วันนี้ผมจะพามารีวิวคอนโดแบรนด์ใหม่จากเสนากันครับ กับโครงการ Cozi Ram 189 Station (โคซี่ รามฯ 189 สเตชั่น) ซึ่งเป็นตัวที่ 2 ของเค้าแล้ว จากที่ไปดูมาก็รู้สึกว่าเป็นโครงการที่คุ้มค่าดีในเรื่องของราคา และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆที่เราจะได้ภายในห้องดีเลยทีเดียว โดยปัจจุบันเปิดตัวมาเริ่มต้นที่ 1.39 ล้านบาท สามารถจับต้องได้ไม่ยาก ส่วนความน่าสนใจหรือ Highlights อื่นๆจะมีดังนี้ครับ

  • ขายแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ ดีไซน์ Made From Her เหมาะกับผู้หญิงหรือคนที่ต้องการพื้นที่เก็บของเยอะๆ
  • แบบห้องเป็นสัดส่วนดี ออกแบบมาเพื่อคนที่มี Lifestyle โดดเด่นต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องแบบ Walk-in Closet สำหรับคนชอบแต่งตัว และห้องที่เน้นห้องครัวสำหรับคนทำอาหาร เป็นต้น แต่ที่ชอบที่สุดคือ มีแบบห้องที่ได้ห้องน้ำติดกับผนังภายนอก ที่ปัจจุบันนี้ถือว่าหาเจอได้ยากมากๆครับ
  • ทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้โลตัส บิ๊กซี และตลาดมีนบุรี
  • เดินทางสะดวก อนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีส้มให้ใช้งาน รวมถึงยังมี Shuttle Service บริการรับ-ส่งที่รถไฟฟ้า+นิคมฯบางชันให้ฟรีอีกด้วย

ข้อมูลโครงการ

Cozi Ram 189 Station (โคซี่ รามฯ 189 สเตชั่น) ณ วันที่ 25 มีนาคม 2567

 ชื่อโครงการ  Cozi Ram 189 Station (โคซี่ รามฯ 189 สเตชั่น)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  ECONOMY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนน รามคำแหง เขต มีนบุรี
 ที่ดิน  8-1-65 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร
 จำนวนยูนิต  896 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  33 ยูนิต/ชั้น ที่อาคาร A
 ที่จอดรถ  37% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2567
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2569
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23 – 24 ตร.ม.
  • 1 Bedroom WIC ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 – 27.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom KITCHEN ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 – 26.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34 – 34.5 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.4 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  1.39 ล้านบาท*
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  n/a บาท/ตร.ม.
วัน V-VIP  2-3 มี.ค. 2567 นี้ !!
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  อยู่ระหว่างการประเมิน
 เว็บไซต์โครงการ  https://www.sena.co.th/project/cozi-ram-189-station
 Call Center  1775#58

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ติดถนนใหญ่รามคำแหง ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ของย่านมีนบุรี ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาด
  • ใกล้แหล่งงานอย่างนิคมอุตสาหกรรมบางชัน
  • เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม MRT เคหะรามคำแหง (ในอนาคต) และมีวงแหวนกาญจนาภิเษกให้ใช้เข้า-ออกเมืองได้

พิกัด Google Maps : 13.801473, 100.718364
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Cozi Ram 189 Station (โคซี่ รามฯ 189 สเตชั่น) ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามคำแหง บริเวณช่วงใกล้ถึงย่านมีนบุรี ซึ่งจัดเป็นจุดที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นของตัวเองครบครันเลยครับ เพราะจะมีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดขนาดใหญ่ตั้งอยู่ อีกทั้งการมาของรถไฟฟ้าสายสีส้มเอง ก็จะช่วยทำให้การเดินทางในอนาคตของทำเลนี้สะดวกมากขึ้นอีกด้วย โดยจะสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าได้ถึง 2 สายคือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

ความน่าสนใจอีกข้อหนึ่งคือ มีแหล่งงานสำคัญอย่าง ‘นิคมอุตสาหกรรมบางชัน’ ที่มีโรงงานขนาดใหญ่หลายแห่งตั้งอยู่ด้วย ดังนั้นคอนโด Cozi Ram 189 Station จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการ (Demand) ของคนที่เน้นใช้ชีวิตหรือทำงานอยู่ในย่านมีนบุรี รวมถึงพี่น้องชาวโรงงานในนิคมแห่งนี้ด้วยนั่นเองครับ

ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่ก็มักจะเช่าห้องพักกันอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท แต่หากใครที่อยากมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองไปเลย แถมยังมีความปลอดภัยและมีส่วนกลางสวยๆให้ใช้งานด้วย ก็อาจลองมองเป็นคอนโดมิเนียมของเสนาแห่งนี้ดูได้นะครับ โดยจะมีราคาโปรโมชั่นผ่อนดาวน์เริ่มต้น 1,900 บาท/เดือน ถือว่าสบายๆเลยสำหรับคนที่อาจมีงบประมาณไม่มากนัก

รถไฟฟ้า (MRT) สายสีส้ม :

สำหรับรถไฟฟ้าสายนี้จะมีการแบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกันครับ ซึ่งที่ตั้งของโครงการ Cozi Ram 189 Station จะอยู่ในช่วงที่ 2 ทางฝั่งตะวันออกที่เรียกว่า ‘ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)‘ และตามข่าวล่าสุดก็คาดการณ์ว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ประมาณช่วงปี 2569 พอดีกับช่วงที่คอนโดสร้างเสร็จแล้วนั่นเอง

โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ MRT เคหะรามคำแหง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 500 m.  แต่จริงๆเราไม่จำเป็นต้องเดินเองให้เหนื่อยเลยครับ เพราะทางโครงการจะมีรถ Shuttle Service คอยบริการรับ-ส่งให้ฟรีๆที่รถไฟฟ้าสายสีส้ม และนิคมอุตสาหกรรมบางชัน เรียกได้ว่า Target เค้าค่อนข้างชัดเจน และนับว่าสะดวกเลยสำหรับคนที่ต้องไปทำงานด้วยเส้นทางเหล่านี้

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

สำหรับใครที่เน้นเดินทางด้วยรถยนต์เป็นหลัก จะมีวงแหวนกาญจนาภิเษกให้เข้า-ออกเมืองไกลๆได้สะดวก สามารถขับรถไปลาดกระบัง-บางนา-พระราม 2 หรือจะไปทางรังสิต-บางปะอินก็ได้ โดยจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 8 km. และต้องเผื่อเวลาประมาณ 10 – 15 นาที ส่วนขากลับเราสามารถเลือกกลับบ้านได้ 2 ทาง ทั้งเส้นทางรามคำแหง หรือเสรีไทยก็ได้ (ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นๆ ถนนเส้นไหนรถติดกว่ากัน)

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่าง บ้านพักอาศัย และอู่ซ่อมรถครับ ซึ่งจะไม่มีตึกสูงมาบังวิวเลย ทำให้ปัจจุบันเรายังสามารถมองเห็นวิวที่เปิดโล่งได้พอสมควร และถ้าใครที่ชอบความเงียบสงบเป็นส่วนตัวมากๆ ก็สามารถเลือกตึกที่อยู่ด้านในสุดได้ เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงความวุ่นวายจากถนนใหญ่ด้านหน้าให้ได้มากที่สุดนั่นเองครับ

  • ทิศเหนือ : ติดกับ คลองแสนแสบ
  • ทิศใต้ : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนรามคำแหง
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่าง บ้านพักอาศัย และอู่ซ่อมรถ
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ซอยรามคำแหง 189/1 รวมถึงมีที่ว่าง บ้านพักอาศัย และอู่ซ่อมรถ

นี่เป็นบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะอยู่ติดกับถนนใหญ่รามคำแหง และด้านบนจะเห็นว่ามีการทำรางรถไฟฟ้าสายสีส้มเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย เหลือแค่รอเปิดใช้งานเท่านั้นครับ

ทางด้านซ้ายของโครงการคือ ซอยรามคำแหง 189/1 ซึ่งด้านในส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่ว่าง และมีบ้านพักอาศัยไม่กี่หลัง แถมซอยนี้ยังเป็นซอยตันด้วย ดังนั้นคนที่เลือกห้องพักอาศัยทางทิศตะวันตกนี้ก็จะได้ความเงียบสงบพอสมควรเลยทีเดียว

คราวนี้เราจะไปดูทางฝั่งด้านขวามือของโครงการกันบ้างครับ

ซึ่งติดกับรั้วโครงการเลยจะเป็นสวนอาหารขนาดใหญ่ ที่เค้าจะมีการปลูกต้นไม้ดูร่มรื่นดีทีเดียว (ใครสนใจลองแวะมาทานกันได้นะ) และถัดมาอีกหน่อยเราจะเจอกับเต้นท์ขายรถ

รวมถึงด้านหน้ายังมีป้ายรถเมล์อีกด้วย ส่วนถ้าเป็น MRT สถานีเคหะรามคำแหง จะต้องเดินตรงต่อไปอีกหน่อย ระยะทางรวมประมาณ 500 m.

สำหรับที่ตั้งของ Sale Gallery ในปัจจุบัน จะเป็นส่วนของพื้นที่สวน Front Garden ที่อยู่ด้านหน้าโครงการในอนาคต โดยภายในก็จะมีทั้งห้องตัวอย่างและโมเดลให้ดู ซึ่งหากใครสนใจก็สามารถเข้ามาติดต่อสอบถามพี่เจ้าหน้าที่ได้ทุกวันเลยนะครับ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Lotus’s สุขาภิบาล 3 ~ 1.2 km.
  • Big C สุขาภิบาล 3 ~ 1.3 km.
  • ไทวัสดุ สุขาภิบาล 3 ~ 2.4 km.
  • Lotus’s มีนบุรี ~ 4 km.
  • Big C ร่มเกล้า ~ 4.1 km.
  • Mega Home มีนบุรี ~ 4.3 km.
  • ตลาดมีนบุรี ~ 5.1 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.นวมินทร์ 9 ~ 4.3 km.
  • รพ.รามคำแหง 2​​ ~ 4.9 km.
  • รพ.สินแพทย์ เสรีรักษ์ ~ 5.3 km.
  • รพ.เกษมราษฎร์ รามคำแหง ~ 9 km.
  • รพ.นพรัตนราชธานี ~ 9.9 km.

โรงเรียน

  • รร.มีนประสาทวิทยา ~ 1.6 km.
  • ม.เกษมบัณฑิต วิทยาเขต ร่มเกล้า ~ 3.4 km.
  • รร.อนุบาลบรอมส์โกรฟ ~ 4.4 km.
  • Ruamrudee International School Bangkok ~ 5 km.
  • รร.ปัญจทรัพย์มีนบุรี ~ 5.8 km.
  • รร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ~ 6.5 km.
  • รร.นานาชาติฮีทฟิลด์ ~ 7.4 km.
  • รร.เศรษฐบุตรบำเพ็ญ ~ 7.8 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • แบ่งอาคารพักอาศัยออกเป็น 4 อาคาร ทำให้ช่วยกระจายความหนาแน่นในการอยู่อาศัยได้ดี
  • แต่ละอาคารมีตำแหน่งห้องพักที่น่าสนใจแตกต่างกันให้เลือกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงที่สะดวก, ได้วิวสระว่ายน้ำสวยๆ, สามารถมาใช้งานส่วนกลางได้ง่าย และมีความเงียบสงบเป็นส่วนตัวสูง เป็นต้น
  • กระจายพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ 3 จุด เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้งานฟังก์ชันได้สะดวกพอๆกัน

Cozi Ram 189 Station (โคซี่ รามฯ 189 สเตชั่น) เป็นคอนโดแบรนด์ใหม่จาก Sena ที่ได้ทำออกมาให้เราได้เห็นกันเป็นโครงการที่ 2 โดยจับกลุ่ม Segment ระดับ Economy สำหรับคนที่มองหาคอนโดราคาจับต้องง่าย เริ่มเพียงล้านต้นๆ แถบชานเมืองที่ยังคงมีความสะดวก ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ แหล่งงาน และมีรถไฟฟ้าให้ใช้งาน ซึ่งจะเป็นแบรนด์ที่อยู่ระหว่าง Sena Kith , Cozi และ Flexi ตามลำดับนั่นเองครับ

สำหรับโครงการนี้จะมีพื้นที่ 8-1-65 ไร่ และมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 896 ยูนิต โดยแบ่งเป็น Low Rise 4 อาคาร ดีไซน์ภายนอกจะดูเป็นสไตล์ Modern ปกติ แต่ภายในจะตกแต่งให้มีความ Homey ดูอบอุ่นและน่าอยู่มากขึ้นครับ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางที่มีฟังก์ชันหลักๆเพิ่มเข้ามาให้ใช้งานครบเลยด้วย

ผังโครงการจะมีลักษณะเป็นตอนลึกเข้าไปด้านใน และจัดพื้นที่ส่วนกลางให้กระจายอยู่ 3 จุด เพื่อให้ลูกบ้านทุกอาคารสามารถมาใช้งานได้สะดวกพอๆกัน โดยแต่ละอาคารก็จะมีความน่าสนใจและเหมาะกับคนที่มีความชอบแตกต่างกันดังนี้

  • อาคาร A : เป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุด เหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกในการเข้า-ออกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการขับรถหรือเดินด้วยตัวเอง เพราะจะไม่ต้องเข้าไปลึกมากนัก แต่ทั้งนี้ก็อาจต้องแลกมากับความพลุกพล่านของคนจากอาคารอื่นๆ ที่ต้องผ่านไป-มา รวมถึงอาจมีเสียงของรถยนต์บนถนนใหญ่ด้านหน้าในตอนกลางวันด้วยนั่นเอง
  • อาคาร B : เหมาะกับคนที่ชอบใช้งาน Facilities เป็นประจำ เพราะจะสามารถเดินมาใช้งานใกล้ๆได้สะดวกมากที่สุด รวมถึงห้องพักในบางตำแหน่งก็ยังสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้อีกด้วย ซึ่งเป็นแรร์ไอเทมที่ห้องของอาคารอื่นๆจะไม่มีแบบนี้เลยครับ
  • อาคาร C : คล้ายๆอาคาร B เลยครับ ยังคงเหมาะกับคนที่ชอบมาใช้งาน Facilities บ่อยๆ เพียงแต่อาจไม่ได้มีตำแหน่งห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำแบบตรงๆ แต่ข้อดีที่เพิ่มขึ้นก็คือ ความเป็นส่วนตัวและเงียบสงบ ที่จะมีมากกว่าอาคารที่อยู่บริเวณด้านหน้าครับ
  • อาคาร D : เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง โดยจะอยู่ด้านในสุดของโครงการ ใกล้กับสวนสาธารณะและมีวิวติดกับคลองแสนแสบอีกด้วย เพียงแต่อาจมีระยะทางที่เข้ามาลึกกว่าเพื่อนสักหน่อยนะครับ

จากโมเดลและแปลนเมื่อสักครู่ เราจะเห็นว่าทางด้านหน้าสุดของโครงการจะมีพื้นที่สวนอยู่ใช่มั้ยครับ ซึ่งฟังก์ชันนี้จะเรียกว่า Front Garden เป็นพื้นที่สีเขียวที่ประโยชน์หลักๆคือ ช่วยเป็น Buffer กันมลพิษต่างๆจากถนนใหญ่ ไม่ให้เข้าสู่โครงการได้โดยตรง

อีกทั้งยังช่วยทำให้ทำให้บริเวณด้านหน้าโครงการดูเขียวขจี และสดชื่นมากขึ้นอีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการมาเดินเล่นพักผ่อน อาจต้องเดินอ้อมออกมาทางป้อมยามด้านข้างแทนนะครับ แต่ไม่แน่ว่าอนาคตอาจทำประตูเชื่อมต่อมาจากลานจอดรถอาคาร A โดยตรง เพื่อความสะดวกในการมาใช้งานมากขึ้นก็ได้

ป้อม รปภ. จะอยู่ถัดเข้ามาจากถนนใหญ่พอสมควร ทำให้เรามีระยะในการเข้า-ออกที่สะดวกมากขึ้น ซึ่งการจอดรถของลูกบ้านก็จะมีทั้งการจอดแบบกลางแจ้ง และการจอดแบบในร่มใต้อาคาร ใครพักอาศัยอยู่อาคารไหนก็สามารถเลือกจอดใกล้ๆเพื่อความสะดวกได้เลย

อาคาร A เป็นอาคารที่อยู่ทางด้านหน้าสุด ซึ่งบริเวณใต้อาคารจะเป็นที่จอดรถเกือบทั้งหมด และยังมีช่องจอดของ EV Charger คอยให้บริการอีกด้วย โดยจะมีแยกกันระหว่างรถยนต์และมอเตอร์ไซต์อย่างละ 2 คัน เรียกได้ว่าเพียงพอสบายๆเลยทีเดียว

ส่วนภายในอาคารก็จะมี Lobby เป็นพื้นที่รับรองของลูกบ้านและแขก รวมถึงมีฟังก์ชันที่อาคารอื่นๆไม่มีก็คือ Juristic หรือห้องนิติบุคคล โดยการที่เราจะติดต่อธุระกรรมต่างๆ ก็จะต้องมาทำกันที่อาคารนี้เป็นหลักครับ

แปลนชั้น 2 – 8 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor โดยอาคาร A จะมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 33 ยูนิต/ชั้น รวมเป็น 231 ยูนิตทั้งอาคาร และมีอัตราส่วนลิฟต์ 116 : 1 เรียกได้ว่าเยอะสุดในบรรดาอาคารทั้ง 4 เลยก็ว่าได้ครับ (แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก) และอย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า อาคารนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการความสะดวกในการเข้า-ออกโครงการ เพราะอยู่ใกล้กับทางเข้ามากที่สุด รวมถึงตำแหน่งห้องพักอาศัยก็มีจุดที่น่าสนใจหลายจุดดังนี้

  1. กรอบสีแดง : เป็นตำแหน่งห้องที่มีความเป็นส่วนตัวสูงที่สุด โดยจะเป็น 1 Bedroom Plus ที่มีเพียง 2 ยูนิต/ชั้น ตั้งอยู่สุดปลายโถงทางเดินติดกับบันไดหนีไฟ ทำให้ไม่มีเสียงรบกวนจากห้องข้างๆ หรือคนที่ผ่านไป-มาหน้าห้องเลยครับ
  2. กรอบสีน้ำเงิน : เป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัวไม่แพ้กัน เพราะจะอยู่ในตำแหน่งที่ได้ Single Corridor ไม่มีห้องฝั่งตรงข้าม ซึ่งอาจมองเข้ามาด้านในห้องทำให้เสียความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังเป็นห้องไซส์เล็ก-กลางที่มีราคาจับต้องได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย
  3. กรอบสีเขียว : เป็นห้องที่ส่วนใหญ่จะได้ Single Corridor เหมือนกันครับ เพียงแต่บางห้องอาจมีคนที่เดินผ่านไป-มาจากหน้าโถงลิฟต์อยู่บ้าง แต่ข้อดีจริงๆคือ ‘วิว’ ที่มองออกไปหน้าโครงการ จะเห็นทั้งถนนใหญ่ พื้นที่สวนด้านหน้า และรางรถไฟฟ้า ซึ่งใครที่ชอบวิวแบบนี้ก็จะมีแต่อาคารนี้เท่านั้น เพียงแต่อาจมีเสียงรถและแดดร้อนอยู่บ้างในช่วงกลางวัน แต่ถ้าใครที่อยู่อาศัยเฉพาะตอนกลางคืนอยู่แล้ว ก็ตัดปัญหาเรื่องพวกนี้ไปได้เลย
  4. กรอบสีชมพู : เป็นตำแหน่งห้องที่จะได้วิวภายในโครงการแบบตอนลึก ส่วนใหญ่จะเป็นถนนในโครงการ พื้นที่จอดรถ และอาคาร Clubhouse ที่อยู่ในระยะไกลๆ แต่ก็เป็นหนึ่งในตำแหน่งที่การันตีวิวได้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือมีใครมาบังวิวในอนาคตได้แน่นอนครับ

และนี่ก็คือวิวภายในโครงการจากอาคาร A นะครับ ซึ่งเราจะได้วิวการันตีแบบนี้ไปตลอดเลย

อีกตำแหน่งหนึ่งที่ผมสังเกตว่าน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ 1 Bedroom Plus ที่อยู่ในแต่ละอาคาร ซึ่งเป็นห้อง Type เดียวที่มีช่องเปิดถึง 2 ด้าน ดังนั้นจึงมีการดีไซน์ตำแหน่งของผังอาคารที่อยู่ติดกัน ไม่ให้ช่องแสงหรือระเบียงของห้องนี้ตรงกัน เพื่อความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้น

ทำให้คนที่ซื้อห้องประเภทนี้สามารถเปิดประตู-หน้าต่าง เพื่อรับแสงและลมได้เต็มที่ แบบไม่ต้องกลัวว่าจะมีห้องฝั่งตรงข้ามมองเข้ามาเห็นภายในห้องของเรา จนเสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ

ถัดเข้ามาตรงกลางโครงการจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลัก ประกอบด้วย อาคาร Clubhouse สระว่ายน้ำ และ Fitness ซึ่งถ้าใครที่เป็นสายชอบออกกำลังกาย ก็สามารถเลือกอาคารที่อยู่ใกล้ๆอย่าง B และ C เพื่อมาใช้งานทุกวันได้สะดวกก็ได้นะครับ

ภาพบรรยากาศจำลองของอาคาร Clubhouse ที่จะเป็นอาคารชั้นเดียว และมีสระว่ายน้ำที่จะเป็นสระแบบกลางแจ้ง มีขนาดกว้าง 7 x 20 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจังเลยครับ

ภาพบรรยากาศจำลอง Fitness ที่อยู่ภายในอาคาร Clubhouse โดยจะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume รายล้อมไปด้วยกระจกเชื่อมต่อกับภายนอก ทำให้มีบรรยากาศที่สว่างโปร่งโล่งดีทีเดียว

แปลนชั้น 1 อาคาร B จะมีลักษณะคล้ายๆกับอาคาร A เลยครับ ประกอบด้วยพื้นที่จอดรถ EV Charger และ Lobby ซึ่งจะตัดในส่วนของ Juristic หรือห้องนิติบุคคลออกไป เพื่อให้ไปใช้งานร่วมกันที่จุดเดียว

โดยสิ่งที่ผมชอบก็คือ การที่เค้ามี EV Charger กระจายอยู่ทุกอาคารแบบนี้ ทำให้ลูกบ้านมีความสะดวกและเพียงพอต่อการใช้งานที่ดีทีเดียวครับ เพราะปกติเราจะเจอช่องจอด EV แค่เพียง 2 ช่องที่ใช้ร่วมกันทั้งโครงการเท่านั้น

แต่ที่โครงการนี้มีรวมกันถึง 8 ช่องรถยนต์ และ 8 ช่องมอเตอร์ไซค์แยกกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้าใครที่ขับรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่แล้วต้องถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน

แปลนชั้น 2 – 8 อาคาร B จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 32 ยูนิต/ชั้น รวมเป็น 224 ยูนิตทั้งอาคาร และมีอัตราส่วนลิฟต์ 112 : 1 ซึ่งจะมีความหนาแน่นที่น้อยกว่าอาคาร A เล็กน้อย แต่จุดเด่นจริงๆก็คือ ตัวอาคารจะอยู่ใกล้กับ Clubhouse จึงสามารถไปใช้งานได้สะดวกมากกว่า อีกทั้งยังมีห้องพักที่สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้อีกด้วย โดยตำแหน่งห้องที่น่าสนใจจะมีดังนี้

  1. กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งห้อง Rare Item ที่จะสามารถมองเห็นวิวของสระว่ายน้ำได้แบบเต็มๆ แต่แน่นอนว่าห้องแบบนี้อาจมีราคาที่เพิ่มขึ้นมากกว่าตำแหน่งอื่นๆด้วยก็ได้ ยังไงก็ลองเลือกตามความต้องการและกำลังทรัพย์ของเราได้นะครับ
  2. กรอบสีแดง : เป็นห้องที่เรียกได้ว่า นอกจากจะมีวิวส่วนกลางที่ดีแล้ว ยังอยู่ในตำแหน่งที่มีความเป็นส่วนตัวดีอีกด้วย เพราะเป็นห้องริมสุดของโถงทางเดิน และฝั่งตรงข้ามก็เป็นบันไดหนีไฟ จึงไม่ต้องกลัวเรื่องเสียงรบกวนจากข้างห้อง หรือสายตาจากคนห้องฝั่งตรงข้ามเลยนั่นเองครับ
  3. กรอบสีเขียว : เป็นห้อง 1 Bedroom Plus เพียงยูนิตเดียว/ชั้น ซึ่งใครที่ต้องการห้องไซส์ใหญ่ในอาคาร B ก็จะต้องดูเป็นตำแหน่งนี้นะครับ
  4. กรอบสีชมพู : เป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีตำแหน่งอยู่ใกล้หรือตรงกับโถงลิฟต์พอดี ซึ่งห้องแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะมีการทำราคาออกมาให้จับต้องได้ง่ายกว่าตำแหน่งอื่นๆ เพราะหน้าห้องอาจต้องมีเพื่อนบ้านเดินผ่านไป-มาเยอะหน่อย ก็เลยทำให้มีความเป็นส่วนตัวที่ลดลงไปบ้าง แต่ถ้าใครที่กลับห้องมาดึกๆ หรือไม่ค่อยอยู่ในช่วงเวลาที่คนพลุกพล่านอยู่แล้ว ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลยนั่นเองครับ

ส่วนภาพจากโมเดลนี้จะเป็นตำแหน่งของห้องของอาคาร B ที่ได้วิวสระว่ายน้ำนะครับ ซึ่งผมก็แนะนำเป็นชั้นที่สูงไม่เกินชั้น 5 กำลังดี เพราะจะได้ไม่ต้องก้มลงเพื่อมองดูวิวมากนัก แต่ถ้าเป็นห้องชั้นสูงๆ ก็อาจต้องเปิดหน้าต่างหรือออกไปยืนที่ระเบียงเพื่อให้ก้มลงมองแทนนะ

แปลนชั้น 1 อาคาร C จะมีลักษณะที่เหมือนกับอาคาร B ก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่จะมีฟังก์ชัน First AID เพิ่มเข้ามา โดยจะเป็นห้องพยาบาลที่ภายในจะมีพวกเตียงนอน ยาสามัญประจำบ้าน และอุปกรณ์ช่วยชีวิตเบื้องต้นไว้คอยบริการ ถ้าใครที่มีอาการป่วยหรือบาดเจ็บ ก็สามารถมาใช้งานห้องนี้ได้นะครับ

แปลนชั้น 2 – 8 อาคาร C จะมีลักษณะเหมือนอาคาร B เลยครับ เพียงแต่ว่าจะไม่มีตำแหน่งห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำตรงๆแล้วนั่นเอง ข้อดีคือ จะมีความพลุกพล่านที่น้อยกว่า 2 อาคารที่อยู่ทางด้านหน้า แต่ยังคงมีตำแหน่งที่น่าสนใจเหมือนกันดังนี้

  1. กรอบสีแดง : เป็นตำแหน่งห้องที่ใกล้โถงลิฟต์ มีความพลุกพล่าน และเสียงรบกวนมากหน่อย แต่ก็อาจมีราคาที่จับต้องได้ง่ายสุดในชั้นด้วยเช่นกัน
  2. กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งห้องที่มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด เพราะอยู่สุดโถงทางเดิน มีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียว และได้ Single Corridor จากฝั่งตรงข้ามที่เป็นบันไดหนีไฟครับ
  3. กรอบสีเขียว : เป็นตำแหน่งห้อง 1 Bedroom Plus เพียงห้องเดียว/ชั้นของอาคาร เหมาะกับคนที่ต้องการห้องกว้างๆ หรืออยู่เป็นครอบครัวที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น

แปลนชั้น 1 อาคาร D ลักษณะจะคล้ายๆกับอาคารอื่นๆเลยครับ เพียงแต่จะมีที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ที่เยอะมากขึ้นเล็กน้อย

แปลนชั้น 2 – 8 อาคาร D จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 31 ยูนิต/ชั้น รวมเป็น 217 ยูนิตทั้งอาคาร และมีอัตราส่วนลิฟต์ 109 : 1 เรียกได้ว่าเป็นอาคารที่มีความหนาแน่นน้อยสุด และเป็นส่วนตัวมากสุดเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งถ้าใครที่ชอบความเงียบสงบและไม่พลุกพล่าน ก็อาจเล็งๆอาคารนี้เอาไว้ก็ได้ แต่ก็แลกมากับการที่จะต้องเข้ามาลึกกว่าเพื่อนบ้านคนอื่นๆอยู่สักหน่อย ส่วนตำแหน่งห้องที่น่าสนใจก็จะมีดังต่อไปนี้

  1. กรอบสีแดง : เป็นตำแหน่งห้องที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะได้ Single Corridor บริเวณด้านหน้าห้อง โดยจะมีห้องไซส์กลางและไซส์ใหญ่ให้เลือกครับ
  2. กรอบสีน้ำเงิน : เป็นห้องที่หันไปทางด้านหลังของโครงการ ซึ่งจะสามารถมองเห็นพื้นที่สวนสีเขียวที่อยู่ด้านหลัง และมองเห็นคลองแสนแสบได้อีกด้วย จัดว่าเป็นวิวที่หาไม่ได้ในอาคารอื่นของโครงการเลยครับ (แต่ของจริงจะสวยหรือเปล่า? และคลองจะสะอาดมากแค่ไหนผมก็ไม่มั่นใจนะ เราอาจต้องรอดูของจริงอีกที หรือถ้าใครทราบก็ช่วยบอกต่อใน comment ได้นะครับ)
  3. กรอบสีเขียว : เป็นตำแหน่งห้องที่หันเข้ามารับวิวด้านในโครงการ คล้ายๆกับของอาคาร A ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นวิวการันตีว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดไปนั่นเองครับ

บริเวณด้านหลังโครงการจะเป็นส่วนที่เรียกว่า River Garden (ใช้ชื่อเป็น River แต่จริงๆก็เป็นคลองนี่แหละครับ) โดยจะเป็นพื้นที่สวนที่อยู่ติดกับคลองแสนแสบ แบ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่นตามจุดต่างๆ และมีศาลาให้นั่งพักผ่อนกันได้ด้วย

ภาพบรรยากาศจำลองของ River Garden เป็นพื้นที่สวนที่น่ามานั่งเล่นดีทีเดียวครับ โดยรั้วที่อยู่ทางด้านหลังจะเป็นลักษณะของเหล็กโปร่ง ที่ให้เราสามารถรับลมเย็นๆ และพอจะมองเห็นคลองที่อยู่ด้านนอกได้ด้วยแบบนี้นั่นเอง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • อาคาร Clubhouse
  • Lobby
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 7 x 20 m.
  • Fitness
  • Co-Working Space
  • First AID
  • Mail Box
  • Waiting Area
  • EV Charger (ใต้อาคารละ 2 ช่อง)
  • Laundry
  • Chit Cat Space
  • Front Garden
  • Riverview Garden
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 112 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A  116 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 112 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 112 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 109 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 37% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access
  • เข้า-ออกรถยนต์ด้วยไม้กั้นกระดกระบบสัญญาญ Bluetooth
  • บริการ Shuttle Service รับ-ส่งรถไฟฟ้า MRT สถานี เคหะรามคำแหง + นิคมอุตสาหกรรมบางชัน

 

แบบห้อง

Highlights :

  • ขายแบบ Fully Furnished ดีไซน์ Made From Her สามารถเก็บของได้เยอะ และประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดี
  • ได้ครัวปิดทุกห้อง และส่วนใหญ่จะอยู่ติดกับผนังภายนอก สามารถเปิดระบายอากาศและทำครัวได้เต็มที่
  • ดีไซน์แบบห้องใหม่ Walk-in Closet เน้นพื้นที่แต่งตัวขนาดใหญ่สำหรับสาวๆ หรือจะใช้เป็นพื้นที่เก็บของก็ได้
  • มีแบบห้องที่ได้ห้องน้ำติดผนังภายนอก ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน สามารถช่วยระบายอากาศได้ดี
  • มีห้องหน้ากว้างให้เลือกแบบ 1 Bedroom Plus ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน

Cozi Ram 189 Station (โคซี่ รามฯ 189 สเตชั่น) มีแบบห้องให้เลือก 4 แบบ โดยจะเป็นดีไซน์ใหม่จากเสนาทั้งหมดเลยครับ เน้นความโปร่งโล่ง และมีความเป็นสัดส่วน รวมถึงยังมีแบบห้องที่ออกแบบฟังก์ชันเฉพาะเป็นของตัวเอง ทำให้เหมาะกับ Lifestyle ของผู้อยู่อาศัยที่มีความต้องการแตกต่างกันมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็เกิดจากการพัฒนาปรับปรุงมาจากโครงการรุ่นก่อนๆ รวมถึงการสอบถามความต้องการจากกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่จริง จนเกิดมาเป็นแบบห้องดังนี้

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23 – 24 ตร.ม.
  • 1 Bedroom WIC ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 – 27.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom KITCHEN ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 – 26.5 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34 – 34.5 ตร.ม.

วัสดุพื้นฐาน :

  • ประตูทางเข้าห้อง : ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐาน
  • รูปแบบการขาย : Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบพร้อมเข้าอยู่ ดีไซน์ Made From Her มีพื้นที่เก็บของเยอะ
  • พื้นห้อง : กระเบื้อง SPC ลายไม้
  • ครัว : Built-in เคาน์เตอร์ Top เมลามีน
  • สุขภัณฑ์ : American Standard
  • กรอบประตู-หน้าต่าง : อลูมิเนียมสีดำ พร้อมกระจกเขียวตัดแสง

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23 – 24 ตร.ม.

เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ จุดเด่นที่น่าสนใจคือ ‘ตำแหน่งตู้เสื้อผ้า’ ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางห้อง ซึ่งนอกจากจะช่วยแบ่งฟังก์ชันห้องนอนและ Living Area ให้มีความเป็นสัดส่วนออกจากกันได้ดีแล้ว ยังเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบ Multi-Function ที่ปรับเป็นชั้นวางของและโต๊ะทานข้าวได้ด้วย จึงทำให้ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดี และยังพรางสายตาทำให้ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกด้วยครับ แต่แน่นอนว่า Living Area ยังมีความโปร่งโล่งและได้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาถึงหน้าห้องอยู่นะ

ส่วนฟังก์ชันใช้งานอื่นๆ จะอยู่แยกออกไปอีกด้านหนึ่งของห้อง ซึ่งจะอยู่ติดกับระเบียงพอดี ทำให้สามารถเปิดประตูเพื่อระบายอากาศจากครัวและห้องน้ำได้โดยตรง แนะนำว่าให้ติดประตูกระจกกั้นห้องครัวเป็นสัดส่วนแยกออกไปเลยจะดีกว่าครับ เพราะเวลาที่เราเปิดแอร์อยู่ในห้องจะได้ไม่เปลืองค่าไฟมากนัก แถมยังช่วยป้องกันกลิ่นไม่ให้เข้ามารบกวนได้ดีอีกด้วย

เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Living Area มีระยะดูทีวี 2.6 m. สามารถใช้ทีวี 40 – 50 นิ้วได้นะครับ ซึ่งบรรยากาศห้องจะเห็นว่ามีความสว่างโปร่งโล่งพอสมควร เพราะตู้บานทึบจะบังช่องแสงเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง พอให้ได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นเท่านั้น

ส่วนความสูงพื้นถึงฝ้าคือ 2.4 m. และปูพื้นด้วยกระเบื้อง SCP ที่ทนทานและกันน้ำได้ดีกว่าไม้ลามิเนตแบบทั่วไป ที่คอนโดกลุ่ม Segment แบบนี้มักจะใช้กัน จึงสามารถเช็ดทำความสะอาดได้สบายๆและใช้งานกันได้ยาวนานมากขึ้น

บริเวณหน้าห้องนอกจากจะมีตู้วางทีวีแล้ว ยังมีตู้เก็บรองเท้าติดตั้งมาให้ใช้งานได้สะดวกแบบนี้ด้วยครับ ทำให้เราสามารถเก็บเข้าตู้ให้เรียบร้อยได้ หรือจะหยิบจับออกมาใช้ก็สะดวก รวมถึงบนตู้ก็ยังสามารถวางของใช้ที่จำเป็นได้อีกด้วย

ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งด้านล่างจะมีช่องให้เราได้ใช้เก็บของกันแบบนี้ด้วย เรียกได้ว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าและเก็บของได้เยอะจริงๆครับ

ตรงกลางห้องคือ ตู้เสื้อผ้า+ชั้นวางของ ซึ่งทำหน้าที่กั้นฟังก์ชันห้องนอนและ Living Area ให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น ถือว่าเป็น Highlight หลักของห้องนี้เลยก็ว่าได้ครับ

โดยถ้าเป็นตู้ทางฝั่งของ Living Area จะถูกดีไซน์เป็นชั้นวางของที่ลึกประมาณ 30 cm. พอให้เราวางพวกหนังสือและของโชว์ต่างๆได้พอดี

แต่ทีเด็ดจริงๆก็คือ เราสามารถปรับฟังก์ชันหน้าบานตู้ให้กลายเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ได้ด้วย ซึ่งก็ใช้นั่งทำงานอ่านหนังสือ หรือจะเป็นโต๊ะทานอาหารหน้าทีวีก็ได้เช่นกัน (มาพร้อมเก้าอี้ 1 ตัว แต่หน้าตาอาจไม่ใช่แบบนี้นะครับ)

ทางเข้าห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ที่ช่วยทำให้ห้องมีพื้นที่เชื่อมต่อถึงกัน และมีความสว่างโปร่งโล่งแบบนี้ครับ โดยถ้าเรามองจากด้านนอกก็จะเห็นแค่ปลายเตียงเท่านั้น เลยทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องทั่วไปที่เป็นผนังกระจกทั้งหมด หรือถ้าใครมีแขกมาหาบ่อยๆ ก็อาจติดผ้าม่านไว้เลื่อนปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นก็ได้นะครับ

ภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดีๆ และมีช่องแสงขนาดใหญ่ที่ทำให้รู้สึกสว่างและโปร่งโล่งเป็นพิเศษ

โดยโครงการจะให้ฐานเตียงที่ด้านล่างมีช่องเก็บของมาให้แบบนี้เลยครับ และพื้นที่รอบเตียงจะเหลือกว้างประมาณ 40 – 70 cm. ทำให้สามารถใช้งานได้พอดีๆ

ซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกด้านของ Living Area ซึ่งภายในก็มีขนาดพอให้ใช้งาน 1 – 2 คนพอดีๆ แนะนำให้ติดกระจกเงาหรือจุดให้ส่องแต่งตัว/แต่งหน้าเพิ่มเติมหน่อย และเวลาจะใช้ตู้ก็จะต้องเลื่อนประตูกระจกปิดห้องซะก่อนด้วยนะครับ (มีรางเลื่อนมาอยู่ตรงหน้าตู้พอดี เพราะต้องการประหยัดพื้นที่ใช้สอย)

ช่องหน้าต่างของห้องมีขนาดใหญ่ และกว้างเกือบเท่าขนาดของห้องนอนเลยครับ ทำให้เวลาที่เราอยู่บนเตียงก็จะสามารถชมวิวภายนอกไปด้วยได้เพลินๆ รวมถึงยังสามารถเปิดเพื่อระบายอากาศได้ด้วย ส่วนผนังปลายเตียงก็สามารถแขวนทีวีเพิ่มเติมได้ถ้าต้องการ

ถัดมาจะเป็นห้องครัวที่อยู่แยกออกไปอีกด้านหนึ่งของห้อง ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นที่โล่งๆเชื่อมต่อกับ Living Area แบบนี้เลย แต่ถ้าใครที่เป็นสายชอบทำอาหารจริงจัง หรือพอจะมีงบสักหน่อย ผมแนะนำให้ติดประตูกระจกกั้นเพิ่มจะดีครับ เพื่อที่กลิ่นอาหารจะได้ไม่เข้ามารบกวนภายใน และไม่เปลืองแอร์ด้วย

ส่วนพื้นจะเปลี่ยนวัสดุเป็นกระเบื้องเซรามิคแบบนี้เลย ทำให้สามารถเช็ดทำความสะอาดพวกคราบสกปรกจากการทำอาหารได้ง่ายมากๆ ซึ่งมีพื้นที่ยืนกว้าง 70 cm. ให้ใช้งานได้พอดีๆ และมีที่วางตู้เย็นกว้าง 1.1 m. ใช้งานได้สบายๆ

ครัวจะ Built-in มาให้แบบนี้เลยครับ Top เคาน์เตอร์เป็นเมลามีน ที่ต้องคอยเช็ดทำความสะอาดให้แห้งอยู่เสมอ เพราะเค้าจะไม่ค่อยทนความชื้นได้ดีนัก และถ้าใครชอบทำอาหารจริงจังผมแนะนำให้ติด Backsplash ที่ผนังเพิ่มเติมด้วย เพื่อที่จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายๆครับ

ทีเด็ดคือเราสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้โดยตรงแบบนี้เลย ซึ่งนอกจากกลิ่นจากการประกอบอาหารในครัวแล้ว ยังอาจรวมถึงความชื้นที่อยู่ในห้องน้ำด้วย ทำให้ห้องพักแบบนี้จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเชื้อราในห้องน้ำมากนัก

ขนาดระเบียงกว้าง 1.3 x 1.1 m. สามารถวางเครื่องซักผ้าได้พอดีๆ และเหลือพื้นที่อีกนิดหน่อยให้เราตากผ้าเล็กๆน้อยๆได้ ซึ่งด้านบนก็จะติดตั้ง Condensing Unit ที่เป่าลมร้อนมาด้านข้างแบบนี้ จะช่วยทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นมากๆเลย หรือถ้าใครที่ปลูกต้นไม้และออกมาใช้งานบ่อยๆ ก็อาจติดกริลดันลมร้อนออกไปด้านนอกเพิ่มเติมได้นะครับ

อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องน้ำให้ใช้งานได้สะดวกแบบนี้ครับ

ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์ของ American Standard ครบเหมือนห้องตัวอย่างเลย โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.3 x 1.4 m. ใช้งานได้สบายๆ แถมยังมีการเจาะช่องที่ผนังให้เราได้เก็บของเพิ่มเติมด้วย

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 80 x 90 cm. ให้ใช้งานได้พอดีๆ แต่เราอาจต้องติดฉากกั้นอาบน้ำหรือม่านพลาสติกเพิ่มเติมเอง เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็นไปเลอะด้านนอกนะ โดยที่ของจริงจะมี Junction Box สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้เอง และด้านบนจะมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งมาให้แบบนี้เลยครับ

  • 1 Bedroom WIC ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 – 27.5 ตร.ม.

จุดเด่นของห้องนี้คือ ‘Walk-in Closet’ ที่เพิ่มเข้ามาในห้องนอน ทำให้เหมาะกับคนที่ชอบแต่งตัวจริงจัง หรือมีเสื้อผ้าและของใช้เยอะๆ ที่ต้องการพื้นที่เก็บของมากเป็นพิเศษ รวมถึงยังได้ห้องน้ำที่อยู่ติดกับผนังภายนอกเหมือนบ้านแนวราบเลยครับ (เป็นฟังก์ชันที่หาได้ยากมากๆในคอนโดปัจจุบัน) จึงทำให้สามารถถ่ายเทอากาศได้ดีมากๆเลยทีเดียว

โดยสิ่งที่แลกมาคือ ห้องครัวที่อาจไม่ได้เน้นการทำอาหารที่จริงจังเท่าแบบห้องอื่นๆ แต่ก็ยังได้ครัวปิดที่แยกมาจาก Living Area เป็นสัดส่วนดีทีเดียวครับ เพียงแต่การระบายอากาศจะต้องพึ่งพัดลมดูดอากาศเป็นหลักนั่นเอง ภาพรวมถือว่าจัดฟังก์ชันออกมาได้ดีและดูกว้างขวางมากขึ้นเยอะเลย ทั้งๆที่ห้องนี้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นจากห้องไซส์เล็กสุดแค่เพียง 3 ตร.ม. เท่านั้นครับ

เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Living Area เป็นส่วนแรก ซึ่งจะมีความสว่างโปร่งโล่ง และดูกว้างขวางมากขึ้น เพราะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ที่กว้างเกือบเต็มผนังแบบห้องปกติทั่วไปนั่นเอง

โดยระยะดูทีวีจะกว้าง 2.5 m. สามารถใช้ทีวี 40 – 50 นิ้วได้สบายๆ และยังมีพื้นที่ให้วางโต๊ะทานอาหารแบบจริงจังด้วย ซึ่งห้องนี้เราจะได้เก้าอี้เพิ่มมาเป็น 2 ตัวนะครับ

และบริเวณด้านหน้าห้องก็จะมีตู้เก็บรองเท้าให้ใช้งานได้สะดวกเหมือนเคยครับ

ภายในสามารถเก็บรองเท้าให้เป็นระเบียบได้หลายคู่ หรือถ้าคู่ไหนใช้งานบ่อยๆ เราก็สามารถถอดใส่ใต้ตู้ไว้ก่อนก็ได้ ส่วนด้านบนตู้ก็สามารถวางของใช้ที่จำเป็น ให้หยิบใช้ก่อนออกจากบ้านได้สะดวกครับ โดยอาจเพิ่มที่แขวนกุญแจหรือชั้นวางของอีกก็ได้

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นครัว ซึ่งของจริงจะกั้นด้วยประตูไม้บานเปิด ที่มีการดีไซน์ช่องแสงบางส่วนด้านบนเพื่อไม่ให้มืดทึบจนเกินไป (ของจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอชมอีกที) แต่ก็ทำให้ช่วยป้องกันกลิ่น/ควันจากการประกอบอาหาร ไม่ให้เข้ามารบกวนได้ดีเลยทีเดียว

ภายในครัวมีขนาดพื้นที่ยืนกว้าง 90 cm. และพื้นที่วางตู้เย็นกว้าง 1 x 0.9 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆ รวมถึงยังมีการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้เหมือนห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้ด้วยครับ

ซึ่งครัวนี้จะต้องพึ่งการระบายอากาศจากพัดลมที่อยู่บนเพดานเป็นหลักแทน ทำให้พอจะประกอบอาหารจริงจังได้อยู่บ้าง แต่ก็อาจไม่ดีเท่าครัวที่อยู่ติดระเบียงแบบห้องอื่นๆนะครับ

ถัดมาจะเป็นห้องนอนที่กั้นฟังก์ชันด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้แสงสว่างสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ถึงหน้าห้อง และพื้นที่ยังดูเชื่อมต่อกันกว้างขวางโปร่งโล่งดีอีกด้วย โดยถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวเวลามีแขก ก็สามารถติดม่านเพิ่มเติมได้นะครับ

บริเวณด้านซ้ายของเตียงจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อไปยังระเบียงภายนอก ซึ่งมีขนาดกว้าง 1 x 1.65 m. สามารถวางเครื่องซักผ้าและยังมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานได้อีกนิดหน่อย

ส่วนบริเวณปลายเตียงถือเป็น Highlight หลักของห้องนี้เลยครับ ซึ่งจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ โดยของจริงก็จะเปิดโล่งเชื่อมต่อกับเตียงนอนแบบนี้แหละครับ

แต่ถ้าใครอยากให้มีความเป็นสัดส่วน หรือเป็นส่วนตัวตอนใช้งานแต่งตัวมากขึ้น ก็อาจติดม่านหรือกั้นผนังกระจกเพิ่มเติมได้นะ รวมถึงยังสามารถติดทีวีแขวนผนังด้านขวามือเพิ่มได้อีกด้วย

ภายใน Walk-in Closet จะมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบไม่มีหน้าบานปิดมาให้แบบนี้เลยครับ โดยขนาดพื้นที่ใช้สอยจะกว้างประมาณ 2.5 x 0.8 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นพื้นที่แต่งตัวแล้ว ยังอาจปรับเป็นพื้นที่เก็บของหรืออื่นๆได้อีกตามต้องการ

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องน้ำครับ จึงทำให้สามารถออกมาใช้งานแต่งตัวได้สะดวกเลย รวมถึงยังมีพื้นที่ด้านหน้าเหลือให้เราทำโต๊ะแต่งหน้าเพิ่มเติมได้อีกด้วยนะ

ภายในห้องน้ำจะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้สุขภัณฑ์จาก American Standard ครบเป็นมาตรฐาน โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.2 x 1.7 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำกว้าง 1 x 0.75 m. ให้ใช้งานได้พอดีๆ

แต่จุดเด่นของห้องน้ำนี้จริงๆก็คือ ด้านบนจะมีช่องหน้าต่างบานกระทุ้งที่ช่วยทำให้แสงส่องสว่างเข้ามา และสามารถเปิดระบายอากาศให้ถ่ายเทได้ดีมากๆ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เราไม่ค่อยได้เห็นในคอนโดสมัยใหม่แบบนี้สักเท่าไหร่นัก ทำให้หมดปัญหาเรื่องกลิ่น/ความชื้น และเชื้อราไปเลย

  • 1 Bedroom KITCHEN ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26 – 26.5 ตร.ม.

สำหรับห้องนี้จะมีฟังก์ชันที่คล้ายกับห้อง 23 ตร.ม. ที่เรารีวิวไปเป็นห้องแรกเลยครับ เพียงแต่จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางมากกว่า และยังสว่างโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย เพราะตู้เสื้อผ้าจะถูกปรับให้ย้ายไปอยู่ข้างเตียงด้านในแทน ทำให้เราได้ช่องแสงกลางห้องแบบเต็มๆ

แต่จุดเด่นของห้องนี้จริงๆก็คือ เราจะได้ครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียง โดยมีประตูที่กั้นแยกระหว่าง Living Area และครัวมาให้เป็นสัดส่วนเลย จึงทำให้สามารถทำครัวได้จริงจัง และเปิดระเบียงระบายอากาศได้เต็มที่ เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารทานเองเป็นประจำมากๆครับ

  • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34 – 34.5 ตร.ม.

เป็นห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการ ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้างที่อยู่ตรงมุมอาคาร จึงมีช่องเปิดถึง 2 ด้าน ช่วยเรื่องแสงสว่าง ความโปร่งโล่ง และยังสามารถระบายอากาศได้ดีอีกด้วย เพราะเวลาที่เราเปิดหน้าต่างพร้อมกัน 2 ด้าน ก็จะมีลมพัดผ่านได้ดี และให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านเลยครับ

จุดเด่นอีกอย่างคือ ‘ห้องอเนกประสงค์’ ที่เราสามารถปรับฟังก์ชันเป็นอะไรก็ได้ตามต้องการ เช่น ห้องทำงาน หรือห้องเก็บสต๊อกสินค้า เป็นต้น ทำให้เป็นแบบห้องที่ตอบสนอง Lifestyle ของคนได้หลากหลายดีมากๆ แต่ถ้าจะทำเป็นห้องนอนเล็กเพิ่มอีกห้อง อาจต้องคำนึงเรื่องที่วางตู้เสื้อผ้าเพิ่มสักหน่อย รวมถึงยังได้ครัวปิดที่มีหน้าต่างเป็นของตัวเอง และยังได้ห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัวสูงอีกด้วย

Image 1/8

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Cozi Ram 189 Station ราคา ณ วันที่ 23 มกราคม 2567

  • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 23 – 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท* (สอบถามโครงการอีกครั้ง)

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปเมลามีน
  • บริการ Shuttle Service รับ-ส่งรถไฟฟ้า MRT สถานี เคหะรามคำแหง + นิคมอุตสาหกรรมบางชัน
  • จอง 999 บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 36 บาท/ตร.ม./เดือน
  • ผ่อนดาวน์เรทพิเศษ 1,900 บาท (เฉพาะวัน V-VIP 2-3 มี.ค. นี้ เท่านั้น)
  • ฟรี!! เฟอร์นิเจอร์ครบ ทั้งห้อง
  • ฟรี!! แอร์ ทุกห้อง

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามคำแหงใกล้ย่านมีนบุรี ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์เป็นของตัวเองครบครัน ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ห่างออกไปเพียงแค่ 1 km. กว่าๆอย่าง Lotus / BigC และยังมีตลาดมีนบุรีที่ใหญ่ที่สุดของย่านด้วยครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ ‘นิคมอุตสาหกรรมบางชัน’ ที่อยู่ไม่ไกลกันเลย จึงทำให้เป็นอีกหนึ่ง Target ที่ทางโครงการก็ให้ความสำคัญ โดยปัจจุบันคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ที่มีการเช่าห้องพักอาศัย ก็จะจ่ายกันอยู่ 3,000 – 5,000 บาท/เดือน ซึ่งหากเพิ่มเงินอีกสักหน่อยก็จะสามารถมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองได้ และตอนนี้ก็มีโปรโมชั่นที่ผ่อนสบายกระเป๋าเพียง 1,900 บาท/เดือนเท่านั้น

ส่วนเพื่อนๆคอนโดในย่านนี้ปัจจุบันยังมีไม่มากนัก หากเทียบแค่ราคา Total เริ่มต้น 1.39 ล้านบาท ที่ได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ครบชุดทั้งห้อง ถือว่าคอนโดนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่ดูจะคุ้มราคาดีที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งนี้เราอาจต้องพิจารณาจากปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เพราะแต่ละคนก็มี Lifestyle รวมถึงความต้องการที่แตกต่างกันออกไปครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : ติดถนนใหญ่และมีวงแหวนกาญจนาภิเษกให้ใช้เดินทางไกลๆได้สะดวก โดยจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 8 km. ซึ่งทางโครงการจะมีที่จอดรถรองรับ 37% แบบไม่รวมซ้อนคัน แต่ถ้าเป็นคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะเน้นใช้รถมอเตอร์ไซค์เป็นหลักครับ ซึ่งผมก็สังเกตเห็นว่าใต้อาคารทั้ง 4 จะมีที่จอดมอเตอร์ไซค์รองรับทุกอาคารเลย (จำนวนเท่าไหร่หรือจะพอมั้ยยังไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับคนที่จะมาอยู่ในอนาคต)

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มให้เราได้ใช้งานครับ ซึ่งคาดว่าน่าจะเปิดหลังจากที่โครงการสร้างเสร็จแล้วพอดี จึงอาจต้องอดใจรอกันสักหน่อยนะ โดยจะอยู่ห่างจาก MRT สถานี เคหะรามคำแหง ประมาณ 500 m.

แต่จริงๆเราไม่ต้องเดินให้เหนื่อยเอง เพราะเค้าจะมีรถ Shuttle Service บริการรับ-ส่งให้ที่รถไฟฟ้า และนิคมอุตสาหกรรมบางชันด้วย ถือว่าดีเลยสำหรับคนที่อาจไม่ได้มีรถเป็นของตัวเอง รวมถึงด้านหน้าโครงการก็ยังเรียกรถสาธารณะอื่นๆได้สะดวกด้วย เพราะทำเลติดถนนใหญ่และมีป้ายรถเมล์อยู่ห่างไปไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น

การออกแบบโครงการ : มีการแบ่งออกเป็น 4 อาคาร ซึ่งช่วยกระจายความหนาแน่นในการอยู่ร่วมกันได้ดี โดยที่แต่ละอาคารก็จะมีข้อดีที่น่าสนใจแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่สะดวกในการเข้าถึงได้ง่าย อาคารที่ใกล้พื้นที่ส่วนกลาง อาคารที่สามารถมองเห็นวิวสระได้ หรือแม้แต่อาคารที่มีความเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่าน และที่ผมชอบอีกอย่างคือ การจัดวางสวน Front Garden ไว้ทางด้านหน้าสุด ซึ่งช่วยเป็น Buffer กันมลพิษต่างๆภายนอก ไม่ให้เข้ามารบกวนการอยู่อาศัยได้ดีทีเดียว

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ผังชั้นพักอาศัยด้านบน ซึ่งจะมีทั้งตำแหน่งที่ได้ Single Corridor ทำให้มีความเป็นส่วนตัว และยังมีตำแหน่งที่ได้วิวดีๆให้เลือกหลายแบบ แต่ที่ผมชอบมากที่สุดคือ ตำแหน่งการวางห้อง 1 Bedroom Plus ที่ในแต่ละอาคารจะดีไซน์ให้เลี่ยงการมองเห็นของช่องแสงของห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันได้ดี เพื่อทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากขึ้น และสามารถเปิดประตู-หน้าต่างได้เต็มที่นั่นเองครับ

การออกแบบห้องพักอาศัย : เป็นแบบห้องดีไซน์ใหม่จากเสนา ที่มีให้เลือกหลักๆ 3 แบบด้วยกัน ซึ่งตอบโจทย์คนที่มีความต้องการหรือ Lifestyle แตกต่างกันได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะห้อง 26 ตร.ม. ที่เน้น Walk-in Closet ขนาดใหญ่ สำหรับคนที่ชอบแต่งตัวจริงจัง หรือมีเสื้อผ้าและของใช้ที่ต้องเก็บเยอะเป็นพิเศษก็จะเหมาะกับห้องนี้ รวมถึงจุดที่ผมชอบมากๆคือ ห้องน้ำที่มีหน้าต่างอยู่ติดกับผนังภายนอกอาคาร ทำให้สามารถระบายอากาศได้เต็มที่เหมือนบ้านแนวราบ เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่พบเห็นได้ยากในปัจจุบันนี้มากๆครับ

ส่วนห้องมาตรฐานอื่นๆ จะได้ครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียง ทำให้เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารทานเอง รวมถึงยังมีห้องหน้ากว้างอย่าง 1 Bedroom Plus ที่เป็นห้องมุมและมีช่องเปิดถึง 2 ด้าน ทำให้มีการถ่ายเทอากาศได้ดี และได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านเลย ซึ่งห้องอเนกประสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาก็สามารถปรับเป็นอะไรก็ได้ตามต้องการ เช่น ห้องทำงาน และห้องเก็บสต๊อกสินค้า เป็นต้น

วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ของทางเสนาจะเป็นดีไซน์ Made From Her ที่คิดมาละเอียดสำหรับสาวๆโดยเฉพาะ ทำให้มีพื้นที่เก็บของจุกจิกเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นชั้นวางของ ชั้นวางรองเท้า ที่เก็บของใต้โซฟา และที่เก็บของใต้เตียง เป็นต้น

ที่ผมชอบคือ เค้าปูพื้นห้องทั้งหมดมาให้เป็นกระเบื้อง SPC ที่สามารถกันน้ำและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนต ทำให้วัสดุมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ส่วนเคาน์เตอร์ครัวยังคงเป็น Top เมลามีน ที่หากเป็นห้องเน้นทำอาหารเองก็อาจต้องระมัดระวังในเรื่องการบวมน้ำง่ายสักนิดนึง แต่โดยภาพรวมแล้วถือว่าให้ของทั้งห้องมาดีเลย เมื่อเทียบกับราคาและ Segment ในย่านเดียวกันนะครับ

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ โดยเฉพาะสระว่ายน้ำที่มีขนาดใหญ่ และสามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจังเลยครับ ที่ชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือ เค้าจะกระจายตำแหน่งของ Facilities ออกเป็น 3 จุด เพื่อทำให้ลูกบ้านแต่ละโซนสามารถมาใช้งานได้สะดวก แถมยังช่วยกระจายความหนาแน่นได้ดีอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเน้นเป็นพื้นที่สวนให้เดินเล่นพักผ่อนกันได้ แต่บรรยากาศของจริงทำออกมาแล้วจะน่าใช้งานขนาดไหน อาจยังต้องรอดูกันอีกทีนะครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 60,000 – 70,000 บาท/ตร.ม., 23 มกราคม 2567

  • ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ซูเปอร์มาร์เก็ตและตลาด ไม่ไกลจากนิคมฯบางชัน
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ที่จอดรถ 37% ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก
  • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – เรียกรถสาธารณะง่าย มีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งรถไฟฟ้าสายสีส้ม MRT เคหะรามคำแหง
  • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished แบบ Made From Her ที่เก็บของเยอะ
  • แบบ 8.5/10 – ห้องเป็นสัดส่วน ครัวติดระเบียง พื้นที่เก็บของเยอะ
  • สาธารณูปโภค 8/10 – มีฟังก์ชันครบ สระว่ายน้ำใหญ่ออกกำลังกายได้จริง มีสวน 2 จุดให้ใช้งาน

  • ECONOMY CLASS
  • 8.09 / 10.00

Cozi Ram 189 Station เหมาะกับใคร

โครงการ Cozi Ram 189 Station (โคซี่ รามฯ 189 สเตชั่น) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านมีนบุรี ที่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม MRT เคหะรามคำแหง (ในอนาคต) รวมถึงยังมีความอุดมสมบูรณ์ และอยู่ไม่ไกลจากนิคมฯบางชัน เน้นห้องพักขนาด 1 – 2 คน ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบพร้อมเข้าอยู่ได้เลย อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บของได้เยอะ และฟังก์ชันส่วนกลางก็ครบครัน โดยมีงบประมาณระดับ 1.39 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 10,000 บาท/เดือน


Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่