…ตอนนี้หลายๆสถานศึกษาทั่วประเทศ ต่างก็เริ่มกลับมาเปิดเรียนกันตามปกติแล้วนะครับ และหากพ่อแม่ผู้ปกครองหรือน้องๆนักศึกษาคนไหน กำลังมองหาคอนโดใกล้กับ ม.กรุงเทพ อยู่ล่ะก็ วันนี้ผมจะพามารีวิวโครงการ KAVE Town Colony คอนโดใหม่ล่าสุดจาก AssetWise ซึ่งเปิดตัวมาในทำเลที่เด็ก ม.กรุงเทพ รู้จักกันดี เพราะอยู่ติดกับซอยรังสิตภิรมย์ข้างๆมหาลัยเลยครับ โดยจุดเด่นหรือ Highlights ที่น่าสนใจของโครงการจะมีดังนี้

  • ทำเลที่อยู่ใกล้ ม.กรุงเทพ ซึ่งจะมีรถรับ-ส่งมาที่ปากซอย แล้วน้องๆสามารถเดินไปเรียนต่อได้ในระยะทางประมาณ 170. m. อีกทั้งรอบๆก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์สูงมากๆอีกด้วย
  • ส่วนกลางจัดเต็มมาให้กว่า 30 ฟังก์ชัน โดยมีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆที่ไม่เหมือนใครในย่านเข้ามาด้วย ซึ่งช่วยตอบสนองความต้องการของน้องๆนักศึกษายุคใหม่ได้เป็นอย่างดี
  • เน้นห้องไซส์เล็กสำหรับ 1 – 2 คน ขายแบบ Fully Furnished พร้อมระบบ Bluetooth Sound System และเพิ่มระบบ Home Automation เข้ามาภายในห้องด้วย

ข้อมูลโครงการ

KAVE Town Colony (เคฟทาวน์ โคโลนี่) ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2565

 ชื่อโครงการ  KAVE Town Colony (เคฟทาวน์ โคโลนี่)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถ. พหลโยธิน อ.คลองหลวง
 ที่ดิน  10-0-87 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise Rise 8 ชั้น 4 อาคาร
 จำนวนยูนิต  1,083 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  40 ยูนิต ที่อาคาร B
 ที่จอดรถ  381 คัน หรือคิดเป็น 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2566
 ประเภทห้องพัก
  • Studio Exclusive ขนาด 21.2 – 21.5 ตร.ม.
  • Studio ขนาด 22.6 – 27.3 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 24.9 – 31.4 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 25.3 – 26.3 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra ขนาด 27.8 – 29 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 33.8 – 35.6 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.4 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  1.39 ล้านบาท (Promotion)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 67,000 บาท/ตร.ม.
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  อยู่ระหว่างการประเมิน
 เว็บไซต์โครงการ https://kavecondo.com/condominium/kavetown-colony/
 Call Center 02-168-0000

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้ ม.กรุงเทพ ติดกับซอยรังสิตภิรมย์ โดยจะมีรถรับ-ส่งที่ปากซอย และน้องๆนักศึกษาสามารถเดินไปเรียนต่อได้ ในระยะประมาณ 170 m.
  • ภายในซอยอุดมสมบูรณ์ มีคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
  • ทำเลในซอยเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ได้วิวพื้นที่สีเขียวของสนามกอล์ฟที่อยู่ด้านหลัง

พิกัด Google Maps : 14.041631, 100.609135
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ KAVE Town Colony ตั้งอยู่ใกล้ ม.กรุงเทพ ซึ่งติดกับซอยรังสิตภิรมย์ที่หลายๆคนรู้จักกันดี โดยก่อนหน้านี้ก็ได้มีการมาบุกเบิกคอนโดรุ่นพี่อย่าง KAVE Town Space และ KAVE Town Shift ซึ่งก็ได้การตอบรับค่อนข้างดี ทั้งจากพ่อแม่ผู้ปกครองและน้องๆนักศึกษา รวมถึงนักลงทุนทั้งหลายด้วยครับ

เนื่องจากเป็นทำเลที่อยู่ฝั่งเดียวกับมหาลัย และน้องๆสามารถเดินไปเรียนได้ไม่ยาก อีกทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์มากๆอีกด้วยครับ เพราะภายในซอยจะมีคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันมาก หรือจะเดินไปหาเพื่อนๆที่หอพักในซอยรังสิตภิรมย์ข้างๆก็ได้ ซึ่งก็มีร้านค้าต่างๆเต็มไปหมดตลอดทั้งซอยเลยทีเดียว

โดยโครงการ KAVE Town Colony จะเป็นแปลงที่ดินที่อยู่ด้านในสุด ซึ่งมีระยะทางจากปากซอยประมาณ 1 km. ถือว่าลึกในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะทางโครงการเค้าได้จัดให้มีรถรับ-ส่งมาที่หน้าปากซอยให้ด้วย ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี และน้องๆนักศึกษาก็สามารถเดินจากปากซอย เพื่อไปเรียนที่มหาลัยต่อได้ในระยะทางประมาณ 170 m. เท่านั้น

นอกจากนี้เราจะเห็นว่า ภายในซอยจะมีคอมมูนิตี้มอลล์ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งสิ่งนี้เองที่มีส่วนช่วยทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองวางใจได้ระดับหนึ่งว่า น้องๆจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างสะดวกสบาย และหมดห่วงเรื่องอาหารการกินไปได้เลยครับ อีกทั้งยังช่วยทำให้บรรยากาศภายในซอยมีความคึกคัก และน่าอยู่มากขึ้นอีกด้วย รวมถึงในอนาคตทาง AssetWise ก็มีแผนที่จะทำ Community Mall ใหม่ที่ด้านใน พร้อมกับยังมีที่ดินอีกแปลงสำหรับคอนโดเฟสสุดท้ายด้วยนะครับ

และนี่ก็คือบรรยากาศภายในซอย ที่จะมีการแยกทางสัญจรของรถยนต์ และทางคนเดินออกจากกันชัดเจน ทำให้น้องๆนักศึกษาสามารถเดินได้อย่างสะดวกและปลอดภัย อีกทั้งยังมีการปลูกต้นไม้ตลอดเส้นทาง ช่วยเพิ่มความร่มรื่นและสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย

ส่วนนี่คือ Mingel Mall เป็นคอมมูนิตี้มอลล์หลักภายในซอย ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพราะจะมีทั้งร้านค้า / ร้านอาหาร / Food Court / ร้านสะดวกซื้อ / ร้านตัดผม / ร้านกาแฟ / ร้านขนมหวาน ฯลฯ เป็นที่ถูกใจของน้องๆนักศึกษาและพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างมาก เพราะอยู่ใกล้กับคอนโด มีความสะดวกและปลอดภัย ไม่ต้องเสียเวลาออกไปด้านนอกไกลๆนั่นเอง

โดยบรรยากาศภายในจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมภาพใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

Image 1/10

อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบมากๆก็คือ KAVE Club ซึ่งด้านในจะเป็น Co-Working Space ให้น้องๆสามารถมานั่งทำงาน และติวหนังสือร่วมกับเพื่อนๆได้ รวมถึงยังมีพื้นที่สำหรับจัดการแข่งขัน E-Sport ที่กำลังเป็นที่นิยมของเด็กรุ่นใหม่อีกด้วยครับ (เห็นว่าจะมีคนจากภายนอกเข้ามาใช้สถานที่จัดแข่งขันกันอยู่บ่อยๆด้วยนะ)

ส่วนหน้าปากซอยก็จะเป็นที่ตั้งของ McDonald’s ที่หลายๆคนรู้จักกันดี และข้อดีก็คือเป็นสาขาที่เปิด 24 ชม. ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบหิวกลางดึก หรือช่วงที่ต้องอ่านหนังสือสอบตอนกลางคืนนั่นเองครับ

จากปากซอยให้เลี้ยวไปทางขวา ก็จะเป็นทางที่สามารถตรงไปยังมหาลัยได้ครับ โดยเราอาจเดินลัดผ่านในปั๊มบางจากมาเลยก็ได้ จากนั้นก็เดินไปตามทางเรื่อยๆ และผ่านซอยรังสิตภิรมย์ที่รู้จักกันดี

และนับจากปากซอยเมื่อเราเดินมาประมาณ 170 m. ก็จะถึงทางเข้า ม.กรุงเทพ แล้วล่ะครับ

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

Image 1/3
สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนอุดรรัถยา ซึ่งจะมีระยะทางประมาณ 7.6 m. สามารถเดินทางเข้าเมืองเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัช ไปทางปากเกร็ด-จตุจักร-พระราม 3 ได้ครับ

สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางด่วนอุดรรัถยา ซึ่งจะมีระยะทางประมาณ 7.6 m. สามารถเดินทางเข้าเมืองเชื่อมต่อกับทางด่วนศรีรัช ไปทางปากเกร็ด-จตุจักร-พระราม 3 ได้ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการจะเป็นซอยที่มีความเงียบสงบ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวจนเกินไปครับ เพราะจะมีทั้งคอมมูนิตี้มอลล์และคอนโดโครงการอื่นๆอยู่ด้านหน้าด้วย โดยสิ่งที่ทำให้โครงการนี้มีความน่าสนใจก็คือ “วิวสนามกอล์ฟ” ที่อยู่ด้านหลังสุด ซึ่งช่วยการันตีวิวพื้นที่สีเขียวได้ระดับหนึ่ง และไม่ต้องกังวลว่าจะมีลูกกอล์ฟปลิวมาหานะครับ เพราะจากสนามก็มีการเว้นระยะห่างมาเยอะเลยทีเดียว (ประมาณ 200 m.) ส่วนทิศอื่นๆสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ พื้นที่ว่าง
  • ทิศใต้ : ติดกับ หอพักภายในซอยรังสิตภิรมย์ ที่มีความสูงประมาณ 5 – 8 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนซอยส่วนบุคคล และคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ในอนาคต
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ สนามกอล์ฟที่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่

และนี่ก็คือภาพบรรยากาศด้านในซอย ที่ได้มีการเริ่มล้อมรั้วสำหรับการก่อสร้างแล้วครับ โดยด้านซ้ายมือเราจะเห็นว่า มีอาคารหอพักของซอยรังสิตภิรมย์ตั้งอยู่ ซึ่งจะมีความสูงประมาณ 5 – 8 ชั้น ยาวต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งซอย

ส่วนถ้าใครที่ต้องการเยี่ยมชมโครงการและห้องตัวอย่าง สำนักงานขายปัจจุบันจะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Mingel Mall ที่อยู่ใกล้กับปากซอยแบบนี้นะครับ

ภายในมีที่จอดรถให้บริการ พร้อมกับโมเดลและห้องตัวอย่างให้ได้ชมกันถึง 4 แบบ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Mingel Mall ~ 900 m.
  • ตลาดไท ~ 9 km
  • Tesco Lotus สาขารังสิต ~ 13.2 km.
  • ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ~ 13.3 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ~ 4.6 km.
  • โรงพยาบาล ภัทร-ธนบุรี ~ 6.7 km.

โรงเรียน

  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 1.2 km.
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ~ 4.3 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • มีส่วนกลางให้ใช้งานมากถึง 30 ฟังก์ชัน โดยมีการใส่ฟังก์ชันใหม่ๆที่เหมาะกับเด็กยุคนี้เข้ามามากขึ้นด้วยครับ ซึ่งจะกระจายอยู่ในทุกๆอาคาร และมีการแบ่งโซนการใช้งานที่ชัดเจน
  • มีการออกแบบอาคารให้โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง ปรับเปลี่ยนมุมองศาของห้องพักอาคาร D ให้หลบเลี่ยงมุมมองที่อาจปะทะกับหอพักในซอยรังสิตภิรมย์ตรงๆได้อีกด้วย

…หลังจากที่โครงการรุ่นพี่อย่าง KAVE Town Space และ Kave Town Shift ได้รับเสียงตอบรับที่ดี และ Sold Out ปิดการขายกันไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย คราวนี้ก็มาถึงโครงการล่าสุดอย่าง “KAVE Town Colony” ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์สุดแหวกแนวไม่เหมือนใครในย่าน เอาใจกลุ่มน้องๆนักศึกษาที่มีความชอบและ Lifestyle ที่ไม่เหมือนกัน

อีกทั้งยังจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาเยอะกว่าเดิมกว่า 30 ฟังก์ชัน ซึ่งมีการเพิ่มกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจเข้ามาใหม่หลายอย่างเลยทีเดียวครับ โดยจะเป็นกลุ่มคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร มีเพื่อนบ้านทั้งหมด 1,083 ยูนิต และตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 10-0-87 ไร่

Master Plan บริเวณชั้น 1 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมด 381 คัน หรือคิดเป็น 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน โดยด้านหน้าสุดจะมีจุด Drop-Off ขนาดใหญ่ ให้สามารถขับรถวนรับ-ส่งกันได้ พร้อมกับมี Glab Station ที่เป็นจุดส่งของ Delivery อยู่บริเวณด้านหน้า ซึ่งบุคคลภายนอกจะได้ไม่ต้องขับรถวนเข้าไปด้านในลึกๆ ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ

นอกจากนี้เราจะเห็นว่า อาคารพักอาศัยทั้ง 4 จะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ จึงทำให้ห้องพักอาศัยด้านในจะได้วิวสวน+สระว่ายน้ำที่สวยๆ ซึ่งก็จะมีห้องพักเริ่มต้นตั้งแต่ที่ชั้น 1 นี้เลยครับ โดยสิ่งนึงที่ผมคิดว่าออกแบบได้ดีคือ บริเวณหน้าห้องพักจะเป็นต้นไม้สีเขียวทั้งหมด ที่จะช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัยในชั้นนี้ได้นั่นเอง (โครงการนี้มีพื้นที่สีเขียวทั้งหมด 3,324.87 ตร.ม. และมีพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 1,126.7 ตร.ม.)

เรามาดูภาพจากโมเดลกันบ้างครับ โดยด้านหน้าสุดจะเป็นซุ้มประตูทางเข้าขนาดใหญ่ ซึ่งของจริงก็จะมีไม้กั้นกระดกระบบ RFID หรือใช้สัญญาณ Bluetooth ที่เปิดอัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน และเมื่อผ่านเข้ามาด้านในก็จะเจอกับ Drop-Off ที่สามารถวนรถรับ-ส่งกันได้ที่ Lobby ของอาคาร A ได้สะดวกเลยครับ

สำหรับสวนที่อยู่ด้านหน้าสุดจะเรียกว่า ECO Garden มีลักษณะเป็นสวนเล่นระดับที่มีพื้นทางลาด ให้สามารถมาเดินเล่นและเชื่อมต่อไปยัง Facilities ที่อยู่บนชั้น 2 ได้อีกด้วยครับ

นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในเรื่องมุมมองภายในอาคารให้สวยงามมากขึ้น โดยเวลาที่เรามองผ่านกระจกออกมาด้านนอก ก็จะได้เห็นพื้นที่สีเขียวทุกฟังก์ชัน แถมยังช่วยพรางสายตาจากหอพักในซอยรังสิตภิรมย์ ที่อาจไม่ค่อยสวยงามและไม่เป็นส่วนตัวมากนักอีกด้วยนะ

และหากมองดูลักษณะอาคารให้ดีๆ เราจะเห็นรายละเอียดของการออกแบบ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ 2 เรื่องคือ The Maze Runner และ The Divergent ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างระหว่างอาคาร ที่มีการเพิ่ม Layer เหมือนชั้นดินของหุบเขา ทำให้ดูเท่ห์และน่าไปถ่ายรูปด้วยมากๆครับ

รวมถึงผนังรูปทรงฟันปลาที่เหมือนวงกต ซึ่งนอกจากจะสวยงามดูแปลกตาแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการปรับมุมมองของห้องพักอาศัย ทำให้ไม่ต้องหันหน้ารับวิวหอพักในซอยรังสิตภิรมย์ตรงๆ ที่อาจไม่ค่อยสวยงามหรืออาจเสียความเป็นส่วนตัวได้ง่ายนั่นเอง

Concept ในการแบ่งโซนพื้นที่ส่วนกลาง :

ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดของพื้นที่ส่วนกลาง ผมอยากจะขอเกริ่นถึง Gimmick สนุกๆที่ทางโครงการมีการนำมาใช้จากภาพยนตร์เรื่อง The Maze Runner และ The Divergent เพื่อแบ่งโซนฟังก์ชันส่วนกลางที่กระจายอยู่ในแต่ละอาคาร และช่วยทำให้น้องๆสามารถเลือกอยู่ในโซนที่เหมาะกับบุคคลิก ลักษณะนิสัย และความชอบของตัวเองได้ ซึ่งอาจรวมถึงคนที่เรียนอยู่ในคณะเดียวกัน ก็มีสิทธิ์ที่จะได้อยู่ห้องใกล้ๆกันง่ายขึ้นด้วยครับ

ส่วนแนวคิดของโครงการที่ว่า “Be you… Never be (เป็นเราได้…ไม่ซ้ำเรา)” ก็หมายความว่า คนเราสามารถที่จะมีบุคคลิกและความชอบมากกว่า 1 อย่างได้ ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ก็มีกิจกรรมที่หลากหลาย และเปิดโอกาสให้เราได้พบเจอกับเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ ทำให้เราได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ซึ่งอาจได้เจอความชอบใหม่ๆ และกลายเป็นอีกหนึ่งตัวตนของเราได้ด้วยนั่นเองครับ

Building A (Floor 1) :

สำหรับอาคารนี้จะเน้นพื้นที่ Lobby ที่เอาไว้เป็นส่วนต้อนรับลูกบ้าและแขกที่มาจากภายนอก อีกทั้งยังมีพื้นที่นั่งทำงานอีกหลายๆส่วน ให้เราได้เลือกนั่งติวหนังสือ หรือทำงานกลุ่มร่วมกับเพื่อนๆได้ตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะเป็น Co-Working Space / Co-Creation Spcae และ Private Meeting Space

จึงเป็นโซนที่เหมาะกับกลุ่ม Sentinels (ผู้ดูแล) คือเป็นคนชอบเข้าสังคมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ดี แต่อีกมุมหนึ่งก็มีโลกส่วนตัวเป็นของตัวเอง ชอบความเงียบสงบ และต้องการมุม/พื้นที่ส่วนตัว สำหรับทำงานและประชุมกับเพื่อนๆด้วยนั่นเองครับ

และนี่ก็คือภาพบรรยากาศจำลองภายใน Maze Lobby Lounge ที่อาคาร A จะมีการใช้สีสันเพื่อแบ่งโซนฟังก์ชันออกจากกันชัดเจน อีกทั้งยังเป็นพื้นที่แบบฝ้าเพดานสูง และพื้นที่ Sunken แบบเล่นระดับด้วยครับ สามารถมานั่งเล่นอ่านหนังสือ และใช้รับแขกจากภายนอกได้

Building B&C (Floor 1) :

สำหรับทั้ง 2 อาคารนี้จะมีส่วนที่สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ จึงกลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยจะเน้นเป็นฟังก์ชันที่สบายๆและมีโอกาสใช้งานได้บ่อยๆ อย่างเช่น Lobby Cafe / Vending Machine Corner / Shooting & Live Studio และ Co Pocket Garden

จึงเป็นโซนที่เหมาะกับกลุ่ม Diplomats (นักการฑูต) ที่ชอบทำคอนเทนต์ ถ่ายรีวิว และทำงานวิดีโอเป็นประจำ รวมถึงยังรักความเป็นธรรมชาติ และมักจะลงมือทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อคนอื่นหรือสังคมอีกด้วย

ภาพบรรยากาศจำลอง Co Pocket Garden ของอาคาร B เป็นพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ทรงครึ่งวงกลม และตกแต่งเป็นโทนสีน้ำตาลเหมือนชั้นดิน พร้อมทั้งมีช่องหน้าต่างบานใหญ่ เชื่อมต่อกับธรรมชาติที่อยู่ด้านนอกได้

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Vending Machine Corner อาคาร C เป็นตู้ขายของอัตโนมัติ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับน้องๆนักศึกษาได้เป็นอย่างดี พร้อมกับโต๊ะเก้าอี้ให้สามารถนั่งทานได้สะดวก

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Shooting & Live Studio ที่ภายในจะมีอุปกรณ์จัดแสงต่างๆ ให้สามารถมาทำคอนเทนต์ ถ่ายรูป และถ่ายวิดีโอต่างๆได้

Building D (Floor 1)  :

ฟังก์ชันนี้จะคล้ายกับอาคาร A ซึ่งเน้นเป็นส่วนต้อนรับขนาดใหญ่ เพราะเป็นอาคารที่อยู่บริเวณโซนด้านหน้าเหมือนกัน จึงเหมาะกับกลุ่ม Sentinels (ผู้ดูแล) ที่ชอบเข้าสังคมหรือพบปะผู้อื่นอยู่เป็นประจำนั่นเอง

โดยจะเพิ่มฟังก์ชันเกี่ยวกับอาหารอย่าง Co-Kitchen Space และ Grab Station เข้ามาครับ และจุดที่เป็น Highlight ของอาคารนี้ก็คือ บันไดสีส้มแดงขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง Sharing Lobby ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ Facilities ที่อยู่บนชั้น 2 ได้ด้วย

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Sharing Lobby ที่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ พร้อมกับมีที่นั่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆเยอะมาก โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือ ผนังกระจกที่เปิดรับวิวสวนทั้ง 2 ด้าน รวมถึงบันไดสีแดงส้มตรงกลางที่สวยงาม ที่เชื่อมต่อไปยังส่วนกลางชั้น 2 ได้ด้วย

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Kitchen Space ซึ่งจะมีทั้งโต๊ะและอุปกรณ์ต่างๆ ให้สามารถมาใช้ทำอาหาร หรือจะมานั่งทานอาหารร่วมกับเพื่อนๆก็ได้

Building D (Floor 2)  :

บนชั้นนี้เราจะเห็นว่ามีฟังก์ชันที่หลากหลายมากขึ้น และส่วนมากก็จะเน้นเป็นสาย Entertain อย่างเช่น Co-Party / Kave Music Studio / Kave Theater และ Cover Dance & Yoga เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาจากโครงการรุ่นพี่ และน้องๆก็สามารถนัดเพื่อนๆมาทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันหลายๆคนได้นั่นเอง

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Kave Music Studio โดยภายในจะเป็นห้องเก็บเสียง พร้อมกับอุปกรณ์และเครื่องดนตรีต่างๆครบครัน ให้น้องๆสามารถฝึกฝีมือเล่นดนตรีกับเพื่อนๆได้

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Kave Theater ซึ่งจะเป็นห้องเก็บเสียงอีกเช่นกัน และจะมีโซฟาขนาดใหญ่ ให้สามารถมานั่งดูหนัง/ซีรีย์/ฟุตบอล ร่วมกับเพื่อนๆได้

มาดูฟังก์ชันส่วนกลางที่อยู่ Outdoor กันบ้างครับ ซึ่งจะรายล้อมไปด้วยอาคารทั้ง 4 ทำให้ห้องที่อยู่ภายในได้วิวที่ค่อนข้างสวยงามดีทีเดียว แถมยังสามารถมาใช้งานได้สะดวกมากๆอีกด้วย โดยจะเน้นเป็นพื้นที่สวนสีเขียว สระว่ายน้ำ และพื้นที่นั่งเล่นรอบๆสระ จึงเหมาะกับกลุ่ม Explorers (นักสำรวจ) ที่เป็นคนกล้าแสดงออก ชอบการผจญภัย และความท้าทายต่างๆ รวมถึงยังชอบออกกำลังกาย และเป็นสายปาร์ตี้อีกด้วย

มีฟังก์ชันหลักๆคือ Maze Pool เป็นสระที่มีความยาวถึง 85 m. มากกว่าสระโอลิมปิกเกือบ 2 เท่า และมากที่สุดในย่านอีกด้วยครับ โดยจะเป็นสระรูปทรง Free From ที่มีความโค้งเล็กน้อย (ไม่ได้เป็นสระแบบตรงๆเหมือนปกติ) สามารถว่ายจากขอบสระทางด้านนี้ ไปจนถึงบริเวณใต้สะพานที่จะเป็นส่วนน้ำตื้นได้ครับ

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Maze Pool ที่มีความยาวกว่า 85 m. และโดยรอบก็เป็นสวนสีเขียว กับบันได Divergent Bridge สีขาว ทำหน้าที่เป็นเหมือน Sculpture ที่สวยงามมาก

ส่วน Amphitheater Activity ที่อยู่ทางด้านขวามือ จะเป็นพื้นที่เล่นระดับคล้ายอัฒจันทร์ ให้เราสามารถมานั่งเล่น ชมวิว หรือดูกิจกรรมของเพื่อนๆที่จัดอยู่ริมสระน้ำได้ ซึ่งก็จะมีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ พร้อมกับ Sunken ทรงกลม เหมือนกับเคาน์เตอร์บาร์ริมสระว่ายน้ำ ที่น่ามาจัดปาร์ตี้ร่วมกับเพื่อนๆมากเลยทีเดียว

ถัดมาจะเป็นสะพานขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Divergent Bridge ซึ่งได้ไอเดียมาจากในหนัง ให้เราสามารถขึ้นไปชมวิว ถ่ายรูปทำคอนเทนต์สวยๆ และยังสามารถใช้เดินข้ามสระเพื่อเชื่อมต่อไปยังฝั่งตรงข้ามได้สบายๆ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินอ้อม

อีกทั้งยังมีที่นั่งพักผ่อนกระจายอยู่รอบๆ มีสไลเดอร์ให้น้องๆได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ รวมถึงยังมี Big Tree Sunken ที่เป็นมุมนั่งแช่น้ำภายใต้กลุ่มต้นไม้ขนาดใหญ่ ให้เราได้มานั่งพักผ่อนแบบส่วนตัวได้อีกด้วยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองมุมสูงของ Divergent Bridge และพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดที่อยู่บริเวณ Outdoor ดูสวยงามและเป็นธรรมชาติดีมากๆ

อีกด้านหนึ่งของสะพานจะเป็น Floating Deck ที่มีรูปทรง Free From และมีส่วนน้ำตื้นที่ดีไซน์เป็นเหมือนกับชั้นดินหลาย Layer ซึ่งเราก็สามารถว่ายน้ำเล่น หรือจัดปาร์ตี้สระว่ายน้ำได้อีกจุดหนึ่งครับ อีกทั้งยังมี Jogging Track ที่เราสามารถเดิน/วิ่งออกกำลังกาย รอบๆสวนและสระว่ายน้ำได้อีกด้วย

Building B&C  (Floor 8) :

2 อาคารนี้จะเน้นเป็นฟังก์ชันออกกำลังกาย / Fun Space / E-Sport Stadium และ Metaverse Space จึงเหมาะกับกลุ่ม Analysts (นักวิเคราะห์) ที่ค่อนข้างมีความคิดสร้างสรรค์ ชื่นชอบเทคโนโลยี และกิจกรรมที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์บ่อยๆ รวมถึงยังมีความรักสนุก และชอบการออกกำลังกายมากๆอีกด้วยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน E-Sport Stadium ที่อาคาร B ถือเป็นฟังก์ชัน Highlight ของโครงการนี้เลยครับ ซึ่งเหมาะกับ Lifestyle ของน้องๆยุคนี้มากๆ เพราะนอกจากจะสามารถใช้ทำงานค้นคว้าหาข้อมูลได้แล้ว การเล่นเกมส์สมัยนี้ก็ยังมีการจัดแข่งขันชิงเงินรางวัลจริงจัง หรือจะทำเป็นอาชีพกันก็ได้อีกด้วย

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Fun Space ของอาคาร B เป็นพื้นที่ให้น้องๆสามารถเล่นกับเพื่อนๆเพื่อผ่อนคลายได้ โดยจะมีฟังก์ชันหลักๆคือ โต๊ะพูล และโต๊ะปิงปอง

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ The Gym และ Health Station ของอาคาร C ตกแต่งดูทันสมัยเหมือนอยู่ในโลกอนาคตมากๆ โดยจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันแบบนี้เลย

โดยอาคารทั้ง 2 จะเชื่อมต่อกันด้วย Sky Bridge จึงทำให้มีความได้เปรียบตรงที่สามารถเดินข้ามฝั่งไป-มา เพื่อใช้งาน Facilities ได้หลากหลายมากๆ อีกทั้งยังมีบันไดที่สามารถเดินขึ้นไปใช้งานบนชั้นดาดฟ้าได้อีกด้วย

Building B&C  (Roof Top) :

ฟังก์ชันหลักๆคือ Sky Lab Pool ที่เป็นสระว่ายน้ำแนวตรงมาตรฐาน ขนาดประมาณ 5 x 17.5 m. พอที่จะว่ายออกกำลังกายได้ครับ ซึ่งเราอาจต้องว่ายหลายๆรอบสักหน่อย พร้อมทั้งรอบๆก็จัดเป็นพื้นที่สวนเพื่อความสวยงามและร่มรื่นอีกด้วย แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ เป็นสระที่สามารถว่ายน้ำชมวิวพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ของสนามกอล์ฟที่อยู่ด้านหลังโครงการไปด้วยได้นั่นเองครับ

อีกทั้งยังมี Panoramic View Deck ที่เป็นพื้นกระจกยื่นออกไปด้านออกอาคาร ซึ่งเป็นทั้งจุดชมวิวและจุดทดสอบความกล้าไปด้วยในตัว โดยของจริงคงจะหวาดเสียวมากๆ แต่ก็คงจะถ่ายรูปได้สวยแบบสุดๆด้วยเช่นกัน

แปลนชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor จะเห็นได้ว่าห้องพักที่หันหน้าเข้าด้านในโครงการ ส่วนมากจะเป็นห้องไซส์ใหญ่ 1 Bedroom – 1 Bedroom Plus ซึ่งจะได้วิวส่วนกลางที่ค่อนข้างสวยงามดีทีเดียว แต่ก็แลกกับราคาที่ค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อด้วยเช่นกัน

ส่วนห้องพักที่หันหน้าออกด้านนอกโครงการ ส่วนมากจะเป็นห้องไซส์เล็กอย่าง Studio – 1 Bedroom จึงทำให้มีราคาที่จับต้องได้ง่ายมากขึ้น (ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และงบประมาณในกระเป๋าด้วย) โดยตำแหน่งห้องที่น่าสนใจผมคิดว่ามีดังนี้

  1. กรอบสีแดง : เป็นหนึ่งในห้อง Studio เพียงไม่กี่ยูนิต ที่หันหน้ารับวิวส่วนกลางด้านในโครงการ แน่นอนว่าย่อมมีราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าห้องใหญ่อื่นๆด้วย แต่สิ่งที่ทำให้ห้องนี้น่าสนใจจริงๆก็คือ ความเป็นส่วนตัวที่สูงมาก เพราะเป็นห้องมุมที่ผนังไม่ติดกับใครเลยครับ
  2. กรอบสีเขียว : เป็นโซนห้องพักที่ได้วิวส่วนกลางที่สวยที่สุด เพราะจะเป็นวิวแบบตอนลึกที่มีระยะการมองที่ไกล แถมยังไม่ต้องกลัวว่าจะเสียความเป็นส่วนตัว จากห้องฝั่งตรงข้ามเหมือนด้านอื่นๆมากนักอีกด้วย
  3. กรอบสีส้ม : เป็นโซนห้องพัก Studio Exclusive ที่จะมีลักษณะแปลนห้องรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งเป็นการออกแบบให้หน้าต่างห้องพักเลี่ยงวิวหอพักทางฝั่งซอยรังสิตภิรมย์ ที่อาจไม่ค่อยสวยงามและเป็นส่วนตัวมากนัก มาเป็นการเปิดรับวิวสวนและถนนที่อยู่ด้านหน้าโครงการแทนนั่นเองครับ
  4. กรอบสีน้ำเงิน : เป็นโซนห้องพักที่เปิดรับวิวพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ของสนามกอล์ฟที่อยู่ด้านหลังโครงการ ซึ่งจะค่อนข้างการันตีวิวได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียวครับ โดยจะเน้นห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก

นอกจากนี้หากเราสังเกตที่แปลนหรือโมเดลดีๆ จะเห็นว่าบางห้องจะมีระเบียงที่ยื่นออกมานอกอาคารด้วย (เป็นแบบสุ่ม) ซึ่งก็จะทำให้ห้องพักเหล่านี้มีขนาดระเบียงที่ใหญ่ และสามารถออกมายืนชมวิวได้ดีมากขึ้นอีกด้วย แต่ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ก็เลยทำให้มีราคาที่สูงขึ้นกว่าห้องมาตรฐานตามไปด้วยเช่นกันครับ (อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล)

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Court (Outdoor)

  • Maze Pool ขนาด 23 x 85 m.
  • Divergent Bridge
  • Amphitheater
  • Floating Deck
  • Big Tree Sunken
  • Jagging Track
  • Eco Garden

Building A

  • Maze Lobby Lounge
  • Co-Working & Relax Space
  • Co-Creation Space
  • Private Meeting Space

Building B&C

  • Co-Pocket Garden
  • Laundry Room
  • Live & Shooting Studio
  • Vending Machine Corner
  • Lobby Cafe’

Building B&C (Floor 8)

  • Metaverse Space
  • Fun Space
  • E-Sport Stadium
  • Health Station
  • The Gym

Building B&C (Roof Top)

  • Sky Lab Pool ขนาด 5 x 17.5 m.
  • Panoramic View Deck

Building D

  • Sharing Lobby
  • Grab & Go Station
  • Co-Kitchen

Building D (Floor 2)

  • Co-Party
  • Kave Theater
  • Kave Music Studio
  • Cover Dance & Yoga

 

  • ขนาดพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 1,126.7 ตร.ม.
  • ขนาดพื้นที่สีเขียวทั้งหมด 3,324.87 ตร.ม.
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 135 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 136 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 146 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 132 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 126 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 381 คัน หรือคิดเป็น 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / ระบบ RFID

 

แบบห้อง

Highlights :

  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะ โดยจะเน้นเป็นห้องขนาดเล็กที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน หรืออาจเป็นรูมเมทที่แชร์ห้องอยู่ร่วมกันก็ได้
  • ฟังก์ชันมีความเป็นสัดส่วน โดยเฉพาะห้อง 1 Bedroom ที่จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนตรงกลาง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
  • ออกแบบประตูระเบียงห้อง Studio ได้น่าสนใจ โดยจะเปิดช่องแสงมาทางด้านข้าง ทำให้ภายในห้องได้ความเป็นส่วนตัวจากภายนอก แม้ว่าจะเปิดระเบียงไว้ตลอดเวลาก็ตาม
  • ขายแบบ Fully Furnished พร้อมระบบ Home Automation และ Bluetooth Sound System สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ หรือปล่อยเช่าได้ทันที

โครงการนี้มีแบบห้องให้เลือกเยอะถึง 6 Type ซึ่งจะเน้นเป็นห้องขนาดเล็กที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนเป็นหลัก และจะขายแบบ Fully Furnished พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ประกอบด้วย

  • Studio Exclusive ขนาด 21.2 – 21.5 ตร.ม.
  • Studio ขนาด 22.6 – 27.3 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 24.9 – 31.4 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 25.3 – 26.3 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Extra ขนาด 27.8 – 29 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 33.8 – 35.6 ตร.ม.

โดยสิ่งที่เพิ่มเติมมาจากโครงการรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ก็คือ ระบบ Home Automation ที่สามารถสั่งเปิด-ปิดสวิตช์ไฟ และเครื่องปรับอากาศภายในห้องผ่านทาง Application ในโทรศัพท์มือถือได้นั่นเองครับ ซึ่งจะทำการใช้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น และแน่นอนว่าเราจะยังคงได้ระบบ Bluetooth Sound System อยู่เหมือนเดิมครับ

Studio ขนาด 22.6 – 27.3 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้คือ Living Area ขนาดใหญ่บริเวณกลางห้อง และมีพื้นที่เชื่อมต่อกับเตียงนอน จึงมีความกว้างขวางและโปร่งโล่งมากๆ ซึ่งการดีไซน์ระเบียงของเค้าก็ค่อนข้างแปลกตาจากปกติพอสมควร เพราะจะมีลักษณะเป็นตอนลึกที่เปิดช่องแสงออกมาด้านข้างแทน จึงทำให้ผนัง 2 ด้านรอบเตียงนอนเป็นกระจกที่โปร่งโล่งดีทีเดียว และถึงแม้ว่าเราจะเปิดระเบียงไว้ตลอดเวลา ก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอกเลยครับ

โดยแน่นอนว่ายังคงมีพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้ใช้งานครบเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เราอาจเพิ่มเติมได้ก็คือ โต๊ะอเนกประสงค์ตรงบริเวณกลางห้อง ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นโต๊ะทานอาหารพร้อมกับดูทีวีไปด้วยได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้เป็นโต๊ะนั่งทำงาน/อ่านหนังสือแบบส่วนตัวภายในห้องได้อีกด้วยนะ โดยบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ

เริ่มกันที่บริเวณหน้าห้องเราจะได้ประตูไม้บานทึบ พร้อม Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐานแบบนี้เลยครับ นอกจากนี้เราจะสังเกตเห็นสวิตซ์ไฟที่มีลักษณะแตกต่างไปจากปกติทั่วไป นั่นเป็นเพราะเค้าได้เพิ่มระบบ Home Automation เข้ามาด้วยนั่นเอง ซึ่งทำให้เราสามารถเปิด-ปิดไฟ และเครื่องปรับอากาศผ่านทาง Application ในโทรศัพท์มือถือได้ครับ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับส่วนของครัวและห้องน้ำก่อนเลย อีกทั้งมุมมองบริเวณหน้าห้องก็จะค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร เพราะเราจะยังไม่สามารถมองเห็นพื้นที่ส่วนอื่นภายในห้องได้เลยนั่นเองครับ

ขวามือเราจะได้เคาน์เตอร์ครัว Built-in มาให้แบบนี้เลย ประกอบด้วยชั้นเก็บของด้านบน ตู้/ลิ้นชักเก็บของด้านล่าง รวมถึงชั้นวางรองเท้าที่อยู่ด้านข้างด้วยครับ ซึ่งเราก็อาจซื้อกล่องเก็บรองเท้ามาใช้เพิ่มเติมได้ด้วยนะ (ถ้าเก็บในตู้ไม่พอ)

โดยพื้นที่บริเวณนี้จะกว้างประมาณ 1.1 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ และปูพื้นด้วยกระเบื้องยางไวนิล ที่สามารถทนน้ำหรือความชื้นได้ค่อนข้างดีทีเดียว

ส่วนตรง Top เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินสังเคราะห์ที่ทนน้ำและความร้อนได้ดี แถมยังไม่เป็นคราบด่างได้ง่ายอีกด้วย มาพร้อมกับ Backsplash กระเบื้องที่ผนัง จึงทำให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย โดยห้องครัวของ KAVE จะไม่ได้ให้ Hob&Hood มานะครับ

เพราะปกติแล้วน้องๆนักศึกษา เค้ามักจะทานอาหารข้างนอกกันเป็นส่วนใหญ่ หรืออาจซื้ออาหารปรุงสุกมาทานเองภายในห้องบ้าง ซึ่งก็เลยต้องมีพื้นที่เตรียมอาหาร และซิงค์ล้างจานเตรียมเอาไว้ให้แบบนี้นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีลิ้นชักที่สามารถเลื่อนออกมา เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่เตรียมอาหารให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นแบบนี้ได้อีกด้วย

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องน้ำที่มีการแบ่งฟังก์ชันชัดเจน ซึ่งพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างด้านละประมาณ 75  cm. สามารถใช้งานได้พอดีๆ โดยเราจะได้สุขภัณฑ์ต่างๆจาก Cotto ครบตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยครับ ประกอบด้วยอ่างล้างหน้าแบบ Built-in ชั้นเก็บของด้านล่างมาให้ และมีโถสุขภัณฑ์ด้วย

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะมีฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass แบบกรอบอลูมิเนียมบานเลื่อน 3 ตอน พร้อมกับแถบแม่เหล็กที่ช่วยทำให้ปิดได้แนบสนิทดี เวลาอาบน้ำจะได้ไม่เปียกออกมาด้านนอกครับ โดยพื้นที่ภายในจะกว้างประมาณ 1.1 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ แต่ที่ต้องระวังสะดุดนิดนึงก็คือ ขอบพื้นที่ยกขึ้นมาสูงประมาณ 10 cm. และค่อนข้างมีความหนาพอสมควร (ใช้งานนานๆเข้าก็น่าจะชินขึ้น)

ภายในมี Hand Shower ให้ใช้งานครับ พร้อมกับเจาะช่องที่ผนังฝั่งตรงข้ามเอาไว้ ให้สามารถวางพวกอุปกรณ์อาบน้ำได้สะดวก โดยเราอาจเพิ่มชั้นวางให้มากขึ้นได้ด้วยนะครับ และของจริงก็จะมี Junction box ตรงผนัง ให้เราสามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเติมได้นะ

ถัดเข้ามาในห้องจะเป็น Common Area ที่เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอน เลยทำให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น แต่หากสังเกตดีๆจะเห็นว่า ผนังส่วนหนึ่งที่เป็นระเบียงจะเป็นผนังทึบ จึงทำให้พื้นที่ภายในห้องมีความเป็นส่วนตัว จากมุมมองภายนอกมากขึ้นด้วย (เช่น  ตอนแต่งตัว/เข้าห้องน้ำ เป็นต้น) โดยแลกกับความสว่างและโปร่งโล่งที่อาจลดลงไปบ้างนั่นเองครับ

พื้นที่ส่วนแรกจะเป็นโซฟานั่งเล่น ซึ่งมีระยะดูทีวีประมาณ 3.3 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่เราจะได้ก็คือ ชั้นวางทีวี และโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง (ของจริงหน้าตาจะไม่ได้เหมือนในห้องตัวอย่างนะ) รวมถึงเครื่องปรับอากาศอีก 1 ตัวตรงนี้ด้วย

โดยผมแนะนำให้หาโต๊ะกลางหน้าทีวี แบบ Multifunction ที่สามารถปรับระดับความสูงขึ้นมา เพื่อใช้เป็นโต๊ะทานอาหารหรือโต๊ะอเนกประสงค์ ไว้นั่งทำงานอ่านหนังสือหน้าทีวีไปด้วยก็จะดีมากเลยครับ

และแผงที่เห็นติดอยู่ตรงผนังก็คือ Bluetooth Sound System ที่เราสามารถเปิดเพลงฟังผ่านลำโพงที่อยู่บนฝ้าเพดานได้แบบนี้นั่นเองครับ

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่วางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ซึ่งทางโครงการจะแถมมาให้เฉพาะฐานเตียงนะครับ ส่วนฟูกที่นอนเราก็สามารถหาซื้อในแบบที่นุ่มถูกใจเองได้เลย

ความน่าสนใจของที่นอนตรงนี้ก็คือ ผนัง 2 ด้านจะเป็นกระจกทั้งหมด จึงทำให้มีความสว่างและโปร่งโล่งดีมากๆ ซึ่งทางด้านข้างจะเป็นช่องหน้าต่างบานใหญ่ ที่เราสามารถชมวิวได้อย่างเต็มที่ มาพร้อมกับช่องบานกระทุ้งที่เปิดระบายอากาศได้ด้วย

ส่วนปลายเตียงก็จะเป็นประตูระเบียงที่เปิดออกไปด้านข้าง โดยหากเราต้องการแสงสว่างในช่วงกลางวัน แต่ไม่ต้องการเสียความเป็นส่วนตัวจากเพื่อนบ้านภายนอกล่ะก็ ฟังก์ชันนี้ถือว่าเหมาะเลยครับ เพราะเราสามารถเปิดทิ้งไว้ได้ตลอดเวลาเลย

ส่วนพื้นที่รอบเตียงจะเหลือกว้างประมาณ 40 cm. ให้ใช้งานเดินผ่านได้แบบพอดีๆเท่านั้น รวมถึงบริเวณปลายเตียงนี้ก็จะมีช่องให้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้อีกด้วย

อีกด้านหนึ่งจะมีตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้แบบนี้เลยครับ สามารถใช้งานเก็บของได้ 1 – 2 คนแบบพอดีๆ แต่จะไม่มีโต๊ะแต่งหน้าหรือกระจกเงามาให้นะ

สุดท้ายคือระเบียงที่เป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน กรอบอลูมิเนียม พร้อมกระจกเขียวตัดแสง โดยภายนอกจะมีขนาดประมาณ  1.4 x 1 m. สามารถออกไปใช้งานหรือวางเครื่องซักผ้าเพิ่มเติมก็ได้ เพราะเค้าได้เตรียมปลั๊กไฟเอาไว้ให้พร้อมแล้วด้วย ส่วน Condensing Unit จะแขวนอยู่ด้านบน และเป่าลมร้อนออกไปด้านนอกครับ

ซึ่งอย่างที่อธิบายในช่วงแปลนแล้วว่า ระเบียงของห้องพักอาศัยในบางตำแหน่ง จะมีส่วนที่ยื่นออกไปนอกอาคารด้วย จึงทำให้บางห้องมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มมากขึ้น อย่างห้องนี้ผมก็วัดระยะได้เป็น 2.1 m. หรือเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 70 cm. นั่นเองครับ

1 Bedroom Extra ขนาด 27.8 – 29 ตร.ม.  สำหรับห้องนี้จะมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้นครับ โดยตรงกลางห้องจะมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่คั่นกลางอยู่ ซึ่งยังคงความสว่างและโปร่งโล่งได้ดี แถมยังสามารถเปิดเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ทั้ง 2 ให้มีขนาดใหญ่ไม่แพ้ห้อง Studio ก่อนหน้านี้ได้อีกด้วย

แต่จุดที่ทำให้ห้องนี้มีความน่าสนใจก็คือ พื้นที่อนกประสงค์ริมหน้าต่าง ที่เราสามารถทำเป็นมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือได้อย่างจริงจังมากขึ้น อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่มากพอ ที่จะสามารถใช้งานพร้อมๆกัน 2 คนได้อีกด้วย จึงทำให้ห้องนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ซึ่งอาจเป็นรูมเมทที่แชร์ค่าห้องอยู่ด้วยกันก็ได้ครับ

เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนครัวกับห้องน้ำ และยังมองไม่เห็นพื้นที่ส่วนอื่นๆ ในห้อง จึงได้ความเป็นส่วนตัวอยู่เหมือนเดิมครับ

ซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่ Built-in มาให้เหมือนห้องสตูดิโอก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถที่จะอุ่น/เตรียมอาหารเล็กๆน้อยๆได้สบาย มาพร้อมกับตู้รองเท้าให้เก็บกันอย่างเป็นสัดส่วนมากขึ้น

ส่วนห้องน้ำเราจะได้สุขภัณฑ์จาก Cotto ครบตามห้องตัวอย่างเลยครับ โดยจะแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และมีพื้นที่ใช้สอยให้งานได้แบบพอดีๆเหมือนเดิม

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี มีระยะกว้างประมาณ 3.3 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ

โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะประกอบไปด้วย โซฟานั่งเล่นขนาด 2 ที่นั่ง และชั้นวางทีวีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแบบนี้ ซึ่งความกว้างของพื้นที่วางโซฟาจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 m.

ส่วนตรงกลางห้องจะมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่แบบ 3 ตอน ซึ่งช่วยแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยหลักๆผมมองว่ามีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

  • ช่วยเรื่องความสว่างและโปร่งโล่งของพื้นที่ทั้งสองในห้อง
  • ช่วยป้องกันเสียงรบกวน ที่อาจมาจากคนดูทีวีและคนที่เดินผ่านไป-มาด้านนอก ทำให้พื้นที่ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
  • สามารถเลื่อนเปิดประตู เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ให้มีขนาดใหญ่คล้ายห้องสตูดิโอได้
  • สามารถติดผ้าม่านไว้เลื่อนปิด เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในห้องนอนให้มากขึ้นได้

ภายในห้องนอนเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดของห้อง แถมยังได้ความสว่างและโปร่งโล่ง จากหน้าต่างกับระเบียงโดยตรงอีกด้วย

สำหรับห้อง 1 Bedroom Extra จะมีความพิเศษกว่าห้อง 1 Bedroom ปกติตรงที่ เราจะได้เป็นเตียง 3.5 ฟุต 2 เตียงคู่กันแบบนี้ ซึ่งเหมาะมากสำหรับการอยู่อาศัยแบบรูมเมท 2 คน ที่น้องๆสามารถมาแชร์ค่าห้องร่วมกันได้ โดยยังคงมีพื้นที่เป็นส่วนตัวเป็นของตัวเองได้สบายๆ

แต่ข้อจำกัดของอย่างหนึ่งก็คือ ขนาดของพื้นที่นี้มีอยู่ค่อนข้างพอดีกับการใช้งาน จึงต้องเลื่อนเตียงทั้ง 2 ให้ชิดติดกันแบบนี้ เพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยด้านข้างมากพอ ให้เราสามารถเดินผ่านและใช้งานได้นั่นเองครับ

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ พื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่าง ซึ่งมีขนาดประมาณ 1.8 x 1.2 m. สามารถทำเป็นมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือของน้องๆได้สบายๆ โดยเราอาจหาโต๊ะรูปตัว L แบบนี้มาตั้ง เพื่อให้ใช้งานพร้อมกัน 2 คนเลยก็ได้ (ของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆ ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์แถมมาให้นะครับ)

ส่วนพื้นที่ปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in มาให้แบบนี้ พร้อมกับเหลือพื้นที่ด้านข้างให้เราสามารถทำเป็นมุมโต๊ะแต่งหน้าเพิ่มเติมได้ด้วย

สุดท้ายคือระเบียงด้านนอก มีขนาดประมาณ 1.1 x 0.9 m. สามารถออกมาใช้งานตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้สบาย ส่วนด้านบนจะเป็น Condensing Unit ที่เป่าลมร้อนมาด้านข้าง ซึ่งหากตากผ้าตรงนี้ก็รับรองว่าแห้งไวแน่นอน หรืออาจติดกริลแอร์เพื่อดันลมร้อนออกไปด้านนอกเพิ่มก็ได้ครับ

1 Bedroom Plus ขนาด 33.8 – 35.6 ตร.ม. ถือว่าเป็นห้องหายาก (Rare Item) ของโครงการเลยก็ว่าได้ครับ เพราะมีอยู่เพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น จุดเด่นคือเป็นห้องหน้ากว้างที่ทุกฟังก์ชันจะอยู่ติดกับช่องแสงทั้งหมด จึงทำให้ภายในห้องมีความสว่างและโปร่งโล่งดี รวมถึงยังมีห้องอเนกประสงค์ ให้เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานอ่านหนังสือส่วนตัว หรืออาจทำเป็นห้องนอนเล็กเพิ่มอีกสักห้องก็ได้ครับ ซึ่งทำให้สามารถอยู่อาศัยร่วมกันได้ 2 – 3 คน และห้องน้ำก็ยังสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทำให้การใช้งานสะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้นดีทีเดียวครับ

Image 1/8

1 Bedroom ขนาด 24.9 – 31.4 ตร.ม. สำหรับห้องนี้จะมีลักษณะที่เหมือนกับ 1 Bedroom Extra หรือห้องตัวอย่างที่เราได้พาไปชมกันก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เล็กลงนิดหน่อย และเตียงนอนก็จะได้เป็นแบบขนาดใหญ่ 5 ฟุตไปเลย จึงเหมาะที่จะอยู่คนเดียวแบบชิลๆสบายๆ หรือเป็นแฟน/เพื่อนที่สามารถนอนเตียงเดียวกันได้ครับ ส่วนที่เหลือก็ยังคงได้ฟังก์ชันที่มีความเป็นสัดส่วน พร้อมกับมุมอเนกประสงค์ให้เราได้ใช้งานริมหน้าต่างได้เหมือนเดิม

Image 1/8

ส่วนแปลนห้องอื่นๆจะมีดังต่อไปนี้ครับ :

1 Bedroom Exclusive ขนาด 25.3 – 26.3 ตร.ม.

Studio Exclusive ขนาด 21.2 – 21.5 ตร.ม.

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

KAVE Town Colony ราคา ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2565

  • Studio Exclusive ขนาด 21.2 – 21.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • Studio ขนาด 22.6 – 27.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท (Promotion)
  • 1 Bedroom ขนาด 24.9 – 31.4 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom Exclusive ขนาด 25.3 – 26.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom Extra ขนาด 27.8 – 29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 33.8 – 35.6 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • มีรถ Shuttle Service ไป-กลับ บริเวณหน้าปากซอย
  • จอง เริ่ม 5,000 บาท
  • ทำสัญญา เริ่ม 10,000 บาท
  • ผ่อนดาวน์ เริ่ม 1,900 บาท
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม. จัดเก็บล่วงหน้า n/a เดือน
  • ค่าส่วนกลาง 49 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : อยู่ใกล้กับ ม.กรุงเทพ และติดกับซอยรังสิตภิรมย์ ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับมหาลัย ที่น้องๆนักศึกษาสามารถเดินไปเรียนจากปากซอยได้สบายๆ อีกทั้งภายในซอยยังมีความอุดมสมบูรณ์มาก เพราะมีคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง Mingle Mall ตั้งอยู่ด้วย ซึ่งภายในก็มีร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้ใช้งานครบ สิ่งนี้เองที่ช่วยทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถวางใจได้ว่า ลูกๆจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก

และจากผลตอบรับของโครงการรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ ที่ได้ Sold Out กันไปแล้ว ก็ทำให้เห็นว่ายังมี Demand ในพื้นที่นี้อยู่ค่อนข้างสูง ทั้งจากกลุ่มผู้ปกครองและน้องๆนักศึกษา ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยที่ครบวงจรและปลอดภัยมากขึ้น (เนื่องจากหอพักในซอยเพื่อนบ้านค่อนข้างเก่าหมดแล้ว) รวมถึงนักลงทุนเองก็เล็งเห็นถึงความต้องการในส่วนนี้ด้วยเช่นกัน จึงเหมาะกับซื้ออยู่เองก็ได้ หรือปล่อยเช่าก็ดี โดยหากอิงจากค่าเช่าของเพื่อนบ้านย่านเดียวกัน ปัจจุบันก็จะมีผลตอบแทนหรือ Yield อยู่ที่ประมาณ 8%

การเดินทางโดยใช้รถ : มีทางด่วนให้ใช้เข้าเมือง 3 เส้นทางหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด่วนอุดรรัถยา ทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ และถนนกาญจนาภิเษก โดยมีระยะทางประมาณ 7.6 – 14.3 km. ซึ่งตัวโครงการได้จัดให้มีที่จอดรถประมาณ 381 คัน หรือคิดเป็น 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน ถือว่าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นัก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายในซอย แต่ทางโครงการก็ได้จัดให้มีรถรับ-ส่งมาให้ที่บริเวณปากซอย ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับน้องๆนักศึกษาได้เป็นอย่างดี และจากปากซอยก็สามารถเดินมาเรียนต่อได้ในระยะทางเพียง 170 m. รวมถึงบริเวณปากซอยรังสิตภิรมย์เอง ก็จะมีวินมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้วย สามารถเรียกเพื่อไปยังคณะเรียนต่างๆของตัวเอง หรือจะนั่งกลับไปยังคอนโดตอนเย็นได้สบายๆ ส่วนถนนพหลโยธินก็จะมีรถสาธารณะให้นั่งเข้า-ออกเมืองได้เยอะเลย ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ และรถสองแถว ซึ่งป้ายรถเมล์ก็จะอยู่ตรงหน้ามหาลัยเลยครับ

การออกแบบโครงการ : ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ ที่มีเพื่อนบ้านรวมกว่า 1,083 ยูนิต โดยจะแบ่งเป็น 4 อาคาร ที่โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องพักอาศัยที่อยู่ด้านใน ก็จะได้วิวสวยๆของสวนและสระว่ายน้ำนั่นเองครับ นอกจากนี้อาคาร B และ C จะมีความพิเศษตรงที่ จะมีทางเดินเชื่อมต่อระหว่างกันได้ด้วย ซึ่งจะทำให้คนที่อาศัยอยู่ในอาคารทั้ง 2 สามารถใช้งานส่วนกลางได้หลากหลายและสะดวกมากขึ้น

ส่วนอาคาร D ก็มีการออกแบบที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะจะมีลักษณะเฉียงเล็กน้อย เพื่อให้เกิดมุมมองที่หลบเลี่ยงหอพักในซอยรังสิตภิรมย์ ที่อาจไม่ค่อยสวยงามและไม่เป็นส่วนตัวมากนักได้ด้วย อีกทั้งยังทำให้มีลักษณะอาคารที่สวยงามแปลกตา ดูคล้ายกับกำแพงเขาวงตกขนาดใหญ่คล้ายกับคอนเซ็ปต์โครงการ ที่ได้มาจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง The Maze Runner และ The Divergent ด้วยนั่นเองครับ

การออกแบบห้องพักอาศัย : มีให้เลือกเยอะถึง 6 แบบ เน้นเป็นห้องขนาดเล็กที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน โดยเฉพาะห้องสตูดิโอที่นอกจากจะมีพื้นที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่แล้ว ยังมีดีไซน์ของพื้นที่ระเบียงให้เปิดช่องแสงมาด้านข้าง ทำให้ถึงแม้ว่าเราจะเปิดประตูไว้ตลอดเวลา ก็ยังไม่เสียความเป็นส่วนตัวจากคนภายนอกนั่นเองครับ

หรือจะเป็นห้อง 1 Bedroom ที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน จึงมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ยังคงได้ความสว่างและโปร่งโล่งอยู่ด้วย ที่น่าสนใจก็คือห้อง 1 Bedroom Extra เพราะนอกจากเราจะได้เป็นเตียง 3.5 ฟุต 2 เตียง ที่เหมาะกับการแชร์ห้องอยู่กับรูมเมทได้แล้ว ยังมีพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่าง ให้สามารถทำเป็นมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือได้อีกด้วยครับ

วัสดุ : ให้มาค่อนข้างคุ้มกับราคา ขายแบบ Fully Furnished พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ โดยสิ่งที่ต่างจากคอนโดทั่วไปคือ ระบบ Home Automation และ Bluetooth Sound System ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ส่วนที่เหลือก็ค่อนข้างดีกว่ามาตรฐานครับ พื้นเป็นกระเบื้องยางไวนิลที่ทนความชื้นได้ดี / Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ / สุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก Cotto และฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Galss รวมถึงประตูหน้าต่างจะเป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำ และกระจกเขียวตัดแสง

สาธารณูปโภค : มีให้ใช้งานกว่า 30 ฟังก์ชัน โดยได้มีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ๆอย่าง Kave Music Studio / Kave Theater / Live & Shooting Studio และ E-Sport Stadium เข้ามาด้วยครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆในย่าน และยังช่วยตอบสนองความต้องการของเด็กรุ่นใหม่ได้มากขึ้นอีกด้วย เพราะเค้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ภายในโครงการได้ครบ โดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปด้านนอกเลยนั่นเอง แต่ที่เด็ดเลยก็คือ Maze Pool ที่เป็นสระว่ายน้ำยาวที่สุดในย่านกว่า 85 m. นอกจากนี้ก็ยังมีการแบ่งโซนตามลักษณะของฟังก์ชัน เพื่อให้การใช้งานไม่รบกวนกันอีกด้วย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 67,000 บาท/ตร.ม., 16 มิถุนายน 2565

  • ทำเล 8.25/10 – อยู่ฝั่งเดียวกับ ม.กรุงเทพ สามารถเดินไปเรียนจากปากซอยได้ และมีความอุดมสมบูรณ์สูง
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – มีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองหลายเส้นทาง
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีรถรับ-ส่งมาหน้าปากซอย ถนนใหญ่มีรถสาธารณะให้เรียกเยอะ
  • วัสดุ 9/10 – ให้มาค่อนข้างดี Fully Furnished เพิ่ม Home Automation ภายในห้อง
  • แบบ 8/10 – ยูนิตเยอะ วางผังโอบล้อมส่วนกลาง และเลี่ยงมุมมองจากเพื่อนบ้านได้ดี เน้นห้องขนาดเล็กสำหรับ 1 – 2 คน ฟังก์ชันครบเป็นสัดส่วน
  • สาธารณูปโภค 9/10 – มีให้เยอะถึง 30 ฟังก์ชัน สวยงามน่าใช้ เหมาะกับเด็กรุ่นใหม่ และแบ่งโซนเป็นกลุ่มได้ชัดเจนดี

  • MAIN CLASS
  • 8.23 / 10.00

KAVE Town Colony เหมาะกับใคร

โครงการ KAVE Town Colony เหมาะกับพ่อแม่ผู้ปกครอง น้องๆนักศึกษา รวมถึงกลุ่มนักลงทุน ที่กำลังมองหาคอนโดใกล้ ม.กรุงเทพ พร้อมรถรับ-ส่งมาหน้าปากซอย ให้น้องๆสามารถเดินไปเรียนต่อได้ ทำเลอุดมสมบูรณ์ มีคอมมูนิตี้มอลล์ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ให้ส่วนกลางมาเยอะกว่า 30 ฟังก์ชัน เน้นห้องขนาดเล็กสำหรับ 1 – 2 คน ขายแบบ Fully Furnished พร้อมระบบ Home Automation ในราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 10,000 บาท/เดือนขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc