รีวิวฉบับที่ 1060 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ Feel Condo ปิ่นเกล้า – จรัญฯ 59 คอนโด Low Rise 5 ชั้น 2 อาคาร อยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 เข้าไปประมาณ 200 ม. และมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสถานีสิรินธรอยู่ตรงแยกที่ตัดกับถนนสิรินธรพอดีค่ะ โครงการมีห้องขนาดตั้งแต่ 24-52 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท รายละเอียดโครงการจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ 

Fact @ 07 April 2016

  • Feel Condo Pinklao – Charan 59 (ฟีล คอนโด ปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ 59)
  • บริษัท ไลฟ์ อิมเมจ คอนโดมิเนียม จำกัด
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางพลัด
  • คอนโด Low Rise 5 ชั้น 2 อาคาร 79 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด ตึก A : 9 ยูนิต ตึก B : 9 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 38 คันคิดเป็น 48% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 58.2%
  • ที่ดินประมาณ 1-0-70 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : กุมภาพันธ์ 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : พฤษภาคม 2560
  • 1 Bedroom 24-38 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.53 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 52 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร และชั้น 5 ฝ้าเพดานสูง 2.6 ม.
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 68,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 64,000-72,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 092-771-4221, 099-153-1212, 084-439-5703

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.782159, 100.487346

ที่ตั้งโครงการ Feel Condo ปิ่นเกล้า-จรัญฯ 59 ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ฝั่งมุ่งหน้าไปยังบางพลัด ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 ลึกเข้าไปประมาณ 200 ม. ตัวโครงการอยู่ระหว่างสถานีบางยี่ขันและสถานีสิรินธร โดยห่างจากสถานีสิรินธรที่ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดถนนสิรินธรและถนนราชวิถีไปประมาณ 800 ม. มีห้างใกล้ๆ อย่าง Central ปิ่นเกล้า, Tesco และ Major Cineplex บนถนนบรมราชชนนี ห่างไปประมาณ 2.5 กม. ที่อยู่ในระยะขับรถไปได้ง่าย

ทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในย่านฝั่งธนฯ บนถนนจรัญสนิทวงศ์ช่วงระหว่างแยกบรมราชชนนีกับจุดบรรจบถนนสิรินธรกับถนนราชวิถี สภาพแวดล้อมในแถบนี้ยังเป็นย่านทำเลเก่าที่มีชุมชนที่อยู่อาศัยกันมานานในซอยเล็กซอยน้อยและมีอาคารพาณิชย์ ตึกแถวตั้งอยู่บริเวณริมถนนตลอดแนว

สำหรับเรื่องของการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวนั้น ถือว่ามีความสะดวกระดับนึง เพราะตัวโครงการนั้นอยู่ไม่ไกลจากจุดบรรจบถนนสิรินธรและถนนราชวิถีที่ไม่ไกลจากสะพานกรุงธนบุรีหรือสะพานซังฮี้ ที่สามารถมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ หรือจะย้อนกลับไปทางแยกบรมราชชนนีข้ามสะพานพระราม 8 ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงในการเดินทางข้ามฝั่งไปยังพระนคร และระยะทางที่ไม่ห่างจากแยกบรมราชชนีก็สามารถตัดเข้าถนนบรมราชชนนีได้ง่าย ซึ่งถนนนี้เป็นอีกถนนที่ค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์เพราะมีทั้งร้านอาหารน้อยใหญ่รวมถึงห้างสรรพสินค้าด้วย ส่วนสภาพการจราจรในแถบนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างติดขัดมากๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนและช่วงเย็นที่คนกลับจากที่ทำงานมา ดังนั้นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวของทำเลนี้ ถึงแม้จะมีถนนให้เลือกใช้เส้นทางค่อนข้างหลากหลายแต่ก็จำเป็นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางพอสมควรค่ะ

credit: http://www.sirat-orr.com/P06.html

สำหรับบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ นั้นไม่มีทางด่วนในบริเวณใกล้เคียง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการจราจรที่ติดขัดจะต้องไปขึ้นที่ทางด่วนบริเวณสะพานตากสิน หรือ ทางด่วนยมราช แต่ในอนาคตจะมีโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ก่อสร้างทางสายหลัก , ทางขึ้น-ลงทางพิเศษ, ทางแยกต่างระดับ และ ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางพร้อมสะพานลอยกลับรถเพื่อแก้ไขปัญหาจุดตัดถนนท้องถิ่นช่วงจากถนนกาญจนาภิเษกถึงสะพานพระรามหกจำนวน 5 แห่ง โดยกำหนดทางขึ้น-ลงไว้ 6 แห่งคือ

  1. บริเวณถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก)
  2. ทางขึ้นลงราชพฤกษ์
  3. ทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี
  4. ทางขึ้นลงบางบำหรุหรือถนนสิรินธร
  5. ทางขึ้นลงจรัญสนิทวงศ์
  6. ทางขึ้นลงพระราม 6
  7. ทางขึ้นลงกำแพงเพชรตรงทางแยกต่างระดับศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2)

ทางขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดคือ  ทางขึ้น-ลงบางบำหรุหรือถนนสิรินธร ซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 3 กม. ค่ะ

ในส่วนการเดินทางด้วยระบบสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกพอสมควร เพราะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อขยายช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ประมาณ 800 ม. (ระยะห่างจากสถานียังไม่แน่นอนนะคะ เพราะตัวสถานียังไม่ได้สร้างต้องรอดูว่าตำแหน่งที่แท้จริงอยู่ตรงไหน และตำแหน่งของขาขึ้น-ลงของสถานี ซึ่งส่งผลให้ระยะใกล้-ไกลนั้นเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ) ทั้งสถานีบางยี่ขันที่อยู่บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 ตรงข้ามกับคอมมอนเวลธ์ ปิ่นเกล้า และสถานีสิรินธรที่อยู่บริเวณจุดตัดถนน 3 สาย รวมทั้งเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีสิรินธร อีกด้วย ในระยะ 800 ม. อาจจะเดินไกลหน่อยแต่ยังอยู่ในระยะเดินได้นะคะ ซึ่งในขณะนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโดยคาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการได้ประมาณปี 2562 และในอนาคตอีกระยะนึงจะมีสายสีแดงอ่อน มาเพิ่มเป็น Interchange ซึ่งก็จะกินเวลากว่าจะครบเสร็จเพิ่มไปอีกหลายปี

และอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งในการคมนาคมของคนในละแวกนี้คือการเดินทางโดยเรือ ซึ่งท่าเรือสะพานกรุงธนฯ จะอยู่บริเวณใต้สะพานฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถเดินทางเข้าเมืองในเวลาเร่งด่วนได้ดี และกำหนดระยะเวลาในการเดินทางได้แน่นอนกว่าการขับรถบนท้องถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งท่าเรือสะพานกรุงธนฯ นี้จะอยู่สายสีเขียว ที่ใช้เวลาในการเดินทางน้อยกว่าสายสีส้มที่จอดรับทุกสถานี โดยสายนี้จะเริ่มต้นที่สะพานพระราม 7 ตรงไปสุดสายที่สาทร (สะพานตากสิน, ท่าเรือกลาง) ซึ่งการเดินทางจากโครงการมาท่าเรือนั้นใช้ระยะทางประมาณ 1.7 กม. โดยสามารถขึ้นรถสองแถวที่มีอยู่แถบหน้าปากซอย ตลอดช่วงถนนจรัญสนิทวงศ์ได้ค่ะ

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ ถือว่ามีให้เลือกได้หลากหลายพอสมควรอยู่ค่ะ โดยที่เห็นตามริมถนนเลยก็จะมีร้านอาหารใต้ตึกแถว และเป็นร้านรถเข็นให้เห็นพอสมควร หรือเลยไปหน่อยตามริมแม่น้ำก็จะมีร้านอาหารริมแม่น้ำบรรยากาศดีๆ อีกหลายร้านค่ะ ส่วนตลาดในละแวกนี้ก็จะเป็นตลาดกรุงธนที่มีขายทั้งของสดและของแห้ง ถือเป็นตลาดเก่าแก่ในละแวกนี้เลยค่ะ อีกห้างเก่าแก่เช่นเดียวกันก็คงหนีไม่พ้นห้างบนถนนสิรินธรอย่างห้างตั้งฮั่วเส็ง ซึ่งต่อมามีการปรับเปลี่ยนเป็นห้าง T – Sqaure และเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น

เลยจากแถบถนนราชวิถีและถนนสิรินธรมาทางฝั่งถนนบรมราชชนนีจะเป็นแหล่งที่ตั้งของห้างใหญ่ๆ ในโซนนี้ทั้ง เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, Major Cineplex ปิ่นเกล้า และ Tesco Lotus ค่ะ โดยห่างจากโครงการไปประมาณ 2 กม. ค่ะ

การเดินทางของเราในวันนี้จะลองเดินจากจุดตัดถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนสิรินธรและถนนราชวิถี ซึ่งเป็นตำแหน่งของสถานีสิรินธรตามที่รฟม.ได้แจ้งไว้ (คลิกที่นี่) จากนั้นเดินมาตามทางถนนจรัญสนิทวงศ์มาเรื่อยๆ เลี้ยวเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์เข้ามาประมาณ 200 ม. ก็จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งขวามือค่ะ

จากสี่แยก จุดตัดถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนสิรินธรและถนนราชวิถี บริเวณข้างเคียงยังมีการก่อสร้างระบบรางรถไฟฟ้าอยู่ ซึ่งปัจจุบันเดินผ่านค่อนข้างลำบากค่ะ

หันกลับมาเพื่อเดินไปยังโครงการ จะไม่มีทางเดินฟุตบาทให้เดินได้สบายๆ นะคะ ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปในช่วงรถไฟฟ้าใกล้เสร็จว่าจะมีการปรับพื้นที่ให้มีทางเดินฟุตบาทเป็นแบบไหน เดินได้สบายไหมค่ะ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการเดินทางไปกลับรถไฟฟ้าทุกวันนะคะ

เดินตรงมาอีกหน่อยจะเห็นโครงการเพื่อนบ้านอย่าง Brix Condominium ซึ่งเป็นคอนโด High Rise ติดถนนใหญ่

สภาพแวดล้อมริมถนนจะเห็นเป็นตึกแถวทั้งร้างและยังมีคนอยู่อาศัยปะปนกันไป

เดินมาอีกหน่อยจะเจอปั๊มน้ำมัน PT

ถัดจากปั๊มน้ำมัน จะเริ่มเห็นทางเดินฟุตบาทเล็กๆ ข้างทาง ซึ่งหลังจากนั้นก็จะมีฟุตบาทให้เดินได้สะดวกมากขึ้นแล้วค่ะ

เดินมาเจอซอยจรัญสนิทวงศ์ 65 หรือซอยร่วมพัฒนา บริเวณต้นซอยมีร้านอาหารเป็นรถเข็นและใต้ตึกแถวขายอยู่ค่อนข้างหลากหลาย และมีพี่วินค่อยให้บริการภายในซอยนี้เนื่องจากซอยนี้สามารถไปทะลุออกถนนสิรินธรบริเวณหลังห้างตั้งฮั่วเส็งได้ บรรยากาศภายในจะเป็นชุมชนตึกแถวเก่าตลอดแนว

เดินต่อมาเลยปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 65 มาหน่อยจะเห็นพี่สองแถวจอดรถรับผู้โดยสารอยู่ โดยเส้นทางวิ่งคือจรัญสนิทวงศ์-ตลาดบางกรวย

ฝั่งตรงข้ามเป็นซอยทางเข้าโรงเรียนพณิชยการสยาม โดยในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ ก็จะเห็นเด็กโรงเรียนพาณิชย์เดินในแถบนี้ค่อนข้างเยอะเลยค่ะ

จากนั้นก็จะเดินผ่านซอยจรัญสนิทวงศ์ 63 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถทะลุเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 ได้ค่ะ

ส่วนซอยจรัญสนิทวงศ์ 61 จะเป็นซอยสั้นๆ และเป็นซอยตัน

เดินมาบริเวณหน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 มีร้านขายอาหารตามสั่งและร้านก๋วยเตี๋ยวเปิดด้านหน้า

หน้าซอยมีสะพานลอยเดินข้ามได้ง่าย ไม่ต้องเดินไกล

ติดกับสะพานลอยเป็นสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร เขตบางกอกน้อย

ฝั่งตรงข้ามสำนักงานที่ดินเป็นอพาร์ทเม้นท์ฉัตรนิสาที่มีความสูง 5 ชั้น ด้านล่างมี Shop เล็กๆ มีคาเฟ่ขายกาแฟ เครื่องดื่มและมินิมาร์ท

เดินเข้ามาในซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 เป็นซอยขนาดเล็กมีเลนเดียว แต่ไม่ใช้ One Way นะคะ คือขับสวนกันได้แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องหลบด้านข้างรออีกฝ่ายไปก่อน รวมทั้งด้านข้างก็ยังมีรถจอดเกือบตลอดแนวถนน ซึ่งค่อนข้างลำบากในการเข้า-ออกทั้งการขับและเดินเข้า

บรรยากาศภายในซอยค่อนข้างเงียบสงบ เนื่องจากเป็นซอยที่ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่อยู่อาศัยกันมานาน

เดินจากปากซอยเข้ามา 200 ม. ก็จะเห็นโครงการแล้วค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูสภาพแวดล้อมของโครงการกันค่ะ ลักษณะของซอยจรัญสนิทวงศ์นั้นตรงเข้ามาภายในจะเป็นซอยที่สามารถไปทะลุออกด้านหลังเมเจอร์ปิ่นเกล้า และห้างตั้ง ฮั่ว เส็งได้ ส่วนช่วงต้นซอยจะสามารถเชื่อมไปออกซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 ได้ สภาพบรรยากาศภายในซอยเป็นบ้านพักอาศัย หอพัก ซึ่งอยู่อาศัยมานานแล้ว ค่อนข้างเงียบสงบพอสมควรค่ะ ส่วนโดยรอบของโครงการนั้นทั้ง 3 ฝั่งอยู่ติดกับถนนในซอย ในทางทิศตะวันออกและตะวันตกติดกับถนนที่เป็นซอยย่อยสั้นๆ และอีกด้านอยู่ติดกับบ้านเดี่ยวซึ่งมีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น ส่วนเพื่อนบ้านโดยรอบจะเป็นบ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 2 ชั้นเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ห้องพักในชั้นบนๆ หน่อยไม่มีปัญหาในเรื่องของวิวค่ะ จะมีฝั่งทิศตะวันตกที่ติดกับหอพักสูง 5 ชั้นเท่ากันกับโครงการ ซึ่งถือว่าบังวิวในทิศนี้ของห้องพักฝั่งนี้ส่วนนึงไปเลย ทั้งนี้นอกจากเรื่องของวิวก็คงจะเป็นความเป็นส่วนตัวที่สามารถมองเห็นกันได้ เนื่องจากระยะห่างของถนนที่กั้นระหว่างหอพักและโครงการกว้างไม่มากนักค่ะ เดี๋ยวเราไปดูบรรยากาศรอบๆ โครงการกันต่อ

ด้านหน้าโครงการในฝั่งตรงข้ามติดกับบ้านเดี่ยวที่อยู่อาศัยมานานแล้ว

เลยมาอีกหน่อยก็จะเป็นอาคารเก่าสูงประมาณ 4 ชั้น ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้างโครงการเช่นเดียวกัน

เลี้ยวมาซอยแรกที่ติดกับบริเวณทางเข้าหลักของโครงการจะเป็นซอยตันค่ะ ด้านขวาติดกับบ้านเดี่ยว

ส่วนอีกซอยย่อยนึงที่ติดกับโครงการฝั่งซ้ายก็เป็นซอยตันเช่นเดียวกัน โดยด้านข้างเป็นหอพักสูง 5 ชั้นค่ะ ภายในซอยย่อยนี้ก็จะเป็นบ้านเดี่ยวเช่นเดิม

และสุดท้ายเป็นขอบเขตที่ดินที่กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดกรุงธน ~1 กม.
  • ตั้งฮั่วเส็ง ~1.3 กม.
  • พาต้า ปิ่นเกล้า ~1.7 กม.
  • Tesco Lotus ~2 กม.
  • เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ~2.2 กม.
  • Major Cineplex ปิ่นเกล้า ~2.2 กม.
  • ตลาดบางขุนนนท์ ~2.8 กม.
  • โรงพยาบาลเจ้าพระยา ~3.2 กม.
  • โรงพยาบาลตา หู คอ จมูก ~3.3 กม.
  • โรงพยาบาลศิริราช ~3 กม.
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ~3.5 กม.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ~3.5 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

ตัวโครงการ Feel Condo ปิ่นเกล้า-จรัญฯ 59 เป็นคอนโด Low Rise 5 ชั้น 2 อาคาร บนที่ดินประมาณ 1 ไร่เศษ มีจำนวนทั้งหมด 79 ยูนิต ลักษณะการตกแต่งโครงการนี้เป็นสไตล์ Modern เรียบง่าย ใช้โทนสีเทา-ขาวเป็นหลัก

การวางอาคารบนที่ดินไร่เศษนี้ จะวางอาคารเป็นรูปตัว L ชิดที่ดินด้านหลังและเปิดหน้าทางเข้าเป็นส่วนจอดรถ ซึ่งจะทำให้ด้านหน้าดูเปิดโล่งดีค่ะ โดยทางเข้าหลักของโครงการจะอยู่ในซอยตันเล็กๆ ที่เป็นซอยย่อยเชื่อมเข้ากับซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 ค่ะ

เข้ามาจะเป็นลานจอดรถทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซต์ และบางส่วนเป็นที่จอดใต้ตึกค่ะ ในชั้นล่างของอาคารฝั่งซ้ายหรืออาคาร A นี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดอย่าง Lobby, Fitness และสระว่ายน้ำ ส่วนห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 แต่อาคารฝั่งขวาหรืออาคาร B นั้น จะมีห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้นล่างเลยค่ะ

มาดูที่โมเดลโครงการกันบ้างค่ะ เริ่มจากทางเข้า-ออกหลักของโครงการที่อยู่ในซอยย่อยของซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 นี้ จะใช้ระบบการเข้า-ออกด้วย Key Card Access ระยะใกล้ เมื่อเข้ามาในโครงการจะเป็นส่วนของลานจอดรถกลางแจ้งก่อน ถัดเข้ามาด้านในเป็นอาคารพักอาศัยซึ่งแบ่งออกเป็น 2 อาคาร โดยฝั่งซ้ายติดกับซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 เป็นอาคาร A และส่วนด้านขวานั้นจะเป็นอาคาร B ค่ะ ซึ่งอาคาร A กับอาคาร B นี้จะเชื่อมติดกันเฉพาะชั้นล่างชั้นเดียวนะคะ และจะแยกส่วนกันในชั้น 2 ขึ้นไป เพื่อลดความหนาแน่นของยูนิตในแต่ละอาคารลงค่ะ

อีกฝั่งด้านหลังอาคาร A ก็เป็นซอยย่อยที่เป็นซอยตันเช่นเดียวกันค่ะ และด้านหลังอาคาร A ในชั้นล่างนั้นจะเป็นตำแหน่งของสระว่ายน้ำและ Fitness ของโครงการ

จากด้านหน้าทางเข้าอาคารหรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สำหรับอาคาร A นั้น ส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 24 และ 26 ตร.ม. จะมีห้องมุมชั้นบนสุดที่เป็นห้อง 2 Bedrooms ขนาด 52 ตร.ม. สำหรับวิวในทิศนี้จะเป็นวิวชุมชนและบ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 2 ชั้นในซอยละแวกนี้ และส่วนอาคาร A ในทิศนี้นั้นยังมีระยะห่างจากถนนในซอยและบ้านข้างเคียงค่อนข้างมาก ไม่ประชิดจนเกินไป

ส่วนในทิศตะวันออกเฉียงใต้นั้นติดกับบ้านเดี่ยวในซอยที่มีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น ซึ่งด้วยความสูงของเพื่อนบ้านที่ไม่ได้สูงมากนัก ทำให้ห้องพักในชั้นบนๆ ก็ยังไม่ถูกบล็อกวิวและยังมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ถึงแม้จะอยู่ในระยะประชิดค่ะ สำหรับในทิศนี้นั้นจะเป็นส่วนของอาคาร B ทั้งหมด โดยเป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมดตั้งแต่ขนาด 24 – 38 ตร.ม. แต่สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 33 ตร.ม. นี้จะไม่มีผลกับวิวในทิศนี้นะคะ เพราะผนังห้องในฝั่งนี้เป็นผนังทึบทั้งหมดค่ะ

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับซอยย่อยที่เป็นซอยตัน และในฝั่งตรงข้ามของโครงการทางด้านซ้ายที่อยู่ตรงข้ามอาคาร B เลยจะเป็นบ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 2 ชั้น ซึ่งยังถือว่าไม่ถูกบล็อกวิวนะคะ แต่สำหรับฝั่งตรงข้ามของอาคาร A นี้เป็นหอพักสูง 5 ชั้น ซึ่งจะบังวิวในทิศนี้หมดและความเป็นส่วนตัวก็น้อยลงตามไปด้วย

และทิศสุดท้ายคือทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่ติดกับซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 ด้านหน้าเป็นอาคาร A ซึ่งเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 และ 38 ตร.ม. ส่วนห้องมุมบนเป็น 2 Bedrooms 52 ตร.ม. ส่วนอาคาร B ด้านหลังส่วนใหญ่เป็นห้องขนาดเล็ก 24 และ 26 ตร.ม. มีห้องหัวมุมชั้นบนเป็นห้องใหญ่ขนาด 52 ตร.ม. เช่นเดียวกับอาคาร A ซึ่งในทิศนี้ของอาคาร B นั้นค่อนข้างได้เปรียบในเรื่องของระยะที่ไม่ประชิดกับเพื่อนบ้าน เนื่องจากมีระยะห่างของที่จอดรถมาคั่นให้

และสำหรับอาคาร B ที่มีห้องพักชั้นล่างนั้นจะมีบันไดให้ออกมายังทางเดินรอบโครงการได้ค่ะ

ในส่วนของสระว่ายน้ำเป็นสระขนาดเล็กไม่ใหญ่มากนัก ขนาด 3.5 x 10 ม. ลึก 1.2 ม. ลักษณะเป็นสระ Outdoor ใช้ระบบเกลือ ด้านข้างมีเฉลียงสำหรับมานั่งเล่นพักผ่อนได้

มาดูที่ Master plan โครงการกันค่ะ จากทางเข้า-ออกโครงการมาแล้ว จะเจอกับพื้นที่ลานจอดรถ ซึ่งช่องจอดรถมีทั้งหมด 38 คัน คิดเป็นประมาณ 48% และหากรวมจอดซ้อนคันจะอยู่ที่ประมาณ 58% ของจำนวนยูนิตทั้งหมด และด้านข้างซ้ายลึกเข้าไปจากพื้นที่จอดรถนั้นมีพื้นที่จอดมอเตอร์ไซต์ประมาณ 16 คัน เข้ามาในอาคารจะเจอกับโถง Lobby เล็กๆ ที่สามารถมองออกไปยังสระว่ายน้ำได้ ด้านขวาเป็นห้องนิติบุคคลที่เชื่อมกับห้องฟิตเนส ส่วนทางซ้ายของ Lobby จะต้องใช้ Key Card สแกนเข้าไปยังส่วนของโถงลิฟต์ค่ะ โดยลิฟต์ฝั่งซ้ายนั้นเป็นลิฟต์ของอาคาร A และลิฟต์ฝั่งขวาเป็นลิฟต์ของอาคาร B ค่ะ และจากบริเวณโถงลิฟต์ก็มีทางออกไปยังส่วนสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันทั้งอาคาร A และ B ส่วนจำนวนลิฟต์ของแต่ละอาคารมีแค่ 1 ตัว เนื่องจากความหนาแน่นไม่เยอะ และถ้าลิฟต์เสียก็ยังพอเดินได้เพราะสูงเพียง 5 ชั้นค่ะ

สำหรับอาคาร B ที่มีห้องพักในชั้นล่างนี้ มีทั้งหมด 8 ห้อง โดยข้อเสียของห้องพักในชั้นนี้คือเรื่องความเป็นส่วนตัว เนื่องจากชั้นอื่นๆ สามารถเดินมาในส่วนของโถงทางเดินก่อนเข้าห้องได้หมดค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วสามารถกั้นประตูสแกนเพิ่มให้อีกจุดเป็น Double Access ของชั้นนี้ตรงบริเวณโถงลิฟต์ของอาคาร B ได้นะคะ แต่ก็จะมีห้องที่อยู่ด้านบน 2 ห้องขนาด 26 และ 33 ตร.ม. ที่ยังไงก็มีคนเดินผ่านหน้าห้องพลุกพล่าน และสำหรับห้องพักในชั้นนี้ ขนาด 24 ตร.ม. (สีเหลือง) จะมีเฉลียงหน้าห้องเพิ่มขึ้นมาให้ ส่วนห้องด้านหลังทั้ง 3 ห้องบริเวณระเบียงซักล้างจะมีบันไดลงมาส่วนทางเดินด้านข้างได้

ขึ้นมาที่ชั้น 2-4 จะแบ่งออกเป็น 2 อาคารชัดเจนค่ะ โดยอาคาร A มียูนิตต่อชั้นที่ 9 ยูนิต ส่วนใหญ่แล้วเป็นห้องขนาด 26 ตร.ม. มีห้องมุมล่างขวาที่ใกล้กับอาคาร B เป็นห้องขนาดเล็ก 24 ตร.ม. และห้องมุมบนซ้ายที่เป็นห้องขนาด 38 ตร.ม. ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ตำแหน่งลิฟต์ของอาคาร A นั้นอยู่ปลายทางเดิน ทำให้ไม่ต้องยืนรอลิฟต์หน้าห้องใคร และมีพื้นที่บริเวณหน้าลิฟต์ให้มานิดหน่อยด้วยค่ะในเรื่องของอัตราส่วนลิฟต์จะอยู่ที่ 35:1 ซึ่งมีความหนาแน่นน้อยกว่าอาคาร B เนื่องจากอาคาร A นั้นมีจำนวนยูนิตน้อยกว่า เพราะไม่มีห้องพักด้านล่างอย่างอาคาร B ค่ะ

ส่วนอาคาร B มีจำนวนยูนิตต่อชั้นเท่ากับอาคาร A ค่ะแต่มีความหนาแน่นมากกว่าอาคาร A อยู่หน่อย การจัดวางตำแหน่งลิฟต์อยู่เกือบปลายทางเดิน แต่จะมีห้องขนาด 33 ตร.ม. ที่ทางเข้าอยู่บริเวณโถงลิฟต์เลย อาจจะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัวไปบ้างเมื่อมีคนเดินผ่านหน้าห้องบ่อยๆ และสำหรับห้องในอาคารนี้จะเน้นไปที่ห้องแบบ 24 ตร.ม. และมีห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยตั้งแต่ขนาด 26-38 ตร.ม. อยู่เป็นห้องมุมรับวิวได้ 2 ทาง

สุดท้ายคือชั้น 5 มีการวางแปลนใกล้เคียงกับชั้น 2-4 ค่ะ แต่จะมีห้องมุมของทั้ง 2 อาคารที่หันด้านยาวเข้าบริเวณลานจอดรถ ที่เปลี่ยนเป็นห้องแบบ 2 Bedrooms ขนาด 52 ตร.ม. ค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 3.5 x 10 ม. ลึก 1.2 ม.
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 35:1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 44:1
  • ที่จอดรถประมาณ 38 คันคิดเป็น 48% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 58.2%
  • ระบบ CCTV / Access Card


Product Walkthrough

สำหรับห้องตัวอย่างจะมีเพียงห้องเดียวคือห้องแบบ 1 Bedroom Type B มีพื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม. รูปแบบและการจัดวางของแปลนนี้ค่อนข้างเป็นแปลนที่นิยมสำหรับห้องขนาดเล็ก ลักษณะของห้องเป็นแบบสี่เหลียมจตุรัสทำให้จัดฟังก์ชันได้ค่อนข้างง่าย เป็นสัดส่วน และลงตัวดี ซึ่งจากทางเข้าจะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งเล่นซึ่งเชื่อมต่อกับส่วน Pantry ครัว โดยพื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถจัดวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้ หรือจะวางเป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่งและวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ด้านข้างก็ได้เช่นกันค่ะ

ถัดมาในส่วนของพื้นที่ครัวเป็นแบบครัวเปิด เหมาะกับการทำอาหารเบาๆ หรือเเค่เตรียมและอุ่นอาหาร ด้านตรงข้ามกับ Pantry เป็นโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ติดกับ Pantry ได้ระเบียงเล็กๆ ไว้ซักล้างและตากผ้าได้เล็กน้อย ส่วนห้องน้ำจะอยู่ตำแหน่งด้านในติดกับโถงทางเดินไม่มีส่วนที่ติดกับภายนอก ซึ่งต้องใช้พัดลมดูดอากาศ ภายในแบ่งโซนเปียกและแห้งชัดเจน เป็นสัดส่วน และส่วนห้องนอนนั้นกั้นเป็นสัดส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ภายในวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ พร้อมตู้เสื้อผ้า Built-in

รูปแบบการตกแต่ง คือ Fully Fitted โดยสิ่งที่ได้คือ

  • Pantry ครัว
  • ตู้เสื้อผ้า Built-in

สำหรับประตูทางเข้าใช้วัสดุเป็น HDF (High Density Fiber) สามารถทนความชื้นได้ดี ซึ่งในห้องตัวอย่างไม่ได้ติดมาให้ดูเลยไม่รู้ว่าของจริงหน้าตาเป็นอย่างไรนะคะ ส่วนแปลนด้านบนกับห้องตัวอย่างจะกลับด้าน (Miror) กันอยู่นะคะ

พื้นภายห้องใช้วัสดุเป็นลามิเนตหนา 8 มม. จบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป

เข้ามาในส่วนแรกจะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นซึ่งมีขนาดประมาณ 2.9 x 2.6 ม. สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้ หรือหากใครที่อยากได้พื้นที่วางโต๊ะทำงานเล็กๆ ก็สามารถวางได้บริเวณด้านข้างโซฟา ซึ่งโซฟาก็จะต้องเป็นขนาดเล็กลงมาเป็นขนาด 2 ที่นั่งอย่างที่เห็นในห้องตัวอย่างนะคะ

ในส่วนของระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีจะมีความห่างประมาณ 1.5 ม. ซึ่งขนาดของทีวีที่เหมาะสมกับระยะสายตาจะอยู่ที่ 29″-32″ ค่ะ

ความสูงจากฝ้าถึงเพดานจะอยู่ที่ 2.5 ม. ค่ะ ส่วนผนังในฝั่งที่วางโซฟาและโต๊ะทำงานนั้น จริงๆแล้วจะเป็นผนังทึบนะคะ ไม่ได้เป็นช่องเปิดแบบในห้องตัวอย่าง

ส่วนชั้นวางทีวี และชั้นลอยด้านบน ทางโครงการไม่ได้มีให้ค่ะ ลูกบ้านจะต้องซื้อมาวางเอง โดยขนาดความยาวของผนังในส่วนนี้ที่ใช้วางชั้นวางทีวีนั้นต้องยาวไม่เกิน 1.5 ม. นะคะจะได้ไม่เลยออกจากผนังไปกินพื้นที่ทางเดิน และผนังด้านข้างจะปาดมุมเพื่อให้ทางเดินไปยังส่วนครัวนั้นกว้างมากขึ้น

ถัดมาในส่วนห้องนอน มีการกั้นพื้นที่ให้เรียบร้อยโดยใช้ประตูบานเลื่อนกระจกฝ้า บานกรอบอลูมิเนียม การใช้กระจกฝ้านั้นจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น และยังมีคุณลักษณะแบบโปร่งแสง ซึ่งแสงธรรมชาติที่ส่องผ่านกระจกบานเลื่อนภายในห้องนอนยังสามารถเข้าถึงพื้นที่นั่งเล่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟบริเวณพื้นที่นั่งเล่นในช่วงกลางวัน

มือจับของประตูบานเลื่อนแบบมาตรฐาน ส่วนรางเลื่อนด้านล่างเป็นแบบเก็บขอบ เดินเหยียบแล้วไม่เจ็บเท้าค่ะ

ภายในห้องนอนขนาดประมาณ 2.85 x 2.65 ม. ภายในจะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in อย่างเดียวนะคะ

สำหรับเตียงนอนนั้นทางโครงการไม่ได้ให้มานะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถซื้อเตียงขนาด 5 ฟุต มาวางได้ จะเป็นขนาดที่เหมาะสมมากกว่าเตียงแบบ 6 ฟุต เนื่องจากจะยังพอเหลือพื้นที่ด้านข้างให้เดินได้สบายๆ โดยพื้นที่ทางเดินจะกว้างประมาณ 50 ซม. ค่ะ

และอีกด้านที่ติดกับหน้าต่างบานเลื่อนนั้นก็มีความกว้างประมาณ 50 ซม. ค่ะ

ส่วนบริเวณปลายเตียงด้านซ้ายจะมีการเซตผนังเข้าไปประมาณ 20 ซม. สามารถ Built-in ชั้นวางได้ ซึ่งด้วยความกว้างประมาณ 20 ซม. จะสามารถวางของได้เล็กๆ น้อยๆ ส่วนผนังสามารถติดกระจกเงาและปรับเปลี่ยนพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เเต่งตัวเล็กๆ ได้ค่ะ ส่วนด้านขวาจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ขนาดเล็กๆ

ตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน Built-in อันนี้ทางโครงการจะติดตั้งให้มาเรียบร้อยค่ะ

บานเปิดตู้เสื้อผ้าจะมีแผ่นอลูมิเนียมยื่นออกมาให้จับได้ถนัดขึ้นมาหน่อย และด้านข้างบุผ้าสักหลาดให้กันฝุ่นและกันการกระแทกบานเปิดได้ค่ะ

หน้าต่างบานเลื่อนได้เป็นบานใหญ่เปิดได้ 2 ทาง ด้านล่างเป็นกระจกบาน Fixed ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาในห้องได้มากขึ้น ทำให้ห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ

ตัวล็อกจะเหมือนกับตัวล็อกแบบก้นหอย แต่จะเพิ่มฟังก์ชันให้มีตัวเปิด-ปิดด้านข้างเพิ่มมาให้ ล็อกแบบ 2 ชั้น ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอภัยให้มากขึ้นค่ะ

มือจับแบบมาตรฐานไม่มีตัวล็อกให้ ส่วนด้านข้างติดยางให้เพื่อปิดได้แนบสนิท

ถัดเข้ามาให้พื้นที่ครัวที่อยู่ด้านหลังห้องนอนกันค่ะ ในส่วนพื้นที่ครัวนี้จะเป็นครัวเปิด ซึ่งเหมาะกับการทำอาหารเบาๆ หรือเตรียมอาหารง่ายๆ มากกว่าการทำอาหารหนักๆ ซึ่งกลิ่นอาหารสามารถเข้ามาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นได้

และเนื่องจากผนังที่มีมุมเฉียงข้างซ้ายนั้นทำให้ไม่สามารถติดตั้งประตูบานเลื่อนเพื่อทำเป็นครัวปิดได้

บริเวณพื้นที่ครัวมีขนาดประมาณ 2.25 x 2.6 ม. ด้านซ้ายจะเป็นส่วน Pantry ครัว และด้านขวาเป็นพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารค่ะ

ฝั่ง Pantry ครัว ด้านข้างเป็นที่ว่างสำหรับวางตู้เย็นค่ะ

Pantry ครัวที่ได้จะได้แค่ส่วนล่างพร้อมกับกรุกระเบื้องให้ด้านหลังเพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการทำความสะอาด

Top Pantry เป็น Particle บานเปิดบาดขอบได้แบบ Soft closed ทั้งหมด สามารถเก็บของได้เล็กๆน้อยๆ เนื่องจากเป็น Pantry ขนาดเล็ก จึงมีเนื้อที่ให้เก็บไม่มากนัก

ส่วนอ่างล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยวจาก Preme

ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะและเก้าอี้สำหรับ 2 ที่นั่งได้ หรือจะ Built-in โต๊ะติดผนัง และวางเก้าอี้แบบหันหน้าเข้าผนังก็ได้เช่นกันค่ะ

ส่วนพื้นที่ด้านข้าง Pantry ขนาดประมาณ 1 x 1 ม. สามารถวางตู้เย็นขนาดประมาณ 7.4 คิวบิกฟุต

ถัดไปเป็นประตูบานเลื่อนออกไปสู่ส่วนระเบียงซักล้าง

ขนาดพื้นที่ระเบียงซักล้างประมาณ 2 x 1 ม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 ซม. ซึ่งเมื่อวางเครื่องซักผ้าไปแล้วก็จะเหลือพื้นที่ไว้สำหรับซักล้างหรือตากผ้าประมาณ 1 x 1 ม.

รั้วระเบียงก่อผนังทึบสูงขึ้นมาพอประมาณ และเป็นรั้วโปร่งเหล็กพ่นสีขาว

ด้านบนแขวนแอร์คอมเพรสเซอร์หันเข้ามาภายในระเบียง ซึ่งหากใครกลัวว่าความร้อนจะเข้ามาสู่ตัวห้องก็สามารถติดกริลเบี่ยงทิศทางลมออกไปภายในอาคารได้ ด้านบนได้เป็นดวงโคมซาลาเปาส่องสว่างบริเวณระเบียงซักล้าง

เข้ามาต่อที่ห้องนอน ฝั่งตรงข้ามกับระเบียงซักล้างจะเป็นส่วนห้องน้ำค่ะ โดยหน้าห้องน้ำมีการก่อธรณีประตูขึ้นมาให้เล็กน้อยและปูด้วยกระเบื้อง ง่ายต่อการทำความสะอาดดีค่ะ

ภายในแบ่งเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้งเรียบร้อย โดยในส่วนแห้งนี้จะมีพื้นที่อ่างล้างมืออยู่ด้านซ้ายและโถสุขภัณฑ์อยู่ตรงกลาง คือเปิดมาก็เจอโถสุขภัณฑ์เลย

อ่างล้างไฟเบอร์มือจาก Charmer ได้เป็นอ่างหลุมขนาดกระทัดรัด และมีพื้นที่ด้านข้างค่อนข้างเยอะ สามารถวางของได้มากพอสมควร ซึ่งก็เป็นข้อดีสำหรับห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยไม่มาก และไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับจัดเป็นฟังก์ชันส่วนแต่งตัวได้ สาวๆ ก็สามารถมาวางเครื่องสำอางค์หรือครีมบำรุง เพื่อแต่งหน้าแต่งตัวในห้องน้ำนี้ได้ค่ะ และส่วนผนังก็ติดบานกระจกเงาให้เรียบร้อยค่ะ

ส่วนโถสุขภัณฑ์กว้างประมาณ 90 ม. สามารถนั่งได้สบายๆ ส่วนยี่ห้อโถสุขภัณ์และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก Cotto ค่ะ

ถัดมาเป็นพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งจะไม่ได้ให้ฉากกั้นกระจกมาให้นะคะ เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แต่สามารถติดตั้งราวแขวนม่านพลาสติกกันน้ำกระเด็นออกมาในส่วนแห้งได้ค่ะ

ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำก่อธรณีประตูให้เรียบร้อยกันน้ำไหลย้อนออก และขนาดพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 90 x 90 ซม. เป็นขนาดพื้นที่อาบน้ำแบบเล็กๆ กระทัดรัด

ฝักบัวสายอ่อนและที่วางสบู่จาก Cotto ด้านข้างฝักบัวได้ต่อท่อเตรียมไว้สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนให้เรียบร้อยค่ะ

สำหรับ 1 Bedroom Type A ที่มีพื้นที่ใช้สอย 24 ตร.ม. นี้ มีรูปแบบแปลนเหมือนกับ Type B 26 ตร.ม. เพียงแต่มีความลึกน้อยกว่าหน่อยค่ะ

ห้อง 1 Bedroom Type C มีพื้นที่ใช้สอย 33 ตร.ม. ลักษณะแปลนเป็นแบบหน้าแคบลึก ได้ฟังก์ชันครบ และเป็นสัดส่วนพอสมควร เริ่มจากทางเข้าห้องนอนจะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง ด้านข้างเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งจะได้เป็น Pantry ติดกับผนังหน้าห้อง บริเวณส่วนนี้ไม่สามารถกั้นเป็นครัวปิดทำอาหารหนักๆ จากส่วนครัวติดกับห้องน้ำ ซึ่งทุกครั้งที่จะใช้ห้องน้ำต้องเดินผ่านครัวเข้าไป จากนั้นมาที่โซนนั่งเล่นที่เป็นพื้นที่เชื่อมต่อเดียวกันกับโซนรับประทานอาหารและครัว บริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ ถัดจากพื้นที่นั่งเล่นจะติดกับระเบียงซักล้างขนาดเล็กๆ สามารถซักและตากเสื้อผ้าได้เล็กๆน้อยๆ ในส่วนห้องนอนได้ขนาดใหญ่ขึ้นพอให้วางเตียง King Size ได้ พร้อมตู้เสื้อผ้าแบบซ่อนไม่กินพื้นที่ทางเดิน และพื้นที่ว่างข้างเตียงสามารถวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ

แบบสุดท้ายของห้อง 1 Bedroom คือ Type D ที่มีขนาดพื้นที่มากที่สุดในแบบห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาด 38 ตร.ม. ลักษณะของแปลนเป็นแบบหน้ากว้าง ซึ่งข้อดีของห้องหน้ากว้างนี้คือห้องส่วนใหญ่จะมีช่องเปิดออกด้านนอก สามารถมองวิวได้และระบายอากาศได้ดี โซนของห้องจะแบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือส่วนห้องนอนที่เป็นโซน Private และส่วนพื้นที่นั่งเล่น เริ่มจากทางเข้าห้องจะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง ด้านข้างประตูมีการทำผนังเป็นช่องไว้เรียบร้อยสำหรับเป็นพื้นที่วางตู้รองเท้า จากนั้นตรงเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นวางโซฟาใหญ่แบบ 3 ที่นั่งได้ ถัดมาฝั่งขวาได้ครัวปิด ขนาดพื้นที่ครัวไม่ใหญ่มากนัก ด้านข้างเป็นระเบียงซักล้างเล็กๆ เช่นเดิม และอีกด้านติดกับส่วนโถงทางเดินเป็นตำแหน่งห้องน้ำ ซึ่งรูปแบบภายในห้องน้ำเหมือนกับห้อง 1 Bedroom Type อื่นๆ ค่ะ ถัดมาในโซนห้องนอน ถือว่าได้ห้องขนาดใหญ่พอสมควร วางเตียงแบบ 5′-6′ ได้ ด้านข้างเตียงมีพื้นที่เหลือวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้หรือจะวางเป็นโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กลงมาหน่อยตามแบบการจัดแปลนด้านบนก็ได้ค่ะ อีกฝั่งนึงมีพื้นที่เป็นช่อง ติดกับส่วนระเบียง สามารถวางโซฟาขนาดเล็กๆ หรือโต๊ะทำงานเล็กๆ ในบริเวณนั้นได้นะคะ ส่วนระเบียงที่ได้ในห้องนอนนี้เป็นระเบียงเล็กๆ ยืนออกไปรับลมได้เท่านั้นค่ะ

และห้องสุดท้ายคือห้องแบบ 2 Bedrooms ขนาด 52 ตร.ม. เป็นห้องแบบหน้ากว้างเช่นเดียวกับ 1 Bedroom Type D การจัดวางภายในฝั่งพื้นที่นั่งเล่น ครัว ห้องน้ำ คล้ายกับห้อง Type D แต่มีการแทรกห้องนอนเล็กมาทางด้านซ้าย โดยภายในห้องนอนเล็กนี้วางเตียงแบบ Single Bed และตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กได้ และอาจจะพอเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะขนาดเล็กไว้นั่งทำงานได้อีกชุดค่ะ ในส่วนของห้องนอนใหญ่นั้นจะได้ห้องน้ำภายในห้องนอนด้วย การจัดวางภายในห้องนอนใหญ่นี้ค่อนข้างลงตัวและเป็นสัดส่วนมากกว่าห้อง Type D โดยวางเตียงได้ 5′-6′ หันหน้าออกไปยังหน้าต่าง ด้านข้างเตียงมีพื้นที่สำหรับทำเป็นพื้นที่ Walk in Closet หรือพื้นที่ทำงานได้ ด้านข้างมีระเบียงซักล้างขนาดเล็ก และขนาดของห้องน้ำภายในห้องนอนนี้มีขนาดใกล้เคียงกับห้องน้ำด้านนอกเพียงแต่ไม่มีการตัดมุมและมีช่องเปิดในส่วนพื้นที่อาบน้ำสามารถระบายความชื้นและอากาศจากห้องน้ำออกไปด้านนอกได้ดี

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 7 April 2016

  • 1 Bedroom อาคาร A Type B ชั้น 2 ห้อง 1 เนื้อที่ 26 ตร.ม. ราคา 1.768 ล้านบาท หรือ 68,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom อาคาร A Type A ชั้น 5 ห้อง 7 เนื้อที่ 24 ตร.ม. ราคา 1.704 ล้านบาท หรือ 71,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom อาคาร B Type D ชั้น 2 ห้อง 8 เนื้อที่ 38 ตร.ม. ราคา 2.546 ล้านบาท หรือ 67,000 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom อาคาร B Type E ชั้น 5 ห้อง 7 เนื้อที่ 52 ตร.ม. ราคา 3.692 ล้านบาท หรือ 71,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted
  • เพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง

  • 1 Bedroom Type A และ B 10,000 บาท
  • 1 Bedroom Type C และ D 20,000 บาท
  • 2 Bedrooms Type E 20,000 บาท

  • ทำสัญญา
    • 1 Bedroom Type A และ B 30,000 บาท
    • 1 Bedroom Type C และ D 40,000 บาท
    • 2 Bedrooms Type E 40,000 บาท

  • ดาวน์ 11% ผ่อนดาวน์ 10 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเลโครงการ Feel Condo ปิ่นเกล้า-จรัญฯ 59 ตั้งอยู่ในฝั่งธนฯ บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 59 ระหว่างแยกบรมราชชนนีและจุดเชื่อมถนนราชวิถีและถนนสิรินธร สภาพแวดล้อมในแถบย่านนี้คงยังให้เห็นถึงความเป็นชุมชนเดิมที่อยู่อาศัยกันมานาน ตามตรอกซอกซอยจะยังเห็นบ้านเดี่ยว ตึกแถวของผู้คนเก่าแก่แถบนี้ และริมถนนก็จะมีอาคารพาณิชย์ ตึกแถวขายของในชั้นล่างบ้างหรือบางร้านก็ปิดแล้วไม่ได้ใช้งานค่ะ

    ส่วนเรื่องของความอุดมสมบูรณ์นั้นถือว่าหากินได้ง่าย เพราะมีทั้งร้านตามตึกแถวริมถนนที่ขายอาหารในราคาย่อมเยา ไปตลอดจนร้านอาหารตามริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีบรรยากาศดีๆ หน่อยใกล้ๆ สะพานซังฮี้ ส่วนแหล่งจับจ่ายซื้อของก็มีตลาดสดรุ่นเก๋าอย่างตลาดกรุงธนฯ หรือจะเป็นห้างร้านดังๆในย่านนี้ก็จะมีอย่างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า Major Cineplex และ Tesco Lotus ที่กระจุกตัวกันอยู่บนถนนบรมราชชนนี โดยห่างจากโครงการไปประมาณ 2 กม. ซึ่งถือว่าอยู่ในระยะขับรถไปเองได้สบายๆ ค่ะ

    ในส่วนของการเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ถือว่ามีความสะดวกในระดับนึงค่ะ หากไม่รวมเรื่องของสภาพการจราจรที่ติดขัดมากเป็นปกติเพราะทำเลโครงการที่อยู่ไม่ไกลจากสะพานกรุงธนบุรีหรือสะพานซังฮี้มากนัก ทำให้ขับเข้าเมืองมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ได้ไม่ยาก หรือจะขับย้อนลงมาทางแยกบรมราชชนนีแล้วข้ามสะพานพระราม 8 ก็ได้เช่นกันค่ะ ส่วนใครที่หวังพึ่งทางด่วนนั้นอาจจะต้องรอไปอีกซักพักใหญ่ เพราะมีแผนที่จะทำโครงการทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครขึ้น โดยทางขึ้น-ลงที่ใกล้ที่สุดคือทางขึ้น-ลงบางบำหรุ บนถนนสิรินธร ที่ห่างจากโครงการไปประมาณ 3 กม.

    การเดินทางโดยพึ่งพิงระบบสาธารณะ ในอนาคตถือว่าสะดวกพอสมควร เพราะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อขยายช่วงบางซื่อ – ท่าพระประมาณ 800 ม. ระหว่าง 2 สถานีคือ สถานีสถานีบางยี่ขันที่อยู่บริเวณซอยจรัญสนิทวงศ์ 42 ตรงข้ามกับคอมมอนเวลธ์ ปิ่นเกล้า และสถานีสิรินธรที่อยู่บริเวณจุดตัดกับถนนสิริธรและถนนราชวิถี รวมทั้งเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีสิรินธรอีกด้วยค่ะ ในระยะ 800 ม.นี้อาจจะเลยระยะการเดินไปหน่อยแต่ถือว่ายังพอเดินได้นะคะ

    โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโดยคาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการได้ประมาณปี 2562 ซึ่งหากเทียบกับเวลาที่ทางโครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จจะอยู่ในช่วงปี 2560 ก็ยังต้องอดใจรอกันต่อไปอีก 2 ปีและอาจจะบวกลบระยะเวลาอีกนิดหน่อย แต่ในปัจจุบันการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะก็ไม่ได้ลำบากนะคะ เนื่องจากโครงการอยู่ลึกเข้าไปในซอยประมาณ 200 ม. สามารถเดินออกไปหน้าปากซอยเรียกพี่แท็กซี่ พี่วิน หรือรถสองแถวที่คอยให้บริการอยู่ตลอดๆ ได้สบายค่ะ และอีกตัวเลือกนึงในการเดินทางเข้าเมืองในช่วงเวลาเร่งด่วนคือการเดินทางด้วยเรือ โดยท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือ ท่าเรือสะพานกรุงธนฯ ที่ติดกับสะพานซังฮี้ สามารถเดินทางไปยังสาธร หรือสะพานตากสินได้ค่ะ

    ตัวโครงการเป็นโครงการขนาดเล็ก ที่มีจำนวนยูนิตแค่ 79 ยูนิต บนพื้นที่ไร่เศษ โดยปกติแล้วจะเห็นเป็นอาคารเดียว 79 ยูนิตเลย แต่โครงการนี้แบ่งชั้นบนเป็น 2 อาคารแยกลิฟต์ตัวละอาคาร ซึ่งก็ช่วยลดทอนความหนาแน่นในแต่ละชั้นลงไปได้ครึ่งนึง โดยจำนวนยูนิตที่สูงสุดต่อชั้นอยู่ที่ 9 ยูนิตค่ะ ส่วนรูปแบบของห้องขนาด 24 และ 26 ตร.ม. ค่อนข้าง Standard ทั่วไปที่เห็นใช้การอยู่หลายเจ้าในตลาด ภายในห้องจัดฟังก์ชันได้ลงตัวภายใต้พื้นที่ที่จำกัด ส่วนห้องที่ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยจะเป็นห้องหน้ากว้าง โดยข้อดีของห้องหน้ากว้างคือฟังก์ชันภายในห้องได้ช่องเปิดมากขึ้น ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งดี

    วัสดุที่ได้ตามมาตรฐานราคา ตกแต่งแบบ Fully Fitted คือได้ตู้เสื้อผ้า Built-in และ Pantry ครัวท็อป Particle (ไม่รวมตู้ลอย) พื้นห้องเป็นลามิเนตหนา 8 มม. พื้นห้องน้ำและระเบียงซักล้างเป็นกระเบื้องเซรามิก 30×30 ซม. โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำ จาก Cotto อ่างล้างมือจาก Charmer

    สาธารณูปโภคให้มาเล็กๆ ตามจำนวนยูนิตของโครงการ โดยได้สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 3.5 x 10 ม.และห้องฟิตเนสในชั้นล่าง ส่วนเรื่องที่จอดรถรวมคิดซ้อนคันทั้งหมด 58% ก็ถือว่าโอเคกับ Segment โครงการ รวมทั้งเป็นโครงการที่หวังพึ่งพารถไฟฟ้าในอนาคตด้วย นอกจากนี้ยังทำพื้นที่สำหรับจอดมอเตอร์ไซต์ไว้ให้ 16 คันด้วยค่ะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 68,000 บาท/ตร.ม., 07 April 2016

    • ทำเล 7/10 – อยู่ในซอยตัน ลึกเข้าไป 200 ม. ความอุดมสมบูรณ์ในรัศมีประมาณ 2 กม. ถือว่าโอเค
    • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – เดินทางเข้าออกเมืองสะดวกไม่ไกล เสียตรงรถติด
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – เรียกรถได้ง่ายจากหน้าปากซอย มีให้เลือกเดินทางได้หลากหลาย ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไกลเกินระยะเดินไปหน่อย
    • วัสดุ 7/10 – Fully Fitted สเปคมาตรฐาน ตามราคา
    • แบบ 7.5/10 – มีความหนาแน่นน้อย ส่วนภายในห้องจัดลงตัว แปลนมาตรฐาน
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ได้สระว่ายน้ำ และห้องฟิตเนส ที่จอดรถให้พอสมควร

    • ECONOMY CLASS
    • 7.21 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Feel Condo ปิ่นเกล้า-จรัญ 59 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโด Low Rise ในบนถนนจรัญสนิทวงศ์  หวังพึ่งรถไฟฟ้าในอนาคต ชอบโครงการเล็กๆ มีความหนาแน่นน้อย มีงบประมาณเหลือสำหรับตกแต่ง มีงบประมาณระดับ 1.6-3.7 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 11,000 – 30,000 บาท/เดือน 

    ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )