้วยังมีร้านอาหารเป็นเต้นท์เล็กๆ อพาร์ทเม้นท์ และโฮเต็ลอีกค่ะ

    เดินมาอีกหน่อยจะเจอซอยเล็กๆ ซึ่งด้านในเป็นที่ตั้งสถานีสูบน้ำพระโขนงและยังมีทาวน์โฮม อาคาร Low Rise และชุมชนริมคลองค่ะ

    เดินถัดมาเป็น Hostel เล็กๆ ชื่อ VX The Fifty ด้านนอกมีร้านคาเฟ่เล็กๆ ขาย Breakfast ตอนเช้า และเครื่องดื่ม

    ส่วนอีกฝั่งนึงเป็นเต้นท์ขายอาหาร มีหลายร้านรวมตัวกันขายทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง อาหารตามสั่ง ในราคาไม่แพงนัก

    ถัดมาก่อนถึงโครงการเป็นห้องแถวชั้นเดียวเปิดร้านเสริมสวย ร้านอาหารติดแอร์ และห้องเสื้อเล็กๆ ค่ะ

    และแล้วเราก็เจอกับโครงการ Mayfair สุขุมวิท 50 แล้วนะคะ ส่วนตึกด้านหลังนี้ไม่ใช่อาคารของโครงการนะ เป็นของอีกโครงการนึงค่ะ

    ตำแหน่งของ Sale Office ปัจจุบันจะเป็นที่ตั้งของอาคาร C ในอนาคต ซึ่งเป็นอาคารส่วนกลางที่มี Facilities, ชั้นจอดรถ และร้านค้า 4 ร้านที่อยู่ด้านล่าง

    เดี๋ยวเราจะพาเดินไปดูรอบๆ กันอีกสักนิดก่อนเข้าโครงการนะคะ ฝั่งตรงกันข้ามโครงการมี 7-11 มาเปิดให้บริการอยู่ด้วยค่ะ ถัดจาก 7-11 เป็นร้านลาบเป็ดร้อยเอ็ดที่เปิดให้แซ่บอีหลีกันตั้งแต่กลางวันไปจนถึงเย็นๆ เลย

    เดินมาอีกนิดจะเห็นซอยด้านข้างโครงการฝั่งซ้ายมือ เป็นซอยทางเข้าโครงการ Waterford สุขุมวิท 50 ซึ่งเป็นกลุ่มคอนโด Low Rise 7 อาคาร อยู่ด้านหลังโครงการเลยทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ไปอีก

    ถัดจากซอยทางเข้า Waterford สุขุมวิท 50 เป็น Service Apartment เมธวนนท์ แมนเนอร์ ซึ่งปล่อยให้เช่าแบบระยะยาวมีความสูงประมาณ 7 ชั้น

    เลยจากโครงการไปอีกจะไปทะลุออกถนนรางรถไฟสายเก่าที่ยาวตั้งแต่ถนนพระรามที่ 4 ไปจนถึงถนนปู่เจ้าสมิงพราย หรือจะไปทะลุขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครได้เช่นกันค่ะ และจะเห็นว่าสภาพการจราจรติดขัดมากๆ แบบนี้เลย

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการเป็นบ้านพักอาศัยกับอาคาร Low Rise ผสมๆ กันไป เมื่อวิเคราะห์ในเรื่องของวิวจากห้องพักอาศัยนั้น ทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะได้เปรียบในเรื่องวิวมากกว่าทิศอื่นๆ เพราะไม่มีอยู่ประชิดกับอาคาร Low Rise ทำให้มีระยะสายตาในการมองวิวได้ไกล ถัดมาในส่วนของทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็ถือว่าไม่มีปัญหาในเรื่องของวิวเช่นเดียวกันค่ะ แต่ห้องพักในชั้นล่างๆ อาจจะโดนเสียงรบกวนและฝุ่นควันที่มาจากถนนในซอยสุขุมวิท 50 บ้าง ส่วนทิศตะวันตกเฉียงใต้จะติดกับอพาร์ทเม้นท์สูง 7 ชั้น ทำให้มีบางห้องที่จะถูกบล็อควิวไปบ้าง และในทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ซึ่งจะมีเสียงรบกวนและฝุ่นควันที่ตามมาบ้าง รวมทั้งชั้นที่อยู่ในระดับเดียวกันกับทางด่วนก็อาจจะต้องปิดม่านตลอดเวลาเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

    • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ และบ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 3 ชั้น
    • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : บ้านพักอาศัยสูงไม่เกิน 3 ชั้น
    • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : ติดถนนในซอยสุขุมวิท 50 และบ้านพักอาศัย
    • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ : อพาร์ทเม้นท์สูง 7 ชั้น

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • Tesco Lotus ~ 650 ม.
    • สถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุช ~ 650 ม.
    • Big C Extra ~ 1.2 กม.
    • ตลาดสดอ่อนนุช ~ 1.2 กม.
    • ตลาดสดพระโขนง ~ 1.4 กม.
    • W District ~ 1.8 กม.
    • Wells International School ~ 1.8 กม.
    • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 2.0 กม.
    • ท่าเรือคลองเตย ~ 2.2 กม.
    • โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ~ 2.5 กม.
    • โรงพยาบาลสุขุมวิท ~ 2.7 กม.


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ Mayfair สุขุมวิท 50 เป็นกลุ่มคอนโด High Rise 3 อาคาร สูงตั้งแต่ 8-17 ชั้น โดยแบ่งเป็นอาคารส่วนกลาง 1 อาคารสูง 8 ชั้น ซึ่งภายในประกอบด้วย ร้านค้า 4 ยูนิต, ชั้นจอดรถ และ Facilities ที่อยู่บนสุด ส่วนอีก 2 อาคารเป็นอาคารสำหรับพักอาศัยทั้งหมดตั้งแต่ชั้นที่ 1 ไปจนถึงชั้นบนสุดโดยไม่มีส่วน Facilities กลาง โดยอาคาร A สูง 14 ชั้นและอาคาร B สูง 17 ชั้นค่ะ รูปแบบการออกแบบของโครงการเป็นสไตล์ Luxury เน้นโทนสีเทาน้ำตาลเข้ม และความสูงฝ้าถึง 3 ม. เพิ่มความโอ่โถงให้กับตัวห้อง

    จากด้านหน้าโครงการที่ติดกับซอยสุขุมวิท 50 ฝั่งขวาคืออาคาร A ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยทั้งหมดสูง 14 ชั้น ส่วนด้านซ้ายคืออาคาร C เป็นอาคารส่วนกลางสูง 8 ชั้น ด้านล่างมีร้านค้า 4 ยูนิต ส่วนชั้น 2 – 7 เป็นพื้นที่จอดรถ และชั้นดาดฟ้าเป็นส่วน Facilities ของโครงการค่ะ

    ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นอาคาร B สูง 17 ชั้น อยู่ทางขวามือ ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยทั้งหมดเช่นเดียวกับอาคาร A ค่ะ และจะสังเกตได้ว่าระยะห่างระหว่างอาคารไม่ได้ห่างกันมากนัก ทำให้ห้องที่อยู่มุมด้านนี้แทนที่จะได้วิว 2 ด้านเลยนั้น อาจจะเหลือวิวให้ชมแค่ด้านเดียวและอีกด้านต้องปิดม่านเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นแทน

    ทิศตะวันตกเฉียงเหนือหรือทิศด้านหลังโครงการ ติดกับทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ก็จะทำให้ห้องด้านหลังชั้นที่อยู่ระดับใกล้เคียงกับทางด่วนมีปัญหาในเรื่องมลภาวะทางเสียง ฝุ่นควัน และความเป็นส่วนตัวไปบ้าง แต่ในชั้นสูงๆ หน่อยปัญหานี้ก็จะน้อยลงไปค่ะ

    ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเห็นว่าอาคาร B นั้นติดกับ Service Apartment สูง 7 ชั้น วางตัวอาคารของอพาร์ทเม้นท์เป็นแบบแนวยาวหันหน้าไปทางซอยสุขุมวิท 50 และวางด้านกว้างหันไปหาอาคาร B ทำให้ห้องบางห้องในฝั่งขวาของอาคาร B นั้นถูกบล็อควิวไปบ้างค่ะ

    เริ่มกันจากการเข้า – ออกโครงการกันเลยค่ะ สำหรับการสัญจรด้วยรถยนต์ภายในโครงการการนั้นจะใช้ถนนสั้นๆ เข้าออกแค่อาคาร C ซึ่งเป็นอาคารจอดรถ ระบบการเข้า – ออกใช้แบบ Key Card Access ระยะใกล้ ตัวอาคาร C เป็นอาคารส่วนกลางที่ถูกแยกออกมาเป็นสัดส่วนชัดเจน ข้อดีของการแยกอาคารส่วนกลางออกมาก็คือ เรื่องความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นในอาคารพักอาศัยค่ะ หากเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ ที่มักจะมีชั้นนึงเป็นมี Facilities และห้องพักอาศัยด้วย ถึงแม้จะมีการกั้นประตูแยกให้เรียบร้อย แต่ความพลุ่กพล่านในชั้นนั้นก็จะมีอยู่มากทีเดียว ส่วนข้อเสียในการแยกอาคารส่วนกลางก็คงจะเป็นในเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งานที่น้อยกว่ามี Facilities อยู่ในอาคารไปเลย

    ขึ้นมาในชั้นบนสุดของอาคาร C ซึ่งเป็นชั้น Facilities ทั้งหมด ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำแบบ Outdoor, Jacuzzi ส่วนภายในมีห้อง Fitness, ห้อง Golf Simulators, ห้อง Multi-function และโถงพักผ่อน (Lounge) ซึ่งถือว่าจัดให้มาครบครันและเพียงพอค่ะ

    จากนี้เราจะเดินเข้าสู่อาคารพักอาศัยกันนะคะ เพราะตัวถนนจะจบที่อาคาร C แล้วค่ะ ส่วนพื้นที่รอบๆ อาคารทั้งหมดจะเป็นทางเดินเท้านะคะ

    ทางเข้าสู่อาคาร A และ อาคาร B จะใช้ทางเดินระหว่างอาคารเป็นแยกซ้ายขวาเข้าส่วน Lobby ของทั้ง 2 อาคาร

    มาดูที่บริเวณสวนด้านล่างอาคารกันบ้างค่ะ ตรงกลางเป็น Jogging Track สำหรับวิ่งออกกำลังกายหรือเดินเล่นชมสวนได้ ด้านข้างจะปลูกเป็นต้นไม้ที่นอกจากจะดูร่มรื่นแล้วยังเป็น Buffer เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องพักอาศัยในชั้นล่างได้ดีด้วย

    Jogging Track เป็นทางยาวตลอดแนวที่ดิน

    มุมที่ดินจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น Outdoor

    ส่วนอีกฝั่งมีชุดเก้าอี้สนาม 2 ชุดใต้ร่มไม้ให้สำหรับการนั่งเล่น พักผ่อนในสวนค่ะ

    ตัวทางเดินจะทอดยาวไปจนถึงด้านหน้าโครงการ

    มาดูบรรยากาศและทัศนียภาพจำลองกันต่อค่ะ ในรูปนี้คือบริเวณส่วนร้านค้า 4 ยูนิตที่อยู่ด้านล่างอาคาร C ลักษณะเป็นแบบเปิดไม่มีรั้วกั้น และทำฟุตบาทด้านหน้าให้กว้างขึ้นเดินได้สะดวก รวมทั้งสามารถวางโต๊ะเก้าอี้แบบ Outdoor ได้ด้วยค่ะ

    ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของอาคาร C ซึ่งเป็นชั้น Facilities ในส่วนของห้อง Fitness ภายในมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง หากเทียบกับจำนวนยูนิตในโครงการก็อาจจะต้องแบ่งกันใช้บ้างนะคะ ส่วนบรรยากาศภายในห้อง Fitness ทำมาได้ดี สามารถมองวิวได้ตั้งแต่วิวสระว่ายน้ำเลยไปถึงวิวภายนอกอาคาร

    สระว่ายน้ำโครงการมีขนาด 8.2 x 25 ม. ลึก 1.2 ม. ระบบเกลือ ด้วยขนาดเท่านี้สามารถใช้ออกกำลังกายได้สบายๆ เลยค่ะ ตัวสระว่ายน้ำออกแบบมาเป็นแบบ Outdoor นะคะ สาวๆ คนไหนกลัวดำก็ต้องมาใช้บริการในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นที่แดดหมดแล้วเเทนนะ

    เข้ามาในส่วนของอาคารพักอาศัย จากรูปเป็นส่วน Lobby ด้านล่าง การตกแต่งมาในแนว Luxury และมีฝ้าเพดานสูง แบบ Double Space (ความสูงฝ้า 2 ชั้น) ทำให้ดูโอ่โถงสวยงามดีทีเดียวค่ะ ภายใน Lobby จัดให้มีชุดโซฟารับรองแขกประมาณ 2 ชุด

    Master plan โครงการ อยู่บนเนื้อที่ดินประมาณ 3 ไร่เศษ การวางผังเป็นสัดส่วนชัดเจนโดยจัดให้อาคาร A และ B อยู่คนละฝั่งกันกับอาคาร C ที่เป็นอาคารส่วนกลาง และมีร้านค้าอีก 4 ร้านด้านหน้าที่จะพลุ่กพล่านเพราะคนข้างนอกสามารถเข้ามาใช้บริการได้ ในเรื่องการสัญจรของรถยนต์ภายในอาคารมีระยะถนนสั้นๆ แค่จากอาคาร C และออกสู่ซอยสุขุมวิท 50 เลย ทำให้ลดปัญหาปริมาณรถติดภายในโครงการได้ดี และสามารถทำบริเวณรอบๆ โครงการเป็นทางเดินในสวนได้ จึงช่วยเพิ่มบรรยากาศโครงการให้ร่มรื่นน่าอยู่มากขึ้น

    เราจะเริ่มกันที่แปลนของอาคาร A ไปจนถึงอาคาร C นะคะ ในชั้น 1 อาคาร A นี้ ทางเข้าสู่ Lobby โครงการจะผ่านทางเดินร่วมที่แยกเข้าสู่ Lobby แต่ละอาคารกันก่อน จากนั้นจะต้องสแกนบัตรเพื่อเข้าสู่โถงลิฟต์ สำหรับชั้นนี้เป็นชั้นที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ จริงๆ แล้วน่าจะทำ Double Access หรือประตูสแกนเข้าสู่ห้องพักอีกชั้นให้ด้วย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้นอีกหน่อย ส่วนทางขวาสุดเป็นห้องนิติบุคคลโดยสามารถเข้าจากภายนอกอาคารได้เลย แต่ไม่สามารถเข้าสู่โถงทางเดินภายในได้ และบริเวณทางเดินฝั่งขวาสุดจะมีประตูทางออกได้นั้นคือประตูหนีไฟออกนอกอาคารค่ะ โดยปกติแล้วจะไม่สามารถเปิดเข้าได้

    ชั้น 2 ด้านซ้ายที่โล่งๆ นั้นเป็นส่วน double space ของ Lobby นะคะ ในเรื่องของตำแหน่งของโถงลิฟต์จะอยู่ฝั่งซ้ายมือซึ่งจัดมาได้ดีนะคะ เพราะมีพื้นที่พักคอยเป็นสัดส่วนบริเวณโถงลิฟต์ ไม่ต้องไปยืนออรอลิฟต์กันหน้าห้องของใคร สำหรับระยะทางเดินจากโถงลิฟต์ไปสุดห้องทางขวานั้นก็ถือว่าไม่ได้ไกลมากจนไม่สะดวกค่ะ

    ชั้น 3-12 นี้เป็นชั้นที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการ โดยมีจำนวน 13 ยูนิตต่อชั้น และอัตราส่วนลิฟต์ของอาคารนี้อยู่ที่ 85.5 : 1 จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของความหนาแน่นค่ะ ในส่วนของตำแหน่งห้องส่วนใหญ่จะจัดวางให้ห้องแบบ 2 Bedroom อยู่ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถมองวิวภายนอกได้ดี ส่วนอีกด้านจัดวางเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ซึ่งในชั้นบนๆ ตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปก็ไม่มีปัญหาในการถูกบล็อกวิวแถมยังได้เห็นวิวของสระว่ายน้ำจากอาคาร C ด้วยค่ะ แต่ชั้นล่างๆ หน่อยก็จะไม่มีวิวให้มองนะคะ เพราะติดกับชั้นจอดรถของอาคาร C นั่นเอง

    ชั้น 12A นี้มีห้องแบบ 3 Bedroom แทนที่ห้องแบบ 2 Bedroomในชั้นก่อนหน้านี้ ทำให้จำนวนยูนิตต่อชั้นเหลืออยู่ที่ 10 ยูนิต ด้านข้างขวามีกันสาดยื่นออกไปค่อนข้างเยอะ แต่ไม่สามารถใช้งานได้นะคะ

    ชั้น 14 เหมือนกันกับชั้น 12A เลยค่ะแต่ไม่มีกันสาดยื่นออกมาแล้ว

    มาดูแปลนอาคาร B ซึ่งเป็นอาคารด้านหลังสุดของโครงการกันค่ะ ในชั้น 1 นี้ เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนห้องสมุดเลยค่ะ ซึ่งจริงๆ ก็สามารถใช้ได้หลายฟังก์ชันนะคะ เพราะก็สามารถเป็น Lobby ของโครงการได้เช่นกัน เพียงแต่ทางโครงการจัดให้มีชุดเฟอร์นิเจอร์ที่มากกว่า Lobby ของอาคาร A และลูกบ้านของอาคาร A ก็สามารถมาใช้ส่วนห้องสมุดได้เช่นกันนะคะ

    เมื่อสแกนบัตรเข้ามาก็จะเจอในส่วนของโถงลิฟต์ก่อนอันดับแรก ค่อยเป็นพื้นที่ห้องพักอาศัย การจัดวางแบบนี้ก็เป็นสัดส่วนดีระดับนึงนะคะ สามารถแยกลูกบ้านที่อาศัยอยู่ในชั้นนี้และชั้นอื่นๆได้บ้าง แต่ก็น่าจะมี Double Access ให้อีกหน่อย

    ชั้น 2 การจัดวางในส่วนของห้องพักอาศัยเหมือนกันกับชั้นแรก เพียงแต่ด้านขวาเป็นพื้นที่เปิดโล่ง (ชั้น double space ของห้องสมุด) ในอาคารนี้ส่วนใหญ่เป็นห้องแบบ 1 Bedroom และมีห้อง 2 Bedroom อยู่บริเวณหัวมุม 2 ห้อง

    ชั้น 3 – 17 เป็นชั้นที่มีจำนวนมากที่สุด โดยมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 11 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งถือว่ามีความเป็นส่วนตัวดีพอสมควรเลยค่ะ ในส่วนของอัตราส่วนลิฟต์จะมากกว่าอาคาร A อยู่หน่อยเนื่องจากมีจำนวนชั้นมากกว่าทำให้มีจำนวนยูนิตที่มากขึ้นตามไปด้วย โดยอยู่ที่ 92.50 : 1 ซึ่งก็อยู่ในระดับที่มีความหนาแน่นไม่มากนักค่ะ สำหรับชั้นนี้จะมีห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 71 ตร.ม. เพิ่มขึ้นมาในด้านขวา ซึ่งเป็นห้องที่ได้รับวิวทั้ง 3 วิวเลย แต่จะติดที่บริเวณหน้าห้องที่ค่อนข้างใกล้กับโถงลิฟต์ ทำให้ในช่วงเวลาเร่งด่วนหน่อยคนในชั้นก็จะมายืนรอแถบๆ หน้าห้องบ้างค่ะ

    มาที่อาคาร C ที่เป็นอาคารส่วนกลางกันบ้าง ในชั้นล่างเป็นพื้นที่ของร้านค้าทั้ง 4 ยูนิต และมีพื้นที่จอดรถชั้นล่างอยู่ 5 คัน

    ส่วนชั้น 2 – 6 นี้เป็นชั้นจอดรถทั้งหมด ซึ่งลูกบ้านทั้งอาคาร A และ B จะมาใช้งานร่วมกัน จำนวนช่องจอดรถทั้งหมดอยู่ที่ 203 คัน หรือประมาณ 57% หากรวมซ้อนคันจะอยู่ที่ 68% ค่ะ ซึ่งก็ถือว่าให้มาพอสมควรหากเทียบกับโครงการที่อยู่ใน Segment เดียวกัน

    ชั้น 7 เป็นชั้นสุดท้ายของชั้นจอดรถแล้วค่ะ ส่วนด้านขวาบนเป็นโถงลิฟต์อำนวยความสะดวกลูกบ้านให้ขึ้นไปชั้นจอดรถ หรือขึ้นไปใช้บริการ Facilies ในชั้นบนได้สะดวกขึ้นค่ะ

    ชั้นบนสุดของอาคาร C เป็นส่วน Facilities ทั้งหมด แบ่งเป็นส่วนพื้นที่ Outdoor และ Indoor โดยพื้นที่ส่วน Outdoor จะเป็นสระว่ายน้ำ ขนาด 8.5 x 25 ม. ระบบเกลือ และส่วน Jacuzzi ส่วนภายในก็จัดให้มาครบครันทั้ง Minibar, โถงพักผ่อน, ห้อง Fitness, ห้อง Golf Simulators, ห้อง Multi-Function รวมไปถึงห้องสตรีมภายในห้องน้ำด้วยค่ะ ซึ่งก็ถือว่าให้มาครบ น่าใช้งานและเพียงพอต่อจำนวนยูนิตของโครงการนะคะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8.2 x 25 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
    • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง
    • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร 89 : 1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 85.5 : 1
    • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 92.5 : 1
    • ที่จอดรถ 203 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 57% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 68%
    • ระบบ CCTV / Access Card


    Product Walkthrough

    ก่อนจะพาไปชมห้องตัวอย่างกัน จะขออธิบายจุดเด่นของโครงการนี้อีกจุดคือระบบ Smart Home Automation ที่ทางโครงการติดตั้งให้ในทุกห้องของโครงการ ระบบ Smart Home Automation นี้คือการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องผ่าน Application ที่ลูกบ้านสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีเข้า Smart Phone ค่ะ ซึ่งระบบนี้สามารถควบคุมได้ทั้ง ระบบแสงสว่าง ทีวี ระบบเครื่องเสียง และระบบเครื่องปรับอากาศ ส่วนที่ทางโครงการจะติดตั้งให้จะครอบคลุมในส่วนของระบบแสงสว่าง และระบบเครื่องปรับอากาศเท่านั้นนะคะ หากลูกบ้านคนไหนสนใจติดตั้งเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อขอเจ้าหน้าที่ได้โดยจะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเพิ่มเติมค่ะ

    ระบบผนังที่ทางโครงการใช้ในการก่อสร้างจะใช้วัสดุคือผนังแบบ Innowall ซึ่งเป็นผนังที่เกิดจากการก่อด้วยคอนกรีตเป็นแผ่น ข้อดีของผนังแบบ Innowall ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าอิฐที่โครงการส่วนใหญ่ใช้ในการก่อสร้างนั้นคือ

    • การป้องกันแผ่นดินไหว
    • ป้องกันไฟอุณหภูมิ 1100 องศาเซลเซียล ได้นาน 4 ชม.
    • ป้องกันเสียงได้ 44 เดซิเบล
    • รับน้ำหนักได้ 55 กิโลกรัม
    • มีความแข็งแกร่ง 665.65 kg/cm2

    ส่วนประตูทางเข้าได้ติดตั้ง Digital Door Lock ให้ทุกห้องพัก จาก Locpro ค่ะ

    เริ่มกันที่ห้องตัวอย่างแรกกับห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.99 ตร.ม. ลักษณะตัวห้องเป็นแบบหน้ากว้าง ข้อดีของห้องแบบหน้ากว้างนี้คือมีพื้นที่ช่องเปิดได้มากกว่าห้องแบบหน้าแคบลึก ในส่วนของการจัดวางพื้นที่ใช้สอยภายในทำออกมาได้ดี จัดสรรเป็นสัดส่วน เริ่มจากหน้าห้องเข้ามาจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารฝั่งซ้ายที่เชื่อมต่อกับส่วนพื้นที่นั่งเล่น ถัดมาด้านซ้ายเป็นพื้นที่ครัวซึ่งเป็นครัวแบบปิด เหมาะกับการทำอาหารหนักได้ ถัดจากครัวจะเป็นในส่วนพื้นที่ระเบียงขนาดเล็กๆ เมื่อนำเครื่องซักผ้ามาวางก็แทบจะไม่เหลือพื้นที่สำหรับซักล้างหรือตากผ้าได้เลย ส่วนด้านขวาจะเป็นในส่วนของห้องนอน โดยภายในวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง และในสุดท้ายส่วนห้องน้ำที่ได้ขนาดกว้างพอสมควร พร้อมแบ่งโซนแห้งโซนเปียกชัดเจนดีค่ะ

    รูปแบบการขายของโครงการสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อแบบ Fully Fitted หรือ Fully Furnished ได้ค่ะ หากซื้อแบบ Fully Fitted นั้นจะมีราคาต่ำกว่า Fully Furnished ประมาณ 3,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบในการตกแต่งเองก็จะได้รับส่วนลดของราคานี้ไปเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์กันเอง ส่วนใครที่เลือกซื้อแบบ Fully Furnished จะได้เฟอร์นิเจอร์ตามรูปด้านบน จากยี่ห้อ Chic Republic ซึ่งไม่เหมือนกับในห้องตัวอย่างที่ตกแต่งไว้นะ

    เริ่มกันที่ประตูทางเข้าที่จะได้กลอนเป็น Digital Door Lock นะคะ ตัวความสูงของฝ้าเพดานห้องจะอยู่ที่ 3 ม. เพื่อเพิ่มความรู้สึกโอ่โถงและกว้างขวางมากขึ้น ส่วนประตูนั้นก็เป็นขนาดพิเศษที่มีความสูงประมาณ 2.7 ม. ค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะมีการแบ่งเป็นโซนย่อยๆ 3 โซน คือโซนครัว, พื้นที่นั่งเล่น และห้องนอน ทั้งนี้จุดเด่นของห้องนอกเหนือจากความสูงฝ้าที่สูงถึง 3 ม.แล้ว ก็คือห้องที่มีหน้ากว้าง ซึ่งสามารถมีช่องเปิดได้มากกว่าห้องแบบแคบลึก จึงส่งผลให้ภายในห้องโปร่งโล่งมากขึ้นและสามารถรับวิวได้กว้าง ส่วนพื้นห้องจะได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ที่มีอายุการใช้งานสูง สวยงาม และทำความสะอาดง่าย แต่ก็แนะนำให้ใส่ Slipper ในห้องด้วยก็ดีนะคะ

    ลักษณะสวิชต์ไฟฟ้าดีไซน์ออกมาสวยงาม เรียบหรูดีค่ะ ตัวสวิชต์ไฟนี้จะเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home Automation ด้วยนะคะ เพราะเค้าติดตั้งให้เป็นแบบ 2 way คือหากเรากดปิดไฟจากสวิชต์ไฟเอง เมื่อเปิด application ก็จะเห็นว่าหลอดไฟดวงนั้นดับอยู่ด้วยค่ะ

    หันกลับมาบริเวณหน้าห้องเป็นพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร โดยสามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้ได้ประมาณ 4 ที่นั่งแบบพอดีๆ ค่ะ ส่วนตู้ Built-in ด้านหลังจะไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ ทำมาเป็น idea ในการตกแต่งห้องและวางของโชว์ได้

    ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นซึ่งเชื่อมต่อกับส่วนรับประทานอาหาร บริเวณนี้มีระยะห่างระหว่างโซฟากับผนังที่ติดตั้งทีวีประมาณ 1.65 ม. โดยสามารถซื้อทีวีขนาด 32 นิ้วจะกำลังพอดีกับระยะสายตาค่ะ

    ชุดโซฟาที่ได้จะเป็นแบบ 3 ที่นั่ง โดยจะมีระยะความยาวประมาณเท่ากับโซฟาในภาพ  ซึ่งด้านข้างจะยังพอมีที่เหลืออยู่บ้างสามารถซื้อเก้าอี้โซฟามาวางเพิ่มอีกได้นะคะ

    ถัดจากโซฟาจะมีกระจกบานใหญ่ กรอบบานเป็นอลูมิเนียมพ่นสีชา

    ด้านข้างเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศให้ทั้ง 2 ฝั่งกระจก

    ตัวกรอบบานอลูมิเนียมที่ได้ค่อนข้างหนาและแข็งแรงดีค่ะ ด้วยความหนาของกรอบบานนี้ก็เป็นจุดที่สะสมฝุ่นอีกที่เช่นกันนะ อย่าหมั่นหมั่นทำความสะอาดกันด้วยนะคะ ^^

    มาต่อที่พื้นที่ครัวกันค่ะ บริเวณส่วนครัวจะได้ผนังเป็นกระจกใสแบบนี้เลยค่ะ ช่วยให้พื้นที่ครัวที่ไม่ได้กว้างมากนัก ดูไม่แคบจนเกินไป และดูสวยงามดีค่ะ แต่ก็ต้องระวังหากบ้านไหนมีเด็กๆ อยู่ก็อาจจะเป็นอันตรายได้เช่นกันค่ะ

    ส่วนของทางเข้าจะได้เป็นประตูบานเลื่อนกระจก (ตามในแปลน) แต่ดูจากขนาดห้องตัวอย่างแล้วไม่น่าจะทำเป็นบานเลื่อนได้นะคะ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนแบบเป็นบานเปิดในอนาคต

    Pantry ที่ได้เป็นแบบ Built-in ทั้งชุดยาวไปจนถึงฝ้าเพดาน

    ตู้ลอยด้านบนมีหลายช่อง จุของได้เยอะ บานเปิดทั้งหมดเป็นแบบ Soft Closed ค่ะ แต่ด้วยความสูงฝ้าถึง 3 ม.และ Built-in ตู้จนถึงฝ้า ก็ค่อนข้างลำบากไปสักหน่อยสำหรับสาวๆ ส่วนสูงมาตรฐานหญิงไทยในการเปิดตู้บนๆ นะ

    ตัวบานเปิดจะบาดขอบให้แบบนี้ ช่วยให้เปิดได้สะดวกมากขึ้นหน่อย

    พื้นที่วางตู้เย็นไม่ได้ให้มากว้างขวางมากนัก โดยสามารถวางตู้เย็นได้ใหญ่สุดที่ 8.7 คิวบิกฟุต

    Pantry พร้อมไมโครเวฟจะได้แบบยกเซตทั้งหมด ทั้งการขายแบบ Fully Furnished และ Fully Fitted ตัวท็อปเป็นหินสังเคราะห์ บานเปิดมี soft Closed ทั้งหมดค่ะ รวมทั้งด้านหลัง Pantry ก็ได้กรุกระจกไว้ให้ด้วยเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดคราบน้ำมันหรือสิ่งสกปรกที่มาจากการประกอบอาหาร

    Hob & Hood 2 หัวเตาเซรามิกจาก Teka ระบบดูดควันเป็นแบบต่อท่อออกไปด้านนอกเรียบร้อย ซึ่งช่วยระบายกลิ่นอาหารและควันได้ดีว่าระบบหมุนเวียนมากๆ

    Sink จาก Teka เช่นเดียวกัน เป็นแบบหลุมเดี่ยวลึก เสียดายน่าจะมีที่พักจานให้หน่อย จะช่วยให้ล้างจานสะดวกขึ้นเยอะเลย

    ลิ้นชักและบานเปิด Pantry มีแผ่นอลูมิเนียมยื่นขึ้นมาช่วยให้เปิด-ปิดใช้งานสะดวกดีทีเดียวค่ะ

    ประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงซักล้าง สามารถเปิดสไลด์ได้บานเดียวคือฝั่งขวา

    มือจับบานเปิดมาตรฐาน ด้านข้างบุผ้าสักหลาดกันฝุ่นให้หน่อย

    ขนาดพื้นที่ระเบียงประมาณ 1.7 x 1 ม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทา ด้วยขนาดเท่านี้พอวางเครื่องซักผ้าไปก็จะเหลือพื้นที่ให้ตากผ้าหรือซักล้างไม่เท่าไหร่ ส่วนรั้วระเบียงได้เป็นกระจกทำให้ได้วิวที่ชัดเจนกว่ารั้วแบบซี่กรงเหล็กค่ะ

    ถัดมาให้ฝั่งขวามือของห้อง จะแบ่งเป็นห้องน้ำที่อยู่ด้านขวามือและห้องนอนด้านซ้ายมือค่ะ

    เข้ามาที่ห้องน้ำ ตัวพื้นห้องน้ำจะถูกลดระดับลงมานิดหน่อย และพื้นด้านในปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทาค่ะ

    ภายในห้องน้ำแบ่งโซนไว้ชัดเจน คือโซนแห้งที่อยู่ด้านหน้า และโซนเปียกหรือโซนอาบน้ำอยู่ด้านใน

    บริเวณโซนแห้งประกอบไปด้วย ตู้กระจก อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์

    อ่างล้างมือเป็นแบบลอยตัว พื้นที่หลุมอ่างมีความยาวพอสมควร และด้านข้างมีพื้นที่สำหรับวางสบู่หรือครีมต่างๆได้ ส่วนด้านล่างเป็นตู้ใต้อ่างเก็บของได้เล็กน้อยค่ะ

    บานเปิดเป็น Soft Closed และบาดขอบให้แบบนี้ค่ะ

    โถสุขภัณฑ์จากยี่ห้อ American Standard ระยะห่างระหว่างโถค่อนข้างแคบไปหน่อย คนตัวใหญ่ๆ อาจจะนั่งแล้วอึดอัด

    ในส่วนพื้นที่อาบน้ำ จะกั้นด้วยกระจกบานเปิดแบบนี้กั้นน้ำกระเด็นออกมาได้ดี

    มือจับสแตนเลสแข็งแรง ใช้แขวนผ้าด้านนอกได้ด้วย

    พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.1 x 1 ม. เป็นขนาดกำลังพอดีๆ ค่ะ

    ฝักบัวสายอ่อนจาก American Standard และด้านข้างมีการเซตผนังเข้าเพื่อทำเป็นที่วางสบู่ ครีมอาบน้ำได้

    ด้านบนติดตั้ง Rain Shower ให้ด้วยค่ะ

    ขนาดฝักบัวกำลังพอดีมือ แข็งแรง จับสะดวกดี

    มาต่อกันที่ห้องนอนค่ะ ภายในห้องนอนจะปูด้วยพื้น Engineering Wood ซึ่งเป็นพื้นไม้เกรดดีมีความทนทานต่อการใช้งานมากกว่าไม้ลามิเนตค่ะ

    ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดีๆ ด้านข้างจะได้เป็นชุดเครื่องแป้งพร้อมเก้าอี้ แต่ไม่เหมือนในห้องตัวอย่างนะคะ

    ระยะทางเดินฝั่งขวาของเตียงกว้างประมาณ 85 ซม. ยังพอเดินได้สบายๆ แต่แนะนำให้ซื้อตู้เสื้อผ้าแบบบานสไลด์นะคะ จะได้ไม่เปลืองเนื้อที่ทางเดินเพิ่มขึ้นไปอีก

    ห้องนอนกว้างประมาณ 2.55 ม. ซึ่งเมื่อวางเตียง 5 ฟุตไปแล้วก็เหลือพื้นที่ไม่มากนัก หากใครที่ติดการนอนดูทีวีก็แนะนำให้ซื้อทีวีแบบแขวนติดผนังแทนนะคะ

    พื้นที่ทางเดินปลายเตียงมีให้เดินไม่มากประมาณ 50 ซม.

    ส่วนด้านซ้ายของเตียงกว้างประมาณ 60 ซม.ค่ะ

    ย้อนกลับมาดูอีกฝั่งของห้องนอนจะเห็นว่ามีพื้นที่ให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าประมาณ 2 บานเปิดเท่านั้น ใครจะซื้อจะ Built-in ต้องเช็คระยะกันดีๆ หน่อยนะคะ และพื้นที่ว่างด้านข้างตู้ก็ Built-in ตู้เพิ่มไม่ได้นะ ต้องเหลือให้รัศมีการเปิดประตูด้วยค่ะ

    สำหรับห้องแบบ 2 Bedroom ที่มีขนาดพื้นที่ 48 ตร.ม. ลักษณะตัวห้องคือหน้ากว้าง เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า การจัดวางแบ่งเป็น 3 ส่วน เกือบเท่าๆ กัน คือห้องนอน 2 ห้องขนาดเท่าๆ กัน และส่วนกลางที่เป็นพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น ห้องนี้น่าจะเหมาะกับครอบครัวที่กำลังขยาย ซึ่งสามารถทำห้องนอน 2 เป็นห้องนอนลูกในอนาคต หรือใครที่ต้องการห้องทำงานเป็นสัดส่วนก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันค่ะ ส่วนพื้นที่ครัวของห้องนี้มีขนาดที่ใหญ่กว่าห้องแบบ 1 Bedroom ทำให้ใช้งานได้สะดวกและดูเป็นสัดส่วนมากกว่าด้วยค่ะ

    เฟอร์นิเจอร์ที่ได้หากเลือกซื้อแบบ Fully Furnished ก็จะได้คล้ายๆ กับห้องแรก แต่จะได้ชุดโต๊ะทำงานที่เพิ่มขึ้นมา 2 ชุด แต่จะมีโซฟาที่เหลือเพียง 2 ที่นั่งและเตียงที่ได้ 6 ฟุต 1 อันและ 3.5 ฟุต 1 อันค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะเป็นพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น ตัวพื้นปูด้วยแกรนิตโต้สวยงาม ด้านบนมีการซ่อนไฟเล่นฝ้าให้ห้องดูมีมิติมากขึ้นไม่โล้นสูงจนเกินไป

    บริเวณพื้นที่รับประทานอาหารสามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้ได้ 4 ที่นั่งแบบพอดีๆ

    บริเวณพื้นที่ระหว่างโซฟาและทีวีมีระยะห่างประมาณ 1.6 ม. แนะนำให้ซื้อทีวีขนาด 32 นิ้วจะกำลังพอดีกับระยะสายตาค่ะ

    ชุดโซฟาจะไม่ได้เหมือนในห้องตัวอย่าง แต่จะได้เป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่งแทน ซึ่งก็ยังพอมีที่ว่างเหลือให้ซื้อเก้าอี้โซฟามาเพิ่มเติมได้ค่ะ

    ถัดมาในพื้นที่ระเบียงจะได้กว้างกว่าห้องแบบ 1 Bedroom ซึ่งยังพอมีพื้นที่เหลืออยู่สำหรับตากผ้าซักล้างบ้างเมื่อวางเครื่องซักผ้าไปแล้ว

    ส่วนห้องครัวอยู่ด้านหลังพื้นที่รับประทานอาหาร เป็นลักษณะแบบครัวปิดทำอาคารได้ดี พื้นปูด้วยแกรนิตโต้เช่นเดียวกันกับพื้นด้านนอก ช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

    ประตูบานเลื่อนกระจกครัวมีมือจับมาตรฐาน ด้านข้างบุผ้าสักหลาดกันฝุ่นและเสียงได้บ้าง

    การจัดรูปแบบ Pantry เป็นตัว L ทำให้เหลือพื้นที่ทางเดินเป็นสี่เหลี่ยมแบบนี้ซึ่งเดินได้สะดวกมากกว่าพื้นทางเดินแนวยาว

    สเป็คของ Pantry พร้อมไมโครเวฟ และตู้ลอยจาก Chic Republic เหมือนกันกับห้องแบบ 1 Bedroom เพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น ส่วนบริเวณที่วางตู้เย็นก็กว้างขึ้นด้วยโดยสามารถวางตู้เย็นขนาดสูงสุดได้ที่ 12.4 คิวบิกฟุต

    เดี๋ยวเราจะเริ่มจากห้องนอนเล็กก่อนแล้วค่อยจบที่ห้องนอนใหญ่กันนะคะ

    พื้นในส่วนห้องนอนเป็น Engineering Wood

    ภายในจัดวางเหมือนห้องนอนแบบ 1 Bedroom เพราะแต่มีขนาดที่ยาวกว่า เตียงที่ได้จะได้แบบ Single Bed พร้อมชุดโต๊ะทำงานที่แตกต่างจากในห้องตัวอย่างนะ

    ระยะห่างระหว่างทีวีกับเตียงประมาณ 1.7 ม. แนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบติดผนังขนาดประมาณ 32 นิ้วค่ะ

    ทางเดินปลายเตียงประมาณ 40 ซม. ถือว่าเดินค่อนข้างลำบากอยู่นะคะ

    ส่วนทางเดินติดหน้าต่างมีที่ว่างเหลือให้เดินพอสมควร และยิ่งตัวเตียงที่ได้มีขนาด 3.5 ฟุต ก็จะพอมีที่ว่างข้างเตียงให้เดินได้สบายมากขึ้นค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นตำปหน่งตู้เสื้อผ้าเช่นเดียวกับห้องแบบ 1 Bedroom สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ขนาดใหญ่ไม่เกินตู้เสื้อผ้าในห้องตัวอย่างนะคะ

    ภายในห้องนอนมีการจัดวางเช่นเดียวกับห้องแรก แต่มีขนาดที่กว้างมากขึ้ร

    ชุดสุขภัณฑ์สเป็คเดียวกันกับห้องแรก

    ส่วนระยะระหว่างโถสุขภัณฑ์จะกว้างกว่าทำให้นั่งได้สบายมากขึ้น

    ส่วนห้องน้ำก็ใหญ่ขึ้นจากห้องแรก แต่ใช้วัสดุและสเป็คเหมือนเดิมค่ะ

    มาดูห้องนอนใหญ่กันต่อ พื้นห้องนอนใหญ่ก็จะได้พื้น Engineering Wood เช่นเดียวกับห้องนอนเล็ก จบพื้นด้วยไม้สำเร็จรูป

    ภายในห้องนอนใหญ่จะยาวกว่าห้องนอนเล็กอยู่หน่อย ซึ่งสามารถวางโต๊ะทำงานได้สบายๆ กว่า

    ตัวเตียงที่ได้คือขนาด 6 ฟุต ระยะทางเดินปลายเตียงประมาณ 60 ม. ซึ่งก็เป็นระยะที่เดินได้อยู่ค่ะ แต่ไม่สามารถ Built-in ชั้นวางทีวีได้นะ ต้องแขวนทีวีติดผนังเท่านั้นค่ะ

    ส่วนทางเดินข้างเตียงขวามือมีระยะประมาณ 65 ซม.โดยรวมถือว่าไม่เบียดเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับห้องนอนเล็ก และสามารถเดินรอบเตียงได้อยู่ค่ะ

    ตัวหน้าต่างในห้องนอนได้ขนาดใหญ่พอสมควร ด้านข้างทั้งสองข้างมีหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยระบายอากาศในห้องนอนได้ค่ะ

    หันหลังกลับมาก็จะเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าเช่นเดิมค่ะ

     

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 Jan 2016

    • 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 4 ห้อง 406 เนื้อที่ 34.99 ตร.ม. ราคา 4.04 ล้านบาท หรือ 115,500 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 14 ห้อง 802 เนื้อที่ 34.92 ตร.ม. ราคา 4.29 ล้านบาท หรือ 122,900 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom 1 Bath อาคาร B ชั้น 7 ห้อง 704 เนื้อที่ 43.84 ตร.ม. ราคา 5.31 ล้านบาท หรือ 121,100 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom 2 Bath อาคาร B ชั้น 11 ห้อง 1111 เนื้อที่ 71.56 ตร.ม. ราคา 9.52 ล้านบาท หรือ 133,000 บาท/ตร.ม.

    • Fully Furnished หรือ Fully Fitted
    • เพดานสูง 3 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง 30,000 บาท
    • ทำสัญญา 100,000 – 250,000 บาท
    • ดาวน์ 6% ผ่อนดาวน์ 24 งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
    • ค่าส่วนกลาง 55 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเลโครงการอยู่ในย่านอ่อนนุช ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งพักอาศัยของผู้คนขนาดใหญ่ ทั้งคนที่อยู่กันมานมนานและคนที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่เกาะตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งที่พักอาศัยก็จะมีคละๆ กันไปทั้งแนวราบ และคอนโด เมื่อมีผู้คนอาศัยอยู่มากนั้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ทั้งด้านอุปโภคบริโภคจึงไม่น่าเป็นห่วง หรือจริงๆ ก็เรียกได้ว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูงพอตัว แต่เกรดและระดับราคาข้าวของก็จะถูกกว่าแถบถนนสุขุมวิทในเมืองอย่าง อโศก ทองหล่อ เอกมัย นะคะ แหล่งพักพิงหลักๆ ที่อยู่ใกล้ตัวโครงการก็คงจะหนีไม่พ้น Tesco Lotus ที่อยู่บริเวณหน้าปากซอย ติดรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุช ซึ่งนอกจากจะเป็นห้างให้จับจ่ายใช้สอย ชั้นบนห้างก็มีศูนย์อาหารขนาดปานกลางที่คนในละแวกนี้ก็มักจะเข้าไปใช้บริการกัน รวมทั้งในตอนเย็นๆ บริเวณลานจอดรถห้างก็มีเต้นท์ขายเสื้อผ้าราคาย่อมเยาให้ช็อปปิ้งสบายกระเป๋ากันไปค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสะดวกในระดับนึงค่ะ เพราะถึงแม้ตัวโครงการจะอยู่ในซอยนั้น แต่ก็เป็นซอยสุขุมวิท 50 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถทะลุออกถนนได้หลากหลาย ทั้งถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ เป็นจุดขึ้นลงทางด่วนทั้ง 2 ทางด่วนคือ ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ และทางด่วนเฉลิมมหานคร เรียกได้ว่าเป็นซอยที่มีทางหนีทีไล่พอสมควร แต่เพราะยังมีข้อเสียเนื่องจากเป็นซอยที่ลัดขึ้นทางด่วน ออกถนนรถไฟสายเก่าปากน้ำได้จึงทำให้ในซอยนี้ติดเกือบตลอดทั้งวัน ซึ่งก็ควรจะเผื่อเวลาในการเดินทางพอสมควรเลยค่ะ

    การเดินทางโดยพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะ ก็คงไม่พ้นรถสาธารณะระบบรางที่ใกล้ที่สุดคือสถานีอ่อนนุช โดยห่างจากโครงการประมาณ 650 ม. ซึ่งจริงๆ ก็ถือว่าเลยระยะเดินไปหน่อย แต่ทางโครงการก็ได้มีการแก้ปัญหาโดยจัดให้มี Shuttle Bus Service ลูกบ้านไปกลับสถานีรถไฟฟ้าได้ หรือจะพึ่งพาพี่วิน และรถสองเเถวที่วิ่งตลอดทั้งวันภายในซอยก็ได้เช่นกันค่ะ

    การออกแบบโครงการ จัดมาค่อนข้างแปลกกว่าโครงการอื่นๆ โดยแยกอาคารส่วนกลางที่มีที่จอดรถ และ Facilities ออกจากอาคารพักอาศัย ข้อดีของการจัดรูปแบบนี้คือความเป็นส่วนตัวมากขึ้นในอาคารพักอาศัย และในขณะเดียวกันก็ไม่สะดวกในการใช้บริการเท่ากับมี Facilities อยู่ในอาคารตัวเอง ข้อดีอีกอย่างนึงคือตัวโครงการไม่เปลืองงบประมาณในการทำ Facilities แยกตึกแต่รวมกันเป็นตึกเดียวไปเลย ส่วนเรื่องความหนาแน่นของโครงการจัดอยู่ในระดับที่มีความหนาแน่นไม่มากไปนักค่ะ ด้วยอัตราส่วนลิฟต์อาคาร A 85.5 : 1 และ อาคาร B 92.5 : 1

    การออกแบบห้องมีจุดเด่นอยู่หลายอย่าง คือหน้ากว้างจึงทำให้มีช่องเปิดมากขึ้น นอกจากจะได้วิวที่กว้างขึ้นแล้ว ยังสามารถระบายอากาศได้ดีขึ้นด้วยค่ะ และในส่วนของความสูงฝ้าที่สูง 3 ม. ยิ่งช่วยให้ห้องดูโอ่โถงมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีบาง Type ที่ห้องนอนมีความกว้างค่อนข้างแคบ เมื่อผนวกกับความสูงฝ้าที่สูง 3 ม. จะทำให้ความรู้สึกสูงชะลูดมากไปหน่อย และสุดท้ายคือการติดตั้งระบบ Smart Home Automation ให้กับห้องพักทุกห้องโดยสามารถสั่งการระบบแสงสว่าง และเครื่องปรับอากาศได้ ผ่านทาง Application จาก Smart Phone ในเรื่องการตกแต่งก็มีให้เลือกทั้ง 2 แบบคือ Fully Furnished และ Fully Fitted

    สำหรับวัสดุที่ได้ให้มาสมน้ำสมเนื้อกับราคา (ไม่รวม Furniture ที่ไม่ได้จัดให้เห็นจริงในห้องตัวอย่าง) อย่างพื้นได้ กระเบื้องแกรนิตโต้ในส่วนพื้นที่นั่งเล่น,ครัว และห้องน้ำ Engineering Wood ในห้องนอน และกระเบื้องเซรามิกในส่วนของระเบียงด้านนอก ชุดสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก American Standard ได้ Pantry ครัวแบบ Built-in พร้อมไมโครเวฟ Sink และ Hob & Hood ด้วยระบบดูดควันแบบต่อท่ออกไปด้านนอก ซึ่งในส่วนครัวนี้จะมีให้ทุกห้องทั้ง Fully Furnished และ Fully Fitted และสุดท้ายคือการใช้ผนัง Innowall ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีประสิทธิภาพดีกว่าผนังอิฐทั่วไปด้วยค่ะ

    สาธารณูปโภคที่ได้ให้มาครบครัน น่าใช้งานและน่าจะเพียงพอกับจำนวนยูนิตของโครงการ รวมไปถึงที่จอดรถที่ให้มา 68% รวมซ้อนคัน ก็ถือว่าให้มาพอสมควรเมื่อเทียบกับระดับ Segment เดียวกันหลายๆ โครงการในปัจจุบันค่ะ ประกอบกับตัวโครงการยังอยู่ในรัศมีของรถไฟฟ้าก็ยังพอมีตัวเลือกให้เดินทางได้หลากหลายค่ะ โดย Facilities หลักๆ จะอยู่บนชั้นบนสุดของอาคาร C ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำ, Jacuzzi, โถงพักผ่อน, ห้องฟิตเนส, ห้อง Multi-Function, ห้อง Golf Simulators ส่วนด้านล่างรอบๆ โครงการก็มีเป็นสวนเพื่อความร่มรื่นพร้อม Jogging Track ไว้สำหรับวิ่งออกกำลังกายรอบโครงการ หรือใครจะเดินเล่นชิวๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 120,000 บาท/ตร.ม., 22 January 2016

    • ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยที่สามารถลัดเลาะไปได้เยอะ มี Tesco Lotus อ่อนนุชหน้าปากซอย
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน 2 ทางด่วน แต่รถติดในซอย
    • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ห่างจาก BTS อ่อนนุช 650 ม. มี Shuttle Bus Service, วินมอเตอร์ไซต์ และรถสองแถวในซอย
    • วัสดุ 8/10 – ให้มาสมน้ำสมเนื้อกับราคาที่จ่าย มีให้เลือกทั้ง Fully Fitted และ Fully Furnished
    • แบบ 8/10 – แยกอาคารส่วนกลางและอาคารพักอาศัยออกจากกัน ตัวห้องจัดมาได้ดีเป็นสัดส่วน ฝ้าสูง 3 ม.
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ครบครัน น่าใช้งาน และน่าจะเพียงพอกับจำนวนยูนิต

    • UPPER CLASS
    • 7.73 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Mayfair Place สุขุมวิท 50 เหมาะกับคนทำงานย่านอ่อนนุช, ทำงานโดยใช้รถไฟฟ้าหรือทางด่วนเป็นหลัก ชอบทำเลในซอยที่พลุกพล่านน้อยกว่าทำเลติดถนนใหญ่ ชอบห้องหน้ากว้างมีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอ หรือเตรียมความพร้อมสำหรับครอบครัวขยาย สามารถเลือกรูปแบบการตกแต่งห้องได้เอง ไม่เน้นวิวสวย แต่เน้นความสงบ และ Facilities ที่ครบครัน มีงบประมาณระดับ 3.5 – 14 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 25,000 – 112,000 บาท

    ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )