Cooper Siam คอนโด High Rise ที่ออกแบบมาเพื่อคนยุคใหม่ที่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ โดยมีจุดเด่นเป็นห้องสไตล์ Combo Loft ที่สามารถจดทะเบียนเป็นบริษัทได้และมีห้องแบบปกติที่เห็นวิวเมืองได้แบบเต็มๆ ในราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท โดย Highlights ของโครงการมีดังนี้ค่ะ

  • ทำเล – ตั้งอยู่ในซอยรองเมือง 5 ทำเลใจกลางเมือง สยาม-จุฬา-สามย่าน สามารถเดินไป Stadium One ได้ รายล้อมด้วยร้านอาหาร Street Food ชื่อดัง ใกล้แหล่ง Shopping และสถานศึกษาอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รร.เตรียมอุดมศึกษา และรร.สาธิตฯจุฬาฯ
  • รูปแบบโครงการ – เป็นคอนโด High Rise รูปแบบ Freehold ที่มีการแบ่งชั้น 2-11 เป็นห้องฝ้าเพดานสูงที่ผู้ซื้อสามารถจดทะเบียนบริษัทเพื่อทำธุรกิจเหมือนกับบ้านแนวราบ หรือ Home Officeได้
  • ห้องฝ้าเพดานสูง – มีห้อง Combo Loft ฝ้าเพดานสูง 4.6 เมตร ทำให้ได้ Space ที่สูงโปร่งและกว้างขวาง จัดฟังก์ชันลงตัว
  • ที่จอดรถ – มีที่จอดรถมาให้ 78% ไม่รวมซ้อนคัน แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking และที่จอดปกติ (update 3/7/2023) สามารถรองรับทั้ง 188 ยูนิต รวมถึงห้องที่มีการทำธุรกิจได้

ข้อมูลโครงการ

Cooper Siam (คูเปอร์สยาม) ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2565

 ชื่อโครงการ  Cooper Siam (คูเปอร์สยาม)
 ชื่อผู้ประกอบการ Koon Estate
 SEGMENT CLASS UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน
 ที่ดิน  1-2-21.5 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 24 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต  188 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   15 ยูนิต
 ที่จอดรถ  78% ไม่รวมซ้อนคัน แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking และที่จอดปกติ (update 3/7/2023)
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2561
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2565
 ประเภทห้องพัก

  • Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 39.91-51.90 ตร.ม.
  • Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.7-71.17ตร.ม.
  • Studio พื้นที่ใช้สอย 29.89 ตร.ม.
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34.9-36.64 ตร.ม.
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 50.22-67.02 ตร.ม.
  • Penthouse พื้นที่ใช้สอย 187.83-211.57 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง 4.6 เมตร ในแบบห้องฝ้าเพดานสูงและ 2.7 เมตร ในแบบห้องปกติ
 ราคาเริ่มต้น  4.99 ล้านบาท (Promotion)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  147,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  n/a
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center 0863272645 / LINE : @CooperSiam

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.746059, 100.522454
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

Cooper Siam ตั้งอยู่ในซอยรองเมือง 5 โดยห่างจากถนนพระราม 1 ประมาณ 180 เมตร และสามารถใช้เส้นทางเดินลัดไปถนนบรรทัดทองได้ง่าย ทำเลนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองใกล้แหล่ง Shopping อย่างสยามและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพื้นที่บริเวณโดยรอบจุฬาฯ ส่วนใหญ่เป็นของสำนักงานจัดการทรัพย์สินจุฬาฯ ทั้งหมด เราจึงไม่ค่อยเห็นที่ดิน Free Hold ในโซนนี้เท่าไรนัก และทำเลนี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีอาคารดั้งเดิมอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้ผู้พัฒนาโครงการหาผืนที่ดินขนาดใหญ่เพื่อทำคอนโดมิเนียมได้ยาก คอนโดในย่านนี้ส่วนใหญ่จึงขยับไปอยู่แถวๆ ซอยเกษมสันต์ ราชเทวี หรือในช่วงแยกสามย่าน – สี่พระยา

การเดินทางโดยใช้รถ ถือว่าเดินทางได้สะดวกเลยค่ะ ถ้าไม่นับเรื่องการจราจรในย่านนี้ที่ติดขัดเป็นประจำ สามารถเดินทางไปสยามได้ง่ายโดยใช้เส้นทางถนนบรรทัดทอง ออกถนนพระราม 1 ตรงไปสยาม หรือจะลัดเลาะเข้าซอยจุฬา 12 ออกถนนพญาไท ตรงเพื่อไปสยามก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าจะไปสีลม-สาทร ก็สามารถใช้ถนนบรรทัดทอง มาออกเส้นพระราม 4 ได้เลย นอกจากนั้นโครงการก็ยังไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลง ทางด่วนอีกด้วยค่ะ

ทางด่วน ที่ใกล้ที่สุดคือทางพิเศษศรีรัช จุดขึ้นทางด่วนใกล้ๆโครงการอยู่หลายจุดเลยค่ะ ที่ใกล้ๆ โครงการคือด่านสะพานสว่าง (1.4 กม.) วิ่งออกถนนบรรทัดทอง ผ่านแยกสะพานเหลืองตรงขึ้นทางด่วนได้เลย ไปบางโคล่ บางนา-ดาวคะนองได้สะดวก หรือถ้าจะไปฝั่งแจ้งวัฒนะ-ดินแดง จุดขึ้นทางด่วนใกล้ที่สุดคือด่านยมราช (1.7 กม.) ใช้เส้นพระราม 6 ไปออกถนนเพชรบุรีแล้วเลี้ยวขึ้นทางด่วนได้เลย

การเดินทางโดยรถสาธารณะ เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเดินทางด้วยรถสาธารณะได้สะดวกสบายเลยค่ะ ถึงแม้โครงการจะไม่ได้ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่แต่ภายในซอยเองก็มีรถแท็กซี่วิ่งอยู่ตลอดเวลา วินมอเตอร์ไซค์ไม่ไกลจากหน้าโครงการ หากต้องการเดินทางในเวลาเร่งด่วนสามารถเรียกใช้บริการได้ไม่ยาก ไป BTS สนามกีฬาฯ 20 บาท ไปสยามพารากอน 40 บาทค่ะ นอกจากนั้นทางโครงการยังมี Shutter van คอยให้บริการ รับ-ส่ง ตามจุดที่สำคัญๆ เช่น BTS สนามกีฬาฯ , Samyan Mitrtown เป็นต้น ส่วนเส้นทางการเดินรถอยู่ระหว่างการจัดสรรของนิตินะคะ (สอบถามจากทางโครงการอีกครั้ง)

การเดินทางโดยรถไฟฟ้า โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ BTS สถานี สนามกีฬาแห่งชาติ ประมาณ 750 เมตร เป็นระยะที่เดินเหนื่อยอยู่เหมือนกันค่ะ นั่ง Shutter van จากโครงการมาจะสะดวกกว่านะคะ นอกจากนั้นก็ไม่ไกลจาก MRT หัวลำโพง 1.4 กม. และ MRT สามย่าน 2.2 กม. ค่ะ

ภาพรวมความอุดมสมบูรณ์ เป็นทำเลใจกลางเมืองมีความอุดมสมบูรณ์สูง รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลากหลาย แหล่งอาหารการกิน Street Food อย่างถนนบรรทัดทอง ซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ใกล้กับสถานศึกษาชื่อดังอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สาธิตจุฬาฯ, สาธิตปทุมวันฯ และเตรียมอุดมศึกษา ทำให้เราจะเห็นนักศึกษาใช้ชีวิตกันอยู่บริเวณทำเลนี้กันอย่างคึกคักเป็นประจำ และยังใกล้กับโรงพยาบาลจุฬาฯ และใกล้สวนสาธารณะอย่าง อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ อีกด้วยค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการเราขอแบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้ค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ เดินไปได้สบายๆ – ส่วนมากจะอิงอยู่บนถนนบรรทัดทอง มีทั้ง Street food เจ้าดังต่างๆ เรียงรายเต็มตลอดทั้ง 2 ฝั่ง คึกคักทั้งในเวลากลางวัน และกลางคืน นอกจากนั้นยังใกล้กับ Stadium One เป็นแหล่ง Hangout ที่มีทั้งร้านอาหาร, Co-working space, แหล่งShoppingเสื้อผ้าอุปกรณ์กีฬาและเป็นศูนย์รวมฟิตเนสหลากหลายแบรนด์ดังเอาไว้ที่นี่ซึ่ง จากโครงการมีเส้นทางเดินลัดเลาะไปได้ใกล้เพียง 125 ม. เท่านั้นค่ะ ส่วนใครที่ต้องการจับจ่ายซื้อของจริงจังขึ้นมาหน่อย ก็จะมี Lotus พระราม 1 อยู่ใกล้ๆ เดินไปได้ชิลๆ 300 ม. เท่านั้นค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์ในระยะประมาณ 2 กม. – สำหรับใครชอบเดินห้างใหญ่ๆ ก็จะมี “สยาม” ที่ถือเป็นศูนย์รวมความเจริญมากที่สุด มีทั้ง Siam Discovery, Siam Center, Siam Paragon, Siam Square One, MBK เป็นต้น ถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ก็ห่างจากสถานี สนามกีฬาฯ เพียง 1 สถานี ส่วนในจุฬาฯ เองก็จะมี I’m Park Chula เป็น Community mall รวมร้านอาหารร้านค้าเอาไว้ ไม่ไกลจากโครงการ อยู่ติดกับอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ เลย นอกจากนั้นบนถนนพระราม 4 ก็จะมีสามย่านมิตรทาวน์ และจามจุรี สแควร์ ให้เดิน Shopping กันได้อีกด้วยค่ะ

เส้นทางการเดินทาง

วันนี้เราพาเดินจากโครงการ Cooper Siam เดินลัดเลาะไปยัง Stadium One ซึ่งเป็นแหล่ง Hangout ที่ใกล้กับโครงการมากๆ 125 ม. เท่านั้น ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบรรทัดทองแหล่งรวม Street Food ชื่อดังอีกด้วย จะเป็นอย่างไรไปดูกันค่ะ

Image 1/6
ตรงข้ามจากโครงการ จะมีถนนระหว่างตึกอยู่นะคะ จะเป็นซอยตัน มีคลองเล็กๆ ขวางอยู่ รถผ่านไปไม่ได้ แต่มีสะพานสำหรับเดินข้ามไปได้นะคะ

ตรงข้ามจากโครงการ จะมีถนนระหว่างตึกอยู่นะคะ จะเป็นซอยตัน มีคลองเล็กๆ ขวางอยู่ รถผ่านไปไม่ได้ แต่มีสะพานสำหรับเดินข้ามไปได้นะคะ

Stadium One

Image 1/6
บรรยากาศ Stadium One

บรรยากาศ Stadium One

Stadium One เป็นแหล่งHangout ที่มีทั้งร้านอาหาร, คาเฟ่, Co-working space, แหล่ง Shopping เสื้อผ้าอุปกรณ์กีฬา และเป็นศูนย์รวมฟิตเนสหลากหลายแบรนด์ดังเอาไว้ ใครที่อยากออกกำลังกายจริงจัง หรืออยากมีเทรนเนอร์ก็มาได้สะดวกเลยค่ะ

Image 1/2
บรรยากาศ NAPLAB

บรรยากาศ NAPLAB

NAPLAB เป็น Co-Working Space ที่อยู่ใน Stadium One ใครที่เบื่อๆ อยากออกมานั่งทำงานข้างนอกก็เดินมาได้ใกล้ๆเลยนะ โดย NAPLAB จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเป็นสถานที่ทำงานเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานอีกด้วย เช่น มุมนั่งเล่นพื้นที่ส่วนตัว, ห้องนอนโครงเหล็ก, ห้องประชุม, เคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มเป็นต้น

ถนนบรรทัดทอง

Image 1/3
บรรยากาศร้านอาหารต่างๆ บนถนนบรรทัดทอง

บรรยากาศร้านอาหารต่างๆ บนถนนบรรทัดทอง

อย่างที่บอกไปนะคะว่า ถนนบรรทัดทองนี้เป็นแหล่ง Street food  ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดังที่มีคิวยาวอยู่ตลอดๆ หลายร้านเลยค่ะ ทั้ง ร้านเจ๊โอว ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งระดับมิชลินไกด์, เอ๋ ซีฟู้ด บรรทัดทอง, ตุ้งแฉ่เตาถ่าน, น้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ จุฬา22, ถ้วยถังไอติม เป็นต้น

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการ Cooper Siam ตั้งอยู่ในซอยรองเมือง 5 ซึ่งเป็นซอยที่สามารถเชื่อมต่อถนน พระราม 1 ถนนพระราม 6 และถนนบรรทัดทองได้ ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร 7-Eleven อยู่ตลอดๆ แต่จะไม่หนาแน่นเท่าถนนบรรทัดทอง ทำให้บรรยากาศภายในซอยรองเมือง 5 จะมีความสงบที่มากกว่า

ส่วนสภาพแวดล้อมรอบโครงการ จะไม่ค่อยมีตึกสูงๆ มาบดบังวิวเท่าไรนัก ส่วนมากจะเป็นอาคารแนวราบ อาคารพาณิชย์ อาคารสำนักงาน สูง 4-6 ชั้น ทำให้ชั้นพักอาศัยชั้นล่างๆ อาจจะโดนบดบังวิวไปบ้าง ส่วนชั้นสูงๆ นั้นจะได้วิวดี ค่อนข้างโล่งเลยค่ะ

ทิศเหนือ – วิวในทิศนี้ค่อนข้างโล่ง ส่วนใหญ่เป็นชุมชนพักอาศัยแนวราบบริเวณถนนพระราม 1 เห็นทางพิเศษศรีรัช วิ่งตรงยาวออกไป

ทิศตะวันออก – ได้วิวเมือง เห็น Stadium One และสนามศุภชลาศัย ไกลออกไปเห็นวิวตึกสูงโซนสยาม ชิดลม ไม่มีอาคารสูงใกล้ๆ มาบดบังเลย

ทิศใต้ – วิวในทิศนี้ค่อนข้างโล่ง ส่วนใหญ่เป็นชุมชนพักอาศัยแนวราบ

ทิศตะวันตก – จะได้วิวเมือง เห็นทางพิเศษศรีรัช ใกล้ๆ โครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารแนวราบ แต่จะเห็นตึกสูงอยู่บ้าง ที่ตรงกับโครงการเลยจะเห็นคอนโด และโรงแรม สูง 16 ชั้น และเยื้องไปทางทิศใต้จะมีอาคารสูง 10 ชั้น ซึ่งอยู่ห่างออกไป ในระยะที่ไม่อึดอัดเลยค่ะ

หากใครสนใจอ่านรีวิวทำเลเพิ่มเติมคลิกที่นี่ > พาชมทำเล Cooper Siam

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Stadium One ~ 125 m. (ระยะเดิน)
  • Lotus พระราม 1 ~ 300 m. (ระยะเดิน)
  • I’m Park Chula ~ 1.0 km.
  • Siam Discovery ~ 1.4 km.
  • Siam Center ~ 1.6 km.
  • MBK ~ 1.7 km.
  • Siam Paragon ~ 1.8 km.
  • Siam Square One ~ 1.9 km.
  • Central World ~ 2.2 km.
  • ตลาดสามย่าน ~ 1.5 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.จุฬาลงกรณ์ ~ 3.1 km.
  • รพ.กรุงเทพคริสเตียน ~ 3.1 km.

โรงเรียน

  • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ~ 1.7 km.
  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ~ 1.8 km.
  • โรงเรียนสาธิตจุฬา ~ 1.8 km.

สถานที่อื่นๆ

  • อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ ~ 1.1 km.
  • หอศิลป์กรุงเทพฯ BACC ~ 1.3 km.
  • สนามศุภชลาศัย ~ 2.5 km.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ Cooper Siam เป็นคอนโด High Rise จาก Koon Estate ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม และบ้านแนวราบให้เป็นที่รู้จักมาก่อนอยู่หลายโครงการเลยค่ะ เช่น คอนโดแบรนด์ KLASS อย่าง KLASS Siam, KLASS Sarasin, KLASS Langsuan, KLASS Silom และทาวน์โฮมแบรนด์ QUARTER อย่าง QUARTER 31, QUARTER 39, QUARTER THONGLOR เป็นต้น

สำหรับโครงการ Cooper Siam มาในรูปแบบคอนโด High Rise สูง 24 ชั้น จำนวนยูนิต 188 ยูนิต บนเนื้อที่ 1-1-53.3 ไร่  การตกแต่งภายนอกอาคาร (Facade) ส่วนใหญ่เป็นกระจก และวัสดุสีเข้ม ทำให้อาคารดู Modern เรียบง่าย ส่วนการจัดวางฟังก์ชันต่างๆ ในแต่ละชั้นของโครงการมีดังนี้ค่ะ

  • ชั้นใต้ดิน B1-B2
    -ที่จอดรถ แบบปกติ และAutomated Parking Machines
  • ชั้น 1
    -Lobby
    -Mail Room
    -ที่จอดรถ Automated Parking Machines
  • ชั้น 2
    -Co-Working Space with Private Meeting room
    -Garden
    -ชั้นพักอาศัย Combo Loft
  • ชั้น 3-10
    -ชั้นพักอาศัย Combo Loft
  • ชั้น 11
    -Infinite edge Pool with Jacuzzi
    -Sky Fitness
    -Sunset Deck
    -Sunset Pavilion
    -Sky Game Room
    -ชั้นพักอาศัย Combo Loft
  • ชั้น 12
    -Yoga Deck
    -Sky Garden
    -ชั้นพักอาศัย Sky Residence
  • ชั้น 13-24
    -ชั้นพักอาศัย Sky Residence

ก่อนพาไปเดินชมโครงการเรามาเริ่มที่ Master plan ของทางโครงการกันก่อนนะคะ โดยโครงการ Cooper Siam เป็นโครงการที่มีทางเข้า-ออกอยู่จุดเดียวคือจากซอยรองเมือง 5 ทางเดินรถภายในโครงการเป็นแบบทางเดินรถทางเดียววนรอบอาคาร ใช้งานได้สะดวก เมื่อเข้ามาแล้วสามารถเลือกจอดรถได้ 2 โซน คือ ที่ชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถแบบ Automated Parking Machine ทั้งหมด และ โซนชั้นใต้ดิน B1-B2 จะเป็นที่จอดรถแบบปกติ และแบบ Automated Parking Machine โดยที่จอดรถรวมซ้อนคันทั้งหมดคิดเป็น 78% ไม่รวมซ้อนคัน แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking และที่จอดปกติ (update 3/7/2023)

เมื่อเข้ามา Drop off จะอยู่บริเวณทางลงไปยังชั้นจอดรถใต้ดิน ซึ่งบริเวณนี้เชื่อมต่อกับพื้นที่ Lobby บริเวณนี้มีห้องน้ำรองรับอยู่แยกชาย-หญิงชัดเจน และมีบันไดวนเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางชั้น 2 อยู่ด้วย ส่วนโถงลิฟต์จะมีประตูกั้นแยกเป็นสัดส่วน คนที่จะผ่านเข้าไปต้องใช้คีย์การ์ด เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วน Mail Room ก่อน ส่วนลิฟต์โดยสารจะแยกเป็น Low Zone และ High Zone ชัดเจน เมื่อเข้ามาจะเจอโถงลิฟต์สำหรับห้อง Combo Loft ก่อน ส่วนโถงสำหรับห้องพักอาศัยแบบปกติจะอยู่ด้านในเพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ สำหรับลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 4 ตัว และมีลิฟต์ Service อีก 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 47 : 1 ถือเป็นโครงการที่ได้ความหนาแน่นต่ำค่ะ

Image 1/2
แปลนชั้นใต้ดิน B1

แปลนชั้นใต้ดิน B1

ชั้นใต้ดิน B1 -B2 เป็นชั้นจอดรถทั้งหมด โดยชั้น B1 จะเป็นที่จอดรถแบบปกติทั้งหมด ส่วนชั้น B2 จะเป็นชั้นจอดรถแบบปกติ และแบบ Automated Parking Machine

มาเริ่มกันที่บริเวณด้านหน้าโครงการกันก่อนค่ะ ทางเข้า – ออกรถของโครงการมีจุดเดียว ควบคุมการเข้า-ออกด้วย ระบบ Access Card รั้วกั้นไม้กระดก พร้อมระบบ CCTV  โดยจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลให้ตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อเข้ามาจะเจอกับทางลงไปยังชั้นจอดรถใต้ดิน หรือถ้าจะจอดที่ชั้นนี้ด้วย Automated Parking Machine ให้ขับวนขวาไปยังด้านหลังค่ะ

Drop off บริเวณก่อนทางลงไปยังชั้นจอดรถใต้ดิน อยู่ติดกับส่วน Lobby เลยค่ะ

ที่จอดรถชั้นใต้ดิน จะเป็นชั้นจอดรถแบบปกติ และแบบ Automated Parking Machine ที่จะจอดได้เฉพาะรถขนาดเล็กเท่านั้น ถ้าเป็นรถขนาดใหญ่อย่างรถ SUV จะต้องจอดแบบปกติที่ชั้นใต้ดินเท่านั้นนะคะ

โถงลิฟต์จะแยกกันชัดเจนตั้งแต่ชั้นใต้ดินเลยนะคะ เพื่อความสะดวกสำหรับลูกบ้านสามารถขึ้นลิฟต์ตรงไปยังชั้นพักอาศัยของตัวเองได้เลย โดยการทำงานของลิฟต์จะล็อกชั้นที่พักอาศัยของแต่ละบุคคลไว้ชัดเจนค่ะ

มาดูที่จอดรถแบบ Automated Parking Machine ที่ชั้น 1 กันหน่อยนะคะ จะเป็นที่จอดอัตโนมัติ สามารถจอดได้เฉพาะรถขนาดเล็กความยาวรถไม่เกิน 5.2 ม. สูง 1.55 ม. กว้าง 2.0 ม.

Image 1/2
Automated Parking Machine

Automated Parking Machine

เมื่อจอดรถแล้วให้จำเบอร์ถาดจอดรถที่ใช้งานไว้ด้วยนะคะ เพื่อให้สะดวกในการกดเรียกใช้รถในครั้งหน้า

เมื่อจอดรถแล้วสามารถเดินเข้าอาคารโดยใช้ประตูด้านหน้าไปยังส่วน Lobby ค่ะ

Image 1/3
บรรยากาศบริเวณ Lobby

บรรยากาศบริเวณ Lobby

เมื่อเข้ามาภายในอาคาร จะเจอกับพื้นที่ Lobby การตกแต่งภายในเน้นการใช้โทนสี Monotone ขาว-ดำ วัสดุปิดผิวลายหินอ่อนบริเวณพื้น ตัดกับวัสดุผนัง และโลหะสีดำที่กรอบเฟรมและโคมไฟต่างๆ แล้วให้บรรยากาศบริเวณ Lobby นี้ดูดีเลยทีเดียวค่ะ

Lobby มีลักษณะเป็นโถงสูง มีบันไดวนเป็นเสมือน Sculpture ตกแต่งไปด้วยในตัว โดยบันไดวนนี้เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 2 นะคะ

โถงลิฟต์ ที่ชั้นนี้จะอยู่ด้านหลัง Lobby มีประตูกั้นแยกเป็นสัดส่วนเพื่อให้ผู้พักอาศัยได้รับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว คนที่จะผ่านเข้าไปต้องใช้คีย์การ์ดนะคะ ส่วนบริเวณใกล้ๆกันนี้มีห้องน้ำรองรับอยู่ด้วยค่ะ

Image 1/2
ห้องน้ำที่รองรับส่วน Lobby

ห้องน้ำที่รองรับส่วน Lobby

ห้องน้ำที่รองรับบริเวณส่วนต้อนรับนี้ เป็นห้องที่แยกชาย-หญิงชัดเจน ภายในมีสุขภัณฑ์ครบครันตามมาตรฐานค่ะ

เมื่อเข้ามายังโถงด้านในจะเจอกับ Mail room ด้านซ้ายมือก่อนถึงโถงลิฟต์ สำหรับห้องพักอาศัยทุกยูนิตจะใช้ Mail room ห้องเดียวกันทั้งหมดนะคะ

โถงลิฟต์ส่วนแรกที่เจอจะเป็นของโซน Combo Loft (Low Zone) ชั้น 2-11 มีลิฟต์โดยสารรองรับอยู่ 2 ตัวค่ะ

ถัดเข้ามาด้านในสุดจะเป็นของโซน Sky Residence (High Zone) ชั้น 12-24  มีลิฟต์โดยสารรองรับอยู่ 2 ตัวเช่นกันค่ะ

สำหรับชั้นพักอาศัยของที่นี่จะแบ่งเป็น Low Zone และ High Zone แยกลิฟต์ภายในอาคารชัดเจนเพื่อให้เหมาะต่อการใช้งานดังนี้

Combo Loft (Low Zone) ชั้น 2-11 – เป็นห้องฝ้าเพดานสูงทั้งหมด และเนื่องจากห้อง Combo Loft ที่นี่สามารถปรับเป็นออฟฟิศ และจดทะเบียนบริษัทได้ ทำให้ห้องโซนนี้อาจจะมีแขกเข้า-ออกเป็นประจำ ทางโครงการจึงได้จัดให้อยู่ในโซนเดียวกันที่ชั้น Low Zone และเนื่องจากอยู่ในชั้นล่างๆ จึงเข้า-ออกได้สะดวกกว่าด้วยไม่ต้องรอลิฟต์นาน

Sky Residence (High Zone) ชั้น 12-24 – ห้องพักอาศัยปกติที่ส่วนใหญ่มีแต่ลูกบ้านจะอยู่ในชั้น High Zone มีความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นและได้วิวที่เปิดโล่งด้วยค่ะ

 

ชั้น 2 เป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัย สำหรับพื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้จะเน้นไปที่พื้นที่นั่งทำงานแบบ Co-Working Space ที่มี Private Meeting room ในตัว นอกจากนั้นยังมีพื้นที่สวนเล็กๆ บริเวณทิศตะวันออกด้านหน้าโครงการอยู่ 1 จุดด้วยค่ะ ส่วนการเข้าถึงชั้นนี้จะสามารถเดินขึ้นมาโดยใช้บันไดวน หรือลิฟต์ของโซน Combo Loft นะคะ

ส่วนห้องพักอาศัยที่ชั้นนี้มีอยู่ 2 ยูนิต เป็นห้องแบบ Combo Loft Single และ Combo Loft Double สำหรับใครที่ตั้งใจจะจัดห้องเป็นออฟฟิศ ห้องชั้นนี้ก็เหมาะเลยค่ะเพราะสามารถใช้งานพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Co-Working Space ได้ต่อเนื่องกันดี นอกจากนั้นอีกความน่าสนใจหนึ่ง คือ ห้องพักอาศัยในเส้นประที่เป็นห้องมุมอยู่ติดกับพื้นที่สวน ทำให้ได้วิวสวนไปด้วยในตัว เพิ่มบรรยากาศภายในห้องให้ดูสดชื่นยิ่งขึ้นค่ะ

เราขึ้นมายังชั้น 2 ด้วยบบันไดวนกันนะคะ เมื่อขึ้นมาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆ รับรองอยู่ก่อนเข้าไปยังห้อง Co-Working Space

พื้นที่บริเวณนี้เชื่อมต่อกับ Co-Working Space ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน จากบริเวณนี้มองออกไปทางด้านหน้าเห็นพื้นที่สวนพอดีค่ะ

Co-Working Space มีที่นั่งทำงานอยู่หลายจุดเลยค่ะ สามารถมานั่งทำงานร่วมกัน หรือนั่งเล่นชิลๆ ก็ได้ค่ะ

Image 1/4
บรรยากาศ Co-Working Space

บรรยากาศ Co-Working Space

ภายในห้องมีลักษณะเป็นห้องฝ้าเพดานสูง กระจกสูงเต็มบานได้แสงธรรมชาติอย่างเพียงพอ มีที่นั่งทั้งแบบโซฟา และแบบโต๊ะทำงานร่วมกันประชุมจริงจังได้เลยค่ะ

Private Meeting room จะกั้นเป็นห้องประชุมแยกเป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกลอนบานหมุน ทำให้ภายในห้องมีความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น แต่ก็ยังดูโปร่งได้แสงธรรมชาติเช่นกันค่ะ

Image 1/2
บรรยากาศบริเวณ Private Meeting room

บรรยากาศบริเวณ Private Meeting room

ภายในห้องจัดพื้นที่ให้สามารถนั่งประชุม หรือนั่งทำงานร่วมกันได้ 11 ที่นั่งเลย โดยห้องนี้จะเป็นห้องกระจกสูงเต็มบานทุกด้าน ได้แสงธรรมชาติอย่างเพียงพอ ทำให้บรรยากาศดูโปร่งยิ่งขึ้น

จากส่วน Co-Working Space เราจะเดินไปยังพื้นที่สวน จะต้องเดินผ่านโถงทางเดินไปหน่อยนะคะ

Image 1/2
บรรยากาศบริเวณสวนที่ชั้น 2

บรรยากาศบริเวณสวนที่ชั้น 2

บริเวณสวนเป็นพื้นที่ Green roof เล็กๆด้านหน้าอาคาร สามารถออกมานั่งเล่น สูดอากาศข้างนอกได้เป็นการเพิ่มพื้นสีเขียวให้กับชั้นนี้ และยังเป็นการพรางสายตาจากภายนอก เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งานภายในอาคารด้วยค่ะ

 

ชั้น 3 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมดมีจำนวนยูนิตน้อย เพียง 8 ยูนิต เพราะพื้นที่อาคารส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ของ Automated Parking Machines ซึ่งก็ทำให้มีข้อดีตรงที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ชั้น 4-10 เป็นชั้นพักอาศัยTypical Floor Plan มีจำนวนยูนิตต่อชั้นทั้งหมด 15 ยูนิต การจัดผังโถงทางเดินรูปแบบ Single Corridor ลักษณะโถงทางเดินภายในล้อม Core อาคารแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีช่องแสงเข้ามากนัก แต่ทางโครงการเล็งเห็นความสำคัญในส่วนนี้จึงมีการออกแบบโถงทางเดินให้มีช่องเปิดแสงเข้าถึงได้ และอากาศบริเวณโถงสามารถถ่ายเทได้ด้วยเช่นกัน ส่วนการวางตำแหน่งลิฟต์ตรงกลางมีข้อดีตรงที่ ระยะเดินที่ใกล้กับทุกๆ ห้องในชั้น และยังทำให้สามารถจัดวางห้องให้หันออกได้วิวทุกทิศทางของตัวอาคาร

ส่วนห้องพักอาศัยส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom (สีเทา) จะมี Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus (สีฟ้า) อยู่ที่มุมอาคารอยู่ 2 ยูนิต โดยห้องที่มีความน่าสนใจคือห้องที่อยู่ในเส้นประ เป็นห้องมุมที่มีผนังเพียงฝั่งเดียวที่ติดกับเพื่อนบ้าน จึงได้ความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากนั้นยังประตูห้อง ยังอยู่ในตำแหน่งโถงทางเดินรองที่แยกออกจากโถงหลัก ทำให้ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านหน้าห้องเท่าไร ได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น

ชั้น 11 เป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยอยู่ 4 ยูนิตค่ะ เป็นห้อง Combo Loft Single และ Combo Loft Double สำหรับเรามองว่าถ้าจะจัดห้องเป็นออฟฟิศอยู่แล้ว ชั้นพักอาศัยที่อยู่ร่วมกับพื้นที่ส่วนกลางก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ เพราะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี และมีบรรยากาศที่คึกคักหน่อย สามารถออกมานั่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานระหว่างวันได้ด้วยค่ะ

ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกในชั้นนี้จะประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำ Infinite edge Pool, Sky Fitness และพื้นที่นั่งเล่นชมวิวอย่าง Sunset Deck, Sunset Pavilion และ Sky Game Room ค่ะ

บรรยากาศหน้าโถงลิฟต์โซน Combo Loft ซึ่งชั้นนี้จะเป็นชั้นบนสุดของโซนนี้แล้วค่ะ

ชั้นมีห้องน้ำรองรับอยู่ 1 จุดแยกชาย-หญิง เป็นสัดส่วน รองรับการใช้งานสำหรับพื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้ค่ะ

Image 1/3
ห้องน้ำรองรับพื้นที่ส่วนกลาง ชั้น 11

ห้องน้ำรองรับพื้นที่ส่วนกลาง ชั้น 11

ภายในห้องน้ำประกอบไปด้วยอ่างล้างมือ และห้อง

จากโถงทางเดินขึ้นบันไดไปอีกหน่อยก็จะเจอกับส่วนของสระว่ายน้ำค่ะ

เมื่อขึ้นมาแล้วจะเจอกับสระว่ายน้ำ ส่วนฟิตเนสจะต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกหน่อย ทางซ้ายมือค่ะ

Image 1/2
โซนเวทเทรนนิ่ง (Weight Training)

โซนเวทเทรนนิ่ง (Weight Training)

Sky Fitness จัดพื้นที่ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่รองรับเครื่องออกกำลังกายได้พอสมควร ภายในมีทั้งเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) และเวทเทรนนิ่ง (Weight Training)

ภายในห้องจะแบ่งเป็น 2 Step ด้านบนจะเป็นโซนเวทเทรนนิ่ง (Weight Training) เห็นวิวสระว่ายน้ำ ส่วนด้านล่างจะเป็นโซนเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio)

Image 1/2
โซนเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio)

โซนเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio)

โซนเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardio) ภายในมีลักษณะเป็นห้องกระจกโล่ง และฝ้าเพดานสูง ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง สามารถออกกำลังกายพร้อมชมวิวมุมสูงได้ดีค่ะ

ออกมาด้านนอกเป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ไม่เห็นขอบสระ สระว่ายน้ำอยู่ทิศใต้และทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศที่โล่ง เห็นวิวได้อย่างเต็มตา ถือว่าเป็นจุดที่เห็นวิวได้สวยมากๆ จุดหนึ่งในโครงการนี้เลย

Infinite edge Pool เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ มีขนาด 5.5 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร มีลักษณะเป็นแบบ Lap Pool สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริงจังเลยค่ะ

สระว่ายน้ำมาพร้อม Jacuzzi สามารถมานั่งแช่น้ำผ่อนคลาย และชมวิวไปพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ

บริเวณริมสระ จัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นเอาไว้ด้วย บริเวณตรงนี้จะมีโถงลิฟต์ Sky Residence (High Zone) ที่ออกจากลิฟต์มาเจอกับสระว่ายน้ำพอดีเลยค่ะ

Image 1/2
บรรยากาศบริเวณ Infinite edge Pool

บรรยากาศบริเวณ Infinite edge Pool

สระว่ายน้ำอยู่ทางทิศใต้ซึ่งค่อนข้างโล่ง เห็นวิวเมือง เห็นตึกสูงอยู่ไกลออกไป สำหรับสระว่ายน้ำที่นี่มีทั้งโซนที่อยู่กลางแจ้ง และอยู่ในร่มสามารถเล่นน้ำในตอนกลางวันได้เลยค่ะ

บริเวณใกล้ๆ สระว่ายน้ำจะมีพื้นที่ล้างตัวให้ 1 จุดค่ะ

ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่นั่งเล่นอย่าง Sunset Pavilion และ Sunset Deck

Sunset Deck ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกของอาคารเป็น Sunken seat ที่ถูกออกแบบมาเป็น Day-bed ขนาดใหญ่รูปตัว U เหมาะต่อการมานั่งเล่นชมพระอาทิตย์ตกเลยค่ะ

Sunset Pavilion เป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Sunken Seat ซึ่งถูกออกแบบให้มีสวนเขียวๆ ล้อมรอบเอาไว้ดูสดชื่นเลยทีเดียว

พื้นที่นั่งเล่นบน Sunset Pavilion สามารถเดินขึ้นบันไดมานั่งเล่นชมวิวเมือง หรือจะมีปาร์ตี้เล็กๆ กันที่บริเวณนี้ได้ค่ะ

จากบริเวณนี้เห็นวิวสระยาวออกไป  บริเวณพื้นที่ตรงนี้นอกจากจะได้วิวที่สวยแล้ว ยังได้ลมดีมากด้วยค่ะ

ชั้น 12 เป็นชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยค่ะ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางชั้นนี้จะเน้นเป็นพื้นที่สีเขียว Outdoor อย่าง Sky Garden และมีพื้นที่ Yoga Deck รองรับอยู่ภายในสวนด้วย

ส่วนห้องพักอาศัยในชั้นนี้เป็นห้องพักอาศัยแบบปกติ ในโซน Sky Residence (High Zone) ชั้นแรกค่ะ ห้องพักจะเป็นห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom จำนวน 4 ยูนิตเท่านั้นค่ะ ใครที่ชอบพื้นที่สวน มีพื้นที่นั่งเล่นชมวิวภายนอกอาคารแล้วชั้นนี้เหมาะเลยค่ะ

เมื่อออกมายังโถงลิฟต์ชั้น 12 นี้ จะเห็นวิวสระว่ายน้ำเลยนะคะ

ออกจากลิฟต์มาแล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปยัง Sky Garden เลยค่ะ

Sky Garden ทางโครงการได้ออกแบบมาเป็นพื้นที่สวน ที่มีพื้นที่นั่งเล่นอยู่ชมวิวอยู่หลายจุดพร้อมการลงต้นไม้ขนาดกลางไว้ให้ร่มเงาอยู่พอสมควรเลยค่ะ

Image 1/2
บรรยากาศบริเวณ Sky Garden

บรรยากาศบริเวณ Sky Garden

พื้น Sky Garden ปูเป็นหญ้าเทียมไว้ บริเวณนี้มีพื้นที่นั่งเล่นริมระเบียง สามารถขึ้นมานั่งเล่นชมวิวได้นะคะ

Image 1/4
Sunken Seat บริเวณ Sky Garden

Sunken Seat บริเวณ Sky Garden

มีการออกแบบ Sunken Seat ที่มีลูกเล่นเป็นสวนหย่อมล้อมรอบเอาไว้เพิ่มความเป็นส่วนตัวในแต่ละจุดค่ะ

Image 1/2
บริเวณ Yoga Deck

บริเวณ Yoga Deck

Yoga Deck ออกแบบเป็นพื้นที่ Hardscape กรุผิวด้วยวัสดุลายไม้ สามารถนำเสื่อโยคะมาปูออกกำลังกายได้สะดวกเลย จุดนี้อยู่บริเวณมุมอาคารพอดี ทำให้เห็นวิวได้เต็มที่เลยค่ะ

ชั้น 14 -22 เป็นชั้นพักอาศัยTypical Floor Plan ในโซน Sky Residence (High Zone)  ได้วิวดี ค่อนข้างโล่ง มีจำนวนยูนิตต่อชั้นเพียง 7 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูง ภายในชั้นประกอบไปด้วยห้อง Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom

ห้อง Studio มี 1 ยูนิต ต่อชั้น เป็นห้องขนาด 29.89 ตร.ม. ที่ติดกับเพื่อนบ้านด้านเดียว และประตูห้องอยู่บริเวณโถงทางเดินรองด้วยได้ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างดี ถึงแม้ผนังด้านหนึ่งจะอยู่ใกล้ลิฟต์ก็ตาม แต่ทางโครงการได้ออกแบบให้ส่วน Service อย่าง ห้องน้ำ ห้องครัว อยู่ชิดกับผนังด้านนี้เพื่อช่วยลดเสียงรบกวน รักษาเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้นค่ะ

ห้อง 1 Bedroom มี 3 ยูนิตต่อชั้น เป็นห้องขนาด 34.9-36.64 ตร.ม. โดยห้องที่มีความน่าสนใจคือห้องที่อยู่ในเส้นประ เป็นห้อง 1 Bedroom ห้องเดียวที่เป็นห้องมุม ได้ช่องเปิด 2 ด้าน ทำให้รับแสง รับลมได้ดี รับวิวได้กว้าง นอกจากนั้นยังประตูห้องยังอยู่ในตำแหน่งสุดโถงทางเดิน ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านหน้าห้องอีกด้วยค่ะ

ห้อง 2 Bedroom มี 3 ยูนิตต่อชั้น เป็นห้องขนาด 50.22-67.02 ตร.ม. จะเป็นห้องมุมทั้งหมด ซึ่งมีข้อดีคือ ได้ช่องเปิด 2 ด้าน ทำให้รับแสง รับลมได้ดี รับวิวได้กว้าง

Image 1/2
แปลนชั้น 23

แปลนชั้น 23

ชั้น 23-24 เป็นชั้นบนสุดที่มี Penthouse อยู่ 2 ยูนิต เป็นห้องขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นห้อง Duplex มีพื้นที่ Double Volume ในตัว ขนาดพื้นที่ใช้สอย 187.83-211.57 ตร.ม.

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Mail Room
  • Co-Working Space with Private Meeting room
  • Infinite edge Pool with Jacuzzi ระบบ เกลือ ขนาด 5.5 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • Sky Fitness ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 8 เครื่อง
  • Sky Game Room
  • Sunset Deck
  • Sunset Pavilion
  • Yoga Deck
  • Sky Garden
  • Sky Game Room
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1, 2 และ 12
  • Shutter van
  • ลิฟต์โดยสารแบบล็อกชั้น 4 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 47 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 78% ไม่รวมซ้อนคัน แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking และที่จอดปกติ (update 3/7/2023)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Access Card

แบบห้อง

โปรดักส์โครงการ Cooper Siam มีค่อนข้างหลากหลายเลยค่ะ ตั้งแต่ห้อง Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroom, ห้อง Combo Loft ฝ้าเพดานสูง และ Penthouse ขนาดตั้งแต่ 29.89-211.57 ตร.ม. ในจำนวนยูนิตที่ไม่เยอะมาก 188 ยูนิต รูปแบบการขาย Fully Fitted สามารถออกแบบตกแต่งที่อยู่อาศัยให้เป็นสไตล์ของตัวเองได้ และอย่างที่บอกไปนะคะว่าชั้นพักอาศัยของที่นี่จะแบ่งเป็น Low Zone และ High Zone แยกลิฟต์ภายในอาคารชัดเจน ดังนี้

Combo Loft (ชั้น 2-11)

  • Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 39.91-51.90 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.5-7.66 ล้านบาท
  • Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.7-71.17 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.98-9.0 ล้านบาท

Sky Residence (ชั้น 12-24)

  • Studio พื้นที่ใช้สอย 29.89 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.15-5.38 ล้านบาท
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34.9-36.64 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.79-6.3 ล้านบาท
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 50.22-67.02 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.45-9.58 ล้านบาท
  • Penthouse พื้นที่ใช้สอย 187.83-211.57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น N/A ล้านบาท

วัสดุภายในห้อง

  • พื้น Living area : Homogeneous tile
  • พื้น Bedroom : Smart engineering flooring
  • สุขภัณฑ์ : American standard
  • ท็อปครัว : ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood : Teka
  • โครงสร้างชั้นลอย : โครงสร้างเหล็ก
  • บันได : โครงสร้างเหล็ก
  • ผนัง : Wallpaper
  • เครื่องทำน้ำอุ่น : STIEBEL
  • แอร์ : Daikin (Cassette Type บริเวณ Living Area / Wall type บริเวณชั้นลอย)
  • ฝ้าเพดาน : 4.6 เมตร ในแบบห้อง Combo Loft และ 2.7 เมตร ในแบบห้องปกติ

 


มาเริ่มกันที่ห้องแบบ Combo Loft Single 1 Bedroom กันก่อนค่ะ ห้อง Type นี้มีพื้นที่ใช้สอย 40.31 – 40.88 ตร.ม. โดยพื้นที่ห้องจะรวมทั้งชั้น 1 และชั้นลอยเรียบร้อยแล้ว ห้องนี้สามารถอยู่อาศัย 1 – 2 คนได้สบายๆ ค่ะ

ภายในมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วนครัวและห้องน้ำอยู่ทางด้านหน้าห้อง เป็นเคาน์เตอร์ครัวเปิด สามารถกั้นปิดเป็นสัดส่วนเพิ่มเติมได้ค่ะ ด้านข้างยังเหลือพื้นที่ค่อนข้างกว้างวางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งได้เลย ส่วนภายในเป็นพื้นที่ Common Area สามารถจัดวางชุดโซฟานั่งเล่น 3 – 4 ที่นั่งได้สบายๆ โดยจะมีทางเข้าห้องน้ำอยู่ในบริเวณนี้ด้วย ส่วนบันไดภายในห้องเป็นแบบโชว์ลูกนอน ทำให้ภายในห้องดูโปร่ง กว้างมากขึ้นกว่าห้องที่มีบันไดทึบตัน และยังใช้พื้นที่ใต้บันไดได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังมีระเบียงภายนอกได้ออกมายืนชมวิว สูดอากาศ หรือใช้งานซัก – ตากผ้าได้

ส่วนของชั้นลอยจะเป็นห้องนอนที่มีการกั้นผนังและช่องหน้าต่างมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทำให้แบ่งพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน อาจกั้นเป็นห้องทำงานของหัวหน้า หรือใช้เป็นห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากนั้นยังช่วยให้ประหยัดค่าไฟฟ้าในการเปิดเครื่องปรับอากาศ ด้วยค่ะ บรรยากาศในห้องจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลย

บรรยากาศด้านหน้าทางเข้าห้องพักอาศัยมีความเรียบร้อยผนังสีขาวตัดกับประตูทางเข้าห้องลายไม้ดูสวยงาม พร้อม Digital Door Lock ที่ใช้ Key Card หรือตั้งรหัสผ่านสำหรับคนที่เข้ามาใช้งานได้

เข้ามาภายในห้องพักอาศัยเราจะเจอกับส่วนครัวและรับประทานอาหารก่อนค่ะ เป็นเหมือนมุม Pantry ซึ่งทางโครงการออกแบบมาให้เป็นครัวเปิด เชื่อมต่อกับพื้นที่ Common Area ด้านใน แต่ถ้าใครต้องการแยกห้องให้เป็นสัดส่วน หรือทำอาหารที่มีกลิ่นก็สามารถกั้นปิดเพิ่มเติมได้นะ

Image 1/4
เคาน์เตอร์ครัว Built-in

เคาน์เตอร์ครัว Built-in

ชุดครัวทางโครงการ Built-in มาให้เหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยนะคะ เคาน์เตอร์ครัวเป็นวัสดุหินสังเคราะห์สีขาว พร้อมด้านหลังกรุ Backsplash กระจกทำความสะอาดได้ง่าย บริเวณเคาน์เตอร์ครัวจะมีอ่างล้างจาน เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้า 2 หัว จาก Teka

บริเวณด้านหน้าห้องมีการออกแบบตู้เก็บรองเท้ามาให้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เคาน์เตอร์ชั้นล่างมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ พร้อมลิ้นชักเก็บช้อน ส้ม แก้ว และเครื่องครัวต่างๆ พื้นที่ใต้อ่างล้างจานจะมีช่องเก็บของขนาดใหญ่ สามารถวางถังขยะได้ไม่เกะกะค่ะ ส่วนด้านบนก็เป็นช่องเก็บของบาน Soft Close ทำให้ไม่กระแทกและมีเสียงเบาเวลาปิด

เข้ามาภายในบริเวณ Common Area เป็นส่วนโถง Double Volume สูง 4.60 เมตร ที่ดูโปร่งกว้างทีเดียวค่ะ เนื่องจากมีช่องแสงบานสูงทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาทั่วถึงทั้งห้อง และยังสามารถมองออกไปเห็นวิวได้กว้างด้วย บริเวณนี้ยังมีพื้นที่กว้างวางโซฟา 3 – 4 ที่นั่ง หรือโซฟาตัว L ได้เลย

พื้นในส่วน Common Area ปูด้วย Homogeneous tile ดูแลทำความสะอาดง่าย เหมาะกับการใช้งานเป็นออฟฟิศได้ดีเลยค่ะ

บริเวณพื้นที่ Common Area หรือห้องนั่งเล่นมีพื้นที่ประมาณ 2.80 x 4.20 เมตร มีระยะดู TV อยู่ที่ 3.00 เมตร เหมาะกับการวาง TV ได้ถึง 55 – 60 นิ้วขึ้นไปได้เลยค่ะ

Image 1/2
บรรยากาศบริเวณระเบียง

บรรยากาศบริเวณระเบียง

ส่วนระเบียงนั้นทางโครงการออกแบบให้มีราวกันตกเป็นกระจกใสดูสวยงาม สบายตา ด้านบนเป็นพื้นที่แขวน Condensing Units ทำให้ประหยัดพื้นที่ระเบียง และไม่ร้อนด้วยค่ะ พื้นที่ระเบียงเราก็ใช้งานได้เต็มๆ เลย มีขนาดอยู่ที่ประมาณ 1.00 x 1.75 เมตร วางเครื่องซักผ้าหรือกระถางต้นไม้ตกแต่งได้

ส่วนบันไดก็เป็นอีก Highlight ที่น่าสนใจภายในห้อง เพราะเป็นแบบลอยตัวโชว์ลูกนอน ไม่มีลูกตั้ง จึงทำให้เป็นส่วนช่วยให้ภายในห้องดูโปร่ง กว้างมากขึ้นไปอีก อีกทั้งยังสามารถวางของ และใช้พื้นด้านใต้ได้เต็มที่ ทางเข้าห้องน้ำก็อยู่ใต้บันไดด้วยค่ะ

ภายในห้องน้ำมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสก กระจกบานกลมๆ น่ารัก และเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าลายไม้ สไตล์เอเชีย การจัดพื้นที่ภายในแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีการซ่อนไฟด้านบนทำให้ห้องน้ำสว่างและดูสวยงามมากขึ้น

Image 1/2
อ่างล้างหน้าและสุขภัณฑ์ จาก American standard

อ่างล้างหน้าและสุขภัณฑ์ จาก American standard

อ่างล้างมือเป็นแบบติดตั้งพร้อมเคาน์เตอร์มีชั้นเก็บของด้านล่างเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆได้ ส่วนด้านบนเป็นอ่างรูปทรงสี่เหลี่ยมสีขาวดีไซน์สวย พร้อมกระจกเงาบานกลม และโถสุขภัณฑ์สีขาว ทั้งหมด จาก American Standard

Image 1/3
บรรยากาศภายในห้องน้ำ

บรรยากาศภายในห้องน้ำ

พื้นที่อาบน้ำจะมีการกั้นฉากกั้นกระจกมาให้เรียบร้อย พร้อมยกขอบสูงขึ้นเล็กน้อยทำให้เวลาอาบน้ำจะไม่มีน้ำกระเด็นออกมาด้านนอก พื้นที่ยืนอาบน้ำประมาณ 0.95 x 1.00 เมตร ด้านในติดตั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower และมีช่องวางของด้านข้างมาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ส่วนพื้นที่ชั้นลอยนั้นทางโครงการกั้นเป็นห้องมาให้เลยค่ะ ทำให้แบ่งสัดส่วนชัดเจน ไม่เปลืองแอร์เวลานอน เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง

Image 1/2
บันไดลอยตัว

บันไดลอยตัว

บันไดเป็นโครงสร้างเหล็กแบบลอยตัว ไม่มีลูกตั้ง ลูกนอนปูด้วยไม้ดูอบอุ่น พร้อมราวกันตกที่เป็นกระจกทำให้ดูโปร่ง สบายตา ส่วนพื้นชั้นนี้จะปูด้วย Smart engineering flooring ลายไม้ค่ะ

Image 1/3
บรรยากาศภายในห้องนอน

บรรยากาศภายในห้องนอน

พื้นที่ชั้นลอยหรือห้องนอนมีขนาดประมาณ 2.75 x 4.00 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 – 6 ฟุตได้เลยค่ะ โดยในห้องตัวอย่างวางเตียง 5 ฟุตมาให้ ทำให้มีพื้นที่เดินได้รอบเตียงสบายๆ พร้อมจัดมุมโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ได้

ชั้นลอยทางโครงการกั้นผนังทึบมา ทำให้เราสามารถติดตั้ง TV แบบแขวนผนังไว้นอนดูซีรีส์แบบเป็นส่วนตัวได้เลย ด้านข้างมีช่องแสงสามารถเปิดระบายอากาศและให้แสงธรรมชาติจากด้านนอกส่องเข้ามาถึงภายในห้องนอนได้ค่ะ

บรรยากาศจากช่องแสงชั้นลอยมองลงไปยังพื้นที่ Common Area ด้านล่าง


Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 51.09 ตร.ม.

ถัดมาห้องที่ 2 ห้องนี้มีความน่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะเป็นห้อง Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 51.09 ตร.ม. ที่มีฟังก์ชันเหมือนกับห้อง 1 Bedroom Plus มีห้องอเนกประสงค์ หรือพื้นที่ Multi – Purpose เพิ่มขึ้นมานั่นเอง นอกจากนั้นยังเป็นห้องหน้ากว้าง ดูโปร่งโล่ง ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นแปลนห้อง Loft แบบนี้กันสักเท่าไหร่ค่ะ

ห้องนี้เข้ามาแล้วจะเจอกับ Common Area ที่มี Double Volume 4.60 เมตร เลยค่ะ ด้านหน้าห้องเป็นฟังก์ชันครัว บันได และห้องน้ำ เชื่อมต่อไปยังพื้นที่นั่งเล่น และมีพื้นที่แยกออกไปใต้ชั้นลอยเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งเราสามารถกั้นเป็นห้องนอนที่ 2 ได้อีกด้วยค่ะ ห้องนี้จะมีระเบียงอยู่ตรงกลางเป็นการกั้นระหว่างห้องอเนกประสงค์ และ Common Area ทำให้สามารถจัด Bay Window บริเวณห้องนั่งเล่นเพิ่มเติมได้

ส่วนชั้นลอยเป็นพื้นที่ห้องนอนประมาณ 14 ตารางเมตร และจะมีการกั้นห้องชั้นลอยด้วยผนังกระจก เพิ่มความโปร่งให้กับห้องพักอาศัย สามารถมองเห็นวิวห้องนั่งเล่น และวิวภายนอกจากชั้นลอยด้วยค่ะ

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนครัวเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นค่ะ พื้นห้องปูด้วย Homogeneous tile ทำความสะอาดได้ง่ายเหมือนกับห้องที่ผ่านมาเลยค่ะ ส่วนห้องนอนจะปูด้วย Smart engineering flooring ลายไม้ เพิ่มความอบอุ่นเหมาะกับการพักผ่อนมากขึ้น 

บรรยากาศภายในห้องนี้จะได้ความโปร่งโล่ง จากช่องแสงขนาดใหญ่เกือบเต็มผนัง และฝ้าเพดานที่สูง 4.60 เมตร ทั่วทั้งพื้นที่ Common Area ทำให้ภายในห้องสว่างเลยทีเดียวค่ะ นอกจากนั้นชั้นลอยยังกั้นด้วยผนังกระจกช่วยเพิ่มความโปร่งและดูห้องใหญ่ขึ้นด้วย

Image 1/3
บรรยากาศบริเวณเคาน์เตอร์ครัว

บรรยากาศบริเวณเคาน์เตอร์ครัว

พื้นที่ครัวหรือ Pantry ภายในห้องนี้ออกแบบมาเป็นครัวเปิดเลยนะคะ อาจจะไม่เหมาะกับการกั้นเป็นครัวปิดเพื่อทำอาหารจริงจังสักเท่าไหร่ เหมาะกับคนที่ไม่เน้นทำอาหารมีกลิ่นมากนัก และชอบพื้นที่โล่งๆ เชื่อมต่อกันมากกว่าค่ะ

เคาน์เตอร์ครัวที่ได้เป็นรูปตัว L Built-in มาให้สูงถึงฝ้าแบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ท็อปเป็นวัสดุหินสังเคราะห์สีขาว ด้านหลังกรุ Backsplash กระจกทำความสะอาดได้ง่าย ช่วยป้องกันผนังเลอะคราบต่างๆ บริเวณเคาน์เตอร์ครัวจะมี เครื่องดูดควัน และเตาไฟฟ้า 2 หัว จาก Teka มาให้ค่ะ

ส่วนห้องนี้เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ทำให้มีช่องเก็บของเยอะทีเดียวค่ะ โดยหน้าบานเป็นลายไม้ดูสวยงามมีช่องวางไมโครเวฟด้านล่างทำให้เหลือพื้นที่เตรียมอาหารด้านบนเคาน์เตอร์ค่อนข้างกว้าง สามารถวางเครื่องกรองน้ำ หม้อทอด หม้อหุงข้าวต่างๆได้สบายเลยค่ะ

Image 1/2
บรรยากาศบริเวณเคาน์เตอร์ครัว

บรรยากาศบริเวณเคาน์เตอร์ครัว

อีกฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่วางตู้เย็นและอ่างล้างจานมุมเล็กๆ น่ารัก มีช่องเก็บของมาให้ทั้งด้านบนและด้านล่างเช่นกันค่ะ

ห้องน้ำภายในห้อง Type นี้เหมือนกับห้องแรกที่เราพาไปชมเลยค่ะ มีการตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสก กระจกบานกลมๆ น่ารัก และเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าลายไม้ ภายในแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจน มีการซ่อนไฟด้านบนทำให้ห้องน้ำสว่างและดูสวยงามมากขึ้น

Image 1/2
สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ จาก American standard

สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ จาก American standard

อ่างล้างมือเป็นแบบติดตั้งพร้อมเคาน์เตอร์มีชั้นเก็บของด้านล่างเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดได้ พร้อมกระจกเงาบานกลม และโถสุขภัณฑ์สีขาว จาก American Standard

Image 1/2
บรรยากาศภายในห้องน้ำ

บรรยากาศภายในห้องน้ำ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.85 x 1.50 เมตร ยืนอาบได้สบายๆ มีฉากกั้นกระจกมาให้เรียบร้อย พร้อมยกขอบสูงขึ้นทำให้เวลาอาบน้ำจะไม่มีน้ำกระเด็นออกมาเปียกส่วนแห้ง ด้านในติดตั้งฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower จาก American Standard เช่นกันค่ะ

พื้นที่ด้านในเหมาะกับการจัดวางเป็นพื้นที่นั่งเล่น เนื่องจากอยู่ใกล้กับหน้าต่างและระเบียง มีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในได้ตลอดทั้งวัน บริเวณนี้มีพื้นที่ประมาณ 3.00 x 3.30 เมตร สามารถวางโซฟา 3 – 4 ที่นั่งได้เลยค่ะ หรือใครชอบนั่งทำงานริมหน้าต่างมองเห็นวิวสวยๆ ก็จัดโต๊ะทำงานเข้ามุมแบบ Bay Window ได้นะ

Image 1/2
บรรยากาศบริเวณระเบียง

บรรยากาศบริเวณระเบียง

พื้นที่ระเบียงเหมือนกับห้องที่แล้วเลยค่ะ ขนาดประมาณ 1.00 x 1.75 เมตร มีราวกันตกเป็นกระจกใสดูสวยงาม สบายตา ด้านบนเป็นพื้นที่แขวน Condensing Units ทำให้ใช้งานระเบียงได้อย่างเต็มที่ สามารถออกมายืนสูดอากาศ ชมวิว วางกระถางต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับห้องพักอาศัยได้

Image 1/2
บรรยากาศภายในห้องอเนกประสงค์

บรรยากาศภายในห้องอเนกประสงค์

เข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ Multi – Purpose หรือห้องอเนกประสงค์ ซึ่งสามารถจัดฟังก์ชันได้ตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของห้องเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานส่วนตัว หรือจะเป็นห้องนอนที่ 2 สำหรับครอบครัวที่มีลูกน้อยก็ได้ แต่หากเลือกจัดเป็นห้องทำงานก็สะดวกค่ะ ภายในห้องมีปลั๊กอยู่หลายจุด พื้นปู Homogeneous tile เช่นกัน ดูแลทำความสะอาดง่าย เหมาะกับการใช้งานเป็นออฟฟิศได้ดี นอกจากนั้นห้องนี้ยังได้ช่องแสงขนาดใหญ่เต็มๆ ผนังเลย ทำให้มีแสงเข้ามาทั่วถึง และมองเห็นวิวได้กว้าง

ส่วนชั้นลอยของห้องนี้จะกั้นด้วยฉากกั้นกระจกมาให้แบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ช่วยประหยัดค่าไฟในการเปิดเครื่องปรับอากาศตอนนอนและกั้นเป็นสัดส่วน ต่างจากห้องฝ้าเพดานสูงทั่วไปที่มักออกแบบมาแบบเปิดโล่ง ในขณะเดียวกันก็ยังได้ความโปร่ง มองเห็นห้องนั่งเล่น และรับแสงธรรมชาติได้เยอะด้วย

Image 1/3
บรรยากาศบริเวณบันได

บรรยากาศบริเวณบันได

บันไดห้องนี้เป็นโครงสร้างเหล็กปูลูกนอนและลูกตั้งด้วยไม้ประสานเข้ากันกับพื้นชั้น 2 ที่เป็น Smart engineering flooring ลายไม้

ห้องนอนของ Type นี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่ความโปร่งเลยค่ะ เนื่องจากได้ผนังกระจกถึง 2 ด้านเต็มๆ นอกจากจะสว่างทั่วถึงแล้วยังเห็นวิวได้ทั้งจากด้านนอกและวิวภายในห้องเองด้วย

พื้นที่ชั้นลอยหรือห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.40 x 4.00 เมตร ซึ่งสามารถวางเตียงใหญ่ 6 ฟุต King Size พร้อมโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ ได้ มีพื้นที่เดินรอบเตียงได้สบายๆ แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบนอนดู TV เท่าไหร่นะคะ เหมาะกับคนที่ชอบเน้นวิวมากกว่าค่ะ

Image 1/2
บรรยากาศภายในห้องนอน

บรรยากาศภายในห้องนอน

ฝั่งด้านในมีผนังเว้าเข้าไปสำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าทำเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ได้ค่ะ โดยมีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 1.45 เมตร

บรรยากาศจากช่องแสงห้องนอนมองลงไปยังพื้นที่ Common Area ด้านล่าง

 


Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.70 ตร.ม.

ห้องสุดท้ายเราพามาดู Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.70 ตร.ม. กันค่ะ ห้องนี้จะมีพื้นที่ Multi – Purpose เป็นห้องอเนกประสงค์แยกเป็นสัดส่วนค่ะ โดยห้องตัวอย่างจัดเป็นสำนักงานให้ดูนะคะ จุดเด่นของห้องนี้อยู่ที่พื้นที่ Double Volume เกือบทั้งห้อง และเป็นห้องที่อยู่มุมอาคารทำให้ได้ช่องแสงขนาดใหญ่มองเห็นวิวได้ทั้ง 2 ฝั่ง นอกจากนั้น ห้องนอนชั้นลอยมีห้องน้ำในตัวเรียบร้อยใช้งานได้ต่อเนื่องสะดวกสบายค่ะ

เหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 2 คน ต้องการพื้นที่ทำสำนักงาน หรือเป็นครอบครัวเริ่มต้น ที่ชอบความโปร่งสบาย บรรยากาศเหมือนบ้านแนวราบ มีพื้นที่อเนกประสงค์และห้องนอนจัดเป็นสัดส่วน ได้ห้องน้ำส่วนตัวบนห้องนอน

ห้องนี้จะเน้นการใช้งานฟังก์ชันครบ และเป็นส่วนตัวค่ะ เข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่ครัวและห้องน้ำส่วนกลาง เป็นครัวที่สามารถกั้นปิดได้ เมื่อเข้ามาด้านในแล้วจะเจอกับพื้นที่ Common Area ที่ดูโปร่งโล่งมากๆ จากช่องแสงทั้ง 2 ฝั่ง และระเบียงส่วนตัว มีห้องอเนกประสงค์แยกเป็นสัดส่วน ทำเป็นห้องประชุมได้ ส่วนชั้น 2 นั้นเป็นพื้นที่พักอาศัยโดยเฉพาะ สามารถทำเป็นห้องนอนหรือห้องทำงานของเจ้าของพร้อมห้องน้ำส่วนตัว ใช้งานได้สะดวกค่ะ

Image 1/24
Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.70 ตร.ม.

Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.70 ตร.ม.

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

แบบแปลน

Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 39.91-51.90 ตร.ม.

Image 1/7
Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 39.91 ตร.ม.

Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 39.91 ตร.ม.

Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.7-71.17ตร.ม.

Image 1/2
Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.70 ตร.ม.

Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.70 ตร.ม.

Studio พื้นที่ใช้สอย 29.89 ตร.ม.

Studio พื้นที่ใช้สอย 29.89 ตร.ม.

 

1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34.9-36.64 ตร.ม.

Image 1/3
1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34.90 ตร.ม.

1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34.90 ตร.ม.

2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 50.22-67.02 ตร.ม.

Image 1/4
2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 50.22 ตร.ม.

2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 50.22 ตร.ม.

ราคา

Cooper Siam ราคา ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2565

  • Combo Loft Single ห้อง 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 39.91-51.90 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.5-7.66 ล้านบาท
  • Combo Loft Double ห้อง 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 58.7-71.17 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.98-9.0 ล้านบาท
  • Studio พื้นที่ใช้สอย 29.89 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.15-5.38 ล้านบาท
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34.9-36.64 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.79-6.3 ล้านบาท
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 50.22-67.02 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.45-9.58 ล้านบาท
  • Penthouse พื้นที่ใช้สอย 187.83-211.57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น N/A ล้านบาท
  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานห้อง Combo Loft 4.6 เมตร และห้องปกติ 2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์ & Teka
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Teka
  • มีรถ Shuttle van : อยู่ระหว่างการจัดสรรของนิติ (สอบถามจากทางโครงการอีกครั้ง)
  • จอง : Combo Loft Single, Studio, 1 Bedroom 30,000 บาท / Combo Loft Double,
  • 2 Bedroom 50,000 บาท / Penthouse 100,000 บาท
  • ทำสัญญา 5% และ โอน 95%
  • ค่ากองทุน 1,200 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : Cooper Siam ตั้งอยู่ในซอยรองเมือง 5 ใกล้ Stadium ONE และสนามศุภชลาศัย จุดเด่นของทำเลนี้แน่นอนว่ามันอยู่ใกล้ “สยาม” แหล่ง Shopping ขวัญใจวัยรุ่นที่มีห้างให้เดินเยอะมากๆทั้ง Siam Discovery, Siam Center, Siam Paragon, Siam Square One, MBK ส่วนในจุฬาฯ เองก็จะมี I’m Park Chula และอยู่ใกล้สถานศึกษาชื่อดังเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และโรงเรียนสาธิตฯจุฬาฯ

สำหรับคอนโดที่ใกล้สยามเราจะเห็นอยู่ในทำเลสามย่าน-สี่พระยา หรือไม่ก็พญาไท-ราชเทวี ซึ่งเป็นทำเลที่สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าได้สะดวก แต่จุดที่เราคิดว่า Cooper Siam ค่อนข้างเด่น คืออาหาร Street Food ราคาย่อมเยา รวมถึงร้านกาแฟที่เดินลงมาหาอะไรทานได้สะดวกมากๆค่ะ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งการอยู่อาศัยและรองรับเหล่าบรรดาพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศอีกด้วย

การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าเดินทางได้สะดวกสามารถเดินทางไปสยามได้ง่ายโดยใช้เส้นทางถนนบรรทัดทอง ออกถนนพระราม 1 ตรงไปสยาม หรือจะลัดเลาะเข้าซอยจุฬา 12 ออกถนนพญาไท ตรงเพื่อไปสยามก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าจะไปสีลม-สาทร ก็สามารถใช้ถนนบรรทัดทอง มาออกเส้นพระราม 4 ได้เลย นอกจากนั้นโครงการก็ยังไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลง ทางด่วนอีกด้วยค่ะ สำหรับใครที่ใช้รถทางโครงการจัดที่จอดรถมาให้ถึง 78% ไม่รวมซ้อนคัน แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking และที่จอดปกติ (update 3/7/2023) เพียงพอต่อการใช้งานค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : แม้โครงการจะไม่ได้ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่แต่ภายในซอยก็มีรถแท็กซี่วิ่งอยู่ตลอดเวลา มีวินมอเตอร์ไซค์ไม่ไกลจากหน้าโครงการ นอกจากนั้นทางโครงการยังมี Shutter van คอยให้บริการ รับ-ส่ง ตามจุดที่สำคัญๆ ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ โดยห่างจากโครงการประมาณ 750 เมตร เป็นระยะที่ไม่ได้ใกล้แต่ก็สามารถเรียกรถสาธารณะไปส่งได้ง่ายค่ะ

วัสดุ : โครงการมีรูปแบบการขายแบบ Fully Fitted สามารถออกแบบตกแต่งที่อยู่อาศัยให้เป็นสไตล์ของตัวเองได้ วัสดุภายในห้องให้ค่อนข้างดี เหมาะสมกับราคา พื้น Homogeneous tile พื้นห้องนอน Smart engineering flooring สุขภัณฑ์ American standard ท็อปครัว ท็อปหินสังเคราะห์ Hob & Hood Teka
แอร์ Daikin (Cassette Type บริเวณ Living Area / Wall type บริเวณชั้นลอย)

การออกแบบ : จุดเด่นของโครงการคือห้อง Combo Loft ฝ้าเพดานสูง 4.6 เมตรที่ออกแบบจัดฟังก์ชันมาได้อย่างลงตัว แบ่งโซนห้องต่างๆได้ชัดเจน เปิดช่องแสงเต็มที่ทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง และบางห้องมีห้องน้ำชั้นบนให้ใช้งาน โดยเฉพาะห้อง Combo Loft Single 51.09 ตร.ม.ที่เป็นห้องหน้ากว้าง

ส่วนตัวอาคารเราชอบการแบ่งโซนชั้น 2-11 เป็นห้อง Combo Loft ที่ทำธุรกิจได้ กับชั้น 12-24 เป็น Sky Residence ห้องรูปแบบปกติ เพื่อให้ภายในโครงการมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

สาธารณูปโภค : เพียงพอต่อการใช้งาน รองรับการใช้ชีวิตทั้งในรูปแบบการพักผ่อนและทำงาน มี Facility พื้นฐานอย่าง Lobby สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และ Facility รองรับการทำงานแบบ Work From Home อย่าง Co-Working Space , Private Meeting room , Sky Multipurpose Room อีกทั้งยังมีมุมให้ชมวิวหรือพักผ่อนอย่าง Sunset Deck , Sunset Pavilion อีกด้วย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 147,000 บาท/ตร.ม., 28 มิถุนายน 2565

  • ทำเล 8.5/10 – ทำเลใจกลางเมือง จุฬา-สามย่าน รายล้อมไปด้วยแหล่งอาหารการกินครบครัน ไม่ไกลจากสยาม
  • เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – เดินทางไปสยาม หรือสีลม-สาทรได้ง่าย ไม่ไกลจากทางด่วน ที่จอดรถ 78% ไม่รวมซ้อนคัน (update 3/7/2023)
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างจาก BTS สนามกีฬาฯ 750 ม.
  • วัสดุ 7.75/10 – ให้มาแบบ Fully Fitted วัสดุภายในห้องให้ค่อนข้างดี เหมาะสมกับราคา
  • แบบ 8.25/10 – ห้องฝ้าเพดานสูง 4.6 ม. จัดฟังก์ชันมาได้ลงตัว จัดเป็นพื้นที่ทำงานได้สะดวก มีแบบให้เลือกหลากหลาย
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ส่วนกลางครบครัน มีพื้นที่ทำงานเยอะ มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนส และสวน ที่ได้วิวทุกส่วน

  • UPPER CLASS
  • 8.17/ 10.00

Cooper Siam เหมาะกับใคร

Cooper Siam เรามองว่าเหมาะกับคน 2 กลุ่ม

  1. คนที่อยากเป็นเจ้าของออฟฟิศในเมืองที่สามารถพักอยู่อาศัยด้วยได้ (เป็นธุรกิจขนาดเล็ก) ชอบห้องฝ้าเพดานสูง อยากได้ Facility ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยของคอนโด หรือกลุ่มคนลงทุนออฟฟิศปล่อยเช่า
  2. คนที่อยากได้คอนโดใจกลางเมือง ย่านสยาม-จุฬา-สามย่าน เน้นทำเลที่เดินไปหาของกินแบบ Street food ได้ง่ายๆ แต่ก็สามารถเดินทางไปห้างหรือสถานศึกษาได้สะดวก


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc