รีวิวโครงการ
คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.362 – รีวิวคอนโด Ideo Mobi บางซื่อ แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์
26 พฤศจิกายน 2017
รีวิวฉบับที่ 974 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมรีวิวโครงการน้องใหม่จากอนันดาที่เพิ่งเปิดตัวไปนั่นก็คือ IDEO Mobi บางซื่อ แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ คอนโด High Rise 32 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมแยกประชาชื่น จุดตัดระหว่างถนนประชาชื่นและถนนประชาราษฎร์สาย2 ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย ทั้งสายสีม่วง , สีแดง และสีน้ำเงิน (Triple Station) มาพร้อมกับแนวคิดการออกแบบโครงการแบบ Futuristic Art Deco และพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ โครงการจะเป็นอย่างไร ตามมาชมพร้อมๆกันเลยค่ะ
Fact @ 20 November 2015
- IDEO Mobi Bangsue Grand Interchange (ไอดีโอ โมบิ บางซื่อ แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์)
- บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย เตาปูน
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางซื่อ
- คอนโด High Rise 32 ชั้น ห้องชุดพักอาศัย 661 ยูนิต ร้านค้า 5 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 28 ยูนิต
- ที่จอดรถจอดได้ประมาณ 260 คันคิดเป็น 39% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 2-3-46.9 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ปี 2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2561
- Type A – Studio 22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.61 – 3.08 ล้านบาท
- Type B – Studio 24.50 – 27.20 ราคาเริ่มต้น 3.10 – 3.96 ล้านบาท
- Type C – 1 Bedroom 26 – 27 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.12- 3.72 ล้านบาท
- Type D – 1 Bedroom 31 – 32.6 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.69 – 4.47 ล้านบาท
- Type F – Duplex 34 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.94 – 4.99 ล้านบาท
- Type E – 2 Bedrooms 47.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.66 – 6.89 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 2.61 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 130,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุดประมาณ 120,000 – 142,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-316-2222
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.806206, 100.532987
จากแผนที่โครงการ ที่ตั้งของโครงการ IDEO Mobi บางซื่อ แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมแยกประชาชื่น บนจุดตัดของถนนประชาชื่น และ ถนนประชาราษฎร์สาย2 ฝั่งตรงข้าม Tesco Lotus ประชาชื่น ใกล้กับตลาดเตาปูน ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้แต่เดิมเป็นตึกแถวเก่า โดยโครงการจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ) , สายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) และ สายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน)
ทำเลที่ตั้งของโครงการ แต่เดิมถ้าใครพูดถึงย่านบางซื่อก็คงจะนึกถึงแหล่งชุมชน ที่มีแนวตึกแถวเก่าเรียงรายทั้ง2ฝั่งถนน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ แต่หลังจากการมาของรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางซื่อก็ทำให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นทำเลเนื้อหอมอีกทำเลหนึ่งของผู้ประกอบการ เริ่มมีคอนโดมิเนียมเกาะตามแนวถนนประชาชื่น คอนโดแรกๆที่มาสร้างบนถนนี้คือ U delight โครงการ 1-3 ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ต่อมาทางรัฐบาลได้ประกาศแผนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน , สายสีม่วง และ สายสีแดงทั้งแดงเข้มและแดงอ่อน ซึ่งปัจจุบันก็มีบางสายเริ่มก่อสร้างและบางสร้างใกล้ที่จะเปิดให้ใช้บริการแล้ว อีกทั้งยังมีแผนก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อหรือ Grand Station เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟและจะมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อในเชิงพาณิชย์ ส่งผลให้ราคาที่ดินในย่านนี้ขยับตัวสูงขึ้นทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นตามไปด้วย
มาดูสถานที่สำคัญรอบๆโครงการกันบ้าง สำหรับแหล่งงานในบริเวณใกล้ๆก็จะมีเครือซีเมนต์ไทย หรือ SCG ซึ่งมีพนักงานจำนวนค่อนข้างเยอะ ส่วนถ้าเป็นอาคารสำนักงานจะไม่ค่อยเห็นส่วนมากจะอยู่ในโซนจตุจักรหรือถนนวิภาวดีมากกว่า สำหรับอาหารการกินและความอุดมสมบูรณ์ถือว่ามีค่อนข้างสูง ใกล้ๆกับโครงการก็มีตลาดเตาปูนและตลาดบางโพ ถ้าอยากหาของกินของใช้ก็สามารถหาได้จาก ร้านค้า ร้านอาหารด้านล่างแนวตึกแถวฝั่งที่ติดถนน ฝั่งตรงข้ามโครงการก็เป็น Tesco Lotus ประชาชื่น สามารถเดินข้ามฝั่งไปจับจ่ายใช้สอยได้ ส่วนห้างใหญ่ๆหรือ Community mall บริเวณนี้จะไม่มีต้องไปเมเจอร์รัชโยธิน หรือทางฝั่งบางโพค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถือว่าสามารถใช้เส้นทางเชื่อมต่อถนนต่างๆได้หลายสาย โดยทางเข้าหลักของโครงการจะอยู่บริเวณถนนประชาชื่น ซึ่งถ้ามาจากรัชดาภิเษกหรืองามวงศ์วาน จะต้องไปหาที่กลับมาเข้าโครงการอีกทีเนื่องจากบริเวณแยกประชาชื่นไม่อนุญาตให้กลับรถ โดยถ้าเลี้ยวซ้ายสามารถกลับรถได้บริเวณใต้สะพานหน้า Tesco Lotus ส่วนถ้าเลี้ยวขวาจะต้องไปกลับบริเวณถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรีซึ่งไกลหน่อย ส่วนถ้าใครมาจากถนนประชาราษฎร์สาย 2 ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนประชาชื่นเข้าโครงการได้เลย สำหรับทางขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุดจะอยู่บริเวณรัชดาภิเษก บริเวณก่อนที่จะเลี้ยวเข้าถนนประชาชื่นโดยอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 9.5 กิโลเมตร
ส่วนการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ ก็ค่อนข้างสะดวกเนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่สามารถเรียกรถได้ง่าย การเดินทางโดยรถเมล์มีรถเมล์ให้เลือกขึ้นได้หลายสาย ถนนประชาชื่น มีรถเมล์ สาย 66 , 67 , 70 ผ่านหน้าโครงการ ส่วนถนนประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านหน้าโครงการมีรถเมล์สาย 5 , 50 , 65 , 66 , 97 ป้ายรถเมล์จะอยู่บริเวณใกล้ๆกับโครงการเดินมาไม่ไกลนัก ส่วนการเดินทางอื่นๆเช่นแท็กซี่หรือพี่วินมอร์เตอร์ไซค์นี่มีวิ่งผ่านตลอดสะดวกดีค่ะ โดยวินมอเตอร์ไซค์จะมีอยู่บริเวณใกล้ๆกับโครงการ และ ฝั่งตรงข้ามบริเวณหน้า Tesco Lotus
สำหรับรถไฟฟ้าบริเวณใกล้โครงการที่เปิดให้ใช้บริการแล้วคือ รถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางซื่อ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการพอสมควร ส่วนรถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการในระยะที่เดินได้มีอยู่ 3 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ที่ตอนนี้โครงการก่อสร้างเป็นรูปเป็นร่างแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560, รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน คาดว่าอีกไม่นานคงเปิดให้ใช้บริการกัน โดยมีกำหนดจะเปิดให้ใช้วันแม่ปีหน้า และ รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในระหว่างเร่งเซ็นสัญญาพัฒนาระบบต่างๆภายในเดือนพฤษภาคม 2558 และคาดว่าจะสร้างให้เสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี 2562
โดยรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือสถานีเตาปูน ซึ่งเป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีม่วง (ห่างจากโครงการประมาณ 300 เมตร) และหากอยากเปลี่ยนเส้นทางไปแถวๆชานเมืองอย่างรังสิต ก็นั่งรถไฟฟ้าจากสถานีเตาปูนไปลงที่สถานีบางซื่อ ซึ่งจะเป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสีแดงค่ะ
นอกจากนั้นบริเวณที่ดินแปลงใหญ่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟฟ้าบางซื่อ มีแผนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะสร้างสถานีกลางบางซื่อ (Bang sue Grand Station) ให้เป็นเป็นศูนย์กลางการเดินทางและคมนาคมขนส่งของพื้นที่กรุงเทพมหานครและเชื่อมโยงระบบการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคต่าง ๆของประเทศด้วยระบบรางทุกประเภท ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว รวมทั้งรถไฟทางไกลและรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ สายตะวันออก และใต้ โดยตามแผนในปี 2562 สถานีกลางบางซื่อจะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการ
และมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อ รวม 305.5 ไร่ ให้เป็นเชิงพาณิชย์หรือคอมเพล็กซ์ซิตี้ อาทิ สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย และพื้นที่นันทนาการ ด้วยวงเงินประมาณ 68,000 ล้านบาท โดยได้นำแนวคิด TOD (Transit Oriented Development)หรือการพัฒนาพื้นที่โดยรอบรถไฟฟ้าให้เป็นศูนย์รวมธุรกิจประเภทต่างๆ ซึ่งเรามักจะเห็นกันในต่างประเทศ แบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่
- โซน A สมาร์ท บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ เนื้อที่ 35 ไร่ วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท
- โซน B เอเชี่ยน คอมเมอร์เชียล แอนด์ บิสซิเนส ฮับ เนื้อที่ 78 ไร่ วงเงินประมาณ 24,000 ล้านบาท
- โซน C สมาร์ท เฮลตี้ แอนด์ ไวเบรนท์ (Vibrant) ทาวน์ เนื้อที่ 105 ไร่
- โซน D เนื้อที่ 87.5 ไร่ เป็นพื้นที่ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบถึงศักยภาพในการพัฒนาเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายและศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทาง ภายใต้แนวคิด เวิลด์ รีเนาด์ (Renowned) การ์เด้น อินเตอร์เชนจ์ พลาซ่า
ซึ่งแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณนี้ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะสามารถพัฒนาพื้นที่ได้ตามแผนหรือไม่ ซึ่งถ้าสถานีกลางบางซื่อสร้างเสร็จจะส่งผลให้พื้นที่บริเวณนี้มีการเจริญเติบโดขึ้นอย่างมาก รวมถึงก็จะมีคนเดินทางเข้ามาในย่านนี้มากขึ้นด้วย
ถ้าใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จาก VDO Market Sounding โครงการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ หรืออ่านบทความเพิ่มเติม คลิก ที่นี่
การเดินทางในวันนี้ขอเริ่มจากถนนรัชดาภิเษก วิ่งผ่านทางขึ้นลงทางด่วน เลี้ยวเข้าถนนประชาชื่น วิ่งตรงยาวผ่านโครงการ วนไปดูพื้นที่ตั้งของสถานีกลางบางซื่อ และ วนไปดูรถไฟฟ้าสถานีเตาปูนวนกลับมาที่ทางเข้าโครงการ
เริ่มจากถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้าถนนประชาชื่น ให้สังเกตป้ายบางซื่อไว้
ตรงมาซักระยะจะเจอทางขึ้นทางด่วน เราจะตรงต่อไป
ตรงมาจนถึงแยกนี้เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนประชาชื่น เพื่อมุ่งหน้าไปทางบางซื่อ ซึ่งถ้าเราเลี้ยวขวาจะเป็นทางไปถนน งามวงศ์วาน และ ถนนแจ้งวัฒนะค่ะ การจราจรบริเวณแยกนี้ในช่วงเวลาเร่งด่วนค่อนข้างหนาแน่น ถ้าจะต้องใช้เส้นทางนี้ต้องวางแผนการเดินทางกันดีๆนะคะ
เมื่อเลี้ยวเข้ามาบนถนนประชาชื่น ทางฝั่งเลขคู่จะเป็นแนวตึกแถวที่ด้านล่างมีร้านค้าและร้านอาหาร ส่วนทางฝั่งเลขคี่เป็นคลองประปายาวตลอดทั้งแนวถนน ข้างคลองประปาจะมีถนนเลียบคลองประปาอยู่ ซึ่งในเวลาที่การจราจรติดขัดสามารถใช้ถนนเลียบคลองในการร่นระยะเวลาได้ ถนนเส้นนี้ถ้าจะกลับรถจะต้องเลี้ยวเข้าถนนเลียบคลองประปาและวนกลับออกมาที่ถนนประชาชื่นใหม่ โดยคอนโดส่วนมากจะอยู่ทางฝั่งเลขคู่จะมากกว่า ทางด้านขวาคอนโดที่เห็นในรูปคือ U delight 3 ประชาชื่น – บางซื่อ
เราขับตรงมาเรื่อยๆ บริเวณใกล้กับคอนโด Metro Sky จะเห็นแนวรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน วิ่งพาดผ่านอยู่
ตรงตามทางมาเรื่อยๆ ผ่านสำนักงานเขตบางซื่อ
พอเห็น Tesco Lotus ประชาชื่น ฝั่งตรงข้ามคือทางเข้าโครงการซึ่งจะถูกขนาบด้วยแนวอาคารพาณิชย์ทั้ง 2 ฝั่ง
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็น Tesco Lotus บริเวณตรงนี้ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว
ด้านหน้า Tesco Lotus จะมีเต็นท์ขายอาหารอยู่ มีร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ถ้าหิวสามารถมาฝากท้องตรงนี้ได้
ทางเข้าโครงการจะอยู่ระหว่างอาคารศรีสุวรรณและแนวอาคารพาณิชย์อีกตึกหนึ่ง สามแยกด้านหน้าคือแยกประชาชื่น
จากแยกนี้เราจะต้องกลับรถเพื่อเข้าโครงการ แต่แยกประชาชื่นไม่สามารถกลับรถได้ จุดกลับรถจะมีอยู่ 2 ที่คือถ้าเลี้ยวซ้ายไปทางบางซื่อจุดกลับรถจะอยู่ใต้สะพานบริเวณหน้าห้าง Tesco Lotus ส่วนถ้าเลี้ยวขวาไปทางบางโพจะต้องไปกลับรถบริเวณถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี บริเวณโชว์รูมฮอนด้า ซึ่งทางนี้จะไกลกว่า เราจะพาไปวนดูทางฝั่งบางซื่อกันก่อน
เลี้ยวมาทางฝั่งบางซื่อ เราจะตรงข้ามสะพานไปเพื่อไปดูพื้นที่ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ (ถ้าใครจะกลับรถกลับใต้สะพานนี้ค่ะ)
ขึ้นสะพานมาเราจะวนลงทางด้านซ้าย ด้านล่างสะพานนี้จะเป็นพื้นที่ของเครือซีเมนท์ไทยหรือ SCG
ขับลงสะพานผ่าน SCG มา เราจะเลี้ยวไปทางซ้าย
เลี้ยวซ้ายมาจะเจอกับสถานีบางซื่อ บริเวณด้านข้างสถานีบางซื่อเป็นพื้นที่ก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ กินพื้นที่กว่า 218 ไร่
บริเวณสถานีบางซื่อจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์และ เพิงขายของ ขายขนมเล็กๆอยู่ ซึ่งเวลาเข้างานและเลิกงานจะมีมนุษย์ออฟฟิศมาอยู่บริเวณนี้จำนวนมากค่ะ
เราขับวนรอบสถานีบางซื่อ กลับมาจะเจอทางไปถนนเทอดำริ เราจะวนผ่าน เลี้ยวไปทางขวา มุ่งหน้าถนนประชาราษฎร์สาย 2
พอเลี้ยวขวาเราจะเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 ถนนสายนี้สภาพแวดล้อมคล้ายๆกับถนนประชาชื่นคือทั้งสองฝั่งมีแนวตึกแถว แนวรถไฟฟ้าที่เราเห็นด้านหน้าคือ รถไฟฟ้าสายสีม่วง และ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีเตาปูน อินเตอร์เชนจ์
เราขับตรงมาเรื่อยๆเลี้ยวเข้าถนนกรุงเทพฯ-นนทบุรี
ตรงมาอีกนิดจะเจอจุดกลับรถบริเวณหน้าโชว์รูมฮอนด้า จุดกลับรถทางฝั่งนี้ค่อนข้างไกลซึ่งเราอาจจะร่นระยะทางโดยการวนเข้าไปกลับรถภายในซอยก็ได้ค่ะ
ตรงกลับมาจะเจอที่ตั้งโครงการฝั่งที่ติดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 แต่ทางเข้าโครงการอยู่บนถนนประชาชื่น เราจะเลี้ยวซ้ายกลับเข้าถนนประชาชื่นอีกทีหนึ่งค่ะ
ทางเข้าโครงการอยู่บนถนนประชาชื่น ฝั่งตรงข้าม Tesco Lotus ถึงโครงการแล้วค่ะ
พื้นที่ก่อสร้างโครงการตอนนี้ เคลียร์พื้นที่สำหรับการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2559 ค่ะ
ตัวโครงการตั้งอยู่บริเวณหัวมุมแยกประชาชื่น จุดตัดระหว่างระหว่างถนนประชาชื่นและถนนประชาราษฎร์สาย2 สภาพแวดล้อมโดยรอบส่วนมากจะเป็นตึกแถวและชุมชนเก่าเป็นส่วนใหญ่
- ทิศเหนือ ของโครงการจะติดกับแนวตึกแถวสูงประมาณ 5 ชั้น
- ทิศตะวันออก หรือฝั่งทางเข้าโครงการ บริเวณหน้าทางเข้าจะถูกขนาบด้วยอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และอาคารศรีสุวรรณสูงประมาณ 5 ชั้น ทางฝั่งนี้จะติดกับถนนประชาชื่น โดยฝั่งตรงข้ามโครงการคือ Tesco Lotus ประชาชื่น
- ทิศใต้ ติดกับธนาคารกรุงเทพฯ และ แนวตึกแถวสูง 3 – 4 ชั้น ฝั่งนี้จะติดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 ฝั่งตรงข้ามเป็น โชว์รูม Isuzu ซึ่งบนถนนนี้จะมีแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินพาดผ่าน
- ทิศตะวันตก ติดกับแนวตึกแถว และ ธนาคารกรุงเทพฯ
(มุมมองที่ 1) ทางด้านทิศเหนือติดกับแนวตึกแถวสูงประมาณ 5 ชั้น ซึ่งจากทางเข้าโครงการเดินไปไม่ไกลก็จะเจอ 7-11 และร้านค้าเล็กๆน้อยๆอยู่ หรืออยากจะเดินข้ามฝั่งก็สามารถใช้สะพานลอยที่อยู่ถัดจากโครงการได้
(มุมมองที่ 2) ทางด้านทิศตะวันออกฝั่งตรงข้ามโครงการ คือ Tesco Lotus ประชาชื่นซึ่งเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยของคนย่านนี้และเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของพนักงาน SCG
(มุมมองที่ 3) ทางด้านทิศใต้ ฝั่งถนนประราษฎร์สาย 2 ติดกับธนาคารกรุงเทพและแนวตึกแถวสูง 3 – 4 ชั้น ซึ่งบนถนนเส้นนี้จะมีแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินพาดผ่าน
(มุมมองที่ 4) ฝั่งตรงข้ามโครงการทางด้านฝั่งถนนประชาราษฎร์สาย 2 คือ โชว์รูม Isuzu และแนวตึกแถวหลากสี สูงประมาณ 3-4 ชั้น
(มุมมองที่ 4) ด้านหลังโครงการ หรือ ทางด้านทิศตะวันตก ติดกับตึกแถวสูง 4 ชั้น ซึ่งน่าจะไม่มีผลกระทบกับวิวมากนัก เนื่องจากในชั้นเตี้ยๆของอาคาร จะเป็นชั้นจอดรถไม่มีห้องชุดพักอาศัย
มาดูวิวกันบ้าง ทางทิศเหนือ เป็นวิวฝั่งถนนประชาชื่น มีคลองประปาขนานอยู่ตลอดแนวถนน ทางฝั่งที่ติดกับคลองประปาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบเช่น บ้านพักอาศัย ทาวน์เฮ้าส์ เป็นส่วนใหญ่ มีอพาร์ทเม้นท์บ้าง ส่วนทางฝั่งซ้ายส่วนใหญ่เป็นตึกแถวมีคอนโด High Rise เช่น U delight , Metro Sky , ศุภาลัย เวอเรนด้า รัชวิภา-ประชาชื่น แต่ไม่มีผลต่อวิวทางฝั่งนี้เท่าไหร่เพราะอยู่ห่างจากโครงการค่อนข้างเยอะ
ทางทิศใต้ เป็นวิวทางฝั่งพระราม 5 มองออกไปจะเห็นถนนริมคลองประปา วิวทางฝั่งนี้จะไม่มีค่อยมีอาคารสูงเนื่องเท่าไหร่นัก
วิว ทางทิศตะวันออก ในชั้นเตี้ยๆจะเห็น Tesco Lotus ประชาชื่น ถัดไปเป็นวิวทางฝั่งถนนประชาราษฎร์สาย 2 มุ่งหน้า SCG ทางฝั่งนี้เราจะเห็นสถานีกลางบางซื่อ และ สวนจตุจักรด้วย
ทางทิศตะวันตก เป็นวิวฝั่งบางโพมองออกไปจะเห็นแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และ สายสีม่วง ที่มาบรรจบกันบริเวณ แยกเตาปูน บนถนนประชาราษฎร์สาย 2 จะมีคอนโดขึ้นค่อนข้างเยอะอยู่ เช่น ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ บางโพ , ริชพาร์ค เป็นต้น ทิศนี้ในชั้นสูงๆเราจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและรัฐสภาใหม่ด้วย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดเตาปูน มณีพิมาน ~ 230 ม.
- Tesco Lotus ประชาชื่น ~ 250 ม.
- สำนักงานเขตบางซื่อ ~ 750 ม.
- สถานีกลางบางซื่อ ~ 900 ม.
- SCG ~ 1 ก.ม.
- โรงพยาบาลบางโพ ~ 1.2 ก.ม.
- ตลาดบางโพ ~ 1.4 ก.ม.
- โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ~ 3.6 ก.ม.
- สวนจตุจักร ~ 5.2 ก.ม.
- เมเจอร์รัชโยธิน ~ 9 ก.ม.
โครงการ IDEO Mobi บางซื่อ แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น มียูนิตพวกอาศัยจำนวน 661 ยูนิต และ ร้านค้าจำนวน 5 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2-3-46.9 ไร่ ตัวอาคารออกแบบภายใต้แนวความคิด Futuristic Art Decor ซึ่ง Futuristic คือการออกแบบการใช้งานของอาคารที่สามารถใช้ได้จริงและสอดคล้องกับ Life Style ของผู้อยู่อาศัยในอนาคต ตัวอาคารออกแบบทันสมัยตามสไตล์ IDEO ทางเข้าออกมีทางเดียวคือบนถนนประชาชื่น ชั้น1-7 เป็นที่จอดรถ ส่วน Facility จะอยู่ที่ชั้น1 , ชั้น 8 และ ชั้น32
มาดูโมเดลกันก่อนนะคะ โครงการเป็น High Rise 32 ชั้น ตั้งอยู่หัวมุมแยกประชาชื่น ซึ่งตัวอาคารในชั้นเตี้ยๆฝั่งที่ใกล้กับแนวรถไฟฟ้า ก็อาจจะมีได้ยินเสียงจากรถไฟฟ้าบ้าง ทางเข้าหลักจะอยู่บนถนนประชาชื่น ซึ่งเข้าโครงการผ่านไม้กระดกมาก็จะเจอกับ Drop off ก่อน เข้ามาในตัวอาคารชั้นล่างเป็น Lobby และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ บริเวณรอบๆโครงการสวนและสนามหญ้าขนาดใหญ่ และที่พิเศษคือมี Stack Garden หรือทางเดินวนเล่นระดับที่สามารถเดินขึ้นจากชั้น 1 ไปยังสวนที่ชั้น 8 ได้ ระหว่างทางจะมีสวนแทรกอยู่ ภายในสวนชั้น 8 จะมีศาลาพักผ่อน บ่อน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ติดกับห้องสมุด ซึ่งเวลาที่เรานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดก็จะได้ยินเสียงน้ำตกไปด้วย และการที่มีบ่อน้ำอยู่จะช่วยให้ลมพัดความเย็นเข้าสู่พื้นที่บริเวณนี้ได้อีกด้วย ส่วนชั้น 32 ก็เป็นชั้น Facility อีกชั้นหนึ่งประกอบด้วย สระว่ายน้ำ , ฟิตเนส , Sky Lounge และสวน
ซูมโมเดลส่วน Facility ชั้นล่างและ ชั้น8มาให้ดูกันชัดๆค่ะ ด้านหน้าอาคารในโมเดลที่เห็นเป็นพื้นที่ว่างๆอยู่คือแนวอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 5 ชั้น พอซูมแล้วเราจะเห็น รายละเอียดของ Stack Garden มากขึ้น เราสามารถเดินขึ้นจากชั้น 1ไปใช้สวนที่ชั้น 8 ได้โดยไม่ต้องเข้าไปในอาคาร แต่ต้องใช้คีย์การ์ดในการผ่านขึ้นไป บริเวณสวนชั้น 8 จะมี Sunken Seat หรือที่นั่งในสระน้ำเอาไว้นั่งชมวิว
มาดูฝั่งที่ติดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 ที่เห็นพื้นที่ว่างปลูกหญ้าเขียวๆอยู่คือที่ดินของ ร.ฟ.ท. ในโครงการทางฝั่งนี้จะเป็น Shop จำนวน 5 ยูนิต ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ได้ระบุว่าจะมี Shop อะไรบ้าง ด้านหน้า Shop มีสวนหย่อมขนาดใหญ่ที่มีศาลานั่งพักผ่อน , บ่อน้ำตก และ สนามเด็กเล่นขนาดเล็ก
ชั้น 1-7 เป็นชั้นจอดรถ ทางเข้าที่จอดรถจะต้องวนมาเข้าบริเวณด้านข้างอาคาร จอดรถได้ประมาณ 260 คันคิดเป็น 39% ไม่รวมจอดซ้อนคัน แต่ถ้าซ้อนคันจะคิดเป็นประมาณ 49% โดยจอดได้ 1 ห้องนอนต่อ 1 ช่องจอด และ 2 ห้องนอนต่อ 2 ช่องจอด ไม่มีการ Fix ช่องจอดรถ
บนถนน กรุงเทพฯ – นนทบุรีจะมีแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงพาดผ่าน ตัดกับสายสีน้ำเงินที่บริเวณแยกเตาปูน
บนชั้น 32 เป็นชั้นที่มี Facility ทั้งชั้น ประกอบด้วยฟิตเนส , สระว่ายน้ำ , Social club หรือ Sky Lounge , สวนหย่อม และจุดชมดาว
หลังจากที่อธิบายโมเดลกันพอเห็นภาพแล้ว เรามาดูต่อกันที่ภาพจำลองบรรยากาศของโครงการค่ะ เริ่มจากทางเข้าโครงการ เนื่องจากทั้งสองฝั่งของทางเข้าถูกขนาบด้วยอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 5 ชั้น ทางโครงการจึงออกแบบให้ทางเข้าเป็นอุโมงค์ต้นไม้เพื่อเพิ่มความร่มรื่น ทางฝั่งซ้ายเป็นต้นไทรเกาหลีสูง 4 เมตร ส่วนทางด้านขวาเป็นกำแพงน้ำตกสูง 4 เมตร ถัดเข้าไปในโครงการจะเจอกับ Drop off และทางเข้า Lobby
ถัดเข้ามาในโครงการ บริเวณรอบๆโครงการจะมีการปลูกต้นไม้และจัดสวนแทรกอยู่ โดยทางฝั่งทิศใต้ของโครงการจะมีสวนหย่อมขนาดใหญ่ ที่มีสนามหญ้าขนาดใหญ่ มีต้นไม้ให้ร่มเงา ศาลานั่งพักผ่อน และ สนามเด็กเล่นขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมี Stack Garden คือทางที่เราสามารถเดินวนขึ้นบันได (Spiral step)ไปสวนที่ชั้น 8 ได้โดยไม่ต้องเข้าไปในตัวอาคาร ระหว่างทางก็จะมีการจัดสวนแทรกอยู่ โดยแนวความคิดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Green Space ของ SCG ซึ่งบริเวณ Spiral step นอกจากทางขึ้นไปที่ชั้น8 แล้ว ยังสามารถใช้เป็นลานวิ่งออกกำลังกายได้ ทางเข้าตรงจุดนี้ทางโครงการจะมีการให้สแกนคีย์การ์ดก่อน เพื่อกันคนที่ไม่ใช่ลูกบ้านเข้าไปใช้พื้นที่ค่ะ
เดินจาก Stack Garden ขึ้นมาที่สวนชั้น 8 ชั้นนี้จะเป็นสวนเล่นระดับ มีศาลานั่งพักผ่อน บ่อน้ำตกขนาดใหญ่ซึ่งในบ่อจะมี Sunken Seat หรือที่นั่งกลางน้ำสำหรับนั่งชมวิว ข้างๆบ่อน้ำตกเป็นห้องสมุดให้เราได้นั่งอ่านหนังสือท่ามกลางบรรยากาศชิลๆ และได้ยินเสียงน้ำตกไปด้วย
ซูมบ่อน้ำตก Sunken Seat และ ห้องสมุดให้เห็นกันชัดๆค่ะ ห้องพักที่อยู่ทางฝั่งนี้มองลงมาก็จะได้วิวสวนประมาณนี้
เรามาดู Lobby กันบ้าง ภายใน Lobby ของโครงการออกแบบในสไตล์ Futuristic Art Decor คือนำเอาลวดลายและเส้นสายสไตล์ Art Decor นำมาประยุกต์ผสมกับวัสดุที่ทำให้หรูหรา เช่น Stainless Steel , กระจก และวัสดุผิวเงา มีที่นั่งพักคอยเป็นชุดโซฟายาว บรรยากาศภายในจะออก Warm หน่อย
อีกมุมหนึ่งของ Lobby ทางฝั่งซ้ายจะเป็นทางไปห้องจดหมาย และ สำนักงานนิติบุคคล
บรรยากาศอีกมุมหนึ่งค่ะ ทางขวาของ Lobby เป็นทางไป Co-Working Space และ Cinema Lounge
Cinema Lounge จะอยู่ในห้องเดียวกับ Co-Working Space แต่มีประตูบานเลื่อนกั้น Cinema ของโครงการนี้จะออกแนวนั่งโซฟาดูหนังสบายๆมากกว่า ไม่ใช่แนวที่นั่งเรียงกันแบบโรงหนัง บรรยากาศโดยรวมยังคง Conceptเดียวกับ Lobby
Co-Working Space และ Cinema Lounge กั้นด้วยประตูบานเลื่อน เวลานั่งทำงานอยู่ถ้ามีคนดูหนังอาจจะมีเสียงแทรกเข้ามาในห้องบ้าง
มาดูต่อกันที่ห้องสมุด ห้องนี้ตกแต่งใช้โทนสีสว่างกว่าLobby มีชุดโซฟาให้นั่งอ่านหนังสือ
อีกมุมหนึ่งจะมีโต๊ะประชุมเล็กๆอยู่ สำหรับเอาไว้นั่งคุยงานกันหรือนั่งเล่นอ่านหนังสือ
ชั้นมาที่ชั้น 32 จะเป็นชั้น Facility ทั้งชั้น ประกอบด้วย ประกอบด้วยฟิตเนส , สระว่ายน้ำ , Social club หรือ Sky Lounge , สวนหย่อม และจุดชมดาว ตัวสระว่ายน้ำจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นประมาณ 3 เมตร ซ่อนงานระบบไว้ด้านล่าง
เริ่มจาก Social Club หรือ Sky Lounge เป็น Double Space ชั้นล่างเป็นมุมนั่งเล่นอ่านหนังสือ และ โต๊ะพูล ส่วนชั้นลอยเป็นห้องประชุม ผนังโดยรอบเป็นกระจกทำให้สามารถมองเห็นวิว Panorama ได้
มีมุมให้นั่งเล่นอินเตอร์เน็ต และ โต๊ะพูล
ถัดมาเป็นสระว่ายน้ำ เป็นสระ Infinity Edge Pool ระบบเกลือ แต่จะพิเศษกว่าโครงการอื่นๆ ตรงที่มีระบบปรับอุณหภูมิให้อุณหภูมิน้ำคงที่ตลอดเวลา ตัวสระมีขนาด 30 x 5 เมตร แบ่งออกเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ด้านข้างสระมีม้านั่งยาวเอาไว้นั่งพักผ่อน
ด้านล่างสระว่ายน้ำมีจุดชมวิวอยู่จุดหนึ่ง
ต่อมาเป็น ฟิตเนส ใส่เครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 5 เครื่อง แบ่งออกเป็น 2 ห้อง (Double Fitness) ห้องที่มีเครื่องเล่นออกกำลังกาย และ ห้องโยคะหรือห้องเอนกประสงค์
ติดกับห้องฟิตเนสจะมีจุดชมดาว หรือ Stardust & Yoga Area มีการออกแบบสวนโดยรอบให้มีการเล่นระดับ และ ปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มความร่มรื่น
มาดูผังรวมโครงการกันค่ะ ทางเข้าโครงการอยู่ทางด้านถนนประชาชื่นซึ่งทางเข้าจะถูกขนาบอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น บริเวณทางเข้าจึงมีการปลูกต้นไม้และทำน้ำตกเพิ่มสร้างบรรยากาศความร่มรื่น ถัดเข้ามาจะเจอกับ Drop off ที่จอดรถจะอยู่ชั้น 1 – 7 สามารถจอดแบบไม่ซ้อนคัน ประมาณ 260 คันคิดเป็น 39% จอดซ้อนคันคิดเป็นประมาณ 49% บริเวณรอบๆโครงการมีการจัดสวนและปลูกต้นไม้เพิ่มความร่มรื่น ซึ่งทางด้านทิศใต่ฝั่งที่ติดกับถนนประชาราษฎร์สาย 2 จะมีสวนหย่อมที่มีศาลา และ บ่อน้ำตกอยู่ บริเวณด้านหน้าอาคารจะมีทางเดินวนขึ้นไปสวนชั้น 8 และ มีร้านค้าเรียงกันอยู่ 5 ยูนิต เข้ามาในอาคารจะเจอกับ Lobby ก่อน ถ้าไปทางฝั่งขวาจะเป็น Co-Working Space และ Cinema Lounge ส่วนทางฝั่งซ้ายห้องจดหมายและสำนักงานนิติบุคคล ลิฟต์มีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว และ ลิฟต์บริการ 1 ตัวอยู่ทางฝั่งขวา โดยลิฟต์จะเป็นลิฟต์ Hi-Speed แบบล็อคชั้นแบ่งออกเป็น ฝั่งละ 2 ตัว ลูกบ้านสามารถใช้ได้ทั้ง 2 ฝั่ง อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 221 : 1 และบันไดหนีไฟ 3 จุด
ชั้น 1-7 เป็นชั้นจอดรถ ผังจะคล้ายๆกัน มีทางขึ้นลงอยู่ตรงกลางแบ่งที่จอดรถเป็น 2 ฝั่ง การเข้าไปในอาคารต้องใช้คีย์การ์ดผ่านเข้ามาใน Lift Lobby
ชั้น8 เป็นชั้นที่มี Facility อยู่ปนกับห้องพักอาศัย ซึ่งจะทำให้ชั้นนี้ค่อนข้างคึกคัก เหมาะกับคนที่ชอบมาใช้พื้นที่ส่วนกลาง โดยพื้นที่ส่วนกลางของชั้นนี้มี สวนหย่อมที่มีบ่อน้ำตก , Sunken seat และ ห้องสมุด ห้องพักอาศัยวางผังล้อมรอบสวนอยู่โดยห้องStudio และ ห้องขนาดเล็ก 22 – 27 ตารางเมตรจะอยู่ทางฝั่งตะวันตกซึ่งร้อนอาจจะร้อนหน่อย ส่วนห้องที่เห็นวิวสวนคือห้อง 1 ห้องนอนขนาด 26 – 31 ตารางเมตร ห้อง 2 ห้องนอนจะอยู่หัวมุมฝั่งทิศเหนือ-ตะวันออก และ ทางทิศใต้-ตะวันตก โดยจำนวนห้องพักต่อชั้นจะอยู่ที่ 21 ห้องต่อชั้น ห้องพักขยะมีอยู่ 1 จุดบริเวณใกล้ Lift Lobby ทางปีกทิศเหนือแต่มีการหันประตูไปด้านที่ไม่ชนกับห้องพัก
ขึ้นมาที่ชั้น 9 – 29 การวางผังจะคล้ายๆกับชั้น 8 แต่มีห้องเพิ่มเข้ามาบริเวณปีกซ้ายและขวาทำให้ผังกลายเป็นรูปตัว U โดยทางปีกขวามีเพิ่มห้อง Studio ขนาด 24.5 – 27.2 ตารางเมตรเพิ่มเข้ามา ส่วนทางปีกซ้ายจะมีห้อง 2 ห้องนอน 47.5 ตารางเมตร และ ห้อง Studio 24.5 และ 27.2 ตารางเมตรเพิ่มมา สำหรับการเลือกห้องถ้าเลือกห้องทางทิศเหนือก็จะได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวัน ส่วนห้องทางทิศใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่า อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า ส่วนทิศตะวันตกจะค่อนข้างร้อนในตอนบ่าย
ส่วนชั้น 30-31 ก็คล้ายๆกับชั้น 9-29 เพียงแต่ทางปีกขวาฝั่งวิวสวน จะมีห้อง Duplex ขนาด 34 ตารางเมตรเข้ามาแทน
ชั้น 32 เป็นชั้น Facility ล้วนๆ เรียงจากซ้ายไปขวาเริ่มด้วย Social Club หรือ Sky Lounge ซึ่งเป็น Double Space เดินถัดมาจะเจอสวนและสระว่ายน้ำแบ่งออกเป็นสระผู้ใหญ่และสระเด็ก เป็นสระ Infinity Edge Pool ระบบเกลือและระบบปรับอุณหภูมิ ถัดมาเป็น ฟิตเนสซึ่งมีอยู่ 2 ห้องคือห้องที่มีเครื่องเล่น 1 ห้องและห้องโล่งๆเอาไว้สำหรับโยคะอีก 1 ห้อง ติดกับฟิตเนสคือ สวนหย่อมและจุดชมดาว การเอา Facility ส่วนใหญ่เอาไว้ชั้นบนมีข้อดีคือ จะไม่ไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของห้องพักอาศัย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- Cinema Lounge & Co-Working Space
- สวนหย่อม
- Stack Garden
- ห้องซักรีด (ไม่รวมอุปกรณ์)
- Pocket Garden
- ห้องสมุด
- สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือและระบบปรับอุณหภูมิขนาด 30 x 5 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 2 ห้อง (ห้องที่มีเครื่องเล่น กับ ห้องโยคะ)
- Social Club ( Sky Lounge)
- จุดชมดาว
- ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ลิฟต์ Service 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตรส่วนลิฟต์เท่ากับ 221 : 1
- ที่จอดรถจอดได้ประมาณ 260 คันคิดเป็น 39% ไม่รวมจอดซ้อนคัน , รวมจอดซ้อนคันคิดเป็นประมาณ 49%
- ระบบ CCTV / Access Card
สำหรับห้องตัวอย่างที่จะพาไปชมในวันนี้เราจะพาไปชม 2 ห้องคือ ห้อง 1 ห้องนอนขนาด 26 ตารางเมตร และ 1 ห้องนอน 31 ตารางเมตร โดยโครงการให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully-fitted คือให้เฉพาะ ชุดครัว , แอร์ และ สุขภัณฑ์
เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกัน คือแบบ 1 ห้องนอน 26 ตารางเมตร เข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีก่อน ซึ่งสามารถวางโซฟา 2 ที่นั่งเล็กๆได้ ติดกันคือโต๊ะทานข้าว 2 ที่นั่ง ถัดเข้าไปเป็นห้องนอน กั้ยด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ภายในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตได้แบบพอดีๆฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ออกจากห้องนอนมาจะเจอกับครัวซึ่งเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งครัวปิดจะช่วยกันกลิ่นเวลาประกอบอาหารไม่ให้ลอยคละคลุ้งไปทั่วห้องได้ เคาน์เตอร์ครัวขนาดกระทัดรัดเหมาะกับการใช้งานเอาไว้ อุ่นอาหาร หรือ ทำอาหารแบบง่ายๆ ถัดจากครัวไปเป็นระเบียงขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่เนื่องจากเครื่องซักผ้าวางอยู่ใต้เคาน์เตอร์ครัวแล้ว จึงไม่ต้องเสียพื้นที่ระเบียงไปวางเครื่องซักผ้าอีก ฝั่งตรงข้ามห้องครัวเป็นห้องน้าแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งมาให้ชัดเจน ซึ่งการที่ห้องน้ำอยู่ตำแหน่งนี้มีข้อดีคือเวลาแขกไปใครมาสามารถเข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน ส่วนข้อเสียคือตอนที่เราอยู่ในห้องนอนถ้าจะออกมาใช้ห้องน้ำก็จะเดินไกลหน่อย
เราเข้ามาดูห้องกันค่ะ เข้ามาจะเจอกับส่วนพักผ่อน นั่งเล่นดูทีวี ถัดไปเป็นห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งพอเป็นประตูบานกระจกก็ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นด้วย ทำให้ห้องไม่มืดทึบ ทางฝั่งขวาเป็นทางไปห้องน้ำและห้องครัว ห้องนี้ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร พื้นเป็นลามิเนตลายไม้ หนา 8 มม.พร้อมบัวเชิงผนังทั้งห้อง
ถ่ายย้อนกลับไปทางมุมฝั่งประตูทางเข้า ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นมีระยะประมาณ 1.70 เมตร ซึ่งสามารถวางทีวีขนาดไม่เกิน 42″ ประตูทางเข้าจะเป็นบานสำเร็จรูป ขนาด 0.90 x 2.00 ม.แต่เนื่องจากเป็นห้องตัวอย่างทางโครงการจึงไม่ได้ติดตั้งให้ดู ด้านบนประตูมีติดแอร์อยู่
ซึ่งแอร์ ห้องแต่ละ Type จะได้จำนวนไม่เท่ากัน โดยห้อง Studio ได้ 1 เครื่อง , 1 ห้องนอนและห้อง Duplex ได้ 2 เครื่อง ส่วน 2 ห้องนอนได้ 3 เครื่อง
ถัดจากห้องนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน แบบ 3 ตอน ซึ่งถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็สามารถหาม่านหรือสติกเกอร์มาติดได้นะ ส่วนเวลากลางวันก็เปิดม่านเอาแสงธรรมชาติเข้ามาในห้อง ห้องจะได้ดูโปร่ง และไม่อึดอัด
มือจับประตูบานเลื่อนห้องนอนเป็นตามมาตรฐานทั่วไป
ประตูบานเลื่อนเป็นแบบ 3 ตอนเลื่อนเก็บทางฝั่งเดียวกัน ซึ่งทำให้สามารถเปิดช่องเปิดได้กว้างขึ้น
พื้นที่ของห้องนั่งเล่นจะติดกับห้องนอนเลย กั้นด้วยประตูบานเลื่อน จริงๆแล้วในแปลนกำหนดไว้ให้ข้างโซฟาเป็นโต๊ะทานข้าว แต่ห้องตัวอย่างวางโซฟาตัวยาวแทนจึงไม่มีโต๊ะทานข้าวค่ะ ซึ่งถ้าเราจัดห้องแบบนี้ก็สามารถใช้พื้นที่ตรงส่วนนี้นั่งทานข้าวได้เลย
ภายในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตได้แบบพอดีๆ
ฝั่งตรงข้ามเตียงมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้
ด้านข้างซ้ายของเตียง มีระยะเหลือค่อนข้างน้อย ส่วนทางด้านขวามีระยะเหลือประมาณ 60 เซนติเมตร สามารถหาโต๊ะข้างเตียงเล็กๆมาวางได้
ปลายเตียงเมื่อวางตู้เสื้อผ้าแล้วจะมีระยะเหลือประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งตู้เสื้อผ้าเป็นบานเลื่อนจึงไม่ต้องกังวลมาเปิดบานตู้มาแล้วจะชนกับเตียงนอน
ด้านข้างเตียงมีหน้าต่างบานเลื่อนกรอบบานอะลูมิเนียม ทำสี โดยหน้าต่างอยู่สูงจากพื้นประมาณ 35 เซนติเมตร
ตัวเปิดปิดและล็อกเป็นตามภาพ
ถัดจากห้องนอนมาจะเป็นห้องครัว ซึ่งทางโครงการไม่ได้กั้นประตูบานเลื่อนมาให้ ซึ่งเราสามารถหามากั้นเองได้เพื่อทำให้ครัวเป็นครัวปิดเวลาทำอาหารกลิ่นจะได้ไม่ลอยไปทั่วห้อง
ข้างชุดครัวมีพื้นที่เหลือ เราจะเอาตู้แบบนี้มาวางเพื่อเป็นของเล็กๆน้อยๆก็ได้นะคะ (ตู้ไม่ได้แถมให้นะ)
พื้นที่ครัวห้องนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก อยู่ติดกับพื้นที่ระเบียง ซึ่งเวลาทำอาหารเราก็ามารถเปิดประตูระบายอากาศได้
เคาน์เตอร์ครัวเหมาะกับการใช้งานสำหรับคนที่อยู่คนเดียว ที่ไม่ค่อยทำอาหารกินเองเท่าไหร่ ขนาดเคาน์เตอร์ยาวประมาณ 1.30 เมตร วัสดุทำด้วยโครงไม้กรุเมลามีนลายไม้ มีช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และโครงการนี้มีแถมแนวกระเบื้องกันเปื้อนด้วย
ด้านล่างเคาน์เตอร์เปิดออกมามีถังขยะเล็กๆมาให้ด้วย ช่องทางด้านซ้ายเป็นช่องเอาไว้ เก็บของและใส่ขวดซอสต่างๆ
อ่างล้างจานแบบหลุมเดียว วัสดุเป็นสแตนเลส ยี่ห้อ Franke ดูทนทานดี
เตาไฟฟ้าเป็นเตา 2 หัวแบบเซรามิค ของ Franke เหมาะกับการอุ่นอาหารเล็กๆน้อยๆ
เครื่องดูดควัน ( Hood) ยี่ห้อ Franke เป็นระบบ Exhaust คือเป็นแบบดูดควันแล้วจะออกไปตามท่อไปปล่อยที่นอกโครงการ
ตู้แขวนด้านบนมีกล่องควบคุมระบบไฟซ่อนอยู่ เป็นระเบียบเรียบร้อยดี
ถัดจากห้องครัวไปเป็นระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน
ระหว่างพื้นห้องครัว กับพื้นระเบียงจะมีธรณียกสูงขึ้นมาสำหรับกันน้ำเข้าห้องในกรณีซักล้างหรือฝนตกหนัก วัสดุพื้นระเบียงเป็นเซรามิคกันลื่น ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
ราวกันตกระเบียงเป็นเหล็กทำสีเทาสูงประมาณ 1 เมตร ด้านล่างเป็นผนังก่อขึ้นมาประมาณ 30 เซนติเมตร
คอมเพรสเซอร์แอร์ห้องนี้แขวนไว้ด้านบน ซึ่งมีข้อดีคือเวลาเราออกมายืนชมวิวจะได้ไม่โดนลมร้อนของคอมเพรสเซอร์เป่า และทำให้ได้พื้นที่ระเบียงมากขึ้น
ฝั่งตรงข้ามห้องครัวเป็นห้องน้ำ
ระหว่างพื้นห้องครัวและพื้นห้องน้ำมีก่อธรณีขึ้นมาสูงประมาณ 5 เซนติเมตร ด้านบนธรณีเป็นหินแกรนิต
ภายในห้องน้ำ แบ่งออกเป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียกชัดเจน พื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
อ่างล้างหน้าเป็นของ Cotto สามารถเปิดตู้ด้านล่างออกเก็บของได้แบบนี้
มือจับของประตูพื้นที่อาบน้ำ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.70 x 1.25 เมตร ถือว่าค่อนข้างใหญ่สำหรับห้องขนาดเล็ก วัสดุเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวกันลื่น มีการยกธรณีขึ้นสูงเพื่อกันน้ำ
ชุดฝักบัวมีทั้งแบบ Rain Shower และ ฝักบัวธรรมดา ด้านข้างมีชั้นวางสบู่เล็กๆ
หน้าตาฝักบัวของ Cotto
ฝั่งตรงข้ามพื้นที่อาบน้ำคือโถสุขภัณฑ์ ด้านบนมีที่แขวนผ้าเช็ดตัว แต่ตำแหน่งเวลาแขวนจะต้องเอื้อมมือไปหยิบหน่อย
สุขภัณฑ์ยี่ห้อ Cotto
ส่วนอีกห้องที่จะพาไปชมคือ ห้อง 1 ห้องนอน 31 ตารางเมตร เข้ามาจะเจอครัวก่อน ซึ่งเป็นครัวขนาดไม่ใหญ่มากนัก ถัดไปจึงเป็นโซนทานข้าวและโซนพักผ่อนนั่งเล่น ระเบียงห้องนี้ค่อนข้างกว้างอยู่ติดกับห้องนั่งเล่น พื้นที่ระเบียงเป็น Semi-Outdoor คือถ้าเลื่อนเปิดประตูบานเลื่อนด้านในก็สามารถเพิ่มพื้นที่ของห้องได้ แต่ถ้าปิดประตูก็จะกลายเป็นพื้นที่ระเบียง ส่วนห้องนอนจะต้องเข้าจากทางห้องนั่งเล่น โดยห้องนอนของห้อง Type นี้จะคอนข้างใหญ่มีพื้นที่เหลือพอสมควร มีมุมวางโต๊ะทำงาน และ ห้องน้ำของห้องนี้อยู่ในห้องนอนซึ่งถ้าเราอยู่ในห้องนอนก็สามารถใช้งานได้สะดวกดี แต่ถ้ามีเพื่อนจะมาขอเข้าก็ต้องเดินผ่านห้องนอนซึ่งจะทำให้ความเป็นส่วนตัวเราน้อยลงค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับครัวก่อน เคาน์เตอร์ครัวห้องนี้ยาว 1.50 เมตร มีช่องเอาไว้วางเครื่องซักผ้า และ ไมโครเวฟเช่นเดียวกับห้อง 26 ตารางเมตร ถัดจากส่วนครัวไปจึงเป็นห้องนั่งเล่น ทางฝั่งขวาเป็นทางไปห้องนอน และ ห้องน้ำ
เคาน์เตอร์ครัวเปิดออกมาเก็บของได้ตามภาพ
ตู้ล่างเปิดออกมามีพื้นที่ให้เก็บของ และมีถังขยะใบเล็กมาให้ ชั้นเก็บของทางด้านซ้ายห้องนี้จะใหญ่กว่าห้อง 26 ตารางเมตร
อ่างล้างจานเป็นของ Franke เช่นกัน
ตู้ด้านบนมีช่องเก็บตู้ควบคุมระบบไฟ
Hood ยี่ห้อ Franke เป็นระบบ Exhaust เช่นเดียวกัน
ด้านข้างครัวมีพื้นที่สำหรับเอาไว้วางชั้นวางของ
ห้องตัวอย่างกั้นพื้นที่ระหว่างครัวกับห้องนั่งเล่น ด้วยบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ซึ่งทำให้กลายเป็นครัวปิดสามารถกันกลิ่นลอยออกไปได้
ห้องนั่งเล่นวางชุดโซฟาเล็กๆได้ ระยะดูทีวีห่างพอสมควร ห้องนี้จะอยู่ติดกับระเบียงแบบ Semi Outdoor
ประตูออกไประเบียงเป็นบานเลื่อน 3 ตอน เปิดเก็บมาด้านข้าง
ซูมให้เห็นรางเลื่อนแบบ 3 ตอน ระหว่างพื้นระเบียงกับพื้นห้องนั่งเล่นมีธรณีสูงขึ้นมาจากพื้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำ
พื้นที่ระเบียงเป็นแบบ Semi Outdoor คือถ้าเปิดประตูด้านในพื้นที่ส่วนนี้ก็เหมือนพื้นที่ในห้อง แต่ถ้าปิดประตูด้านในแล้วเปิดประตูด้านนนอกก็คลายเป็นพื้นที่ระเบียง สามารถวางชุดโต๊ะ 2 ที่นั่งได้ วัสดุพื้นของระเบียงเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ผิวกันลื่น คอมเพรสเซอร์แอร์จะซ่อนอยู่ในผนังทางด้านขวาทำให้ระเบียงมีพื้นที่มากขึ้น
หน้าตามือจับประตูด้านใน
มือจับประตูด้านนอก
เข้ามาดูต่อกันที่ห้องนอน ห้องนี้มีขนาดค่อนข้างกว้าง มีมุมสำหรับวางโต๊ะทำงานได้
ด้านข้างเตียงมีหน้าต่างเล็กๆพอให้มีแสงเข้ามาในห้อง และมีมุมสำหรับวางโต๊ะทำงานเล็กๆได้
ด้านซ้ายของเตียงมีระยะเหลือพอสมควรสามารถวางโต๊ะทำงานได้ ทางด้านขวาก็มีระยะเหลือค่อนข้างเยอะสามารถวางตู้เสื้อผ้าได้
ปลายเตียงมีระยะเหลือประมาณ 50 เซนติเมตร ถ้าจะวางทีวีจะต้องติดกับผนังเหมือนในห้องตัวอย่างค่ะ
ด้านข้างเตียงที่จัดเป็นชุดโต๊ะทำงานเล็กๆ
มือจับและตัวล็อคบานหน้าต่าง รูปแบบเดียวกัน
อีกฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าเล็กๆได้ และทางไปห้องน้ำ
ทางเข้าห้องน้ำมียกธรณีสูงขึ้นมาประมาณ 5 เซนติเมตร
รูปแบบและวัสดุที่ใช้ในห้องน้ำ ห้องนี้จะคล้ายกับห้อง 26 ตารางเมตร แบ่งเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียกชัดเจน
สุขภัณฑ์ของ Cotto
พื้นที่อาบน้ำมีกั้นส่วนแห้งกันส่วนเปียกด้วยกระจกนิรภัย
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.05 x 1.33 เมตร ซึ่งกว้างกว่าขนาดมาตรฐาน
ฝักบัวใช้รุ่นเดียวกันกับห้อง 26 ตารางเมตร ด้านข้างฝักบัวมีชั้นเก็บของกระจก ซึ่งชั้นนี้ทางโครงการแถมให้
สวิทซ์ และ ปลั๊ก ของ Schneider
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 November 2015
- Studio เนื้อที่ 22.00 ตร.ม. ราคา 2.61 ล้านบาท หรือ 118,636 บาท/ตร.ม.
- Studio เนื้อที่ 24.50 ตร.ม. ราคา 3.10 ล้านบาท หรือ 126,530 บาท/ตร.ม.
- Studio เนื้อที่ 27.20 ตร.ม. ราคา 3.52 ล้านบาท หรือ 129,411 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom เนื้อที่ 26.00 ตร.ม. ราคา 3.12 ล้านบาท หรือ 120,000 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom เนื้อที่ 27.00 ตร.ม. ราคา 3.25 ล้านบาท หรือ 120,370 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom เนื้อที่ 31.00 ตร.ม. ราคา 3.69 ล้านบาท หรือ 119,032 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom เนื้อที่ 32.00 ตร.ม. ราคา 3.80 ล้านบาท หรือ 118,750 บาท/ตร.ม.
- Duplex เนื้อที่ 34.00 ตร.ม. ราคา 4.94 ล้านบาท หรือ 145,294 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom เนื้อที่ 47.50 ตร.ม. ราคา 5.66 ล้านบาท หรือ 119,157 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.5 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- แอร์ ยังไม่ได้ระบุยี่ห้อ (Studio ได้ 1 เครื่อง , 1 Bedroom และ Duplex ได้ 2 เครื่อง , 2 Bedroom ได้ 3 เครื่อง)
- จอง 30,000 บาท
- ทำสัญญา ห้อง Studio 100,500-167,800 บาท
- ทำสัญญา 1 ห้องนอน 125,700 – 195,700 บาท
- ทำสัญญา 2 ห้องนอน 252,800 – 314,400 บาท
- Duplex 216,000 – 219,500
- ผ่อนดาวน์ 20 งวด (Studio 5,300 – 8,000 , 1 Bedroom 6,300 – 9,100 , 2 Bedroom 11,400 – 13,800 , Duplex 10,000 บาทต่อเดือน)
- ค่ากองทุน 550 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 55 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ IDEO Mobi บางซื่อ แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมสี่แยกประชาชื่น จุดตัดระหว่างถนนประชาชื่นและถนนประชาราษฎร์สาย2 ถ้าพูดถึงย่านเตาปูน – บางซื่อ แต่เดิมคงจะนึกถึงชุมชนเก่าที่มีแต่อาคารพาณิชย์และบ้านแนวราบ แต่ในช่วงหลังๆมานี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของชุมชนชาวบ้านย่านประชาชื่น เนื่องจากการมาของรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางซื่อ ทำให้มีคอนโดมิเนียม ผุดขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมามีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน , สีม่วง และสายสีแดงส่งผลให้ราคาที่ดิน ราคาคอนโดมิเนียมปรับตัวสูงขึ้น และมีแผนจากทาง ร.ฟ.ท. พัฒนาสถานีกลางบางซื่อ ให้เป็นเป็นศูนย์กลางการเดินทางและคมนาคมขนส่งของพื้นที่กรุงเทพมหานคร เชื่อมโยงระบบการคมนาคมขนส่งในภูมิภาคต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการพัฒนาโดยรอบพื้นที่ให้เป็นเชิงพาณิชย์หรือคอมเพล็กซ์ซิตี้ อาทิ สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย และพื้นที่นันทนาการ ดังนั้นพื้นที่บริเวณนี้ในอนาคตจะถ้าสถานีกลางบางซื่อสร้างเสร็จตามแผน จะทำให้พื้นที่โดยรอบมีการพัฒนามากขึ้น
สำหรับความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการ ถือว่าค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลยทีเดียว ในบริเวณใกล้เคียงจะมีตลาดอยู่ 2 ตลาดคือ ตลาดเตาปูน และ ตลาดบางโพ ส่วนร้านอาหารสามารถหากินได้ทั้ง รถเข็น ร้านอาหารข้างทางทั้งร้านติดแอร์และร้านไม่ติดแอร์ ร้านอาหารใหญ่ๆ นอกจากนั้นยังมีร้านค้าและร้านสะดวกซื้อ ถ้าจะไป Community mall ที่ใกล้เคียงจะมีเมเจอร์ รัชโยธิน และ Community mall เล็กๆแถวๆบางโพ และ บางกระบือ
การเดินทางโดยรถยนต์ ค่อนข้างสะดวกในแง่ที่มีทางเลือกในการเดินทางเข้าออกเมืองจากหลายด้าน สามารถเดินทางไปย่านธุรกิจอย่างรัชดาภิเษกได้ใช้เวลาไม่นานนอกจากนี้ยังมีทางขึ้นลงทางด่วนอยู่ใกล้ๆ ตรงแยกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ด้วย แต่จะมีความลำบากมากในแง่ของรถติด ที่จะติดเป็นเวลาในช่วงเช้าเย็นบริเวณแยกโรงพยาบาลเกษมราษฎร์
การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว สะดวกมาก อยู่ติดถนนใหญ่ เรียกรถง่าย ถ้ารถติดก็มีพี่วิน ซึ่งวินมอเตอร์ไซค์จะอยู่บริเวณใกล้กับหน้าโครงการและฝั่งตรงข้ามโครงการบริเวณ Tesco Lotus นอกจากนี้ ยังเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดินได้สะดวกทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีบางซื่อ และถ้ารถไฟฟ้าอีก 2 สายคือ สายสีม่วงและสายสีน้ำเงินเสร็จ ก็จะทำให้ช่องทางการเดินทางสะดวกขึ้น
วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้เป็นแบบ Fully Fitted โดยให้ ชุดครัว , สุขภัณฑ์ และ แอร์ พื้นเป็นพื้นลามิเนต พื้นกระเบื้องเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ชุดครัว มี Hob&Hood , Sink และแนวกระเบื้องกันเปื้อนมาให้ ภายในห้องน้ำสุขภัณฑ์ Cotto ในห้องน้ำมีกระจกกั้นอาบน้ำมาให้
การออกแบบทำได้ค่อนข้างดี มีการออกแบบตัวอาคารและออกแบบภายในภายใต้แนวความคิด Futuristic Art Decor ซึ่ง Futuristic คือการออกแบบการใช้งานของอาคารที่สามารถใช้ได้จริงและสอดคล้องกับ Life Style ของผู้อยู่อาศัยในอนาคต ตัวอาคารออกแบบทันสมัยตามสไตล์ IDEO การออกแบบ Landscape ก็ทำได้ดีเช่นกัน เนื่องจากทั้งสองฝั่งของทางเข้าถูกขนาบด้วยอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 5 ชั้น ทางโครงการจึงออกแบบให้ทางเข้าเป็นอุโมงค์ต้นไม้เพื่อเพิ่มความร่มรื่น ทางฝั่งซ้ายเป็นต้นไทรเกาหลีสูง 4 เมตร มีการออกแบบ Stack Garden เป็นทางวนขึ้นไปใช้สวนที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นการออกแบบที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ
สาธารณูปโภค โครงการนี้จัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้ค่อนข้างเยอะทั้ง Cinema Lounge & Co-Working Space , สวนหย่อมขนาดใหญ่ , Stack Garden คือทางวนเดินขึ้นไปสวนที่ชั้น 8 ซึ่งสามารถใช้พื้นลานเดินออกกำลังกายได้ , ห้องซักรีด , Pocket Garden , ห้องสมุด , สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ที่พิเศษคือสระเป็นระบบปรับอุณหภูมิ , ห้องออกกำลังกาย 2 ห้อง (ห้องที่มีเครื่องเล่น กับ ห้องโยคะ) , Social Club ( Sky Lounge) , จุดชมดาว ส่วนลิฟต์ให้ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว ลิฟต์ Service 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตรส่วนลิฟต์เท่ากับ 221 : 1
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 130,000 บาท/ตร.ม., 20 November 2015
- ทำเล 7.75/10 – เป็นแหล่งชุมชน ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน เดินทางได้หลายเส้นทาง
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสามสาย
- วัสดุ 7.5/10 – ตามมาตรฐานทั่วไป
- แบบ 8/10 – ออกแบบได้สวย เข้ากับ Concept
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – จัดมาให้ค่อนข้างเต็ม มีส่วนที่พิเศษกว่าโครงการอื่นคือ Stack Garden และ สระน้ำปรับอุณหภูมิ
- HIGH CLASS
- 7.85 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ IDEO Mobi บางซื่อ แกรนด์ อินเตอร์เชนจ์ เหมาะกับคนที่เคยชินกับสภาพความเป็นอยู่หรือสถานที่ทำงานอยู่บริเวณนี้ ต้องการคอนโดติดรถไฟฟ้า 3 สาย เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วนชอบโครงการที่มี Facilities หลากหลาย มีการออกแบบที่มีConcept และ ทันสมัย มีงบประมาณระดับ 2.7 – 7 ล้านบาท กำลังผ่อนต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 18,500 บาทขึ้นไป
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )