สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ รีวิวเจาะลึกโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่วันนี้ผมกลับมาพาทุกท่านข้ามฝั่งไปเยี่ยมชม และเก็บข้อมูลของคอนโดมิเนียมย่านฝั่งธนบุรี-ท่าพระกันบ้าง เพื่อต้อนรับการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ที่กำลังจะเปิดใช้กันในปลายปีนี้ (ตามแผนงาน) และเป็นชุดเชื่อมต่อกับสถานีปลายทางของรถโดยสารด่วนพิเศษ หรือ BRT นั่นเอง หากเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าและมีจุดขึ้นลงแล้ว ผมเชื่อว่าตลาดคอนโดมิเนียมในย่านดังกล่าว จะกลับมาคึกคักและสดใสอีกครั้งครับ..โครงการ Life @ BTS Thaphra นี้ถือเป็นคอนโดหลังแรกๆของชุมชนย่านท่าพระเลยทีเดียวครับ จำได้ว่าตอนที่เปิดขายและใช้ชื่อว่า ไลฟ์ แอท บีทีเอส ท่าพระนั้น เชื่อว่ามีลูกค้าหลายท่านยัง สงสัยกันอยู่ว่า สถานีท่าพระจะอยู่ตรงไหน จะมีจริงๆหรือเปล่า จนเวลาผ่านมา 6 ปี สถานีท่าพระก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว
Fact @ 14 September, 2012
- LIFE@BTS Thaphra (ไลฟ์บีทีเอส ท่าพระ)
- Concept: CHIC CONDO สุดอินเทรนด์ ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ท่าพระ
- Developer : AP – บริษัทเอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- ถนนรัชดา – ท่าพระ
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 17 Floor 1 Phase
- ที่ดินประมาณ 4-0-52 ไร่
- Studio/ 1 Bedroom / 2 Bedrooms
- พื้นที่ใช้สอย 30– 63 ตารางเมตร
- ราคาปัจจุบัน ประมาณ 2.4 – 2.9 ล้านบาทสำหรับ 1 ห้องนอน (42 ตร ม)
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 59,000 – 69,000 บาท
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
สำหรับที่ตั้งของโครงการ ตั้งอยู่ติดถนนรัชดา – ท่าพระ มุ่งหน้าไปถนนจรัลสนิทวงศ์ ใกล้กับตลาดพลู ถนนรัชดา-ท่าพระ ถือเป็นถนนเส้นวงแหวนชั้นที่ 1 ของกรุงเทพ ซึ่งจะไปเชื่อมกับถนนจรัลสนิทวงศ์ และถนนพระรามสาม บริเวณสะพานกรุงเทพ ถือได้ว่าเป็นถนนสายหลักที่สำคัญของคนกรุงเทพอีกสายหนึ่ง
โครงการไลฟ์ บีทีเอส ท่าพระ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดพลู ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ เป็นที่รู้จักของคนย่านฝั่งธนบุรีครับ และสามารถเชื่่อมต่อไปยังถนนเทอดไท ถนนวุฒากาศได้เช่นเดียวกัน ข้อเสียของโครงการนี้ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งของที่ตั้งโครงการครับ หากแต่เป็นเรื่องรูปร่างของที่ดิน เป็นรูปตัวแอลอ้อมอาคารข้างเคียง ทำให้ทางเข้าโครงการค่อนข้างแคบ ไม่ค่อยโอ่โถงเหมือนโครงการอื่นๆ
ประกอบกับด้านหน้าของทางเข้า ใกล้กับคอสะพานที่ตัดข้ามทางรถไฟบริเวณตลาดพลูไปเชื่อมกับถนนจรัลสนิทวงศ์ ทำให้ไม่สังเกตดีๆ อาจจะเลยทางเข้าได้ครับ
นอกจากนี้ยังมีอาคารสูง ตั้งอยู่ติดกับที่ดินของโครงการ เป็นอาคารขนาดใหญ่สูงสิบกว่าชั้น ทำให้มุมมองของอาคารโดนบังไปพอสมควรครับ
ที่ตั้งของธนบุรีพลาซ่า นั่นเอง ทีนี้ผมจะนำเสนอวิธีการเดินทางมาโครงการอย่างง่ายๆนะครับ
หากมาจากสาทร ข้ามสะพานตากสิน พอข้ามมาปั๊ป เราก็จะเจอสถานีรถไฟฟ้า ธนบุรีเป็นสถานีแรกในฝั่งธนบุรี บริเวณนี้ก็จะมีคอนโดมิเนียมหลายโครงการตั้งอยู่ และเป็นที่รู้กันว่าราคาขยับไปค่อนข้างสูงแล้ว ฝั่งซ้ายมือที่เห็นก็คือโครงการ IDEO ของบริษัท อนันดาครับ
ขับรถตรงมาเรื่อย ผ่านสถานีธนบุรีมาครับ ด้านซ้ายก็จะผ่านคอนโด The Fuse ของค่ายพฤกษา ถนนเส้นนี้ค่อนข้างกว้างขวาง ขับง่าย และร่มรื่นทีเดียวครับ
จะเห็นป้ายตรงไป เป็นถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นถนนที่ตั้งโครงการที่เรากำลังจะไปครับ
สถานีต่อมา ก็คือสถานีวงเวียนใหญ่ ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับสี่แยกตัดกับถนนสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งหากเลี้ยวขวาตรงแยกนี้ เราก็จะไปเจอวงเวียนใหญ่นั่นเองครับ
แต่เรายังต้องตรงต่อไปครับ โดยข้ามสะพานข้ามแยกถนนสมเด็จเจ้าพระยาต่อไป ด้านซ้ายมือก็จะเห็นคอนโด Teal ของแสนสิริ กำลังก่อสร้างอยู่ครับ
ต่อมาก็ พอลงสะพาน ก็จะเป็นสถานีที่กำลังก่อสร้าง เตรียมจะเปิดใช้ปลายปีนี้แล้วครับ ชื่อว่าสถานี โพธิ์นิมิตร เนื่องจากมีงานก่อสร้าง ทำให้ช่องทางการจราจรลดลง ต้องระมัดระวังหน่อยครับ
เห็นสถานีเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ประชาชนก็ใจชื้นกันทีเดียวครับ
ผ่านตำแหน่งที่ตั้งของสถานีโพธิ์นิมิตรมาเล็กน้อย ด้านซ้ายมือ ก็จะเป็นคอนโด The Room ของ L&H ครับโครงการนี้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ
ตอนนี้เราจะต้องเตรียมตัวชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวขวา บริเวณแยกท่าพระแล้วนะครับ หากตรงต่อไป ก็จะไปออกถนนราชพฤกษ์ หรือกัลปพฤกษ์ ต่อไป เป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าออกไปสู่หมู่บ้านจำนวนมาก ทำให้ปริมาณการใช้รถในชั่วโมงเร่งด่วน จึงมักจะหนาแน่นเสมอ
ป้ายบอกทางค่อนข้างชัดเจนนะครับ เราจะต้องตามป้ายรัชดาภิเษกไปครับ
ก่อนจะถึงสี่แยก รัชดา-ท่าพระ เราก็จะเจอคอนโด Parkland ของค่ายนารายณ์ เป็นโครงการสุดท้าย จริงๆมีสองโครงการครับ แต่อยู่ติดกัน ไว้มีโอกาสคงจะได้เข้ามารีวิวให้ชมกันบ้างครับ
พอมาถึงบริเวณแยกก็รอสัญญาณไฟเพื่อเลี้ยวขวา
บริเวณแยกนี้เองครับ เป็นที่ตั้งของสถานี BRT ราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นต้นสายสำหรับคนฝั่งธนบุรี ที่จะเข้าเมืองผ่านถนนพระรามสาม จนกระทั่งไปสุดที่สถานีช่องนนทรี บริเวณแยกสาทร
มีรถคอยให้บริการหลายคัน และค่อนข้างสะดวกสบายครับ เนื่องจากว่าเป็นต้นสาย
นอกจากนี้ ก็มีรถโดยสารประจำทางคอยให้บริการเช่นเดียวกันครับ
กลับมาที่บริเวณสี่แยกกันบ้าง หากเลี้ยวซ้าย ก็จะสามารถเข้าเมืองโดยข้ามสะพานกรุงเทพ และข้ามไปสู่ถนนพระรามสามได้อย่างง่ายดาย ผ่านเดอะมอลล์ ท่าพระ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ด้วยครับ
ทีนี้พอเราเลี้ยวขวา ตรงมาอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงโครงการ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งซ้ายมือนี้แล้วครับ
หากตรงไป โดยข้ามสะพานที่เห็นอยู่ในภาพ ก็จะไปถนนจรัลสนิทวงศ์ ซึ่งก็จะไปเชื่อมกับ แยกพรานนก แยกบางขุนนนท์ ย่านปิ่นเกล้าได้ครับ ส่วนโครงการเรา จะอยู่บริเวณเชิงสะพานครับ
มุมมองทางเข้าค่อนข้างจะมองยาก เนื่องจาก มีอาคารของธนบุรีพลาซ่าบังอยู่ และมีป้ายรถโดยสารประจำทางอยู่ด้วย ยิ่งหากมีรถเมล์อย่างเช่นในรูป ก็จะมองไม่เห็นหน้าโครงการเลยทีเดียว หากขับมาเร็วๆ ก็อาจจะเลยได้นะครับ
ให้ดูมุมด้านหน้าอีกรูปครับ จะว่าไป ทางเข้าของธนบุรีพล่าซ่านี้ ดูโอ่โถงกว่าเยอะเลยครับ
ต่อไปผมจะพาทุกท่านขับวนดูรอบๆ บริเวณนี้กันบ้างนะครับ โดยใช้เส้นทางที่สามารถวนเป็นวงกลมได้ใกล้ที่สุดดังนี้
เส้นทางที่จะพาไป จะวนเป็นวงกลมนะครับ โดยพอออกจากโครงการ เราจะชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าถนนเทอดไท บริเวณตลาดพลู ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายอีกทีบริเวณซอยเทอดไท33 ซึ่งเป็นซอยลัดที่สามารถออกไปจอมทองได้ ก่อนจะไปเลี้ยวกลับเข้ามาที่โครงการอีกทีบริเวณถนน สาทร-ราชพฤกษ์ นะครับ
พอออกจากโครงการ เราก็ชิดซ้ายเลาะข้างสะพานข้ามแยกไปครับ
ตรงมาเรื่อยๆ เลยนะครับ ทางค่อนข้างแคบเป็นทางรถวิ่งเลนเดียว
หากต้องการกลับรถ ก็สามารถกลับรถได้บริเวณนี้นะครับ เพื่อจะกลับไปสู่สี่แยก รัชดา-ท่าพระ
แต่เราต้องตรงต่อไป ผ่านทางรถไฟครับ
พอถึงสามแยก เราก็เลี้ยวซ้าย บริเวณนี้เองเป็นที่ตั้งของตลาดพลูครับ
พอเลี้ยวซ้าย เข้าถนนเทอดไท ซึ่งเป็นถนน 4 เลน แต่มักจะมีรถจอดริมถนน ทำให้เวลาวิ่งจริงๆ ก็จะเหลือเพียง 2 เลน
ค่อนข้างหนาแน่นทั้งวันครับ บริเวณนี้
พอผ่านธนาคาร ไทยพาณิชย์ซึ่งตั้งอยู่ด้านขวามือ ก็เตรียมตัวชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าซอยได้แล้วนะครับ
จะเจอป้ายเส้นทางลัด ช่วยให้ความมั่นใจได้ว่าซอยที่จะเข้าสามารถไปทะลุออกถนนใหญ่ได้แน่นอน
ช่วงเลี้ยวเข้าซอย จะค่อนข้างแคบนะครับ แต่สังเกตได้ง่ายเนื่องจากบริเวณหัวมัมเป็นตึกแถวทาสีเหลือง เด่นมาก จำได้ง่ายครับ
เลี้ยวเข้ามาก็ตรงไปเรื่อยๆเลยครับ ถนนภายในซอยจะใหญ่ขึ้นมานิดหน่อย วิ่งผ่านสวนกันได้สะดวก
บริเวณข้างทางจะเป็นอาคารพาณิชย์เก่าๆครับ แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนเก่าแก่
ต้องข้ามทางรถไฟ อีกทีครับ
ตรงต่อมาเรื่อยๆ เราจะเจอซุ่มประตูทางเข้าของวัดสะแกนอก เราตรงไปครับ
ก็จะผ่านรั้วสีเหลืองๆ ซึ่งเป็นรั้วของวัดสะแกนอก ซึ่งตั้งอยู่ทั้งสองข้างครับ
พอผ่านวัดไปก็จะออกสู่ถนนใหญ่ ซึ่งเราเลี้ยวซ้ายก็จะกลับไปยังถนนรัชดาภิเษกได้ครับ หรือหากเราตรงไป ก็จะเป็นทางวิ่งออกไปยังถนนจอมทองได้ สมัยก่อนซอยนี้คงเชื่อมต่อกันเป็นเส้นตรงครับ ภายหลังมีการตัดถนนสาทร-ราชพฤกษ์เพิ่มทำให้ซอยนี้ถูกตัดขาดออกจากกัน
พอเลี้ยวซ้าย เส้นทางจะเป็นเส้นทางเล็กๆเพื่อออกสู่ถนนรัชดาภิเษก
บริเวณแยกตรงนี้เองครับ ที่จะเป็นโซนที่มีการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้ารัชดาภิเษก
มีการกั้นเขตเพื่อทำการก่อสร้างอย่างขะมักเขม้น ผมเลยขอเดินเข้าไปสำรวจหน่อยว่างานก่อสร้างไปถึงไหนแล้วครับ
ตอนนี้ ส่วนโครงสร้างของสถานีก็คืบหน้าไปพอสมควรแล้วครับ กำลังขึ้นโครงสร้างส่วนของหลังคาชานชาลาอยู่
อีกรูปครับ ว่างานก่อสร้างไปถึงไหนแล้ว
บริเวณซอยนี้เองครับ มีโครงการคอนโดใหม่ Casa Condo อาคารสูงที่กำลังเปิดขายอยู่ ของ QH อยู่ด้วย
และอีกโครงการ Casa Condo 8 ชั้นของเจ้าเดียวกันอยู่ฝั่งตรงกันข้าม แต่โครงการนี้เสร็จแล้วครับ คิดว่าหากมีโอกาสจะนำรีวิวมาฝากท่านผู้อ่านๆกันในโอกาสต่อๆไปนะครับ
กลับมาที่เรื่องของเรากันต่อครับ จากซอยเทอดไท33 หากเลี้ยวซ้ายมา ก็จะเป็นถนนเลนเดียวเพื่ออกไปสู่ถนนรัชดาภิเษก
พอเราเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนรัชดาภิเษก ก็ตรงไปอีก 300 เมตร ก็จะกลับเข้าสู่โครงการครับ
การเข้าถึงโครงการ
การเดินทางเข้าสู่โครงการสามารถมาได้หลายเส้นทางครับ และไม่สลับซับซ้อนเลย ด้วยตัวโครงการอยู่ใกล้สี่แยกท่าพระ ประมาณ 300 เมตร และห่างจากเดอะมอลล์ ท่าพระประมาณ 500 เมตรเท่านั้น หากมาจากสาทร เราก็สามารถเลี้ยวขวาที่สี่แยกท่าพระได้ หรือหากมาจากถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นสะพานข้ามคลองบางขุนเทียน, ถนนวุฒากาศ และทางรถไฟ จะมีป้ายบอกสำหรับคนที่จะเข้าถนนรัชดาภิเษก เราก็ชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าถนนรัชดาภิเษก และหากมาจากถนนจรัลสนิทวงศ์ ก็สามารถกลับรถบริเวณสี่แยกท่าพระ หรือหากจะมาจาก ถนนพระรามสาม ก็เลยแยกตรงมา
การออกจากโครงการ ก็ไปได้หลายเส้นทางครับ เนื่องจากสามารถกลับรถได้บริเวณใต้สะพานลอย (ใกล้ตลาดพลู) เพื่อจะไปเริ่มเส้นทางเข้าเมืองได้จากจุดดังกล่าว ซึ่งก็จะสามารถไปได้หลายเส้นทาง เช่น เลี้ยวซ้ายเพื่อไปสาทร เลี้ยวขวาเพื่อไปถนนราชพฤกษ์ หรือตรงไปเพื่อข้ามสะพานกรุงเทพ เพื่อเข้าสู่ถนนพระรามสาม ยกเว้นหากต้องการตรงไปเพื่อไปถนนจรัลสนิทวงศ์ จะต้องขี้นสะพานด้านหน้าโครงการ อาจจะต้องเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นนะครับ เนื่องจากทางเข้า-ออกโครงการ ใกล้กับคอสะพาน
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ ประมาณ 4 ไร่ ตัวอาคารออกแบบเป็นรูป L Shape ตามลักษณะของที่ดิน จำนวน 672 ยูนิต โดยอาคารมีจำนวน 17 ชั้น ด้านข้างของที่ดินฝั่งทิศใต้ ติดกับ ธนบุรี พลาซ่า ซึ่งเป็นอาคารสูงใกล้เคียงกัน ทำให้โดนบังวิว ไปพอสมควร ส่วนด้านทิศเหนือของโครงการ ติดกับที่ดินว่างเปล่า
ปัจจุบัน โครงการขายหมดแล้วนะครับ เหลือแต่เพียงห้องที่ลูกค้าฝากขาย ซึ่งมีไม่เยอะ และหาค่อนข้างยาก แสดงให้เห็นว่าโครงการ ค่อนข้างประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องของการพัฒนาโครงการ ที่ตอบโจทย์ของผู้บริโภค รวมถึงการบริหารจัดการที่ดี ลูกบ้านมีความสุข และมีห้องเปลี่ยนมือค่อนข้างน้อยครับ
นี่เป็นรูปถ่ายให้เห็นทางเข้าอาคารครับ จะเห็นว่าค่อนข้างแคบ แถมโดนป้ายของธนบุรี พลาซ่าบังซะอีก
มาดูแบบของโครงการกันบ้างครับ บริเวณชั้น1 ของโครงการด้านหน้าเลยจะเป็นร้านค้าจำนวน 8 ร้านครับ ส่วนด้านในจะเป็นส่วนของ ล๊อบบี้ และที่จอดรถ
ทีนี้ผมจะพาเข้าไปในโครงการนะครับ น่าเสียดายที่ทางโครงการไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปครับ ไม่ว่าจะเป็นภายในห้อง หรือส่วนกลางของโครงการเพราะมีเจ้าของหมดแล้ว ก็เลยเก็บภาพมาเท่าที่จะสามารถเก็บได้ รูปบางรูปจึงสั่น และไม่ค่อยเยอะนะครับ ต้องขออภัยด้วย
ป้ายทางเข้าด้านหน้าโครงการ
พอเข้ามา จะเจอรปภ. ส่วนแรกที่คอยต้อนรับครับ โดยหากเป็นผู้มาติดต่อ จะต้องแลกบัตรบริเวณนี้ครับ และทาง รปภ จะจัดที่จอดรถให้จอดบริเวณด้านหน้า ไม่ปะปนกับด้านใน
บริเวณทางเข้าโครงการ พื้นเป็นคอนกรีตเล่นลาย ทำให้โครงการดูมีลูกเล่น
ส่วนนี้ที่ขนาดกับที่จอดรถผู้มาติดต่อ ก็จะเป็นส่วนของร้านค้าในโครงการครับ ซึ่งจะรับกับคนที่เดินเข้า ออกจากโครงการด้วย
ส่วนที่จอดรถผู้มาติดต่อ จะถูกจัดไว้เป็นสัดส่วน บริเวณด้านหน้าครับ เช่นเดียวกับศาลพระภูมิ ก็จะอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการเช่นเดียวกัน
ถัดเข้าไป จะเป็นส่วนที่กั้นรถสำหรับลูกบ้านที่มีสติ๊กเกอร์เท่านั้นครับ โดยมีป้ายเขียนไว้ชัดเจน แถมมีไม้กระดกกั้นอีกชั้น อะไรมันจะเข้มงวดขนาดนั้น
ส่วนของร้านค้าที่เปิดให้บริการก็มีหลากหลายนะครับ ยกตัวอย่างเช่น มีร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, ร้านซักรีด, ร้านเสริมสวย, ร้านนวด สปา เป็นต้น นอกจากนี้ สำนักงานนิติบุคคลก็อยู่บริเวณนี้เช่นเดียวกันครับ
ด้านหน้าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ
นี่เป็นทางเดินภายใน เข้าสู่ตัวอาคาร มีร้านนวด และซักรีด
มีการทำกันสาดยื่นออกมาทำให้ดูเก๋ดีนะครับ แต่ไม่แน่ใจว่าจะกันแดดได้ดีแค่ไหนครับ แต่ผมว่าก็น่ารักดีครับ
ก่อนจะเข้าอาคารขอถ่ายภาพให้เห็นภาพอาคารโดยรวมครับ จะเห็นว่าค่อนข้างแน่นเลยทีเดียว เทียบกับพื้นที่ด้านหน้าซึ่งแคบอยู่แล้ว ส่วนห้องพัก จะเห็นว่าเริ่มมีส่วนของห้องพักตั้งแต่ชั้น 2 เลยนะครับ
บริเวณ Drop Off โครงการ
พอเลี้ยวซ้ายเข้าไปก็จะเจออาคารจอดรถครับ จำนวน 6 ชั้น พนักงานบอกว่า ที่จอดรถเพียงพอ ไม่เคยมีปัญหาครับ
ด้านข้างรั้วก็สามารถจอดรถได้เพิ่มเติมอีกด้วย บริเวณรั้วมีการปลูกไม้ไผ่ เพื่อให้บรรยากาศร่มรื่น แต่พอเจออาคารด้านข้าง ก็ร่มรื่นค่อนข้างยากทีเดียวครับ
ส่วนนี้เป็นอีกส่วนที่ผมชอบครับ น่าจะเป็นส่วนที่ใช้สำหรับนั่ง พักผ่อน หรือรับส่งผู้โดยสาร โดยทำเป็นลักษณะกึ่งกลางแจ้ง แต่มีหลังคาปิดเพื่อกันฝน การทำให้เป็นลานกึ่งกลางแจ้งทำให้ นิติบุคคลไม่ต้องติดแอร์ในบริเวณนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ หากมีการออกแบบให้สามารถจัดเป็นมุมที่เป็นส่วนตัว หรือทำให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้นก็จะดีไม่น้อย เนื่องจากการทำเป็นที่นั่งแนวยาว และเป็นต้นไม้พุ่มขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง ดูแล้วไม่เกิดประโยชน์ในการใช้งานจริงซักเท่าไหร่ หากจัดดีๆ น่าจะสวยครับ
ต่อมาเข้ามาสู่ตัวอาคารกันบ้างครับ ก็จะต้องผ่านเคาน์เตอร์ของ รปภ ครับ
มีที่นั่งอยู่บ้าง แต่ไม่เยอะครับ
มีบันได้สำหรับลูกบ้านที่อยู่ชั้น 2 ครับ
ส่วนกลาง ที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกจะอยู่บริเวณชั้น 6 ครับ
หากดูจากผังห้อง จะเห็นว่าโถงลิฟท์กับ สิ่งอำนวยความสะดวก จะอยู่คนละตำแหน่งกันนะครับ ดังนั้นเวลาจะเดินไปสระว่ายน้ำหรือฟิตเนส จะต้องผ่านห้องที่อยู่ตรงกลางประมาณ 10 กว่าห้องครับ น่าสงสารห้องแถวนี้มากครับ
บริเวณทางเข้าสระว่ายน้ำ จากทางเดินภายในครับ มีประตูบานเลื่อนกั้น โดยมีเวลาปิดเปิดที่แน่นอน
จะมีส่วนนั่งพักผ่อน สามารถนั่งเล่นได้ครับ
ก่อนจะออกมาเป็นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ไม่ใหญ่มากนัก
อีกมุมนึงครับ
ห้องออกกำลังกาย ต้องเข้าจากสระว่ายน้ำครับ โดยเป็นประตูบานเลื่อน กระจกใส เพื่อมองออกมาเห็นสระว่ายน้ำได้
มีห้องซาวน่า อยู่ข้างๆสระน้ำครับ
ต่อไปผมจะพาไปชมห้องภายในโครงการกันบ้างนะครับ โดยห้องที่จะพาไปชมเป็นห้องขนาด 1 ห้องนอนที่มีการประกาศขายโดยเจ้าของห้องที่เคยอยู่อาศัย และมีการตกแต่งแล้ว จึงอาจไม่ได้เน้นสิ่งที่โครงการให้มากนัก แต่ผมจะถ่ายเน้นภาพรวมๆให้เห็นรูปแบบของห้อง และวัสดที่สำคัญๆเท่านั้นครับ
โถงลิฟท์สำหรับโครงการ จะมี 2 โถงลิฟท์ และโถงละ 2 ตัวครับ ตั้งอยู่ 2 จุดเนื่องจากโครงการเป็นรูปตัวยู หากไว้จุดเดียวกัน จะทำให้ห้องที่อยู่ปลายอาคารต้องเดินไกลมากครับ
โถงลิฟท์จะกั้นด้วยประตูกันไฟ และต้องปิดเปิดได้ครับ
ผังสำหรับชั้นที่พักอาศัยของโครงการ จะเป็นรูปตัว U ครับ โดยห้องขนาดต่างๆ จะแบ่งกันตามสีครับ จำได้ว่ามีหลายขนาดมาก ตอนที่ขายตอนแรก
บริเวณโถงทางเดิน กว้างประมาณ 1.50 เมตร
บริเวณห้องเก็บขยะ ห้องมิเตอร์ไฟ
อย่างที่บอกครับ ทางเดินจะมีขนาดยาวมาก ดังนั้นจึงมีการเว้นช่องแสงบริเวณกลางๆของอาคารเพื่อให้แสงผ่านเข้ามาได้บ้าง ไม่ให้บริเวณทางเดินมืดจนเกินไป
เข้ามาในห้องกันบ้างครับ พื้นภายในห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตครับ
ห้องขนาด 42 ตารางเมตร เป็นแบบ 1 ห้องนอน มีการกั้นส่วนห้องนอนกับห้องนั่งเล่น โดยมีหน้าต่างบานเลื่อน ทำให้ห้องนั่งเล่นได้รับแสงธรรมชาติ และกั้นห้องโดยประตูบานเปิด
นี่เป็นอีกห้อง แต่เป็นแบบเดียวกัน แต่กลับข้างกันครับ
ภายในห้องนอน ก็จะเป็นแบบมาตรฐานครับ ที่วางโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าไว้ปลายเตียง
ส่วนห้องครัว พื้นก็จะปูกระเบื้องดินเผา กั้นด้วยประตูบานเลื่อนสีขาว กระจกฝ้า
ชุดครัวตามมาตรฐาน มีเตา และเครื่องดูดควัน
ภายในห้องครัว
ประตูบานเลื่อนกั้นห้องครัว
หน้าต่างบานเลื่อนสำหรับระบายอากาศจากห้องน้ำ ตามรูปครับ
ออกมาสู่ระเบียง ราวเหล็กทาสีขาว
แขวนเครื่องแอร์ 2 ตัวไว้เหนือประตูบานเลื่อน บริเวณระเบียง
โคมไฟแสงสว่างแบบซาลาเปา เฉพาะส่วนระเบียง
มีตำแหน่งของก๊อกน้ำสำหรับเครื่องซักผ้า และปลั๊กไฟกันน้ำด้วย
ท่อน้ำทิ้งสำหรับเครื่องซักผ้า
หน้าต่างภายในห้องเป็นอลูมีเนียมสีเงิน กระจกเขียวใส
แอร์ภายในห้องติดเหนือหน้าต่างครับ
การกั้นห้องนั่งเล่นกับห้องน้ำ มีการยกธรณีขึ้นมา เพื่อกันน้ำ
ประตูดอริก มือจับลูกบิดธรรมดา
อ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำ เป็นแบบหล่อสำเร็จตามแบบครับ
พื้นเป็นกระเบื้องปูลายตามรูป
กระเบื้องผนัง มีการเล่นลวดลายโมเสก
อ่างอาบน้ำ และชุดฝักบัว
มีพัดลมดูดควันภายในห้องน้ำ
ต่อมาเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 55 ตารางเมตรนะครับ
เข้ามาจะเจอส่วนที่เป็นห้องทานอาหาร และส่วนห้องนั่งเล่น ซึ่งมีหน้าต่าง และระเบียงชมวิว
ด้านซ้ายมือเป็นห้องนอนเล็ก
และห้องนอนใหญ่
ห้องนอนใหญ่สามารถเข้าห้องน้ำได้จากภายในห้อง
ระเบียงจะแขวน ตัวเครื่องแอร์
มีไฟกิ่งตามรูป
ห้องน้ำ ซึ่งสามารถเข้าได้จากห้องทานอาหาร และห้องนอนใหญ่
การวางลายพื้น เหมือนกับห้อง 1 ห้องนอน
พื้นไม้ลามิเนต ดูเหมือนจะคนละสีกับ 1 ห้องนอน
ภายในห้องเป็นไฟดาวน์ไลท์ เหมือนกันทั้งโครงการนะครับ
ห้องครัว
ปิดท้ายกันด้วยภาพวิวจากห้องพักชั้น 4 บริเวณทิศเหนือ ซึ่งเป็นทิศที่ไม่ติดตัวอาคารใกล้เคียงครับ ถนนด้านขวาเป็นถนนด้านหน้าโครงการ ถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าไปถนนจรัลสนิทวงศ์
ส่วนวิวเยื้องไปด้านหลังก็เป็นวิวที่ว่าง และชุมชนบริเวณถนนเทอดไท
ปิดท้ายกันจริงๆ ด้วยภาพถ่ายมุมเงย จากบริเวณโถง Drop Off โครงการครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นครับ ว่าห้องของโครงการขายหมดไปนานแล้ว และปัจจุบันเจ้าของก็ปล่อยห้องค่อนข้างน้อย สำหรับโครงการนี้ราคาเปิดตัวอยู่ที่ประมาณ 4-50,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น ถือว่าถูกมากเทียบกับสาธารณูปโภคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ราคาปัจจุบันเป็นดังนี้
- 1 Bedroom เนื้อที่ 42 ตารางเมตร ราคา 2.4 ล้านบาท หรือ 57,143 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 4 (Fully Furnished)
- 1 Bedroom เนื้อที่ 42 ตารางเมตร ราคา 2.9 ล้านบาท หรือ 69,047 บาทต่อตารางเมตร ชั้น 7 (Fully Furnished)
- 2 Bedroom เนื้อที่ 55 ตารางเมตร ราคา 3.5 ล้านบาท หรือ 63,636 บาทต่อตารางเมตรชั้น 7
ราคาที่นี้เป็นราคาที่เกิดจากความพอใจของเจ้าของห้องที่จะปล่อย และขึ้นอยู่กับรูปแบบการตกแต่งของห้องด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากประเมินคร่าวๆแล้ว ราคามาตรฐานของโครงการ ที่เหมาะสมกับตลาดในปัจจุบัน น่าจะไม่ต่ำกว่า 60,000 บาทต่อตารางเมตร และไม่รวมเฟอร์นิเจอร์นะครับ
เจาะลึกรวบยอด
โครงการ ไลฟ์ บีทีเอสท่าพระ ถือเป็นโครงการของบริษัทพัฒนาโครงการมืออาชีพ ในราคาย่อมเยา ที่เกิดขึ้นโครงการแรกๆ ในย่านนี้ ด้วยความเจริญที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ลูกบ้านได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของโครงการนี้ คือสภาพแวดล้อมและทางเข้าที่แคบ ทำให้โครงการถูกมองข้ามและไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก
ทำเลที่ตั้งของโครงการถือว่าสะดวกสำหรับคนย่านนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ รอบข้างพอประมาณ การเดินทางโดยรถส่วนตัว พอใช้ได้ วิ่งเข้าเมืองด้านสาทรไม่ลำบากนัก ออกนอกเมืองก็ไม่ยากนัก จะดีกว่านี้มากหากรถไฟฟ้าสร้างเสร็จสมบูรณ์ เพราะไม่แค่เพียงคนไม่ใช้รถจะสะดวกขึ้น แต่การคืนพื้นที่ผิวจราจร และมีทางเลือกในการเดินทางดีๆ น่าจะทำให้รถวิ่งได้คล่องตัวขึ้น
การออกแบบของโครงการ ก็เป็นมาตรฐานของโครงการ Economy Class ทั่วไป โดยสังเกตจากวัสดุที่ให้ และรูปแบบของการวางตัวห้อง ที่เน้นห้องขนาดเล็กเป็นหลัก ทำให้สนองความต้องการของตลาด และปิดการขายได้เรียบร้อย ส่วนเรื่องของรูปร่างหน้าตา ถือว่าค่อนข้างธรรมดา ไม่ค่อยตอบโจทย์กับคอนเซปต์โครงการที่วางไว้ว่าเป็น Chic Condo แต่อย่างใด หากเทียบกับโครงการตระกูลไลฟ์ทั้งหมดของ AP แล้ว ถือว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ธรรมดาที่สุด และราคาที่ถูกที่สุดเช่นเดียวกัน
วัสดุอุปกรณ์ที่ให้มา ค่อนข้างตามมาตรฐาน แต่การเลือกซื้อห้องในตอนนี้ จะเป็นการซื้อต่อเจ้าของเดิม ซึ่งบางคนก็แต่งห้องไว้แล้ว บางคนก็ขายห้องแบบเดิมๆ ต้องพิจารณาเป็นห้องๆไปนะครับ เทียบกันค่อนข้างยากล่ะ
สาธารณูปโภคของโครงการ มีให้ตามมาตรฐานเช่นเดียวกัน คือมีสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และซาวน่า สำหรับลูกบ้าน ข้อดีที่เห็นได้ชัดที่สุดคือระบบระเบียบในการจัดการของโครงการ ที่มีการวางไว้อย่างเข้มงวดและเคร่งครัด มีการกั้นส่วนของ บุคคลภายนอก และผู้มาติดต่อไว้ชัดเจน ทำให้มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไปโดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
คะแนนความคุ้มค่าเทียบกับราคาปัจจุบัน 60,000 – 69,000 บาทต่อตารางเมตร 14/09/2012
- ทำเล 8/10 – ติดถนนรัชดา – ท่าพระ ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้ ถึงแม้ว่าสถานีกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง แต่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ ปลายปี 2555 นอกจากนี้ ยังสามารถใช้บริการของรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT ซึ่งเปิดให้บริการแล้วเช่นกัน ตำแหน่งโครงการ สามารถเดินทางได้สะดวก ใกล้ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ได้แก่เดอะมอลล์ ท่าพระ ถือว่าเป็นทำลที่มีศักยภาพในอนาคตอันใกล้
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสะดวก สามารถไปได้หลายเส้นทาง และกลับรถได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ปัญหาของโครงการที่อยู่ฝั่งธนบุรี ได้แก่ สามารถขี้นทางด่วนได้ค่อนข้างลำบาก และต้องข้ามไปฝั่งกรุงเทพ ซึ่งบ่อยครั้งที่ต้องฝ่าการจราจรที่หนาแน่น กว่าจะสามารถขึ้นทางด่วนได้
- ไม่ใช้รถ 8.50/10 – ติดถนนใหญ่เรียกรถ Taxi ได้ง่าย ในอนาคต หากมีสถานีรถไฟฟ้าก็สามารถเดินไปรถไฟฟ้าได้ นอกจากนี้ยังมี BRT เป็นทางเลือกเพิ่มเติมอีกทางหนึ่ง สำหรับลูกบ้านโครงการ
- วัสดุ 6.50/10 – วัสดุ ทั้งในห้องและส่วนกลาง ถือว่าเป็นมาตรฐานของคอนโดเกรดเดียวกัน ในขณะนั้น แต่สำหรับราคาปัจจุบัน ถือว่าค่อนข้างด้อย
- แบบ 7.00/10 – แบบอาคารถูกจำกัดด้วยลักษณะของพื้นที่ จึงต้องวางอาคารในลักษณะดังกล่าว สำหรับแบบห้องถือเป็นแบบมาตรฐาน และตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้ดี ด้วยราคาที่เหมาะสม
- สาธารณูปโภค 7.50/10 – มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ตามมาตรฐานคอนโดทั่วไป
- MAIN CLASS
- 7.70/ 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Life@BTS Thaphra เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตฝั่งธนบุรี และรับได้กับการอยู่คอนโดมือสอง โดยแลกกับราคาที่ยังไม่สูงมาก และอยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ติดถนนใหญ่ และรองรับการเดินทางที่หลากหลายในอนาคต โดยมีงบประมาณในระดับ 2.5 – 4.0 ล้านบาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ