รีวิวฉบับที่ 1373 … ช่วงนี้คงได้ยินข่าวอนันดาเปิดตัวคอนโดใหม่พร้อมกัน 5 โครงการ ทางทีมงานไม่รอช้ารีบเข้าไปเก็บรีวิวของคอนโด 1 ใน 5 โครงการมาฝาก นั่นคือ IDEO New Rama 9 เป็นคอนโด High Rise 24 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง ใกล้แยกรามคำแหงตัดถนนพระราม 9 และใกล้กับ Foodland ในระยะที่เดินไปได้ ตัวโครงการมาในคอนเซปต์ Hybird ที่มีความล้ำสมัยทั้งในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักที่มีให้เลือกทั้งสตูดิโอ และ 1-2 Bedroom ซึ่งแบบ 1 Bedroom นั้นมีห้องแบบฝ้าเพดานสูง 4.5 ม. ให้สามารถทำเป็นห้อง 2 ชั้นได้ด้วย ในราคาประมาณ 1.99 – 4.4 ล้านบาท

Fact @ 26 June 2017

  • IDEO New Rama 9 (ไอดีโอ พระราม 9-ตัดใหม่)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางกะปิ
  • คอนโด High Rise 24 ชั้น 1 อาคาร 994 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 50 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 344 คันคิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคิดเป็น 40%
  • ที่ดินประมาณ 4-3-76.3 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ตุลาคม ปี 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มิถุนายน ปี 2562
  • Studio 26 ตร.ม. 
  • Studio Hybrid 26 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 30-52 ตร.ม. 
  • 1 Bedroom Hybrid 34 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.8-4.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
  • ราคาห้องต่ำสุด-สูงสุด 1.9 – 4.4 บาท
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-316-2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.748659, 100.606495

แผนที่จากทางโครงการ IDEO New Rama 9 อยู่ใกล้กับแยกรามคำแหง และใกล้กับ Foodland ในระยะที่สามารถเดินไปได้ บริเวณแยกรามคำแหงมีทางด่วนสองอันตัดไขว้กัน โครงการจึงอยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นลงทางด่วน ทำให้แปลงที่ดินนี้มีศักยภาพในการเดินทางด้วยรถยนต์ นอกจากนี้ในอนาคตยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มวิ่งจากพระราม 9 เข้ามาในเส้นรามคำแหง ชื่อสถานีรามคำแหง 12 ที่มีแผนจะตั้งสถานีอยู่บริเวณหน้า The Mall รามคำแหง ซึ่งตามแผนคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 ค่ะ

ทำเลที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง บริเวณใกล้แยกรามคำแหง เป็นทำเลที่เขยิบออกมาจากโซนใจกลางพระราม 9 ช่วงแยกอ.ส.ม.ท มาจนถึงแยกพระราม 9 ออกมาค่ะ เมื่อเทียบกับโซนใจกลางพระราม 9 แล้วก็คงจะสู้ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์และความสะดวกสบายในการเดินทางเข้าเมืองไม่ได้ แต่ทำเลนี้ก็จะถูกลงมาจากทำเลใจกลางพระราม 9 ในพอหยิบจับได้สบายตัวหน่อย เหมาะสำหรับคนที่ทำงานในละแวกทำเลใกล้เคียงอย่างพระราม 9, เพชรบุรี และรามคำแหงค่ะ บรรยากาศของทำเลนี้จะออกมาทางชานเมืองหน่อย ส่วนใหญ่เป็นผู้คนในท้องที่อยู่อาศัยกันเป็นแหล่งชุมชน และยังพอเห็นอาคารพาณิชย์ตึกแถวหรืออพาร์ทเม้นท์ต่างๆ ริมถนนอยู่ประปราย

การเดินทางด้วยรถยนต์ จัดว่าเดินทางได้สะดวกค่ะ เนื่องจากตัวโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่สองสายหลักอย่าง ถนนพระราม 9 และถนนรามคำแหง ซึ่งสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่าย อย่างถนนพระราม 9 ที่มุ่งหน้าไปยังดินแดงและอนุสาวรีย์ได้ ถนนรามคำแหงที่ไปยังหัวหมาก บางกะปิ ถนนเพชรบุรี วิ่งเข้าเมืองไปยังเอกมัย ทองหล่อได้สบายๆ ถนนพัฒนาการ ออกไปยังนอกเมืองมุ่งหน้าไปทางถนนศรีนครินทร์หรือสนามบินสุวรรณภูมิได้ และเข้าถนนสุขุมวิท 71 ออกไปยังพระโขนงอ่อนนุชได้เช่นกัน แต่ข้อเสียของที่ตั้งโครงการที่อยู่ต้นถนนรามคำแหงแบบนี้ ทำให้ถ้าวิ่งมาจากม.รามฯแล้วต้องการกลับรถเข้าโครงการ ต้องไปกลับรถบนถนนพระราม 9 เลยทีเดียว และด้วยที่ตั้งที่ใกล้แยกใหญ่แบบนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องรถติด ทั้งเช้า-เย็น ซึ่งก็ควรจะเผื่อเวลาในการเดินทางพอสมควรทีเดียว

ส่วนการเดินทางโดยพึ่งพิงระบบสาธารณะ อย่าง Airport Rail Link ที่ใกล้ที่สุดคือสถานีรามคำแหง ใกล้กับอาคาร UM Tower นั้นจะอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 850 ม. ค่ะ ซึ่งถือว่าเลยระยะเดินได้สบายๆ ไปแล้วนะคะ แถมยังต้องข้ามถนนใหญ่แยกรามคำแหงอีก หากใครที่เน้นการเดินทางด้วย Airport Rail Link นั้นถือว่ามีความสะดวกน้อยกว่าโครงการเพื่อนบ้านบนถนนรามคำแหงด้วยกันนะคะ เพราะส่วนใหญ่โครงการเพื่อนบ้านนี้จะอยู่ใกล้ Airport Rail Link มากกว่าและยังไม่ต้องเดินข้ามถนนใหญ่อีกด้วย นอกเหนือจากนี้บริเวณหน้าโครงการนั้นก็มีพี่วินมานั่งคอยให้บริการรับ-ส่งลูกบ้าน หรือจะโบกพี่แท็กซี่หน้าโครงการเลยก็สะดวกดีค่ะ

ส่วนในเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะในอนาคตก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยมีสถานีรามคำแหง 12 เป็นสถานีที่ใกล้กับโครงการที่สุด อยู่ในระยะประมาณ 400 ม. (ซึ่งระยะที่แน่นอนคงต้องรอดูหลังจากสถานีสร้างเสร็จอีกที) โดยมีแผนที่คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2566 ค่ะ

ตัดกลับมาสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีสถานีรถไฟฟ้าใดๆ เราก็ยังคงจะต้องพึ่งพารถสาธารณะ ก็ถือว่าสะดวกอยุ่ เพราะมีให้เลือกมากมายทั้งรถเมล์ รถสองแถว แท๊กซี่ และพี่วินที่สามารถเรียกได้ตามถนนใหญ่หน้าโครงการ


มาดูบริบทการใช้ทางพิเศษกันหน่อย จะค่อยๆไล่การใช้งานไป ทีละเส้นนะคะ

1. จากโครงการไปจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ (มุ่งหน้าขาออกไปยังแยกท่าเรือ ซึ่งสามารถไปได้ทั้งบางนา และเข้าเมืองทางพระราม 3 หรือ 4 ก็ได้) เริ่มจากหน้าโครงการแล้วไปกลับรถบริเวณหน้า Major ราคำแหงก่อน หลังจากนั้นตรงไปถึงแยกคลองตัน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพัฒนาการ จากนั้นเลี้ยวขวาที่แยกใต้ด่วนพัฒนาการ รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 3.7 กม. ค่ะ

2. จากโครงการไปจุดขึ้นทางด่วนศรีรัช (มุ่งหน้าเข้าเมือง จตุรทิศ ราชปรารภ ดินแดง พระราม 6) อันนี้ง่ายเลยค่ะ โดยเริ่มจากไปกลับรถบริเวณหน้า Major ราคำแหงอีกเช่นเคย แล้วพอถึงแยกรามคำแหงก็เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 9 แล้วมุ่งหน้าตรงอย่างเดียวทางขึ้นทางด่วนจะอยู่ทางซ้ายมือ รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 3 กม. ค่ะ

3. จากโครงการไปเส้นมอเตอร์เวย์ (มุ่งหน้าออกเมืองไปสนามบินสุวรรณภูมิ, ลาดกระบัง, ชลบุรี) อันนี้ก็ง่ายอีกเช่นกัน โดยเริ่มจากไปกลับรถบริเวณหน้า Major ราคำแหง แล้วพอถึงแยกรามคำแหงก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 9 มุ่งหน้าตรงไปเรื่อยๆ ก็เข้าถนนมอเตอร์เวย์แล้ว รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 6.2 กม. ค่ะ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในรัศมีไม่เกิน 1 กม. ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูงพอตัวค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บนเส้นรามคำแหงทั้งหมด อย่างที่ใกล้ๆ และเดินไปได้สบายๆ เลย ก็คือ FoodLand ที่อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 180 ม. ส่วน เดอะมอลล์ รามฯ และ Major Cineplex จะถัดไปอีกหน่อยอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 500 และ 550 ม. ตามลำดับ ถ้าวันไหนอากาศร้อนๆ ขี้เกียจเดินสามารถขับรถหรือนั่งรถสองแถว/รถเมลล์ไปได้สบายๆ เลยค่ะ นอกจากจะมีห้างอย่าง Major Cineplex แล้ว ช่วงบริเวณหน้ารามทั้งเช้าไปจนถึงเย็นก็มีร้านขายเสื้อผ้า อาหาร ให้เดินได้ตลอดทั้งวัน และในช่วงเย็นๆ หน่อยหน้าสนามกีฬา (กกท.) มีตลาดกางเต้นท์ขายอาหารกันคึกคักทีเดียวค่ะ โดยระยะทางจากโครงการไปแถวหน้าม.รามคำแหงจะห่างประมาณ 1.7 กม.

สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นบนถนนพระราม 9 พอถึงแยกรามคำแหงแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามคำแหง จากแยกมาประมาณ 140 ม. โครงการจะอยู่ทางฝั่งซ้ายค่ะ แต่ก่อนจะเข้าไปชมในโครงการจะพาตรงไปบนถนนรามคำแหงอีกสักนิด เพื่อพาไปดูความอุดมสมบูรณ์ในละแวกนี้กัน เพราะจะมีทั้ง Foodland, KFC, The Mall และ Major Cineplex ด้วยค่ะ

เริ่มบนถนนพระราม 9 จะเห็นป้ายแยกรามคำแหงอยู่ด้านหน้า ให้อยู่เลนซ้ายเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าถนนรามคำแหงค่ะ

เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเลยค่ะ

พอเลี้ยวเข้าถนนรามคำแหงแล้วฝั่งซ้ายจะเห็นคอนโด The Base พระราม9-รามคำแหง ถัดไปเป็นอาคารสำนักงานฤทธิรัตน

ติดกันก็จะถึงโครงการ IDEO New Rama 9 แล้ว มีระยะห่างจากแยกรามคำแหงประมาณ 140 ม. เท่านั้น แต่ก่อนเข้าโครงการจะพาตรงไปบนถนนรามคำแหงเพื่อดูความอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ใกล้ๆ

ตรงมาไม่ไกลจะผ่าน d condo และถัดไปเป็น Foodland ที่อยู่ห่างจากโครงการ 180 ม. ซึ่งสามารถเดินไปได้สบายๆ ติดกันเป็น KFC อีกร้านนึงค่ะ

ขับตรงไปไม่ไกลก็จะถึง The Mall รามคำแหง 2, 3 ที่อยู่ตรงข้ามกัน เป็นศูนย์การค้าที่อยู่ใกล้กับโครงการที่สุด มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 500 ม.

จากตรงนี้ถ้าอยู่เลนซ้ายจะวิ่งทางราบไปบนถนนรามคำแหง ก็จะผ่านม.รามคำแหง ส่วนถ้าชิดขวาขึ้นทางยกระดับจะพาวิ่งยาวไปจนถึงช่วงแยกลำสาลี ทำให้ใครที่ต้องการไปถนนศรีนครินทร์สามารถวิ่งยาวไปได้เลยไม่ต้องมาติดแยกต่างๆ บนถนนรามคำแหงที่ร่ำลือว่ารถติดมากมายนั่นเองค่ะ

ชิดซ้ายวิ่งทางราบมาอีกนิดก็จะผ่าน Major รามคำแหงอีกที่นึง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 550 ม.

ถัดมาไม่ไกลก็จะผ่าน Huamark Tower Center อีกที่หนึ่งด้วยค่ะ

ต่อไปจะพากลับมาดูบริเวณโดยรอบโครงการกันต่อนะคะ ที่เห็นข้างหน้าคือแยกพระราม 9 จะเห็นว่าถ้าใช้ทางยกระดับจากพระราม 9 มาลงถนนรามคำแหงจะเลยโครงการมานะคะ ทำให้ต้องวิ่งทางราบปกติแบบที่พามาค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สรุปสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นที่ดินเปล่าโดยรอบ ทำให้วิวโดยรอบคอนข้างเปิดโล่งทีเดียว ยกเว้นทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะติดกับคอนโดสูง 35 ชั้น และอาคารสำนักงานสูง 8 ชั้น ซึ่งอาคารฝั่งนี้จะถูกบล๊อกวิวในระยะประชิดด้วยคอนโดสูงนี้นะคะ ส่วนฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่อยู่ทางด้านหน้าของโครงการจะติดกับถนนรามคำแหง ทำให้ห้องทางทิศนี้จะไม่ถูกบล๊อกวิวในระยะประชิดเพราะติดกับถนนใหญ่ แต่ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นที่ดินของ Major Development ก็คงต้องดูกันต่อไปว่าจะสร้างเป็นโครงการอะไร

ฝั่งหนึ่งของโครงการติดกับอาคารฤทธิรัตนสูง 8 ชั้น แต่ติดในส่วนของที่จอดรถ ทำให้มีพื้นที่ว่างระหว่างอาคาร ห้องพักในทิศนี้จึงไม่ถูกอาคารบล๊อกในระยะประชิด

อีกฝั่งหนึ่งของโครงการอยู่ติดกับอู่ล้างรถ ภายในมีร้านกาแฟสดเล็กๆ

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น เป็นที่ตั้งของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา รามคำแหง ส่วนข้างๆ เป็นที่ดินเปล่าที่จะเห็นว่ามีการก่อสร้างอยู่ เป็นของ Major Development ค่ะ

เข้ามาดูภายในที่ดินกันบ้าง ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะเห็นว่าติดกับที่ดินว่างเปล่า ไม่มีอาคารบังวิวเลย

ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเห็นอาคารสูง 35 ชั้น บล๊อกวิวอยู่แบบนี้เลยค่ะ

ส่วนทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะติดกับที่ดินเปล่าเช่นกัน ทำให้ได้วิวโล่งๆ เลยนะคะ

เข้ามาภายในสำนักงานขาย จะมีโมเดลของโครงการให้ดูภาพรวมของโครงการทั้งหมด

สำนักงานขาย ได้รับการตกแต่งไว้ให้เป็นแบบ 2 ชั้น เพื่อให้ได้ Mood & Tone ของห้องแบบ Hybrid ค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Foodland ~ 180 ม.
  • The Mall รามฯ ~ 500 ม.
  • Major Cineplex ~ 550 ม.
  • สภาสถาปนิก ~ 600 ม.
  • A Link  ~ 900 ม.
  • UM Tower ~ 900 ม.
  • โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ~ 950 ม.
  • Big C ~ 1 กม.
  • มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 1.9 กม.
  • โรงเรียนสาธิตรามคำแหง ~ 2.4 กม.
  • สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ~ 2.7 กม.
  • โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 5.1 กม.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 5.3 กม.
  • RCA ~ 5.8 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

IDEO New Rama 9 เป็นคอนโด High Rise 24 ชั้น บนเนื้อที่ดิน 4-3-76.3 ไร่ มีจำนวนยูนิตเกือบ 1,000 ยูนิต เป็นคอนโดใน Series Hybrid จากอนันดา ที่ใช้นวัตกรรมมาใช้ในการออกแบบ ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย และมีความแตกต่างจากโครงการในละแวกนี้เลยค่ะ แบบห้องมีให้เลือกทั้งแบบ Studio (26 ตร.ม.), Studio Hybrid (26 ตร.ม. นับเฉพาะชั้นล่าง), 1 Bedroom (30-52 ตร.ม.), 1 Bedroom Hybrid (34 ตร.ม. นับเฉพาะชั้นล่าง) โดยส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ห้องแบบ Studio 26 ตร.ม. และแบบ 1 Bedroom 30 ตร.ม. เป็นหลักค่ะ

ก่อนจะพาไปชมห้องตัวอย่างจะพาไปดูโมเดลของ “IDEO New Rama 9 กันก่อน แปลงที่ดินมีหน้าติดถนนค่อนข้างยาวทำให้สังเกตุโครงการได้ง่าย สำหรับตัวอาคารจะมีระยะถอยร่นจากถนนพอสมควร ตามที่กฎหมายกำหนด ทำให้ตัวอาคารไม่ติดถนนซะทีเดียว จึงช่วยในเรื่องเสียงและควันรถยนต์จากถนนได้ แปลงที่ดินเป็นทรงฟรีฟอร์ม วางอาคารเรียงตัวไปตามรูปของที่ดิน ซึ่งเป็นอาคารรูปตัว z สำหรับทางโครงการแยกทางเข้า-ออกรถยนต์กับทางเข้า-ออกคนเดินไว้เรียบร้อย ทำให้คนเดินเข้าออกมีความปลอดภัยมากขึ้น ส่วนทางเข้าอาคารจะผ่านเข้าออกด้วยระบบ Key Card และเพิ่มระบบ Mobile Access เข้ามา ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบายขึ้น

ตัวอาคารแยกออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ ชั้น 1-2 จะเป็นชั้น Facilities หลักๆ ของโครงการ ได้แก่ Lobby, Social Club, Fitness, สระว่ายน้ำ, Meeting Room และ ที่จอดรถ สำหรับชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นมา ถึงชั้น 18 เป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูง 2.8 ม. และตั้งแต่ชั้น 19 ขึ้นไปถึงชั้น 24 จะเป็นชั้นของห้อง Hybrid ทั้งหมด ซึ่งจะมีฝ้าเพดานสูง 4.5 ม.

ด้านหลังของโครงการจะเป็นตำแหน่งของสระว่ายน้ำที่ชั้น 1 และ Fitness ที่ชั้น 2 จากมุมนี้จะเห็นชั้นที่จอดรถที่สามารถขึ้นจอดได้ถึงชั้น 5 ค่ะ

จากทางเข้าโครงการจะมีป้อมรปภ. อยู่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าออก รถยนต์เมื่อเข้ามาในโครงการแล้ว จะมีเส้นทางที่ตรงเข้าไปจอดรถใต้อาคารทางซ้าย หรือถ้าใครแค่จะมาวนรถส่งลูกบ้านก็จะมี Drop-Off ให้อยู่บริเวณด้านหน้าโครงการเลย

ตรงมาเรื่อยๆ ตามทางเดินรถจะมีทางเข้า-ออกที่จอดรถใต้อาคาร หรือถ้าไม่ได้จอดใต้อาคารก็จะมีที่จอดรถนอกอาคารด้วยค่ะ แต่ทางวนรถจะไม่ได้วนได้รอบโครงการนะคะ พอถึงช่วงต้นไม้ ก็ต้องวนกลับแล้วค่ะ

สำหรับสระว่ายน้ำของโครงการจะมีทางเดินรอบโครงการให้สามารถเดินไปถึงได้ หรือจะเดินทะลุมาจากในอาคารมาก็ได้ นอกจากนั้นจะมีทางขึ้น Fitness บนชั้น 2

ในส่วนของสระว่ายน้ำจะมีทั้งส่วนของ Swimming Jet ให้สามารถว่ายออกแรงได้และไม่ต้องใช้พื้นที่สระว่ายน้ำเยอะ และ มีส่วนของ jacuzzi ให้มานั่งผ่อนคลายกัน ด้วยตำแหน่งของสระว่ายน้ำที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้อาคารฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ช่วยบังแดดไปได้มาก ทำให้สระว่ายน้ำสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ ทีเดียว

ต่อไปมาดูแปลนอาคารกันนะคะ เริ่มกันที่ผังชั้น 1 โครงการ IDEO New Rama 9 โดยทางเข้าออกโครงการได้แยกทางเข้า-ออกรถยนต์และทางเข้า-ออกคนเดินไว้ชัดเจน ทำให้เป็นสัดส่วนดี ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเดินหลบรถค่ะ ในชั้นนี้พื้นที่นอกอาคารจัดเป็นพื้นที่สวนส่วนกลางทั้งหมด ได้แก่ ที่จอดรถรอบอาคารและส่วนของสระว่ายน้ำ สำหรับรถยนต์มีที่จอดรถประมาณ 35% รวมซ้อนคันแล้วคิดเป็น 40% สำหรับความปลอดภัยนั้นจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ทางเข้าอาคารเลยนะคะ แขกของลูกบ้านถ้าจะเข้ามาในอาคารก็ต้องบอกให้ลูกบ้านลงมารับค่ะ (ตามในแปลนคือส่วนที่ขีดสีแดงไว้ เป็นตำแหน่งประตูที่ต้องใช้ Key Card ค่ะ)

  • ประตูทางเข้า Lobby —>ใช้ Key Card ถ้ามีแขกมาหาต้องบอกให้ลูกบ้านลงมารับ
  • ตัวลิฟท์ —>ใช้ Key Card แขกของลูกบ้านต้องรอลูกบ้านมารับขึ้นส่วนพักอาศัยเท่านั้น
  • ประตูทางเข้าฝั่ง Mail Box —>ใช้ Key Card จึงใช้ได้เฉพาะลูกบ้านเท่านั้น
  • ประตูทางฝั่ง Social Club —>ใช้ Key Card เช่นกัน

สิ่งอำนวยความสะดวกในชั้นนี้จะมี Double Volume Lobby ที่ออกแบบฝ้าเพดานไว้ 2 ชั้น จึงได้บรรยากาศที่โปร่งโล่ง เหมือนในสำนักงานขาย นอกจากนี้ก็จะมี Social Club และ ร้านค้าอีก 2 ร้าน นอกจากนี้ด้านหลังอาคารยังมีสระว่ายน้ำด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณหน้าทางเข้าโครงการ ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าโครงการ สำหรับตัวอาคารมีระยะที่ถอยร่นไปด้านในที่ดินพอสมควร จึงช่วยลดเรื่องเสียงและควันรถยนต์จากถนนได้

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Double Volume Lobby ของโครงการ ด้านหนึ่งจะติดกับสระว่ายน้ำ ทำให้ได้วิวสระแบบนี้ค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำมีความยาวสระทั้งหมด 25 ม. ภายในแยกมีการออกแบบฟังก์ชันต่างๆ ได้แก่ Swimming Jet เป็นนวัตกรรมให้สามารถว่ายน้ำหนักๆ ได้ โดยใช้พื้นที่ของสระลดลง และยังมีส่วนของ Jacuzzi ให้สามารถนั่งเล่นผ่อนคลายได้ด้วย

มาต่อกันที่ชั้น 2 ยังเป็นพื้นที่ของ Facilities แบ่งเป็น 2 ส่วนได้แก่ พื้นที่ Social Club & Co-Working space และ Meeting Room ที่ต้องเดินขึ้นมาจาก Social Club ชั้น 1 นะคะ อีกส่วนหนึ่งคือที่จอดรถที่ติดอยู่กับ Lift Lobby และ ห้องซักรีด ซึ่งที่จอดรถสามารถเดินเชื่อมเข้าโถงลิฟต์ และกดลิฟต์ขึ้นห้องพักอาศัยขึ้นไปได้เลย

จากชั้นล่างจะมีทางเดินขึ้นมายังห้อง Fitness บนชั้น 2 ได้ ซึ่งทางเดินนี้จะเปิดมุมมองบริเวณสระว่ายน้ำอีกด้วย

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Fitness ดูเรียบหรู ผนังส่วนหนึ่งเป็นกระจก ให้แสงจากภายนอกผ่านเข้ามาได้ ทำให้ภายในดูโปร่งขึ้น โดยตำแหน่งของห้อง Fitness จะได้วิวของสระว่ายน้ำด้วยเช่นกัน

มาต่อกันที่ ชั้น 3 ชั้นนี้มีเพียงที่จอดรถนะคะ ซึ่งที่จอดรถบนชั้นนี้จะไม่ได้เชื่อมกับโถงลิฟต์ด้วย ทำให้ต้องเดินลงไปขึ้นลิฟต์ที่ชั้น 2 หรือเดินขึ้นไปชั้น 4 ก็จะเชื่อมกับโถงลิฟต์ได้เช่นกัน

มาต่อกันที่ชั้น 4 ของตึกค่ะ เป็นชั้นแรกที่เริ่มมีห้องพักอาศัยในอาคาร โดยส่วนใหญ่จะเป็นห้องด้านหน้าอาคาร โดยห้องส่วนใหญ่จะหันออกทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 22 ห้อง ดังนี้

  • ห้อง Studio ขนาด 26 ตร.ม. 6 ห้อง
  • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30-52 ตร.ม. อีก 16 ห้อง

ทางเดินจัดเป็น Double Corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง ลิฟต์มี 4 ตัวเป็นแบบล็อกชั้น มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการถือว่าน้อยมากอยู่ที่ 249 :  1 จัดว่าเยอะพอสมควร ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็น น่าจะต้องเผื่อเวลาลงลิฟต์กันสักหน่อย ส่วนบันไดหนีไฟจะมี 3 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาของอาคาร ซึ่งบันไดทั้งหมดสามารถลงไปยังชั้น 1 ได้ค่ะ การจัดวางห้องในอาคารใช้วิธีการจัดวางเรียงไปตามรูปทรงอาคาร จะมีเพียงห้องเดียวที่ตรงกับทางเดินค่ะ

ต่อไปเป็นเรื่องของวิว สำหรับห้องส่วนใหญ่ที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ในตอนนี้เป็นทิศที่ดีที่สุด น่าอยู่สุด เพราะติดกับถนนซอยรามคำแหง 7 และถัดไปคือแปลงที่ดินเปล่า ทำให้ได้ความสงบและมองวิวโล่งๆออกไปได้ แต่ในอนาคตก็ต้องมาลุ้นกันว่าแปลงที่ดินว่างๆ นี้ จะขึ้นเป็นอาคารสูงรึเปล่า ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถูกการันตีด้วยถนนรามคแหงว่าจะไม่โดนบล๊อกวิวในระยะประชิดแน่นอน แต่ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นแปลงที่ดินของ Major Development ก็มีโอกาสจะถูกบังวิวด้วยอาคารสูงในระยะไกลหน่อยค่ะ ฝั่งสุดท้ายที่ถูกบังวิวแน่ๆ คือทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่จะติดกับอาคารฤทธิรัตน สูง 8 ชั้น แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดกับอาคารมากขนาดนั้น เพราะส่วนที่ติดกับโครงการเป็นส่วนของที่จอดรถ จึงมีระยะเว้นว่างระหว่างอาคารให้เล็กน้อย

มาต่อกันที่ ชั้น 5 จะมีแปลนเหมือนกับชั้น 4 เลย ต่างกันคือในชั้นนี้จะมีลิฟต์เชื่อมกับที่จอดรถค่ะ ในส่วนของเรื่องห้องพักและวิว แทบไม่ต่างกับชั้น 4 เลยนะคะ

มาต่อกันที่ ชั้น 6-18 ของตึกค่ะ ในชั้นนี้จะเริ่มเป็นห้องพักอาศัยเต็มชั้น การจัดแปลนจะเหมือนกับชั้น 4-5 เลย ต่างกันคือในชั้นนี้ห้องพักอาศัยจะเพิ่มขึ้นเป็น 50 ยูนิต ส่วนใหญ่จะเป็นห้องแบบ Studio 26 ตร.ม. ดังนี้

  • ห้อง Studio ขนาด 26 ตร.ม. จำนวน 35 ห้อง
  • ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. อีก 15 ห้อง

เรื่องของวิวทางทิศตะวันตกเฉียงหนือ รวมถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนือและเฉียงใต้จะเหมือนกับชั้น 4-5 เลยค่ะ ต่างกันที่ห้องพักทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในส่วนที่ติดกับอาคารฤทธิรัตน พอพ้นช่วงชั้น 8 มาแล้วจะได้วิวที่โล่งขึ้น พอชั้นยิ่งสูงขึ้นก็ยิ่งได้วิวที่โปร่งโล่งขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

มาต่อกันที่ ชั้น 19-24 ของตึกค่ะ แปลนของชั้นนี้มีจำนวนยูนิตและขนาดของห้องจะเหมือนชั้น 6-19 เลย ต่างกันที่ฝ้าเพดานที่ได้จะได้สูงถึง 4.5 ม. จัดเป็นชั้นของห้อง Hybrid ทั้งหมดค่ะ สำหรับเรื่องวิวจะเหมือนกับชั้น 6-19 นะคะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ยาว 25 เมตร
  • Jacuzzi
  • Swimming Jet
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • Social Club
  • Co-Working Space
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • EV Charger
  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 249 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 344 คันคิดเป็น 35% รวมจอดซ้อนคิดเป็น 40%
  • ระบบ CCTV / Access Card / Mobile Access

 


Product Walkthrough

ห้องแรกเป็นห้อง Studio 26 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ โดยจัดวางส่วนนอนและโซนนั่งเล่นชิดด้านนอกเพื่อรับแสงและระบายอากาศได้ดีเน้นเปิดวิวสู่ด้านนอก ส่วนห้องน้ำและห้องครัวไว้ชิดฝั่งโถงทางเดินอาจจะต้องระวังเรื่องการระบายอากาศและความชื้น ภายในจัดลำดับแบ่งเป็นส่วนเปียกแห้ง พื้นที่ทำอาหารมีลักษณะเป็นครัวเปิดพอทำอาหารเบาๆ ได้ ส่วนพื้นที่นั่งเล่นและส่วนนอนจะอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งสามารถกั้นแบ่งห้องโดยทำเป็นฉากเลื่อนเปิดปิดให้เป็นสัดส่วนได้มากขึ้น มีพื้นที่ระเบียงเล็กๆ สำหรับวางเครื่องซักผ้าและตากผ้าได้นิดหน่อย

บานประตู HDF ขนาด 0.90 x 2 ม. หนา 3.5 ซม. กรุผิวลามิเนต 2 ด้าน พร้อมมือจับแบบก้านโยกปกติ

เข้ามาในห้องจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางฝั่งซ้าย ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ที่รวมพื้นที่เตียงนอนและตู้เสื้อผ้าในพื้นที่เดียวกันแบบห้องลตูดิโอ ฝ้าเพดานห้องสูง 2.8 ม. พื้นห้องส่วนครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ทำให้เวลาทำอาหารแล้วมีคราบกระเด็นเลอะพื้น ก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ส่วนพื้นที่ด้านในที่เป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน จะปูด้วยลามิเนตค่ะ

เดินเข้ามาภายในห้องแล้วมองกลับไปที่ประตูจะเห็นพื้นที่ในส่วนหน้าห้องที่เป็นส่วนครัวและส่วนทานอาหารชัดเจนนะคะ ทางฝั่งซ้ายของห้องก็จะเป็นห้องน้ำ สำหรับเคาน์เตอร์ครัวจะได้เหมือนห้องตัวอย่างเลย ยกเว้นแค่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ตู้เย็น และไมโครเวฟค่ะ

เคาน์เตอร์ครัวที่ให้มาจะมีขนาดกว้างยาว 1.4 x 0.6 ม. สูง 0.9 ม. พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดห้อง 1 ห้องนอน เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานเป็นบานไม้ทึบตามห้องตัวอย่าง ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft close และมีตู้ช่องโล่งไว้ให้สำหรับวางไมโครเวฟ ส่วนตู้ใต้อ่างล้างจานมีพื้นที่ให้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ

มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง แบ่งพื้นที่ใช้งานมาได้ครบทั้งล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และมีพื้นที่โล่งอีกเล็กน้อยไว้ให้เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลังจะไม่ได้มีให้นะคะ แนะนำให้ไปติดเพิ่มก็ดีค่ะ เพราะเวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Teka จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ ด้านบนติดเครื่องดูดควันไว้ได้ของ Teka เช่นกัน เป็นระบบหมุนเวียน จึงไม่เหมาะที่จะทำอาหารกลิ่นแรงมากๆ นะคะ

ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานของ Teka มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่ล้างจานแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนะคะ

ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เว้นไว้สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งห้องตัวอย่างวางตู้เย็น ขนาด 11.4 คิวไว้ ถ้าต้องการตู้เย็นที่ใหญ่กว่านี้คงต้องวัดพื้นที่ให้แน่นอนก่อนไปซื้อค่ะ

ฝั่งตรงข้ามของชุดครัวเป็นตู้เก็บของที่ติดกับประตูห้องน้ำ

ตู้ใบนี้ฝั่งหนึ่งแบ่งเป็นชั้นๆ สำหรับเก็บรองเท้าได้หลายคู่ทีเดียว ส่วนชั้นอื่นๆ แบ่งเป็นช่องใหญ่เล็ก ไว้เก็บของได้หลากหลาย ทั้งไม้กวาด อุปกรณ์ทำความสะอาด หรือของใช้อื่นๆ ที่ไม่ต้องการโชว์ ถ้าเอามาใส่ตู้ทึบแบบนี้ก็จะทำให้ห้องดูเป็นระเบียบดีค่ะ

ติดกันกับตู้จะเป็นห้องน้ำ ซึ่งภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกเพื่อช่วยกันลื่นภายในห้องน้ำ ส่วนผนังจะเป็นกระเบื้องสีเรียบและมีกระเบื้องลายตกแต่งเล็กน้อย ภายในพื้นที่อาบน้ำ

พื้นที่ใช้สอยในส่วนแห้งมีขนาดที่ใช้งานได้พอสมควร มีการกั้นขอบระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้เรียบร้อย พร้อมกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำอีกที

ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่ รวมถึงอ่างล้างหน้าและชั้นวางของใต้อ่างก็จะได้ตามแบบในห้องตัวอย่างนะคะ

อ่างล้างหน้าของ American Standard หรือเทียบเท่า มีพื้นที่รอบข้างอ่างสำหรับวางของได้ค่อนข้างเยอะ

โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า มาพร้อมแกนใส่ทิชชู่ และที่ฉีดน้ำตามมาตรฐานโครงการ

ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย แบบบานเลื่อน มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้งค่ะ

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.5 x 0.8 ซม. พอให้สามารถยืนอาบน้ำได้สะดวกพอสมควร

ภายในพื้นที่อาบน้ำจะติดชุดฝักบัวอาบน้ำ และชั้นวางสบู่ไว้

อีกฝั่งหนึ่งในพื้นที่อาบน้ำ จะติดที่แขวนผ้าเช็ดตัวไว้ให้

หน้าตาของฝักบัวและก๊อกของ American Standard มีขนาดจับได้ถนัดมือดี

ซึ่งระหว่างพื้นห้องครัวและห้องน้ำ จะมีการยกขอบธรณีกั้นพื้นที่เพื่อกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆ และระหว่างพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียกก็มีขอบธรณีกั้นเช่นกัน ทำให้พื้นที่ภายในห้องน้ำดูเป็นสัดส่วนดี

และด้วยตำแหน่งของห้องน้ำที่อยู่ภายในอาคาร จึงต้องพึ่งระบบระบายอากาศ ซึ่งทางโครงการได้ติดดั้งมาให้เรียบร้อย

ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นที่จะรวมเป็นพื้นที่เดียวกันกับห้องนอนตามแบบของห้องสตูดิโอ ภายในมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อยู่ติดกับเตียงนอน ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้จะได้แสงธรรมชาติเต็มๆ จากหน้าต่างบานใหญ่ที่อยู่ถัดจากเตียงนอน โครงการขายแบบ Fully Fitted จึงจะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวนะคะ ในพื้นที่นี้จะได้เฉพาะตู้เสื้อผ้าเท่านั้นค่ะ

มองย้อนกลับไปที่พื้นที่นั่งเล่น จะไม่ได้อยู่ตรงกับทีวีซะทีเดียว จะเยื้องๆ กันหน่อย เพราะทีวีจะอยู่ตรงกับเตียงนอนแทน ส่วนทางขวาคือตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการจะติดตั้งมาให้ค่ะ

ตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้ จะเป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ภายในมีราวแขวนผ้า ซึ่งแขวนได้ทั้งแบบเสื้อผ้าตัวสั้นและตัวยาว และมีลิ้นชักเก็บของอีก 1 ช่อง หน้าบานของตู้จะไม่ได้เป็นกระจกสีชาดำแบบในห้องตัวอย่างนะคะ หน้าบานจะเป็นบานทึบแบบตู้เคาน์เตอร์ครัวค่ะ

ส่วนของเตียงนอนจะอยู่ติดกันกับโซฟา ปลายเตียงจะมีพื้นที่ของชั้นวางทีวี ทำให้ทีวีตรงกับเตียงพอดี สามารถนอนดูทีวีได้สบายๆ แต่ถ้านั่งบนโซฟาก็จะต้องมองเฉียงๆ หน่อย มีระยะห่างของทีวีประมาณ 3.3 ม.สามารถวางทีวีใหญ่ได้กว่า 60 นิ้วเลยนะคะ

สำหรับพื้นที่รอบเตียงจะมีที่เหลือให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบเลยค่ะ

ติดกับชั้นวางทีวีเป็นประตูบานเลื่อนกระจกเปิดออกไประเบียง เป็นแบบ 3 ตอน ทำให้เวลาเปิดประตูจะได้พื้นที่ทางเดินเข้าออกกว้างกว่าประตูแบบ 2 ตอน ส่วนกระจกที่ได้เป็นกระจกตัดแสง ก็จะช่วยกันความร้อนจากภายนอกได้ชั้นหนึ่งค่ะ

รางประตูจะสูงขึ้นมาจากระดับพื้นนิดนึง เพื่อเวลาฝนสาดเข้ามายังระเบียง ก็จะไม่ไหลเข้าในห้องพักค่ะ เวลาเดินก็ระวังสะดุดหน่อย พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค พื้นที่ตรงนี้ใช้สำหรับวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้า อย่างห้องตัวอย่างวางเครื่องซักผ้าไว้ขนาด 7 Kg. จะเหลือ พื้นที่สำหรับวางราวตากผ้าได้ขนาด 0.9 x 0.8 ม.

ส่วนด้านบนตำแหน่งเครื่องซักผ้าเป็นตำแหน่งของคอมเพรสเซอร์แอร์แบบแขวน ซึ่งห้อง Type นี้จะแถมแอร์ 1 ตัว ของ Daikin หรือเทียบเท่าค่ะ

ด้านข้างเตียงจะมีมุมนั่งทำงานเล็กๆ ติดกับหน้าต่าง โดยจะได้หน้าต่างบานค่อนข้างใหญ่เป็นบาน Fix ผสมบานเลื่อน ให้สามารถเปิดระบายอากาศได้

มุมนั่งทำงานนี้จะจัดเป็นที่วางโซฟา โต๊ะทำงาน หรือ โต๊ะเครื่องแป้ง ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ

ห้องที่ 2 เป็นแบบ Hybrid (2 ชั้น) ขนาด 34 ตร.ม. คือจะเป็นห้องที่มีเพดานสูงถึง 4.5 ม. ทำให้สามารถแบ่งพื้นที่ทำชั้นลอยและต่อบันไดขึ้นไปได้ ทำให้ห้อง Type นี้ มีพื้นที่ใช้สอยบนชั้นลอยเพิ่มขึ้นอีก 15 ตร.ม. แต่ก็ต้องดูว่าเค้าวางผังมาแบบไหน ถ้าออกแบบมาดีก็จะได้การใช้งานที่ดีพร้อมบรรยากาศแบบโปร่งโล่งสบายตาม Style ห้องแบบ Loft

แปลนจะมีเฉพาะชั้นล่างเพราะชั้นบนเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์อย่างบันไดและพื้นที่ทางโครงการทำเพิ่มให้ดูเพื่อเป็นไอเดียในการตกแต่ง หรือจะให้ทางโครงการทำบันไดและพื้นชั้นบนเพิ่มให้ ก็เพิ่มราคาอีก 130,00o บาทค่ะ จากทางเข้าห้องจะอยู่ติดกับส่วนครัวและห้องน้ำ ส่วนที่ได้ Double Space คือส่วนของห้องนั่งเล่นและโซนโต๊ะทานอาหาร ซึ่งห้องนั่งเล่นจะอยู่ติกับบานกระจกขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่กำแพง ทำให้ตัวห้องได้รับแสงธรรมชาติเยอะเป็นพิเศษ ติดกับห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ห้องนี้ดูโปร่งด้วยเช่นกัน สำหรับชั้นบนจัดเป็นฟังก์ชั่นแค่ห้องนอนอย่างเดียว ดังนั้นการใช้ห้องน้ำจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เพราะต้องเดินลงมาชั้นล่างหน้าห้อง 

เข้ามาส่วนหน้าห้องจะเป็นโซนครัวแบบเปิดโล่งจึงไม่เหมาะที่จะทำอาหารหนักๆ ที่มีกลิ่นแรงสักเท่าไหร่ ถัดเข้าไปจะเป็นห้องน้ำและพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร

โซนครัวที่โครงการให้มา ก็จะได้ตามหน้าตาแบบนี้เลยยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้ากับของตกแต่ง ส่วนสเปคของที่ได้จะได้เหมือนห้องแรกนะคะ

อีกฝั่งหนึ่งของประตู ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็น สำหรับห้องตัวอย่างจัดตู้เย็นไว้ขนาด 11.4 คิว ซึ่งถ้าอย่างได้ขนาดใหญ่กว่านี้คงต้องดูเรื่องขนาดพื้นที่ดีๆ ค่ะ

มาดูในห้องน้ำกันบ้าง สุขภัณฑ์จะใช้ของ American Standard เช่นเดียวกับห้องแรก ภายในแบ่งพื้นที่โซนเปียกแห้งไว้เรียบร้อยด้วยขอบธรณีที่ยกสูงขึ้น ทำให้การใช้งานเป็นสัดส่วน

ภายในห้องน้ำจะมีส่วนที่แตกต่างกับห้องน้ำของห้องแบบแรกอยู่นิดนึง คือ ในส่วนของอ่างล้างหน้าจะมีพื้นที่วางของข้างอ่างน้อยลงกว่าหน่อย แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้วางของได้อยู่พอสมควร

ส่วนอาบน้ำจะอยู่ในสุดของห้อง มีฉากกั้นเป็นกระจกนริภัยแบบบานเลื่อน  3 ตอน

พื้นที่อาบน้ำมีความกะทัดรัดขนาด 1 x 0.8 ม.

ภายในพื้นที่อาบน้ำติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำไว้เรียบร้อยสเปคเดียวกับห้องแบบแรก พร้อมที่แขวนผ้าเช็ดตัว และด้านข้างจะมีช่องวางอุปรณ์อาบน้ำไว้ให้ด้วย

ออกมาจากห้องน้ำ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตำแหน่งของโต๊ะทานอาหารและบันไดทางขึ้นชั้นบน ถ้าจะวางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งก็วางติดผนังไว้ฝั่งหนึ่ง แต่เก้าอี้ด้านในก็จะเข้าออกลำบากหน่อย

ส่วนห้องนั่งเล่นจะอยู่ถัดไปจากโต๊ะทานอาหาร พื้นที่ส่วนนี้ค่อนข้างโล่งเพราะได้ฝ้าเพดานสูงถึง 4.5 ม. ด้านหลังโซนนั่งเล่นจะเป็นห้องนอน

มาดูบรรยากาศที่เป็นแบบฝ้าเพดานสูงบ้าง พื้นที่แบบนี้จะให้ความโปร่งสบายๆ ดังนั้นยูนิตแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสพบรรยากาศที่แตกต่างจากห้องทั่วๆไป ช่องแสงที่ให้มาจะแบ่งเป็น 2 ชุดโดยชุดล่างจะเป็นประตูบานเลื่อนและชุดบนเป็นบาน Fix ทั้งหมด  สำหรับคนที่คิดจะซื้อห้องแบบ 2 ชั้น อย่าลืมเตรียมงบไว้ตกแต่งผนังด้านข้างด้วย ถ้าปล่อยโล่งๆ เป็นผนังปูนทาสีขาวธรรมดาเสียดายพื้นที่สวยๆ ค่ะ

จากโซฟามีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.1 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมประมาณ 46″

ด้านข้างโซฟาเป็นประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียงภายนอก

ระเบียงของห้องนี้มีมาให้จุดเดียว ซึ่งใช้วางแค่ราวตากผ้า ทำให้มีพื้นที่เหลือพอให้ออกมายืนรับลม หรือมายืนเปลี่ยนบรรยากาศได้อีกค่ะ

ด้านหลังโซฟาจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ ตัวโครงเป็นอลูมิเนียม ช่วยกั้นแบ่งพื้นที่การใข้งานให้เป็นส่วนตัว และป้องกันเสียงจากบริเวณห้องนั้งเล่นได้ส่วนหนึ่งค่ะ

ภายในห้องนอน พื้นที่ที่จัดให้มาถือว่าใช้งานแบบพอดีไม่แคบไป ถ้าวางเตียงเดี่ยวแบบห้องตัวอย่างก็จะเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะเขียนหนังสือ หรือโต๊ะเครื่องแป้งด้านข้างได้อีก ห้องนี้มีข้อดีตรงตำแหน่งห้องนอนจะอยู่ฝั่งริมติดหน้าต่าง ทำให้สามารถเปิดรับลมและแสงธรรมชาติได้

หน้าต่างภายในห้องนอนที่ให้มาเป็นบานเลื่อนผสมบาน Fix กรอบอลูมิเนียมสีดำ เป็นหน้าต่างบานใหญ่สามารถรับแสงได้ดี ถ้าวางโต๊ะเขียนหนังสือที่มุมนี้ ก็จะได้วิวจากภายนอกพอดี

อีกฝั่งหนึ่งภายในห้องนอนจะมีตู้เสื้อผ้า Built-in เป็นตู้บานเปิด หน้าบานจะไม่ได้กรุด้วยกระจกเหมือนในห้องตัวอย่าง แต่จะได้เป็นหน้าบานไม่ทึบแบบตู้เคาน์เตอร์ครัวค่ะ

จากเตียงนอนสามารถมองผ่านประตูออกไปเห็นทีวีที่ห้องนั่งเล่นด้วย แต่ได้ไม่เต็มจอนัก

ต่อไปมาดูพื้นที่ชั้นบนกันบ้าง จะเป็นพื้นที่โล่งๆ เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่างแบบนี้เลย ซึ่งห้องเปิดโล่งแบบนี้คงต้องทำใจกับค่าแอร์ที่คงจะต้องสูงกว่าปกติ นอกจากจะกั้นแบ่งพื้นที่แต่ห้องให้เป็นสัดส่วน แต่ก็จะเสียความโปร่งโล่งแบบห้อง 2 ชั้นไปนะคะ

ตัวบันไดจะไม่มีชานพักแต่เป็นบันไดสามเหลี่ยมแทน สเปคของบันไดจะเป็นโครงเหล็ก พื้นไม้ลามิเนต แต่อาจจะไม่เป๊ะตามห้องตัวอย่างซะทีเดียวก็คงต้องรอโครงการคอนเฟิร์มสเปคกันอีกที ซึ่งถ้าใครจะต่อเติมบันไดกับพื้นชั้น 2 ของห้องนี้จะต้องเพิ่มเงินอีก 135,000 บาทนะคะ

วิวจากโถงบันไดไปยังชั้นล่าง

ด้วยพื้นที่ชั้น 2 จะมีพื้นที่ใช้สอยแค่ประมาณครึ่งหนึ่งของห้องเท่านั้น ทำให้สามารถเห็นชั้นล่างได้กว้างขวาง ดูโล่ง โปร่ง สบายดี

พื้นที่ชั้น 2 จะมีพื้นที่พอให้ทำตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in และมีพื้นที่ให้วางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้ถึง 6 ฟุตเลย

พอ Built-in ตู้เสื้อผ้าแล้ว ยังมีพื้นที่ทางเดินเหลืออีกประมาณ 1.3 ม. ก็ถือว่าเดินได้สบายๆ เลยนะคะ

สำหรับพื้นที่วางเตียงนั้นพอวางเตียงแบบ 6 ฟุตแล้วจะเหลือพื้นที่รอบๆอย่างที่เห็นค่ะ พื้นที่โดยรอบทั้ง 3 ด้านพอเดินได้โล่งๆ อยู่ มีข้อดีที่ด้านข้างจะติดกับหน้าต่างแบบบาน Fix ผสมบานเลื่อน ทำให้มีช่องรับแสงเข้ามาบนนี้ได้โดยตรงและยังสามารถเปิดหน้าต่างระบายอากาศได้ด้วย

 

ปลั๊กไฟและสวิตซ์ไฟได้ของ Schneider ตามแบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ห้อง Type นี้เป็นห้อง Studio แบบ Hybrid คือจะเป็นห้องที่มีเพดานสูงถึง 4.5 ม. ทำให้สามารถแบ่งพื้นที่ทำชั้นลอยและต่อบันไดขึ้นไปได้ ทำให้ห้อง Type นี้ มีพื้นที่ใช้สอยบนชั้นลอยเพิ่มขึ้นค่ะ การวางผังห้องถ้าต่อเติมพื้นที่ชั้นบนเป็นห้องนอน ก็จะทำให้ชั้นล่างเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบโล่งๆ สบายๆ โดยรวมดูลงตัวทีเดียว สำหรับใครที่อยากให้โครงการเพิ่มบันไดและทำพื้นชั้นบนให้ ก็เพิ่มเงินให้กับโครงการ 100,000 บาท แลกกับพื้นที่ใช้สอยชั้นบนเพิ่มขึ้นอีก 11 ตร.ม.

อีกแบบหนึ่งคือแบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. เป็นแบบห้องที่ได้รับความนิยมมากจากโครงการ IDEO S93 ซึ่งเป็นแบบที่ได้ครัวเป็นครัวปิด ได้แสงธรรมชาติและติดกับพื้นที่ระเบียง ทำให้เหมาะกับผู้ที่ชอบทำครัวแบบจริงจัง เพราะมีตัวช่วยในการระบายกลิ่นค่ะ

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26 June 2017

  • Studio ชั้น 6 เนื้อที่ 26 ตร.ม. ราคา 2.393 ล้านบาท หรือ 92,038 บาท/ตร.ม.
  • Studio ชั้น 8 เนื้อที่ 26 ตร.ม. ราคา 2.393 ล้านบาท หรือ 95,038 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 12 เนื้อที่ 31 ตร.ม. ราคา 3.410 ล้านบาท หรือ 110,000 บาท/ตร.ม.
  • Studio Hybrid ชั้น 20 เนื้อที่ 26 ตร.ม. ราคา 3.490 ล้านบาท หรือ 130,385 บาท/ตร.ม. ถ้ารวมพื้นที่ชั้นบน 11 ตร.ม. (บวกราคาตกแต่งบันไดและพื้นอีก 100,000) จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 94,324 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Hybrid ชั้น 21 เนื้อที่ 34 ตร.ม. ราคา 4.340 ล้านบาท หรือ 127,647 บาท/ตร.ม. ถ้ารวมพื้นที่ชั้นบน 15 ตร.ม. (บวกราคาตกแต่งบันไดและพื้นอีก 130,000) จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 91,224 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.8 – 4.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง Studio และ Studio Hybrid 20,000 บาท,  1 Bedroom และ 1 Bedroom Hybrid 30,000 บาท
  • ทำสัญญา 3%
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเลและความอุดมสมบูรณ์ – โครงการ IDEO New Rama 9 ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง บริเวณใกล้แยกรามคำแหง เป็นทำเลที่เขยิบออกมาจากโซนใจกลางพระราม 9 ช่วงแยกอ.ส.ม.ท มาจนถึงแยกพระราม 9 ออกมาค่ะ เมื่อเทียบกับโซนใจกลางพระราม 9 แล้วก็คงจะสู้ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์และความสะดวกสบายในการเดินทางเข้าเมืองไม่ได้ แต่ทำเลนี้ก็จะถูกลงมาจากทำเลใจกลางพระราม 9 ในพอหยิบจับได้สบายตัวหน่อย เหมาะสำหรับคนที่ทำงานในละแวกทำเลใกล้เคียงอย่างพระราม 9, เพชรบุรี และรามคำแหงค่ะ บรรยากาศของทำเลนี้จะออกมาทางชานเมืองหน่อย ส่วนใหญ่เป็นผู้คนในท้องที่อยู่อาศัยกันเป็นแหล่งชุมชน และยังพอเห็นอาคารพาณิชย์ตึกแถวหรืออพาร์ทเม้นท์ต่างๆ ริมถนนอยู่ประปราย

การเดินทางด้วยรถยนต์ – ถือว่าสะดวกพอสมควรค่ะ เพราะอยู่ใกล้แยกจุดตัดถนนใหญ่อย่างรามคำแหงและพระราม 9 รวมทั้งไม่ไกลจากแยกคลองตันมากนักทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางเข้าเมืองได้หลากหลาย และยังอยู่ไม่ห่างจากทางด่วนทั้งทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์และทางด่วนศรีรัชอีกด้วย แต่ก็เป็นข้อเสียคือถ้ามาจากทางถนนรามคำแหงวิ่งเข้าพระราม 9 จะไม่มีจุดกลับรถที่แยกรามคำแหงนะ ต้องไปกลับบนถนนพระราม 9 และถ้ามาจากทางถนนพระราม 9 จะไม่สามารถใช้ทางยกระดับข้ามแยกประดิษมนูญธรรมมาได้ เพราะทางลงมันเลยโครงการไป ต้องวิ่งมาตามทางปกติเท่านั้นค่ะ ส่วนที่จอดรถมีให้ 40% ถือว่าน้อยไปในปัจจุบันที่ยังต้องใช้รถเป็นหลักอยู่ แต่ในอนาคต (ตามแผนคือปี 66) เมื่อมีสถานีรถไฟฟ้าแล้วก็จะดีขึ้นค่ะ

การเดินทางโดยพึ่งพิงระบบสาธารณะ – อย่าง Airport Rail Link นั้นถือว่าไกลเลยระยะเดินไปหน่อยประมาณ 850 ม.และยังต้องข้ามถนนใหญ่ 4 เลนตรงแยกรามคำแหงอีกด้วย หากเทียบกับโครงการเพื่อนบ้านในทำเลเดียวกันในเรื่องของระยะและความสะดวกสบายในเดินทางไปขึ้น Airport Rail Link ถือว่าสะดวกน้อยสุดค่ะ แต่ก็ Trade-Off กับการเดินทางด้วยรถยนต์ที่สะดวกพอสมควร และอยู่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนรามคำแหง นอกจากนี้การเดินทางด้วยแท็กซี่ พี่วิน รถเมล์ รถสองแถวก็สะดวกดีทีเดียวค่ะ เพราะโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ไม่ได้ลึกเข้าไปในซอยทำให้เรียกรถสาธารณะง่าย

การออกแบบ – IDEO New Rama 9 เป็นโครงการใหญ่เกือบพันยูนิต จัดผังมาเข้าใจง่าย โดยจัด Facilities ส่วนกลางไว้ชั้น 1-2 ทั้งหมด ส่วนห้องพักอาศัยก็เริ่มตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป ความพิเศษในการออกแบบโครงการนี้คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในโครงการ อย่างพื้นที่ส่วนกลางก็มีสระว่ายน้ำ ที่เพิ่มในส่วนของ Jet Swimming, มีการผ่านเข้าออกง่ายขึ้นด้วยระบบ Mobile Access รวมถึงมี EV Charger ให้แก่รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าด้วย ส่วนการออกแบบแปลนห้องพักอาศัยทำออกมาได้ดี เน้นพื้นที่อยู่อาศัยอย่างห้องนอนและนั่งเล่นให้ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ส่วนห้องครัวและห้องน้ำจะอยู่ด้านในอาคารเป็นหลัก ทำให้ต้องพึ่งระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ สำหรับจุดเด่นของห้องพักโครงการนี้คือความสูงของฝ้าเพดาน ที่จะสูงกว่าโครงการในละแวกนี้ทั้งหมด คือ 2.8 – 4.5 ม. ทำให้ห้องแบบ 4.5 ม. สามารถต่อเติมทำบันไดเป็นห้อง 2 ชั้นได้

สำหรับรูปแบบห้อง Hybrid ที่มีราคาเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 ล้านก็ถือว่า Trade Off กับพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น ถ้าห้อง Studio Hybrid ขนาด 26  ตร.ม. นับรวมพื้นที่ชั้นบนอีก 11 ตร.ม. เป็น 37 ตร.ม. จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 94,324 บาท/ตร.ม. พอๆ กับห้องแบบปกตินะ แต่พื้นที่ที่เป็น 2 ชั้นจะได้ฝ้าเพดานสูง 2.1 ม. ซึ่งห้อง Hybrid จะอยู่ครึ่งบนของตึก ทำให้ได้วิวในชั้นสูงขึ้น

วัสดุ – อุปกรณ์ของที่ให้มาก็ตามมาตรฐานพอๆ กับคู่แข่งในทำเลเดียวกัน ได้มาแบบ Fully Fitted แต่ที่เห็นจะได้มากกว่าหน่อยคือให้ตู้เสื้อผ้ามาด้วย พื้นได้เป็นลามิเนต สำหรับส่วนครัว ห้องน้ำ และระเบียงจะได้เป็นกระเบื้อง อุปกรณ์ในครัวได้ซิงค์ล้างจาน, Hob&Hood ของ Teka ส่วนในห้องน้ำได้อุปกรณ์ต่างๆ ของ American Standard

สาธารณูปโภค – ให้มาเยอะพอใช้ได้เมื่อเทียบกับคอนโดในละแวกนี้ อย่างพวกส่วนกลางมาตรฐาน เช่น สระว่ายน้ำ Fitness สวน แต่ในพื้นที่สระว่ายน้ำก็จะมี Swimming Jet และ Jacuzzi ด้วย ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอีกได้แก่ Social Club และ Meeting Room ที่ยังไม่เห็นจากคอนโดละแวกนี้ แต่น่าเสียดายไปหน่อยที่ส่วนกลางที่เป็นของจำเป็นอย่างที่จอดรถให้มาเพียง 40 % สำหรับช่วงที่รถไฟฟ้ายังก่อสร้างไม่เสร็จก็น่าจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง ส่วนลิฟท์โดยสารมีให้ 4 ตัว แบ่งกันใช้ 200 กว่ายูนิตต่อตัว ก็ดูจะต้องเผื่อเวลากันหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่พอเทียบกับคอนโดในทำเลเดียวกันนี้ก็พบว่า อัตราส่วนลิฟต์ก็เยอะประมาณนี้กันหมดนะคะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 80,000-130,000 บาท/ตร.ม., 26 June 2017

  • ทำเล 7.75/10 – ทางเข้าติดถนนรามคำแหง ละแวกใกล้เคียงหาของกินง่าย ใกล้ Foodland แต่แหล่งช้อปปิ้งใกล้ๆ ต้องอาศัยรถไป
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เข้า-ออกเมืองง่าย สามารถเชื่อมเข้าถนนได้หลายสาย ต้องไปกลับรถแถวหน้า Major รถติดพอสมควร
  • ไม่ใช้รถ ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ในจุดที่เรียกรถง่ายมาก มีรถเมล์ รถสองแถววิ่งผ่านตลอด มี ARL รามคำแหงให้ใช้ได้ แต่ต้องนั่งรถไปอีกต่อหนึ่ง
  • ไม่ใช้รถ เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ 8/10 – ห่างสถานีรามคำแหง 12 ประมาณ 400 ม.
  • วัสดุ 7.5/10 – ให้มาตามมาตรฐานของระดับราคา
  • แบบ 8/10 – จัดวางฟังก์ชันในห้องได้ดี (สำหรับใครที่ชอบห้องแบบ Hybrid ให้คะแนนเพิ่มไปอีกเป็น 8.5 ได้เลยค่ะ)
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาครบครันและเยอะพอสมควรออกแบบมาได้สวยหรูหราน่าใช้ เสียดายไม่ได้ยกเอาไปไว้ชั้นบนๆเพื่อชมวิว

  • MAIN-UPPER CLASS
  • 7.69 / 10.00 คะแนน ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
  • 7.76 / 10.00 คะแนน เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ

BOTTOM LINE

IDEO New Rama 9 เหมาะกับคนในพื้นที่หรือทำงานในละแวกใกล้เคียง พระราม 9 – รามคำแหง เดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก และหวังจะใช้รถไฟฟ้าในอนาคต ชอบของแบรนด์ ชอบเทคโนโลยีและความทันสมัย มีห้องให้เลือกทั้งแบบสตูดิโอ, 1-2 Bedroom ซึ่งห้อง 1 Bedroom มีแบบฝ้าเพดานสูงที่ทำเป็นห้อง 2 ชั้นได้ด้วย มีงบประมาณในราคา 2.09 – 4.44 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 15,000 – 31,000 บาท