COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) คอนโด High Rise ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศรีปทุม ติดถนนพหลโยธินและ BTS บางบัว จาก SC Asset [รีวิวฉบับที่ 2637]

COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566

พิกัด Google Maps : 13.855585, 100.584591
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ แสดงตำแหน่งของ COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) ตั้งอยู่ติดถนนพหลโยธิน และ BTS บางบัว โดยทำเลเป็นแหล่งชุมชนที่มีหอพักนักศึกษาอยู่เยอะ ตรงข้ามโครงการเป็นมหาวิทยาลัยศรีปทุม และใกล้ๆยังมีมหาวิทยาลัยเกริกและเกษตรศาสตร์ น้องๆนักศึกษาสามารถนั่งรถไฟฟ้าไปเรียนได้ แค่ 2 สถานี

ส่วนคนทำงานในเมือง ก็นั่ง BTS ต่อเดียวเข้าอโศก , ทองหล่อได้เลย หรือหากอยากเปลี่ยนไปใช้ MRT ก็มีจุด Interchange ที่สถานีพหลโยธิน ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน วิ่งเข้าใจกลางเมืองได้เช่นกัน ซึ่งโครงการก็อยู่ใกล้รถไฟฟ้าหลายสาย ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว , สายสีแดงเข้ม , และสายสีชมพูที่คาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนธันวาคม 2566 นี้ค่ะ

สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ง่าย ด้วยที่ตั้งติดถนนหลัก ทำให้สามารถขับไปเชื่อมต่อกับถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย ทั้งถนนรามอินทรา , ถนนแจ้งวัฒนะ , ถนนเกษตร – นวมินทร์ , ถนนงามวงศ์วาน วิ่งยาวเข้าถนนรัชดาภิเษก ลาดพร้าวได้เลย ซึ่งถัดจากโครงการจะมีถนนตัดใหม่คือ ถนนเลียบคลองบางเขน ที่สามารถใช้ขับไปเชื่อมกับถนนวิภาวดี – รังสิตได้  ไม่ต้องไปเสียเวลารอรถติดที่แยกเกษตรค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการค่อนข้างคึกคัก มีร้านค้า ร้านอาหารอยู่เยอะ เพราะอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ติดกับโครงการก็มีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7Eleven ให้มาซื้อของกิน ของใช้ส่วนตัวได้ ส่วนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ก็อยู่ใกล้ในระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตร สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้สบายๆ ทั้ง Central รามอินทรา , Lotus’s หลักสี่ , Major Cineplex รัชโยธิน , Jodd Fairs แดนเนรมิต , Lotus’s ลาดพร้าว และ Central ลาดพร้าวค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

สภาพแวดล้อมรอบ COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) นอกจากคอนโด Ciela Sripatum (เซียล่า ศรีปทุม) ที่เป็นอาคารสูง 28 ชั้น และมหาวิทยาลัยศรีปทุม รอบข้างถือว่าได้วิวโปร่งโล่ง มีอาคาร Low Rise สูงไม่เกิน 8 ชั้น แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิด ส่วนสถานีรถไฟฟ้าจะอยู่ตรงกับอาคาที่ชั้น 5 (รูปแบบห้อง High Ceiling) ส่วนชั้น 6 ขึ้นไปจะได้วิวโปร่งโล่ง

• ทิศเหนือ ติดกับ คอนโดสูง 28 ชั้น
• ทิศใต้ ติดกับ ถนนพหลโยธิน ทางเข้า – ออกโครงการ
• ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนพหลโยธิน มหาวิทยาลัยศรีปทุม
• ทิศตะวันตก ติดกับ โชว์รูมรถยนต์ ที่ดินเปล่า

Sale Gallery ของโครงการ COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) จะเปิดให้ชมเต็มรูปแบบในงาน Soft Opening 11 – 12 พฤศจิกายนนี้ โดยอาคารที่ใช้จะเป็นส่วน Commercial ของโครงการที่ประกอบด้วยร้านค้า 5 ยูนิตนั่นเอง ซึ่งบรรยากาศก็ตกแต่งมาเข้ากับตัวโครงการเลย

ชั้น 1 จะเป็นส่วนต้อนรับ มีร้านกาแฟด้านหน้าไว้รับรองคนที่มาเข้าชมโครงการ และพื้นที่วางโมเดล ส่วนห้องตัวอย่างจะอยู่บนชั้น 2 มีห้อง Studio และ High Ceiling 1 Bedroom ให้ชมค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

• Central รามอินทรา ~ 3.5 กิโลเมตร
• Lotus’s หลักสี่ ~ 4.2 กิโลเมตร
• Major Cineplex รัชโยธิน ~ 5.6 กิโลเมตร
• Jodd Fairs แดนเนรมิต ~ 6.4 กิโลเมตร
• Lotus’s ลาดพร้าว ~ 7.1 กิโลเมตร
• Central ลาดพร้าว ~ 7.7 กิโลเมตร

โรงพยาบาล

• โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 3.5 กิโลเมตร
• โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ~ 4.5 กิโลเมตร
• โรงพยาบาล ซีจีเอช พหลโยธิน ~ 4.8 กิโลเมตร

โรงเรียน

• มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 50 เมตร
• มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 2 กิโลเมตร
• มหาวิทยาลัยเกริก ~ 3.2 กิโลเมตร
• โรงเรียนนานาชาติเซนต์ สตีเฟ่นส์ ~ 4.9 กิโลเมตร
• โรงเรียนหอวัง ~ 6.6 กิโลเมตร

อาคารสำนักงาน

• สำนักเขตที่ดินกรุงเทพฯ สาขาบางเขน ~ 850 เมตร
• กรมทหารราบที่ 11 ~ 1.6 กิโลเมตร
• กรมป่าไม้ ~ 2.7 กิโลเมตร
• Thai PBS ~ 4.1 กิโลเมตร
• SCB Park Plaza ~ 6.1 กิโลเมตร
• ปตท. สำนักงานใหญ่ ~ 8.1 กิโลเมตร

COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) เป็นโครงการคอนโด High Rise สูง 23 ชั้น จำนวน 396 ยูนิต มีร้านค้า 1 อาคารจำนวน 5 ยูนิต บนเนื้อที่ดินประมาณ 2 ไร่ ตั้งอยู่ติดถนนพหลโยธินและ BTS บางบัว โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่ 2 ในแบรนด์ COBE จาก SC Asset หลักจากเปิดตัว COBE Ratchada-Rama 9 (โค้บบ์ รัชดา-พระราม 9) ไปไม่นาน ซึ่งจุดเด่นที่แตกต่างกันคือ จำนวนยูนิตที่มีน้อยกว่า เน้นความเป็นส่วนตัว และรูปแบบห้องที่มีฟังก์ชัน High Ceiling ได้เพดานสูงถึง 4.7 เมตร เน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นคนทำงานที่ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง และนักศึกษา เพราะโครงการตั้งอยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศรีปทุมเลย

โมเดลจำลองแสดงภาพรวมของโครงการ COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) เป็นอาคารสูง 23 ชั้น มีร้านค้า 2 ชั้น 1 อาคารอยู่ด้านหน้า ประกอบด้วยจำนวน 5 ยูนิต ตัวอาคารพักอาศัย แบ่งเป็นส่วน Facilites ที่ชั้น Ground Floor และชั้น 23 ชั้น 2 – 4 เป็นพื้นที่อาคารจอดรถ สามารถจอดได้ 145 คัน คิดเป็น 36.62% รวมจอดซ้อนคัน ชั้นพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 5 – 22 โดยชั้น 5 – 7 และชั้น 20 – 22 จะเป็นแปลนของรูปแบบห้อง High Ceiling ส่วนห้อง Simplex จะอยู่ที่ชั้น 8 – 19

การออกแบบโครงการมาภายใต้แนวคิด “Above The CLOUDS” โดยได้แรงบันดาลใจมาจากก้อนเมฆ ทั้งสี รูปทรงและเส้นโค้ง มาตัดกับเฉดสีของท้องฟ้าในช่วงเวลาต่างๆ ลดทอดกลายเป็นดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย สื่อถึงความผ่อนคลาย เบาสบาย และเป็นอิสระ เข้ากับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ ชอบใช้ชีวิตแบบไม่หยุดนิ่ง และพร้อมที่จะเปิดรับความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆอยู่เสมอ โดยบรรยากาศโครงการ จะถ่ายทอดออกมาเป็นยังไงบ้าง ไปชมกันเลยค่ะ

การจัดพื้นที่ภายในโครงการเริ่มที่ Masterplan โดยด้านหน้าติดกับถนนพหลโยธินจะเป็นพื้นที่ Commercial ประกอบด้วยร้านค้า 5 ยูนิต ซึ่งจะแยกทางเข้า – ออกกับพื้นที่อาคารพักอาศัย ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกบ้าน แต่ลูกบ้านก็ยังสามารถเดินมาใช้งานได้ง่าย โดยทางเข้า – ออกของโครงการจะมีทางเดียวอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน เมื่อเข้ามาจะเจอกับ Drop off จอดรับ – ส่งคนได้สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาแลกบัตร เพราะไม้กั้นอัตโนมัติจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ควบคุมการเข้า – ออกด้วยระบบ Bluetooth แต่ด้านหน้าทางเข้าก็จะมีป้อมรปภ.คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยอยู่นะคะ

พื้นที่จอดรถจะอยู่ใต้อาคารเป็นหลัก มีจุดบริการ EV Charger อยู่ที่ชั้น 1 โดยทางขึ้น – ลงชั้นจอดรถต้องอ้อมมาทางหลังอาคาร ช่วยลดความพลุกพล่านด้านหน้าโครงการได้ดี เข้ามาในอาคาร Facilities ชั้น Ground Floor จะประกอบด้วย The Cloud Lobby , Co – Working Space , Reading Lounge , Group Study Zone และ Meeting Room ที่สามารถเปิดเชื่อมต่อออกมาเจอกับพื้นที่สีเขียวอย่าง  Sensory Garden ที่ช่วยเพิ่มความร่มรื่น ผ่อนคลายให้กับโครงการ ส่วนลิฟต์โดยสารได้มา 3 ตัว Service Lift 1 ตัว คิดเป็นสัดส่วน 132 : 1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่น แต่ยังพอใช้งานได้

โมเดลแสดงบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ มีอาคารร้านค้า 2 ชั้น อยู่ด้านหน้า ถัดมาจึงเป็นทางเข้า – ออกโครงการ เมื่อเข้ามาจะเห็น Drop off ที่มีหลังคาคลุม ช่วยกันแดด กันฝน เดินลงจากรถ ก็เข้า Lobby ได้เลย

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Drop off ด้านหน้าโครงการ

พื้นที่สีเขียวภายในโครงการ จะอยู่ที่บริเวณชั้น Ground Floor ประกอบด้วยส่วน Sensory Garden ออกแบบ Landscape ด้วยการใช้เส้นโค้งดูลื่นไหล มีพื้นที่นั่งเล่นมาให้หลายจุด มีลานกลางแจ้งใช้เป็น Amphitheater ได้

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Sensory Garden ภายในโครงการ

ภาพจำลองบรรยากาศ The Cloud Lobby ได้ฝ้าเพดานสูง เน้นความโปร่งโล่ง ใช้ผนังโค้งและโทนสีขาวเพิ่มความนุ่มนวล ผ่อนคลาย ตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใส ทำให้ไม่ดูเรียบง่ายจนเกินไปค่ะ

ชั้น 23 เป็นชั้นบนสุดของอาคาร จัดเป็นพื้นที่ Facilities แบบยกชั้น รองรับการใช้งานได้ทั้ง Indoor และ Outdoor โดยฟังก์ชันประกอบด้วย Skyline Pool , Kids Pool , Sky Fitness , Cloud Nine Club , Yoga Room , Party Room , Above The Cloud Garden , Sunset Lounge และ Pool Lounge

โมเดลจำลองแสดงบรรยากาศพื้นที่ใช้งานบนชั้น 23 จุดเด่นอยู่ที่ Skyline Pool ขนาด 29×4 เมตร ได้ความยาวสระเกินขนาด Half Olympic ใช้ว่ายออกกำลังแบบจริงจังได้เลย โดยด้านหน้ายังมีพื้นที่สวนไว้ใช้ออกมานั่งพักผ่อน ชมวิวมุมสูงของเมืองได้ รอบๆยังตกแต่งด้วยต้นไม้หลากหลาย ได้บรรยากาศร่มรื่น น่าใช้งาน

ภาพจำลองบรรยากาศ Pool Lounge เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนติดกับสระว่ายน้ำ ได้ฝ้าเพดานสูง ดูโปร่งโล่ง

ภาพจำลองบรรยากาศ Party Room อยู่ใน Entertainment Zone ที่รองรับการใช้งานได้ทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่ม ลูกบ้านสามารถชวนเพื่อนๆขึ้นมาปาร์ตี้ สังสรรค์กันได้ โดย Facilities ในโครงการจะเปิดให้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะคะ

แปลนชั้นพักอาศัย

ชั้นพักอาศัยของโครงการเริ่มที่ชั้น 5 – 22 การจัดวางตำแหน่งจะเหมือนกันทั้งในชั้น High Ceiling และ Simplex รูปแบบห้องที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดคือ Studio ขนาดเริ่มต้น โดยตำแหน่งอาคารจะวางขนานไปกับทิศตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้มีบางห้องที่อาจโดนแดดช่วงบ่าย แต่ก็เป็นทิศที่มีรูปแบบให้เลือกครบทั้ง Studio , 1 Bedroom และ 2 Bedroom

สำหรับห้อง 2 Bedroom (กรอบสีฟ้า) จะมีเพียงชั้นละ 1 ยูนิต เป็นห้องมุม ซึ่งก็จะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเช่นกัน ส่วนรูปแบบห้องที่หันหน้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ Studio และ 1 Bedroom โดยจำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นอยู่ที่ 22 ยูนิต ตำแหน่งโถงลิฟต์จะอยู่กลางอาคารพอดี ทำให้ห้องพักอาศัยทั้ง 2 ฝั่ง เดินได้ในระยะที่พอๆกัน ไม่ไกลจนเกินไป

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1

• The Cloud Lobby
• Co – Working Space
• Reading Lounge
• Group Study Zone
• Meeting Room
• Sensory Garden
• EV Station
• Juristic Office
• Mail Room
• Laundry Room
• Zero Waste

ชั้น 23

• Skyline Pool (ระบบเกลือ ขนาด 29×4 เมตร ลึก 1.20 เมตร รวม Kids Pool ลึก 0.5 เมตร)
• Sky Fitness
• Cloud Nine Club (Entertainment Zone)
• Yoga Room
• Party Room
• Above The Cloud Garden
• Sunset Lounge
• Pool Lounge
• ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
• อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 132 :  1
• Service Lift 1 ตัว
• ที่จอดรถประมาณ 145 คันคิดเป็น 36.62% (รวมจอดซ้อนคัน)
• การเข้า – ออกโครงการใช้ระบบจดจำป้ายทะเบียน ควบคู่กับไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ
• ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Face Scan

รูปแบบห้องในโครงการ COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) มีให้เลือกหลากหลาย รองรับผู้ใช้งานได้ทั้งนักศึกษาและคนวัยทำงาน จะชอบห้อง Studio ขนาดเริ่มต้นเน้นความคล่องตัว หรือห้องขนาดใหญ่ 2 Bedroom อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวได้ 2 – 3 คนเลย โดยจุดเด่นของโครงการอยู่ที่ห้อง High Ceiling ได้เพดานสูง 4.7 เมตร รูปแบบการขายเป็น Fully Furnished ได้เฟอร์ครบ พร้อมเข้าอยู่ ซึ่งรายละเอียดจะมีดังต่อไปนี้

Simplex

• Studio พื้นที่ใช้สอยภายใน 23.00 – 26.00 ตร.ม.
• 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 30.00 ตร.ม.
• 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 46.80 ตร.ม.

High Ceiling

• High Ceiling Studio พื้นที่ใช้สอยภายใน 23.50 ตร.ม.
• High Ceiling 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 30.17 ตร.ม.
• High Ceiling 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 45.94 ตร.ม.

วัสดุในห้อง

• Furniture Package : ตู้รองเท้า , เคาน์เตอร์ครัว , โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง , Coffee Table , โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่ง , ชั้นวางทีวี , ตู้เสื้อผ้า , ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต
• Digital Door Lock 4 ระบบ ( กดรหัส , คีย์การ์ด , กุญแจ , Bluetooth)
• วัสดุพื้น SPC ความหนา 4 มิลลิเมตร
• วัสดุพื้นห้องครัว กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 เซนติเมตร
• วัสดุพื้น ผนังห้องน้ำ กระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 เซนติเมตร
• วัสดุพื้นระเบียง กระเบื้องเซรามิก ชนิดกันลื่น ขนาด 30×30 เซนติเมตร
• เคาน์เตอร์ครัว ท็อปหินสังเคราะห์ หน้าบานกรุเมลามีนลายไม้
• เตาไฟฟ้า , เครื่องดูดควันและอ่างล้างจาน จากยี่ห้อ HAFELE
• สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ จากยี่ห้อ MOGEN

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

สำหรับราคาเริ่มต้นห้อง Simplex จะอยู่ที่ 2.79 ล้านบาท* ห้อง High Ceiling เริ่มต้น 3.99 ล้านบาท* ซึ่งวันที่ 11 – 12 พฤศจิกายนนี้ จะมี Soft Opening เปิดให้เข้าชม Sale Gallery และห้องตัวอย่างเพดานสูงอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยในวันนี้เราได้นำภาพบรรยากาศภายในห้องมาให้ชมกันก่อน จะเป็นยังไงบ้าง ไปชมกันค่ะ

High Ceiling 1 Bedroom 30.17 ตร.ม.

รูปแบบ High Ceiling เหมาะกับคนชอบคอนโดที่ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน โดยในโครงการจะมีให้เลือกตั้งแต่ Studio , 1 Bedroom และ 2 Bedroom ได้พื้นที่ใช้สอย 23.50 – 45.94 ตร.ม. โดยฝ้าเพดานได้ความสูงถึง 4.7 เมตร สูงกว่าโครงการอื่นๆในย่าน จึงทำให้ได้ความโปร่งโล่งมากกว่า โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชม เป็นห้อง High Ceiling 1 Bedroom 30.46 ตร.ม. ซึ่งจะมีจุดเด่นดังนี้

• ช่องแสงใหญ่ – เป็นข้อดีของห้องเพดานสูง เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศโปร่งโล่ง โดยโครงการให้บาน Fix กระจกมาขนาดใหญ่ ทำให้แสงสว่างจากธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างทั่วถึงทั้งชั้น 1 และชั้น 2
• ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง – ติดกับส่วนนั่งเล่น มีห้องอเนกประสงค์ ไว้จัดฟังก์ชันเพิ่มเองได้ โดยโครงการกั้นประตูบานเลื่อนกระจกมาให้เป็นสัดส่วน ภายในวางเตียงขนาด 3 – 3.5 ฟุตได้สบายๆเลย
• Walk – in Closet ส่วนตัว – ชั้นบนเป็นพื้นที่ห้องนอน มีมุมแต่งตัวที่โครงการ Built – in มาให้ ได้ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ พร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง เหมาะกับคนที่มีเสื้อผ้าเยอะ อยากได้พื้นที่แต่งตัวเป็นสัดส่วน ใช้งานร่วมกันได้ 2 คนกำลังดีค่ะ

มาชมบรรยากาศในห้อง เมื่อเข้ามาก็จะเจอกับส่วนครัวเป็นอันดับแรก ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ เดินเชื่อมต่อใช้งานกันได้สะดวก ส่วนพักผ่อนจะอยู่ถัดเข้าไปด้านใน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว

เคาน์เตอร์ครัวที่ได้เป็น Built – in มาให้แบบเต็มผนัง สูงถึงฝ้า ทำให้ได้ช่องเก็บของเยอะ ชั้นบนเป็นตู้บานเปิด ติดตั้งชั้นวางด้านในให้เรียบร้อย ชั้นล่างมีช่องเก็บของใต้อ่าง ใช้เก็บของชิ้นใหญ่ๆได้

ด้านข้างมีลิ้นชักไว้ใส่ช้อนส้อม , อุปกรณ์ทำครัว และช่องสำหรับไมโครเวฟ โดยหน้าบานจะกรุเมลามีน ซึ่งเป็นวัสดุที่ทนความชื้น ความร้อน และรอยขีดข่วนได้ดีกว่าลามิเนต

ท็อปเป็นหินสังเคราะห์ ด้านหลังปู Blacksplash ให้ เช็ดทำความสะอาดง่าย เวลามีคราบเลอะเทอะจากการทำอาหาร เตาไฟฟ้าได้มาแบบ 2 หัว ติดตั้งให้พร้อมเครื่องดูดควันจากยี่ห้อ HAFELE ตรงอ่างล้างจานมีฝาเปิด – ปิดมาให้ ดูเรียบร้อย ตอนไม่ใช้งานก็ปิดไว้ ได้พื้นที่เพิ่มเวลาทำครัว

ด้านข้างมีช่องใส่ตู้เย็นได้ขนาด 0.70×1.79 เมตร ด้านบนมีตู้เก็บของ และด้านข้างติดกับประตูเป็นตู้รองเท้า ด้านในมีชั้นวางติดตั้งมาให้ วางรองเท้าได้ 8 – 10 คู่เลย

พื้นครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 เซนติเมตร ความกว้างประมาณ 1.10 เมตร ยืนทำครัวด้วยกัน 2 คนได้ ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร ฉาบเรียบทาสีขาว ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 จุด พร้อมอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัย Sprinkler และ Smoke Detector

ห้องน้ำอยู่ติดกับครัว เดินเชื่อมต่อใช้งานสะดวก พื้นที่ภายในแยกโซนเปียก – แห้งมาให้เป็นสัดส่วน พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60×60 เซนติเมตร

อ่างล้างมือได้มาขนาดใหญ่ มีพื้นที่ให้พอวางของใช้อย่างสบู่หรือแปรงสีฟันได้ ติดตั้งมาให้พร้อมก็อกน้ำ ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์ มีสายฉีดชำระที่สามารถเสียบหัวกับแป้งด้านหลังได้ ใช้งานง่าย ส่วนที่ใส่กระดาษทิชชู่จะซ่อนอยู่ใต้อ่าง ดูเรียบร้อยดีค่ะ

ส่วนอาบน้ำมีการทำขอบพื้นขึ้นมาป้องกันน้ำไม่ให้ไหลออกด้านนอก ได้ขนาด 0.85×1.25 เมตร มีฝักบัวแบบ Hand Shower ติดตั้งมาให้ โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดในห้องน้ำได้จากยี่ห้อ MOGEN ฝ้าเพดานมีไฟดาวน์ไลท์มาให้ 1 จุด และพัดลมระบายอากาศ ที่ช่วยระบายกลิ่นและความชื้นได้ดี

เข้ามาที่ส่วนพักผ่อนด้านใน จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร ได้ฝ้าเพดานสูงถึง 4.7 เมตร วัสดุพื้นเป็น SPC ความหนา 4 มิลลิเมตร ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมาก เพราะแข็งแรง ทนทานกว่ากระเบื้องยางทั่วไป

บรรยกาศในห้องดูโปร่งโล่งมากด้วยแสงจากธรรมชาติ ซึ่งเข้ามาจากบาน Fix กระจกขนาดใหญ่ และประตูบานเลื่อนกระจกที่เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอก โดยตรงบาน Fix มีหน้าต่างกระทุ้งมาให้ 1 จุด ใช้เปิดรับลมและระบายอากาศได้

รูปแบบการขายในโครงการเป็น Fully Furnished โดยเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ จะเป็นแบบที่ได้ในห้องมาตรฐานเลยนะคะ วัดระยะจากบริเวณโต๊ะรับประทานอาหารถึงหน้าทีวี ได้ความกว้าง 2.55 เมตร ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน โดยขนาดทีวีที่ติดตั้งได้ 40″ – 45″ กำลังดีค่ะ

ในส่วนพักผ่อนเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะเป็นแบบลอยตัวประกอบด้วย โซฟา 2 ที่นั่ง , ตู้วางทีวี , โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว สามารถใช้เป็นโต๊ะทำงานไปด้วยได้เลย

ห้องอเนกประสงค์ โครงการกั้นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนมาให้ เปิด – ปิดใช้งานสะดวก จากตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามกับระเบียง ทำให้ได้แสงสว่างจากด้านนอกไปด้วย จึงดูไม่ปิดทึบจนเกินไป

พื้นที่ภายในได้มาขนาด 1.86×2.39 เมตร ใช้เป็นห้องนั่งเล่นพักผ่อนอีกจุด ห้องทำงานส่วนตัว หรือวางเตียงขนาด 3 – 3.5 ฟุตไว้รับรองแขกได้เลย โดยในห้องจะเป็นห้องเปล่า ตกแต่งเพิ่มได้ตามความชอบค่ะ

ระเบียงด้านนอกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอนเช่นเดียวกัน พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ชนิดกันลื่นขนาด 30×30 เซนติเมตร ได้พื้นที่ใช้งานขนาด 0.79×2.46 เมตร โดยใช้เป็นพื้นที่ซักล้าง วางเครื่องซักผ้าได้เลย ซึ่งโครงการได้เดินท่อและเตรียมปลั๊กไว้ให้เรียบร้อย

บันไดเป็นโครงสร้างเหล็ก กว้าง 0.84 เมตร ลูกตั้งสูง 19 เซนติเมตร ลูกนอนกว้าง 23 เซนติเมตร ด้านล่างทำเป็นห้องเก็บของใต้บันได มีประตูเปิด – ปิด และไฟติดผนังติดตั้งมาให้เรียบร้อย

มุมมองจากชั้นบน มองลงไปด้านล่าง ราวกันตกให้มาเป็นเหล็กพร้อมมือจับสำเร็จรูป ติดตั้งมาให้ยาวตลอดแนวจนถึงชั้นบน กั้นพื้นที่ห้องนอนเพื่อความปลอดภัย

ชั้นบน วัสดุพื้นยังคงเป็น SPC ฝ้าเพดานสูง 2.15 เมตร สามารถเดินได้สะดวก ไม่อึดอัด โดยบนชั้นนี้จะเป็นส่วนห้องนอน พร้อมส่วนแต่งตัวที่โครงการ Built – in มาให้เป็นสัดส่วน ดูน่าใช้งาน

โครงการ Built – in ตู้เสื้อผ้ามาให้ครบชุดพร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง มีกระจกเงาติดตั้งมาให้ ทั้งยังมีชั้นวางของ ลิ้นชักไว้เก็บของอย่างเครื่องประดับได้ด้วย ส่วนตู้เสื้อผ้าเปิดใช้งานได้ 2 ฝั่งภายในมีราวแขวนผ้าและลิ้นชัก ตรงกลางเหลือพื้นที่ใช้งานประมาณ 1.15×1.00 เมตรค่ะ

ห้องนอนได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตจากโครงการ มีพื้นที่ด้านข้างไว้พอวางตู้หรือโต๊ะข้างเตียงได้ด้วย

ฝั่งที่ติดกับราวกันตก เหลือพื้นที่กว้าง 32 เซนติเมตร ฝั่งที่ติดกับผนังทึบกว้าง 58 เซนติเมตร ส่วนปลายเตียงกว้าง 69 เซนติเมตร หากใครอยากติดทีวีเพิ่มเหมือนห้องตัวอย่าง ก็สามารถติดเป็น Smart TV เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้เลย

สวิตช์และปลั๊กไฟภายในห้อง เป็นดีไซน์กรอบเรียบสีขาวจากยี่ห้อ Schneider หรือเทียบเท่าค่ะ

Studio 23.00 – 26.00 ตร.ม.

ห้องต่อมาที่เราจะพาไปชมเป็นรูปแบบห้อง Studio 26.54 ตร.ม. ซึ่งเป็นขนาดเริ่มต้นของโครงการ ในราคาเริ่มที่ 2.79 ล้านบาท* เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบ 1 – 2 คนกำลังดี เน้นความโปร่งโล่ง เดินเชื่อมต่อใช้งานได้สะดวก โดยจุดเด่นของห้องนี้จะอยู่ที่

• Walk – in Closet ส่วนตัว – เป็นรูปแบบห้อง Studio ที่ได้ Walk – in Closet กั้นแยกมาให้เป็นสัดส่วน จัดเป็นการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่น่าสนใจ แตกต่างกับห้อง Studio ของโครงการอื่นๆ
• เฟอร์นิเจอร์ปรับเปลี่ยนได้ – ในรูปแบบนี้ได้เฟอร์นิเจอร์ Built – in มาเยอะ จุดเด่นอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถพับเก็บได้เมื่อไม่ใช้งาน นอกจากช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับห้อง ยังรองรับการใช้งานได้หลากหลาย
• พื้นที่เก็บของเยอะ – เหมาะกับชาวคอนโดที่อยู่คนเดียว มีของเยอะ แต่ไม่อยากซื้อห้องไซส์ใหญ่ ในห้องได้พื้นที่เก็บของเป็นตู้และชั้นวางหลายตำแหน่ง แทบไม่ต้องซื้อหรือ Built – in เพิ่มเองเลย

เคาน์เตอร์ Built – in ในครัว ได้มาครบชุด วัสดุเหมือนห้องที่แล้ว แต่ได้ช่องเก็บของมากกว่า มีเครื่องดูดควัน , เตาไฟฟ้า และอ่างล้างจานจากยี่ห้อ HAFELE ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน แต่วัสดุพื้นส่วนนี้จะเป็น SPC เหมือนในส่วนพักผ่อน

ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว Built – in มาให้แบบเซ็ตใหญ่ เป็นส่วน Walk – in Closet ใช้งานเป็นตู้และชั้นวางของเชื่อมต่อกับส่วนนั่งเล่น ซึ่งประตูส่วนแต่งตัวได้มาเป็นบานเลื่อนทึบ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวค่ะ

ตู้เสื้อผ้าเป็น Built – in เข้ามุมขนาดใหญ่สูงถึงฝ้า ติดกันเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัวได้เลย ในตู้มีราวแขวนผ้า ชั้นวาง และลิ้นชักติดตั้งมาให้เรียบร้อย ใช้งานได้หลากหลาย

ห้องน้ำจะตกแต่งคล้ายกับห้องที่แล้ว ได้วัสดุครบชุดเหมือนในห้องตัวอย่าง พื้นที่แยกโซนเปียก – โซนแห้งมาให้เรียบร้อย ใช้งานและทำความสะอาดง่าย สามารถติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเองได้ภายหลังนะคะ

สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก MOGEN ส่วนอาบน้ำได้มาขนาด 0.82×0.90 เมตร บนผนังด้านข้างมีช่องใส่อุปกรณ์อาบน้ำได้ เอื้อมหยิบสะดวก หากใครอยากติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่ม โครงการก็ทำ Junction เตรียมไว้ให้แล้วค่ะ

ความสูงในห้องรูปแบบ Simplex จะได้มาสูง 2.7 เมตร ซึ่งถือว่าสูงกว่าโครงการอื่น ดูเน้นความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ ส่วนตัวเรามองว่าครัวทั้ง 2 Type ที่ได้เป็นแบบเปิด สามารถกั้นประตูเพิ่มเองได้ เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องกลิ่นและควันเวลาทำอาหาร

ด้านในเป็นพื้นที่ห้องนอนใช้ร่วมกับส่วนรับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น โดยเฟอร์นิเจอร์ได้มาเหมือนในห้องตัวอย่างเลย

เฟอร์นิเจอร์ในส่วนพักผ่อน ประกอบด้วย ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตพร้อมหัวเตียง โซฟา 2 ที่นั่งมีลิ้นชักเก็บของด้านล่าง จุดเด่นอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถพับเก็บได้ จะใช้เป็นโต๊ะทำงานก็สะดวก

ด้านล่างยังมีช่องเก็บของมาให้เยอะ เวลาไม่ใช้งานก็พับเก็บเข้าไป กลายเป็นชิ้นเดียวกับผนังตู้เลย ซึ่งตัวตู้เองก็แบ่งช่องเก็บของมาให้หลายจุด โดยโครงการ Built – in มาให้สูงถึงฝ้า ถูกใจคนที่มีของส่วนตัวเยอะๆ หรือชอบวางของเพื่อตกแแต่งห้องค่ะ

ฝั่งตรงข้ามได้เป็นผนังโล่ง มีตู้วางทีวีแบบลอยตัว ปรับเปลี่ยนตำแหน่งเองได้ โดยระยะจากโซฟาถึงหน้าทีวีกว้าง 3.85 เมตร พื้นที่ใช้งานภายในห้องจัดสัดส่วนมาค่อนข้างดี ทำให้ในห้องได้แสงธรรมชาติทั้งจากประตูระเบียงและหน้าต่างที่อยู่ติดข้างเตียง

ฐานเตียง Built – in มาให้ชิดผนังติดหน้าต่าง ได้มาขนาด 5 ฟุตพร้อมหัวเตียง ดูเป็นสัดส่วน เวลาที่อากาศดีๆ ก็สามารถเปิดรับลมและแสงจากธรรมชาติได้

รอบๆเตียงมีพื้นที่ให้เดินใช้งานได้ โดยจะเป็นส่วนฐานที่ Built – in ขึ้นมา ด้านล่างมีลิ้นชักมาให้ 2 ช่อง ฝั่งที่ติดกับหน้าต่างเหลือพื้นที่กว้าง 35 เซนติเมตร ทำเป็นช่องเก็บของบานเปิด ใส่ของใช้ชิ้นเล็กๆได้ ถือเป็นการออกแบบที่ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าทีเดียวค่ะ

พื้นที่ระเบียงได้ขนาด 1.10×1.46 เมตร แบ่งเป็นโซนวางเครื่องซักผ้า โดยโครงการได้เดินท่อและติดตั้งปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้ เพื่อความปลอดภัย ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนไว้ด้านบน ทำให้ใช้งานพื้นที่ระเบียงได้แบบเต็มที่ แล้วยังไม่มีสิ่งรบกวนสายตาอีกด้วย

1 Bedroom 30 ตร.ม.

รูปแบบห้อง 1 Bedroom 30 ตร.ม. มีจุดเด่นที่ความเป็นสัดส่วน เริ่มจากครัวด้านหน้าได้มาเป็นแบบปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนคู่ติดตั้งมาให้เรียบร้อย ซึ่งมีข้อดีก็คือ เปิดได้กว้างกว่าแบบทั่วไป เดินใช้งาน ขนของเข้า – ออกได้สะดวก ส่วนนั่งเล่นและรับประทานอาหารใช้พื้นที่ร่วมกัน โดยอยู่ติดกับหน้าต่าง มีประตูด้านข้างเปิดออกไปเชื่อมต่อกับระเบียงได้

ในส่วนห้องนอนได้ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีมุมแต่งตัวอยู่ภายในเลย ส่วนห้องน้ำเป็น Double Access เข้า – ออกได้ 2 ฝั่ง ทั้งจากในห้องนอน และห้องครัวด้านนอก ใช้งานสะดวกโดยไม่เสียความเป็นส่วนตัว เวลามีแขกมาที่ห้อง ก็ไม่ต้องเดินผ่านส่วนพักผ่อนภายใน หรือหากเราอาบน้ำเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องเดินอ้อมด้านนอก แต่เดินเข้าห้องนอนไปแต่งตัวได้เลย

2 Bedroom 46.80 ตร.ม.

รูปแบบห้อง 2 Bedroom เป็นแบบ 2 Bed 1 Bath ได้พื้นที่ใช้สอย 46.80 ตร.ม. โดยหมายถึงห้องนอน 2 ห้องใช้ห้องน้ำร่วมกันตรงโถงกลาง เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอกับครัวปิดเป็นสัดส่วน ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารติดกับระเบียง วางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งได้

โดยลักษณะห้องได้มาเป็นแบบหน้ากว้าง ทำให้ได้ช่องแสงเยอะ ส่วนนั่งเล่นและห้องนอนอยู่ติดหน้าต่าง ได้ความโปร่งโล่ง ห้องนอนที่มีขนาดใหญ่กว่าจะได้ Walk – in Closet ภายในที่สามารถกั้นเพิ่มเองได้ ซึ่งในห้องนี้ก็จะมีประตูที่เปิดไปใช้งานห้องน้ำได้ด้วย อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว 2 – 4 คนได้สบายๆค่ะ

COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) ราคา ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566

• Studio พื้นที่ใช้สอยภายใน 23.00 – 26.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท*
• 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 30.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.75 ล้านบาท*
• 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 46.80 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.89 ล้านบาท*
• High Ceiling Studio พื้นที่ใช้สอยภายใน 23.50 ตร.ม. (รวมชั้นลอย 36.05 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท*
• High Ceiling 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 30.17 ตร.ม. (รวมชั้นลอย 44 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 5.35 ล้านบาท*
• High Ceiling 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 45.94 ตร.ม. (รวมชั้นลอย 76.53 ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น 8.55 ล้านบาท*

• รูปแบบการขาย Fully Furnished : ตู้รองเท้า , เคาน์เตอร์ครัว , โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง , Coffee Table , โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่ง , ชั้นวางทีวี , ตู้เสื้อผ้า , ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต
• ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร ในห้อง High Ceiling สูง 4.70 เมตร
• จอง 50,000 – 70,000 บาท
• ทำสัญญา 30,000 บาท
• ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
• ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเล :

โครงการ COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) ตั้งอยู่ติดถนนพหลโยธิน จัดอยู่ในย่านชุมชนดั้งเดิม ที่เริ่มมีความคึกคักเพิ่มขึ้นจากส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งช่วยทำให้คนในย่านและนักศึกษาเดินทางได้สะดวกสบายมากขึ้นด้วย การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ง่ายเพราะถนนเลียบคลองบางเขน ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดี – รังสิต ช่วยลดความหนาแน่นการจราจรในชั่วโมงเร่งด่วนได้ดีค่ะ ส่วนความอุดมสมบูรณ์จะอิงอยู่บนถนนพหลโยธินเป็นหลัก โดยมีห้างขนาดใหญ่ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยได้หลากหลาย แต่จะขยับมาอยู่โซนรัชโยธินและห้าแยกลาดพร้าว จากโครงการนั่งรถไฟฟ้ามาได้ แค่ไม่กี่สถานีเท่านั้น

การเดินทางโดยใช้รถ :

ค่อนข้างสะดวก ด้วยตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ทำให้เข้า – ออกได้ง่าย ซึ่งถนนพหลโยธินเป็นถนนหลักที่สามารถขับไปเชื่อมต่อกับถนนใหญ่ได้หลายสาย โดยในย่านนี้จัดว่ามีการพัฒนาทางคมนาคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทำทางลอดอุโมงค์ สะพานข้ามแยก และถนนตัดใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง โดยโครงการจัดพื้นที่จอดรถมาให้ 36.62% หรือประมาณ 145 คัน ถือว่าพอใช้งานได้เมื่อเทียบกับทำเลที่อยู่ติดรถไฟฟ้าค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

เป็นจุดเด่นของโครงการ เพราะที่ตั้งอยู่ติดกับบันไดทางขึ้น – ลง BTS บางบัว ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายหลักที่นั่งยาวเข้าใจกลางเมืองได้เลย และโครงการยังสามารถไปใช้รถไฟฟ้าได้อีกหลายสายทั้งสายสีชมพู , สายสีแดงเข้ม และ MRT สายสีน้ำเงิน โดยหน้าโครงการยังอยู่ติดถนนใหญ่ ทำให้เรียกใช้บริการรถสาธารณะได้ง่าย มีทั้งแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซต์ และรถเมล์ ซึ่งฝั่งตรงข้ามโครงการก็มีรถตู้วิ่งให้บริการไปฝั่งงามวงศ์วานได้ด้วยนะคะ

วัสดุ :

รูปแบบการขายเป็น Fully Furnished ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้เป็นแบบ Flexible ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งาน พับเก็บได้ ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของได้เยอะ เหมาะกับชาวคอนโดที่ไม่อยาก Built – in หรือซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม โดยวัสดุในห้องให้มาเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละส่วน เคาน์เตอร์ครัว Built – in มาให้เต็มผนัง ท็อปเป็นหินสังเคราะห์ ได้วัสดุปิดผิวค่อนข้างดี ติดตั้งมาพร้อม Hob&Hood จากยี่ห้อ HAFELE วัสดุพื้นเป็น SPC ทนความร้อน ความชื้นได้ดี และยังไม่โดนปลวก แมลงกัดแทะด้วย ส่วนสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ได้มาครบชุดจากยี่ห้อ MOGEN ได้ของแต่งครบเหมือนในห้องตัวอย่าง

การออกแบบโครงการ :

การออกแบบโครงการทำออกมาได้ดี มี Concept ชัดเจน ได้จำนวนยูนิตน้อย ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง การออกแบบพื้นที่ใช้งานในโครงการจะแยกพื้นที่ส่วนกลางและส่วนพักอาศัยออกจากกัน ใช้งานได้สะดวก พื้นที่จอดรถอยู่บนอาคารช่วยลดความพลุกพล่าน ลักษณะอาคารวางเป็นแนวยาวขนานไปกับถนนหลักด้านหน้า วิวของห้องพักอาศัยส่วนใหญ่จะได้ความเปิดโล่ง ส่วนแปลนอาคารเป็นแบบ Typical จัดวางตำแหน่งเหมือนกันทั้งชั้นที่เป็นห้อง High Ceiling และห้อง Simplex มีรูปแบบให้เลือกครบในแต่ละชั้น

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย :

มีรูปแบบห้องให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ Studio , 1 Bedroom และ 2 Bedroom โดยจุดเด่นอยู่ที่ห้อง High Ceiling เปิดตัวครั้งแรกบนทำเลนี้จากแบรนด์ COBE การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายใน เน้นความโปร่งโล่งเป็นพิเศษ ทั้งในห้อง Simplex ที่ได้เพดานสูง 2.7 เมตร และห้อง High Ceiling สูง 4.7 เมตร ซึ่งถือว่าได้มากกว่าโครงการอื่นๆ การจัดฟังก์ชันภายในก็ทำมาได้ลงตัว แบ่งพื้นที่การใช้งานได้เป็นสัดส่วน ใช้งานได้ดี

โดยแต่ละแบบก็มีจุดเด่นแตกต่างกันชัดเจน อย่างห้องตัวอย่างที่พาไปชม ห้อง Studio ก็มีการจัดพื้นที่ Walk – in Closet แยกมาให้เป็นสัดส่วน การ Built – in แต่ละจุดก็คำนึงถึงการใช้งานได้เหมาะสม มีพื้นที่เก็บของเยอะ ส่วนห้อง High Ceiling 1 Bedroom ก็มีห้องอเนกประสงค์ ปรับเปลี่ยนการใช้งานเองได้ เหมาะกับคนที่ชอบอยู่คอนโดแต่อยากได้ห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ จัดฟังก์ชันได้คุ้มค่า

สาธารณูปโภค :

ให้มาตามมาตรฐาน เหมาะสมกับจำนวนยูนิต แบ่งพื้นที่ใช้งานเป็น 2 ชั้น ที่บริเวณ Ground Floor จะเป็นส่วนต้อนรับ พื้นที่ทำงาน และนั่งพักผ่อน ส่วนชั้น 23 จะเป็น Entertainment Zone มีพื้นที่ให้ออกกำลังกาย ทั้ง Fitness และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่สังสรรค์ และพื้นที่สีเขียวพร้อมมุมนั่งเล่น ให้ออกมาสูดอากาศชมวิวมุมสูงได้

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 125,000 บาท/ตร.ม., 10 พฤศจิกายน 2566

• ทำเล 8/10 – ใกล้มหาวิทยาลัย หาของกินง่าย เดินทางสะดวก
• เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนพหลโยธิน เชื่อมต่อถนนหลักอื่นได้
• ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ติด BTS บางบัว และไปใช้รถไฟฟ้าได้อีกหลายสาย
• วัสดุ 8/10 – ขายแบบ Fully Furnished ตกแต่งครบ พร้อมเข้าอยู่
• แบบ 8/10 – Concept ชัด มีรูปแบบห้องให้เลือกเยอะ มีห้อง High Ceiling
• สาธารณูปโภค 7.75/10 – จัดมาเหมาะสมกับจำนวนยูนิต

• UPPER CLASS
• 8.04 / 10.00

COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) เหมาะกับใคร

โครงการ COBE Kaset – Sripatum (โค้บบ์ เกษตร – ศรีปทุม) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในโซนพหลโยธิน เป็นนักศึกษา , บุคคลากรในมหาวิทยาลัย หรือนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่า ชอบทำเลที่เดินทางง่าย จำนวนยูนิตน้อย เป็นส่วนตัว อยากได้ห้องฝ้าเพดานสูง มีงบเริ่มต้น 2.79 – 8.55 ล้านบาท* หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 19,127 – 58,616 บาท/เดือน

ส่งท้ายปีด้วยโปรโมชั่นคอนโดใกล้แนวรถไฟฟ้าและสินเชื่อพิเศษกับงาน Living Expo 2023 อย่าลังเลจนพลาดเป็นเจ้าของคอนโดราคาดีๆ

ลงทะเบียนรับฟรี หนังสือและโพย ที่จะพลิกทุกวิธีการหาบ้านเดิมๆให้ตรงใจและประหยัดเวลามากขึ้น

Living Expo 2023 วันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน 2566 ชั้น 1 สยามพารากอน
ลงทะเบียนเลย คลิกที่นี่