..กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวคอนโดใกล้ ม.เกษตร กับโครงการ Chapter One More Kaset (แชปเตอร์วัน มอร์ เกษตร) จาก พฤกษา ซึ่งเป็นแบรนด์ Chapter One ตัวที่ 2 แล้วครับที่มาเปิดในทำเลนี้ เพราะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีคอนโดในทำเลนี้ก็ได้รับความนิยม และขายหมดกันในเวลาไม่นาน โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ น้องๆนักศึกษา กลุ่มผู้ปกครอง และกลุ่มนักลงทุน ซึ่งจุดเด่นหรือ Highlights ที่น่าสนใจของโครงการก็จะมีดังต่อไปนี้เลยครับ
- ทำเลใกล้ประตูมหาลัย 600 m. และใกล้รถไฟฟ้า BTS ประมาณ 750 m. โดยจะอยู่ในซอยพหลโยธิน 40 ฝั่งตรงข้ามมหาลัย ที่มีความเงียบสงบเป็นส่วนตัว รวมถึงจะมีรถ Shuttle Service ให้บริการรับ-ส่งในอนาคตด้วยครับ
- เป็นหนึ่งในโครงการที่ให้ส่วนกลาง และที่จอดรถมาเยอะสุดในย่านถึง 45% เหมาะกับคนที่ชอบใช้งาน Facilities เช่น พื้นที่นั่งทำงานต่างๆ รวมถึงอาจมีรถยนต์ส่วนตัวใช้งานด้วยครับ
- วางผังห้องโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางด้านใน ทำให้ห้องส่วนใหญ่จะได้วิวสวยๆหลายจุด
- เน้นห้องไซส์เล็ก กั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกทำให้กว้างขวาง แต่ก็ยังสามารถจัดให้มีครัวปิด + Walk-in Closet ส่วนตัวในห้องได้ด้วย เรียกได้ว่าจัดแปลนห้องมาได้เก่งทีเดียว
ข้อมูลโครงการ
Chapter One More Kaset (แชปเตอร์วัน มอร์ เกษตร) ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2567
ชื่อโครงการ | Chapter One More Kaset (แชปเตอร์วัน มอร์ เกษตร) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอย พหลโยธิน 40 ถนน พหลโยธิน เขตจตุจักร |
ที่ดิน | 4-2-65.4 ไร่ |
ประเภทคอนโด | Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 563 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 28 ยูนิต (ที่อาคาร A) |
ที่จอดรถ | ประมาณ 45% (แบ่งเป็น Automatic Parking ประมาณ 20%) |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2567 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | Q4 ปี 2568 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.55 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 2.29 ล้านบาท (1 Bedroom ขนาด 26.4 ตร.ม.) |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 93,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | n/a |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | อยู่ระหว่างการประเมิน |
เว็บไซต์โครงการ | https://bit.ly/4cyPtEV |
Call Center | 1739 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ใกล้ประตูมหาลัย 600 m. และ BTS สถานี ม.เกษตร 750 m. ซึ่งเป็นระยะที่พอจะเดินถึงได้
- ทำเลอยู่ภายในซอย เป็นโซนที่อยู่อาศัยที่เงียบสงบ เหมาะกับการอยู่อาศัยของย่าน
- ราคาจับต้องได้ง่ายสุดในย่าน (ทั้งราคาขาย และราคาปล่อยเช่า)
พิกัด Google Maps : 13.845082, 100.581034
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
** ที่ตั้งสำนักงานขาย (อยู่คนละที่กัน) >> คลิกที่นี่
โครงการ Chapter One More Kaset ตั้งอยู่ภายในซอย พหลโยธิน 40 ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ปกครอง น้องๆนักศึกษา บุคลากรในมหาลัย กลุ่มนักลงทุน รวมถึงคนในวัยทำงานที่อยู่ในพื้นที่ และคนที่ต้องใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเป็นประจำ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าเส้นหลักที่สามารถนั่งเข้าเมืองไปห้าแยกลาดพร้าว-สยามได้โดยตรงเลยครับ
สำหรับทำเลฝั่งในซอยพหลโยธินแบบนี้ จะแตกต่างจากโซนที่พักด้านอื่นๆของมหาลัยเกษตรฯ คือจะมีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่ยังคงพอจะสามารถเดินไปเรียนมหาลัย และไปใช้รถไฟฟ้าได้ไม่ยากนัก รวมถึงทางโครงการยังมีบริการ Shuttle Service ไว้คอยอำนวยความสะดวกในอนาคตอีกด้วย ส่วนด้านความอุดมสมบูรณ์ก็พอจะมีร้านค้าร้านอาหารอยู่บ้างครับ อาจไม่ได้คึกคักเท่าโซนหน้ามหาลัยบนถนนงามวงศ์วาน แต่ก็ยังพอจะไปจับจ่ายใช้สอยได้ไม่ยากนัก
ตัวโครงการจะอยู่ห่างจากประตูทางเข้ามหาลัยประมาณ 600 m. ซึ่งเป็นระยะที่พอจะสามารถเดินไปได้ครับ โดยประตูนี้จะอยู่ใกล้กับคณะสัตวแพทย์ (ตรงโรงพยาบาลสัตว์พอดี)
รถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด :
แน่นอนว่าเป็น BTS สถานี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 750 m. เป็นระยะที่พอจะเดินมาใช้งานได้ครับ รวมถึงหากเราข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม ก็จะสามารถเข้าประตูมหาลัยได้เลยอีกด้วย ส่วนบรรยากาศระหว่างทางเดินจะเป็นอย่างไร สามารถคลิกชมใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
เริ่มต้นที่สถานี BTS มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
สำหรับใครที่เน้นขับรถเข้าเมือง ก็จะสามารถไปขึ้นทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ เพื่อไปต่อทางพิเศษเฉลิมมหานครได้ โดยมีระยะห่างประมาณ 5.4 km.
แต่ถ้าใครที่ต้องการเดินทางไปฝั่งดอนเมือง ก็จะมีระยะทางขึ้นที่ใกล้กว่าอยู่ที่ 4.4 km. โดยในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจต้องเผื่อเวลาสัก 10 – 20 นาทีนะครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการ เนื่องจากเป็นทำเลภายในซอยจึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยวจนเกินไปครับ เพราะภายในก็จะมีทั้งบ้านเรือน คอนโด และอพาร์ทเม้นต์ รวมถึงใกล้ๆโครงการก็จะติดกับส่วนพื้นที่ Service ของโรงแรมทางทิศเหนือด้วย (ใครสนใจห้องด้านนี้ แนะนำให้เข้าไปชมสถานที่จริงก่อนตัดสินใจอีกครั้ง) ส่วนด้านอื่นๆสามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับ อพาร์ทเม้นต์สูง 5 ชั้น และโรงแรมสูง 10 ชั้น
- ทิศใต้ : ติดกับ สถานที่จัดงานแต่งงาน ที่จอดรถ และบ้านสูง 2 – 3 ชั้น
- ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ซอยพหลโยธิน 40 แยก 1 ฝั่งตรงข้ามปัจจุบันเป็นที่โล่ง
- ทิศตะวันตก : ติดกับ โรงแรมสูง 10 ชั้น
และนี่คือภาพบรรยากาศบริเวณถนนซอยด้านหน้าโครงการครับ โดยจะเป็นถนน 2 เลนที่รถขับสวนทางกันได้พอดี ซ้ายมือเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานที่เป็นอาคารสูงประมาณ 1 – 2 ชั้น ส่วนทางขวามือเป็นอพาร์ทเม้นต์สูง 5 ชั้น
Sale Gallery :
สำหรับที่ตั้งของสำนักงานขายในปัจจุบันจะอยู่คนละที่กับตัวโครงการนะครับ โดยจะอยู่ติดถนนงามวงศ์วานฝั่งตรงข้ามมหาลัยเลย
Google Map >> คลิกที่นี่
นี่เป็นภาพบรรยากาศบริเวณด้านหน้า Sale Gallery ที่อยู่ติดถนนใหญ่งามวงศ์วานแบบนี้ครับ จุดสังเกตง่ายๆคือ จะอยู่ใกล้สะพานลอยสีเหลืองเด่นๆเลยนั่นเอง
ภายในสำนักงานขายจะมีทั้งโมเดลและพื้นที่นั่งคุย โดยด้านขวามือจะมีเจ้าหน้าที่ให้เราได้ปรึกษาและสอบถามข้อมูลตลอดเวลาเลยครับ
ส่วนห้องตัวอย่างจะอยู่บนชั้น 2 ซึ่งจะมีให้เราดูทั้งหมด 3 Type แบบนี้
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตลาดอมรพันธ์ ~ 1.4 km.
- เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ~ 2.9 km.
- SCB Park ~ 3.6 km.
- Union Mall ~ 5.4 km.
- เซ็นทรัล ลาดพร้าว ~ 5.5 km.
- ตลาดบางเขน ~ 8.2 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ~ 1.8 km.
- โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 2.8 km.
โรงเรียน
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ~ 1.5 km.
- โรงเรียนสารวิทยา ~ 2.9 km.
- โรงเรียนบางบัว ~ 3.2 km.
- มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~ 4.9 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- ให้ส่วนกลางมาเยอะถึง 5 ชั้น เน้นเป็นพื้นที่นั่งทำงาน Co-Sharing Space ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้งานได้จริง เหมาะกับนักศึกษาและคนในวัยทำงาน
- มีที่จอดรถ 45% เทียบกับเพื่อนบ้านในย่านแล้วถือว่าให้มาเยอะครับ
- จัดผังให้อาคารทั้ง 3 โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องพักด้านในจะได้วิวส่วนกลางสวยๆหลายห้อง
- มีตำแหน่งห้องพักที่น่าสนใจเยอะ ทั้งห้องที่ได้วิวส่วนกลางเต็มๆ และห้องพักที่มีความเป็นส่วนตัว
โครงการ Chapter One More Kaset ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 4-2-65.4 ไร่ และมีเพื่อนบ้าน 563 ยูนิต แนวคิดโครงการได้แรงบันดาลใจมาจาก Bauhaus ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนศิลปะชื่อดังจากประเทศเยอรมนี เปิดระหว่างปี 1919 ถึง 1933 ปรัชญาสำคัญของเบาเฮาส์คือ ศิลปินนักออกแบบและนักคิดต้องสามารถทำงานด้วยตัวเองได้ โดยเน้นการลงมือปฏิบัติจริง โดยทางโครงการก็ได้นำแนวคิดเหล่านี้มาออกแบบ Facade และฟังก์ชันส่วนกลางด้วยนั่นเองครับ
ภายนอกอาคารมีการออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย ด้วยการลดทอนรายละเอียดต่างๆลง จนเกิดเป็นรูปแบบ Timeless Design ที่เข้ากันได้ดีกับทุกยุคสมัย เอาจริงๆแล้วส่วนตัวผมก็เพิ่งเคยเห็นทาง Pruksa ใช้การออกแบบแนวนี้กับคอนโดเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าเป็นดีไซน์ที่ทำให้มีความแตกต่างและโดดเด่นจากเพื่อนบ้านในย่านมากๆ โดยปัจจุบันโครงการก็อยู่ในสถานะยื่นขอ EIA อยู่ครับ ซึ่งถ้าผ่านเมื่อไหร่ก็จะสามารถเริ่มก่อสร้างตามแบบได้ทันทีเลย
ผังโครงการชั้นล่างส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดรถใต้อาคารเกือบทั้งหมด โดยจะมีประมาณ 45% แบ่งเป็น Automatic Parking จำนวน 56 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 20% ของที่จอดรถทั้งหมด ซึ่งจะเป็นช่องจอดสีฟ้าใต้อาคาร B ที่จะเป็นระบบลิฟต์ลงไปใต้ดินอีกที
วิธีนี้จึงช่วยประหยัดพื้นที่จอดในโครงการได้ดี และทำให้สามารถจอดรถรวมได้ค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในย่าน ที่ส่วนใหญ่จะจอดรถได้แค่ประมาณ 30 – 40% เท่านั้น ดังนั้นใครที่มีรถยนต์ส่วนตัวและกำลังมองหาคอนโดที่มีที่จอดรถเพียงพอสักหน่อย ก็สามารถมองโครงการนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกได้เลยครับ
ส่วน Facalities ของชั้นนี้ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณอาคาร B ซึ่งนอกจากจะมี Lobby ที่แยกเป็นส่วนตัวทั้ง 3 อาคารแล้ว ก็จะมี Conversation Lab ที่เป็นห้องประชุมส่วนตัว รวมถึงด้านหน้ายังมี Green Club เป็นพื้นที่สีเขียวที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นแล้ว ยังช่วยเป็น Buffer เพิ่มความเป็นส่วนตัวจากทางเข้า-ออกหลักของโครงการได้อีกด้วย
ทางเข้าด้านหน้าโครงการของจริงจะมีไม้กั้นกระดก เข้า-ออกด้วยระบบ RFID หรือใช้สัญญาณ Bluetooth เพื่อความปลอดภัย รวมถึงจะมีพี่ รปภ. อยู่ดูแล 24 ชม. ด้วยครับ
ทางด้านซ้ายมือจะเป็น Green Club ซึ่งเป็นพื้นที่สวนคั่นกลางระหว่างอาคาร B และทางเข้าด้านหน้า ทำให้ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดี อีกทั้งยังมีบันไดให้สามารถเดินเชื่อมต่อขึ้นไปยังชั้นสระว่ายน้ำตรงกลางได้อีกด้วยนะ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Green Club นอกจากจะมีต้นไม้สีเขียวแล้ว ยังมีการดีไซน์ระแนงหลังคาให้เป็นช่องสี่เหลี่ยมแบบเรขาคณิต ให้สอดคล้องไปกับ Facade ของอาคารด้วย
จึงมีส่วนช่วยบังแสงแดดได้ระดับหนึ่ง เวลาออกมาใช้งานตอนกลางวันก็จะได้ไม่ร้อนมากนัก รวมถึงยังมีโต๊ะให้นั่งเล่นพักผ่อนกลางแจ้งกันได้อีกด้วยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Commune Hall หรือก็คือ Lobby ที่แต่ละอาคารจะมีแยกกันเป็นส่วนตัว ภายในเป็น Double Volume หรือฝ้าเพดานสูงโปร่ง พร้อมพื้นที่นั่งพักคอยสำหรับลูกบ้านและแขกที่มาหาครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Conversation Lab หรือจะเรียกเป็น Meeting Room ก็ได้ครับ เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันแยกออกมาจาก Lobby ของอาคาร B ที่เหมาะกับการประชุมหรือพูดคุยแบบส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งหากใครที่ไม่อยากพา Visitor ขึ้นอาคาร แต่จำเป็นห้องคุยงานแบบจริงจัง ก็สามารถมาใช้ฟังก์ชันนี้ได้นะ
แปลนชั้น 2 จะเริ่มเป็นส่วนของชั้นพักอาศัย และมี Main Facilities ให้ใช้งานด้วย โดยส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่อาคาร C และเชื่อมต่อกับ Clubhouse ที่อยู่แยกออกมาตรงกลาง โดยหลักๆก็จะเป็น Swimming Pool ให้เราได้มาว่ายออกกำลังกายกันได้จริงจัง รวมถึงมีพื้นที่นั่งเล่นรอบๆสระ และภายในอาคารจะเป็นพื้นที่นั่งทำงานที่แบ่งเป็นโซนต่างๆครับ
สำหรับโซนพักอาศัยของชั้นนี้จะมีความน่าสนใจอยู่ที่อาคาร A และ B เนื่องจากมีการเว้นระยะอาคารสำหรับทางเข้า-ออกของรถและพื้นที่สีเขียวด้านหน้า ก็เลยทำให้ห้องพักด้านบนมีความพิเศษกว่าชั้นอื่นๆเล็กน้อย ดังนี้
- กรอบสีแดง : เป็นตำแหน่งที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะไม่มีผนังติดกับเพื่อนบ้านเลยครับ รวมถึงยังสามารถมองเห็นวิวพื้นที่ส่วนกลางได้ดีอีกด้วย เพียงแต่ห้องด้านหน้าอาจมีเสียงของรถที่ขับผ่านเข้า-ออกอยู่บ้างในช่วงเวลาเร่งด่วนนะครับ แต่ถ้าใครมีซีเรียสก็ถือเป็นตำแหน่งที่น่าสนใจดีทีเดียว
- กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งห้องที่ได้ Single Corridor หรือเป็นโถงทางเดินที่ไม่ต้องหันหน้าชนกับใคร ทำให้เราไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวจากห้องฝั่งตรงข้าม หรือคนเดินผ่านไป-มาหน้าห้องก็น้อยกว่าปกติมาก ซึ่งตำแหน่งของห้องนี้จะหันหน้าออกไปที่ถนนด้านหน้าโครงการ และเป็นห้อง 2 Bedrooms แบบหน้ากว้างอีกด้วย
สำหรับสระว่ายน้ำจะเป็นแบบกลางแจ้ง มีความยาวของส่วน Lab Pool ที่ว่ายน้ำจริงจังทางซ้ายมืออยู่ที่ 25 m. และส่วนที่เหลือจะเป็น Jacuzzi ให้มานั่งแช่น้ำเล่นกันได้ครับ
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ Social Bar เป็นพื้นที่ Sunken กลางสระว่ายน้ำ ที่เราสามารถมานั่งชิลหรือจัด Pool Party กับเพื่อนๆได้นั่นเอง
ภาพบรรยากาศจำลอง Swimming Pool ที่ห้องพักของทุกอาคารจะสามารถมองเห็นเป็นวิวสวยๆภายในโครงการได้ครับ ซึ่งผมแนะนำเป็นชั้น 4 – 5 กำลังดี เพราะจะได้มีความเป็นส่วนตัวจากคนที่มาใช้งานสระเพิ่มอีกนิดหน่อย รวมถึงยังเป็นตำแหน่งที่พอจะมองเห็นวิวสระจากในห้องได้แบบไม่ต้องก้มเลยนั่นเองครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Reclining Pool เป็นพื้นที่โถงทางเดินและพื้นที่นั่งเล่นบริเวณรอบๆสระว่ายน้ำ ซึ่งบริเวณนี้จะมีทั้งเสียงของน้ำตก และเสียงสายลมพัดเอื่อยๆตลอดเวลา บรรยากาศของจริงก็น่าจะเย็นสบายดีไม่ใช่น้อย
แต่จุดที่เป็น Highlight และน่าสนใจอีกอย่างก็คือ บันไดวนที่อยู่ตรงกลาง โดยนอกจากจะมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังสามารถเดินเชื่อมต่อไปยัง Facilities ที่อยู่ชั้นบนได้อีกด้วยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ The Cafe เป็นพื้นที่ Co-Working Space ที่มีคอนเซ็ปต์ Eat and Learn โดยภายในจะมีตู้ Machine กดน้ำและชงกาแฟให้บริการด้วย ซึ่งเป็นโซนที่เราสามารถนำเครื่องดื่มหรือขนมมาทานระหว่างทำงานด้วยได้นั่นเอง
ภาพบรรยากาศจำลองของ Play Lab หรือก็คือห้องสันทนาการ ที่ภายในจะมีอุปกรณ์เครื่องเล่นต่างๆให้เราได้ใช้งาน รวมถึงจะมีพวกบอร์ดเกมส์ด้วยนะครับ ซึ่งเราก็สามารถมาเล่นกับเพื่อนๆร่วมกันได้ที่ห้องนี้เลย
แปลนชั้น 3 พื้นที่ส่วนกลางของชั้นนี้ส่วนใหญ่จะเน้นไปทาง Co-Working Space ซึ่งจะเป็นฟังก์ชันที่มีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวกว่าโซนชั้น 2 โดยจะแบ่งออกเป็นหลายๆฟังก์ชันที่มีการใช้งานแตกต่างกันออกไป
ส่วนใครที่คิดว่าเราเป็นหนึ่งในคนที่น่าจะได้ใช้งานฟังก์ชันนี้ประจำ เช่น มานั่งงาน นั่งอ่านหนังสือ หรือมาติวกับเพื่อนๆบ่อยๆ ก็สามารถเลือกห้องพักชั้น 3 ของอาคาร C ได้เลยครับ เพราะจะเดินมาใช้งานได้สะดวกมาก และไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเลย เพราะตรงโถงลิฟต์จะมีประตูกระจกที่ต้องใช้ Key Card กั้นเอาไว้ให้เป็นสัดส่วนเรียบร้อยเลย
ภาพบรรยากาศจำลองของ The Auditorium เป็นพื้นที่ Co-Sharing Space ขนาดใหญ่ที่สามารถมาใช้งานรวมกันหลายๆคนได้
อีกทั้งยังถือเป็นหนึ่งในฟังก์ชัน Highlight ของโครงการ ที่บริเวณตรงกลางจะเป็นผนังกระจกทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งเราสามารถเดินขึ้น-ลงไปยังชั้นสระว่ายน้ำก่อนหน้านี้ได้ด้วย
ส่วนอีกด้านของห้องที่อาจไม่ได้เห็นในภาพนี้จะเป็น Visual Space ไว้สำหรับฉายภาพจากโปรเจคเตอร์ เหมาะสำหรับพรีเซ้นต์งานหรือนั่งดูหนังร่วมกันหลายๆคนได้นั่นเองครับ
นอกจากนี้บริเวณด้านนอกของ The Auditorium จะมีระเบียงเล็กๆให้สามารถออกไปยืนชมวิวได้ด้วยนะครับ ซึ่งเราจะมองเห็นสระว่ายน้ำยาวไปถึงด้านหน้าโครงการได้เลย
ส่วนพื้นที่บนหลังคาเราจะไม่สามารถขึ้นไปได้นะ แต่จะแสดงให้เห็นว่าบันไดตรงกลางจะเชื่อมต่อกับดาดฟ้าด้านบน ทำให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้าไปได้เต็มที่ หรือบางทีก็จะมีฝนด้วย เลยทำให้ฟังก์ชันภายในอื่นๆได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติไปด้วยนั่นเอง
ภาพบรรยากาศจำลองของ Thinking Lab เป็นอีกหนึ่งห้อง Co-Working Space ที่เราสามารถมานั่งทำงานอ่านหนังสือร่วมกันได้
แต่จะเป็น Quiet Zone ที่เหมาะกับการทำงานแบบเงียบสงบครับ ซึ่งภายในก็จะมีมุมให้เราเลือกนั่งกันได้เยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นนั่งคนเดียวหรือนั่งเป็นกลุ่มก็มี
ภาพบรรยากาศจำลองของ Expression Lab เป็นห้องสตูดิโอสำหรับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ โดยภายในจะมีอุปกรณ์จานสีและผ้าใบเตรียมไว้ให้
ซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ ที่อยากระบายอารมณ์ออกมาเป็นผลงานสักชิ้นหนึ่ง และเราสามารถนำผลงานเหล่านั้นเก็บไปเป็นที่ระลึก หรือไปจัดแสดงบริเวณ Gallery Hall ที่เป็นโถงทางเดินด้านนอกห้องได้ด้วยครับ
แปลนชั้น 4 สำหรับส่วนกลางในชั้นนี้จะมีเพียงฟังก์ชันเดียวเลยก็คือ Active Lab หรือห้อง Fitness ขนาดใหญ่ ที่ให้เราสามารถมาออกกำลังกายและชมวิวสวน + สระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางโครงการไปได้ด้วย รวมถึงที่ชั้นนี้ก็จะมีห้องน้ำเตรียมไว้ให้บริการครับ
ภาพบรรยากาศจำลองของ Active Lab หรือ Fitness โดยนอกจากจะมีอุปกรณ์ออกกำลังกายต่างๆแล้ว ยังมีพื้นที่ให้เราได้นั่งเล่นพักผ่อน หรือนั่งคอยได้อีกด้วย
แปลนชั้น 5 – 8 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด โดยทั้ง 3 อาคารจะมีจำนวนยูนิตและอัตราส่วนลิฟต์ที่แตกต่างกันคือ อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 97 : 1 / ตึก B 93 : 1 / ตึก C 78 : 1 ซึ่งก็ดูไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สำหรับอาคาร C ดูเหมือนจะมีความหนาแน่นน้อยสุดเลย เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็น Facilities ในแต่ละชั้นด้วยนั่นเอง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีคนใช้ลิฟต์น้อยกว่าอาคารอื่นๆนะครับ เพราะอย่าลืมว่าจะมีกลุ่มคนที่จะมาใช้งานส่วนกลางด้วย ดังนั้นอาคารที่เหมาะกับคนชอบความเงียบสงบไม่วุ่นวาย ในความคิดส่วนตัวของผมคิดว่าน่าจะเป็นอาคาร B เพราะยูนิตน้อยและไม่มี Facilities บนอาคารเลยนั่นเอง
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ‘วิว’ แน่นอนว่าคอนโด Low Rise ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นวิวส่วนกลางภายในโครงการ โดยแต่ละอาคารจะวางผังให้โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ และแต่ละด้านก็จะได้วิวที่สวยงามแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการของแต่ละคน ซึ่งจากการสอบถามกับทางโครงการ ถึงแม้ว่าจะเป็นวิวห้องที่อยู่ด้านใน ราคาต่อตารางเมตรสูงสุดก็ยังไม่ถึง 100,000 เลยครับ และตำแหน่งห้องที่น่าสนใจก็จะมีดังต่อไปนี้
- กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งห้องที่ได้วิวส่วนกลางแบบเต็มๆ ถ้าเป็นห้องทิศเหนือกับใต้จะเป็นวิวด้านข้างแบบหน้ากว้าง แต่ถ้าเป็นห้องทิศตะวันออกกับตะวันตกจะเป็นวิวแบบตอนลึก
- กรอบสีแดง : เป็นตำแหน่งห้องไซส์เล็กสุดที่หันหน้าเข้ามาในโครงการ เหมาะกับคนที่อาจมีงบจำกัดสักหน่อย แต่ยังต้องการห้องที่พอจะมองเห็นส่วนกลางด้านในได้อยู่บ้าง โดยจะต้องมองเฉียงๆสักนิดนึง ไม่ได้เห็นแบบตรงๆเหมือนโซนก่อนหน้านี้ที่แนะนำไปครับ
- กรอบสีชมพู : เป็นตำแหน่งห้องที่ได้วิวส่วนกลางเหมือนกัน แต่พิเศษขึ้นอีกนิดหน่อยตรงที่ โถงทางเดินหน้าห้องจะเป็นแบบ Single Corridor ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ
- กรอบสีส้ม : เป็นตำแหน่งห้องไซส์ใหญ่หน้ากว้าง ที่ได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor เหมือนชั้นล่างๆที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ครับ แต่สำหรับชั้นสูงขึ้นมาเราจะได้ความเงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะอยู่สูงจากถนนหน้าโครงการที่มีรถขับผ่านไป-มานั่นเอง
ภาพตัวอย่างวิวส่วนกลางด้านในจากห้องทิศตะวันออก ของฝั่งอาคาร A และ B ซึ่งส่วนตัวผมชอบวิวด้านนี้ที่สุด เพราะเราจะได้มองเห็นส่วนกลางแบบตอนลึกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันภายนอกและภายในอาคาร รวมถึงยังมีระยะห่างมากพอที่จะไม่ทำให้เสียความเป็นส่วนตัว จากคนที่มาใช้งานส่วนกลางอีกด้วย
แต่ถ้าเป็นห้องทางทิศตะวันตกของอาคาร C ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม อาจโดนอาคาร Clubhouse บังวิวสระว่ายน้ำส่วนหนึ่งไปบ้าง แต่ก็อาจเป็นข้อดีตรงที่ เราจะไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัวจากคนที่มาใช้งานส่วนกลางเลยนั่นเองครับ
ส่วนวิวทางด้านข้างของส่วนกลางก็จะเป็นประมาณนี้ครับ ซึ่งโดยส่วนตัวผมจะชอบทางฝั่งของอาคาร A มากกว่า เพราะมีระยะห่างจากส่วนกลางพอสมควร ทำให้นอกจากเราจะเสียความเป็นส่วนตัวน้อยลงแล้ว ก็ยังมีระยะให้สามารถมองเห็นวิวสระได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องก้มดูก็มองเห็นจากในห้องได้สบายๆเลยครับ
สุดท้ายจะเป็น Sky Commune หรือ Rooftop Garden ที่อยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคาร A ซึ่งเราสามารถขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน และชมวิวด้านบนนี้กันได้ครับ
โดยเค้าจะจัดพื้นที่นั่งเล่นกระจายอยู่หลายจุดเลย และคนที่อาศัยอยู่อาคารอื่นๆก็สามารถมาใช้งานได้ด้วยเช่นกัน เพราะจะเป็นลิฟต์แบบล็อคชั้นที่ไม่เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเอง
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้น 1
- Commune Hall (Lobby แยกแต่ละอาคาร)
- Conversation Lab (ห้องประชุม)
- Green Club (พื้นที่สวนสีเขียว)
ชั้น 2
- The Pool (สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 25 x 5 m.)
- Social Bar (พื้นที่ Sunken กลางสระว่ายน้ำ)
- Reclining Pool (พื้นที่นั่งเล่นริมสระน้ำ)
- The Cafe (พื้นที่นั่งทำงาน และทานกาแฟได้ Eat and Learn)
- Play Lab (พื้นที่สันทนาการ/เล่นเกมส์)
- Relax Space (พื้นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor)
ชั้น 3
- The Auditorium (พื้นที่ Co-Sharing Space)
- Conversation Lab (ห้องประชุม Meeting Room)
- Thinking Lab (พื้นที่นั่งทำงานแบบ Quiet Zone)
- Expression Lab (ห้องสตูดิโอสำหรับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ)
- Gallery Hall (พื้นที่โถงทางเดินแสดงงานศิลปะ)
- Visual Space (พื้นที่ฉายภาพจากจอโปรเจคเตอร์)
ชั้น 4
- Active Lab (ห้องออกกำลังกาย)
Rooftop
- Sky Commune (พื้นที่สวนนั่งเล่นและสันทนาการ)
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 94 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 97 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 93 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 78 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 45% (แบ่งเป็น Automatic Parking ประมาณ 56 คัน)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card
- การเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ RFID หรือใช้สัญญาณ Bluetooth
แบบห้อง
Highlights :
- เน้นห้องไซส์เล็ก แต่สามารถจัดพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน มาพร้อมกับครัวปิดและ Walk-in Closet ภายในห้องพักอาศัย เรียกได้ว่าสามารถจัดพื้นที่ได้เก่งมากๆเลยครับ
- มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ตอบโจทย์คนที่มี Lifestyle แตกต่างกันได้ดี ตั้งแต่ 1 – 2 Bedrooms
- ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบแบบไม่ต้องเสียเวลาแต่งห้องเอง
แบบห้องพักอาศัยของโครงการ Chapter One More Kaset จะมีให้เลือกตั้งแต่ 1 Bedroom / 1 Bedroom Plus และ 2 Bedrooms ซึ่งจุดเด่นคือ การดีไซน์แปลนห้องที่เน้นความเป็นสัดส่วน และเน้นใช้การกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกเพื่อความโปร่งโล่ง โดยห้องของโครงการนี้ไม่ได้เหมาะแค่การอยู่อาศัยเฉพาะน้องๆนักศึกษาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนทั่วไปในวัยทำงานด้วยครับ และแบบห้องส่วนใหญ่จะได้ครัวปิด + Walk-in Closet ที่ถึงแม้จะเป็นห้องไซส์เล็กสุด แต่ก็สามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกมาได้ดีเลยทีเดียว ประกอบด้วย
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 22.50 – 31.60 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 32.90 – 34.90 ตร.ม.
- 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 53.60 ตร.ม.
รูปแบบการขาย : Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบ เหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดเวลาตกแต่งห้อง โดยขาดแค่เพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนตัวบางชิ้น กับฟูกที่นอน และผ้าม่านเท่านั้นครับ
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 26.4 ตร.ม.
เป็นหนึ่งในแบบห้องพื้นฐานของโครงการที่มีเยอะที่สุด ลักษณะจะเป็นห้องแบบตอนลึก ที่ยังคงแบ่งฟังก์ชันพักผ่อนและฟังก์ชันใช้งานอื่นๆออกจากกันได้เป็นสัดส่วน รวมถึงยังกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อความสว่างโปร่งโล่งด้วย แต่ในส่วนของครัวจะยังคงเป็นพื้นที่เปิดเชื่อมต่อกับ Living Area เพื่อให้ห้องดูกว้างขวางต่อเนื่องกันนั่นเองครับ
แต่ถ้าใครที่ชอบทำอาหารจริงจัง หรืออยากประหยัดพื้นที่เปิดแอร์ ก็สามารถกั้นประตูเพิ่มเติมเองได้เลย และถ้าเป็นแบบนั้นเราก็จะสามารถเปิดประตูระเบียง เพื่อระบายกลิ่น/ควันจากการประกอบอาหาร รวมถึงระบายความชื้นในห้องน้ำให้ออกสู่ภายนอกได้โดยตรงอีกด้วย ภาพรวมก็เป็นห้องที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คนได้สบายๆเลยครับ
เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Common Area ซึ่งจะมีความโปร่งโล่ง เพราะได้แสงสว่างจากหน้าต่างด้านในที่ส่องมาจนถึงหน้าห้องเลยครับ
ส่วนพื้นจะปูด้วยกระเบื้อง SPC ลายไม้ ที่สามารถทำความชื้นได้ดีในระดับหนึ่ง และฝ้าเพดานก็จะสูง 2.55 m. เป็นมาตรฐาน
ติดกับประตูทางเข้าจะเป็น Living Area ที่มีระยะดูทีวีกว้าง 2.55 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้กำลังดี โดยของจริงเราจะได้โซฟาแบบ 2 ที่นั่ง และชั้นวางทีวีมาให้เลยครับ ซึ่งยังคงเหลือพื้นที่ให้เรา Built-in เพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีก เช่น ตู้แขวนผนังบนทีวี และตู้เก็บรองเท้าข้างประตู เป็นต้น
ติดกับโซฟาจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารได้ 2 ที่นั่ง ซึ่งเราก็สามารถทานข้าวไปด้วยและดูทีวีไปด้วยได้สบาย หรือจะใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ ไว้นั่งทำงานอ่านหนังสือ และใช้วางของข้างโซฟาก็ได้ครับ
ห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน กรอบอลูมิเนียมและเป็นกระจกใสปกติ ซึ่งส่วนนี้เองที่ช่วยทำให้ภายในห้องดูกว้างขวางและสว่างโปร่งโล่ง แต่ถ้าใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็อาจติดผ้าม่านไว้เลื่อนปิดเวลามีแขกมาหาก็ได้นะครับ
ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่ใช้สอยพอดีๆ ซึ่งเราจะได้เฟอร์นิเจอร์เป็นฐานเตียงขนาด 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าด้านข้างแบบนี้ครับ
นอกจากนี้ตัวหน้าต่างหรือช่องแสงที่ติดกับภายนอก จะมีการเปลี่ยนวัสดุเล็กน้อย จากกระจกใสธรรมดากลายเป็นกระจก Euro Gray ที่ช่วยป้องกันรังสี UV และความร้อนได้ดีในระดับหนึ่งครับ
ตู้เสื้อผ้าด้านในจะมีพื้นที่เก็บของประมาณนี้ครับ คิดว่าเพียงพอสำหรับ 1 คนสบายๆ แต่ถ้าอยู่ด้วยกัน 2 คนก็อาจจะแน่นๆหน่อย แต่ชอบตรงที่ช่องเก็บของด้านบนมีขนาดใหญ่มาก สามารถเก็บพวกกระเป๋าเดินทางได้สบายๆเลย
สำหรับเตียงนอนจะเป็นการวางแบบชิดผนังริมหน้าต่าง ส่วนพื้นที่ปลายเตียงจะเหลือประมาณ 50 cm. พอจะติดทีวีแขวนผนัง หรือทำโต๊ะแต่งหน้าเล็กๆเพิ่มได้ และพื้นที่ยืนแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าจะกว้าง 1.4 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ
อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นครัว โดยจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับ Living Area แบบนี้เลยครับ ซึ่งเป็นการออกแบบเพื่อให้มีความกว้างขวางและโปร่งโล่ง แต่ถ้าใครที่ชอบทำอาหารจริงจัง ก็สามารถติดประตูเพิ่มเติมได้ด้วยตัวเอง กลิ่น/ควันจะได้ไม่เข้ามารบกวนพื้นที่ในห้องครับ
อีกทั้งวัสดุปูพื้นก็จะเปลี่ยนมาเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เพื่อที่จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย และเหมาะกับฟังก์ชันการใช้งานมากขึ้น ส่วนความกว้างจะอยู่ที่ 2.9 x 0.75 m. สามารถใช้งานทีละ 1 – 2 คนได้แบบพอดีๆ
ภายในครัวจะมีการ Built-in มาให้ครบแบบนี้เลยครับ Top เคาน์เตอร์จะเป็นหินสังเคราะห์ ที่สามารถทนความร้อนและเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย บนผนังกรุกระเบื้องเป็น Backsplash ลายแบบนี้มาให้ และมี Hob and Hood เป็นของ Hafele แบบต่อท่อดูดควันไปสู่ภายนอก
มาพร้อมกับอ่างล้างจานแบบ 1 หลุม และที่เก็บของต่างๆที่น่าจะเพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน จะมีก็แต่ที่วางไมโครเวฟอาจอยู่สูงสักหน่อย จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งานกันสักนิดนึง ส่วนที่วางตู้เย็นด้านข้างจะกว้าง 70 cm. นะครับ
ด้านซ้ายมือจะเป็นระเบียงที่มีขนาด 1 x 1.4 m. สามารถออกมาใช้งานตากผ้าได้เต็มที่ ซึ่ง Condensing Unit จะแขวนอยู่ด้านบน และเป่าลมร้อนมาด้านข้าง เวลาตากผ้าคือจะแห้งไวดีมากๆ แต่ถ้าใครชอบออกมาใช้งานระเบียงบ่อยๆ ก็อาจติดกริลดันลมร้อนออกไปด้านนอกได้นะครับ
อีกหนึ่งจุดที่อยากให้สังเกตก็คือ ‘ประตูระเบียง’ ของจริงจะมีทั้งประตูกระจกบานเปิดแบบนี้ และมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบปกติด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละแบบห้องจะไม่เหมือนกันครับ
อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องน้ำ ที่ภายในเราจะได้แบบนี้เหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ โดยสุขภัณฑ์จะเป็นของ Cotto ที่ก๊อกน้ำต่างๆจะเป็นสีดำเท่ๆแบบนี้หมดเลย
ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 90 x 80 cm. สามารถใช้งานได้พอดีๆ มาพร้อมกับติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered Glass มาให้แบบนี้เลย เวลาอาบน้ำจะได้ไม่กระเด็นเปียกไปทั่วห้องครับ
- 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34.98 ตร.ม.
จุดเด่นของห้องนี้คือ Common Area ที่มีขนาดใหญ่ และมีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาให้ใช้งานครับ ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการห้องเล็กๆไว้จัดฟังก์ชันตาม Lifestyle ของตัวเองเพิ่มเติมได้ เช่น ห้องทำงาน ห้องเล่นเกมส์ ห้องดูหนัง หรือถ้าใครอยู่กับพี่น้อง/มีลูกเล็กๆ ก็สามารถทำเป็นห้องนอนเล็กเพิ่มเติมได้ด้วย
นอกจากนี้เรายังได้ห้องนอนหลักที่กั้นด้วยผนังทึบ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนสูง รวมถึงยังได้ครัวปิดที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นมาให้พร้อมใช้งานเลยด้วย ดังนั้นห้องนี้จึงเหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ซึ่งเป็นคนที่ชอบห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มีห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งานเพิ่มเติม แถมยังสามารถทำครัวได้จริงจังระดับหนึ่งอีกด้วยนั่นเองครับ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Common Area ซึ่งจากมุมนี้เราจะยังมองไม่เห็นส่วนห้องนอน ครัว และห้องน้ำทั้งหมด จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวภายในห้องเพิ่มขึ้นครับ
โดยพื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Living Area ระยะดูทีวีกว้าง 2.6 m. สามารถใช้ทีวี 40 – 50 นิ้วได้ และเราก็สามารถ Built-in เพิ่มพื้นที่เก็บของได้เหมือนกับห้อง 1 Bedroom ก่อนหน้านี้ได้เลยครับ
ถัดเข้ามาตรงกลางห้องจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับ หรือใครจะปรับเป็นมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือ และขยายโซฟาให้กลายเป็นตัวใหญ่นั่ง/นอนสบายกว่านี้ก็ได้เลย
จุดที่น่าสนใจของห้องนี้คือ พื้นที่บริเวณกลางห้อง ซึ่งเราสามารถทำเป็น Island Table / เคาน์เตอร์บาร์ หรือพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารก็ได้
อันนี้ผมนึกไปถึงพวก Content Creator และ Youtuber ด้วยนะครับ เพราะเราสามารถใช้มุมนี้ในการถ่ายวิดีโอเกี่ยวกับการทำอาหาร หรือไลฟ์ขายสินค้าได้สบายๆเลย
บริเวณด้านหลังจะเป็นครัวที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้สามารถประกอบอาหารได้จริงจังระดับหนึ่ง
ภายในมีพื้นที่ใช้สอยกว้าง 1.5 x 0.8 m. พร้อมที่วางตู้เย็นกว้าง 70 cm. และทางโครงการจะ Built-in ครัวมาให้ครบพร้อมใช้งานแบบนี้เลยครับ
ด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำที่ใช้งานร่วมกันภายในห้อง ซึ่งจะหลบมุมมองสายตาจากหน้าประตูห้อง ทำให้มีความเรียบร้อยและเป็นส่วนตัวในการใช้งานมากขึ้น
ภายในเราจะได้สุขภัณฑ์จาก Cotto และมีขนาดฟังก์ชันที่เหมือนกับห้องน้ำก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถใช้งานได้ปกติ
สำหรับห้องอเนกประสงค์จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้ห้องมีความกว้างขวางโปร่งโล่ง และช่วยให้แสงสว่างจากระเบียงสามารถส่องเข้ามาได้ถึงภายใน โดยหากเราต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็สามารถติดผ้าม่านเพิ่มได้ครับ
ภายในมีขนาดกว้างประมาณ 2.5 x 2.2 m. สามารถจัดเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ตาม Lifestyle ของเราเลย รวมถึงถ้าใครอยากปรับเป็นห้องนอนเล็กของลูกเล็ก ก็พอจะวางเตียง 3.5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าใบเล็กๆได้พอดีๆ จึงทำให้แปลนและฟังก์ชันของห้องนี้มีความยืดหยุ่นพอสมควรเลย
ส่วนระเบียงภายนอกจะมีขนาด 2.5 x 0.7 m. อีกทั้ง Condensing Unit ก็จะเป่าลมร้อนออกสู่ภายนอก จึงทำให้เราสามารถออกไปใช้งานได้เต็มที่มากขึ้นครับ
สำหรับห้องนอนหลักจะกั้นด้วยผนังและประตูไม้บานทึบ จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากพื้นที่ส่วนอื่นๆของห้อง
ภายในห้องนอนสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้พอดีๆ ซึ่งลักษณะจะเป็นการวางชิดกับผนังข้างหน้าต่างเหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ ทำให้การขึ้น-ลงของคนที่นอนด้านในก็สามารถใช้บริเวณปลายเตียงที่กว้าง 50 cm. ได้แบบพอดีๆ
ด้านซ้ายของเตียงจะมีตู้เสื้อผ้า ที่คราวนี้จะปรับเป็นประตูบานเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย แต่ภายในก็ยังคงเก็บเสื้อผ้าและกระเป๋าใบใหญ่ๆได้เหมือนเดิม
สุดท้ายคือบริเวณปลายเตียงเราสามารถติดทีวีแขวนผนังเพิ่มเติมได้ เราจะได้นอนดูทีวีสบายๆบนเตียง พร้อมกับชมวิวภายนอกไปด้วยได้แบบนี้ หรือในกรณีที่เราอยากดูหนังคนละเรื่องกับแฟน ก็ยังสามารถแยกกันดูคนละห้องแบบนี้ก็ได้ครับ
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 22.50 ตร.ม.
เป็นห้องไซส์เล็กสุดของโครงการ แต่เป็นหนึ่งในแบบห้องที่ส่วนตัวผมชอบมากที่สุด เพราะเค้าสามารถจัดฟังก์ชันออกมาได้ดีมากๆ ในขณะที่พื้นที่ใช้สอยที่เล็กเพียงเท่านี้ แต่เป็นห้องที่เราจะได้ทั้งครัวปิดด้านหน้า และยังมี Walk-in Closet ให้ใช้งานในตัวด้วย
ส่วนภายในห้องหลักจะเป็นการรวมกันระหว่าง Living Area และห้องนอน (ลักษณะคล้ายกับห้อง Studio) เพื่อเชื่อมต่อกันให้กว้างขวางโปร่งโล่ง โดยลดทอนฟังก์ชันโต๊ะทานอาหารหรือโต๊ะอเนกประสงค์ออกไป ซึ่งอาจปรับมาใช้งานร่วมกับโซฟาในตัวไปเลยก็ได้ครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะ
ราคา
Chapter One More Kaset (แชปเตอร์วัน มอร์ เกษตร) ราคา ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2567
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 22.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 26.42 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
- 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 32.90 – 34.90 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอย 53.60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
- มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ BTS มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และประตูมหาวิทยาลัย
- ผ่อนจำนวน 13 เดือน = 3,900 – 8,900 บาท/เดือน
- ค่าจอง 1 Bedroom = 5,000 บาท / 1 Bedroom Plus = 10,000 บาท / 2 Bedrooms = 20,000 บาท
- ค่าทำสัญญา 1 Bedroom = 10,000 บาท / 1 Bedroom Plus = 20,000 บาท / 2 Bedrooms = 30,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 67 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 40 แยก 1 ใกล้ประตูมหาลัย 600 m. และใกล้ BTS สถานี ม.เกษตรฯ 750 m. โดยใช้เส้นทางเข้า-ออกหลักจากซอยพหลโยธิน 42 เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่ยังสามารถไปใช้รถไฟฟ้าและเข้ามหาลัยได้สะดวกอยู่ครับ เหมาะกับน้องๆนักศึกษา บุคลากรในมหาลัย และคนที่ทำงานโดยใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก ส่วนในด้านความคึกคักและอุดมสมบูรณ์อาจน้อยกว่าโซนหน้ามหาลัยฝั่งงามวงศ์วาน แต่จะได้ในเรื่องความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เหมาะแก่การอยู่อาศัยมาทดแทน
สำหรับคนที่มองในเรื่องการลงทุน คอนโดใกล้มหาลัยยังคงมีความน่าสนใจ สังเกตจากโครงการส่วนใหญ่ในย่านนี้สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว บางแห่งยังสร้างไม่ทันเสร็จก็ Sold Out ไปแล้วก็มี แน่นอนว่าคู่แข่งด้านการลงทุนปล่อยเช่าก็มีเยอะขึ้นตามไปด้วยครับ ซึ่งใครที่สนใจจะลงทุนโครงการ Chapter One More Kaset ก็อย่าลืมคำนวณความเป็นไปได้ต่างๆ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เราจะต้องรับภาระด้วยนะครับ เช่น ค่าส่วนกลาง ค่านายหน้า เป็นต้น
การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกเลยครับ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ทำให้สามารถเข้า-ออกเมืองได้ไม่ยากนัก แต่จุดเด่นจริงๆของโครงการนี้คือ ที่จอดรถเยอะถึง 45% ซึ่งหากลองสำรวจคอนโดในย่านนี้ดูจะพบว่า ส่วนใหญ่จะมีที่จอดรถอยู่ที่ 30 – 40% เท่านั้น ก็เลยทำให้โครงการ Chapter One More Kaset เป็นหนึ่งในคอนโด Low Rise ที่ให้ที่จอดรถมาเยอะเป็นอันดับต้นๆเลยครับ จึงเป็นคอนโดที่เหมาะกับคนมีรถยนต์ส่วนตัวใช้งานด้วยนั่นเอง
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 750 m. ถือเป็นระยะที่ยังพอจะสามารถเดินถึงได้อยู่นะครับ (แต่อาจเหนื่อยสักหน่อย) ซึ่งตัวโครงการจะเข้าซอยประมาณ 200 m. หน้าปากซอยจะมีป้ายรถเมล์และสามารถเรียกรถสาธารณะได้ แต่ซอยแถวๆนี้ปัจจุบันยังไม่มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้นะครับ ดังนั้นสิ่งที่จะมาช่วยให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นคือ Shuttle Service ที่จะรับ-ส่งไปยัง BTS และประตูมหาลัยในอนาคตนั่นเอง
การออกแบบโครงการ : วางผังให้ทั้ง 3 อาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องพักที่อยู่ด้านในจะได้วิวส่วนกลางสวยๆหลายห้อง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน บางคนชอบเห็นส่วนกลางแบบแนวกว้าง บางคนชอบวิวส่วนกลางแบบตอนลึก หรือบางคนก็อยากมีระยะห่างเพื่อไม่ให้เสียความเป็นส่วนตัวมากเกินไปก็มี นอกจากนี้ยังมีห้องไซส์เล็กสำหรับคนมีงบจำกัด แต่อยากได้วิวด้านในให้เลือกกันด้วยนะ
ส่วนถ้าเรามองจุดเด่นแยกแต่ละอาคาร ถ้าเป็นอาคาร A จะได้วิวส่วนกลางด้านข้างที่มี มีระยะห่างมองเห็นสวยๆได้เต็มตา แถมยังมีดาดฟ้าให้ขึ้นไปใช้งานได้ด้วย ส่วนอาคาร B จะมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด เพราะยูนิตน้อย แถมยังมีสวนด้านหน้าเป็น Buffer กั้นจากทางเข้าโครงการด้วยครับ สุดท้ายคืออาคาร C จะมีส่วนกลางรวมอยู่ด้วย เหมาะกับคนใช้ Facilities เป็นประจำ แต่ก็อาจมีความพลุกพล่านหน่อยนั่นเอง
การออกแบบห้องพักอาศัย : มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นห้องไซส์เล็ก แต่สามารถจัดฟังก์ชันได้ดีและลงตัวมากๆ โดยห้องส่วนใหญ่จะได้ครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจัง แถมยังมี Walk-in Closet ถึงแม้จะเป็นห้องเล็กสุดเพียง 22.5 ตร.ม. ก็ยังสามารถจัดให้มีฟังก์ชันนี้ได้ แบบที่ยังคงมีความกว้างขวางใช้งานได้สะดวกอยู่ด้วยครับ ถือว่าโครงการนี้จัดแปลนห้องมาได้เก่งดีทีเดียว
สำหรับห้อง 1 Bedroom ส่วนใหญ่จะกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อความกว้างขวางโปร่งโล่งของพื้นที่ในห้อง แต่ถ้าใครที่อยากได้ห้องนอนกั้นด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัว และมีห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งานด้วย ผมก็แนะนำเป็นห้อง 1 Bedroom Plus เลยครับ เพราะมีความยืดหยุ่นของฟังก์ชันที่ดีทีเดียว และสำหรับห้อง 2 Bedrooms ก็จะเหมาะกับการอยู่ด้วยกัน 2 – 3 คน หรือจะอยู่แบบครอบครัวก็ได้ ซึ่งทีเด็ดคือเป็นห้องหน้ากว้าง และมีห้องน้ำให้ใช้งานแยกกัน 2 ห้องสบายๆเลยครับ
วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบ ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้า ฟูกที่นอน และติดม่านเพิ่มเติม ก็พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่เลยครับ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการแต่งห้องไปได้เยอะเลย ส่วนสเปควัสดุที่ให้ก็จัดว่าดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้อง SPC / Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ / สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก Cotto ที่เป็นสีดำเท่ๆ และกระจกหน้าต่างภายนอกที่เป็น Euro Gray
สาธารณูปโภค : เป็นหนึ่งในจุดเด่นของโครงการนี้เลยครับ เพราะมี Facilities มาให้ใช้งานแบบจัดเต็มถึง 5 ชั้น ซึ่งเทียบกับเพื่อนบ้านที่เป็นคอนโด Low Rise ด้วยกันแล้ว ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่ให้มาเยอะสุดเลยก็ว่าได้ (ติด Top 3 ในปัจจุบันตอนนี้เท่าที่ผมลองหาข้อมูลมานะ) โดยส่วนกลางเค้าจะเน้นไปที่ Co-Sharing Space หรือพื้นที่ Co-Working Space หลากหลายฟังก์ชัน ซึ่งเหมาะกับการใช้งานของน้องๆนักศึกษา หรือคนในวัยทำงานมากๆครับ
ไม่ว่าจะเป็น The Auditorium / Conversation Lab / Thinking Lab และ The Cafe รวมถึงยังมีฟังก์ชันพื้นฐานอย่าง Swiming Pool และ Fitness ให้ใช้งานครบ ส่วนถ้าเป็นอาคาร A ก็จะมี Rooftop Garden ให้ขึ้นไปใช้งานชมวิวด้วยนะครับ แต่ด้วยความที่โครงการนี้มีการจอดรถส่วนหนึ่งแบบ Automatic Parking ก็เลยทำให้อาจมีค่าส่วนกลางที่ค่อนข้างสูงอยู่สักหน่อยถึง 67 บาท/ตร.ม. หรือประมาณ 1,500 บาท/เดือนขึ้นไปเลยทีเดียว ดังนั้นก็อย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนนี้กันให้ดีๆด้วยนะครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 93,000 บาท/ตร.ม., 9 กรกฎาคม 2567
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ภายในซอย เงียบสงบเป็นส่วนตัว ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า BTS
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – อยู่ฝั่งขาเข้าเมือง มีทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ให้ใช้ ที่จอดรถเยอะ 45%
- ไม่ใช้รถ 8/10 – มี Shuttle Service และไม่ไกลจาก BTS สถานี ม.เกษตรฯ 750 m.
- วัสดุ 8/10 – Fully Furnished ให้วัสดุมาดีเหมาะสมกับราคา
- แบบ 8/10 – เน้นห้องไซส์เล็ก แต่ได้ครัวปิดและ Walk-in Closet ตัวอาคารโอบล้อมส่วนกลาง ได้วิวด้านในสวยๆหลายห้อง
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – ให้มาเยอะถึง 5 ชั้น เน้นพื้นที่ Co-Working Space หลายจุด ค่าส่วนกลางราคาค่อนข้างสูง
- MAIN CLASS
- 7.88 / 10.00
Chapter One More Kaset (แชปเตอร์วัน มอร์ เกษตร) เหมาะกับใคร
โครงการ Chapter One More Kaset เหมาะกับผู้ปกครอง น้องๆนักศึกษา หรือกลุ่มนักลงทุน ที่กำลังมองหาคอนโดใกล้มหาลัยเกษตรศาสตร์ และรถไฟฟ้า BTS ในระยะที่สามารถเดินถึงได้ โดยเป็นโครงการที่ให้ส่วนกลางมาเยอะถึง 5 ชั้น เน้นพื้นที่ Co-Working Space ให้นั่งทำงาน รวมถึงยังมีที่จอดรถเยอะถึง 45% ส่วนห้องพักก็เป็นสัดส่วนดี ขายแบบ Fully Furnished มีงบประมาณระดับ 1.99 – 2.29 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,000 – 16,000 บาท/เดือนขึ้นไป
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่