รีวิวโครงการ
รีวิวตึกเสร็จ blue สุขุมวิท 105 คอนโด Low Rise ใจกลางซอยลาซาล ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย จาก Grand Unity [รีวิวฉบับที่ 2518]
14 มีนาคม 2023
…มีใครกำลังมองหาคอนโดใจกลางซอยลาซาลอยู่มั้ยครับ วันนี้ผมจะพาไปรีวิว blue สุขุมวิท 105 จาก Grand Unity ซึ่งเราไม่ได้เห็นโครงการใหม่ๆ มาเปิดตัวในย่านลาซาล-แบริ่งนี้กันมา 2 – 3 ปีแล้วนะครับ แน่นอนว่าทำเลนี้ยังมีความน่าสนใจและน่าอยู่อาศัยไม่เปลี่ยน เพราะนอกจากจะมีความอุดมสมบูรณ์ที่ครบครันแล้ว ยังสามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกอีกด้วย โดยจุดเด่นหรือ Highlights ของโครงการจะมีดังนี้
- ทำเลใจกลางซอยลาซาล อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนลาซาล มีความอุดมสมบูรณ์ ใกล้ห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอล์ หาของกินได้ไม่ยาก
- เดินทางเข้าเมืองได้ง่าย มีทางลัดเข้า-ออกถนนใหญ่ได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ และถนนบางนา-ตราด รวมถึงยังมีรถไฟฟ้าให้ใช้ 2 สายทั้ง BTS แบริ่ง และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานี ศรีลาซาล พร้อม Shuttle Service คอยให้บริการ
- โครงการมีส่วนกลางที่ยาวต่อเนื่องกัน ทำให้มีขนาดใหญ่ แต่ก็จัดแบ่งฟังก์ชันและแยกโซนได้ดี รวมถึงยังมีห้องที่เป็นส่วนตัวให้เลือกหลายตำแหน่ง เพราะมีผนังติดเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียวครับ
- ตัวโปรดักส์เน้นการจัดฟังก์ชันที่โปร่งโล่ง โดยการกั้นห้องนอนด้วยผนังกระจกขนาดใหญ่ รวมถึงยังได้ครัวปิดทุกแบบ ขาย Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่
ข้อมูลโครงการ
blue Sukhumvit 105 (บลู สุขุมวิท 105) ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2565
ชื่อโครงการ | blue Sukhumvit 105 (บลู สุขุมวิท 105) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จํากัด |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซ.สุขุมวิท 105 เขต บางนา |
ที่ดิน | 3-1-18 ไร่ |
ประเภทคอนโด | Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 387 ยูนิต (แบ่งเป็น อาคาร A = 202 ยูนิต, อาคาร B = 185 ยูนิต) |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 29 ยูนิต ที่อาคาร A |
ที่จอดรถ | 135 คัน (จอดซ้อนคันประมาณ 23 คัน) หรือคิดเป็น 41% แบบรวมจอดซ้อนคัน |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2566 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.5 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 1.59 ล้านบาท (Promotion) |
ราคาเฉลี่ยเริ่มต้น | ประมาณ 74,000 บาท/ตร.ม. |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | https://grandunity.co.th/th/blue-sukhumvit-105 |
Call Center | 02-652-4000 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- ใจกลางซอยลาซาล ตรงข้ามโรงเรียนลาซาล ถนนเส้นใหญ่สัญจรง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
- มีทางลัดเชื่อมต่อกับถนนใหญ่ได้ 3 สายทั้งสุขุมวิท ศรีนครินทร์ และบางนา-ตราด
- การเดินทางเข้าเมืองทำได้ง่าย ใกล้ทางด่วนและมีรถไฟฟ้าให้ใช้งาน 2 สาย
พิกัด Google Maps : 13.659217, 100.631652
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ตัวโครงการตั้งอยู่ใจกลางซอยลาซาล บริเวณตรงข้ามกับโรงเรียนลาซาลพอดี ซึ่งถือว่าเป็นโซนที่อุดมสมบูรณ์มากๆของซอยเลยก็ว่าได้ครับ เพราะมีทั้งโรงเรียนนานาชาติ ร้านสะดวกซื้อ ตลาด และคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง Lasalle’s Avenue และดาดฟ้า อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับห้าง Central บางนา ทำให้เรื่องอาหารการกินนี่ไม่ต้องห่วงเลยครับ รวมถึงทำเลย่านนี้ก็ยังมีอาคารสำนักงานต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Central City Tower , ภิรัชทาวเวอร์ และไบเทค บางนา เป็นต้น
สำหรับถนนซอยลาซาล (หรือสุขุมวิท 105) บริเวณกลางซอยไปจนถึงท้ายซอยฝั่งศรีนครินทร์ จะเป็นถนนเส้นใหญ่ที่สัญจรได้ง่ายกว่าฝั่งสุขุมวิท อีกทั้งยังมีทางลัดไปเชื่อมต่อกับถนนสำคัญๆถึง 3 สาย (สุขุมวิท, ศรีนครินทร์, บางนา-ตราด) และยังมีรถไฟฟ้า 2 สาย ที่ใช้เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกมากๆอีกด้วย นั่นจึงทำให้ที่ตั้งของโครงการนี้ เป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าสนใจของย่านมากๆทีเดียว
โดยซอยลาซาลจะมีทางลัดที่สามารถเชื่อมต่อถนนใหญ่ และเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ดังนี้
- ถนนสุขุมวิท : เป็นเส้นทางหลักที่สามารถมาขึ้นรถไฟฟ้า BTS ได้ด้วยครับ ระยะทางประมาณ 3.7 km. (โดยทางโครงการจะมี Shuttle Service ไป-กลับ BTS แบริ่ง ให้บริการด้วยนะ)
- ถนนศรีนครินทร์ : เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุด สามารถเข้าเมืองไปทางบางกะปิ และยังมาขึ้นรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ได้ในระยะทางประมาณ 1.2 km. ซึ่งปลายปี 65 นี้ก็คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ใช้งานบางส่วนแล้วด้วยครับ
- ถนนบางนา-ตราด : ใช้ทางลัดผ่านซอยลาซาล 55 และซอยบางนา-ตราด 30 ซึ่งความพิเศษของซอยนี้คือ เราสามารถขึ้นสะพานกลับรถไปยังห้าง Central บางนา หรือจะไปขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี แล้วมุ่งหน้าออกไปทางชลบุรีได้นั่นเองครับ
- ถนนบางนา-ตราด : ซอยลาซาล 23 เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่มักนิยมใช้มาออกถนนบางนา-ตราด โดยจะเหมาะกับคนที่ต้องการเดินทางไปใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร บริเวณสี่แยกบางนา หรือจะมาไบเทคและอาคารภิรัชทาวเวอร์ก็ได้
ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :
เส้นทางจากโครงการไปทางด่วนบูรพาวิถี ระยะทางประมาณ 3.5 km.
สำนักงานขาย :
ปัจจุบันที่ตั้งของสำนักงานขายจะอยู่ตรงใกล้ๆกับแยกถนนลาซาล-แบริ่ง ซึ่งจะเป็นคนละตำแหน่งกับที่ตั้งโครงการนะครับ โดยจะอยู่ห่างกันประมาณ 650 m. สามารถแวะไปดูทำเลของจริงกันได้นะ
สำนักงานขายจะตั้งอยู่ติดกับถนนลาซาล เป็นสไตล์โมเดิร์นสวยๆแบบนี้ ภายในมีทั้งโมเดลและห้องตัวอย่างให้ชม โดยสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์ได้เลยครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทรอบๆแปลงที่ดินจะมีลักษณะเป็นตอนลึกเข้าไปด้านใน ดังนั้นวิวที่ได้รับส่วนใหญ่จึงจะเป็นด้านข้างที่เป็นชุมชนแนวราบและซอยลาซาล 57 ค่อนข้างเงียบสงบไม่วุ่นวาย แต่ก็ยังอยู่ติดกับถนนหลักด้านหน้า ให้สามารถเดินไปจับจ่ายใช้สอย หรือไปใช้บริการรถสาธารณะได้ไม่ยากอีกด้วยครับ สามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ว่างและบ้าน 2 ชั้น
- ทิศใต้ : ติดกับ ถนนลาซาล และฝั่งตรงข้ามเป็นโรงเรียนลาซาล
- ทิศตะวันออก : ติดกับ ที่ว่างและชุมชนแนวราบ
- ทิศตะวันตก : ติดกับ ซอยลาซาล 57 เป็นซอยตัน ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ว่างและคอนโดสูง 8 ชั้น
บริเวณด้านหน้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนลาซาล รวมถึงจะมีสะพานลอยตั้งอยู่ด้วยครับ
โดยเราสามารถใช้สะพานลอยนี้ เพื่อข้ามฝั่งไปลงตรงหน้าโรงเรียนลาซาลได้ เหมาะกับคนที่อาจเป็นครูอาจารย์ หรือน้องๆที่เรียนอยู่ที่นี่ ก็จะใช้งานเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากๆ
ด้านขวาของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปถนนศรีนครินทร์ได้ รวมไปถึงยังมีจุดกลับรถอยู่ใกล้ๆ ให้เราได้ใช้งานสะดวกๆครับ
แน่นอนว่าทำเลรอบๆโรงเรียนแบบนี้ ย่อมมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ รถเข็นริมทาง ตลาดถนอมทรัพย์ Lotus Express และตลาดนัดลาซาล 48 ซึ่งล้วนแต่อยู่ในระยะที่เดินถึงได้สบายๆ
ส่วนด้านซ้ายของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปถนนสุขุมวิทครับ โดยด้านขวาของภาพก็จะเห็นว่าตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดกับซอยลาซาล 57 พอดีเลย
ซึ่งซอยลาซาล 57 จะมีความกว้าง 6 m. สามารถขับรถ 2 เลนสวนทางกันได้พอดีๆ และเป็นซอยตันที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียวครับ ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ว่างรอการพัฒนา ส่วนด้านหน้าปากซอยจะเป็นคลินิคชุมชนเล็กๆตั้งอยู่
เดินมาอีกนิดเราจะเจอกับวินมอเตอร์ไซค์ที่ตั้งอยู่หน้า iCondo สามารถใช้บริการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆที่อยู่ใกล้ๆได้สะดวกครับ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- ตลาดถนอมทรัพย์ ~ 110 m. (ระยะเดิน)
- ตลาดนัดลาซาล 48 ~ 240 m. (ระยะเดิน)
- Lasalle’s Avenue ~ 1.3 km.
- Makro ~ 2 km.
- Big C ~ 2.1 km.
- Dadfa ~ 2.2 km.
- Central บางนา ~ 3.4 km.
- ตลาดต้นไทร ~ 3.8 km.
- JAS URBAN ~ 3.8 km.
- Seacon Square ~ 5.5 km.
- Paradise Park ~ 5.6 km.
- Mega Bangna ~ 8.9 km.
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลศิครินทร์ ~ 1.7 km.
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 3.8 km.
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์ ~ 4.1 km.
โรงเรียน
- โรงเรียนลาซาลกรุงเทพ ~ 100 m. (ระยะเดิน)
- โรงเรียนบางกอกพัฒนา ~ 1.3 km.
- Thai-Singapore International School ~ 2.6 km.
- St. Andrews International School ~ 4.2 km.
- St Joseph Bang Na School ~ 5 km.
- วิทยาลัยดุสิตธานี ~ 5.9 km.
- Berkeley International School ~ 7 km.
- วิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ ~ 7 km.
สถานที่ทำงานและอื่นๆ
- Central City Tower ~ 3.3 km.
- CenterPoint Entertainment ~ 3.6 km.
- ไบเทค บางนา ~ 4.4 km.
- อาคารภิรัชทาวเวอร์ ~ 4.4 km.
- Interlink Tower Bangna ~ 5.6 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlights :
- ส่วนกลางยาวตั้งแต่ด้านหน้าโครงการไปจนถึงด้านหลัง ทำให้มีขนาดใหญ่และใช้งานต่อเนื่องกันได้ดี แถมยังได้พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ดีทีเดียวครับ
- แบ่งโซนการใช้งาน Facilities ชัดเจน โดยอาคาร A จะเน้นทำงานและรับแขก ส่วนอาคาร B จะเป็นแนว Active เน้นออกกำลังกาย รวมถึงมีประตูกั้นจากส่วนพักอาศัย เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยด้วย
- แยกทางเข้า-ออกคนละจุด ทำให้การสัญจรของรถยนต์ทำได้ง่าย ไม่ต้องวนรถหรือสวนทางกันด้านในให้ลำบาก
- มีตำแหน่งห้องที่ผนังติดเพื่อนบ้านด้านเดียวให้เลือกเยอะ ซึ่งเป็นห้องที่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว
โครงการ bule สุขุมวิท 105 เป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 387 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 3-1-18 ไร่ โดยปัจจุบันทาง Grand Unity ก็ได้ทำคอนโดแบรนด์ใหม่นี้ออกมา 3 ทำเลด้วยกันคือ blue พหลโยธิน 35 / blue สุขุมวิท 89 และล่าสุดกับ blue สุขุมวิท 105
ซึ่งคำว่า “bule” ก็หมายถึง “สีฟ้า” และทำให้นึกถึงสายน้ำใช่มั้ยครับ ดังนั้นการดีไซน์ของ Facade ภายนอกอาคาร จะมีลักษณะเป็นเหมือนคลื่นน้ำ ที่มีส่วนโค้งเว้ายื่นออกมา เป็นลูกเล่นที่ค่อนข้างแตกต่างจากเพื่อนบ้านในย่านเดียวกัน แถมยังมีผลต่อพื้นที่การใช้งานในห้องพักอาศัยอีกด้วย (เดี๋ยวเราจะได้เห็นชัดเจนมากขึ้นในพาร์ทห้องตัวอย่าง)
Master Plan ของโครงการ จะมีทางเข้า-ออกจากซอยลาซาล 57 ที่อยู่ด้านข้างครับ และแบ่งทางเข้า-ออกจากกันชัดเจน โดยที่จอดรถจะอยู่ใต้อาคารทั้งหมด 135 คัน (จอดซ้อนคันประมาณ 23 คัน) หรือคิดเป็น 41% แบบรวมจอดซ้อนคัน ถือว่ามีมาให้เยอะพอสมควร
ที่น่าสนใจก็คือ พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดจะอยู่ทางด้านข้างของอาคาร โดยจะเน้นเป็นพื้นที่สีเขียว และมีความยาวต่อเนื่องกันตลอดทั้งผืนที่ดิน จึงทำให้ดูแล้วมีขนาดค่อนข้างใหญ่ดี ซึ่งการไปใช้งานฟังก์ชันหนึ่งๆ ก็จะต้องมีระยะห่างจากกันอยู่สักหน่อยนะครับ
หรือหากใครที่ชอบใช้ Facilities ไหนเป็นประจำ ก็อาจเลือกพักอาศัยที่อาคารนั้นๆได้เลย จะได้สามารถมาใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เช่น อาคาร A จะเป็นแนวนั่งทำงานพักผ่อน และยังใช้เป็นส่วนต้อนรับแขกได้อีกด้วย ส่วนอาคาร B จะเป็นแนว Active เน้นกิจกรรมออกกำลังกายเป็นหลักนั่นเองครับ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 แต่ละอาคารก็จะมี Facilities ที่ใช้งานต่อเนื่องมาถึงด้านบนได้ โดยจะแยกออกจากโซนห้องพักอาศัยชัดเจนด้วยประตู Key Card Access เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ซึ่งถ้าใครที่ชอบใช้งานส่วนกลางเหล่านี้บ่อยๆ ก็อาจเลือกอยู่อาศัยที่ชั้นนี้ได้นะครับ จะได้สามารถเดินมาใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
ชั้น 4 จะเป็นอีกหนึ่งชั้นที่ยังคงมีส่วนกลางให้ใช้งาน แต่ก็จะเป็น Pocket Garden เล็กๆ ให้เราได้ขึ้นมานั่งพักผ่อน หรือชมวิวแบบสงบๆได้ครับ เพราะจะไม่ค่อยวุ่นวายเหมือนส่วนกลางชั้นอื่นๆมากนัก
เรามาดูโมเดลกันบ้าง เพื่อที่จะได้เห็นภาพและเข้าใจมากขึ้นครับ โดยด้านหน้าสุดจะออกแบบให้เป็น Facilities แบบ Indoor ทั้งหมด เพื่อที่จะได้ทำหน้าที่เป็นเหมือน Buffer ระหว่างอาคารพักอาศัย กับถนนลาซาลที่ค่อนข้างจะมีความคึกคักสูง และทำให้ภายในโครงการมีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเองครับ
แต่หากเป็นลูกบ้านเราก็สามารถเดินเข้าโครงการได้ โดยผ่านทางประตูเล็กๆด้านซ้ายมือ ซึ่งจะเปิดได้ด้วย Key Card Access เพื่อความปลอดภัย รวมถึงเรายังจะได้เดินผ่าน Facilities ต่างๆที่อยู่ด้านในเกือบทั้งหมดอีกด้วย ส่วนอาคารด้านหน้านี้ส่วนใหญ่จะเป็นฟังก์ชันที่เอาไว้รับรองแขกจากภายนอกได้ ประกอบด้วย Co-Living Space, Co-Working Space, Meeting Room, Juristic และสวนพักผ่อนด้านบน
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Living Space ซึ่งจะมีโซฟานั่งเล่นกระจายตัวอยู่หลายจุด สามารถมานั่งเล่นพักผ่อน หรือเอาไว้ใช้รับรองแขกภายนอกได้ด้วยครับ
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-Working Space จะมีทั้งโซนที่เป็นโต๊ะนั่งทำงานแบบเดี่ยวๆ และโต๊ะนั่งทำงานเป็นกลุ่มแบบนี้ให้ใช้งาน รวมถึงยังสามารถใช้ประชุมงานก็ได้อีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นฟังก์ชันที่สำคัญสำหรับช่วง WFH แบบนี้มากๆครับ
ถัดเข้ามาเราจะเจอกับทางเข้ารถยนต์ของโครงการ โดยจะมีไม้กั้นกระดกระบบ RFID ที่เปิดด้วยสัญญาณ Bluetooth เหมือนบนทางด่วนเพื่อความสะดวก รวมถึงพื้นที่ทางด้านข้างของอาคารฝั่งนี้ ก็จะเป็นพื้นที่สีเขียวและ Facilities ต่างๆ ที่สามารถใช้งานต่อเนื่องกันได้ครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณทางเข้าอาคาร ซึ่งพื้นที่ด้านในส่วนใหญ่จะเป็นสวนและต้นไม้ จึงดูแล้วร่มรื่นเย็นสบายดีทีเดียวครับ
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Lobby อาคาร A จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume พร้อมกับช่องแสงขนาดใหญ่ทางด้านข้าง บรรยากาศจึงโปร่งโล่งดีมากๆครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Multi Garden เป็นพื้นที่สวนร่มรื่นที่มีทางเดิน และพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน ให้เราได้มาเดินสูดอากาศกันได้ทั้งวันครับ
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Badminton Court เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ค่อยมีในโครงการอื่นๆ สามารถชวนเพื่อนๆมาออกกำลังกายกลางแจ้งร่วมกันได้เป็นส่วนตัว ไม่ต้องเสียเวลาออกไปเล่นด้านนอกเลยครับ
ถัดมาเราจะเจอกับ Lobby อาคาร B ซึ่งเชื่อมต่อไปยังบันไดที่เดินขึ้นไปสระว่ายน้ำบนชั้น 2 ได้ครับ โดยการยกสระขึ้นมาไว้ที่ชั้นบนแบบนี้ ก็จะทำให้การใช้งานเป็นส่วนตัวมากขึ้นเยอะเลย
ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Calorie Steps เป็นบันไดที่เดินเชื่อมต่อขึ้นไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้น 2 มีการออกแบบโดยเล่นสีสันของบันไดให้มีความสดใสและน่าถ่ายรูปเล่นสวยๆ พร้อมเพิ่มตัวเลขนับแคลอรี่ให้ดูกันเล่นๆอีกด้วย
ภาพบรรยากาศจำลองมุมสูงบริเวณสระว่ายน้ำ ซึ่งนอกจากจะมีความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังช่วยทำให้ห้องพักอาศัยด้านบน สามารถชมวิวผืนน้ำของสระได้ดีมากขึ้นอีกด้วย
ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Fitness มีเครื่องออกกำลังกายครบครัน เพิ่มลูกเล่นด้วยพื้นต่างระดับ และสามารถออกกำลังไปพร้อมกับชมวิวภายนอกไปด้วยได้
สุดท้ายคือทางออกของรถยนต์ ซึ่งจะอยู่ที่ด้านในสุดของอาคาร B โดยการแยกทางเข้า-ออกคนละจุดแบบนี้ ก็จะมีข้อดีคือ ทำให้การสัญจรของรถทำได้ง่าย ไม่ต้องวนรถหรือสวนทางแคบๆกันไป-มา แต่ก็อาจต้องเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอีกจุดหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นไม้กั้นกระดก CCTV และ รปภ. เป็นต้น
เรามาดูชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor กันบ้างครับ โดยอาคาร B จะมีเพื่อนบ้านร่วมชั้นอยู่ที่ 27 ห้อง/ชั้น ซึ่งน้อยกว่าอาคาร A อยู่ที่ 29 ห้อง/ชั้น บวกกับตำแหน่งของอาคารที่อยู่ถัดเข้ามาในซอย ห่างจากถนนหลักพอสมควร เลยทำให้มีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่านิดหน่อยครับ
ในเรื่องการวางตำแหน่งห้องพัก ส่วนมากห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกจะเป็นห้องไซส์ใหญ่ ข้อดีคือเป็นด้านที่สามารถมองเห็นส่วนกลางสวยๆได้ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สีเขียวและสระว่ายน้ำ ซึ่งถ้าใครชอบวิวไหนก็ลองเลือกตามที่ถูกใจกันได้เลยครับ ส่วนห้องทางทิศตะวันออกที่รับวิวชุมชนภายนอก ส่วนใหญ่จะเป็นห้องไซส์เล็กที่ราคาจับต้องได้ง่ายกว่า และตำแหน่งห้องที่น่าสนใจอื่นๆจะมีดังนี้
- กรอบสีแดง : เป็นห้องพักเดียวที่ไม่มีผนังติดกับเพื่อนบ้านเลย ซึ่งดูเผินๆก็จะมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่ผมฝากพิจารณาในเรื่องตำแหน่งที่ใกล้โถงลิฟต์สักนิดนึง เพราะมีโอกาสที่เราจะได้ยินเสียงของลิฟต์หรือคนที่มาใช้งานขึ้น-ลงได้ง่ายด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถการเก็บเสียงของผนังและประตูห้องแล้วล่ะครับ
- กรอบสีส้ม : เป็นตำแหน่งห้องตรงสุดทางเดิน และมีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียว แน่นอนว่าเราจะได้ความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านหน้าสุดของโครงการ จึงได้รับผลกระทบของรถต่างๆที่ผ่านไป-มาบนถนนหลักด้วยนะครับ แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสเรื่องเสียงล่ะก็ เรายังจะได้วิวที่เปิดโล่งของถนนหลัก และโรงเรียนลาซาลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยนะ
- กรอบสีน้ำเงิน : เป็นตำแหน่งห้องที่มีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียว ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ติดกับบันไดหนีไป จึงค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวมากๆเลยทีเดียว
ภาพบรรยากาศจำลองมุมสูงของสระว่ายน้ำอาคาร B ที่เมื่อมองมาจากห้องพักอาศัยก็จะได้วิวประมาณนี้ครับ ดูแล้วร่มรื่นเย็นสบายตาดีทีเดียว แนะนำเป็นชั้นประมาณ 3 – 5 กำลังดี เพราะสามารถมองเห็นจากในห้องได้โดยไม่ต้องก้มลงมองมากนักนะครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
อาคาร A
ชั้น 1
- Lobby
- Co-Living Space
- Laundry
- Smart Locker
- EV Charger 1 ตำแหน่ง
- Multi Garden
- Badminton Court
ชั้น 4
- Multi Garden
- Game Room
อาคาร B
ชั้น 1
- Lobby
- Laundry
- Swimming Pool ขนาด 7.8 x 35 m.
- บันได Calorie Steps
- Fitness
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 96 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 101 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 92 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 135 คัน (จอดซ้อนคันประมาณ 23 คัน) หรือคิดเป็น 41% แบบรวมจอดซ้อนคัน
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card / RFID
แบบห้อง
Highlights :
- เป็นห้องหน้ากว้าง เน้นความโปร่งโล่งด้วยการกั้นผนังกระจกตรงกลางห้อง
- ได้ช่องหน้าต่างบานใหญ่ เพิ่มช่องแสงด้านข้างคล้าย Bay Window ช่วยเปิดมุมมองให้ดูกว้างมากขึ้น
- ด้วยดีไซน์การออกแบบ Facade ของอาคาร เลยทำให้ระเบียงของห้องพักมีพื้นที่ใช้สอยตรงส่วนโค้งเว้าเพิ่มขึ้น (ไม่ได้อยู่ในโฉนด แต่ใช้งานได้เหมือนเป็นพื้นที่ห้องตัวเอง)
- เฟอร์นิเจอร์ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ เป็นแบบ Multi-Function สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้
แบบห้องของโครงการนี้มีให้เลือก 2 Type หลักๆ ขายแบบ Fully Furnished ขาดแค่ฟูกที่นอน กับเครื่องใช้ไฟฟ้าก็สามารถเข้าอยู่ได้เลย ประกอบด้วย
- 1 Bedroom ขนาด 24 – 32.5 ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.5 – 35.5 ตร.ม.
ซึ่งตัวเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทางบริษัทผู้พัฒนาหรือ Grand Unity ได้เป็นคนออกแบบเองทั้งหมด เพื่อให้เหมาะสมกับฟังก์ชันและ Lifstyle ของผู้อยู่อาศัยมากที่สุด โดยได้ให้ทาง Chic Republic เป็นผู้ผลิตให้ครับ
1 Bedroom ขนาด 28 – 32.5 ตร.ม. จุดเด่นหลักๆของห้องนี้คือ Common Area ที่มีขนาดใหญ่และหน้ากว้างมากๆ โดยเราจะได้เฟอร์นิเจอร์โซฟาแบบ Multi-Function ที่สามารถจัดและปรับเปลี่ยนฟังก์ชันตามความต้องการได้หลากหลาย และมีการกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ เลยทำให้ได้บรรยากาศที่สว่างและโปร่งโล่งดีทีเดียว
อีกทั้งยังมีการออกแบบที่น่าสนใจในอีกหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างในห้องนอน ที่ได้เพิ่มช่องแสงด้านข้างเข้ามา ซึ่งช่วยเปิดมุมมองให้กว้างและโปร่งโล่งมากขึ้น รวมถึงยังมีการเว้าผนังเพื่อซ่อนตู้เสื้อผ้าเอาไว้ด้านใน เลยไม่ต้องวางเกะกะพื้นที่ใช้สอยในห้องนอน ทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้นเยอะเลยครับ สุดท้ายคือครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียง จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจังทานเอง เพราะสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้เต็มที่นั่นเอง
เมื่อเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับ Common Area พร้อมกับประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ จึงทำให้ภายในห้องดูสว่างและโปร่งโล่งมากๆครับ โดยพื้นห้องจะเป็นไม้ลามิเนตที่อาจต้องระวังเรื่องความชื้นกันสักหน่อย ส่วนความสูงฝ้าเพดานก็จะอยู่ที่ 2.5 m.
สำหรับห้องนี้เราจะได้เฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่างจากห้องอื่นๆ เพราะโซฟาตัวนี้สามารถใช้งานได้ 2 ฟังก์ชัน คือนอกจากจะไว้นั่งดูทีวีตามปกติแล้ว ด้านหลังโซฟายังสามารถกางออกมา เพื่อทำเป็นโต๊ะทานอาหารหรือโต๊ะอเนกประสงค์เพิ่มได้ด้วย
ซึ่งเราก็จะสามารถทานข้าว/นั่งพิมพ์งานไป พร้อมกับดูทีวีไปด้วยได้แบบนี้ โดยมีพื้นที่หลังโซฟากว้างประมาณ 85 cm. ให้ใช้งานได้แบบพอดีๆครับ
แต่หากเราต้องการห้องที่ดูกว้างขวางมากขึ้น หรืออาจไม่ได้ต้องการใช้งานฟังก์ชันโต๊ะด้านหลังโซฟาแล้ว ก็สามารถพับเก็บได้ง่ายๆ ด้วยการดึงสลักที่อยู่ด้านล่างลงได้เลยครับ
จากนั้นเราก็จะสามารถเลื่อนโซฟาให้ไปชิดกับผนังด้านหลังได้ ทำให้มีระยะดูทีวีที่กว้างมากขึ้นจาก 2.4 m. กลายเป็น 3.5 m. ซึ่งนอกจากจะทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งโล่งมากขึ้นแล้ว ยังสามารถใช้ทีวีจอใหญ่ๆ 50 – 60 นิ้ว เพื่อดูหนัง/ซีรีย์ได้แบบจุใจเลย
ส่วนฝั่งตรงข้ามนอกจากเราจะได้ชั้นวางทีวีแล้ว (แต่อาจไม่ได้เป็นหน้าตาแบบนี้นะ) ก็ยังจะได้ตู้ Built-in ที่สูงจากพื้นถึงฝ้า ให้สามารถเก็บรองเท้าหรือของอื่นๆได้หลายชิ้นเลยทีเดียว อีกทั้งยังทำหน้าบานเป็นกระจกเงาขนาดใหญ่ ให้เราใช้ส่องตรวจดูความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้อีกด้วย
ประตูกระจกบานเลื่อนที่กั้นระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น กรอบจะเป็นอลูมิเนียมสีดำปกติ และใช้เป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass ที่แตกแล้วจะเป็นเมล็ดข้าวโพด ไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่เวลาใช้งานจริงจะมีน้ำหนักที่เยอะกว่าปกติสักหน่อยนะครับ ส่วนใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ก็อาจติดม่านช่วยพรางสายตาจากภายนอกเพิ่มได้นะ
ภายในห้องนอนจะมีขนาดใช้งานพอดีๆ ซึ่งเราจะได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต วางไว้ตรงกลางห้องแบบนี้ พร้อมกับมีช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้บรรยากาศดูสว่างและโปร่งโล่งดีมากๆครับ
พื้นที่รอบเตียงกว้างประมาณ 50 cm. ทำให้เดิน/ลุกนั่งจากเตียงได้สะดวก รวมถึงฐานเตียงด้านหนึ่งยังมีลิ้นชักให้เก็บของข้างใต้แบบนี้ได้ด้วยนะ
ปลายเตียงนอกจากจะแขวนทีวีติดผนัง เพื่อนอนดูบนเตียงสบายๆได้แล้ว เรายังเห็นว่าเค้ามีการ Built-in ตู้เสื้อผ้าซ่อนไว้ในผนังด้วย ซึ่งทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย และไม่เกะกะพื้นที่ทางเดินรอบเตียงเลยครับ
ตู้เสื้อผ้ามีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เหมาะกับการใช้งาน 1 – 2 คน โดยเราอาจต้องติดกระจกเงาสำหรับส่องแต่งตัวเพิ่มอีกสักหน่อยนะครับ
ส่วนช่องแสงจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก และจะไม่ค่อยมีกรอบบานมาบังสายตา รวมถึงยังมีการทำช่องแสงด้านข้างเพิ่มอีก ซึ่งก็ช่วยทำให้เพิ่มมุมภายนอกให้กว้างมากขึ้นได้ครับ โดยพื้นที่ข้างหน้าต่างจะกว้างประมาณ 1 m. สามารถทำเป็นมุมนั่งทำงานอ่านหนังสือส่วนตัวได้สบาย
ต่อไปจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ด้านนอก ทำให้ใช้งานได้สะดวกจากทุกๆฟังก์ชัน
ภายในจะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างประมาณ 1.4 x 1.3 m. สามารถใช้งานแบบพอดีๆ และจะได้สุขภัณฑ์จาก Hafele เหมือนในห้องตัวอย่างนี้ทั้งหมดเลยครับ
ส่วนฉากกั้นอาบน้ำจะเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน ที่สามารถเปิดออกได้กว้าง และช่วยกันไม่ให้น้ำกระเด็นมาเลอะด้านนอกได้ด้วย โดยมีขนาดพื้นที่กว้างประมาณ 1 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ
ด้านในติดตั้ง Hand Shower ที่ปรับระดับความสูงตามต้องการได้ พร้อมกับเจาะช่องที่ผนังเพื่อให้วางอุปกรณ์อาบน้ำและหยิบใช้งานได้สะดวกแบบนี้ ซึ่งหากใครที่มีของเยอะก็สามารถทำชั้นวางเพิ่มได้นะครับ
สุดท้ายคือ “ครัวปิด” ที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นแบบนี้ ทำให้ช่วยป้องกันกลิ่น/ควันจากการทำอาหาร ไม่ให้ลอยฟุ้งเข้ามาในห้องได้ แต่แสงยังสามารถส่องผ่านเข้ามาด้านใน ทำให้ห้องดูสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นได้ โดยจะเป็นประตูแบบแขวนไว้ด้านบน จึงไม่มีรางบนพื้นมาทำให้เดินสะดุดหรือเก็บฝุ่นครับ
ภายในครัวจะมีความสว่างเพราะอยู่ติดกับระเบียง ซึ่งเราสามารถเปิดประตูเพื่อระบายกลิ่น/ควันออกไปภายนอกโดยตรงได้เลย จึงเป็นแบบห้องที่เหมาะกับคนชอบทำอาหารจริงจังบ่อยๆครับ
อีกหนึ่งข้อดีคือพื้นจะเปลี่ยนวัสดุเป็นกระเบื้องเซรามิค จึงทำให้สามารถเช็ดล้างและทำความสะอาดได้ดี ไม่ต้องกลัวน้ำหรือความชื้นเลยครับ โดยจะมีขนาดพื้นที่ใช้งานประมาณ 1.65 x 1.55 m. และต้องแบ่งพื้นที่วางตู้เย็นด้านข้างแบบนี้ด้วยนะ
เคาน์เตอร์ครัวเราจะได้ Built-in มาแบบนี้เลยครับ Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นเมลามีน ที่อาจต้องระวังเรื่องความชื้นและความร้อนกันสักนิดนึง โดยเราจะได้ Hob&Hood ของ Hafele แต่จะไม่ได้มี Backsplash ตรงผนังมาให้นะ เวลาทำอาหารก็ระวังเลอะกันนิดนึง หรืออาจติดตั้งเพิ่มเติมเองก็ได้ เพื่อที่จะได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆครับ
ส่วนอ่างล้างจานก็จะมีฝาปิดแบบนี้แถมมาให้ด้วย ซึ่งช่วยเพิ่มพื้นที่วางของ/พื้นที่ประกอบอาหารได้เป็นอย่างดีเลยครับ
ปิดท้ายกันด้วยระเบียงห้องที่กว้างประมาณ 1 x 1.75 m. พร้อมกับแขวน Condensing Unit เอาไว้ด้านบน จึงทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ด้านล่างได้อย่างเต็มที่ แต่ที่น่าสนใจจริงๆก็คือ ราวกันตกที่เป็นระแนงสูง ที่ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
รวมถึงเราจะได้พื้นที่ใช้งานเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย จากลักษณะของอาคารที่มีการโค้งเว้าตามดีไซน์ (เป็นส่วนที่ไม่ได้อยู่ในโฉนด แต่สามารถใช้งานได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ห้องเราเอง)
1 Bedroom Plus ขนาด 31.5 – 35.5 ตร.ม. เป็นห้องไซส์ใหญ่ของโครงการ ที่เหมาะกับคนต้องการ “ห้องอเนกประสงค์” เอาไว้ทำฟังก์ชันอื่นๆเพิ่มเติมตาม Lifestyle ของแต่ละคนได้ครับ เช่น ห้องทำงานช่วง WFH หรืออาจเป็นห้องแต่งตัวของสาวๆ ห้องสตูดิโอไว้ Live สดขายของออนไลน์ รวมไปถึงอาจห้องนอนเล็กของลูกน้อยก็ได้
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ผมค่อนข้างชอบคือ เค้าสามารถจัดฟังก์ชันแยกโซนใช้งาน ออกจากโซนพักผ่อนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยเราสามารถระบายอากาศของครัวและห้องน้ำ ผ่านทางห้องอเนกประสงค์ได้ง่ายๆ ด้วยการเปิดประตูเชื่อมต่อออกไปทางระเบียง ซึ่งก็จะทำให้กลิ่น/ควัน/ความชื้น สามารถระบายออกไปได้ง่าย โดยไม่รบกวนพื้นที่ส่วนพักผ่อนอื่นๆของห้องเลยครับ
สำหรับพื้นที่ส่วนแรกจะเป็น Common Area ที่ได้แสงสว่างจากในห้องนอนได้เหมือนห้องที่แล้วเลยครับ เพราะเค้าจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่เหมือนกัน จึงทำให้ได้ความสว่างและโปร่งโล่งดี โดยที่ระยะดูทีวีจะกว้างประมาณ 2.2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้
ส่วนเฟอร์นิเจอร์เราจะได้ชั้นวางทีวี และตู้เก็บรองเท้าเหมือนเดิมนะครับ แต่สำหรับโซฟาเราจะได้เป็นโซฟาเล็กๆ ที่มาวางต่อกันกลายเป็นตัวยาวแบบนี้ ซึ่งนอกจากจะใช้นอนดูทีวีได้สบายๆแล้ว ยังใช้นั่งทานอาหารหรือทำงานตรงโต๊ะอเนกประสงค์เพิ่มได้อีกด้วย และทำให้สามารถนั่งได้สูงสุดถึง 3 คนเลยนั่นเองครับ
ตรงกลางห้องเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่ช่วยแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน แต่ยังคงทำให้ห้องสว่างและโปร่งโล่ง รวมถึงมีพื้นที่เชื่อมต่อกันกว้างขวางดี โดยที่เราสามารถติดผ้าม่านไว้เลื่อนปิด เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องนอนได้นะครับ
ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่ขึ้นกว่างห้องที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเรายังคงได้ช่องแสงขนาดใหญ่ และเฟอร์นิเจอร์ครบเหมือนเดิมเลย
พื้นที่ใช้สอยรอบเตียงกว้างประมาณด้านละ 60 cm. สามารถเดินหรือลุกนั่งจากเตียงได้สบายๆ มาพร้อมกับฐานเตียง 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in สำหรับ 1 – 2 คน
ผนังปลายเตียงสามารถติดทีวีแขวนผนังเพิ่มเติม หรือจะนอนดูวิวภายนอกหน้าต่างเพลินๆก็ได้เหมือนกัน
ส่วนฟังก์ชันอื่นๆจะอยู่แยกออกไปอีกด้านของห้อง โดยจะมีการกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแยกออกไปเป็นสัดส่วน และใช้งานได้ไม่รบกวนกัน
“ครัวปิด” ถือเป็นอีกหนึ่ง Highlight ของห้องนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะนอกจากจะสามารถทำครัวจริงจังได้แล้ว ทันทีที่เราเดินผ่านประตูเข้ามาก็จะรู้สึกเหมือนว่า เป็นบรรยากาศครัวของบ้านมากๆ (ดูจากภาพอาจไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ แนะนำให้ไปดูของจริงที่ห้องตัวอย่าง)
ซึ่งชุดครัวก็จะได้ Built-in มาเหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ เพียงแต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และพื้นก็จะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างประมาณ 1.8 x 1.65. m. สามารถใช้งานได้สบายๆ
ติดกันจะเป็นห้องน้ำที่แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน โดยจะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยและได้เฟอร์นิเจอร์จาก Hafele ครบเหมือนกับห้องตัวอย่างที่แล้วทุกอย่างเลยครับ
ส่วนอีกด้านของห้องครัวจะเป็นห้องอเนกประสงค์ ซึ่งจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้มีความโปร่งโล่งและได้แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาถึงด้านในได้แบบนี้ครับ รวมถึงเรายังสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับระเบียง เพื่อระบายอากาศออกสู่ภายนอกโดยตรงได้อีกด้วย
ภายในเราสามารถจัดเป็นห้องอะไรก็ได้ เช่น ห้องทำงานช่วง WFH ที่มีความเป็นส่วนตัว หรืออาจทำเป็นห้องแต่งตัว และห้องสตูดิโอถ่าย Live สดขายของออนไลน์ก็ได้ ซึ่งห้องนี้จะได้แสงสว่างจากระเบียงที่อยู่ด้านข้างแบบนี้ครับ
โดยขนาดพื้นที่ของห้องจะกว้างประมาณ 2.3 x 1.8 m. ซึ่งก็พอที่จะวางเตียง 3.5 ฟุตกับตู้เสื้อผ้าเล็กๆอีกใบ เพื่อทำเป็นห้องนอนที่ 2 สำหรับลูกหรือแขกได้อีกด้วยนะ
ส่วนระเบียงภายนอกจะมีขนาดประมาณ 2.2 x 0.7 m. สามารถออกมาใช้งานได้เต็มที่เหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ พร้อมกับมีพื้นที่เล็กๆให้ใช้เพิ่มเติมได้ด้วย
1 Bedroom ขนาด 24 – 24.5 ตร.ม. เป็นห้องไซส์เล็กสุดของโครงการ ที่แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนเหมือนเดิม โดยยังคงกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้ได้บรรยากาศที่สว่างและโปร่งโล่งดี แถมยังมีห้องครัวปิดขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับระเบียง จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารทานเอง อีกทั้งประตูทางเข้าห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องครัว ซึ่งเราสามารถเปิดเชื่อมต่อกับประตูระเบียง เพื่อระบายอากาศ/กลิ่น/ความชื้นได้ตลอดเวลา โดยแยกจากพื้นที่โซนพักผ่อนส่วนอื่นในห้องได้อย่างเป็นสัดส่วนนั่นเอง
1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 ตร.ม. ลักษณะฟังก์ชันห้องจะคล้ายกับห้องตัวอย่างที่เราเพิ่งชมกันไปก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่จะมีการนำผนังตรงกลางห้องออก เลยทำให้ Common Area มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางและโปร่งโล่งมากขึ้น โดยจะลดพื้นที่ห้องครัวให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงได้ครัวปิดให้สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆอยู่ และทีผมชอบมากๆก็คือ ห้องอเนกประสงค์ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งเหมาะที่จะทำเป็นฟังก์ชันที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น ห้องนอนลูก ห้องนอนแขก หรือห้องทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูงๆ เป็นต้น
1 Bedroom Plus ขนาด 35.5 ตร.ม. แบบห้องลักษณะนี้จะมีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น และจะอยู่ในตำแหน่งพิเศษด้านหน้าสุดของอาคาร A โดยพื้นที่ส่วนที่เพิ่มเข้ามาจะถูกจัดให้กลายเป็นครัวปิด นั่นจึงทำให้ฟังก์ชันอื่นๆภายในห้องมีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่เยอะ และใช้งานได้เต็มความกว้างมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ Common Area ที่บรรยากาศจะโปร่งโล่งมากๆ หากใครที่เน้นใช้งาน/ใช้ชีวิตอยู่ในห้องนี้เป็นหลักก็แนะนำเลยครับ อีกทั้งยังได้ห้องอเนกประสงค์ที่มีความเป็นส่วนตัวอีกด้วย เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน หรืออาจเป็นครอบครัวที่กำลังจะมีลูกน้อยก็ได้ รวมถึงคนที่ต้องการห้องอเนกประสงค์ ไว้จัดฟังก์ชันเพิ่มเติมตาม Lifestyle ของตัวเองได้ครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
blue สุขุมวิท 105 ราคา ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2565
- 1 Bedroom ขนาด 24 – 32.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.59 – 1.89 ล้านบาท (ราคาเดือน ก.ค.)
- 1 Bedroom Plus ขนาด 31.5 – 35.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 – 2.99 ล้านบาท (ราคาเดือน ก.ค.)
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร
- Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
- Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
- มีรถ Shuttle Service ไป-กลับ BTS แบริ่ง
- จอง 2,500 บาท
- ทำสัญญา 2,500 บาท
- ดาวน์ 5% ผ่อนดาวน์เริ่มต้น 2,000 บาท/งวดปกติ
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : ตั้งอยู่ใจกลางซอยลาซาล มีความอุดมสมบูรณ์ หาของกินได้ง่าย เพราะมีทั้งตลาด ร้านสะดวกซื้อ และคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าบรรยากาศค่อนข้างน่าอยู่กว่าบริเวณปากซอยซะอีกครับ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สถานศึกษาชื่อดังหลายแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนลาซาลที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ที่สามารถเดินข้ามสะพานลอยไปเรียนได้เลย เหมาะมากสำหรับครูอาจารย์ หรือผู้ปกครองที่มีน้องๆเรียนอยู่ที่นี่ รวมถึงโรงเรียนนานาชาติอื่นๆ ก็มีอยู่ทั้งในซอยลาซาล-แบริ่งนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการใช้ชีวิตของทำเลโครงการนี้ จะอิงไปทางศรีนครินทร์และบางนา-ตราดเป็นหลัก จะค่อนข้างสะดวกที่สุดครับ
ความน่าสนใจในแง่ที่อยู่อาศัย ปัจจุบันเราไม่ได้เห็นคอนโดมาเปิดในซอยลาซาล-แบริ่งกันมา 2 – 3 ปีแล้วนะครับ ซึ่งนี่ถือเป็นโครงการใหม่เพียงแห่งเดียวเลยก็ว่าได้ เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดใหม่มือ 1 ที่ยังมีตำแหน่งห้องให้เลือกเยอะ และยังไม่รีบเข้าอยู่ทันทีนะครับ ในขณะที่เพื่อนบ้านรุ่นพี่ส่วนใหญ่ มักจะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ซึ่งบางแห่งก็อาจเหลือห้องที่เป็นไซส์ใหญ่ราคาสูงๆไปแล้ว และมักจะเลือกตำแหน่งไม่ค่อยได้กันอีกด้วย นั่นจึงทำให้เราสามารถเป็นเจ้าของคอนโดย่านนี้ ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านได้ง่ายมากขึ้นนั่นเองครับ
การเดินทางโดยใช้รถ : ซอยลาซาล (หรือ สุขุมวิท 105) เป็นถนนที่มีทางลัดสามารถเชื่อมต่อกับถนนหลักได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ และถนนบางนา-ตราด อย่างซอยลาซาล 55 ก็สามารถเชื่อมต่อกับซอยบางนา-ตราด 30 และไปออกตรงสะพานกลับบรถพอดี ทำให้สามารถข้ามไปฝั่งเซ็นทรัลได้สะดวกมาก อีกทั้งยังมีทางด่วนให้ใช้เข้า-ออกเมืองได้อีกด้วย ทั้งทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนบูรพาวิถี ที่ห่างจากโครงการประมาณ 3.5 – 5.4 km. ส่วนที่จอดรถของโครงการจะมีอยู่ 135 คัน (จอดซ้อนคันประมาณ 23 คัน) หรือคิดเป็น 41% แบบรวมจอดซ้อนคัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : นับว่าสะดวกดีทีเดียวครับ เพราะตัวโครงการจะอยู่ติดกับถนนสุขุมวิท 105 ที่สามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ และสองแถวที่วิ่งภายในซอย รวมถึงใกล้ๆกันก็ยังมีวินมอเตอร์ไซค์ให้เดินไปเรียกใช้บริการได้สะดวกอีกด้วย แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือรถไฟฟ้า ซึ่งจะมีอยู่ถึง 2 สายด้วยกันคือ สายสุขุมวิทสีเขียว BTS แบริ่ง และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานี ศรีลาซาล ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้าปากซอยทั้ง 2 ฝั่งเลยครับ สามารถใช้เข้าเมืองได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งทางโครงการเองก็ยังมี Shuttle Service ไป-กลับ BTS แบริ่ง เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มให้อีกด้วย
การออกแบบโครงการ : มีจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 387 ยูนิต ถือว่าเป็นโครงการขนาดกลางๆ แต่นั่นก็ทำให้สามารถจัดพื้นที่ส่วนกลางให้มีขนาดใหญ่ และน่าใช้งานได้ด้วยนั่นเองครับ โดยการจัดตำแหน่ง Facilities ก็ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะเค้าจะวางเป็นแนวยาวต่อเนื่องกันที่ด้านข้างอาคาร อีกทั้งยังสามารถแบ่งโซนแยกการใช้งานได้ดีอีกด้วย
ในด้านการวางผังอาคารจะมีทางเข้า-ออก 2 จุด ทำให้รถสามารถสัญจรได้สะดวกมากขึ้น แต่ก็แลกกับต้องเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยอีกสักหน่อย ส่วนห้องพักอาศัยก็มีตำแหน่งที่น่าสนใจเยอะ หลักๆแล้วเค้าจะวางห้องไซส์ใหญ่หันหน้ารับวิวที่มองเห็นส่วนกลางได้ และอีกด้านจะเป็นห้องไซส์เล็กที่ราคาจับต้องได้ง่ายกว่า ซึ่งจะมองเห็นวิวชุมชนแนวราบข้างเคียงเป็นหลักแทน นอกจากนี้ก็ยังมีตำแหน่งห้องที่เป็นส่วนตัวให้เลือกเยอะอีกด้วย เพราะมีหลายยูนิตที่อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ และมีผนังติดกับเพื่อบบ้านแค่ด้านเดียวนั่นเองครับ
การออกแบบห้องพักอาศัย : มีแบบห้องให้เลือก 2 Type ด้วยกันครับ คือ 1 Bedroom และ 1 Bedroom Plus โดยจะเน้นการออกแบบให้มีความสว่างและโปร่งโล่ง ด้วยการกั้นห้องด้วยประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ได้ฟังก์ชันครัวปิดทุกแบบ จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจัง นอกจากนี้ยังมีออกแบบเว้าพื้นที่เพื่อ Built-in ตู้เสื้อผ้าในช่องผนัง ทำให้ไม่เกะกะพื้นที่รอบเตียง สามารถใช้งานได้สะดวก และดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
รวมถึงตรงระเบียงก็จะมีพื้นที่เพิ่มจากส่วนโค้งเว้าของ Facade อาคาร ที่ถึงแม้จะไม่ได้เป็นพื้นที่ในโฉนด แต่ก็สามารถใช้สอยได้เหมือนกับเป็นพื้นที่ในห้องของเราเอง ถือเป็น Benefit ของเจ้าของห้องครับ แต่ถ้าใครที่ต้องการห้องเนกประสงค์ไว้จัดเป็นฟังก์ชันอื่นๆเพิ่มเติมตาม Lifestyle ก็แนะนำเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งมีขนาดใหญ่มากพอให้ทำเป็นห้องนอนของลูกน้อยได้อีกด้วยนะ
วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้มาครบพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยครับ โดยสิ่งที่ผมชอบก็คือ เฟอร์นิเจอร์ของเค้าที่ออกแบบมาให้เข้ากับห้องแต่ละแบบได้ลงตัวดี โดยเฉพาะโซฟาของห้อง 1 Bedroom จะสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานแบบ Multi-Function ให้กลายเป็นโต๊ะอเนกประสงค์ได้ด้วย รวมถึงช่องแสงในห้องนอนก็มีขนาดใหญ่และโปร่งโล่งดี มีการใช้ประตูบานเลื่อนเป็นกระจกนิรภัย Tempered Glass เพื่อให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย แต่ก็ยังมีวัสดุบางจุดที่ผมมองว่าอาจอัพเกรดให้ดีขึ้นกว่านี้ได้อีกหน่อย ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ลามิเนต / Top เคาน์เตอร์ครัวเมลามีน และ Blacksplash เป็นต้น
สาธารณูปโภค : ถือว่าให้มาเยอะเหมาะสมกับจำนวนยูนิต โดยความน่าสนใจคือ การวางผังโครงการที่จัดพื้นที่ส่วนกลาง ให้มีความยาวต่อเนื่องกันไปตลอดแนวด้านข้างอาคาร ตั้งแต่ด้านหน้าสุดไปจนถึงด้านหลัง จึงทำให้กลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี แต่เวลาใช้งานจริงก็อาจต้องมีระยะเดินห่างจากกันอยู่สักหน่อย ซึ่งฟังก์ชันที่มีถือว่าให้มาครบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่นั่งทำงานอย่าง Co-Living Space และ Co-Working Space รวมถึงพื้นที่ออกกำลังกายทั้งสระว่ายน้ำและ Fitness แต่ที่โดดเด่นมากๆก็คือ บรรยากาศของสวนที่ร่มรื่น และยังมี Badminton Court ให้ใช้งานอีกด้วย
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยเริ่มต้น AVG 74,000 บาท/ตร.ม., 23 มิถุนายน 2565 (**หมายเหตุ : ราคานี้เป็นเพียงราคาห้องเริ่มต้น หากเพื่อนๆได้ราคาอื่นๆมา ก็สามารถปรับการให้คะแนนได้ตามความเหมาะสมนะครับ)
- ทำเล 8.25/10 – ใจกลางซอยลาซาล อุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย ใกล้โรงเรียนในระยะเดิน บรรยากาศน่าอยู่อาศัย
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – มีทางลัดเชื่อมต่อถนนหลักหลายเส้นทาง และไม่ไกลจากทางด่วน
- ไม่ใช้รถ 8/10 – มีรถไฟฟ้า 2 สายให้ใช้ เรียกรถสาธารณะง่าย พร้อม Shuttle Service ไป-กลับ BTS
- วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ ช่องแสงใหญ่ เฟอร์นิเจอร์แบบ Multi-Function
- แบบ 7.75/10 – มีให้เลือกหลักๆ 2 Type ห้องหน้ากว้าง เน้นบรรยากาศโปร่งโล่ง ได้ครัวปิดทุกแบบ
- สาธารณูปโภค 8/10 – มีมาให้ครบ เชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่น่าใช้งาน แบ่งโซนได้ดี
- MAIN CLASS
- 7.99 / 10.00
blue สุขุมวิท 105 เหมาะกับใคร
โครงการ blue สุขุมวิท 105 เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดเปิดใหม่ในซอยลาซาล ทำเลอุดมสมบูรณ์สามารถหาของกินได้ง่าย มีทั้งตลาดและโรงเรียนอยู่ในระยะเดินถึง อีกทั้งยังมีรถไฟฟ้าให้ใช้งาน 2 สายด้วยกัน โดยตัวโครงการโดดเด่นที่ส่วนกลางยาวต่อเนื่องกัน ทำให้กลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ มีฟังก์ชันให้ใช้งานครบและจัดแบ่งโซนได้ดี ส่วนตัวห้องพักจะเน้นเป็นห้องหน้ากว้างทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส กั้นห้องด้วยประตูกระจกเพื่อความโปร่งโล่ง และยังได้ครัวปิดในทุกแบบ โดยมีงบประมาณระดับ 1.59 – 2.99 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 11,000 – 21,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc