รีวิวฉบับที่ 197 … สวัสดีครับ :> วันนี้ Think of Living จะพาไปดูคอนโดโครงการ Centric สาทร-เซนต์หลุยส์ ซึ่งเป็นคอนโดที่อยู่ในซอยสาทร 11 หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เซนต์หลุยส์ซอย 3” ครับ ทำเลตรงนี้หลายๆคนคงจะรู้จักกันดี เนื่องจากเป็นที่ตั้งของ โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม ที่อยู่เยื้องๆคอนโดลึกเข้าไปซักประมาณ 200 เมตรครับ เรียกได้ว่าถ้าลูกใครอยู่ที่นี่ หลังเลิกเรียนก็เดินกลับบ้านตัวเอง ชวนเพื่อนมาเล่นที่บ้าน หรือเป็นแหล่งรวมตัวของคุณแม่ที่ต้องรับส่งลูกๆได้เลยล่ะ
แถวๆสาทร-สุรศักดิ์นี้ แม้ว่าเราจะมีการพูดถึงโครงการใกล้เคียงกันบ่อยๆ เช่น The Rhythm นราธิวาสฯ หรือ The Seed Mingle สาทร-สวนพลู แต่โครงการดังกล่าวก็ยังไม่มี Full Review ออกมาให้ดูกัน วันนี้ก็จะขอมารีวิวเจาะลึก Centric สาทร-เซนต์หลุยส์ ให้ได้ดูกันนะครับ สำหรับหลายๆคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยแถวๆนี้อยู่ 😀
Fact @ 20 April 2012
- Centric สาธร-เซนต์หลุยส์
- SC Asset
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด 28 ชั้น 1 อาคาร (A) และ 7 ชั้น 1 อาคาร (B)
- ที่ดินประมาณ 2-1-78 ไร่
- 1 Bedroom/1-2 Bedroom (Duplex)/2 Bedrooms/3 Bedrooms (Duplex)
- พื้นที่ใช้สอย 32.4-136.86 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.5 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 100,000 บาท
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS สุรศักดิ์ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS สุรศักดิ์ (S5)
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
โครงการ Centric สาทร-เซนต์หลุยส์ นี้ฟังจากชื่อแล้วคงจะเดาที่ตั้งกันไม่ยากนะครับ ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอย สาทร 11 ซึ่งคนที่คุ้นเคยกับทำเลแถวนี้ก็คงจะรู้ว่า ชื่อ “ซอยเซนต์หลุยส์ 3” จะเป็นที่นิยมเรียกกันซะมากกว่า ที่ตั้งของโครงการอยู่ห่างจากปากซอยเข้าไปประมาณ 200 เมตรนิดๆครับ
แล้วไอ้เจ้าซอยเซนต์หลุยส์นี่แหละครับ ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของโครงการนี้เลย เป็นเพราะหลายๆสาเหตุด้วยกัน ส่วนหนึ่งเนื่องจากเป็นซอยที่มีทางลัดไปทะลุถนนเส้นโน้นเส้นนี้ได้เยอะแยะมากมาย ซึ่งเดี๋ยวจะพูดต่อไปว่าในซอยนี้มันไปทะลุตรงไหนได้บ้าง
อย่างที่สอง คือ การที่มีโรงเรียนอัสสัมชัญ (แผนกประถม) ตั้งอยู่กลางซอยนี่แหละครับ โรงเรียนจะห่างจากตัว Centric ลึกเข้าไปในซอยอีกประมาณ 200 เมตร ซึ่งผลของมันคือ จะมีรถของผู้ปกครองจำนวนมากที่จะเข้าไปรับ-ส่งเด็กนักเรียนช่วงเช้าก่อนโรงเรียนเข้า และช่วงบ่ายถึงเย็นหลังโรงเรียนเลิก การจราจรในซอยช่วงนี้จะกลายเป็นวันเวย์ครับ (เวลาประมาณ 6.30-8.30น. และ 15.00-17.30น. บวกลบนิดหน่อย เฉพาะวันธรรมดาครับ) แล้วการเดินทางเข้าสู่โครงการจะเหลือเพียงทางเดียว คือจากทางด้านถนนสาทร แล้วการวิ่งสวนมาจากในซอยจะทำไม่ได้ครับ ซึ่งก็แปลว่า ช่วงเวลาดังกล่าวถ้าเราจะเข้าบ้าน เราก็จะถูกบังคับให้ต้องเจอกับการจราจรที่หนาแน่นทางด้านถนนสาทรนั่นเอง แล้วตอนเช้า เวลาเราออกจากบ้าน เราก็ไม่สามารถวิ่งสวนการจราจรออกไปได้ครับ ถ้าจะไปถนนสาทรก็ต้องไปออกทางซอยเซนต์หลุยส์ 2 (Google Maps เรียกว่า สาทร 11 แยก 4) คือ วิ่งอ้อมตัวโรงเรียนอัสสัมชัญไปออกซอยข้างๆนั่นเอง หรือไม่ก็ต้องไปใช้เส้นทางอื่น ที่กำลังจะพูดในย่อหน้าต่อไปครับ
ทางเข้า-ออกของโครงการในช่วงเวลาปกติ จะมีด้วยกัน 3 ทางที่น่าจะได้ใช้บ่อย
ทางแรก ก็คือเข้าจากทางปากซอยสาทร 11 ด้านถนนสาทรอย่างที่ได้บอกไปแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นทางเข้า-ออกที่สะดวกที่สุด เนื่องจากซอยค่อนข้างกว้าง และแม้ว่าในซอยจะชอบมีรถมาจอดริมถนนก็ยังสามารถวิ่งสวนกันได้อย่างไม่ลำบาก
ทางที่สองที่อยากจะให้รู้จักเอาไว้ และต้องได้ใช้แน่ๆ คือทางออก ซอยพิชัย 2 (เส้นประสีฟ้า) ที่จะไปทะลุกับ นราธิวาสฯ ซอย 6 ซึ่งก็คือซอยทีติดกับ City Viva ที่เป็น Community Mall นั่นเองครับ เดี๋ยวผมจะพาไป Survey เส้นทางที่ว่านี้ในส่วนถัดไปด้วยครับ แต่จะบอกก่อนว่า ซอยนี้จะเป็นซอยที่ค่อนข้างแคบ เพียงพอแค่ให้รถสองคันผ่านเท่านั้น แล้วชาวบ้านแถวๆนั้นก็จะชอบเอารถมาจอดชิดขอบทางเอาไว้อยู่แล้ว ซึ่งก็จะเหลือที่แค่ให้รถผ่านได้คันเดียว แต่ถึงกระนั้นแล้ว ก็ยังมีคนใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ เนื่องจากค่อนข้างสะดวก สามารถหนีรถติดตรงแยกสาทร-นราธิวาสฯได้ ประกอบกับที่ในซอยเซนต์หลุยส์กลายเป็นวันเวย์ช่วงเร่งด่วนไปแล้ว
ทางสุดท้ายที่น่าจะได้ใช้บ่อยๆอีกทางหนึ่งก็คือทางที่จะไปออกถนนจันทน์ครับ ทางนี้วิ่งไม่ยากครับแค่วิ่งตรงๆ ตามเส้นประสีม่วงที่อยู่ในแผนที่ด้านบนเท่านั้นเอง ตรงนี้มันก็จะไปออก ซอยจันทน์ 18/7 ซึ่งการที่ไปออกถนนจันทน์ได้ จะเป็นประโยชน์มากสำหรับคนที่อยากจะมุ่งหน้าไปทางเจริญกรุงด้านใต้ ถนนพระราม 3 หรือถนนสาธุประดิษฐ์ครับ
สำหรับทางด่วนที่ใกล้ๆแถวนี้ก็คงจะเป็นตรงแยกสุรศักดิ์ที่จะใช้ขึ้นไปทาง บางโคล่ บางนา ดาวคะนอง แต่ถ้าหากจะไปทางแจ้งวัฒนะแนะนำว่าให้วิ่งในซอยไปออกถนนจันทน์ แล้วใช้ทางขึ้นทางด้านถนนจันทน์จะดีกว่าครับ เพราะทางขึ้นตรงแยกสุรศักดิ์จะไม่สามารถไปทางแจ้งวัฒนะได้ ต้องใช้ทางขึ้นตรงสุรวงศ์อย่างเดียว ซึ่งก็คงจะไม่สะดวกเท่าไรนักสำหรับคนที่อยู่ที่ Centric นี้
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้านั้น สถานีรถไฟฟ้า BTS อยู่ห่างจากตัวโครงการเป็นระยะทางประมาณ 700 เมตร ครับ ซึ่งถ้าจะเดินมาปากซอยแล้วเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปต่อก็คงจะทำได้ แต่ก็ดูจะเปลืองเงินไปหน่อย เพราะก็เป็นระยะทางที่ยังอยู่ในระยะเดินเท้าครับ
วิเคราะห์เรื่องทำเลกันไปแล้ว เดี๋ยวเราจะพาไปดูเส้นทางจริงๆนะครับ วันนี้ผมไปโครงการ Centric สาทร-เซนต์หลุยส์ โดยใช้ทางด่วนขั้นที่ 2 ครับ เราจะใช้ทางออก ถนนสีลม (ต.2-11) นะครับ ความจริงเราจะไปลง ถนนจันทน์ แล้วมาเข้าทาง ซอยจันทน์ 18/7 เพื่อเลี่ยงถนนสีลมแล้วมาโผล่ทางด้านหลังก็ได้เมือนกันนะ 😀
ลงมาถึงแยกเราเลือกที่จะตรงต่อไป ไปออกถนนสาทรนะครับ
วิ่งตรงมาสุด พอถึงถนนสาทรก็เลี้ยวซ้ายไปเลยครับ ทางบังคับอยู่แล้ว
วิ่งตรงต่อไปเลยรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ผ่านหน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนครับ
หลังจากนั้นกลับรถที่ไฟแดงแรกเลยครับ
จากนั้นวิ่งตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอทางเข้าซอยสาทร 11 ครับ จุดสังเกตจะมีป้ายบอกว่า เป็นทางลัดไปถนนจันทน์ครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย
ตรงเข้าซอยไปประมาณ 200 เมตรก็จะเจอโครงการ Centric สาทร-เซนต์หลุยส์อยู่ซ้ายมือดังภาพครับ
ภาพทางเข้า มองจากฝั่งตรงข้ามโครงการครับ
มองย้อนกลับออกไปทางที่เราเข้ามานะครับ
ภาพบรรยากาศในซอยเซนต์หลุยส์ 3 ครับ
หากเดินเข้าไปเรื่อยๆก็จะเห็นว่าเป็นชุมชนที่ค่่อนข้างพัฒนาและแออัดครับ มีร้านค้าจำนวนมากตั้งเรียงรายสองข้างทาง ต้นซอยอาจจะมีจำนวนน้อยหน่อย แต่เข้าไปลึกๆนี่ คึกคักมากครับ แล้วจะมีรถมาจอดชิดทางเท้ากินไปครึ่งเลนตลอดเวลา แต่ช่วงโรงเรียนเข้า-โรงเรียนเลิก นี่จอดไม่ได้นะครับ โดนตำรวจไล่แน่ๆ
เข้ามาลึกอีกหน่อยครับ
แล้วที่เห็นข้างบนนี้ก็คือทางเข้าโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถม หรือ “อัสสัมเล็ก” นั่นเอง ช่วงโรงเรียนเข้า/โรงเรียนเลิก นี่จะมีเด็กนักเรียนเดินกันเต็มไปหมด บนทางเท้านี่เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีที่เดินเลย และจะมีเด็กเดินข้ามถนน, ผู้ปกครองหยุดรถซื้อของ แวะรับ-ส่งลูกตลอดเวลา
ถัดมาอีกหน่อยก็จะเป็นป้ายโรงเรียนครับ และที่เห็นอยู่แว้บๆทางด้านซ้ายของรูปนั่นคือ ประตูเล็ก (ที่ไม่เล็กแล้ว) ครับ
ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียนก็จะเป็นร้านค้าขายของต่างๆที่มีกลุ่มลูกค้าเป็นเด็กนักเรียนครับ เช่น อาหาร ขนม เครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ชุดนักเรียน ของเล่น ร้านสะดวกซื้อ ทั้งร้านโชว์ห่วย และเซเว่นอีเลฟเว่นครับ นับว่าค่อนข้างครบครันเลยทีเดียว
ต่อไปเราจะพาไปดูทางลัดเพื่อไปออกถนนนราธิวาสฯครับ ที่เห็นอยู่ในรูปข้างบนนี้คือ ซอยพิชัย 2 หรือ ซอยสาทร 11 แยก 5 ครับ อยู่ตรงข้ามโรงเรียนอัสสัมชัญพอดีเลย เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ
ภาพบรรยากาศในซอยพิชัย 2 ครับ
ทางอาจจะคดเคี้ยวซักนิด แต่ไม่ซับซ้อนครับ วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ
จะเห็นว่าซอยนี้ค่อนข้างแคบพอสมควรครับ ถ้ารถจอดข้างทางก็กินไปหนึ่งเลนแล้ว รถสวนกันลำบากพอควร
วิ่งตรงมาเรื่อยๆจะเจอทางออกไปถนนนราธิวาสฯครับ แล้วที่เห็นข้างซ้ายนี่คือ ทางออก ของ City Viva ครับ
แล้วเราก็ออกมาทาง นราธิวาสฯ ซอย 6 ครับ จากตรงนี้ถ้าเราจะไปฝั่งตรงข้ามก็ต้องไปกลับรถที่สี่แยก สาทร-นราธิวาสฯ ครับ ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะกลับไปถนนสาทร ถ้าเลี้ยวขวาแล้วตรงไปก็จะมุ่งหน้าไปถนนพระราม 4 หรือถ้าตรงต่อไปก็จะเจอสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี, ถนนสีลม และไปสุดที่สามแยกตรงถนนสุรวงศ์ ตามลำดับครับ
ด้านซ้ายทันทีที่ออกจากซอยก็คือ The City Viva ที่เป็น Community Mall ครับ เป็นการจบการเจาะลึกด้านทำเลเราคร่าวๆเท่านี้ เดี๋ยวเราไปดูตัวโครงการกันเถอะครับ
เจาะลึกตัวสินค้า
โครงการ Centric สาทร-เซนต์หลุยส์นี้ เป็นคอนโดมิเนียม 2 อาคารครับ มี Tower A ที่เป็นตึก High Rise สูง 28 ชั้น กับ Tower B ที่เป็นอาคาร Low Rise ด้านหน้าสูง 7 ชั้น จำนวนยูนิตตึก A มีอยู่ 344 ยูนิต และตึก B อีก 20 ยูนิต รวมแล้วมี 364 ยูนิต ทั้งนี้ยังไม่นับร้านค้าที่จะอยู่ชั้นล่างของตึก A อีก 3 ร้านครับ
เริ่มจากชั้น 1 กันก่อนเลยครับ แปลนของที่ดินจะเป็นรูปตัว L กลับหัวแบบที่เห็นในรูปนะครับ สิ่งที่น่าสังเกตอย่างแรกเลยก็คือ พื้นที่สีเขียวของชั้นล่างมีน้อย สงสัยจะเอาขึ้นไปไว้บนตึกซะหมด มีการเทคอนกรีตทำถนนจนแทบจะเต็มพื้นที่กันเลยทีเดียว จะมีเยอะหน่อยก็บริเวณ Tower B ที่อยู่ติดถนนด้านหน้า กับทางเข้าโครงการเท่านั้นเอง
เรามาพูดถึงชั้นล่างของ Tower A กันก่อนครับ โดยรอบทางเข้าจะมีการทำเป็นทางน้ำเล็กๆเอาไว้ บริเวณที่เป็นจุด Drop-off ครับ พอเราเดินเข้า Lobby มาก็จะแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆด้วยกัน ส่วนแรกทางซ้ายมือจะเข้าไปเป็นห้องสมุดและ Lounge พักผ่อนที่เราจะเข้าไปนั่งเล่น Wifi ได้ครับ และหากเดินเข้าไปจนสุดก็จะเป็นห้องของนิติบุคคลครับ ส่วนที่สองก็คือหากเดินตรงๆเข้าไป ผ่าน Lobby ก็จะเจอกับ Mailbox และโถงลิฟท์ครับ แล้วถ้าเปิดประตูออกไปทางด้านขวา ก็จะเจอกับส่วนที่เป็นร้านค้า และลานจอดรถ
ภาพกราฟฟิก Perspective สำหรับห้องสมุดชั้น 1 ครับ
สำหรับ Mailbox ของที่นี่จะใช้เป็น Mailbox รวมนะครับ ไม่มีแยกแต่ละชั้น ส่วนลิฟท์จะมีทั้งหมด 3+1 ตัวครับ ก็คือลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว อัตราส่วนของลิฟท์คือ 114:1 ซึ่งก็ดูเยอะไปเล็กน้อยครับ สำหรับคอนโดระดับ High Class ที่ควรจะอยู่ประมาณ 100-110:1 แต่ก็ไม่ได้มีผลมากมายอะไร
ส่วน Tower B นั้นจะเป็นอาคาร 7 ชั้น ที่อยู่ชิดถนนด้านหน้าโครงการ ด้านข้างจะมีการขุดสระน้ำเล็กๆเอาไว้ แต่ว่ายไม่ได้นะครับ ใช้สำหรับตกแต่งเฉยๆ โดยรอบก็จะมีพื้นที่สีเขียวเยอะหน่อย สังเกตตรง Tower A นี้จะมีการทำสวนแนวดิ่ง (Vertical Garden) เอาไว้ครับก็พอจะดูแล้วเขียวๆได้บ้างนะ หาก Vertical Garden ได้รับการดูแลให้เขียวๆสวยๆแบบนี้ตลอดไป
สำหรับชั้น 1-7 ที่นี่จะใช้เป็นลานจอดรถครับ Floor Plan ก็จะหน้าตาแบบที่เห็นข้างบนนี้ครับ โครงการนี้สามารถจอดรถในซองได้ 55% ซึ่งหากรวมที่จอดรถซ้อนคันด้วยแล้วน่าจะตกราวๆ 60% ของจำนวนยูนิต ได้ประมาณมาตรฐานของคอนโดระดับใกล้เคียงครับ
ชั้น 1 – 17 ของที่นี่เป็นชั้น 1 Bedroom เสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีห้อง 2 Bedrooms อยู่ฝั่งเหนือเพียงสองห้องเท่านั้น
ห้องส่วนใหญ่ของตึกนี้โดนทิศตะวันตก-ตะวันออกกันเต็มๆเกือบทั้งหมด เฉียงเหนือใต้น้อยมาก ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลยว่างห้องเราจะไม่ร้อน ก็คงไม่มีทางหนีพ้น แนะนำให้ติดฟิล์มกันแดดหรือใช้ผ้าม่านกันแดดนะครับ
วิวฝั่งทิศตะวันออกคงจะไม่ค่อยโสภาสักเท่าไรเพราะเห็นตึก The Empire Tower และคอนโด The Empire Place เต็มๆในระยะประมาณ 300 เมตรเศษ (อาจจะมีช่องว่างให้เห็นทะลุไปได้) เพราะสองตึกนี้ไม่ติดกัน และน่าจะเห็นช่องว่างมองลอด City Viva แถวๆซอยนราธิวาส 6 ไปได้ด้วย
สำหรับวิวฝั่งตะวันตกของตึกนี้จะมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา หากสามารถฝ่าด่านอรหันต์ของตึกสูงๆในบริเวณใกล้เคียงไปได้ทั้งหมด ระยะทางจากตึกถึงแม่น้ำประมาณ 1.7 กิโลเมตร ก็เดาว่าจะต้องอยู่ประมาณชั้น 20 ขึ้นไปจึงจะสามารถเห็นแม่น้ำได้นะครับ
ต่อมาก็จะเป็นชั้น 24 ครับ ซึ่งเป็นชั้นที่พิเศษหน่อยคือจะมี Sky Garden ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้นนี้เลย และยูนิตทั้งหมดตรงนี้จะเป็น Duplex ทั้งหมดไปจนถึงชั้น 25 ดังนั้นสวนตรงนี้จะเป็นสวนพิเศษสำหรับคนที่ซื้อห้อง Duplex เพราะคนที่อยู่อาศัยชั้นอื่นก็คงไม่บ้าจี้อยู่ๆกฎลิฟทืขึ้นมาชั้น 24 เพื่อไปสวนหย่อมเล็กๆ
ถ้าดูจากโมเดล เราจะเห็นภายนอกของสวนชั้น 24 เป็นลักษณะนี้ครับ ขนาดนิดเดียวเท่านั้นเอง
ชั้น 27 ของที่นี่จะเป็นสระว่ายน้ำกับ Jogging Track ที่อยู่รอบๆครับ ตรงนี้ก็จะตกแต่งด้วยพื้นที่สีเขียวเล็กน้อย ส่วนใหญ่ก็จะปูหญ้าเอาหากดูตามรูปด้านล่าง
ภาพมุมมอง Perspective ของสระน้ำชั้น 27 ครับ ตรงนี้ออกแบบมาได้สวย โดยเฉพาะฟิตเนสที่สามารถเทควิวได้ 270 องศาโดยรอบ มองลงมาเห็นสระว่ายน้ำและกวาดสายตาไปข้างๆเห็นวิวบนยอดตึก เรียกว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว
มองจาก Bird-Eye View ก็จะเห็นเป็นแบบนี้ ซึ่ง Sky Facility เป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลย
ชั้น 28 เป็นห้องออกกำลังกาย ที่ต้องขึ้นบันไดมาจากชั้น 27 ครับ ซึ่งจะมีการกั้น Lobby ด้านหน้าให้ด้วย ข้อเสียก็คือไม่มีลิฟท์นะครับ สงสัยเค้าคงอยากให้เราออกกำลังกายมากมั้ง เลยต้องให้ขึ้นบันไดมาก่อน
ภาพกราฟฟิก Perspective ของ Lobby ชั้น 28 ครับ
มาดูแปลน Tower B ตอนนี้ (ก.ค. 2555) ที่ยังไม่เปิดขายกันบ้าง ชั้นล่างสุดเป็นห้องแบบ Duplex ครับ เปิดเข้ามามี Lobby กับลิฟท์สองตัวแยกไว้ สบายเลยกับจำนวนลิฟท์และจำนวนยูนิตที่มีเพียง 20 ยูนิต เพราะว่าจำนวน Unit:Lift ของที่นี่ก็คือ 10:1 !! ซึ่งดีกว่าคอนโดระดับ Ultimate Luxury เสียอีก
Tower B จึงเป็นทางเลือกของคนที่ไม่ต้องการความแออัด ต้องการความสบายของตึกที่อยู่กันเพียง 20 ห้อง ไม่เหมือนกับตึก A ที่มีจำนวน 300 กว่าห้องนะครับ
ชั้น 3-7 จะเป็นยูนิต 2 Bedrooms ครับ ชั้นนึงมี 3 ยูนิต ดังนั้นคงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความหนาแน่น ห้องขยะก็ไม่ตรงกับห้องใด ไม่มีทางสามแพร่ง ทุกห้องไม่ติด Lift เรียกว่าออกแบบมาได้ดี
ชั้นดาดฟ้าของตึก B ก็จะเป็น Roof Garden ครับ ก็คงใช้กันอยู่ภายในตึกนั่นแหละ คนที่ตึก A คงจะไม่มาร่วมแจมแน่นอน
สิ่งอำนวยความสะดวก
- ห้องออกกำลังกายที่ชั้น 28 พร้อม Lobby
- สระว่ายน้ำ และ Jogging Track ที่ชั้น 27
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว, Service Lift 1 ตัว
- สวนส่วนกลางที่ชั้น 24 ของ Tower A และชั้นดาดฟ้าของ Tower B
- ห้องสมุดที่ชั้น 1 ของ Tower A
- Lobby พร้อม Internet Access
- ที่จอดรถ 55% ไม่ซ้อนคัน / ประมาณ 60% ซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
ห้องของ Centric จะเป็นแบบ Fully Furnished หรือตกแต่งครบนะครับ ห้องที่จะพาไปดูมีสองแบบครับ คือ 2 Bedroom แบบ K4 และ 1 Bedroom แบบ G1
เราไปดูห้องแบบ 2 Bedrooms กันก่อนครับ
แปลนห้องเป็นแบบนี้ ระเบียงห้องเป็นแบบเฉียงๆ เข้ามุม
เดินเข้าห้องไปจะมองเห็นเป็นลักษณะนี้ครับ อุปกรณ์ตกแต่งก็คงจะไม่ได้อย่างที่เห็นเป๊ะๆนะครับ แต่เฟอร์นิเจอร์ผมจะอธิบายไปตามลำดับว่าอะไรได้อะไรไม่ได้
พื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ครับ
สวิตช์ไฟ ของ Siemens สีขาวล้วนแบบนี้ครับ
ผมพาเดินเข้าห้องน้ำก่อนเลยครับ เพราะอยู่ใกล้กับทางเข้าที่สุด ทางด้านซ้ายมือครับ ห้องน้ำนี้จะใช้ร่วมกับห้องนอนเล็กครับ สังเกตพื้นนะครับ จะเป็นกระเบื้องขนาด 12″ x 12″ ครับ
อ่างล้างมือของ Charmer ครับ
หัวก็อกของ Englefield แบรนด์ล่างของเครือ Kohler ครับ
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler ครับ พร้อมสายฉีดชำระ
ผนังห้องน้ำตกแต่งด้วยโมเสกและกระเบื้องขนาด 30×60 cm2 ครับ กระจกห้องน้ำก็จะเป็นแบบ Tempered Glass ครับ
ฝักบัวแบบ Handshower ครับ
ห้องน้ำก็จะได้อย่างที่เห็นนี่แหละครับรวมทั้งกระจกบานนั้นด้วย
มาดูห้องครัวกันบ้างครับ ผนังห้องครัวมีการกั้นด้วยกระจกแบบนี้มาให้เลย จัดว่าเป็นดีไซน์ที่ดี เพราะจะป้องกันไม่ให้กลิ่นอาหารในครัวลอยออกไปเตะจมูกคนข้างนอกได้ และถ้ามีควันนิดหน่อยจากการทำอาหาร ก็สามารถปล่อยออกไปที่ช่องระบายอากาศผ่านเครื่องดูดควันได้
ตัวล็อคบานเลื่อนกั้นห้องครัวแบบมาตรฐานครับ
หน้าตาของห้องครัวครับ มีการตกแต่ง Built-in มาให้เลย โดยปกติแล้วเครื่องใช้ไฟฟ้าสามชิ้นคือ ตู้เย็น ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าจะไม่ได้มีให้นะครับ แต่ถ้าไปจองวัน Presale ก็จะแถมให้ ไม่รู้ว่าทาง SC Asset จะมีการออกโปรโมชั่นนี้ให้ลูกค้าต่อหรือเปล่า ถ้าพ้นสองวันแรกไปแล้ว
ท้อปเป็นหินเทียมสีขาวเรียบ มีเตาไฟฟ้าชนิด Ceramic ของ Mex จาก Smeg มาให้เรียบร้อย
ที่ดูดควันของ Mex เช่นกัน
ก็อกน้ำของ Mex
ไมโครเวฟไม่มีให้นะครับ
ชั้นวางของด้านบนก็จะได้แบบที่เห็นเลยครับ แต่ไม่มี Wallpaper นะครับ
ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่นครับ อันนี้มองมาจากห้องนอนใหญ่
มองห้องนั่งเล่นจากทางด้านห้องนอนเล็กบ้าง โซฟาที่เห็นนั่นก็ได้แบบนั้นนะครับ แต่ผนังด้านหลังเป็นผนังปูนฉาบเรียบทาสีขาวครับ Wallpaper จะไม่มีเลยว่าง่ายๆ
โต๊ะกินข้าวพร้อมเก้าอี้ 4 ที่นั่งให้มาพร้อมครับ ไม่มีกรอบรูปนะ 😛
เพดานจะไม่ดรอปฝ้าให้นะครับ และ Downlight ที่ได้จะเป็นแบบกลมครับ ไม่ใช่สี่เหลี่ยมที่เห็น และก็จะไม่มีการตกแต่งด้วยหลอด Halogen เล็กๆแบบนั้นนะครับ
ชั้นวางทีวีได้อย่างที่เห็นครับ พร้อมชั้นวางของเหนือทีวีด้วย
บานเลื่อนเปิดออกไปนอกระเบียงครับ
ตัวล็อคแบบมาตรฐาน วงกบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
ด้านขวาของระเบียงคือช่องเก็บ Compressor แอร์ครับ มีการกั้นระแนงเอาไว้อย่างเป็นสัดเป็นส่วน
ก่อนที่จะไปดูห้องนอนใหญ่ เรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อนละกันครับ เตียงเป็นแบบ Queen Size 5 ฟุต Built-in มาให้ แต่ไม่มีที่นอนครับ
หน้าต่างห้องนอนเล็กครับ
ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และชั้นวางของข้างเตียง ให้มาครบครับ
ปลั๊กไฟ ข้างเตียงครับ
ทางเข้าห้องน้ำจากด้านห้องนอนเล็กครับ
ธรณีกั้นระหว่างห้องน้ำกับห้องอื่นๆก็จะเป็นหินแบบที่เห็นนะครับ
ข้ามไปดูห้องนอนใหญ่กันครับ
หน้าต่างห้องนอนใหญ่ ชั้นวางทีวีที่เห็นด้านซ้าย ได้แบบนั้นเลยนะครับ ส่วนโซฟาตกแต่งทางด้านขวานั่นไม่ให้นะครับ
เตียงห้องนี้จะเป็นขนาด King Size 6 ฟุตครับ แต่จะไม่ใช่แบบนี้ มี Built-in มาให้คล้ายๆห้องนอนเล็ก แต่จะไม่มีที่นอนมาให้เช่นกัน
ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งให้มาด้วยครับ
ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ครับ ให้มาครบเหมือนกัน ใช้วัสดุเดียวกันกับ ห้องน้ำแขกเมื่อกี๊
โถสุขภัณฑ์และ Shower ครับ
มีอ่างอาบน้ำให้มาด้วยครับ เป็นยี่ห้อ Cotto ครับ
ต่อไปเราไปดูห้อง 1 Bedroom กันบ้างครับ ลืมบอกไปนะครับ ว่าประตูห้องจะเป็นประตูสีขาวธรรมดา และใช้กุญแจไข ไม่ได้ใช้ระบบ Digital Doorlock หรือคีย์การ์ดเหมือนแบรนด์ The Crest ครับ
แปลน ห้อง G1 ที่เป็น 1 Bedroom ครับ แนวกระจกที่ขอบตึกจะเอียงๆหน่อย ทำให้จัดวางเฟอร์ได้ลำบากนิดนึง แปลนห้องนี้เป็นแบบมีห้องน้ำอยู่ในห้องนอน
ครัวของห้องนี้ออกแบบมาได้ดี คือมีจุดที่เชื่อมกับระเบียง กั้นเป็นสัดส่วนกับห้องนั่งเล่น เวลากลิ่นอาหารออกมาก็สามาถระบายผ่านระเบียงออกนอกอาคารไปได้เลย แทบไม่ต้องใช้เครื่องดูดควัน (ใช้หน่อยก็ดี)
เปิดห้องเข้าไปเป็นแบบนี้ครับ เจอห้องนั่งเล่นก่อนเลย
ชั้นวางทีวีและตู้ด้านซ้าย ถ้าไม่นับอุปกรณ์ตกแต่งแล้ว ก็จะได้อย่างที่เห็นครับ
อันนี้เป็นรายละเอียดเล็กๆน้อยนะครับ บนชั้นมีที่เก็บสายไฟให้ด้วย
โซฟาที่ได้ก็จะเหมือนกับของห้อง 2 Bedrooms ครับ มีดีไซน์แปลกๆดี ด้านซ้ายวางหนังสือไว้ให้เป็นตัวอย่าง เห็นว่าถ้าวางเล่มใหญ่ขอบหนังสือจะเลยออกมานิดหน่อย เหมาะกับ pocket book มากกว่า
บานเลื่อนไปสู่ห้องครัวและโต๊ะกินข้าวครับ กรอบวงกบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกใส หนา 6 มม. มองทะลุไปห้องครัวได้
ครัวก็จะได้แบบนี้เลยครับ Built-in มาให้แล้ว ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้านะครับ
โต๊ะกินข้าวแบบสองที่นั่งได้มาแบบนี้เลยครับ รวมเก้าอี้ด้วย แต่ไม่รวมโคมไฟนะครับ
ประตูเปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอกครับ
ระเบียงด้านนอกวางเครื่องซักผ้าเอาไว้ครับ ส่วน Compressor Air จะแขวนไว้เหนือหัว พอดีไม่มีรูปให้ดู ต้องขออภัยด้วยครับ ^^”
ถัดมาเป็นห้องนอนครับ เหมือนเดิมครับ เตียงนอนมีให้ แต่ไม่มีที่นอน
ชั้นวางของข้างเตียงมีให้นะครับ
ฝ้าไม่ดรอปนะครับ
ผนังอีกด้านหนึ่งของห้องนอนครับ ที่ได้จะเป็นผนังปูนฉาบเรียบ สีขาว นะครับ
หน้าต่างห้องนอนบานใหญ่
ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่มีมาให้
ด้านในตู้เสื้อผ้าเป็นแบบนี้ครับ
ทางไปห้องน้ำครับ ห้องน้ำนี่จะไม่ได้เข้าออกสองทางเหมือนห้อง 2 Bedrooms นะครับ เป็นห้องน้ำที่เปิดเข้าจากห้องนอนใหญ่ได้ทางเดียว
วัสดุห้องน้ำเป็นเหมือนกับห้อง 2 Bedrooms ครับ อาจจะต่างที่สีสันนิดหน่อย
ฝักบัวแบบ Handshower กับผนังโมเสกที่ตกแต่งมาให้
โถสุขภัณฑ์ Kohler และอ่างล้างมือ Charmer
Price vs Performance
- 1 Bedroom ชั้น 20 ห้อง 02 เนื้อที่ 38.73 ตารางเมตร ในราคา 4.16 ล้านบาท หรือ 107,410 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedrooms ชั้น 18 ห้อง 07 เนื้อที่ 71.37 ตารางเมตร ในราคา 7.87 ล้านบาท หรือ 110,270 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedrooms ชั้น 20 ห้อง 06 เนื้อที่ 71.54 ตารางเมตร ในราคา 8.03 ล้านบาท หรือ 112,245 บาทต่อตารางเมตร
- Duplex 3 Bedrooms ชั้น 24 ห้อง 04 เนื้อที่ 135.13 ตารางเมตร ในราคา 15.8 ล้านบาท หรือ 116,924 บาทต่อตารางเมตร
- Fully Furnished
- จอง 30,000 บาท ทำสัญญา 70,000 บาท สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom
- จอง 50,000 บาท ทำสัญญา 150,000 บาท สำหรับห้องแบบ 2 Bedrooms
- จอง 100,000 บาท ทำสัญญา 300,000 บาท สำหรับห้องแบบ Duplex
- ค่ากองทุน 550 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 65 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
ถ้าพูดถึง Centric สาทร-เซนต์หลุยส์แล้ว อย่างแรกที่นึกถึงเลยก็คือโรงเรียนอัสสัมชัญแผนกประถมที่ตั้งอยู่กลางซอย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความเจริญ (และความลำบาก) มาให้กับซอยเซนต์หลุยส์ 3 แห่งนี้ คนที่มีลูกหลานอยู่ที่โรงเรียนนี้ คงจะให้ความสนใจกับโครงการนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะอยู่ห่างจากโรงเรียนเพียงแค่ 200 เมตรเท่านั้น ตื่นเช้ามาเดินไปส่งลูกที่โรงเรียน 5 นาทีก็ถึงแล้ว ขากลับจะให้เดินกลับบ้านเองก็ยังได้ นี่ยังไม่นับว่า ตอนกลางวัน อาจจะหิ้วปิ่นโตไปป้อนข้าวลูกใต้ตึกเรียนยังได้เลยนะเนี่ย
แต่สภาพการจราจรในซอยนี้น่ะสิ ที่หลายครั้งหลายหนอาจจะสร้างความปวดหัวให้กับคนที่อาศัยอยู่ในซอยได้ เนื่องจากในช่วงเวลาที่เช้า-เย็น ที่โรงเรียนเข้า-เลิก การจราจรจะกลายเป็นวันเวย์ ช่วงเช้า กว่าจะพ้นเวลาดังกล่าวส่วนใหญ่ก็จะพ้น 8.30น. ไปแล้ว รถทางด้านถนนสาทรจะติดมาก ถ้าจะเดินทางออกไปด้านนั้นก็คงจะไปสาย แล้วถ้าหากคิดจะลัดออกไปทางถนนนราธิวาสฯก็อย่าคิดว่าออกไปแล้วรถจะโล่ง ยังไงก็ยังติดมาจากแยกสาทร-นราธิวาสอยู่เหมือนเดิม ดีไม่ดีตอนวิ่งออกไป เจอรถผู้ปกครองที่รู้ดีวิ่งสวนเข้ามา จะมาส่งลูกที่โรงเรียนได้อีกเหมือนกัน ซอยก็แคบ ก็ต้องหักหลบกันอุตลุด การจะไปถนนสาทรได้ช่วงนั้นก็ต้องไปออกทางซอยเซนต์หลุยส์ 2 เท่านั้น
จะบอกว่าการจราจรก่อนที่จะมีคอนโดมิเนียม Centric สาทร เซนต์หลุยส์ นั้นก็คับคั่งเอาเรื่องอยู่แล้ว พอมีอีกตึกใส่เข้าไปอีกประมาณ 300 กว่าครอบครัว ก็อาจจะทำให้การจราจรในซอยสาทร 11 ติดขึ้นไปอีกระลอกหนึ่ง
หากมองในแง่ดีซอยนี้สามารถทะลุไปยังถนนจันทน์เพื่อไปขึ้นทางด่วนที่สามารถไปออกทั้งบางนาและดินแดง/แจ้งวัฒนะได้ ต่างกับทางด่วนสาทรที่ไปบางนาได้เท่านั้น หากจะไปดินแดงต้องวิ่งไปขึ้นทางด่วนสุรศักดิ์ หรือวิ่งถนนเจริญราษฎร์ย้อนกลับมาถนนจันทน์อยู่ดี ดังนั้นความสะดวกเล็กๆน้อยๆนี้ก็คงจะมีได้สำหรับคนที่ต้องการใช้เส้นทางด่วนนะครับ
สำหรับ BTS นั้น ระยะทาง 700 เมตรก็เรียกว่าเดินแล้วเหงื่อหยดเลยทีเดียว ถ้าจะไป BTS ในตอนเช้าอย่างไม่เหนื่อยก็คงจะต้องพึ่งพาวินมอเตอร์ไซค์เป็นหลัก คิวปัจจุบันอยู่ปากซอยห่างจากคอนโดมิเนียมไป 200 เมตร แต่พอตึกเสร็จผมก็คาดว่าจะมีมอเตอร์ไซค์กลุ่มหนึ่งมาหากินรับผู้โดยสารหน้าคอนโดอย่างแน่นอน สำหรับคนที่เดินอึดๆ ต้องการประหยัด หรือไม่รีบ จะเดินไป BTS สุรศักดิ์ก็บอกว่ายังพอทำได้อยู่นะครับ
สำหรับวิวของตึกนี้และทิศทางแดดต้องบอกว่าเจอกับทิศตะวันตกตะวันออกเกือบเต็มๆ คือเฉียงไปเหนือใต้นิดเดียว ทิศตะวันออกร้อนน้อยกว่า แต่วิวจะถูกบังมากกว่า เพราะจะเห็นตึกเอมไพร์ทั้งออฟฟิศและคอนโดบังอยู่ แต่ถ้าเป็นฝั่งตะวันตกชั้นสูงๆก็อาจจะมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา
วัสดุอุปกรณ์ของ Centric สาทร-เซนต์หลุยส์ หากจะเทียบกับคอนโดมิเนียมในหลักแสนบาทต่อตารางเมตร ก็อาจจะต้องบอกว่าทำได้ไม่ได้ดีไปกว่าตึกอื่น เพราะดูจากพื้นลามิเนต 8 มม., ท๊อปครัวหินสังเคราะห์, กรอบวงกบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ และสุขภัณฑ์ Kohler/Charmer/Englefield, ห้องน้ำมีกระจก Tempered Glass แล้วก็น่าจะอยู่ระดับกลางๆ ซึ่งจะได้เปรียบตึกคู่แข่งอย่าง The Rhythm สาทร นราธิวาสฯ ตรงที่มีเฟอร์นิเจอร์ให้นะครับ
การออกแบบพื้นที่ของตึกนี้จัดเต็มอย่างเดียวเลย คือวางพื้นที่ขายแทบจะเต็มพื้นที่ ดันชั้น Facility ขึ้นไปอยู่ด้านบนทั้งหมด ดังนั้นจะไม่มีห้องที่มองเห็น Lap Pool ของชั้น Podium เหมือนตึกอื่นที่มีลักษณะเป็น Podium บริเวณหลังคาของที่จอดรถ ก่อนที่จะมี Tower ตั้งขึ้นไปด้านบน ซึ่งจุดเด่นของตึกนี้ก็คือการออกแบบ Facility ชั้นข้างบนนั่นเอง ที่ทำออกมาได้สวยมาก โดยเฉพาะฟิตเนสที่ทำยื่นลงไปในสระว่ายน้ำ
สุดท้ายคือเรื่องค่าส่วนกลางที่เก็บค่อนข้างแพง 65 บาทต่อตารางเมตร เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมระดับ HIGH CLASS โครงการอื่น ที่เก็บอยู่แถวๆ 35-50 บาทต่อตารางเมตร ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางของห้อง 35 ตารางเมตร ตก 27,300 บาทต่อปี ซึ่งคิดเป็น 0.7 – 0.8% ของราคาห้องนะครับ
Judgement
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 100,000 บาทต่อตารางเมตร, Q3/2012
- ทำเล 8.5/10 – ทำเลดี ใจกลางสาทร ใกล้ รร. อัสสัมชัญ
- เดินทางด้วยรถ 7/10 – ถนนวันเวย์เช้าเย็น รถติดรถรับส่งเด็กนักเรียน
- ไม่ใช้รถ 7/10 – 700 เมตรยังไงก็เป็น 700 เมตร เดินไกลครับ
- วัสดุ 7.75/10 – คุณภาพวัสดุใช้ของปานกลาง ดีที่ให้แบบ Fully Furnished
- แบบ 8.5/10 – แบบตึกทำออกมาดูดีประมาณหนึ่ง แบบห้องทำออกมาได้ดีกว่า
- สาธารณูปโภค 8/10 – ดีไซน์สวย ทุกอย่างอยู่บนชั้นดาดฟ้า พื้นที่สวนชั้นล่างน้อยไปหน่อย
- HIGH CLASS
- 7.94 / 10.00
BOTTOM LINE
Centric สาทร-เซนต์หลุยส์ เหมือนว่าจะสร้างมาให้ผู้ปกครองนักเรียนอัสสัมชัญ และผู้ที่ทำงานอยู่แถวตึก Empire หรือสี่แยกสาทร-นราธิวาสอย่างเฉพาะเจาะจงละครับ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ