CHAPTER ONE กลับมาแล้ว….กับโครงการ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA หลังจากที่เราไม่ได้เห็นแบรนด์นี้เปิดตัวมาสักพักหนึ่งแล้ว คราวนี้มาในทำเล “รามอินทรา” ที่มีความสะดวกสบายครบครัน ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า และโครงการยังคงจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางมาให้เช่นเคย ซึ่งเรารวบรวม Highlights หรือจุดเด่นที่น่าสนใจมาให้ตามนี้เลยค่ะ

  • ทำเล : โครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา ห่าง MRTสายสีชมพู สถานีลาดปลาเค้าในระยะ 250 เมตร ซึ่งนั่งไปเพียง 2 สถานีก็ถึงสถานี Interchange กับ BTS สถานีวัดพระศรีฯ เชื่อมต่อเข้าเมืองได้ นอกจากนั้นทำเลยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ใกล้ BIG C และ เซ็นทรัลรามอินทราอีกด้วย
  • พื้นที่ส่วนกลาง : จัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางมาให้ รองรับไลฟ์สไตล์และกิจกรรมที่หลากหลาย มีพื้นที่ส่วนกลางที่ต่อเนื่องกันถึง 8 ชั้น, ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้า และมีส่วนกลางที่เปิด 24 ชั่วโมงด้วยค่ะ
  • การออกแบบ : ออกแบบอาคารและส่วนกลางได้สวย น่าใช้งานโดยมีการหยิบยกเอา Element ต่างๆในเมือง Amsterdam มาใช้ ส่วนออกแบบห้องพัก จัดฟังก์ชันต่างๆลงตัวและเป็นสัดส่วน มีให้เลือกทั้ง 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus

ข้อมูลโครงการ

CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566

 ชื่อโครงการ  CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนนรามอินทรา เขตบางเขน
 ที่ดิน  5-0-65.2 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร
 จำนวนยูนิต  631 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัย 628 ยูนิต + ร้านค้า 3 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  34 ยูนิต ที่อาคาร C
 ที่จอดรถ  268 คัน คิดเป็น 43% (มี 3 EV Parking Slot + Priority Park อาคารละ 2 จุด)
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2566
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี N/A
 ประเภทห้องพัก
  • ALL-ROUND ห้อง 1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม.
  • FASHIONISTA ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.9 ตร.ม.
  • FAMILYDESIGNED ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม.
  • MULTI-USE ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.55 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  1.79 ล้านบาท* (Promotion)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 89,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  N/A
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  N/A
 เว็บไซต์โครงการ https://www.pruksa.com/chapter-one/allramintra
 Call Center  1739

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.861201222971863, 100.62069854913156
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

CHAPTER ONE ALL RAMINTRA ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา ซึ่ง “ย่านรามอินทรา” นี้ ถือเป็นย่านที่มีคนอยู่อาศัยขนาดใหญ่ เป็นทำเลที่เรามองว่าไม่ใกล้ไม่ไกลเมือง เดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวกค่ะ ถ้ามองในเรื่องของการเดินทาง ตัวโครงการจะอยู่บนถนนรามอินทราช่วงต้น ระหว่างถนนพหลโยธินและถนนประดิษฐ์มนูธรรม สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลาย เช่น

  • ถนนพหลโยธิน สามารถใช้ถนนเส้นนี้วิ่งเข้าเมืองทางฝั่งจตุจักร อารีย์ สนามเป้าหรือวิ่งออกไปทางคูคตได้
  • ถนนประดิษฐ์มนูธรรม สามารถใช้เดินทางเข้าเมืองมายังโซนพระราม 9 – เอกมัยได้สะดวก

ในส่วนของความอุดมสมบูรณ์นั้น บนถนนรามอินทราก็จะมีตัวเลือกค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับตัวโครงการ ซึ่งจะใกล้กับเส้นลาดปลาเค้า ซึ่งมีทั้งตลาด, ศูนย์การค้า, Hyper Market, Community Mall ให้ใช้งานหลากหลายเลยค่ะ เช่น Big-C Extra รามอินทรา, ตลาดลาดปลาเค้า, The JAS รามอินทรา , หรือจะขยับออกไปหน่อยก็จะมีเซ็นทรัล รามอินทราที่เพิ่งจะรีโนเวทเสร็จไปไม่นานมานี้ด้วย

นอกจากนั้นยังมีโรงพยาบาลและสถานศึกษาบริเวณใกล้ๆด้วย และยังใกล้แหล่งงานโซนแจ้งวัฒนา หลักสี่ ดอนเมือง จึงเป็นทำเลที่มีความครบครันย่านหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ

อีกจุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับทำเลของ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA คือเรื่องรถไฟฟ้าสายสีชมพูค่ะ โดยรถไฟฟ้าเส้นนี้กำลังก่อสร้างซึ่งเส้นทางส่วนใหญ่จะผ่านถนนรามอินทราเป็นหลัก เริ่มตั้งแต่มีนบุรีไปจนถึงโซนนนทบุรีเลย โดยตัวสถานีที่ใกล้กับโครงการเรานั้นจะเป็น สถานีลาดปลาเค้า ห่างเพียง 250 เมตร ถือว่าเป็นระยะเดินสบายเลยนะ

รถไฟฟ้าสายนี้จะมีประโยชน์สำหรับคนที่ใช้เดินทางเข้าเมืองได้ด้วย ตัวอย่างเช่น จากสถานีลาดปลาเค้า นั่งไป 2 สถานีก็จะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ใช้เข้าเมืองไปยังโซนห้าแยกลาดพร้าว หรือวิ่งยาวไปยังสยามได้เลยค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

จากที่ตั้งโครงจะอยู่ห่างจากสถานีลาดปลาเค้าประมาณ 250 เมตร ซึ่งจะเดินผ่าน Big-C Extra รามอินทรา แปลว่าเวลาเช้าหรือเย็นหลังทำงานหรือเรียน เราก็สามารถแวะซื้อของกินของใช้ได้ง่ายเลย หรือจะไปยังตลาดลาดปลาเค้าหรือ The JAS รามอินทรา ซึ่งบริเวณนี้นอกจาก Community Mall แล้วยังมีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะ รวมถึงมีตลาดของกินด้วย จากโครงการระยะถือว่าไม่ไกลมาก เรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปหรือเดินออกกำลังกายไปก็ยังได้ค่ะ

ส่วนสภาพแวดล้อม ถ้ามองภาพรวมๆทำเลนี้ฝั่งที่ติดถนนใหญ่จะเป็นตึกแถวอาคารพาณิชย์ โชว์รูม ห้างร้านต่างๆสลับกันไปค่ะ ส่วนถัดมาด้านในจะเป็นชุมชน หมู่บ้านบ้านพักอาศัยและที่ดินเปล่า โดยแต่ละฝั่งของโครงการจะติดกับ

  • ทิศเหนือ – ถนนรามอินทราและแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู
  • ทิศตะวันออก – ร้านอาหารแหลมเจริญซีฟู้ด สาขารามอินทรา
  • ทิศใต้ – บ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันตก – ที่ดินเปล่า ศูนย์บริการอะไหล่รถยนต์ บ้านพักอาศัยและ Big C

Image 1/3
สำนักงานขาย

สำนักงานขาย

สำนักงานขายโครงการจะอยู่ติดกับที่ดินโครงการ หากใครสนใจก็สามารถเข้าไปชมได้นะคะ

Image 1/2
ที่ตั้งโครงการ

ที่ตั้งโครงการ

ที่ตั้งโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา มีการล้อมรั้วเอาไว้เรียบร้อย

Image 1/7
ด้านหน้าโครงการคือถนนรามอินทรา ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็น

ด้านหน้าโครงการคือถนนรามอินทรา ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็น

เดินสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการจะเจอร้านอาหาร  ศูนย์บริการอะไหล่รถยนต์ เดินถัดมาอีกหน่อยก็จะถึง Big C และรถไฟฟ้าสายสีชมพูค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • BIG C RAMINTRA ∼ 200 ม.
  • FOODLAND ∼ 650 ม.
  • THE JAS RAMINTRA ∼ 800 ม.
  • CENTRAL RAMINDRA ∼ 2 กม.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ∼ 5 กม.
  • โรงพยาบาลซีจีเอช ∼ 4.7 กม.
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา ∼ 5.8 กม.

โรงเรียน

  • มหาวิทยาลัยเกริก ∼ 2.6 กม.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร ∼ 3.5 กม.
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม ∼ 5.4 กม.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ∼ 6 กม.

การเดินทาง

  • MRT ลาดปลาเค้า ∼ 250 ม.
  • ทางด่วนศรีรัช ∼ 2 กม.

รายละเอียดโครงการ

ทำความรู้จักแบรนด์ CHAPTER ONE

CHAPTER ONE เป็นแบรนด์คอนโด Segment 90,000 – 140,000 บาทต่อตร.ม.ของพฤกษาที่เน้นความเป็น Stylish Residences หรือมีการออกแบบ Concept โดยเฉพาะ แบรนด์นี้มีทำเลที่หลากหลาย อาจจะไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองจ๋า แต่เน้นทำเลที่มีความสะดวกสบายครบครัน ใกล้ห้าง รถไฟฟ้า มหาวิทยาลัย หรือสถานที่สำคัญอื่นๆ โดยการออกแบบโครงการจะมาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่จัดเต็มและมีดีไซน์โดดเด่น มีการใส่ Gimmick ต่างๆลงไป เช่น CHAPTER ONE ECO รัชดา-ห้วยขวาง ที่มาด้วยสไตล์ Scandinavian กับส่วนกลางไล่ระดับและร้านกาแฟ Starbucks / CHAPTER ONE MIDTOWN ลาดพร้าว 24 ที่มาในสไตล์ Industrial Loft หรือ CHAPTER ONE SHINE บางโพ ก็จะมาในธีม Modern Chinese เข้ากับชุมชนเก่าในย่านบางโพ ซึ่งความต้องการของการสร้างแบรนด์นี้คือต้องการวางตัวเป็น Landmark ของทำเลนั้นๆนั่นเองค่ะ

สำหรับการตั้งชื่อของ CHAPTER ONE จะมีการเอา Concept มาต่อท้ายตามด้วยทำเลอย่าง CHAPTER ONE ALL RAMINTRA คำว่า ALL มีที่มามาจากความครบครันของย่านรามอินทราที่ถึงแม้ไม่ใช่ CBD แต่ก็มีครบทั้งศูนย์การค้า Community Mall ร้านอาหาร โรงเรียน โรงพยาบาล คาเฟ่เก๋ๆ รวมถึงมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูมาจ่อรอเปิดให้บริการอีกด้วย

โดยคำว่า ALL สามารถแตกเป็น Concept หลักได้อีกดังนี้ค่ะ

  • A  All time / โครงการมีความสะดวกในการเดินทาง ไปไหนมาไหนได้ง่ายและยังมี Facilities ที่เปิด 24 ชั่วโมงให้ใช้ด้วย
  • L – Living / มีการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยด้วยการ Design Concept ลงไป รวมถึง ยังมีออกแบบฟังก์ชันในห้องพักอาศัยให้เหมาะกับความต้องการของลูกบ้าน
  • L – Lifestyles / มี Facilities ที่หลากหลายรองรับได้ทุกไลฟ์สไตล์ 

สำหรับสไตล์การออกแบบโครงการ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA คือThe Dutch Aesthetic โดยมีการหยิบยกเอา Element ต่างๆในเมือง Amsterdam ทั้ง Shape หลังคาจั่ว โทนสีของสถาปัตยกรรมอย่างสีครีม ส้ม แดง การดีไซน์หลังคาให้ปาดเฉียงลงเสมือนเราอยู่ในห้องใต้หลังคา ทำให้บรรยากาศมีความอบอุ่นและเป็นกันเองมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นทั้งหมดนี้ในอาคารและพื้นที่ส่วนกลางค่ะ


พาชมส่วนกลาง 8 ชั้นของ  CHAPTER ONE ALL RAMINTRA

CHAPTER ONE ALL RAMINTRA เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 3 อาคาร แบ่งเป็นอาคาร A B C เรียงกันจากหน้าโครงการเข้าไปเลย มีจำนวนทั้งหมด 631 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัย 628 ยูนิตและร้านค้า 3 ด้านหน้าโครงการอีกยูนิต สำหรับอาคาร A จะมีการแบ่งเอาพื้นที่อาคารด้านหน้าและบริเวณดาดฟ้าเอามาทำเป็น Facilities ให้ลูกบ้านใช้กันอย่างจุใจ และส่วนกลางอีกจุดจะอยู่ระหว่างอาคาร B และ C ค่ะ โดยทางเข้า-ออกสำหรับใช้พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่แยกจากส่วนพักอาศัย ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวนะคะ

ด้านหน้าโครงการจะติดถนนรามอินทรา โดยซุ้มประตูทางเข้าจะอยู่ถัดเข้ามาหน่อยและมีสวนหย่อมหน้าโครงการอีกประมาณ 15 เมตร เพื่อสร้างความร่มรื่นและเป็นตัวกรองฝุ่นและควัน ช่วยปรับอารมณ์ให้ผ่อนคลายจากความวุ่นวายภายนอกก่อนเข้าโครงการค่ะ ส่วนร้านค้าทั้ง 3 ยูนิตจะอยู่หน้าโครงการถัดจากสวน

ตัวอาคารจะวางตามแนวยาวของที่ดินในทิศเหนือ-ใต้ ถ้าดูจากรูปนี้จะเห็นได้ชัดว่าพื้นที่ส่วนกลางถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนนะคะ หลักๆคือด้านหน้าอาคาร A , Roof Top ของอาคาร A และระหว่างอาคาร B และ C

ส่วนที่จอดรถสามารถจอดได้รอบๆอาคารและใต้อาคารชั้น G โดยจะจอดได้ทั้งหมด 268 คัน คิดเป็น 43% มีที่จอดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ 3 ช่องจอดและมี Priority Park สำหรับจอดรับส่งคนพิการ คุณแม่ตั้งครรภ์หรือครอบครัวที่มีเด็กน้อยอีกอาคารละ 2 จุดค่ะ

BUILDING A

มาดูพื้นที่ส่วนกลางที่บริเวณด้านหน้าอาคาร A กันก่อน ซึ่งถือว่าเป็น Facilities หลักและเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยทีเดียว เพราะมีให้ใช้หลากหลาย ต่อเนื่องกันถึง 8 ชั้นและมีการออกแบบเป็น Double Volume เกือบทุกพื้นที่ ในส่วนที่เป็นโถงทางเดินได้มีการออกแบบผนังบางส่วนให้เป็นกระจกใส ทำให้เกิดการ Connecting กันระหว่างผู้ที่ใช้งานและคนที่เดินผ่านไปมา อีกทั้งยังช่วยทำให้แต่ละพื้นที่มีความโปร่ง โล่งมากขึ้นด้วย เราสรุปพื้นที่ส่วนกลางแต่ละชั้นได้ตามนี้นะ เดี๋ยวเราจะค่อยๆพาขึ้นไปชมทีละชั้นนะคะ

  • Ground Floor – Living Lounge
  • ชั้น 2 – Multiplay Space / Entertainment Space / Workshop Space (24 HRS.)
  • ชั้น 3 – Co-Working Space
  • ชั้น 4 – Lifestyle Kitchen / Live Studio(24 HRS.) / Semi-Outdoor BBQ
  • ชั้น 5 – Active Space
  • ชั้น 6 – Functional Training Room / Yoga & Dance Room
  • ชั้น 7 – Step Garden
  • ชั้น 8 – Step Garden / WC
  • Rooftop – Scenic Sky Pool / Scenic Sky Yard / Jogging Track / Urban Farming

บรรยากาศพื้นที่ส่วนกลางต่อเนื่องกัน 8 ชั้นของอาคาร A แยกออกมาจากส่วนพักอาศัย ซึ่งส่วนใหญ่จะดีไซน์เป็น Double Volume ค่ะ

มาเริ่มดูกันที่ชั้น 1 อาคาร A ก่อน อาคารนี้ด้านหน้าสุดฝั่งที่ติดกับถนนใหญ่จะเป็นร้านค้า ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางคือ Living Lounge, Mail Room, Laundry และสำนักงานนิติบุคคล ส่วนด้านหลังอาคารจะเป็นที่จอดรถ สังเกตว่าอาคารนี้จะมีที่จอดสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ 3 ช่องจอดและมี Priority Park มาให้ 2 จุดค่ะ

Living Lounge หรือพื้นที่นั่งเล่น ดีไซน์โดยใช้เส้นสาย Texture ที่แตกต่างกัน การออกแบบโซนนี้จะได้แรงบันดาลใจมาจาก Amsterdam เมืองแห่ง Museum ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะประกอบด้วยพื้นที่ 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นพื้นที่ส่วนกลาง Multiplay Space ต่อเนื่องกับ Entertainment Space และมีส่วนของ Workshop Space ที่เปิด 24 ชั่วโมงแยกออกมาด้วย อีกส่วนจะเป็นห้องพักอาศัย ซึ่งตั้งแต่ชั้น 2 ผังจะเหมือนกันทุกชั้นนะคะ อาคารนี้จำนวนยูนิตต่อชั้นจะไม่เยอะเท่าอาคาร B , C นะ เพราะมีแบ่งพื้นที่บางส่วนเป็นส่วนกลาง รูปแบบห้องส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom 24 ตร.ม. โดยทางฝั่งทิศใต้ (มุมซ้ายสุด) ของอาคารจะมีห้องแบบ 1 Bedroom Plus อยู่ค่ะ ลิฟต์โดยสารจะมีอาคารละ 2 ตัว สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะมีลิฟต์แยกมาเฉพาะอีก 1 ตัวค่ะ

Multiplay Space พื้นที่พักผ่อนที่มีโต๊ะพูลเชื่อมต่อกับ Entertainment Space ห้องดูหนัง การออกแบบจะเน้นเส้นสายและหลังคาที่ปาดเอียงเสมือนอยู่ในห้องใต้หลังคา

ถัดมาจะมี Workshop Space โซนนี้ทางโครงการทำขึ้นมาเพื่อเอาใจเหล่า Designer ให้เอาไว้ใช้พื้นที่ทำงาน ART วาดรูป จัดดอกไม้ ฯลฯ เนื่องจากงานประเภทนี้ต้องใช้สมาธิและอาจมีเวลาทำงานที่ไม่แน่นอน โครงการจึงเปิดให้ใช้ได้ 24 ชั่วโมงเลยค่ะ

ถัดมาชั้น 3 ส่วนห้องพักอาศัยจะวางผังเหมือนเดิมทุกชั้นนะคะ สำหรับ Facilities จะเป็นห้อง Co-Working Space ขนาดใหญ่

พื้นที่ส่วนกลางอีกส่วนหนึ่งที่เปิด 24 ชั่วโมงก็คือ Co-Working Space ที่จัดที่นั่งมาให้หลายโซน รองรับการทำงานทุกรูปแบบ ทั้งโซฟาให้นั่งแบบ Relax หรือแบบโต๊ะทำงานมี Partition กั้นแยกเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว รวมถึงมี Pot สำหรับนั่งทำงานแยกคนเดียวด้วย ถ้าใครอยากคุยงานประชุมก็มี Meeting Room มาให้ 2 ห้อง

โซนนี้เราจะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งจากช่องแสงขนาดใหญ่และฝ้าเพดานที่สูง ทำให้ทำงานได้สบายๆ ไม่อึดอัด

ชั้น 4 พื้นที่ส่วนกลางจะประกอบไปด้วย Lifestyle Kitchen, Live Studio และ Semi-Outdoor BBQ

Lifestyle Kitchen จะเป็นห้องที่เราสามารถมาทำอาหาร โดยโครงการจะมีอุปกรณ์ต่างๆเช่น ไมโครเวฟ, เตาอบ, Hob, Hood, อ่างล้างจาน, ตู้เย็นมาให้  โดยจะมี TV ไว้ให้ Live สดหรือใช้ดูสูตรอาหารด้วย สำหรับใครที่อยาก Live อย่างเป็นสัดส่วนหน่อยก็จะมีห้อง  Live Studio ที่เปิดบริการให้ 24 ชั่วโมง และยังมีมุม Semi-Outdoor BBQ เอาไว้สำหรับงานปิ้งย่างและจัดปาร์ตี้อีกด้วย

ชั้น 5 เป็น Active Space หรือ ฟิตเนส ซึ่งกินพื้นที่เกือบทั้งชั้นของฝั่งที่เป็นส่วนกลางเลย

ห้อง Active Space หรือฟิตเนส แยกเป็นโซนเวทและคาร์ดิโอชัดเจน มาพร้อมกับอุปกรณ์ครบครัน และมีไฮไลท์คือ มีผนังที่ทำเป็นหน้าผาจำลอง สามารถปีนได้พร้อมกัน 3 คน

ชั้น 6 ส่วนกลางจะเป็น Functional Training Room ที่เชื่อมต่อกับ Yoga & Dance Room และมีมุม Outdoor Boxing ด้วย

นอกจากฟิตเนส ทางโครงการมี Functional Training Room แยกออกมาต่างหาก เนื่องจากการออกกำลังกายประเภทนี้ต้องใช้พื้นที่พอสมควร โดยที่พื้นจะมีการทำลวดลายเอาไว้ให้ใช้ออกกำลังกายและมีเครื่องออกกำลังกายมาให้หลากหลายทั้ง Step, Yoga ball และ Battle Rope เป็นต้น

ชั้น 7-8 จะเป็น Step Garden ทางเดินไปสู่สระว่ายน้ำท่ามกลางสวนหย่อม ซึ่งเราสามารถมาใช้พื้นที่นั่งพักผ่อนได้ พวกห้องน้ำก็จะอยู่ตรงส่วนนี้ด้วยค่ะ

ชั้นดาดฟ้าจะมี Scenic Sky Pool, Scenic Sky Yard, Jogging Track และ Urban Farming

ชั้นดาดฟ้าของอาคาร A จะเป็น Facilities ทั้งชั้นแบ่งออกเป็นสระว่ายน้ำและส่วนที่เป็นสวนหย่อม

ภาพจำลองบรรยากาศ Step Garden และสระว่ายน้ำ Scenic Sky Pool ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ Lap Pool ขนาด 5 x 20 เมตร ลึก 1.20 เมตรสามารถว่ายน้ำได้สบายๆ และส่วนของ Jacuzzi และสระเด็ก (สระเด็ก 60) ยื่นมาอีก 8 เมตร มี Jet Pool ให้ว่ายออกกำลังกายได้

Urban Farming พื้นที่สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว เช่นมะเขือเทศ กะเพรา โหระพา เตย หอมพืชผักกินผล เช่น มะกรูด มะนาว พริกขี้หนู ซึ่งนิติบุคคลจะแบ่งเอาไปให้ลูกบ้านนําไปประกอบอาหารทานได้ และยังมีปลูกพืชมีดอก กลิ่นหอม เช่น มะลิ อีกด้วย

บริเวณนี้จะมี Pavilion ให้นั่งพักผ่อน ถ้าใครอยากวิ่งรับวิวบนชั้น Roof Top ก็จะมี Jogging Track ที่ยาว 55 เมตรมาให้ด้วยค่ะ

BUILDING B & C

โครงการนี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางอีกจุดหนึ่งคือบริเวณระหว่างอาคาร B และ C ซึ่งจะมี Drop Off & Connecting Lounge อยู่

ระหว่างอาคาร B และ C ซึ่งจะมี Drop Off ให้วนรถมารับส่งคนที่อยู่อาคารนี้ และมี Connecting Lounge ให้มานั่งพักผ่อนซึ่งห้องนี้จะมีฝ้าเพดานสูงถึง 5 เมตรเลยค่ะ

Building B

Image 1/9
Building B - Ground Floor Plan

Building B - Ground Floor Plan

Building C

Image 1/9
Building C - Ground Floor Plan

Building C - Ground Floor Plan

สำหรับอาคาร B และ C ชั้นล่างจะเป็นที่จอดรถและ Connecting Lounge ส่วนชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยซึ่งการวางผังจะคล้ายๆกับอาคาร A คือส่วนใหญ่จะเป็นห้อง 1 Bedroom 24 ตร.ม. และมีห้อง 1 Bedroom Plus อยู่ตรงมุมอาคารทั้ง 2 ฝั่ง โถงลิฟต์มีอาคารละ 2 ตัวค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Ground Floor

  • Living Lounge
  • Connecting Lounge
  • Co-Working Space (เปิด 24 ชั่วโมง)
  • Multiplay Space / Entertainment Space
  • Workshop Space (เปิด 24 ชั่วโมง)
  • Lifestyle Kitchen
  • Live Studio (เปิด 24 ชั่วโมง)
  • Semi-Outdoor BBQ
  • Active Space
  • Functional Training Room / Yoga & Dance Room
  • Step Garden
  • Scenic Sky Yard & Urban Farming
  • Scenic Sky Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 20×5เมตร เมตร ลึก 1.20 เมตร / แบ่งสระเด็ก ลึก 0.60 เมตร
  • ลิฟต์โดยสาร 7 ตัว (อาคารละ 2 ตัว + ลิฟต์พื้นที่ส่วนกลาง 1 ตัว)
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 104 :  1
  • N/A คัน คิดเป็น 43% (มี 3 EV Parking Slot + Priority Park อาคารละ 2 จุด)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ

แบบห้อง

ห้องพักอาศัยในโครงการ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA จะแบ่งออกเป็นห้อง 1 Bedroom กับ 1 Bedroom Plus ซึ่งมีการออกแบบผังห้องให้รองรับกลุ่มคนหลายไลฟ์สไตล์ และมีการดีไซน์ซ่อนเสาในห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ช่วยให้เราสามารถจัดพื้นที่ในห้องได้มากกว่าเดิม โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 Type ได้ดังนี้

  • ALL-ROUND  1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม. / ใช้งานจบครบทุกอย่างในความ Compact
  • FASHIONISTA  1 Bedroom ขนาด 26.9 ตร.ม. / ตู้เสื้อผ้า Walk-in Closet ขนาดใหญ่
  • FAMILYDESIGNED  1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม. / เหมาะสำหรับกลุ่มครอบครัว
  • MULTI-USE 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม. / ห้อง Plus ใช้งานได้หลายฟังก์ชัน

รูปแบบการขายของโครงการนี้คือ Fully Fitted ให้ชุดครัว สุขภัณฑ์ ตู้เสื้อผ้า และแอร์ สรุปวัสดุอุปกรณ์ที่ได้ในห้องพักตามนี้ค่ะ

  • ประตู : บานลายไม้ พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock
  • พื้นห้องพัก : SPC
  • พื้นห้องน้ำ : กระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม.
  • พื้นห้องครัว : กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 ซม.
  • พื้นระเบียง : กระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม.
  • ผนัง : ฉาบเรียบทาสี
  • Hob & Hood & Sink : HAFELE
  • Top : Composite Marble Stone
  • Backsplash : Back painted glass
  • โถสุขภัณฑ์ + ฝักบัว : HAFELE
  • อ่างล้างหน้าพร้อมก๊อกน้ำ : COTTO
  • ฉากกั้นอาบน้ำ : Tempered Glass

เรามาดูห้องตัวอย่างแรกกันกับ ALL-ROUND  1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม. ห้องนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ส่วน Service และส่วนพักผ่อน โดยการวางผังจะเน้นการจัดฟังก์ชันให้ใช้งานได้ครบครัน ทั้งห้องนั่งเล่นที่สามารถวางโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่ง มีพื้นที่สำหรับ Built-in ตู้วางรองเท้าหรือวางทีวี จัดมุมรับประทานอาหารหรือมุมทำงานได้ ห้องนอนมีการกั้นผนังและห้องครัวอยู่หลบมุมเป็นสัดส่วน สามารถเปิดประตูระเบียงระบายอากาศตอนทำอาหารได้

ประตูทางเข้าหน้าห้องเป็นบานลายไม้พร้อมติดตั้ง  Digital Door Lock ของ Secuon ที่สามารถใช้งานได้ทั้ง ตั้งรหัส การ์ด และกุญแจ

ถัดเข้ามาด้านในจะเจอกับ Common Area ที่เชื่อมต่อกันระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ฝ้าเพดานของห้องนี้จะสูง 2.55 เมตร ส่วนพื้นเป็น SPC พื้นไม้สําเร็จรูป ที่ทนทานต่อความชื้น กันน้ำ กันปลวก กันไฟลาม

ทุกห้องของโครงการจะออกแบบให้สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ประมาณ 1.80 เมตรได้ และมีการดีไซน์ซ่อนเสาในห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ทำให้เวลาเราจะวางเฟอร์นิเจอร์หรือ Built-in อะไรก็ทำได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องเสาค่ะ

Image 1/2
ไอเดียจัดเก็บของ

ไอเดียจัดเก็บของ

ในห้องเค้าจัดไอเดียสำหรับเก็บและวางของมาให้ดูเยอะทีเดียว อย่างถ้าใครอยากทำที่แขวนกระเป๋า กุญแจ เสื้อ หมวกก็ทำแบบในห้องตัวอย่างได้ และการที่เราได้ผนังฝั่งตรงข้ามโซฟาโล่งๆก็สามารถ Built-in หรือแขวนอะไรได้เต็มที่เลยค่ะ

ถัดจากโซฟามาก็จะมีพื้นที่เหลือ ในห้องตัวอย่างจัดให้ดูว่าสามารถวางโต๊ะทำงานได้แบบนี้เลย หรือถ้าใครจะวางเป็นโต๊ะทานข้าวประมาณ 2 ที่นั่งก็ได้เหมือนกันค่ะ

Image 1/2
โต๊ะทำงานพับเก็บได้

โต๊ะทำงานพับเก็บได้

ซึ่งโต๊ะทำงานตัวนี้ก็มี Gimmick ในการพับโต๊ะเก็บเข้าไปรวมร่างกับตู้ได้ ถือเป็นไอเดียการทำเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องขนาดเล็ก ฟังก์ชันไหนไม่ใช้งานก็สามารถพับเก็บทำให้ห้องโล่งๆได้

Image 1/2
ประตูกระจกบานเลื่อน

ประตูกระจกบานเลื่อน

ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน แยกพื้นที่ออกจากกันให้เป็นสัดส่วน แต่ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวในห้องนอนเพิ่มก็สามารถติดตั้งม่านเพิ่มเติมได้นะ

ภายในห้องนอนสามารถวางเตียง 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้ โดยจะมีช่องแสง+บานกระทุ้งให้ความสว่างกับตัวห้องอยู่ 1 จุด

ผนังฝั่งปลายเตียงสามารถแขวนชั้นวางของและติดตั้งทีวีได้

Image 1/2
พื้นที่เก็บของข้างเตียง

พื้นที่เก็บของข้างเตียง

ด้านข้างเตียงจะมีการทำช่องเว้าเข้าไปแบบนี้ ให้เราสามารถวางของเล็กๆน้อยๆ โดยจะการเดินปลั๊กไฟมาให้ด้วยนะ เราสามารถชาร์จมือถือตรงนี้ได้

ตู้เสื้อผ้าด้านในจัดฟังก์ชันได้ตามนี้เลย แต่ Material ของจริงจะได้บานทึบกรุผิวเมลามีน ลายไม้นะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะเป็นส่วน Service ได้แก่ครัว ห้องน้ำ และระเบียง ถึงไม่ได้กั้นประตูมาให้แต่ก็ได้ความเป็นสัดส่วน

สำหรับครัวจะเชื่อมต่อกับระเบียงเลย เวลาทำอาหารก็สามารถเปิดประตูระบายอากาศได้ ทางโครงการจะมีเคาน์เตอร์ล่างและเคาน์เตอร์บนมาให้ ส่วนชั้นวางของทางฝั่งซ้ายสุดจะไม่ได้ให้มานะคะ

Image 1/3
ชุดครัว

ชุดครัว

ชุดครัวเราได้เคาน์เตอร์ยาว 1.20 เมตร กรุผิวด้วยเมลามีนลายไม้ แบ่งช่องเก็บของได้ตามภาพ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในห้อง 1 Bedroom

Top ครัวจะได้เป็น Composite Marble Stone และ Backsplash เป็นกระจกสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย

Image 1/3
อ่างล้างจาน

อ่างล้างจาน

อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนของ HAFELE

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.22 x 1.05 เมตร ตำแหน่งวาง Condensing Unit ของแอร์จะเป่าออกด้านข้าง ซึ่งเราสามารถไปหาซื้อ Grill เปลี่ยนทิศทางลมมาติดเพื่อเบี่ยงลมร้อนไม่ให้โดนตัวเวลาออกไปใช้งานได้

ติดกับครัวจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งห้องจริงจะได้ประตูบานลายไม้กั้นเป็นสัดส่วน

ห้องน้ำออกแบบโดยใช้กระเบื้องสีขาวตัดกับผนังที่ทาสีส้ม กั้นพื้นที่เป็นส่วนแห้งส่วนเปียกด้วยฉากกั้นอาบน้ำ

อ่างล้างหน้าเป็นแบบที่มีเคาน์เตอร์เก็บของด้านล่างได้ มาพร้อมก๊อกน้ำของ COTTO ค่ะ

โถสุขภัณฑ์ของ HAFELE ติดตั้งมาพร้อมอุปกรณ์

พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.90 x 0.97 เมตร ยืนอาบได้สบาย มีช่องเอาไว้วางของและมีติดตั้งงานระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย  ฝักบัวได้เป็นของ HAFELE

ต่อมาเป็นห้อง MULTI-USE 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม. ที่เหมาะกับกลุ่มครอบครัวหรือเพื่อนพี่น้องที่อยู่ด้วยกัน 2 คน ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่เยอะขึ้น โดยฟังก์ชันต่างๆจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นทั้ง Common Area ที่จัดที่นั่งรับประทานอาหารได้มากสุดถึง 4 ที่นั่ง มีครัวปิดเป็นสัดส่วน และสามารถกั้นห้องได้ 2 ห้อง ได้แก่ห้อง Plus ที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนเป็นสัดส่วนสามารถปรับใช้ได้ตามไลฟ์สไตล์ และห้องนอนที่กั้นผนังทึบเป็นส่วนตัวค่ะ

ส่วน Common Area ของห้องนี้เข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและที่นั่งรับประทานอาหาร ด้านหลังสุดคือห้อง Plus สังเกตว่าบรรยากาศของห้องโดยรวมดูสว่างดี เพราะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากหน้าของห้อง Plus

พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรซึ่งเหมาะกับการวางทีวีขนาด 46″ และยังมีพื้นที่ให้สามารถ Built-in ตู้วางทีวีและตู้เก็บของเพิ่มเติมได้

ข้างๆโซฟามีพื้นที่เหลือ สามารถจัดวางที่นั่งรับประทานอาหารได้ถึง 4 ที่นั่ง

ผนังฝั่งนี้สามารถ Built-in ตู้วางทีวี ตู้เก็บของ หรือจะทำเคาน์เตอร์แบบพับได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ส่วนเตรียมอาหารแบบในห้องตัวอย่างได้ค่ะ

Image 1/2
ประตูกระจกบานเลื่อน

ประตูกระจกบานเลื่อน

ห้อง Plus กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนเป็นสัดส่วน และเนื่องจากประตูที่กั้นเป็นกระจกจึงทำให้แสงสว่างส่องเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นด้านในด้วยค่ะ

ห้อง Plus ในห้องตัวอย่างจัดเป็นห้องนอนลูก โดยวางเตียง 2 ชั้นให้ดูเป็นไอเดียซึ่งพอวางเตียงแบบนี้ ทำให้สามารถจัดฟังก์ชันได้ทั้งนอน นั่งเล่นและเก็บเสื้อผ้า ห้องนี้จะมีระเบียงมาให้ด้วยนะคะ ทำให้เราได้รับแสงสว่างจากบานประตูกระจกบานเลื่อน และยังสามารถออกไปยืนสูดอากาศได้ด้วย

ระเบียงมีขนาด 2.40 x 0.70 เมตร ปูด้วยพื้นเซรามิค มีการแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเอาไว้วาง Condensing Unit ของแอร์

อีกฝั่งของห้องจะเป็นห้องน้ำและครัวค่ะ

Image 1/2
ประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน

ประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน

ครัวห้องนี้เป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ซึ่งข้อดีคือสามารถกันกลิ่นและควันได้ ห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารค่ะ

Image 1/3
ชุดครัว 

ชุดครัว 

ชุดครัวห้องนี้จะได้แบบ L Shape ยาว 2.10 เมตร มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย เคาน์เตอร์กรุผิวด้วยเมลามีน ตู้ด้านล่างเป็น ตู้ด้านบนเป็นลายไม้ ด้านในตู้เปิดออกมาเก็บของได้ตามนี้ Backsplash มีติดตั้งมาให้ครบ

ครัวปูด้วยพื้นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 ซม.เหมาะกับการใช้งาน ทำความสะอาดได้ง่าย จากขนาดพื้นที่สามารถยืนใช้งานทำครัวได้สบายๆ

Image 1/2
เครื่องดูดควัน

เครื่องดูดควัน

สำหรับห้อง TYPE B, C และ D เครื่องดูดควันจะได้แบบ Hood Slim Line (แบบดูดออกนอกอาคาร) ของ HAFELE

Image 1/2
อ่างล้างจาน

อ่างล้างจาน

อ่างล้างจานและเตาไฟฟ้าได้เป็นของ HAFELE เช่นเดียวกัน

ห้องน้ำแบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำ โดยการออกแบบ วัสดุและอุปกรณ์จะเหมือนกับห้องก่อนหน้าค่ะ

จุดที่เราชอบสำหรับห้องน้ำของห้องนี้คือการดีไซน์พื้นที่เก็บของทั้งบริเวณด้านข้างโถสุขภัณฑ์และบริเวณพื้นที่อาบน้ำ

ห้องนอนจะได้แสงธรรมชาติจากบานหน้าต่าง และสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้

Image 1/3
พื้นที่รอบเตียง

พื้นที่รอบเตียง

รอบๆเตียงมีพื้นที่สำหรับเดินผ่านได้สบายๆ

ผนังฝั่งหน้าห้องจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้า ซึ่งหน้าบานตู้จะไม่ใช่แบบนี้แต่เป็นบานทึบกรุผิวเมลามีนลายไม้นะคะ

ผนังฝั่งปลายเตียงจะสามารถแขวนทีวี และ Built-in ตู้ที่มีความกว้างไม่เยอะได้ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

แบบแปลน

ALL-ROUND ห้อง 1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม.

Image 1/12
ALL-ROUND ห้อง 1 Bedroom

ALL-ROUND ห้อง 1 Bedroom

FASHIONISTA ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.9 ตร.ม.

Image 1/4
FASHIONISTA ห้อง 1 Bedroom

FASHIONISTA ห้อง 1 Bedroom

FAMILYDESIGNED ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม.

Image 1/2
FAMILYDESIGNED ห้อง 1 Bedroom Plus

FAMILYDESIGNED ห้อง 1 Bedroom Plus

MULTI-USE ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม.

Image 1/6
MULTI-USE ห้อง 1 Bedroom Plus

MULTI-USE ห้อง 1 Bedroom Plus

ราคา

CHAPTER ONE ALL RAMINTRA (แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา) ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566

  • ALL-ROUND ห้อง 1 Bedroom ขนาด 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
  • FASHIONISTA ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.9 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น N/A ล้านบาท
  • FAMILYDESIGNED ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น N/A ล้านบาท
  • MULTI-USE ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.6 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น N/A ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร
  • จอง 5,000-10,000 บาท
  • ทำสัญญา 25,000-30,000 บาท
  • ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 18 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : CHAPTER ONE ALL RAMINTRA ตั้งอยู่บนทำเลรามอินทราซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นโซนรอบนอกเมือง แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆทั้งสถานศึกษา โรงพยาบาล ตลาด และมีศูนย์การค้า Hypermarket Community mall ให้ใช้งานค่อนข้างเยอะ ใกล้ๆโครงการจะมี เช่น Big-C Extra รามอินทรา, The JAS รามอินทรา, Foodland, Ease Park รวมถึงเซ็นทรัล รามอินทราที่เพิ่งจะรีโนเวทเสร็จไปไม่นานมานี้ด้วย จึงจัดว่าเป็นทำเลที่มีความครบครันตามชื่อ ALL ที่ต่อท้ายโครงการเลยค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ : เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ช่วงรามอินทราตอนต้น การเดินทางจึงสะดวก สามารถใช้เส้นทางไปเชื่อมต่อกับถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนประดิษฐ์มนูธรรมและไปขึ้นทางด่วนได้สะดวก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการอยู่ติดถนนใหญ่จึงเรียกรถสาธารณะได้สะดวก อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีลาดปลาเค้าในระยะ 250 เมตร ซึ่งถ้านั่งไปอีก 2 สถานีก็จะถึงสถานีวัดพระศรีฯ ซึ่งเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้า BTS สายหลักที่ใช้วิ่งเชื่อมต่อเข้าเมืองได้ด้วย

วัสดุ : ให้มาค่อนข้างดีสำหรับมาตรฐานคอนโดระดับนี้ เน้นวัสดุที่ดูแลรักษาง่ายและเลือกเหมาะสมกับแต่ละการใช้งานของพื้นที่ ทั้งพื้น SPC ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน พื้นกระเบื้องต่างๆ ส่วนอุปกรณ์ครัวและสุขภัณฑ์ในห้องน้ำส่วนใหญ่ได้ของ HAFELE โครงการมีรูปแบบการขายแบบ Fully Fitted แต่ก็มีตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย เหมาะกับคนที่อยากตกแต่งห้องเองนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้แล้วค่ะ

การออกแบบ : ขอแบ่งเป็น 2 ส่วนสำหรับการออกแบบโครงการทำออกมาได้สวย โดยมีการหยิบยกเอา Element ต่างๆในเมือง Amsterdam ทั้ง Shape หลังคาจั่ว โทนสีของสถาปัตยกรรมอย่างสีครีม ส้ม แดง การดีไซน์หลังคาให้ปาดเฉียงลงเสมือนเราอยู่ในห้องใต้หลังคา ทำให้บรรยากาศมีความอบอุ่นและเป็นกันเองมากขึ้น และอีกส่วนคือการออกแบบวางผังห้องพักอาศัยที่มีการนึกถึงกลุ่มคนหลากหลายไลฟ์สไตล์ ทำให้ฟังก์ชันออกมาลงตัวเหมาะกับการใช้งานค่ะ

สาธารณูปโภค : พื้นที่ส่วนกลางถือว่าเป็นไฮไลท์ของโครงการเลยเพราะจัดมาให้ใช้หลากหลายและมีพื้นที่ส่วนกลางที่อาคาร A แยกออกมาต่อเนื่องกันถึง 8 ชั้น รวมถึงชั้นดาดฟ้าของอาคาร A ก็มี Facilities พวกสระว่ายน้ำกับสวนหย่อมให้ออกมาใช้งานพร้อมกับชมวิวไปด้วยได้ และอีกจุดคือระหว่างอาคาร B และ C จะมี Drop Off & Connecting Lounge อยู่อีกจุดหนึ่ง ถือว่าให้มาเยอะเลยเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 80,000 – 100,000 บาท/ตร.ม., ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566

  • ทำเล 8/10 – โครงการตั้งอยู่ในโซนรามอินทราตอนต้น สิ่งอำนวยความสะดวกครบ
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – สะดวกเพราะอยู่ติดถนนใหญ่ เชื่อมต่อเส้นทางได้หลายสาย
  • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสถานีลาดปลาเค้า 250 เมตร เรียกรถสาธารณะง่าย
  • วัสดุ 7.75/10 – ค่อนข้างดีตามมาตรฐานคอนโดระดับราคานี้
  • แบบ 8.75/10 – ออกแบบสวยน่าใช้งานตาม Concept จัดฟังก์ชันลงตัว
  • สาธารณูปโภค 8.75/10 – จัดเต็ม ส่วนกลางต่อเนื่อง 8 ชั้น + RoofTop รองรับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย

  • MAIN CLASS
  • 8.11 / 10.00

CHAPTER ONE ALL RAMINTRA เหมาะกับใคร

โครงการ CHAPTER ONE ALL RAMINTRA เหมาะกับคนที่อยากได้คอนโดราคาประมาณ ล้านปลายๆ-3 ล้านบาท  โดยอาจจะเป็นคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตในย่านรามอินทรา แจ้งวัฒนะ หลักสี่ หรือคนที่ใช้รถไฟฟ้าที่เดินทางเชื่อมต่อกับ BTS สายหลักเพื่อเข้าเมือง ชอบทำเลที่มีความครบครัน ไม่ติดว่าจะออกนอกเมืองมาหน่อย อยากได้คอนโดที่มีส่วนกลางแบบจัดเต็ม ต้องการห้อง 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus

โดยโครงการจะเปิดให้ชมสำนักงานขายครั้งแรก 11 มี.ค.นี้ มีโปรโมชันพิเศษ
-รับเพิ่ม Smart Furniture Package เฉพาะ 100 ยูนิตแรกเท่านั้น
-รับส่วนลดสูงสุดกว่า 200,000 บาท*
-จองเพียง 5,000 บาท ผ่อนเบาเริ่มต้น 3,900 บาท/เดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc