รีวิวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ตอนนี้มีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยมชมโครงการ Centric Scene รัชวิภา เป็นโครงการคอนโดมิเนียมรุ่นบุกเบิกในย่านนี้จากบริษัท SC Asset นะครับ ปัจจุบันมีคอนโดหน้าใหม่ เกิดขึ้นบริเวณนี้ และใกล้เคียงอีกนับสิบโครงการ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทำเลที่มีอนาคต โครงการนี้มีจุดเด่นเรื่องการจัดพื้นที่ส่วนกลางโดยเน้นพื้นที่สีเขียวให้อารมณ์รีสอร์ท และการออกแบบให้ระเบียง Featuring กับครัว ได้เนียนมากครับ
Fact @ 1 November 2012
- Centric Scene Ratchavipa (เซ็นทริค ซีน รัชวิภา)
- Developer : SC Asset
- ถนนรัชดาภิเษก ระหว่างแยกประชานุกูล กับแยกวงศ์สว่าง
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 21 ชั้น 2 Tower 669 Units
- ที่ดินประมาณ 6 ไร่
- ที่จอดรถ ประมาณ 70%
- 1 Bedroom / 2 Bedrooms
- พื้นที่ใช้สอย 34 – 71 ตารางเมตร
- ราคาปัจจุบัน ประมาณ 2.80 – 3.3 ล้านบาทสำหรับ 1 ห้องนอน พร้อมตกแต่ง
- ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 80,000
เจาะลึกที่ตั้งโครงการ
โครงการตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก ระหว่างแยกประชานุกูล กับแยกวงศ์สว่างนะครับ จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Lizm ผับชื่อดังในย่านนี้ครับ หากขับรถมาจากแยกรัชโยธิน พอขึ้นสะพานข้ามแยกประชานุกูล (ที่หากเลี้ยวขวาก็จะเป็นโรงพยาบาลเกษมราษฏร์) ก็จะเห็นอาคารสูง 2 อาคารตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านซ้ายมือครับ
พอลงสะพานมาประมาณ 450 เมตร ฝั่งตรงข้ามเป็นปั๊มน้ำมันเชลล์ ก็จะถึงโครงการ และมีป้ายโครงการอยู่ครับ
สำหรับพื้นที่ด้านหน้าโครงการปัจจุบันถือว่าเป็นทางผ่าน ที่สามารถเดินทางได้สะดวกเท่านั้น ยังไม่ถือเป็นย่านชุมชนที่มีคนอาศัยอยู่มาก อาหารการกินยังคงต้องอาศัยรถยนต์ในการขับออกไปตามห้างสรรพสินค้า บริเวณใกล้เคียง แต่ก็ไม่ถือว่าลำบากนะครับ มีบิ๊กซีวงศ์สว่างอยู่ไม่ไกล ประมาณ 500 เมตร หรือหากต้องการไปเมเจอร์ รัชโยธิน หรือเซ็นทรัลลาดพร้าว ก็แค่ข้ามแยกประชานุกูลไปเท่านั้น หรือบริเวณถนนประชาชื่นเองก็มีร้านอาหารอร่อยๆอยู่หลายร้าน รวมทั้งโรงพยาบาล หรือสถานที่สำคัญอื่นๆ แต่ก็ไม่ใช่ระยะเดินสบายล่ะครับ
ทำเลของโครงการ ถือว่ามีอนาคตเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะใกล้ทางด่วนบริเวณแยกประชานุกูล และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีวงศ์สว่าง) ประมาณ 500 เมตร ที่หากสร้างเสร็จและเปิดใช้บริการแล้ว จะเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดของโครงการ พื้นที่ย่านรัชวิภาและบางซื่อ เป็นทำเลที่มีโครงการทางด่วน สายใหม่ (ศรีรัช-วงแหวนตะวันตก) ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการเวนคืนที่ดิน และไม่ไกลจากรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ที่จะทำให้ทำเลดังกล่าวคึกคักขึ้นมาทันที
วันนี้จะขอพาเพื่อนๆ ขับวนไปย่านเตาปูนกันซักรอบครับ
พอออกมาหน้าโครงการ เราจะเลี้ยวซ้ายบริเวณแยกวงศ์สว่าง เพื่อจะไปเตาปูนกันครับ เป็นย่านที่จะคึกคักมากที่สุดอีกย่านในอนาคตเพราะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง และสีน้ำเงินกำลังก่อสร้างอยู่
บริเวณแยกวงศ์สว่าง ให้ชิดซ้ายจะผ่านตลอดนะครับ ตามป้ายเตาปูนไปเลย
หากเราเลี้ยวซ้าย จะเข้าสู่ถนนกรุงเทพ-นนท์ ซึ่งกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้อยู่ครับ ทางอาจจะแคบซักเล็กน้อย บริเวณหัวมุมเองเป็นบิ๊กซีวงศ์สว่าง
ถนนกรุงเทพ-นนท์ ถือว่าเป็นถนนที่เป็นย่านชุมชนและมีคนอยู่อาศัยหนาแน่นครับ เนื่องจากริมถนนส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ มีการทำการค้าขายมานาน
ตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 กม. บริเวณบางซ่อน ซึ่งเป็นจุดตัดกับทางรถไฟสายตลิ่งชัน ก็จะมีโครงการคอนโดมิเนียมอยู่หลายโครงการ
ทางรถไฟสายสีแดงจะตัดข้ามถนนกรุงเทพ-นนท์ ข้ามหัวเราไปนั่นเอง (ในอนาคต ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนตะวันตก ก็จะมีเส้นทางตามแนวทางรถไฟนี้เช่นกันครับ)
สภาพริมทางก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ไปตลอดเส้นทางทีเดียวครับ
เราตรงต่อไปเรื่อยๆ ผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงสถานีเตาปูนครับ
ใกล้ถึงสามแยก การก่อสร้างช่วงนี้จะคึกคักและหนาแน่นเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าเป็นจุดตัดของสถานีรถไฟฟ้า 2 สายตามที่กล่าวมาแล้ว ดังนั้นสถานีต้องรองรับจำนวนผู้โดยสารที่มากขึ้นและต้องมีขนาดใหญ่ ประกอบกับสภาพแวดล้อมบริเวณนี้เป็นอาคารพาณิชย์ทั้งหมด ทำให้ต้องมีการรื้อถอน กั้นพื้นที่ และก่อสร้าง วุ่นวายไปหมดครับ
บริเวณที่จะต้องทำเป็นจุดเชื่อมต่อของสถานีเตาปูนครับ
เราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนประชาราษฏร์สาย2 มุ่งหน้าไปถนนประชาชื่นนะครับ
ถนนประชาราษฏร์สาย 2 มีเขตทางของแนวถนนกว้างกว่าครับ
เราตรงไปอีกเล็กน้อยครับ ก็จะผ่านจุดตัดถนนประชาชื่น เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนประชาชื่นเพื่อกลับเข้าสู่โครงการกันครับ
ถนนประชาชื่น ดูร่มรื่นกว่ามากครับ เนื่องจากไม่มีการก่อสร้าง และอีกข้างของฝั่งถนนติดกับแนวคลองประปา มีการปลูกต้นไม้เป็นแนวสวยงามอย่างที่เห็น คนละอารมณ์กันเลย
ตรงมาผ่านตึก DSI
และโครงการ ยูดีไลท์2 ที่เคยรีวิวไปแล้วครับ
ผ่านแนวรถไฟฟ้าสายสีแดงบริเวณบางซ่อน
ตรงมาเรื่อยๆ จะถึงสี่แยกประชานุกูล
เลี้ยวซ้ายที่แยกนี้เพื่อจะกลับสู่โครงการนะครับ เห็นโรงพยาบาลเกษมราษฏร์อยู่ลิบๆ
พอเลี้ยวซ้ายมาเข้าถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่จะกลับเข้าสู่โครงการ
ถนนรัชดาภิเษกเองก็ค่อนข้างกว้างขวาง และไม่มีโครงการก่อสร้างครับ
ผ่านแยกประชานุกูลมาประมาณ 600 เมตร ก็จะถึงตัวโครงการเซ็นทริคซีน รัชวิภาแล้วครับ
ที่ว่างด้านหน้า (เคยเป็นสำนักงานขายโครงการ) ปัจจุบันมีการปิดรั้วไว้ รอขึ้นโครงการของ SC ในอนาคต
พอพ้นแนวรั้ว ก็ถึงแล้วครับ
รูปร่างของที่ดินจะเป็นตามรูปกรอบสีแดงเลยนะครับ โดยตัวโครงการจะตั้งอยู่ด้านหลังที่ว่าง โดยมีทางเข้าโครงการจะเป็นถนนกว้างประมาณ 12 เมตร ลึกประมาณ 120 เมตร สำหรับที่ว่างด้านหน้านั้น เป็นที่ดินของบริษัท SC Asset นะครับและมีแผนที่จะขึ้นโครงการในอนาคต
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการเซ็นทริคซีน รัชวิภานี้ เริ่มเปิดขายเมื่อประมาณปี 2551 นะครับโดยเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ โดยภาพที่เห็นนี้ก็เป็นภาพโครงการที่ใช้ในการโฆษณาสมัยนั้น โดยคอนเซปต์เป็นสไตล์รีสอร์ต ที่เน้นความร่มรื่น คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีภายในเมืองครับ เรื่องของต้นไม้แล้วพื้นที่สีเขียวถูกสะท้อนออกมาในงานขาย ทำให้โครงการดูค่อนข้างร่มรื่น และน่าอยู่
สำหรับภาพนี้เป็นภาพถ่ายจากสถานที่จริง แต่ถ่ายมุมคนละฝั่งกันครับ สีจะสว่างกว่าในรูปเล็กน้อยครับ
โครงการก็เน้นในเรื่องของพื้นที่สีเขียวในโครงการพอสมควร เห็นได้จากความร่มรื่นของพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งเดี๋ยวเราจะได้ไปชมกันครับ
ขอเริ่มสำรวจส่วนกลางของโครงการด้วยทางเข้าก่อนเลยครับ ทางที่ตรงเข้ามาสู่โครงการ จะปลูกต้นไม้บริเวณริมรั้วรอบๆโครงการครับ โดยพื้นที่ดินว่างเปล่าด้านข้างๆนั้น เป็นสำนักงานขายเก่าของโครงการ และเป็นทรัพย์สินของ SC Asset ซึ่งจะนำมาพัฒนาโครงการในอนาคต
ทางเข้าเป็นทางกว้างขนาด 12 เมตร ลึกเข้าไป ตามรูปเลย
มีการปลูกต้นไม้เป็นแนวตามแนวรั้ว และมีการกั้นระแนงขึ้นไปอีกชั้นเพื่อความสวยงามครับ
สำหรับทุกโครงการของ SC จะมีจุดเด่นในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยของโครงการ โดยนอกจากจะมีการกั้นโดยระบบ Key Card แล้ว ยังมีประตูเลื่อนปิดเปิด ด้วยครับ
เราก็เดินต่อไป
มาถึงแล้วครับ สำหรับลูกบ้านที่มีบัตร สามารถเข้าไปจอดรถในอาคารได้ โดยเลี้ยวซ้ายไปครับ นอกนั้นตรงไปโลด
จากบริเวณป้อมยามแรกเข้ามาแล้ว หากจะเข้าไปจอดรถของโครงการ จะต้องทำการแสดงบัตรอีกครั้งที่ป้อมที่ 2 ครับซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติสำหรับลูกบ้าน ที่จะเข้าไปจอดรถภายในอาคาร (แยกอาคาร A และ B)
และจะมาวนออกอีกทาง บริเวณด้านหลังโครงการ เพราะวิ่งวนรถทางเดียวครับ
สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตร จะต้องมาจอดรถด้านหน้าทางเข้า ล๊อบบี้นะครับ
ตลอดแนวเขตของที่ดิน โครงการปลูกต้นไม่เป็นแนวไว้ทั้งหมดครับ
และก็มีที่นั่งพัก นั่งเล่น อยู่เป็นจุดๆไปครับ
บริเวณที่จอดรถกลางแจ้ง ก็จะเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิด้วยครับ
สำหรับร้านค้า บริเวณด้านล่างก็จะมีร้านขายของสะดวกซื้อ ร้านตกแต่งภายใน ร้านซักรีด และก็ร้านเสริมสวยครับ ส่วนที่เหลือเห็นปิดว่างๆไว้ รอคนมาดำเนินกิจการต่อครับ
ถ่ายรูปอาคารจากมุมใกล้ๆกันอีกทีครับ ต่อไปผมจะพาเข้าไปในตัวอาคารแล้ว
บริเวณล๊อบบี้จะเป็นโถงโล่งๆ ไม่มีแอร์นะครับ แต่ไม่อึดอัดเพราะ เพดานสูงมาก โดยตำแหน่งจะอยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร A และ B ซึ่งจะใช้ทางเข้าแยกกันครับ หากใครไปอาคาร A ต้องไปทางด้านขวามือของภาพ และอาคาร B ไปด้านซ้าย
มีที่นั่งสำหรับนั่งรอ หรือนั่งพักผ่อนก็ได้ครับ
พอเราผ่าน รปภ บริเวณเคาน์เตอร์ด้านหน้า ก็จะต้องแสดงบัตรอัตโนมัติเพื่อเข้าสู่อาคาร โดยบัตรของอาคารใด ก็จะสามารถเข้าอาคารนั้นได้อย่างเดียว
ภายใน ก็จะมีห้องเอนกประสงค์ สามารถมานั่งทำงาน หรือนั่งเล่นพูดคุยกันได้ครับ
สำหรับคนที่จะขึ้นไปห้องพัก จะต้องผ่านห้อง Mail Box ก่อนซึ่งจะอยู่ใกล้กับลิฟท์นะครับ
เป็นห้องกว้างขวางดีทีเดียว
พอเดินต่อมาก็จะเจอโถงลิฟท์เพื่อขึ้นสู่ตัวอาคาร
ลิฟท์ มีจำนวน 3 ตัวต่ออาคารนะครับ หรือ 1 ตัวต่อ 100 ห้อง
ฝั่งตรงข้ามเป็นผนังตกแต่งเพื่อความสวยงาม
ลิฟท์ที่โครงการใช้เป็นของ มิตซูบิชิครับ
มีที่แสดงบัตรของลูกบ้าน และจะเข้าได้เฉพาะชั้นของตัวเองครับ แต่ผมจะพาไปชั้นสิ่งอำนวยความสะดวกและสระว่ายน้ำที่ชั้น 4 กันก่อน
นี่เป็นแบบของส่วนกลางโครงการบริเวณชั้นสระว่ายน้ำครับ ใหญ่โตมโหฬารมากมาย มีสระว่ายน้ำ สองฝั่งและมีห้องออกกำลังกายอยู่บริเวณทางเชื่อมด้านบน ส่วนตรงกลางที่เป็นสีขาวๆนั้น เป็นที่โล่งไปถึงชั้น 1 นะครับ โดยปัจจุบันโครงการจัดเป็นส่วนสีเขียว ค่อนข้างร่มรื่นทีเดียว
มาเริ่มที่สระว่ายน้ำของโครงการ ซึ่งใช้ร่วมกันทั้ง 2 อาคาร โดยจะมีประตูปิดเปิดใช้บัตร Key Card ในการเข้า-ออก
บรรยากาศโดยร่วม ร่มรื่นมากครับ ต้นไม้เยอะและได้อารมณ์รีสอร์ตที่สงบ และเป็นส่วนตัว สระว่ายน้ำเองก็มี 2 ฝั่ง 2 สไตล์ครับ โดยฝั่งที่อยู่ติดกับอาคาร B นั้น จะเป็นสระว่ายน้ำ ขนาดมาตรฐาน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสำหรับว่ายน้ำจริงจังหน่อย ส่วนฝั่งที่อยู่ติดกับอาคาร A นั้นก็จะเป็นสระน้ำรูปทรงอิสร Free Form ไว้สำหรับเล่นน้ำ หรือพักผ่อนหย่อนใจเป็นหลัก โดยตรงกลาง โครงการทำเป็น คอร์ทกลางโล่งไปถึงชั้น 1 โดยสามารถเดินลงไปได้ และปลูกต้นไม้ไว้เพื่อความร่มรื่น สำหรับห้องออกกำลังกาย ก็จะอยู่ตรงกลางระหว่างสระว่ายน้ำทั้ง 2 ครับ จากรูปก็ได้แก่อาคารที่เห็นไกลๆขวามือนั่นหละครับ
นี่เป็นสระว่ายน้ำ ฝั่งอาคาร B ครับ
ด้านข้างเป็นทางเดินไปห้องออกกำลังกาย ร่มรื่นมากมายครับ
มีที่นั่งชมวิว พักผ่อนอยู่บริเวณส่วนที่เชื่อมต่อของอาคารทั้งสอง (ฝั่งตรงข้ามกับห้องออกกำลังกาย)
นี่เป็นอีกมุมครับ มองจากฝั่งห้องออกกำลังกาย
ห้องพักที่อยู่ชั้นเดียวกับสวนส่วนกลาง ก็จะถูกยกระดับสูงขึ้นเล็กน้อยครับ และก็ปลูกต้นไม้บังไว้ แต่ก็ยังสามารถมองเข้าไปข้างในได้
ต้องมีผ้าม่านปิดไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวครับ โดยเฉพาะห้องนอน
และสระว่ายน้ำฝั่งอาคาร A ที่บอกว่าเป็น Free Form
อันนี้จะดูตื้นกว่าครับ เป็นสระสำหรับเด็ก
มีที่นั่งสำหรับนั่งพักผ่อนด้วยครับ
ป้ายระเบียบการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณทางออกจากอาคาร
นี่เป็นคอร์ทตรงกลางที่บอกครับ จะเปิดโล่งลงไปถึงชั้นล่างเลย และสามารถเดินลงไปได้เพราะมีบันได้ และทางลาด ที่เดินลงไปถึงชั้น 1 เลย
นี่ครับ ให้เห็นชัดๆเลย ว่าลงไปได้จริงๆ ด้านล่างก็ร่มรื่น และไม่ร้อนครับ เพราะว่าอาคารบังแดดไว้ให้หมดแล้ว เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้
จากสระว่ายน้ำก็จะมองขึ้นไปเป็นอาคารครับ
ต่อไปบริเวณระหว่างสระว่ายน้ำทั้งสอง เป็นห้องออกกำลังกาย และห้องน้ำ
ด้านข้างมีฝักบัว สำหรับล้างตัว ก่อนลงสระครับ
จุดนี้เองที่จะเป็นทางเชื่อมสระว่ายน้ำทั้งสองฝั่ง
ห้องออกกำลังกาย ถูกยกสูงขึ้นหน่อย ประมาณ 1.5 เมตร ทำให้เวลาออกกำลังกายจะเห็นสระว่ายน้ำได้ชัดเจนมากขึ้น
และก็สามารถมองออกไปด้านข้างโครงการได้เช่นเดียวกัน
สระว่ายน้ำ ค่อนข้างจะร่มรื่น น่าว่ายดี
ป้ายระเบียบ และวิธีการใช้สระว่ายน้ำ
ส่วนด้านข้างของห้องออกกำลังกาย ก็จะเป็นห้องน้ำ
มีล๊อกเกอร์สำหรับเก็บของครับ
ห้องอบไอน้ำก็มี
มาดูทางเดิน ด้านฝั่งอาคาร A กันบ้าง จะเห็นว่าคงคอนเซปต์ Free Form อยู่
มีที่นั่งพักผ่อน อาบแดด
ทางขึ้นไปยังอาคาร A ก็เป็นเส้นโค้ง Free Form เช่นเดียวกันครับ มีไฟทางฝังที่ทางเดินด้วย
ต่อไปเราจะลองเดินไปชมสวนด้านล่างกันบ้างครับ ตามทางลาดที่อยู่ด้านข้างกันเลย
ระหว่างลงจะเห็นครับ ว่าจริงๆแล้ว สวนตรงกลางก็จะอยู่ระหว่างที่จอดรถของอาคารทั้งสองนั่นเอง
ถึงด้านล่างแล้วครับ จะเห็นได้ว่ามีการจัดสวนที่เป็นระเบียบ และสวยงาม
ต่อไป เราไปชมส่วนกลาง ในชั้นพักอาศัยกันบ้างครับ แต่ละอาคารมีทั้งหมด 21 ชั้นเป็นรูปตัว L มีลิฟท์ 3 ตัว
พอออกจากลิฟท์ก็เป็นตามรูปครับ
โถงทางเดินก็ไม่อึดอัดนะครับ เนื่องจากมีหน้าต่าง ให้แสงสว่างและระบายอากาศ
รายละเอียดบริเวณผนังโถงลิฟท์ ปิดด้วยหินอ่อน และกระเบื้อง
นี่เป็นประตูออกไปลิฟท์ดับเพลิง หรือลิฟท์บริการ หรือ Service Lift
และห้องขยะ อยู่ถัดไป ประตูปิดมิดชิดดี
อีกด้านหนึ่งก็จะเป็นห้องไฟฟ้า
บริเวณฝ้าเพดาน ทางเดิน เป็นฝ้าหลุมครับ
เดินไปจนสุดทางก็จะเป็นบันไดหนีไฟ และอุปกรณ์ดับเพลิงตามมาตรฐานอาคารสูง
ถังดับเพลิงอยู่ตามระยะที่กำหนดไว้ครับ ผนังของทางเดินนี้จะทาสีเป็นสีโอล์ดโรสนะครับ
บริเวณสุดทางเดินจะมีหน้าต่างอยู่ทุกด้าน ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดและทำให้ทางเดินดูไม่ยาวเกินไป
สามารถมองเห็นอาคาร A ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้ด้วยครับ
หรือจะมองไกลออกไปอีกเห็นวิวเมืองอยู่ลิบๆ
ก่อนจบในส่วนนี้ ขอพาไปชมบริเวณของที่จอดรถโครงการกันหน่อยนะครับ สำหรับที่จอดรถจะแยกกันเด็ดขาดระหว่างลูกบ้านอาคาร A และ B และใช้บัตร Key Card ในการเข้าออกอาคารได้เลย จำนวนชั้นจอดรถมีทั้งหมด 3 ชั้นครับ
ออกมาบริเวณโถงลิฟท์ ก็จะมีประตูกั้น ต้องแตะบัตรเข้าเพื่อเปิดประตูนี้หละครับ
พอออกมาที่จอดรถมองกลับเข้าไปโถงลิฟท์ครับ กล่องสี่เหลี่ยมสีดำบริเวณข้างประตูนั่นหละครับ ที่ต้องใช้ Key Card
ที่จอดรถของที่นี่ ประมาณ 70% นะครับ ถือว่าค่อนข้างเยอะทีเดียว แต่ไม่แน่ใจว่าจอดกันพอมั๊ย วันที่ผมไปเป็นช่วงกลางวัน เลยค่อนข้างว่างนะครับ เนื่องจากต่างออกไปทำงานกันหมด
ด้านบนก็เป็นแนวท่อ ของอาคาร
Product Walk Through
แนวความคิดที่เป็นจุดขายของโครงการเซ็นทริคซีน รัชวิภา สมัยที่เปิดขายนั้น นอกจากความร่มรื่นแล้ว ในส่วนของภายในห้องเอง โครงการชูจุดขายในเรื่องของ Sky Kitchen หรือครัวลอยฟ้าครับ โดยการจัดส่วนของครัวแบบปิด และส่วนทานอาหาร ไว้ด้านนอกสุดติดกับหน้าต่าง ทำให้เวลาทานอาหารสามารถมองวิวได้ และสามารถระบายอากาศได้ดีเนื่องจากอยู่ติดกับหน้าต่าง
นี่เป็นรูปของโครงการที่ขายอยู่ในสมัยก่อนครับ
ขนาดห้องแบบ 1 ห้องนอนเป็นห้องส่วนใหญ่ของโครงการ โดยมีขนาดตั้งแต่ 33 – 46 ตารางเมตร
สัญญาณหน้าประตูแจ้งเหตุเพลิงใหม่ครับ สำหรับเจ้าหน้าที่ส่วนกลางให้สามารถตรวจสอบได้ว่าต้นเพลิงมาจากห้องใด
บริเวณทางเข้านะครับ ระดับพื้นภายใน และภายนอกเท่ากัน
ป้ายทางเข้าและมีกระดิ่งหน้าห้องสำหรับกดเรียก
เข้ามามีที่หยุดประตูให้ครับ
รูปแบบของมือจับด้านหน้า เป็นแบบเขาควาย ระบบล๊อก 2 ชั้น
มาดูภายในห้องกันบ้างครับ สำหรับแบบมาตรฐาน 1 ห้องนอน เข้าไปจะเจอส่วน Living และพื้นที่ด้านหน้าที่โครงการจัดไว้ให้เป็นส่วนของที่ทำงาน
ตามรูปเลยครับ
ฝั่งตรงข้ามกัน บริเวณประตูทางเข้าก็จะเป็นที่สำหรับเก็บของ หรือเก็บรองเท้า
ฝ้าเพดานของห้องที่โครงการให้ สูงโปร่งทีเดียวครับ ไม่น่าจะต่ำกว่า 2.60 เมตร
ตำแหน่งของห้องนั่งเล่น และที่วางทีวี จะอยู่ถัดออกไป (ติดกับห้องทานอาหาร ซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนสลับ)
และก็ตำแหน่งของที่วางโซฟา
พื้นภายในห้องนั่งเล่น เป็นลามิเนต และคิ้วพื้นตามที่เห็นเลยครับ
แอร์ที่โครงการให้ เป็นของ YORK ขนาดตามมาตรฐานห้องนะครับ
หากเรามองจากห้องนั่งเล่นย้อนกลับไปบริเวณประตูทางเข้า
ทีนี้เราจะไปต่อกันที่ห้องครัวและห้องทานอาหารกันบ้าง อย่างที่บอกไว้ตอนแรกครับ จะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน กระจกใส เพื่อให้สามารถรับแสงภายนอกได้บ้าง
หากเปิดม่านออกมาก็จะมองเห็นวิวได้พอสมควรครับ
อลูมีเนียมสีธรรมชาติ
สำหรับพื้นห้องครัวนั้นเป็นกระเบื้องครับ แต่จะมีรางอลูมิเนียมกั้น
ชุดครัวเป็นแบบที่โครงการแถมให้ตามรูปครับ ช่องว่างด้านซ้ายมือสำหรับใส่เครื่องซักผ้า
มีเตาไฟฟ้า 2 หัว
เครื่องดูดควัน
ไม่โครเวฟ วางอยู่บนตู้ลอย
อ่างล้างจาน แบบ 1 หลุม พร้อมอุปกรณ์ครับ
ถัดไปเป็นประตูเปิดสำหรับ Service แอร์ และตากผ้าครับ
แอร์ภายในห้องจะมี 2 ตัวครับ ดังนั้นภายในช่องก็จะมีเครื่องแอร์ 2 ตัว
วางไว้ด้านบน 1 ตัว ด้านล่าง 1 ตัวครับ มีระแนงเหล็กปิดเพื่อความสวยงาม
ส่วนตรงกลางไว้สำหรับแขวนเสื้อผ้า
รูประแนงเหล็กถ่ายจากห้องทานอาหารครับ
ฝั่งตรงข้ามเป็นที่สำหรับนั่งทานอาหารครับ นั่งได้เต็มที่ 4-5 คน
ความสูงของระดับฝ้าภายในห้องทานอาหารก็เท่าเดิมครับ คือประมาณ 2.60 เมตร เพียงแต่เปลี่ยนไฟจากดาวน์ไลท์เป็นแบบโคมซาลาเปา
หน้าต่างภายในห้องทานอาหารเป็นหน้าต่างแบบเข้ามุม ขนาดใหญ่มาก (จริงๆเป็นประตูมากกว่า) แต่ก็มีราวระเบียงกันตกไว้ด้วยเพื่อความปลอดภัย
ตำแหน่งของตู้ไฟจะอยู่ภายในห้องทานอาหารครับ
ให้ดูว่าหน้าต่างเข้ามุม ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นเพราะเปิดมุมมองได้มากขึ้น
แต่ก็จะมองเห็นห้องข้างๆเช่นกันครับ ^^ จะเสีย Privacy นิดนึง
ให้ดูราวระเบียงกันอีกที เป็นเหล็กกล่องทาสีขาว
หน้าต่างจะไม่ถึงพื้นนะครับ จะมีขอบกั้นขึ้นมาประมาณ 20 เซ็นติเมตร
กลับเข้ามาที่ห้องนอนกันบ้างครับ ห้องนอนจะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นครับ ข้างๆตู้วางทีวี
มือจับเป็นแบบลูกบิดครับ
เข้าไปก็จะเจอเตียงเลย
ห้องนอนก็มีหน้าต่างครับ แต่ขนาดเล็กกว่าห้องทานอาหาร
มีแอร์ 1 ตัว
ภายในห้องนอนไฟฟ้าแสงสว่างเป็นแบบดาวน์ไลท์
บริเวณหน้าต่าง มีชุดนั่งเล่นสามารถนั่งดูทีวี หรือชมวิวได้เช่นกันครับ
ตู้วางทีวี
อันนี้มองจากหน้าต่างห้องนอน จะเห็นหน้าต่างห้องทานอาหารด้วยครับ
ภายในห้องนอน จะมี Walk in Closet และต้องเข้าห้องน้ำจากห้องนอนนี้นะครับ
มีตู้เสื้อผ้า และที่นั่งสำหรับแต่งตัว
ห้องน้ำก็จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้า มีการกั้นวัสดุระหว่างพื้นห้องน้ำและพื้นห้องนอนด้วยหินตามรูป
แบบของอ่างล้างหน้าตามรูปครับ เป็นแบบหล่อกับที่เช่นกัน
อ่างแบบหล่อกับที่ แต่ว่าที่นี่มีที่กั้นน้ำล้นให้ครับ
กระจกเงาบานใหญ่มากครับ ข้อดีคือทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้น ไม่อึดอัดครับ
แถมด้านบนมีไฟสำหรับแต่งตัวอีกชั้นด้วย
เหนือชักโครกเป็นพัดลมดูดอากาศ
ชักโครกใช้ของ Cotto
มีที่แขวนผ้าเช็ดหน้าอยู่ข้างๆ
ที่นี่เตรียมปลั๊กไฟให้สำหรับเสียบที่เป่าผมอยู่บริเวณกระจกเงาด้วยนะครับ
แถมมีช่องสำหรับเป็นชั้นวางของให้ด้วย
ที่อาบน้ำ มีการยกเสต็ปขึ้นมา ไม่ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ
ชุดฝักบัว ก็เป็นของ Cotto เช่นเดียวกันครับ
ไฟภายในห้องน้ำเป็นไฟโคมแบบซาลาเปา ด้านบนมีช่องสำหรับเซอร์วิส เหนือฝ้าเพดาน
ปิดท้ายกันด้วยวิวของห้องนี้ครับ บริเวณชั้นที่ 21 มองไปยังถนนรัชดาภิเษกหน้าโครงการ ซึ่งเป็นทิศตะวันตกเฉียงเหนือครับ เห็นไกลสุดตาทีเดียว สังเกตให้ดีจะเห็นแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่กำลังก่อสร้างบริเวณถนนกรุงเทพ-นนท์ เป็นแนวด้านซ้ายมือด้วยนะครับ
อันนี้เป็นวิวด้านหน้าเลย
และวิวเยื้องมาทางด้านขวาของโครงการ ซึ่งจะหันไปทางทิศเหนือ
สำหรับ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เป็นห้องขนาด ตั้งแต่ 68-71 ตารางเมตรครับ โดยที่แต่ละชั้นจะมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น และตั้งอยู่ในบริเวณหัวมุมของอาคารในตำแหน่งที่ดีที่สุด โดยการจัดวางห้อง ก็ยังคงคอนเซปต์ของ Sky Kitchen เช่นเคยครับ แต่ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถวางชุดทานอาหารได้ 2 ชุดบริเวณภายในห้อง และบริเวณ Sky Kitchen ตามที่เห็นในผังเลยครับ สำหรับห้องนอนใหญ่ ก็จะมีห้องน้ำและห้องแต่งตัวภายใน เป็นสัดส่วน สำหรับห้องนอนเล็ก (ซึ่งก็ไม่เล็กนะครับ น่าจะสามารถวางเตียง King Size ได้เลย) ก็แยกออกไปโดยใช้ห้องน้ำร่วมกันกับห้องนั่งเล่น
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 01/11/2012
ปัจจุบัน โครงการขายหมดไปแล้วนะครับ เหลือเพียงห้องที่เจ้าของประกาศขาย โดยที่ส่วนมากก็จะพร้อมอยู่ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครัน ดังนั้นราคาของห้องจึงแล้วแต่ความพอใจของผู้ซื้อผู้ขายนะครับ
- 1 Bedroom เนื้อที่ 35.00 ตารางเมตร ราคา 2.80 ล้านบาท หรือ 80,000 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom เนื้อที่ 41.00 ตารางเมตร ราคา 3.30 ล้านบาท หรือ 80,487 บาทต่อตารางเมตร ฝั่งสระว่ายน้ำ
- 1 Bedroom เนื้อที่ 35.00 ตารางเมตร ราคา 3.20 ล้านบาท หรือ 91,428 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลางอยู่ที่ 35 บาท/ตร เมตร ค่ากองทุน อยู่ที่ 500 บาท/ ตร เมตร
เจาะลึกรวบยอด
โครงการเซ็นทริคซีน รัชวิภา เป็นโครงการสไตล์รีสอร์ตอีกโครงการที่เน้นความร่มรื่น และส่วนกลางขนาดใหญ่ และอยู่อาศัยได้จริงกลางเมือง การเดินทางก็ไม่ยากครับสามารถเข้าเดินทางได้สะดวกทั้งขาออกหรือขาเข้าเมืองโดยทางรถยนต์
ในแง่ทำเลของโครงการ ถือว่าเป็นโครงการติดถนนเส้นหลัก ใกล้ทางด่วนประชานุกูล เป็นทำเลแห่งอนาคต เนื่องจากมีแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ในอนาคตและแนวทางด่วนเส้นใหม่ ใกล้ห้างสรรพสินค้า และใกล้สำนักงานหลายแห่ง เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ปตท. เป็นต้น ในอนาคต หากมีการพัฒนาระบบการขนส่ง และเปิดใช้บริการแล้ว จะเป็นทางเลือกที่ดีให้กับลูกบ้านโครงการแทนการใช้รถยนต์ซึ่งเป็นวิธีการเดินทางหลักในปัจจุบันครับ
ส่วนด้อยของทำเลตรงนี้ คือแทบจะเรียกว่า กันดาร ในระยะเดินเท้าใกล้ๆ รอบๆโครงการ ไม่ค่อยมีอะไร ต้องอาศัยนั่งรถไปใกล้ๆเอา คงต้องรอให้มีโครงการมาขึ้นเยอะๆอีกระยะ
การออกแบบของโครงการมีสไตล์ที่ชัดเจน ทั้งแนวความคิดโดยรวมของโครงการและแนวความคิดของพื้นที่ใช้สอบภายในห้อง อย่างไรก็ตามรูปแบบและการวางผังของตัวอาคารยังทำให้รู้สึกอึดอัดและเนื่องจาก Mass อาคารที่หันออกมาด้านหน้า อย่างไรก็ตาม การแบ่งพื้นที่ห้องบางส่วนเป็นพื้นที่สวนส่วนกลาง ช่วยทำให้ลดความทึบตันไปได้บ้าง และกลายเป็นพื้นที่พักผ่อนของผู้ที่อยู่อาศัยอยู่ในชั้นใกล้เคียง ความโดดเด่นอีกอย่างคือเรื่องเอาครัวมาบวกกับระเบียง มีหน้าต่างสองชั้น ทำให้ใช้พื้นที่ระเบียงได้คุ้มค่า จะทำอาหาร ทานเข้า หรือซักล้างตากผ้า ก็ใช้ได้จริง ถือเป็นพื้นที่กึ่งอินดอร์ กึ่งเอาท์ดอร์ ที่เราเลือกใช้งานได้ตามความพอใจ
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในโครงการ เทียบกับวัสดุใหม่ๆในท้องตลาด ก็ถือว่าไม่ได้โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้ล้าสมัยครับเนื่องจากโครงการได้จัดเตรียมอุปกรณ์หลายอย่างที่ตอบสนองประโยชน์ใช้สอยไว้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นฝ้าเพดานสูงโปร่ง กว่าโครงการเกรดเดียวกัน จัดเตรียมไฟแสดงเหตุเพลิงไหม้หน้าห้อง หรือแม้แต่ปลั๊กไฟสำหรับเครื่องเป่าผมภายในห้องน้ำ ช่วยทำให้คุณค่าภายในห้องยังคงมีอยู่
ที่จอดรถสำหรับโครงการนี้ค่อนข้างมาก เทียบกับคอนโดใกล้เคียงเช่นกันครับ เนื่องจากให้มากถึง 70% เลยทีเดียว โครงการคงจะเข้าใจความต้องการในการใช้รถของลูกบ้านในทำเลนี้และมองภาพของกลุ่มเป้าหมายของโครงการชัดเจนแล้วจึงเตรียมพื้นที่ส่วนนี้ไว้มากกว่าปรกติ จำนวนลิฟท์โดยสารก็เพียงพอ โดยการเตรียมไว้ให้ 3 ตัว/ อาคาร โดยที่่จำนวนห้องต่ออาคารก็มีไม่มาก ทำให้ไม่ต้องมีปัญหาในการรอลิฟท์นานในช่วงเวลาเร่งด่วนครับ
ข้อควรพิจารณาคือโครงการนี้ เป็นโครงการที่สร้างเสร็จและขายหมดแล้ว แต่ละห้องถ้าอยากได้ ก็ต้องไปซื้อต่อเอาจากเจ้าของเดิม ซึ่งทำเลห้อง และการแต่งห้อง ก็จะทำให้ราคาค่อนข้างแตกต่างกัน ในตอนนี้ ราคาของ Centric ตัวนี้ ขยับขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับโครงการย่านลาดพร้าว และรัชดาตอนปลายแล้ว ทำให้เวลาจะเทียบ ก็จะเจอคู่แข่ง ในย่านนี้ที่ทำเลดีกว่า หลายตัวอยู่นะครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไปโดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
คะแนนความคุ้มค่าเทียบกับราคาปัจจุบัน 80,000 บาทต่อตารางเมตร 01/11/2012 โครงการนี้ ใช้ราคาตลาดปัจจุบันนะครับ ถ้าใครที่ซื้อมาต่ำกว่าราคานี้ แปลว่า น่าจะได้คะแนนความคุ้มค่ามากกว่านี้ ส่วนใครที่ซื้อมาแพงกว่าราคานี้ แปลว่าน่าจะได้คะแนนน้อยกว่านี้ครับ
- ทำเล 7.50/10 – ติดถนนใหญ่รัชดาภิษก (รัชวิภา) ซึ่งเป็นถนนสายหลัก แต่ยังเป็นย่านที่ไม่ค่อยมีอะไรในระยะเดินเท้า ทำเลไม่เลวมีอนาคต แต่พอเทียบกับราคาแล้ว สามารถหยิบจับโครงการย่านรัชดาลาดพร้าวซึ่งทำเลดีกว่านี้ได้
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมีความสะดวกสูง กลับรถไม่ไกล ไม่ติดเชิงสะพานและใกล้ทางด่วนประชานุกูล เข้าเมืองสะดวกแต่ช่วงเวลาเร่งด่วนค่อนข้างติดทีเดียว ที่จอดรถน่าจะพอเพียง
- ไม่ใช้รถ 7.00/10 – ติดถนนใหญ่ Taxi ก็เรียกง่าย หากต้องเดินออกมาหน้าโครงการ ต้องเดินไกลนิดนึง ด้านหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ แต่ราคานี้ในย่านนี้ น่าจะได้ระยะเดินไปรถไฟฟ้าสายสีม่วงใกล้ๆสถานีนะ
- วัสดุ 7.50/10 – วัสดุ ภายในห้องค่อนข้างมาตรฐานเมื่อเทียบกับราคาที่ถึงแม้จะสูงขึ้นมาเนื่องจากก่อสร้างเสร็จหลายปีแล้ว แต่โครงการโดยรวมมีมาตรฐานวัสดุค่อนข้างดี ยังไม่ล้าสมัยถึงแม้จะผ่านมาแล้วหลายปี
- แบบ 8.50/10 – แนวความคิดชัดเจนในเรื่องของธรรมชาติ และไม่หวงส่วนกลางครับ แต่อาคารค่อนข้างใหญ่ เทอะทะเนื่องจากการวางแนวอาคาร ด้านหน้าที่หันออกมาเป็นด้านที่มี Mass ใหญ่ที่สุดทำให้ขัดกับคอนเซปต์บ้างเล็กน้อย ส่วนแบบห้องออกแบบพื้นที่ได้ค่อนข้างลงตัว เหมาะกับประโยชน์ใช้สอย จุดขายเรื่อง Sky Kitchen ชัดเจนและเป็นผู้ริเริ่มขายแนวความคิดนี้ อย่างไรก็ดีด้วยขนาดห้องมาตรฐานที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับราคาต่อตารางเมตรที่เพิ่มสูงขึ้นตามตลาด ทำให้ราคาห้องรวมสูงกว่าโครงการข้างเคียง
- สาธารณูปโภค 8.50/10 – โครงการให้ครบไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ 2 แบบขนาดมาตรฐาน, ห้องออกกำลังกาย, ห้องซาวน่า, สวนส่วนกลางสไตล์รีสอร์ต
- MAIN CLASS
- 7.70/ 10.00
BOTTOM LINE
โครงการเซ็นทริคซีน รัชวิภาเหมาะสำหรับคนที่หาบ้านย่านนี้ ที่ชอบพื้นที่ส่วนกลางมากๆ ให้มาครบๆ ชอบห้องที่ใหญ่หน่อย ชอบทำครัวหรือประกอบอาหารบ้าง มาตรฐานความปลอดภัยดีๆ มีงบประมาณอยู่ในระดับ 2.8 – 6.0 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือน 20,000 – 43,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ