รีวิวโครงการ
รีวิวตึกเสร็จ ชาโตว์ อินทาวน์ รัชโยธิน คอนโด Low Rise บนถนนพหลโยธิน ใกล้ห้าง Major และ BTS รัชโยธิน จาก CMC Group [รีวิวฉบับที่ 2576]
19 กรกฎาคม 2023
รีวิวฉบับที่ 2119 …Chateau in Town รัชโยธิน คอนโดมิเนียม Low Rise ตัวใหม่จาก CMC Group โครงการนี้เค้าตั้งอยู่ในซอยเสนานิคม 1 ที่คนมีรถสามารถใช้เส้นทางได้หลากหลาย และยังอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้ารัชโยธินในระยะ 1.2 กิโลเมตรค่ะ ตัวอาคารออกแบบในสไตล์อังกฤษ พร้อมมีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ครบทั้ง Co-Working, Co- Kitchen, Living Area และสระว่ายน้ำ 2 จุด ห้องพักอาศัยมีให้เลือกตั้งแต่ 26 – 48 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 1.88 ล้านบาท รายละเอียดจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ
ข้อมูลโครงการ
26 August 2020
- Chateau In Town Ratchayothin (ชาโตว์ อิน ทาวน์ รัชโยธิน)
- บริษัท พระยาพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (ในเครือ CMC Group)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ซอย พหลโยธิน 32 (เสนานิคม 1) เขต จตุจักร
- ที่ดินประมาณ 2-1-41.2 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 309 ยูนิต (อาคาร A 84 ยูนิต/ อาคาร B 225 ยูนิต )
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิตที่อาคาร B
- ที่จอดรถประมาณ 124 คันคิดเป็น 40%
- เริ่มก่อสร้าง : Q1 2564
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2 2565
- 1 Bedroom ขนาด 26.5 – 36 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 44 – 48 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.88 ล้านบาท (1 Bedroom) / หรือตร.ม.ละ 71,000 บาท
- ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1172
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.832117, 100.579039
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
“รัชโยธิน” เป็นทำเลที่มีความครบครันทั้งห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา ร้านค้า ร้านอาหาร อีกทั้งยังมียังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง เช่น อาคารสำนักงาน SCB , ตึกช้าง จึงทำให้เป็นทำเลที่มีคนนิยมมาอยู่อาศัยอีกทำเลหนึ่ง ปัจจุบันก็กำลังเป็นทำเลยอดฮิตของเหล่า Developer ที่เข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการ เนื่องจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย สถานีรัชโยธินก็เปิดให้บริการแล้วเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ
โครงการ Chateau in Town รัชโยธิน ตั้งอยู่ในซอย พหลโยธิน 32 หรือซอย เสนานิคม 1 แยก 12 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า รัชโยธินประมาณ 1.20 กิโลเมตร การเดินทางจากโครงการด้วยรถยนต์นั้นสามารถออกถนนใหญ่ได้หลายเส้นทางค่ะ ไม่ว่าจะเป็นถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าไปยังห้าแยกลาดพร้าว ไปอารีย์ ไปจนถึงอนุสาวรีย์ฯ หรือขึ้นเหนือออกเมืองไปทางหลักสี่, สะพานใหม่, รังสิตได้
นอกจากนั้นยังมีเส้นทางลัดเลาะไปออกถนนรัชดาภิเษกใช้เดินทางไปยังห้วยขวาง พระราม 9 – อโศกได้ง่ายๆ หรือจะวิ่งไปทางตะวันออกเพื่อไปยังประชาชื่นก็ทำได้ค่ะ นอกจากนั้นยังใช้เส้นทางออกไปยังถนนประเสริฐมนูกิจไปทางรามอินทรา หรือไปหาของกินในซอยลาดพร้าววังหิน โชคชัย 4 หรือไปออกทางถนนลาดพร้าว มุ่งหน้าไปยังบางกะปิ ก็ทำได้สะดวก แต่อาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อยเพราะถนนใหญ่ในทำเลนี้จะมีการจราจรหนาแน่นมากในช่วงเวลาเร่งด่วนค่ะ
ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะ หน้าปากซอยพหลโยธิน 32 มีป้ายรถประจำทาง, รถตู้วิ่งผ่านอยู่หลายสายทั้งเข้าเมืองและออกนอกเมือง ไปยังหมอชิต อนุสาวรีย์ฯ สยาม ลาดพร้าว ปากเกร็ด สะพานใหม่ รังสิต มีนบุรี รามอินทราค่ะ หน้าปากซอยก็จะมีสะพานลอยทำให้ปลอดภัยในการข้ามถนนไปขึ้นรถอีกฝั่งหนึ่งได้ และทางโครงการยังมีรถตุ๊กๆ รับ – ส่งที่สถานีรถไฟฟ้า รัชโยธินอีกด้วยค่ะ ใครที่ไม่รีบนัก สามารถนั่งตุ๊กๆของโครงการออกมาหาของกินที่ Major รัชโยธินก็สะดวกค่ะ
ปัจจุบันรถไฟฟ้าสถานีรัชโยธินเปิดให้บริการแล้วสามารถใช้เดินทางเข้าเมืองไปทางสยาม-เพลินจิต -อโศก ได้โดยตรงไม่ต้องเปลี่ยนสายเพราะสายนี้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายหลักเลย นอกจากนั้นในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยายซึ่งเป็นช่วงสั้นๆระยะทางเพียง 2.6 กม. มาจากแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าวถึงแยกรัชโยธิน เพิ่มตัวเลือกในการเดินทางให้อีกด้วยค่ะ
ในย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรเลย ทั้งอาคารสำนักงานใหญ่ๆหลายแห่ง เรื่องหาของกินของใช้ต่างๆก็สามารถหาได้ง่าย ทั้งบนถนนใหญ่อย่างถนนพหลโยธิน, ลาดพร้าว มีศูนย์การค้าใหญ่ๆในย่านนี้คือ Central ลาดพร้าว , Union Mall และ Major รัชโยธิน หรือใครจะนั่งรถไฟฟ้าออกไปในวันเสาร์-อาทิตย์ก็ใกล้กับตลาดนัดสวนจตุจักร หรือแวะไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะอย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟได้
ความอุดมสมบูรณ์ในซอยเองก็มีไม่ต้องออกไปถนนใหญ่เลยค่ะ ซึ่งจะอยู่บนถนนลาดพร้าว-วังหิน ที่มี Community Mall , Hypermarket, ร้านค้า, ร้านอาหารอยู่ตลอดทั้งเส้น อย่าง The Jas , Makro Food service, Plaza Lagoon มี Max Valu ซึ่งวันนี้เราจะพาไปชมคร่าวๆตอนเดินทางไปยังโครงการค่ะ
การเดินทางไปยังโครงการสามารถเข้าถึงได้จากถนนหลายเส้น ดังนี้
- ถนนลาดพร้าว (1) : วันนี้เราจะพาไปโครงการด้วยถนนเส้นนี้กันค่ะ เริ่มจากถนนลาดพร้าวเข้าซอยโชคชัย 4 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนลาดพร้าววังหิน ขึ้นเหนือไปเลี้ยวซ้ายเข้าซอย พหลโยธิน 32 (เสนานิคม 1) ไปยังแยก 12 ก็จะเจอกับโครงการค่ะ
- ถนนรัชดาภิเษก, ถนนพหลโยธิน (2) : ถ้ามาจากถนนรัชดาภิเษกให้เข้าสู่ถนนพหลโยธินก่อน แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอย พหลโยธิน 32 (เสนานิคม 1) ไปยังแยก 12 ก็จะเจอกับโครงการค่ะ
- ถนนประเสริฐมนูกิจ (3) : ถ้ามาจากถนนประเสริฐมนูกิจให้เข้าสู่ถนนลาดปลาเค้า หรือเข้าจากซอยพหลโยธิน 34 แยก 11 หรือซอยเสนานิคม 2 แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ซอย พหลโยธิน 32 (เสนานิคม 1) ไปยังแยก 12 ก็จะเจอกับโครงการเช่นกันค่ะ
เส้นทางการเดินทาง
การเดินทางเริ่มจากแยกโชคชัย 4 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ซอยโชคชัย 4 ค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ Chateau in Town รัชโยธิน ส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัยสูงตั้งแต่ 2 ชั้นไปจนถึงอาคารสูง 28 ชั้นสลับกับพื้นที่ดินเปล่า บรรยากาศในซอยค่อนข้างคึกคัก มีรถยนต์ขับผ่านอยู่ตลอดทั้งวันค่ะ ที่ตั้งโครงการจะอยู่ตรงจุดตัดซอย พหลโยธิน 32 แยก 12 และซอย พหลโยธิน 30 เลยค่ะ ทำให้มีถนนซอยอยู่ด้านข้างโครงการทั้ง 2 แนวเลย แต่โครงการมีทางเข้า-ออกทางเดียวทางทิศเหนือติดกับซอย พหลโยธิน 30 เพื่อให้ง่ายต่อการรักษาความปลอดภัยค่ะ
- ทิศเหนือ ติดกับ ซอยพหลโยธิน 30 หรือซอยอาลาดิน ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารสูง 4 ชั้น
- ทิศตะวันออก ติดกับ ซอยพหลโยธิน 32 แยก 12 ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัยสูง 1-2 ชั้นและอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น
- ทิศใต้ ติดกับ ที่ดินเปล่า
- ทิศตะวันตก ติดกับ ซอยส่วนบุคคล และบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น
ด้านหน้าโครงการทางทิศเหนือ บรรยากาศในซอยพหลโยธิน 30 ส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัยสูง 2 – 4 ชั้น
ด้านหน้าโครงการทางทิศเหนือ ฝั่งตรงข้ามกับโครงการเป็นอาคารพักอาศัยสูง 4 ชั้น
ด้านหน้าโครงการทางทิศตะวันออก มีอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้นอยู่ค่ะ แต่จะไม่อยู่ตรงกันกับโครงการทำให้ห้องพักอาศัยในโครงการไม่ถูกบดบังทัศนียภาพค่ะ
ด้านข้างโครงการทางทิศตะวันออก เป็นซอยพหลโยธิน 32 แยก 12 ตรงไปเป็นซอยตัน ทำให้มีรถยนต์ผ่านเส้นทางนี้ไม่มากนัก
ด้านข้างโครงการทางทิศตะวันออก ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย สูง 1 – 2 ชั้น
ด้านหลังโครงการทางทิศใต้ เป็นที่ดินเปล่าค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- แหล่งความอุดมสมบูรณ์
- ตลาดบางเขน ~ 950 เมตร
- BTS รัชโยธิน ~ 1.2 กิโลเมตร
- เมเจอร์รัชโยธิน ~ 1.5 กิโลเมตร
- ตลาดวังหิน ~ 1.7 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 2.9 กิโลเมตร
- ยูเนี่ยนมอลล์ ~ 3.4 กิโลเมตร
- สวนรถไฟ ~ 4.2 กิโลเมตร
- ตลาดนัดจตุจักร ~ 5.9 กิโลเมตร
- ตลาดโชคชัยสี่ ~ 6.5 กิโลเมตร
- ม.ราชภัฏจันทร์เกษม ~ 2.6 กิโลเมตร
- รร.หอวัง ~ 3.0 กิโลเมตร
- ม.เกษตรศาสตร์ ~ 3.1 กิโลเมตร
- ม.ศรีปทุม ~ 3.9 กิโลเมตร
- รร.เซนต์จอห์น ~ 3.9 กิโลเมตร
- รพ.เปาโล เกษตร ~ 1.2 กิโลเมตร
- รพ.วิภาวดี ~ 4.2 กิโลเมตร
- รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ~ 6.6 กิโลเมตร
- SCB Park ~ 1.6 กิโลเมตร
- ตึกช้าง ~ 1.7 กิโลเมตร
- ปตท. สำนักงานใหญ่ ~ 4.1 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
โครงการ Chateau In Town รัชโยธิน เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น มีทั้งหมด 2 อาคาร แบ่งเป็น อาคาร A 84 ยูนิตและอาคาร B 225 ยูนิต รวม 309 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันจะเปิดขายที่อาคาร B ก่อนค่ะ โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ 2-1-41.2 ไร่ ให้พื้นที่ส่วนกลางมาครบ พร้อมสระว่ายน้ำ 2 จุด ที่ชั้น 1 และชั้นดาดฟ้า มีทางเข้าออกที่ซอย พหลโยธิน 30 ค่ะ
โครงการมีการออกแบบโดยใช้ดีเทลต่างๆจากสไตล์อังกฤษ (Modern-British Style) เห็นได้จากการใช้บัวผนังและการตกแต่งสวนสไตล์อังกฤษ รวมถึงการออกแบบภายในโครงการด้วยค่ะ บรรยากาศจำลองภายในโครงการจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ
บริเวณทางเข้าโครงการเข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่ Drop off อาคาร A และที่จอดรถรอบๆและใต้อาคารรวมประมาณ 40 % ของจำนวนห้องพักอาศัยค่ะ ถือว่าไม่มากไม่น้อยไปสำหรับโครงการใน Segment นี้
ระหว่างอาคารที่ชั้น 1 เป็นพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับโถงลิฟต์เดินออกมาใช้งานได้สะดวก และเป็นวิวสีเขียวร่มรื่นให้กับห้องพักอาศัยที่หันหน้าเข้าด้านในด้วยค่ะ โดยสระว่ายน้ำที่ได้เป็นสระระบบเกลือ
บรรยากาศจำลองบริเวณริมสระว่ายน้ำ มีที่นั่งพักคอยเป็นชุดๆ ตกแต่งสไตล์ Modern-British เข้ากันกับพื้นที่ Lobby ค่ะ
ถัดมาระหว่างอาคารทางด้านหลังก็เป็นพื้นที่สวนเช่นกันค่ะ ทางโครงการจัดแต่งมาให้แบบสวนอังกฤษ ได้บรรยากาศร่มรื่น เป็นวิวให้กับห้องพักอาศัยได้
พื้นที่ส่วนกลางต่อมาจะอยู่ที่ชั้น 7 ของอาคาร B ค่ะ ภายในประกอบด้วยพื้นที่ Co-Working, Co- Kitchen, Living Area และ Fitness มองลงมาเห็นวิวสวนด้านล่าง และเดินเชื่อมต่อไปยัง Rooftop Facilities ต่อได้ค่ะ
บรรยากาศจำลองภายในห้อง Fitness มีผนังกระจกตลอดทั้งแนวมองเห็นวิวได้กว้างและทำให้ห้องดูโปร่งสบายไม่อึดอัด เหมาะกับการออกกำลังกายค่ะ
ชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นที่ Rooftop Facilities ทั้ง 2 อาคาร มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ล้อมรอบด้วยสวนอยู่ที่อาคาร A สามารถเดินเชื่อมต่อไปยังอาคาร B ซึ่งเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน ชมวิวได้ค่ะ
บรรยากาศจำลองบริเวณสวนและสระว่ายน้ำชั้นดาดฟ้า มีทางเดินเชื่อมกันระหว่าง 2 อาคาร และปลูกต้นไม้มาให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ถัดมาเรามาดูผังโครงการกันบ้างค่ะ โดยรูปทรงอาคารเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทางเข้า-ออกทางเดียว จากซอยพหลโยธิน 30 เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลเรื่องความปลอดภัย เข้ามาแล้วจะมีทางวนรถรอบอาคารตามเข็มนาฬิกา สามารถเลือกที่จอดรถได้เลยค่ะ พื้นที่จอดรถสีเข้ม(ในผัง) จะเป็นพื้นที่จอดรถ 2 ระดับด้วยเครื่องยกรถอัตโนมัติ (สอบถามรายละเอียดจากทางโครงการอีกครั้งนะคะ) ทำให้สามารถจอดรถได้ประมาณ 40 % ค่ะ
ทางขึ้นอาคารมีทั้งหมด 2 จุด อาคาร B จะอยู่ฝั่งทิศใต้ และอาคาร A อยู่ฝั่งทิศตะวันตก เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำค่ะ พื้นที่ส่วนกลางชั้นล่างมีพื้นที่ Lobby, สระว่ายน้ำและสวน ซึ่ง Lobby จะอยู่ติดกับโถงลิฟต์ที่อาคาร B ค่ะ
Chateau In Town Ratchayothin ชั้น 2
เนื่องจากปัจจุบันเปิดการขายเฉพาะที่อาคาร B ดังนั้นเราจึงขอนำผังอาคาร B มาให้ชมอย่างเดียวก่อนนะคะ ชั้น 2 – 7 อาคาร B เป็น Typical Floor วางผังเหมือนกันทุกชั้นค่ะ โดยจะมีโถงลิฟต์อยู่ตรงมุมอาคารด้านใน มีลิฟต์โดยสาร 2 ตัวต่ออาคาร ซึ่งอาคารนี้จะมีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 112 : 1 ถือว่าค่อนข้างหนาแน่นสักหน่อยในคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise
สำหรับโถงทางเดินจะเป็นแบบ Double Corridor โดยจะจัดวางห้องพักอาศัย 2 Bedroom (สีฟ้า) ไว้ที่มุมอาคารทางทิศเหนือ มีเพียง 2 ยูนิตต่อชั้น ห้องพักอาศัย 1 Bedroom ขนาดใหญ่ 29-34 ตารางเมตร(สีน้ำตาล, สีส้ม) จะอยู่ฝั่งด้านในมองเห็นวิวสวนส่วนกลางค่ะ ส่วนห้องพักอาศัยขนาดเล็ก(สีน้ำเงิน) จะอยู่ฝั่งด้านนอกมองเห็นวิวชุมชนพักอาศัย ซึ่งปัจจุบันเป็นวิวโล่งค่ะ
ห้องที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดคือห้อง 2 Bedroom ที่มุมอาคารฝั่งทิศเหนือและห้อง 1 Bedroom ที่มุมอาคารฝั่งทิศตะวันตก เนื่องจากอยู่ติดกับด้านข้างเพียงแค่ฝั่งเดียว ยกเว้นห้องที่ติดกับบันไดหนีไฟจะไม่ติดกับใครเลยค่ะ แต่ทั้งหมดจะต้องแลกกับการเดินไกลจากลิฟต์นิดนึงนะคะ ใครที่อยากอยู่ใกล้ลิฟต์ อาจจะต้องเป็นคนที่ไม่กังวลเรื่องเสียงรบกวน หรือความเป็นส่วนตัวมากนัก
ชั้น 8 ห้องพักอาศัยจะเหมือนกันกับชั้น 2-7 เลยค่ะ แต่ส่วนของห้อง 1 Bedroom สีส้มจะหายไปทั้งหมดเลย กลายเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ห้องทางฝั่งทิศใต้ทั้งหมดมีโถงทางเดินแบบ Single Corridor ไม่มีห้องฝั่งตรงข้าม มีประตูกั้นระหว่างพื้นที่ส่วนกลางและโซนพักอาศัยมาให้ ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้ประกอบด้วย Co-Working, Co- Kitchen, Living Area และ Fitness มองเห็นวิวส่วนกลางระหว่างอาคาร A และ B คนที่อยู่ชั้นนี้เหมาะกับคนที่ใช้งานพื้นที่ส่วนกลางบ่อยๆ เพราะเดินไปใช้งานได้สะดวกทั้งชั้น 8 และดาดฟ้า
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนหย่อมที่ชั้น 1
- Lobby
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ จำนวน 2 สระ
- สระว่ายน้ำชั้น 1 ขนาด n/a เมตร ลึก n/a เมตร
- สระว่ายน้ำชั้น Rooftop ขนาด n/a เมตร ลึก n/a เมตร
แบบห้อง
โครงการ Chateau In Town รัชโยธิน มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 2 แบบ ดังนี้
- 1 Bedroom ขนาด 26.5 – 36 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 44 – 48 ตร.ม.
โดยจะมีรูปแบบการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวครบชุด แต่เฟอร์นิเจอร์ที่เราได้จะไม่เหมือนกับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งในห้องตัวอย่างนะคะ ต้องสอบถามกับทางโครงการอีกครั้งค่ะ ซึ่งรายการเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้มี ดังนี้
- ชุดครัว พร้อมอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน จาก Schön
- ชุดสุขภัณฑ์ จาก Cotto, Schön
- ชั้นวาง TV
- โซฟา
- โต๊ะกลาง
- โต๊ะรับประทานอาหาร พร้อมเก้าอี้
- เตียง
- ตู้เสื้อผ้า
- โต๊ะเครื่องแป้ง
ห้องพักอาศัยห้องแรกที่จะพามาชมเป็นห้อง Type เล็กที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.13 ตารางเมตร มีจุดเด่นคือ ภายในห้องแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วนแยกส่วน Common Area และห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัว มีห้องน้ำอยู่ด้านหลังพื้นที่นั่งเล่นใกล้กับห้องนอนใช้งานสะดวก และได้พื้นที่ครัวปิดติดกับระเบียงสามารถระบายอากาศ และทำอาหารจริงจังได้เต็มที่เลยค่ะ
ห้องนี้เหมาะกับผู้ที่อยู่ 1 – 2 คน ชอบความเป็นสัดส่วน แยกพื้นที่การใช้งานชัดเจน ชอบทำอาหารรับประทานเอง ไม่เน้นการใช้งานพื้นที่ระเบียงเท่าไรนัก บรรยากาศภายในห้องจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ
ด้านหน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ ใช้ได้ถึง 5 ระบบทั้ง สแกนลายนิ้วมือ, ตั้งรหัส, Card, กุญแจ และปลดล็อคผ่าน Smartphone
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น หรือส่วน Common Area ก่อนค่ะ เป็นพื้นที่ที่เชื่อมเข้ากับส่วนอื่นๆ ภายในห้องได้ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีสูง 2.40 เมตร ได้โคมไฟ Down light พื้นปูด้วยกระเบื้องไวนิลลายไม้ ซึ่งมีความทนทานรอยขีดข่วนและทนน้ำได้
ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่ประมาณ 3.60 x 2.45 เมตร สามารถวางโซฟา 2-3 ที่นั่ง โต๊ะกลาง และชั้นวาง TV แล้วยังเหลือพื้นที่เดินได้สบายๆค่ะ มีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 3.30 เมตร เหมาะกับการติดตั้ง TV ขนาด 42 นิ้ว
ด้านข้างพื้นที่วาง TV สามารถตั้งโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆได้ ซึ่งคอนโดมิเนียม 1 Bedroom บางแห่งจะไม่ได้มีพื้นที่รับประทานอาหารมาให้ ทำให้ต้องไปนั่งรับประทานอาหารที่โซฟาแทน แต่โครงการนี้มีพื้นที่สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารเพิ่มได้ค่ะ
ด้านหลังตรงส่วนห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำใช้งานได้สะดวก เวลามีแขกมาหาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้จากพื้นที่นั่งเล่น ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน
มาดูส่วนครัวกันก่อนนะคะ ห้องครัวกั้นสัดส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน ทำให้ได้พื้นที่ครัวปิด เวลาทำอาหารแล้วกลิ่นไม่ฟุ้งกระจายภายในห้อง และยังเปิดทางเดินได้มากกว่าบานเลื่อนแบบ 2 ตอนด้วยค่ะ
พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาดประมาณ 60 x 60 เซนติเมตร ทำความสะอาดง่ายไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหกเลอะเทอะ
ห้องครัวกว้างประมาณ 1.55 เมตร ยาว 1.60 เมตร เชื่อมต่อกับระเบียงทำให้ได้แสงธรรมชาติเข้ามาและยังเปิดระบายอากาศได้เต็มที่ มีชุดเคาน์เตอร์ Built-in มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ
เคาน์เตอร์ครัว Top เป็นไฟเบอร์ซีเมนต์ มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันชนิดดูดออกด้านนอกติดตั้งมาให้ จาก Schön
ชั้นเก็บของด้านบน แบ่งเป็น 3 ส่วนมีบานเปิด – ปิดแบบ Soft Close ให้ 2 ฝั่ง พร้อมกับที่วางเครื่องไมโครเวฟช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารบนเคาน์เตอร์ได้ ส่วนช่องตรงกลางเป็นชั้นเก็บของที่ไม่มีบานปิด เอาไว้วางของที่หยิบใช้งานบ่อยๆ อย่างเช่น เขียง หรือเครื่องปรุง เป็นต้น
ส่วนด้านใต้เคาน์เตอร์จะมีช่องเก็บของขนาดใหญ่อยู่ใต้อ่างล้างจาน เหมาะกับวางถังขยะให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ตรงกลางเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า ประหยัดพื้นที่ไม่ต้องนำไปวางที่ระเบียง และมีลิ้นชักใส่ช้อน ส้อม แก้วน้ำต่างๆมาให้ด้วยค่ะ
ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่วางตู้เย็น และมีช่องเก็บของ Built-in ติดตั้งมาให้ 2 ช่อง เพิ่มพื้นที่เก็บของให้กับครัว
ประตูห้องครัวที่เชื่อมต่อกับระเบียงก็เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนเช่นกันค่ะ มีข้อดีคือทำให้เปิดได้กว้าง มองเห็นวิวภายนอกได้เยอะ ทำให้ครัวดูโปร่ง และสว่าง
พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.50 x 0.80 เมตร ออกไปใช้งานได้จริง มีราวกันตกเป็นระแนง เหล็กสีดำ และแผงบังสายตา Condensing Units มาให้ พื้นปูด้วยกระเบื้อง Ceramic ทำความสะอาดง่ายค่ะ
ส่วนห้องน้ำตกแต่งด้วยโทนสีครีม ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ แบ่งพื้นที่ส่วนเปียก – ส่วนแห้งชัดเจน มีฉากกั้นกระจกมาให้ และได้กระจกเงาบานใหญ่เต็มผนังแบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ (ไม่รวมกรอบบานกระจก)
อ่างล้างหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยมติดตั้งบนเคาน์เตอร์ จาก Cotto ด้านล่างมีกระจกปิดผิวมาให้แบบในห้องตัวอย่างค่ะ โถสุขภัณฑ์ที่ได้จาก Cotto พร้อมอุปกรณ์ประกอบจาก Schön
พื้นที่อาบน้ำติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำแบบ Frameless หรือ บานเปลือยไม่มีกรอบบานมาให้ สามารถกันน้ำได้เป็นสัดส่วน ใช้งานสะดวก พร้อมราวจับ stainless ที่บริเวณฉากกั้นสามารถใช้แขวนผ้าขนหนูได้
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.80 x 1.10 เมตร เป็นระยะที่สามารถอาบได้สบายๆไม่อึดอัด ก๊อกน้ำ ฝักบัวและ Rain Shower จาก Schön มีช่องวางของที่ผนังมาให้ค่ะ
ห้องนอนมีประตูกระจกกั้นแบ่งเป็นสัดส่วน เนื่องจากเป็นประตูกระจกทำให้มีแสงธรรมชาติทางหน้าต่างเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นได้ และภายในห้องพักอาศัยดูโปร่งมากขึ้นค่ะ
ภายในห้องนอนจะได้ตู้เสื้อผ้าแบบลอยตัวมาให้ และยังได้ช่องแสงขนาดใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจนเกือบถึงฝ้าเพดาน ได้แสงธรรมชาติและมองเห็นวิวได้เยอะ
ห้องนอนมีขนาดประมาณ 2.80 x 2.40 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ มีพื้นที่เหลือด้านข้างฝั่งละนิดหน่อย ถ้าอยากได้พื้นที่วางโต๊ะหัวเตียงอาจจะต้องเขยิบเตียงไปชิดกับผนังฝั่งใดฝั่งหนึ่งค่ะ
ฝั่งปลายเตียงมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า(แบบลอยตัว) และมีพื้นที่สามารถติดตั้ง TV เพิ่มเติมภายในห้องนี้ได้ค่ะ
ห้องถัดมาเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 33.49 ตารางเมตร มีใหญ่ขึ้นมาหน่อยค่ะ เป็นห้องตอนลึก มีจุดเด่นที่ความโปร่งเชื่อมต่อกันทุกพื้นที่ เนื่องจากมีประตูกั้นห้องเป็นประตูกระจกบานเลื่อนทั้งหมด ภายในห้องเข้ามาจะเจอกับส่วนครัวและห้องน้ำก่อน ซึ่งครัวสามารถกั้นปิดได้เป็นสัดส่วน สามารถทำอาหารที่มีกลิ่งได้ไม่ฟุ้งกระจายภายในห้องค่ะ เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น ที่มีระยะดูทีวีค่อนข้างเยอะ สามารถวาง TV ขนาดใหญ่ได้สบายๆสายตา และวางโซฟาตัว L ได้ค่ะ ถัดเข้ามาด้านในสุดจะเจอกับเตียงนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่
ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 2 คน ชอบพื้นที่โปร่งกว้าง ชอบห้องที่สไตล์คล้ายกับ Studio แต่กั้นเป็นสัดส่วนได้ชัดเจนค่ะ ชอบใช้ระเบียงยาวออกไปใช้งานได้จริง
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ห้องครัวก่อนค่ะ ซึ่งพื้นที่ครัวจะได้พื้นที่ขนาดใหญ่ ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติมเมตร ความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.40 เมตร ฝั่งขวามือเป็นห้องน้ำเข้าใช้งานได้สะดวก กั้นส่วนชัดเจนไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้นค่ะ
ฝั่งเคาน์เตอร์ครัวจะเหมือนกับในห้อง 1 Bedroom แรกเลยค่ะแต่จะย้ายฝั่งตู้เย็นและชั้นเก็บของเหลือตู้เย็นมาไว้ฝั่งเดียวกัน ทำให้เคาน์เตอร์ดูยาวมากขึ้น มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันชนิดดูดออกด้านนอกติดตั้งมาให้ จาก Schön เช่นกันค่ะ
ชั้นเก็บของด้านบน แบ่งเป็น 3 ส่วน มีบานเปิด – ปิดแบบ Soft Close ให้ 2 ฝั่ง พร้อมกับที่วางเครื่องไมโครเวฟช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารบนเคาน์เตอร์ได้ ส่วนช่องตรงกลางเป็นชั้นเก็บของที่ไม่มีบานปิด เอาไว้วางของที่หยิบใช้งานบ่อยๆ วางของได้เยอะค่ะ
ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่สามารถวางตู้เก็บของหรือ Built-in แนะนำใช้เป็นพื้นที่เก็บรองเท้าค่ะ ด้านข้างเป็นทางเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำตกแต่งด้วยโทนสีครีมเหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ แบ่งพื้นที่ส่วนเปียก – ส่วนแห้งชัดเจน มีฉากกั้นกระจกมาให้ และได้กระจกเงาบานใหญ่เต็มผนังแบบในห้องตัวอย่างเลย
อ่างล้างหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยมติดตั้งบนเคาน์เตอร์ มีการตกแต่งกระจกมาให้ และโถสุขภัณฑ์ สีขาว จาก Cotto
พื้นที่อาบน้ำติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำแบบ Frameless หรือ บานเปลือย ช่วยให้น้ำไม่กระเด็นออกมาเลอะส่วนแห้งค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.80 x 1.10 เมตร เป็นระยะที่สามารถอาบได้สบายๆไม่อึดอัด ก๊อกน้ำ ฝักบัวและ Rain Shower จาก Schön มีชั้นวางสบู่ แชมพูมาให้ค่ะ
ประตูห้องครัวกั้นสัดส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน ทำให้ได้พื้นที่ครัวปิด เวลาทำอาหารแล้วกลิ่นไม่ฟุ้งกระจายภายในห้อง เปิดได้กว้างเชื่อมต่อกันได้ทั้งห้องเลยค่ะ
ถัดมาด้านในเป็นห้องนั่งเล่น หรือ Common Area สามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับห้องนอนได้คล้ายกับห้อง Studio เหมาะกับคนที่ชอบห้องดูโปร่ง กว้าง มีพื้นที่ใช้งานเยอะ พื้นห้องปูด้วยไวนิล หรือกระเบื้องยางค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดประมาณ 3.95 x 2.40 เมตร สามารถวางโซฟา 3 ที่นั่ง โต๊ะกลางได้สบายๆ มีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 3.70 เมตร เหมาะกับการติดตั้ง TV ขนาด 50 นิ้วได้เลยค่ะ
ด้านข้างพื้นที่วาง TV สามารถตั้งโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆได้ ความกว้างประมาณ 2.40 เมตรค่ะ
ห้องนอนมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนกั้นแบ่งเป็นสัดส่วน และเปิดให้พื้นที่เชื่อมต่อกันได้กว้าง แต่ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวมากขึ้น อาจจะติดตั้งสติกเกอร์กระจกขุ่น หรือติดผ้าม่านเพิ่มเติมค่ะ
ถัดมาเป็นส่วนห้องนอนค่ะ มีเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบลอยตัว
ห้องนอนมีขนาดประมาณ 3.95 x 2.60 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ มีพื้นที่เหลือด้านข้างฝั่งละประมาณ 50 เซนติเมตร
ฝั่งปลายเตียงมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า(แบบลอยตัว) และมีพื้นที่สามารถติดตั้ง TV เพิ่มเติมได้
ภายในห้องนอนเชื่อมต่อกับระเบียงได้กว้าง ด้วยประตูบานเลื่อนเปิด 2 ฝั่ง ช่วยให้แสงเข้ามาได้เยอะและมองเห็นวิวได้กว้างค่ะ
พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 4.00 x 1.00 เมตร พื้นที่การใช้งานกว้างออกไปใช้งานได้จริง เหมาะกับคนที่ชอบนั่งเล่นชมวิวที่ระเบียง
มีราวกันตกเป็นระแนง เหล็กสีดำ และแผงบังสายตา Condensing Units มาให้ พื้นปูด้วยกระเบื้อง Ceramic ทำความสะอาดง่ายค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
26 August 2020
- 1 Bedroom / อาคาร B ชั้น n/a ห้อง n/a / เนื้อที่ 26.5 ตร.ม. / ราคา 1.88 ล้านบาท หรือ 71,000 บาท/ตร.ม.
- รูปแบบการขาย Fully Furnished (เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว)
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
- Kitchen & Sink / Top ไฟเบอร์ซีเมนต์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Schön
- รถตุ๊กๆ รับส่ง BTS รัชโยธิน (ทุกครึ่งชั่วโมง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 10,000 บาท
- ดาวน์ 3,000 บาท ผ่อนดาวน์ 20 งวด
- ค่ากองทุน 200 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล :
โครงการ Chateau in Town รัชโยธิน ตั้งอยู่ในซอย พหลโยธิน 32 หรือซอย เสนานิคม 1 แยก 12 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า รัชโยธินประมาณ 1.20 กิโลเมตร การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวก เพราะมีเส้นทางให้ใช้หลากหลายและมีตัวเลือกการเดินทางด้วยรถสาธารณะ เป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ทีเดียว เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากาถนนพหลโยธิน, ลาดพร้าว มีศูนย์การค้าใหญ่ๆ Central ลาดพร้าว , Union Mall และ Major รัชโยธิน หรือจะหาของกินภายในซอยลาดพร้าว-วังหิน ก็มี Community Mall , Hyper Market อย่างThe Jas, Makro Food service, Plaza Lagoon, Max Valu และยังอยู่ไม่ไกลจากตลาดบางเขนด้วยค่ะ
ภาพรวมของคอนโดในย่านนี้จะมีทั้งโครงการที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้า ติดกับถนนใหญ่ซึ่งจะมีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่า เทียบกับคอนโดมิเนียมในซอยจะได้ราคาที่ย่อมเยาลงมาหน่อย เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดที่ราคาหยิบจับง่าย แต่ก็ยังเดินทางได้สะดวกและมีความอุดมสมบูรณ์พอๆกันค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ :
สำหรับการเดินทางโดยใช้รถในทำเลนี้ถือว่าค่อนข้างสะดวกทีเดียว เนื่องจากในซอยเสนานิคม 1 สามารถเชื่อมต่อไปออกถนนใหญ่ได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็นถนนพหลโยธิน, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนลาดพร้าว และถนนประเสริฐมนูกิจ ทางโครงการให้ที่จอดรถมาประมาณ 40 % ถือว่าพอดีๆกับโครงการในระดับใกล้เคียงกัน เพราะยังมีตัวเลือกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า และรถสาธารณะได้ไม่ยากนักค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :
การเดินทางด้วยรถสาธารณะสามารถทำได้ค่ะ ภายในซอยเสนานิคมสามารถเรียกรถมอเตอร์ไซค์ หรือ Taxi ผ่าน Application ได้ และทางโครงการยังมีรถตุ๊กๆ รับ – ส่งที่สถานีรถไฟฟ้า รัชโยธินอีกด้วยค่ะ สามารถนั่งตุ๊กๆของโครงการออกมาหาของกินที่ Major รัชโยธินได้ สำหรับคนที่ทำงานในเมืองก็สามารถใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปยังสยาม-เพลินจิต-อโศก ได้โดยตรงไม่ต้องเปลี่ยนสายเลย
วัสดุ :
วัสดุโครงการให้มาตามมาตรฐานเหมาะสมกับราคา ซึ่งจะได้เป็น Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์ ลอยตัวทั้งหมด คือ ชั้นวาง TV, โซฟา, โต๊ะกลาง, โต๊ะรับประทานอาหาร + เก้าอี้, เตียง, ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ในห้องตัวอย่างจะไม่เหมือนกับของที่เราจะได้ แนะนำว่าให้สอบถามทางโครงการอีกทีนะคะ
ชุดครัว Top ไฟเบอร์ซีเมนต์ พร้อมอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน จาก Schön และสุขภัณฑ์ จาก Cotto & Schön ภายในห้องได้ Digital Door Lock ปูพื้นด้วยไวนิลลายไม้ ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ
การออกแบบ :
การออกแบบโครงการ Chateau In Town รัชโยธิน ทำออกมาเป็นสไตล์อังกฤษ (Modern-British Style) มีการใช้บัวผนังและการตกแต่งสวนสไตล์อังกฤษ แบ่งเป็น 2 อาคาร อาคาร A ยูนิตน้อยกว่าได้ความเป็นส่วนตัว (ยังไม่เปิดขาย) และอาคาร B เป็นอาคารที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 7 เข้าถึงสะดวก มองเห็นวิวสวนส่วนกลาง เหมาะกับคนที่ชอบใช้ส่วนกลาง ไม่ซีเรียสเรื่องความหนาแน่น (จำนวนยูนิต) และความเป็นส่วนตัวมากนัก
ห้องพักอาศัยมีโถงทางเดินแบบ Double Corridor มีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง เดินไปยังทั้ง 2 ฝั่งได้ไม่ไกลมากนัก ซึ่งภายในโครงการจะเน้นห้องพักอาศัยขนาดเล็ก ขนาดตั้งแต่ 26 – 36 ตารางเมตร มีผังห้องให้เลือก 2 แบบแตกต่างกัน ทั้งแบบห้องเล็กกั้นเป็นสัดส่วนใช้พื้นที่ทุกส่วนอย่างคุ้มค่า และห้องโปร่งเชื่อมต่อกันเหมือนห้อง Studio แต่ก็มีประตูกั้นเป็นสัดส่วนเช่นกันค่ะ
สาธารณูปโภค :
สาธารณูปโภคของโครงการให้มาค่อนข้างครบเลยสำหรับคอนโดมิเนียม Low Rise ทั้ง Lobby, สวน, พื้นที่ Co-Working, Co- Kitchen, Living Area และ Fitness และมีจุดเด่นที่สระว่ายน้ำ 2 จุดที่ชั้น 1 และชั้นดาดฟ้า เพียงพอต่อจำนวนยูนิต อัตราส่วนลิฟต์โดยสารของโครงการรวมอยู่ที่ 77 : 1 ซึ่งจะไปหนาแน่นที่อาคาร B มีอัตราส่วนอยู่ที่ 112 : 1 ทำให้ใช้เวลาในการรอลิฟต์สักหน่อยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 80,000-100,000 บาท/ตร.ม., 26 August 2020
- ทำเล 7.75/10 – อยู่ในซอยเสนานิคม 1 หาของกินง่าย ใกล้แหล่งที่ทำงาน
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เดินทางสะดวก ออกถนนใหญ่ได้หลายเส้น
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างจากรถไฟฟ้า รัชโยธิน 1.2 กม. มีรถรับ-ส่งให้
- วัสดุ 7.75/10 – ให้ตามมาตรฐานราคา
- แบบ 7.5/10 – สไตล์อังกฤษ มีห้องพักให้เลือก 2 แบบ จัดพื้นที่การใช้งานดี
- สาธารณูปโภค 8/10 – ได้ครบมีความหลากหลาย เพียงพอต่อการใช้งาน
- MAIN CLASS
- 7.7 / 10.00
BOTTOM LINE
Chateau in Town รัชโยธิน เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมในย่านรัชโยธิน ยอมเข้าซอยมาหน่อยเพื่อแลกกับราคาที่หยิบจับได้ง่ายขึ้น อยากได้โครงการที่เดินทางไปรถไฟฟ้าได้ อยู่ในทำเลที่อุดมสมบูรณ์หาของกินง่าย ใกล้ห้าง มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ครบ ชอบความเป็นส่วนตัวและมีส่วนกลางให้ใช้ครบ มีงบประมาณระดับ 1.9 – 3 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,500 – 21,500 บาท/เดือน
ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving