SKV23_OVERALL2_NIGHT_FINAL2

รีวิวฉบับที่ 307 EDGE สุขุมวิท 23 (เอดจ์ สุขุมวิท 23) เป็นคอนโดมิเนียม High Rise 35 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ในซอยสุขุมวิท 23 ใกล้ BTS อโศกและ MRT สุขุมวิท ออกแบบในสไตล์ Y&R Generation (Young & Restless Generation) ซึ่งใช้ชีวิตแบบ “Work Hard Play Harder” ตามคอนเซปท์ของแสนสิริ

Fact @ 18 February 2013

  • EDGE Sukhumvit 23 (เอดจ์ สุขุมวิท 23)
  • Sansiri, Plc.
  • SUPER LUXURY CLASS
  • คอนโดมิเนียมสูง 35 ชั้น 443 ยูนิต และอาคารจอดรถ 9 ชั้น
  • ที่ดินโครงการ 2-2-17 ไร่
  • ที่จอดรถประมาณ​ 58% รวมจอดซ้อนคัน
  • 1 Bedroom 29.5 – 43 ตร.ม., 2 Bedrooms 60 – 69.5 ตร.ม.
  • คาดว่าจะเสร็จ มีนาคม 2559
  • ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
  • ราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ย 180,000 บาท
  • www.sansiri.com
  • อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องทำเลอโศกได้ที่ ตามหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS อโศก

เจาะลึกทำเล

คอนโดมิเนียม EDGE สุขุมวิท 23 ตั้งอยู่ในซอยด้านหลังตึก Jasmine Tower ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศกและ MRT สุขุมวิท หนึ่งในทำเลย่านธุรกิจสำคัญใจกลางกรุงเทพมหานคร มีตึกออฟฟิศใกล้เคียงเยอะมาก เป็นแหล่งศูนย์กลางของธุรกิจที่ใหญ่มากบนเส้นสุขุมวิท

หากวัดกันตามระยะทางปกติ จาก EDGE ไปสถานีรถไฟฟ้า BTS นั้น จะได้ 325 เมตร แต่ถ้าเดินลัดเลาะผ่านตึก Interchange ก็จะย่นระยะทางไปได้เล็กน้อย คือประมาณ 270 เมตร ซึ่งจัดว่าค่อนข้างใกล้ครับ

Shape แปลงที่ดินหน้าตาประมาณนี้

สถานีอโศกนี้ดีอย่างคือเป็นสถานีเชื่อมต่อทั้ง BTS และ MRT ทำให้เราสามารถเลือกได้ว่าจะใช้รถไฟฟ้าเส้นไหน ซึ่งเป็นสายหลักของกรุงเทพมหานครทั้งคู่ สถานีที่เป็นเช่นนี้ในปัจจุบัน (2556) มีเพียงอโศก, ศาลาแดงและหมอชิต เท่านั้นครับ (อนาคตจะมีเพิ่มคือ BTS ห้าแยกลาดพร้าว – MRT พหลโยธิน)

หากท่านเป็นคนที่ขับรถยนต์เป็นหลัก ก็ต้องดูสภาพการจราจรด้วยนะครับ อยากจะบอกว่าแยกอโศก-สุขุมวิท นี้เป็นแยกที่รถติดมาก ทั้ง 4 ทิศทาง ไม่ว่าจะเดินทางจากไหนไปไหน เรียกว่าเผื่อเวลาไว้นานๆได้เลย

อย่างที่บอกว่าย่านนี้เป็นย่านธุรกิจ ดังนั้นจะเห็นตึก Office Building ได้เยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งทางที่จะเดินไป EDGE มีตึกที่สำคัญสองตึกก็คือ Exchange และ Interchange

ส่วนนี่เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ Terminal 21 หลังจากที่เปิดมาก็ทำให้ย่านนี้คึกคักขึ้น

เส้นทางอีกเส้นหนึ่งที่จะลัดไปคอนโดมิเนียมได้ก็คือซอยคาวบอย อันเป็นสถานบันเทิงยามราตรีของย่านนี้ ดึกๆก็เปิดเพลงกันได้ยินไปถึงปากซอยเป็นอย่างน้อย

เราเดินสำรวจตามทางนะครับ มุ่งตรงไปทางซอยสุขุมวิท 23 แล้วเราก็จะถึงทางเลือก ว่าจะไปทางขวาเข้าตึก Interchange หรือ ลงด้านล่างไปบนถนนสุขุมวิท

เราก็เลือกที่จะเดินลงถนนสุขุมวิทก่อน ไปตามเส้นทางหลัก พอลงมาปุ๊ปก็จะเจอพี่วินเลย

ตึกแถวบริเวณนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก นอกจากร้านค้านิดหน่อย

พอเราผ่านปั๊มน้ำมันก็จะเห็น ตึก Jasmine City ซึ่งตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 23 ครับ

ภายในซอยสุขุมวิท 23 เป็นถนน 2 เลน รถสวนกันได้เท่านี้ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ซอยประสานมิตร อันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนชื่อดังสาธิตประสานมิตร ถ้าเกิดบังเอิญขับรถผ่านมาช่วงโรงเรียนเข้าหรือโรงเรียนเลิก รถไม่ติดเป็นเรื่องแปลก

ใต้ตึก Jasmine มีของกินเหมือนกัน Subway คว้าได้ตอนเช้า

เดินเข้าไปไม่ไกลนักก็จะเจอที่ดินของโครงการ EDGE แล้ว อยู่ทางขวามือ ล้อมรั้วสีแดงๆอยู่นี่ ฝั่งตรงข้ามมีพี่วินเลย ไว้ใช้ในช่วงเวลาเร่งด่วนได้

เรตราคามีตั้งแต่ 10 บาท ไปจนถึง 100 บาท สยามพารากอน

ซึ่งฝั่งตรงข้ามของโครงการก็เป็นตึก Interchange 21 อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ถ้าเมื่อครู่เราเดินลัดผ่านตึกนี้ก็จะมาโผล่ตรงนี้ครับ

ทำเลของโครงการให้ดูกันชัดๆอีกรอบ

เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าโครงการจะถูกบังวิวหลายด้าน ฝั่งทิศใต้เจอ Jasmine City ฝั่งทิศตะวันตกจะเจอ Interchange 21

ตึกนี้เลย ประสานมิตรคอนโด หน้าตาบ่งบอกได้ถึงยุคดั้งเดิมของอาคารหลังนี้

ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆของตึก อย่างที่บอกว่าเป็นซอยคาวบอย กลางวันไม่มีอะไร กลางคืนอีกเรื่อง

สภาพประมาณนี้ ดีไม่ดีเจอ Dance กันกลางถนนด้วย เปิดเพลงดังถึงปากซอยเป็นเรื่องปกติ

เสียดายต้นไม้ต้นนี้มากๆเลย ถ้าจะโดนเจาะทำเป็นทางเข้า … ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า >_<

ขากลับผมก็จะเดินผ่านตึก INTERCHANGE 21 นะครับ

ถ้าเป็นเวลาที่ตึกเปิดบริการ ก็จะสบายๆมีบันไดเลื่อนและทางเชื่อมให้ใช้

เดินขึ้นบนทางเชื่อมด้านบนนี่ละครับ ไปถึงรถไฟฟ้าได้ ประหยัดระยะทางได้นิดหน่อย แต่พอเดินง่ายไม่ต้องเดินบนฟุตบาท คอยหลบรถ อะไรๆมันก็รู้สึกว่าใกล้ขึ้น

จบกับการรีวิวทำเลเท่านี้ก่อนครับ

เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ EDGE สุขุมวิท 23 เป็นตึกสูง 1 ตึกและตึกเตี้ย 1 ตึก โดยตึกสูงจะอยู่ด้านใน ตึกเตี้ยอยู่ด้านนอก เนื่องจากฝั่งตรงข้ามเป็นซอยคาวบอย

สำหรับท่านที่ต้องการครอบครอง ก็ขอให้เล็งวิวดีๆนะครับ อย่าไปชนกับ Jasmine City หรือ Interchange 21 มากนัก

สำหรับหน้าตาตึกนั้น ออกแบบมาได้สวยดีครับ มีลายคลื่นแนวตั้ง ทำให้ตึกมีมิติและลูกเล่นมากขึ้น

02-ENTRANCE-NIGHTPINK-resize

ดูภาพกราฟฟิค Restless Lobby ของ EDGE สุขุมวิท 23 สามารถปรับ Mood & Tone กลางวันและกลางคืนได้

SKV23_POOL_FINAL

Water Lounge เป็นชั้นส่วนกลาง 27F หน้าตาชวนดื่มมากๆ

บนชั้นนี้จะเปิดเป็นพื้นที่สูงหน่อย มีชั้นลอยที่เปิดโล่ง ทำให้ห้องพักอาศัยบริเวณชั้นนี้ ได้ระดับเพดานที่สูงกว่าปกติ

แปลนอาคารครับ ด้านหน้าเป็นตึกจอดรถ เปิดทางเข้าตรงกลาง ไปอาคารพักอาศัยด้านหลังได้ ซึ่งชั้นล่างจะมีแค่ Lobby และลานจอดรถ

ระหว่างลานจอดรถกับตึกที่อยู่อาศัยไม่มีทางเชื่อม เวลาฝนตกฟ้าร้องก็พกร่มไว้ในรถด้วยนะครับ ไม่งั้นต้องวิ่งฝ่าฝนมาที่ Drop Off

อาคารพักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 โดยชั้น 2 – 10 จะมีช่องเปิดบริเวณลิฟท์ ปล่อยให้แสงธรรมชาติส่องผ่านได้

พอขึ้นมาชั้นที่ 11 พื้นที่ดึงแสงเข้าก็จะโดนเอาไปทำห้องขายแล้ว จำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 15 ยูนิตต่อชั้น จัดว่าสูงมากสำหรับคอนโดที่ราคา 180,000 ต่อตารางเมตรครับ

อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ ลิฟท์โดยสาร 3 ตัวต่อ 443 ห้อง คิดเป็น 1:148 จัดว่าสูงมากเช่นกัน โครงการนี้มี Service Lift แยกต่างหากครับ

พอขึ้นมาชั้น 28 – 35 ซึ่งเป็นชั้นสูงๆแล้ว ก็จะพบว่ามีห้องแบบ 2 Bedrooms ด้วย ลดจำนวนยูนิตต่อชั้นลงไปเหลือ 10 ยูนิตต่อห้อง ซึ่งห้อง 2 Bedrooms มีขนาดประมาณ​ 60 – 70 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้างครับ

อาคารจอดรถ 9 ชั้น มีลิฟท์ 2 ตัว ที่จอดรถรวมซ้อนคันมีประมาณ 58% จัดว่าน้อยไปมากๆ สำหรับโครงการาคา 180,000 บาทต่อตารางเมตร

ถ้านับช่องจอดรถแบบเข้าซองก็จะอยู่ประมาณ 48% ครับ ลองเอานิ้วจิ้มๆนับได้ 212 คัน ถ้านับผิดพลาดต้องขออภัย

ชั้น 27F เป็นชั้นส่วนกลาง แบ่งพื้นที่ตึกมาส่วนหนึ่งเอามาทำ สระว่ายน้ำ โดยสร้างชั้นลอยขึ้นมาเป็น Fitness

ตรงนี้ดีไซน์สวยครับ วงโค้งๆเป็นเอกลักษณ์ของตึกเลย

ฟิตเนสเดินขึ้นมาจากชั้นสระว่ายน้ำ ลิฟท์ไม่จอดชั้น 27M นะครับ

พื้นที่สีเขียวที่เอาไว้บนหลังคาอาคารจอดรถก็จะงงๆนิดหน่อย เป็นสวนเฉยๆ ไม่รู้ใครจะไปใช้งาน มีเอาไว้มองอย่างเดียว

ขอแก้ไขเป็นดาดฟ้าลานจอดรถ ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่น ดื่ม และปาร์ตี้ได้นะครับ สำหรับคนชอบสังสรรค์ สำหรับลูกบ้านเท่านั้น

ต่อมาเป็นแบบห้องครับ ห้อง 1 Bedroom ที่มีเยอะๆของอาคารนี้จะเป็นแบบ 33 ตารางเมตร หันไปทางทิศตะวันออก แปลนครัวเปิด ห้องนอนแยก ห้องน้ำเข้าได้จากห้องนอน ค่อนข้างมาตรฐานครับ

1G แบบห้องที่ติดหัวมุมของชั้นต่ำกว่า 27F ซึ่งเป็นแบบที่เอาไปจัดห้องตัวอย่างในงาน Life Comes Home 2013 ที่สยาม พารากอน ครับ

พอเลยชั้น 27F ขึ้นมาแล้ว ก็จะมีแบบห้องหน้ากว้างอีกแบบให้เป็นตัวเลือก 2 ห้องนอนขนาด 60 กว่าๆ ตารางเมตร ดูแล้วใช้งานได้ค่อนข้างดี เพราะแทบทุกฟังก์ชั่นได้หน้าต่างทั้งสิ้น

สุดท้ายเป็นแบบห้องที่เล็กสุดของโครงการนี้ 1A ขนาด 29.5 – 30.5 ตารางเมตร แปลนเหมือนกับห้อง 33 ตารางเมตร แต่จะอึดอัดหน่อยถ้าเอามาเทียบกัน

Product Walkthrough

เราได้โอกาสทำรีวิวจริงจังหลังจากที่เห็นห้องตัวอย่าง โครงการ EDGE สุขุมวิท 23

ภาพลักษณ์การตลาดใช้สีแดงแรงฤทธิ์ จับกลุ่มพวก Young and Restless ทำงานเยอะเที่ยวหนัก ประมาณนั้น

โดยห้องตัวอย่างที่นำมาให้ดูเป็นแบบ 1G ที่เคยบอกไปนะครับ ขนาด 42.5 – 43 ตารางเมตร

เราก็พอเข้าใจได้ ว่าเวลาจัดบูธ 1 สัปดาห์ บนห้าง Siam Paragon คงจะไม่สามารถเนรมิตห้องตัวอย่างแบบสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเราก็เตรียมพร้อมที่จะเห็นความไม่เรียบร้อยในงานก่อสร้างอยู่ก่อนหน้า และจะไม่เอ่ยถึงเรื่อง Defect ต่างๆของห้องตัวอย่างนะครับ

กุญแจหน้าบ้านได้เป็นของ Yale แบบ Digital Doorlock ใช้การ์ดและ Password

เดินเข้าไปดูห้องตัวอย่างก่อนเลย ห้องนั่งเล่นครับ

ฝ้าเพดานสูง 2.9 เมตร ส่วนที่เป็นแอร์และ Service จะสูง 2.6 เมตร

ครัวที่ให้เป็นแบบนี้

มีตู้แขวนด้านบนเรียบร้อย

มีตู้ด้านหน้าตรงนี้ให้อีก 1 ใบ

พื้นห้องเป็นลามิเนต ซึ่งค่อนข้างน่าแปลกใจสำหรับโครงการตารางเมตรละ 180,000 บาท

ซิงก์สแตนเลสขอบมน ท๊อปหินแกรนิต

เตาไฟฟ้าแบบเซรามิคยี่ห้อ Teka

เครื่องดูดควัน Teka เช่นกัน

แอร์ที่ให้ในห้องนั่งเล่นเป็นแบบฝังฝ้า ห้องนั่งเล่นวางโต๊ะทานข้าวและชุดโซฟาดูทีวี

ห้องนี้จัดแบบ Built-in Sofa จะนั่งไม่สบาย เพราะมันจะชันๆ แต่จะประหยัดพื้นที่ได้เยอะ ถ้าใช้โซฟาตัวใหญ่วางลงไป ระยะห่างของทีวีกับโซฟาก็จะน้อยกว่านี้

เดินออกไปดูระเบียงกันบ้าง ห้องเก็บ Air Compressor ปิดกริลมิดชิด เป่าลมร้อนออกด้านนอก

กรอบกระจกสูงจากพื้นถึงเกือบๆเพดาน ได้กระจกบานใหญ่ กรอบเป็นอลูมิเนียม Powder Coated สีเทา

พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องธรรมดา ราวกันตกเป็นเหล็กธรรมดา

หน้าตาของสวิทช์ไฟครับ

แอร์ Conceal แบบที่บอกไป

มาดูห้องนอนกันบ้าง แต่งได้ “ทหาร” มาก พึ่งเคยเห็นกระสอบทรายอยู่ในห้องนอนก็ที่นี่เป็นที่แรก

มุมนี้เป็นลูกเล่นหน่อย เนื่องจากได้ห้องติดมุม จึงมีพื้นที่วางโต๊ะทำงาน

ห้องนอนได้แอร์แขวนผนัง ระยะห่างจากเตียงถึงทีวีประมาณนี้ วาง Sideboard ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเดินลำบาก

ห้องนี้ไม่มีตู้เสื้อผ้า ใช้ราวกล่องแขวนๆเอาแบบนี้

แอร์แขวนผนังอยู่เยื้องๆเหนือทีวี

ไฟด้านบนเป็น Down Light สี่เหลี่ยม

พื้นห้องน้ำช่วยชีวิตเรื่องวัสดุได้บ้าง แต่ผนังก็ยังคงเพลนๆเหมือนเดิม ไม่ค่อยมีอะไร

ดูห้องนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์เป็นห้องน้ำหรูเท่าไร ไม่แน่ใจเป็นเพราะการ Setup ในงานไม่ดีพอหรือเปล่า

ธรณีกั้นระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้ง แบ่งด้วยกระจก Tempered Glass

ส่วนที่เป็นโถสุขภัณฑ์ก็จะเว้าเข้าไป มีช่องระบายอากาศตามธรรมชาติ

ชุดนี้ของ American Standard

ผมว่า Counter ด้านหลังของสุขภัณฑ์ก็น่าจะปูหินอะไรให้หน่อยนะ ดีกว่าใช้กระเบื้อง

ชุดซิงก์แบบนี้

หัวก๊อกของ Hans Grohe

ชุดฝักบัว เป็นแบบ Hand & Rain Shower มีที่วางสบู่หินเทียม เรียบร้อย

ฝักบัวมือจับ

อันนี้เป็น Rain Shower ครับ

Price vs Performance

  • 1 Bedroom ชั้น 4 พื้นที่ใช้สอย 33 ตารางเมตร ราคา 5.52 ล้านบาท หรือประมาณ 167,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom ชั้น 12 พื้นที่ใช้สอย 31.5 ตารางเมตร ราคา 5.74 ล้านบาท หรือประมาณ 182,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom ชั้น 16 พื้นที่ใช้สอย 33 ตารางเมตร ราคา 6.02 ล้านบาท หรือประมาณ 181,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom ชั้น 26 พื้นที่ใช้สอย 31.5 ตารางเมตร ราคา 5.84 ล้านบาท หรือประมาณ 185,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms ชั้น 28 พื้นที่ใช้สอย 60 ตารางเมตร ราคา 11.59 ล้านบาท หรือประมาณ 193,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms ชั้น 32 พื้นที่ใช้สอย 62.5 ตารางเมตร ราคา 11.98 ล้านบาท หรือประมาณ 191,000 บาทต่อตารางเมตร

  • SOLD OUT (RESALE ONLY)
  • Fully Fitted (ครัว+แอร์+ตู้นิดหน่อย)
  • จอง + ทำสัญญา 150,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 72 บาท / ตารางเมตร / เดือน
  • ค่ากองทุน 500 บาท / ตารางเมตร

เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของ EDGE by Sansiri นั้นอยู่ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญ แยกอโศก-สุขุมวิท จัดเป็นอีกหนึ่ง CBD ที่ Busy ที่สุดในกรุงเทพมหานคร เรียกได้ว่าหากมองในภาพรวม ทำเลแถวนี้จัดเป็นทำเลแทบจะหาตึกขึ้นใหม่ไม่ได้แล้ว ในระยะเดินประมาณ 200 – 300 เมตร ก็ถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT จัดว่าเป็นอีกทำเลที่ Prime มาก

แน่นอนว่าการที่มีอาคารสำนักงานเยอะๆ ก็จะนำเรื่องปัญหารถติดตามมา และความหนักหนาสาหัสของปัญหาจราจรบริเวณสี่แยกอโศก-สุขุมวิทก็ไม่ได้น้อยไปกว่าสี่แยกสาทร-นราธิวาสเลย พอมีปัญหาขึ้นมาก็จะติดขัดมากถึงมากที่สุด ไม่ว่าจะใช้ถนนรัชดาหรือถนนสุขุมวิท หลายๆคนจึงพยายามเลี่ยงไม่เดินทางเข้าสี่แยกนี้หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ โดยเฉพาะเวลาเข้างานหรือเวลาเลิกงาน การเดินทางด้วยรถยนต์จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร

มองในมุมผู้ที่ทำงานออฟฟิศอยู่แถวนี้เช่นตึก Exchange, Interchange, Ocean Tower ฯลฯ ก็สามารถเดินเท้าไปออฟฟิศได้เลย สะดวกสบาย และใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT ในการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเส้นสุขุมวิทหรือรัชดา แต่อีกมุมหนึ่งที่ต้องมองก็คือสถานที่ท่องเที่ยวยามค่ำคืน อย่างซอยคาวบอยที่มีแสงสีเสียงอยู่ อาจจะรบกวนเวลาพักผ่อนได้ รวมไปถึงบางร้านที่ตั้งไหลออกมาจากซอยคาวบอย บนทำเลซอยสุขุมวิท 23

จำนวนที่จอดรถของโปรเจคที่ราคาขายต่อตารางเมตรอยู่ที่ 180,000 บาท ขึ้นไปนั้น แทบทุกโครงการจะมีที่จอดรถ 100% หรือบางแห่ง 120% ด้วยซ้ำ อย่างน้อยๆก็ต้องเห็นเลข 80% แต่สำหรับโครงการ EDGE by Sansiri นั้น จำนวนที่จอดรถกลับอยู่ที่ 48% (ไม่ซ้อนคัน) หรือ 58% รวมซ้อนคัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานราคาต่อตารางเมตรเท่าๆกัน และอาจจะนำมาซึ่งปัญหาที่จอดรถไม่พอเพียงในอนาคตได้ แม้ว่าจะมีท้ัง BTS และ MRT ในระยะเดินถึงก็ตาม

การที่อาคารแยกตึกจอดรถและตึกพักอาศัยออกจากกันก็จะทำให้เกิดความลำบากเล็กน้อยในการเดินขึ้นลง หากเทียบกับอาคารที่เป็นมีที่จอดรถอยู่ชั้นล่างและที่พักอาศัยอยู่ชั้นบน เพราะจะมีเรื่องแดด, ฝน และการขนของเข้ามาเกี่ยวข้อง

ความหนาแน่นของโครงการนี้สูงสุดอยู่ที่ 15 ยูนิตต่อชั้น และอัตราส่วนลิฟท์โดยสารอยู่ที่ 1:148 ซึ่งคำนวณออกมาแล้วเรียกว่าหนาแน่นมากเมื่อเทียบกับโครงการในเกรดเดียวกัน สาเหตุใหญ่ๆมาจากการที่แบ่งห้องเล็กเป็นจำนวนมาก แทบทั้งตึกจะเน้นห้องขนาด 30 – 40 ตารางเมตรเป็นหลัก

วัสดุและสเปคต่างๆ นอกจากฝ้าเพดานที่สูง 2.9 เมตรและพื้นห้องน้ำที่โดดเด่นแล้ว อย่างอื่นค่อนข้างด้อยกว่ามาตรฐานเมื่อเทียบกับราคา อาทิเช่น พื้นลามิเนต, หน้าบาน Built-in, ท๊อปครัว, เครื่องใช้ไฟฟ้า … ฯลฯ เมื่อเทียบกับโครงการในระดับราคาเดียวกันของแสนสิริเอง เช่น Quattro ก็จะรู้สึกได้ว่าด้อยกว่า หรือเทียบกับโครงการของอื่นหลายๆโครงการในย่านสุขุมวิทด้วยกัน ระดับ 130,000 – 150,000 บาทต่อตารางเมตร ก็จะพบว่าด้อยกว่าเช่นกัน

แบบโครงการในเรื่องรูปลักษณ์ความสวยงาม และความมีเอกลักษณ์นั้นต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดีมาก ดึง Character การตลาดของ Young & Restless ออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็น Lobby สีเจ็บๆ ส่วนกลางแรงๆ ที่ใช้ LED ในการปรับแต่ง Mood & Tone ให้เหมาะและเข้ากับวัยที่การตลาดกำหนดมาเป็นเป้าหมาย แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าลูกบ้านที่ต้องการอยู่เองอีกกลุ่มใหญ่ไม่ใช่คนประเภทนี้นะครับ พอตกแต่งแบบนี้เรียกว่าโบกมือลากลุ่มลูกบ้านแนว Family ไปได้เลย

สาธารณูปโภคมีอยู่ที่ชั้น Lobby และชั้นส่วนกลางที่ 27F และชั้นลอย มีสระว่ายน้ำ, จากุซซี่, ฟิตเนสบนชั้น 27M ที่มองลงมาเห็นสระว่ายน้ำได้ มีการออกแบบที่ดีและสวยงาม แต่อาจจะเล็กไปเมื่อเทียบกับราคาและจำนวนยูนิต สวนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถที่ทำเป็นที่นั่งดื่ม ปาร์ตี้ได้สำหรับลูกบ้าน ก็น่าจะตอบได้ชัดเจนถึงกลุ่มเป้าหมายที่โครงการนี้ครับ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 180,000 บาทต่อตารางเมตร, 17 ก.พ. 2556

  • ทำเล – โดดเด่นบนแยกอโศก หาที่ดินแบบนี้ได้ยาก แต่ใกล้ซอยคาวบอย
  • เดินทางด้วยรถ – รถติด มีที่จอดรถไม่มาก
  • ไม่ใช้รถ – สะดวกมาก ใช้ได้ทั้ง BTS และ MRT แถมมี Terminal 21 ในระยะเดิน
  • วัสดุ – ไม่เหมาะสมกับราคา
  • แบบ – ออกแบบได้มี Theme มากๆ แต่หนาแน่นเกินไปเมื่อเทียบกับราคา
  • สาธารณูปโภค – มีพอประมาณ ไม่มากเมื่อเทียบกับราคา

  • SUPER LUXURY CLASS
  • NOT JUDGED

BOTTOM LINE

EDGE by Sansiri มีดีที่ทำเล การเดินทางที่เชื่อมต่อทั้ง BTS และ MRT หากเป็นคนชอบห้องเล็กและแสงสี ก็สามารถพิจารณาได้ครับ

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ