รีวิวฉบับที่ 1418 … Knightsbridge Prime อ่อนนุช คอนโดใหม่ในย่านอ่อนนุชที่มีแหล่งความอุดมสมบูรณ์สูง เป็นคอนโดที่อยู่ติด Big C และใกล้ BTS อ่อนนุช มีระยะเดินประมาณ 630 เมตร ตัวโครงการจัด Facility ให้มาแบบยก Floor ถึง 2 ชั้นที่ชั้น 37 – 38 พร้อมห้องฝ้าเพดานสูง 3 เมตรทั้งหมด
Fact @ 9 September 2017
- ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช (Knightsbridge Prime Onnut)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : วัฒนา
- คอนโด High Rise 47 ชั้น 1 อาคาร 600 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 390 คันคิดเป็น 65% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น n/a%
- ที่ดินประมาณ 2-1-72 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q1 2561
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4 2563
- Studio 22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- 1 Bedroom 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus 31 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- 2 Bedrooms 55 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : n/a
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 020-300-000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.710293, 100.602068
ทำเลในย่านอ่อนนุชเป็นทำเลที่กำลังพัฒนาไปเรื่อยๆ ทำให้มีคอนโดผุดขึ้นมาเยอะมาก จนตอนนี้กลายเป็นชุมชนแนวสูงไปแล้ว และย่านนี้พิเศษตรงที่เป็นแหล่งชุมชน Expat ขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าใครเคยมาอยู่หรือมาเดินแถวนี้จะเห็นชาวต่างชาติเดินกันเพียบ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปดูว่าแถวนี้มันมีอะไรแตกต่างจากย่านอื่นๆบ้าง
ตัวโครงการตั้งอยู่ช่วงต้นถนนอ่อนนุชใกล้กับเส้นสุขุมวิท อยู่เกือบติดกับ Big C เลยครับ ห่างกันประมาณ 20 ม. เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงต้องบอกว่าสะดวกมากๆ สำหรับคนที่ซื้อของบ่อยๆ เพราะไม่ต้องไปวนหาที่จอดรถ หรือเวลารถติดก็ไม่ต้องกังวลเพราะเดินได้ไม่ง้อรถ การเดินทางโดยรถยนต์ถือว่าสะดวกเพราะออกจากโครงการจะเลี้ยวซ้ายไปสุขุมวิท หรือจะเลี้ยวขวาไปศรีนครินทร์ก็ได้
โครงการนี้ยังเหมาะกับคนที่ใช้ทางด่วนด้วย เพราะมีทางด่วนอยู่ใกล้ๆถึง 2 สายทั้งทางด่วนเฉลิมมหานครและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ สำหรับสายเฉลิมมหานครมีด่านในเลือกใช้ 2 จุดคือตรงสุขุมวิท 62 และตรงทางเรือคลองเตย ส่วนทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ให้วิ่งผ่านเข้า T77 ไปออกด้านด้านหลังจะสะดวกสุดแต่เสียค่าผ่านทาง 20 บาทนะ
ส่วนการเดินไป BTS อ่อนนุชถึงแม้ว่าจะมีระยะเดิน 630 เมตร แต่ถือว่าสะดวกมากเพราะสามารถเดินเข้า Big C ไปทะลุซอยด้านหลังออกถนนสุขุมวิทได้ และซอยนี้ไม่เปลี่ยวด้วยคนใช้เดินกันเยอะมากๆ ยิ่งตอนเช้ากับตอนเย็นทั้งซอยจะมีของกินขายเพียบเอาไว้ซื้อก่อนไปทำงานหรือเวลาซื้อกลับไปกินที่บ้านก็ได้
ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลยเพราะมี Community Mall หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Habito Mall, Phyll และ Century Movie Plaza ที่กำลังก่อสร้างอยู่ และเลยไปอีกสถานีจะมี Summer Hill ที่จะเปิดปลายปีนี้ ส่วนห้างแนว Hyper Market มีทั้ง Tesco Lotus ที่อยู่ติดกับ BTS อ่อนนุช และ Big C ที่ติดกับโครงการเลย
สถานที่สำคัญอีกอย่างที่ทำให้ชาวต่างชาติมาอยู่แถวนี้กันเยอะก็คือ โรงเรียนต่างชาติครับในละแวกนี้มีโรงเรียนต่างชาติหลายแห่งอยู่ไม่ไกลเดินทางได้สะดวก เช่น โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep หรือ Saint Andrew
สิ่งนึงที่ยืนยันได้ว่าแถวนี้เป็นเริ่มมีการพัฒนามากเรื่อยๆ ก็คือการที่มีโครงการคอนโดมิเนียมมาเปิดอยู่เรื่อยๆ แถมทำเลในที่มาเปิดก็กระจุกตัวอยู่แถว BTS อ่อนนุช ถ้าลองนับดูจากระยะการเดินทางมา BTS อ่อนนุช ประมาณ 1 กม.รอบๆสถานีจะมีคอนโดอยู่เยอะมาก มีทั้งแบบ High Rise และ Low Rise
เอารูป Summer Hill มาให้ดูครับ อยู่ตรง BTS พระโขนงที่กำลังจะเปิดปลายปีนี้ ตอนนี้ขึ้นโฆษณาว่าจะมี Starbucks Coffee มาเปิดแล้วนะ
วันนี้ผมจะเดินไปโครงการนะครับ จะได้เห็นว่าบริเวณนี้และรอบๆสถานีมีการพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ทางออกที่ใช้จะเป็นทางออก 1
แต่ก่อนลงสถานีถ่ายมาให้ดูว่าในรูปที่เห็นยืนรอแลกเหรียญกับที่ตู้ซื้อบัตรนี่เป็นชาวต่างชาติหมดเลยนะครับ
ภายในสถานีจะมี SuperRich ไว้แลกเงิน ตั้งอยู่ภายในสถานีเลย อย่างที่บอกไปนะครับว่าย่านนี้ Expat (ชาวต่างชาติที่มาอยู่ในไทย) เยอะจริงๆ
บนสถานีนี้จะมีร้านขายของกินแบบนี้ ทั้ง อาหาร ทั้งขนม และเครื่องดื่ม มีครบหมด
ฝั่งตรงข้ามทางเดินไปโครงการ จะเป็น Tesco Lotus ที่มีทางเชื่อมกับ BTS เลย
Century Movie Plaza ตอนนี้สร้างไปได้เยอะแล้วเหมือนกัน ถ่ายรูปมา Update ให้ดูกันครับ
สร้างเสร็จหน้าตาจะเป็นแบบนี้ ซึ่งห้างนี้จะเป็นตัวเพิ่มความหลากหลายในการช็อปปิ้งให้กับย่านนี้เพิ่มขึ้นอีก ที่นี้ถ้าจะดูหนังไม่ต้องไปไกลถึง Major ตรงเอกมัยแล้ว
สำหรับทางขึ้นสถานี BTS จะเป็นบันไดเลื่อน ด้านที่เดินมาจากทางโครงการนะครับ
ภาพคนเดินมาสถานี BTS อ่อนนุช พร้อมทั้งกระเป๋าเดินทางดูจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคนแถวนี้ไปซะแล้ว
เดินมาเรื่อยๆ ผ่านปากซอย สุขุมวิท 79 จะเห็น 7 Eleven ที่เป็นสาขาขนาดใหญ่
ด้านในมีอาหารพร้อมทานขายเยอะเป็นพิเศษ
และยังมีโซนขายกาแฟกับขนมปังเพิ่มมาด้วย ด้านซ้ายมือจะเป็นที่นั่งอยู่ฝั่งหน้าร้านเอาไว้ให้นั่งทานอาหารได้เลย จริงๆมีมุมขายมือถืออยู่อีกฝั่งด้วยเอาไว้รองรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะครับ
เดินต่อมานิดเดียวจะเจอซอย สุขุมวิท 77/1 ซอยนี้แหละครับที่เป็นแหล่งของกินอร่อยๆ ในราคาย่อมเยา
ตอนเช้าจะมีคนขายของพอสมควร แต่ช่วงกลางวันจะเริ่มลดลงไปบ้าง ส่วนช่วงเย็นๆถึงหัวค่ำจะคึกคักกว่านี้เยอะ เพราะคนกลับจากทำงานแล้วแวะซื้อของกินกัน
เดินเข้ามาจนสุดซอยจะเป็นทางเข้าด้านหลังห้าง Big C ซึ่งพอสามทุ่มทางห้างเค้าจะปิดประตูให้เหลือเฉพาะคนเดินผ่านได้ครับ ดึกๆ สี่ทุ่มก็ยังมีคนเดินเข้าอยู่นะ ไม่ได้เปลี่ยวมากนัก
เดินเข้ามาในพื้นที่ของห้างแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อนนะครับ เพราะมีหลังตรงทางเดินด้านข้างแบบนี้มาให้
ให้เราเดินมาจนทะลุหน้าห้างแล้วเดินผ่านหน้าห้างต่อไป
เดินมาจนถึงทางออกด้านในเส้นอ่อนนุช ตัวโครงการอยู่ด้านหลังตึกแถวขาวมือนี้ครับ
เดินเลยอาคารพาณิชย์มาจะเห็นสำนักงานขายตั้งอยู่ด้านขวามือ ตัวสำนักงานขายทำมาแปลกดีครับ มีแผ่นเสาสีแดงเข้มวางสลับๆ กัน คาดว่าตอนกลางคืนน่าจะสวยเพราะมีการเล่นกับแสงไฟที่ด้านหน้า ไว้มีโอกาสจะถ่ายมาให้ดูนะครับ
รอบๆโครงการนั้นไม่ได้มีตึกสูงบังในระยะประชิดนะครับ แต่จะมี อยู่ 2 ฝั่งที่มีคอนโดบังวิวอยู่ในระยะไกล ซึ่งห้องพักส่วนใหญ่ของที่นี่จะเน้นวิวฝั่งทางทิศตะวันออกเฉียเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ โดยทิศที่โล่งสุดคือฝั่ง Big C แต่อีกฝั่งจะเห็น คอนโด U Delight แต่ก็มีระยะห่างพอสมควรไม่ได้ประชิดจนรู้สึกอึดอัด
เนื่องจากตึกนี้ถ้าสร้างเสร็จจะสูงที่สุดบนถนนอ่อนนุช ทางโครงการจึงถ่ายรูปวิวจริงแบบ 360 องศาจาก Site ที่ดินมาให้ดูครับ ที่เห็นรูปมันโค้งๆ แปลกๆ เพราะรูปนี้เค้าเอาไว้ดูแบบ 360 องศาพอนำมากางออกเป็น 4 เลยเป็นแบบนี้ถ้าใครสงสัยแนะนำให้ไปดูที่โครงการเลยครับ จะมีจอแสดงวิวที่เราสามารถเลื่อนดูได้ทุกทิศ
ส่วนรูปนี้เป็นตอนกลางคืน ฝั่ง Big C จะได้วิวโล่งๆ และดูมีแสงสีแบบ City View มากกว่าฝั่งด้านในอ่อนนุช
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ใกล้ห้าง และ แหล่ง Shopping
- 20 M. Big C อ่อนนุช
- 300 M. Habito Mall
- 500 M. Century Movie Plaza
- 1 KM. Lotus อ่อนนุช
- 1.5 KM The Phyll สุขุมวิท 54
- 2 KM. Summer Hill พระโขนง (Community Mall)
- 3 KM. Gateway เอกมัย
- 4 KM. Major เอกมัย
- 7 KM. Emquatier & Emporium
- 2 KM. โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep
- 3 KM. โรงเรียนนานาชาติ Saint Andrew
- 3 KM. มหาลัยกรุงเทพ
- 2.5 KM. โรงพยาบาล กล้วยน้ำไท
- 4 KM. โรงพยาบาล สุขุมวิท
โครงการ Knightsbridge Prime อ่อนนุช ถือเป็นคอนโดที่สูงที่สุดบนถนนอ่อนนุชเพราะมีความสูง 47 ชั้น และห้องพักทุกชั้นยังมีฝ้าเพดานสูงถึง 3 ม. ถ้าสร้างเสร็จจะเป็นอีกหนึ่งอาคารที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ใครเลย
เรามาดูการวางฟังก์ชันของอาคารกันแบบคร่าวๆกันนะครับ ตัวอาคารสูง 47 ชั้นก็จริงแต่พื้นที่พักอาศัยกลับเริ่มต้นที่ชั้น 16 ซึ่งถือว่าสูงกว่าคอนโดปกติทั่วๆไปนะ ความสูงระดับนี้พ้นตึก Low Rise ทั่วๆไปด้วย ส่วน Facility หลักแม้จะไม่ได้อยู่ชั้นบนสุด แต่ก็ถือว่าสูงกว่า Roof Top ของหลายๆตึกในแถวนั้น เพราะอยู่ที่ชั้น 37 – 38
ทางเข้าโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือทางเข้าของรถยนต์และทางเท้า
ด้านหน้าของโครงการนี้จะมีสวนเล่นระดับมาให้ค่อนข้างเยอะ ทำให้คนที่ใช้รถไฟฟ้าเดินกลับมาโครงการก็รู้สึกสดชื่นจากบรรยากาศพื้นที่สีเขียวได้
ทางเดินรถของที่นี่จะไม่สามารถวนได้รอบอาคารนะครับ เพราะเป็นระบบ Auto Parking ซึ่งผมจะอธิบายการเดินในผังอาคารนะครับ
ชั้น Facility หลักของโครงการอยู่ที่ชั้น 37 และ 38 ถือว่าสูงกว่าตึกอื่นๆอยู่แล้ว แถมเป็นชั้น 37 ที่สูงกว่าชั้น 37 ทั่วๆไปเพราะแต่ละชั้นเป็นห้องฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
Facility ของที่นี่ให้มาแบบยก Floor ถึง 2 ชั้น โดยแบ่งฟังก์ชันที่มีกิจกรรมเยอะๆ ไว้ที่ชั้นล่างและกิจกรรมแนวผ่อนคลายไว้ด้านบน
รูปนี้เป็นภาพบรรยากาศจำลองของ Lobby บริเวณโถงทางเข้า มาในโทนแนวเข้มตัดกับความเงาของโลหะ
ภาพบรรยากาศจำลองในส่วนของพื้นที่ Lobby อีกมุมครับ
ตรงนี้คือพื้นที่ของชั้น 37 ที่เป็น Sky Co-Working Space และ Executive Meeting Room ที่ได้ Double Space ด้วยวิวดีแน่นอนครับ
ภาพบรรยากาศจำลองพื้นที่ส่วน Sky Irish Social Club พื้นที่ตรงนี้จะมีเคาน์เตอร์บาร์ ที่เราสามารถนำเครื่องดื่มมานั่งพักผ่อนตรงนี้ได้
นอกจากเคาน์เตอร์บาร์แล้ว ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวจะมีห้อง Lounge แยกมาให้อีกห้อง
หรือถ้าอยากจัด Private Party โครงการนี้ก็มีพื้นที่เตรียมเอาไว้พร้อม ลูกบ้านสามารถจองเวลากับนิติบุคคลได้ว่าอยากจะจัดวันไหนเวลาไหน ไม่ต้องไปจองร้านอาหารด้านนอกให้เปลืองค่าใช้จ่ายเลยครับ
มาดูผังโครงการกันต่อนะครับ แนวที่ดินของโครงการจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามปกติ บริเวณทางเข้าโครงการจะมีสวนเล่นระดับมาให้เพราะโครงการนี้เดินมาจารถไฟฟ้าได้ น่าจะมีลูกบ้านใช้เดินผ่านกันเยอะเลยทำมาค่อนข้างดี และที่ผมชอบคือทางเดินไปยัง Lobby ไม่ตัดกับทางเดินหลักของรถยนต์ จะได้ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องรถมากนักเวลาข้ามถนน ส่วนพื้นที่ Drop-off นั้นจะมีหลังคลุมมาให้ด้วย
พื้นที่ส่วนของ Lobby จะอยู่ตรงกลางของอาคาร โดยมีห้อง Meeting Room มาให้ ลองสังเกตดูตรงหน้า Lift Hall (โถงลิฟต์) จะมีเก้าอี้โซฟาเตรียมมาให้หลายชุด ตรงนี้คือพื้นที่สำหรับนั่งรอรถจากระบบ Auto Parking ในส่วนด้านหลังสุดที่เป็นสีเทาๆจะเป็นพื้นที่ของงานระบบทั้งหมดครับ
ผังที่พักอาศัยของที่นี่เริ่มที่ชั้น 16 ซึ่งสูงกว่าคอนโด Low Rise ทั่วๆไปด้วยไม่โดนบังวิวแน่นอน ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะการใช้ระบบ Auto Parking เพื่อรองรับการจอดที่ 65% ชั้นพักอาศัยเลยเริ่มสูงกว่าคอนโดทั่วๆ ไป
ตัวตึกของที่นี่จะเป็น I ปกติ และไม่ได้มีความลึกมาก ทำให้ห้องที่อยู่ปลายตึกแต่ละด้านไม่ต้องเดินไกลจากลิฟต์ ส่วนจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 23 ห้องเพราะซอยเป็นห้องขนาดเล็ก ห้องมุมทั้งหมดจะเป็นแบบ 1 Bedroom Plus โครงการนี้ให้ลิฟต์โดยสารมา 4 ตัวและลิฟต์ขนของอีก 1 ตัว ทำให้อัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 150 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัว ถือว่ากำลังดีนะครับ
ผังชั้น 17-36 จะเหมือนกันทั้งหมดโดยการแบ่งห้องยังคงเน้นเป็นห้องแบบ Studio และ 1 Bedroom อยู่ โดยมีจำนวนเฉลี่ยเท่าๆกัน ใครที่ชอบแดดเช้าให้เลือกห้องด้านเดียวกับลิฟต์นะครับจะไม่ร้อนมาก ส่วนใครชอบวิวโล่งๆเลือกฝั่งเดียวกับ Big C เลยครับได้วิวโล่งที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีโครงการอะไรมาขึ้นบังวิวอีก เพราะ Big C คงอยู่กับเราไปอีกนานครับ
ชั้นที่ 37 จะเป็นชั้น Facility หลักของโครงการแบบยกชั้น มีพื้นที่บางส่วนเป็นแบบ Double Space ด้วยจะอธิบายชื่อของฟังก์ชันหลักๆ นะครับ สระว่ายน้ำของที่นี่มีขนาด 14.5 x 20 ลึก 1.2 และแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ Lap Pool ส่วนออกกำลังกาย และ ส่วน Pool Bar กับ Pool Spa ที่เตรียมเอาไว้ให้สำหรับคนที่ชอบมาว่ายน้ำเล่น ข้างๆ สระว่ายน้ำจะมีพื้นที่ Sky Pool Garden เอาไว้ให้ผู้ปกครองมานั่งรอลูกหลานเล่นน้ำโดยยังอยู่ในสายตาได้ครับ
ส่วน Facility อื่นๆ ในชั้นนี้จะมีห้อง Steam แยกชาย หญิง มีห้อง Sky Co-Working Space และ Executive Meeting Room เชื่อมกันอยู่เป็นแบบหน้ากว้าง และด้านในสุดของอาคารเป็นพื้นที่ Fitness ขนาด 100 กว่าตร.ม.
ชั้น 38 ยังคงเป็น Facility หลักอยู่โดยพื้นที่ถูกออกแบบให้มีฟังก์ชันแตกต่างจากชั้นล่าง จะเน้นเป็นการพักผ่อนมากกว่าออกกำลังกายอย่างจริงจัง ห้องนี้จะเป็น Sky Irish Social Club และ Sky Co-Culinary Space ที่เป็นห้องอาหารเอาไว้จัด Private Party ได้
ชั้น 39 – 46 จะเป็นยูนิตพักอาศัยชุดบนที่อยู่สูงกว่าชั้น Facility หลักของโครงการ ได้วิวดีกว่า มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่ก็มีราคาสูงกว่าชั้นล่างๆ ตามปกติ สำหรับ 2 ห้องนอนจะเริ่มที่ชั้น 39 ขึ้นไป ซึ่งชั้นนี้จะมีจำนวนยูนิตเหลือแค่ 13 ห้องเพราะเป็นระยะร่นของอาคาร
ผังอาคารชั้น 47 จะเหมือนกับชั้น 46 การออกแบบผังอาคารของที่นี่มีรายละเอียดอยู่นะครับ ลองดูตรงห้องรวมขยะของที่นี้จะหันประตูไปทางโถงลิฟต์ เพื่อให้ห้องพักบริเวณนั้นมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ชั้นบนสุดของโครงการนี้จัดเป็น สวนเล่นระดับเพื่อชมวิวรอบๆได้อีก ไหนๆก็จะทำสูงซะขนาดนี้ก็ใช้ความสูงให้คุ้มค่าที่สุดเลยครับ ไม่เชื่อลองดูด้านซ้ายมือของผังจะเห็นพื้นที่ที่เขียนว่า Bangkok Skyscraper Deck ที่เป็นจุดชมวิวแบบมีพื้นเป็นกระจกด้วยยยย ใครกลังความสูงอย่าไปยืนตรงนั้นนะครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- GROUND FL.
- Trail Running Track
- Secret Garden
- Grand Lobby
- Hotel Service
- Business Lounge
- EV Car Charger Station
- Horizon Edge Pool
- The Dusk Relax Pool & Pool Spa
- The Dawn Pool Bar
- Sky Pool Garden
- Steam Room
- Dynamic Fitness
- Boxing Gym
- Sky Co-Working Space
- Executive Meeting Room
- Sky Irish Social Club
- Sky Co-Culinary Space
- Bangkok Skyscaper Deck
- Skyline Chillax Space
- Sky Lounge & Garden
สำหรับห้องของที่นี่เรามีให้ดู 3 แบบนะครับ คือห้อง Studio 22 ตร.ม., 1 Bedroom 26 ตร.ม., 1 Bedroom Plus 31 ตร.ม. ซึ่งตัวห้องจะเหมือนกับโครงการ Knightsbridge Prime รัชโยธิน และให้ของเหมือนกันหมดเลย ดังนั้นผมจะทำเป็น Gallery แต่ละห้องให้ดูแทนเพราะต่างกันแค่พวกของตกแต่ง
Studio 22 ตร.ม.
ห้อง Studio ขนาด 22 ตร.ม.
1 Bedroom 26 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom Plus 26 ตร.ม.
1 Bedroom Plus 31 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom Plus 31 ตร.ม.
สำหรับรายละเอียดในการวิเคราะห์ผังห้องผมขอนำบทความจาก Knightsbridge Prime รัชโยธินมาให้อ่านนะครับ เพราะห้อง Origin เค้าออกแบบมาใช้กับ Knightsbridge ทั้ง 4 โครงการคือ
- Knightsbridge Prime รัชโยธิน
- Knightsbridge Prime อ่อนนุช
- Knightsbridge Collage รามคำแหง
- Knightsbridge Kaset Society
วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบ คือห้อง Type B1 เป็นสตูดิโอแบบ 22 ตร.ม. และห้อง Type BP1 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus 31 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบห้องที่เป็นยูนิตส่วนใหญ่ของโครงการ โดยโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่จัดไว้ จึงแค่ให้ดูเป็นตัวอย่างการจัดวางเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ให้ทั้งหมด ส่วนเฟอร์นิเจอร์และวัสดุอุปกรณ์ที่จะได้เหมือนแบบในห้องตัวอย่างคือ Pantry ครัว, ตู้เสื้อผ้า และ วัสดุภายในห้องน้ำค่ะ
ห้องแบบ Studio ขนาด 22 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง (ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมาประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ แต่ถ้าให้เลือกเราก็เลือกการวางแปลนแบบนี้นะ เพราะเราไม่ได้เน้นทำครัวเยอะ ส่วนใหญ่ก็ใช้พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลัก จึงอยากให้แสงเข้าห้องมายังพื้นที่นั่งเล่นมากกว่า อย่างไรก็ตามแบบห้องจะเหมาะหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่นะคะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางฝั่งซ้าย ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปเป็นโซนพักผ่อนทั้งนอนและนั่งเล่นที่รวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน
มาดูรายละเอียดส่วนของเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งแรก ขนาดเคาน์เตอร์พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ Studio เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีชุดครัวที่เว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าไว้ให้ โดยพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ จะไม่ได้ให้มานะคะ
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft clos ส่วนของในห้องที่ได้ ถ้าใครอยากได้สเปกดีกว่านี้ก็ยังสามารถมาตกแต่งเพิ่มกันได้
มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 3 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่งไว้ให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลังจะไม่ได้ให้มาแบบห้องตัวอย่างเลยนะคะ ถ้าติดเพิ่มสักหน่อยเวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำตามมาตรฐานโครงการ มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Hafele จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน ซึ่งจะระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าแบบดูดออกภายนอกนะคะ
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัว รวมถึงมีตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ พร้อมที่ตากจานด้วยค่ะ
สำหรับห้องครัวของห้อง Type นี้จะได้มาเป็นครัวปิดด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้าง จึงดูไม่อึดอัด
ขอบประตูบานเลื่อนจะถูกฝังลงไปกับพื้นห้อง ทำให้ไม่สะดุดเวลาเดินเข้า – ออก นะคะ
ฝั่งตรงข้ามชุดครัวเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำแบบ Oversize ที่มีความสูงมากกว่าปกติ โดยสูงประมาณ 2.35 ม.
ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง ในส่วนของสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่กว้างเกือบเต็มผนัง ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่ง
ภายในแบ่งพื้นที่ 2 ส่วนด้วยขอบธรณีกั้น เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน
อ่างล้างหน้าของ Cotto หรือเทียบเท่า มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย ด้านล่างอ่างล้างมือมีช่องโล่งสำหรับวางของได้อีกเล็กน้อย ถือว่ายังให้มาไม่สมกับราคาเท่าไหร่นะ
โถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวของยี่ห้อ Cotto หรือเทียบเท่า พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ
ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้งค่ะ
ด้านหลังมือจับจะติด Door Stopper ไว้ให้กันกระแทก ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดพลาสติกกันกระแทกตรงขอบประตูกระจก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1 x 0.8 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่น
ภายในพื้นที่อาบน้ำจะมีพื้นที่เล็กๆ ขนาดประมาณ 0.4 x 0.3 ม. เผื่อไว้ให้ตกแต่งเป็นชั้นวางของเพิ่มเติมได้ค่ะ
ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำไว้เรียบร้อย โดยจะได้ทั้งฝักบัวและ Rain Shower
หน้าตาของฝักบัวที่ได้รับ มีขนาดจับได้ถนัดมือดี
ด้านบนที่เห็นเป็นฝ้าซ่อนไฟห้องจริงที่ส่งมอบจะไม่มีให้นะคะ เป็นฝ้าเรียบๆ ธรรมดา
ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง มีจุดเด่นอยู่ที่ฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม. ซึ่งห้อง Studio แบบนี้ก็เหมาะจะอยู่คนเดียวมากกว่า และไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะไม่มีแยกโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่นออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะ พื้นที่ตรงนี้มีข้อดีที่จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากทางกระจกด้านในเต็มๆ ซึ่งจะเป็นส่วนที่โปร่งโล่ง น่าอยู่ ที่สุดในห้อง
ห้องตัวอย่างจัดโซนนั่งเล่นด้วยโซฟาตัวยาวแบบ 2-3 ที่นั่งและชั้นดูทีวีไว้ อย่างที่บอกไปว่าโครงการขายแบบ Fully Fitted ทำให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้องนี่เราจะต้องหามาเพิ่มเอง ในห้องนี้จะได้เฉพาะชั้นวางทีวี Built-in เหมือนในห้องตัวอย่างค่ะ
ระยะดูทีวีในห้องนั่งเล่นอยู่ที่ประมาณราวๆ 2.9 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 60 นิ้วค่ะ
มาดูชั้นวางทีวีกันจะได้ Built-in เป็นตู้ยาวเป็นชิ้นเดียวกับโต๊ะเครื่องแป้งด้วยหรือจะใช้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือก็ได้ วัสดุเป็นตู้ไม้ลามิเนตเช่นเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว ลายไม้เก็บขอบด้วยสีทองตามแบบในห้องตัวอย่าง
ชั้นวางทีวีที่ได้ภายในจะแบ่งเป็นช่องใส่ของไว้หลายช่อง มีทั้งที่เป็นบานปิดและแบบตู้ช่องโล่ง
โต๊ะเครื่องแป้งที่ได้จะมีลิ้นชักมาให้ด้วย ที่จะไม่ได้คือเก้าอี้สตูลอย่างเดียว
ตืดกันกับโต๊ะเครื่องแป้งเป็นตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการจะ Built-in ไว้ให้ สูงเกือบถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้สามารถใช้พื้นที่ของห้องได้เต็มความสูง ตัวตู้เป็นแบบบานเปิด มีบางตู้ที่ได้เป็นบานกระจกให้สามารถส่องได้แบบเต็มตัว ภายในตู้จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อทั้งตัวยาวตัวสั้น ด้านบนแบ่งเป็นชั้นวางของไว้เก็บพวกเครื่องนอนหรือของใช้ที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยๆ
ถัดเข้ามาด้านในเป็นตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอน ซึ่งทางโครงการไม่ได้ให้เตียงมา เจ้าของห้องจะเลือกขนาด 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต ก็มีพื้นที่ให้วางได้ทั้งคู่ และยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ
ถัดเข้ามายังพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่างจะมีมุมพื้นที่ใช้สอยเล็กๆ ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้โซฟามานะคะเป็นพื้นที่โล่งๆ จึงสามารถปรับเป็นมุมโต๊ะทำงานหรืออ่านหนังสือก็ได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ
มุมโซฟาก็จะได้ติดกับหน้าต่างแบบนี้เลยนะคะ เป็นหน้าต่างบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถชมวิวได้จากมุมนี้และยังเปิดหน้าต่างระบายอากาศภายในห้องได้ด้วย
ถัดมายังพื้นที่ใช้สอยส่วนสุดท้ายในห้องคือส่วนของระเบียง ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ตัวเฟรมวงกบเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานเป็นกระจกตัดแสง จึงรับแสงธรรมชาติได้และยังช่วยกันความร้อนเข้ามาในห้อง
ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตูแบบทั่วไป
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบผิวด้านกันลื่น ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีขนาด 1.2 x 0.6 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก หรือตั้งต้นไม้กระถางได้
Condensing Unit จะแขวนอยู่ด้านบนและปล่อยลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง จึงสามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่
ห้องตัวอย่างอีกห้องหนึ่งเป็นแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 31 ตร.ม. คือเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องเอนกประสงค์ มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นมาจากห้องแรก แต่ห้องนี้จะไม่ได้ครัวปิดเหมือนแบบที่แล้วจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ชอบทำครัวหนักๆ แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาอีก 1 ห้อง ซึ่งสามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็ก, ห้องทำงานหรือห้องแต่งตัว ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ
ส่วนแรกจากทางเข้าคือห้องนั่งเล่น ซึ่งห้องนี้จะมีความกว้างที่มากกว่าห้องแรก ทำให้บรรยากาศดูโล่งขึ้น ส่วนด้านในเป็นประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอน พื้นห้องได้ลามิเนต 12 มม. ผนังฉาบเรียบทาสีขาวเช่นเดียวกับห้องแรก สำหรับเฟอร์นิเจอร์ได้แบบ Fully Fitted จะได้ชิ้นไหนบ้าง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆ ไปนะคะ
ในส่วนของห้องนั่งเล่นมีพื้นที่วางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมชั้นวางทีวีที่ได้มาเป็นแบบตู้ลอย ซึ่งทางโครงการจะ Built-in มาให้เฉพาะตู้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอย่างโซฟาจะไม่ได้ให้มาด้วย ทางเจ้าของห้องก็สามารถเลือกเก้าอี้แบบที่ชอบได้เลย
ระยะดูทีวีของห้องนี้มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร จึงสามารถติดทีวีที่มีขนาดใหญ่ได้ถึง 55 นิ้วเลย
หน้าตาของตู้ Built-in ที่ได้จะเป็นเซตชั้นวางทีวีกับตู้ใส่รองเท้า วัสดุเป็นตู้ไม้ลามิเนตตกแต่งด้วยขอบสีทองเหมือนกับตู้ในห้องแบบแรก
ภายในตู้แบ่งเป็นชั้นย่อยๆ สำหรับเก็บของใช้และเป็นชั้นวางรองเท้า
เข้ามาด้านในของห้องข้างตำแหน่งโซฟา จะมีตู้ Built-in อีกฝั่งหนึ่งซึ่งเว้นพื้นที่ไว้วางตู้เย็นขนาด 7.7 คิว จะวางได้พอดีตามห้องตัวอย่าง หรือถ้าอยากซื้อขนาดใหญ่กว่านี้ก็ต้องดูพื้นที่ด้วยนะคะ
ฟังก์ชันของตู้ Built-in มุมนี้เป็นบานพับ สามารถดึงขึ้นมาเป็นโต๊ะสำหรับใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารหรือทานอาหารได้ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอย แต่เสียดายอยู่หน่อยที่นั่งฝั่งเดียวกับตู้เย็นไม่สะดวก ทำให้ใช้งานโต๊ะได้ไม่เต็มที่
ผ่านห้องนั่งเล่นเข้ามาด้านในมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งกั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ
เนื่องจากประตูห้องนอนเป็นแบบ 3 ตอน พอเปิดจนสุดแล้วก็ค่อนข้างกว้างทีเดียวทำให้เดินผ่านได้สบาย
รางประตูบานเลื่อนจะถูกฝังลงไปกับพื้นห้อง ทำให้พื้นที่เชื่อมต่อกันไม่ต้องกลัวสะดุด
ภายในห้องนอนจัดวางเตียงขนาดใหญ่ไว้ชิดหน้าต่าง ทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งสำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้า ส่วนช่องแสงภายในห้องเหมือนห้องที่แล้วเป๊ะ คือเป็นแบบบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง สำหรับรับลมและระบายอากาศได้ แต่น่าเสียดายที่น่าจะได้หน้าต่างบานใหญ่พิเศษให้เข้ากับความสูงฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม.
ปลายเตียงเหลือพื้นที่ไม่มากนัก แค่พอสำหรับเดินผ่าน สำหรับใครที่อยากจะติดทีวีก็ให้เลือกติดแบบแขวนผนัง ซึ่งทางโครงการก็จะมีการเดินปลั๊กไฟไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วย
ตู้เสื้อผ้าที่ได้มาจะเป็นตู้ Built-in สูงถึงฝ้าเพดานเหมือนกับห้องแรกที่พาไปชมเลย ภายในก็เหมือนๆ กัน
พื้นที่สำหรับยืนเลือกเสื้อผ้าด้านข้างเตียงกว้างยาวประมาณ 1.3 x 1.8 ม. ให้สามารถยืนแต่งตัวได้สบายๆ
มาดูพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง เป็นโซนของพื้นที่ครัวแบบเปิดโล่งและจะได้เคาน์เตอร์ครัวตามแบบในห้องตัวอย่างนี้เลย ห้องทางขวาเป็นห้องอเนกประสงค์ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวของห้อง Type นี้ จัดมาให้ได้ฟังก์ชันครบเหมือนแบบในห้องแรกแต่ขนาดจะลดลงเหลือ 2 ตู้ แบ่งเป็นตู้บานเปิด ลิ้นชักใส่ช้อนส้อม และตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ ส่วนพื้นที่เตรียมอาหารจะแยกไปอยู่อีกเคาน์เตอร์หนึ่งที่ข้างโซฟา ทำให้พื้นที่ใช้สอยส่วนครัวจะใช้งานยากกว่าแบบแรก
บนเคาน์เตอร์ครัวให้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จะได้สเปคเดียวกับห้องแบบแรก ทั้งเตาไฟฟ้า ที่ดูดควันและซิงค์ล้างจาน
ส่วนตู้ลอยด้านบนเป็นตู้บานปิดมาพร้อมกับที่ตากจานเหมือนในห้องแบบแรกค่ะ
มาต่อกันที่ห้องน้ำที่อยู่ข้างๆ ภายในจัดเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรก
ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง และติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้เรียบร้อย หลักๆ จะได้ยี่ห้อ Cotto
พื้นที่ส่วนเปียกแห้งถูกแบ่งด้วยขอบธรณีกั้น เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาจากห้องแรกหน่อยประมาณ 1.2 x 0.8 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่นเช่นกัน
มาดูที่สุดท้ายเป็นห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ ประตูจะได้เป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน อีกเช่นกัน
ภายในมีพื้นที่ให้สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็กๆ ได้ หรือจะจัดเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย ห้องนี้จะได้เป็นห้องโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์นะคะ
พื้นที่ในห้องนี้มีขนาดประมาณ 1.75 x 2.15 ม. พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 12 มม. เช่นเดียวกับพื้นที่ส่วนกลาง
ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน สำหรับเปิดออกไปยังระเบียงด้านนอก
โดยพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1 x 1.75 ม. จึงมีพื้นที่พอให้วางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ช่วยกันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องทั่วไปค่ะ
ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์ 3 ตัว แบบแขวนผนัง โดย Compressor จะเป่าลมร้อนเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆ ต้องรอดูว่าจะมี Grill ปรับทิศทางลมร้อนมาให้ไหม
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 September 2017
- Studio 22.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท หรือประมาณ 120,000 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom 27 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท หรือประมาณ 144,000 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- ค่ากองทุน 550 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลโครงการ Knightsbridge Prime อ่อนนุช ถือว่าเป็นทำเลที่ดีนะครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ติดถนนใหญ่สุขุมวิท แต่ก็อยู่ห่างจากปากซอยมาไม่ไกล และอยู่ติด Big C ด้วย เดินไม่กี่ก้าวก็ถึง ทำเลอ่อนนุชเป็นทำเลที่มีความคึกคักเกือบตลอดวัน เพราะมีแหล่งชุมชนอยู่ในถนนอ่อนนุชยาวๆไป ทำให้คนมาต่อรถที่ถนนนี้เยอะ และตอนนี้กลายเป็นชุมชน Expat ขนาดใหญ่มี Super Rich ให้แลกเงิน ข้าวของต่างๆใน Lotus Big C ก็จะมีของนำเข้ามากกว่าปกติเพื่อรองรับชาวต่างชาติ
ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการมีสูงมากในระยะเดินได้ เพราะมีคอนโดมาผุดขึ้นเยอะจนกลายเป็นชุมชนไปแล้ว ความหลากหลายของอาหารก็มีให้เลือกเยอะอยู่นะ มีร้านอาหารแบบกินง่ายอยู่ในซอยหลัง Big C ซึ่งบางร้านจะอยู่ในตึกแถวมีที่ให้นั่งกินได้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่เอาไว้ซื้อกลับไปกินที่บ้าน
แต่ถ้าจะกินดีขึ้นมาหน่อยจะมีร้านใน Big C และ Tesco Lotus หรือจะเป็น Community Mall ต่างๆ ไล่ไปตั้งแต่ Habito Mall ใน T77 มี Phyll ตรงซอย สุขุมวิท 54 ส่วนในอนาคตที่จะเปิดมี Century Movie Plaza อยู่ตรง BTS อ่อนนุช และ ตรง BTS พระโขนงมี Summer Hill เปิดให้บริการปลายปีนี้
การเดินทางโดยใช้รถถือว่าเดินทางได้สะดวก ถึงแม้จะมีระยะเดินไป BTS อ่อนนุช ประมาณ 630 เมตร แต่เดินได้ง่ายเพราะมีซอยลัดด้านหลัง Big C ที่มีคนเดินผ่านเกือบตลอดเวลา ระหว่างทางเดินก็มีของกินขายตลอดทาง หรือถ้าจะใช้บริการพี่วินก็มีวินอยู่ตรงหน้า Big C เรียกไป BTS สนนราคาอยู่ที่ 20 บาท
สำหรับการใช้รถถือว่าสะดวกเพราะอยู่ใกล้ถนนใหญ่สุุขุมวิท และตัวถนนอ่อนนุชเองเป็นทางเชื่อมไป ศรีนครินทร์ พัฒนาการ ยาวไปจนถึงลาดพระบัง และไปสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวกมากๆ สำหรับทางด่วนขึ้นได้ 2 สายเลย ทางด่วนสายเฉลิมมหานครมีด่านที่อยู่ใกล้ๆคือ สุขุมวิท 62 กับ ด่านท่าเรือ แต่ถ้าเป็นทางด่วน รามอินทรา – อาจนรงค์ ให้ทะลุ T77 ไปออกด้านหลัง(เสีย 20 บาทนะ)
ตัวโครงการขอแยกการออกแบบเป็น 2 ส่วนนะครับคือส่วนของโครงการและส่วนของรูปแบบห้อง เรามาดูที่ส่วนแรกกันก่อน ในส่วนของโครงการถือว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างดี ตัวอาคารมีความสวยงามและทันสมัยและเป็นตึกที่สูงสุดบนอ่อนนุช โดยสูงถึง 47 ชั้น สูงกว่า Blocs 77 (28 ชั้น) ที่อยู่ตรงข้าม ส่วน The Base เยื้องๆ กันก็สูงแค่ 38 ชั้น จำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ในระดับกลางๆ แต่ให้ที่จอดรถมากำลังดีอยู่ที่ 65% ตัวตึกออกแบบมาให้โถงลิฟต์อยู่เกือบกึ่งกลางของตึก ทำให้ห้องท้ายๆมีระยะเดินมาลิฟต์ไม่ไกล อัตรส่วนลิฟต์กำลังดีที่ 150:1 ส่วนการวางห้องพักจะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ ฝั่ง Big C ได้วิวโล่งอยู่ แต่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือจะมี U Delight อยู่ ดังนั้นวิวยังไงก็เห็นนะ แต่ไม่ได้เป็นระยะประชิดก็เลยไม่ได้บังมากนัก
การออกแบบห้องของที่นี่จะใช้เป็นตัวเดียวกันกับ Knightsbridge อีก 3 ตัวที่เปิดพร้อมกัน โดยแบ่งห้องออกเป็น 4 ประเภทคือห้อง Studio 22 ตร.มม., ห้อง 1 Bed 26 ตร.ม., ห้อง 1 Bed Plus ขนาด 31 ตร.ม. และห้องแบบ 2 Bed 54 ตร.ม.ซึ่งมีแค่ชั้น 39 – 47 ชั้นละ 4 ห้องเท่านั้น จำนวนห้องหลักๆจะอยู่ที่ขนาด 22 – 31 ตร.ม. ซึ่งน่าเสียดายที่ถึงแม้จะได้ห้องแบบฝ้าเพดานสูง 3 เมตร แต่กลับได้หน้าต่างที่มีขนาดปกติ ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากความสูง 3 เมตรเลย
สำหรับห้องแบบ Studio 22 ตร.ม.ถือว่าออกแบบมาดีนะ ของจริงเข้าไปดูแล้วไม่ได้รู้สึกแคบเหมือนห้อง 22 ตร.ม.ทั่วๆไป ผมชอบตรงที่ได้ครัวปิดแยก แต่ฟังก์ชันพื้นที่กินข้าวจะต้องไปรวมกับพื้นที่นั่งเล่นซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของห้องขนาดนี้ สำหรับห้องแบบ 26 จะมีปัญหาเรื่องระยะดูทีวีและพื้นที่กินข้าวที่น้อยไปหน่อย แต่โดยรวมฟังก์ชันลงตัวดีไม่มีปัญหาอะไร ส่วนห้องขนาด 31 จะได้ห้องหน้ากว้างขึ้นดูโปร่งแต่มีปัญหาตรงที่พื้นที่ห้องครัวเล็ก และตู้เย็นอยู่กันคนละที่เลย แต่ห้องนี้ดีตรงที่ได้ห้องอเนกประสงค์เอาไว้ทำเป็นห้องทำงานหรือห้องนอนชั่วคราวได้ เวลาญาติหรือเพื่อนมาบ้าน อ่อลืมบอกว่าแบบที่นี่ไม่เน้นพื้นที่ระเบียงนะ แต่เน้นพื้นที่การใช้งานภายในมากกว่าครับ
วัสดุสำหรับราคานี้ในปัจจุบันถือว่าได้ตามมาตรฐานนะ แต่บางจุดที่ควรให้มาก็ไม่มีเช่น Back Splash กันเปื้อนบริเวณเคาน์เตอร์ครัว ถึงแม้จะได้หน้าต่างเล็กแต่ได้ประตูห้องที่ขนาดใหญ่กว่าปกติ และประตูฉากกั้นภายในห้องจะสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานเลยเป็นบานเลื่อนกระจกกรอบอลูมิเนียม ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าห้องได้เยอะตัวห้องจะดูโปร่งมากขึ้น
ส่วนกลางถือว่าให้มาเยอะได้ Facility มาแบบยก Floor และให้มาถึง 2 ชั้นที่ชั้น 37 – 38 ได้สระว่ายน้ำขนาด 14.5 x 20 ม. พร้อมแยกส่วน Pool Bar, Pool Spa และ Sky Pool Garden ที่อยู่เอาไว้ด้านหน้าโครงการ ซึ่งถ้าวันไหนฟ้าเปิดจะได้วิวเมืองและแม่น้ำเจ้าพระยาแบบไกลๆ ห้องออกกำลังกายได้มาประมาณ 100 ตร.ม. ได้พื้นที่พักผ่อนแบบมีเคาน์เตอร์บาร์มาให้ที่ชั้น 38 แถมห้องจัดเลี้ยง Private Party ได้อีก หรือถ้าใครอยากจะนั่งทำงานที่นี่ก็มีห้อง Co-working Space แบบหน้ากว้าง Double Space มาให้ ถือว่าให้มาเยอะนะครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ 140,000 บาท/ตร.ม., 9 September 2017
- ทำเล 7.75/10 – อยู่ช่วงต้นถนนอ่อนนุช ติด Big C เป็นย่านชุมชนและ Expat หาของกินง่ายมีให้เลือกเยอะ
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้ถนนสุขุมวิท มีทางลัดและทางด่วนให้ใช้ใกล้ๆ
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – เดินไป BTS อ่อนนุชได้สะดวกมีซอยลัดหลัง Big C
- วัสดุ 7/10 – ให้มาแบบ Fully Fitted วัสดุน่าจะให้มาดีกว่านี้
- แบบ 7.5/10 – แบบโครงการออกแบบมาได้ดี แบบห้องพักอาศัยใช้ได้แต่บางฟังก์ชันยังไม่ลงตัว
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาแบบยก Floor 2 ชั้นและให้มาหลากหลาย
- HIGH CLASS
- 7.72 / 10.00
BOTTOM LINE
Knightsbridge Prime อ่อนนุช เหมาะกับคนที่หาคอนโดในย่านอ่อนนุช แต่ไม่เน้นติดถนนใหญ่ ใช้รถส่วนตัวเป็นส่วนใหญ่ ชอบใช้ทางด่วน เน้นโครงการที่ให้ Facility มาเยอะๆ เน้นทำเลหาของกินง่ายมีหลากหลายราคาให้เลือก มีงบประมาณตั้งแต่ 2.69 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 22,000 บาท/เดือนขึ้นไป