รีวิวโครงการ
รีวิวตึกเสร็จ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 คอนโด High Rise ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง MRT บางกะสอ และ MRT ศูนย์ราชการนนทบุรี จาก AP [รีวิวฉบับที่ 2225]
18 พฤษภาคม 2021
รีวิวฉบับที่ 375 (by Tharis T.) … Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 คอนโด High Rise ตึกคู่ ใกล้รถไฟฟ้า สถานีศรีพรสวรรค์ ติดถนนใหญ่รัตนาธิเบศร์ โดย AP Thai โครงการนี้เป็น Project ที่ต่อเนื่องมาจาก Aspire รัตนาธิเบศร์ (1) ที่เปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่แล้ว (มีรีวิวแล้วนะครับ เข้าไปอ่านได้ที่นี่) โดยโครงการเก่าที่ดินจะอยู่เลยเซ็นทรัลไปหน่อย ใกล้ๆสถานีแยกนนทบุรี 1 สำหรับโครงการใหม่นี้ มีขนาดที่ดินประมาณ 9 ไร่ครึ่ง ซึ่งก็เป็นพื้นที่ส่วนกลางไป 2 ไรกว่าๆแล้ว ให้มาใหญ่โตทีเดียว ใส่ตึกสูงไปอีกสองตึก ได้มา 1,428 ยูนิต จัดว่างานนี้ AP ทำออกมาใหญ่กว่าโครงการแรกเกือบ 3 เท่าเลยครับ โครงการนี้เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 23-24 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา จะเป็นยังไงลองตามผมไปดูนะครับ
อัพเดท (25/05/2021) ….ตอนนี้เรามีรีวิวตึกเสร็จแล้วนะครับ ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจและอยากเห็นบรรยากาศของจริง ก็สามารถเข้ามาอ่านรีวิวกันได้โดยคลิก >>> รีวิวตึกเสร็จ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 คอนโด High Rise ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง MRT บางกะสอ และ MRT ศูนย์ราชการนนทบุรี จาก AP [รีวิวฉบับที่ 2225]
Fact @ 26 June 2013
- Aspire รัตนาธิเบศร์ 2
- AP Thailand Public Company Limited (AP Thai)
- ECONOMY CLASS – MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด High Rise 25 ชั้น 2 อาคาร 1,428 ยูนิต 1 ร้านค้า
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 31 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 503 คัน (35%)ไม่รวมซ้อนคัน (รวมซ้อนคันได้ประมาณ 40%)
- ที่ดินประมาณ 9-1-91.7 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2558
- 1 Bedroom 24.50 – 30 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 45.50 ตารางเมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.60 ล้านบาท (มิ.ย. 56)
- ราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ยประมาณ 70,000 บาท (มิ.ย. 56)
- http://www.apthai.com
- โทร 1623 (Call Center)
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
ทำเลที่ตั้งของ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 อยู่บนถนนใหญ่รัตนาธิเบศร์เลยครับ ไม่ต้องเข้าซอยใดๆ อยู่เลยแยกแครายมาประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก่อนถึงสะพานพระนั่งเกล้าที่ห่างออกไปประมาณ 3.5 กิโลเมตรครับ
อธิบายแยกแครายนิดนึง ว่าเป็นจุดตัดของ ถนนติวานนท์ กับ ถนนรัตนาธิเบศร์ ครับ ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นจุดตัดของสถานี รถไฟฟ้าสายสีม่วง กับ สายสีชมพู ด้วยครับ ซึ่งสถานีที่ตัดกันก็คือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ครับ
โครงการนี้ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงอยู่ 2 สถานีด้วยกัน นั่นคือ สถานีศรีพรสวรรค์ อยู่ห่างออกไปประมาณ 250 เมตร และ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ที่อยู่ห่างออกไปเกือบๆ 300 เมตรครับ ถือว่าเป็นระยะที่เดินเท้าได้ทั้งคู่ แต่ระยะทางที่ผมบอกนี้ เป็นระยะที่วัดจากโครงการ ไปจนถึง บันไดทางลงที่ใกล้ที่สุดของสถานีครับ ระยะจริงก็บวกทางเดินบนสถานีไปอีกนิดหน่อย
(ภาพจาก matichon.co.th)
ด้วยความที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าทั้งสองสถานี ถือเป็น ข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี นั้น เป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสายสีชมพู ทำให้เราเลือกใช้รถไฟฟ้าได้สองสายเลยทีเดียว และการที่เป็นสถานีเชื่อมต่อระหว่างสองสาย มักจะนำพาเอาความเจริญมาสู่ทำเลตรงนี้อีกด้วย รถไฟฟ้าสายสีชมพูเริ่มจากถนนรัตนาธิเบศร์ เข้าถนนติวานนท์ แล้วไปเลี้ยวขวาพาดผ่านถนนแจ้งวัฒนะทั้งเส้น ต่อไปยังถนนรามอินทรา ข้ามสุดที่มีนบุรีเลยครับ
แต่แน่นอนว่า รถไฟฟ้าสายสีชมพูยังดำเนินการไปไม่ถึงไหน ในช่วงที่โครงการเปิดช่วง (อย่างน้อย) 2-3 ปีแรก ก็คงจะมีแค่รถไฟฟ้าสายสีม่วงที่เปิดให้บริการก่อนนะครับ สายสีม่วงนี้จะเริ่มต้นสายที่บางซื่อ ไปสุดที่บางใหญ่ บนถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก) ครับ ใครที่จะใช้รถไฟฟ้าสายนี้เป็นหลัก ก็แนะนำให้เดินไปขึ้นที่สถานีศรีพรสวรรค์ ดีแล้วนะครับ เพราะระยะทางการเดินใกล้กว่าร่วม 150 เมตรเลยนะครับ รวมระยะทางที่เดินบน Skywalk ของสถานี
มาดูเรื่องการขับรถ ใช้รถส่วนตัวกันบ้าง การคมนาคมในทำเลนี้ จะเหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในโซนนนทบุรี หรือมีลูกเรียนแถวนี้นะครับ เพราะอยู่ในจุดที่เรียกว่าเป็นใจกลางเมืองนนท์ก็ว่าได้ มีถนนรัตนาธิเบศร์, งามวงศ์วาน ตัดกับ ถนนติวานนท์ เป็นถนนเส้นหลักฝั่งนี้ หรืออาจจะมีบ้านเก่า, บ้านพ่อแม่ อยู่ฝั่งราชพฤกษ์ สามารถข้ามสะพานพระนั่งเกล้า และ สะพานพระราม 5 ไปได้ โดยไม่ต้องไปผ่านตัวเมือง, การจะข้ามไปฝั่งธนจากตรงนี้ก็ไม่ยากนัก ใช้สะพานพระราม 7 ที่ต่อมาจากถนนวงศ์สว่างข้ามไปถนนจรัญสนิทวงศ์ก็ได้
ทางด่วนที่อยู่ใกล้ๆมีทางขึ้นอยู่สองจุด ตรงด่านเก็บเงินงามวงศ์วาน กับ ด่านเก็บเงินประชาชื่น ถ้าจะเข้าเมืองก็คงต้องใช้ทางด่วนนี้เป็นหลัก เพราะสะดวกกว่าไปวิ่งข้างล่างมากนะครับ
ข้อเสียของทำเลนี้ คือจะอยู่ไกลจากตัวเมืองมาพอสมควร ไม่ว่าจะขับรถ หรือนั่งรถไฟฟ้า ถ้าจะเข้าเมืองก็ต้องมีอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงแหละครับ แล้วถึงแม้จะเป็นนนทบุรี แต่ทำเลตรงนี้ก็รถติดหนักๆได้เหมือนกันนะครับ ทั้งวันธรรมดา และ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะคนก็ออกมาเดินห้างแถวนี้เยอะ ตั้งแต่เซ็นทรัล, เอสพลานาด ยันพันธุ์ทิพย์, เดอะมอลล์ รถเข้า-ออกห้าง ยังไม่รวม Big C และ Lotus อีกนะ แล้วด่านเก็บเงินขึ้นทางด่วนเนี่ย คนแถวๆนี้เค้าก็มาขึ้นที่ด่านนี้กันทั้งนั้นนะครับ ไม่ว่าจะเป็นด่านงามวงศ์วาน หรือประชาชื่น เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่น อย่าได้ประมาทเชียว ก็ได้แต่หวังว่ารถไฟฟ้าที่จะสร้างเสร็จนี้ จะมาช่วยทำให้รถหายติด (?) ได้บ้างนะเออ
ในเรื่องความอุมสมบูรณ์นั้น แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ (1) ในระยะเดินเท้าถึง คงต้องบอกว่า หาของกินยากพอสมควร รอบๆโครงการไม่ค่อยจะมีอะไรเลย คงต้องพึ่งพา Big C ที่อยู่ใกล้ๆเท่านั้น แต่การที่มี Big C อยู่ในระยะ 300 เมตรจากโครงการ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะขาดเหลืออะไร ไม่ว่าจะของกิน หรือของใช้ ก็สามารถมาเติมที่นี่ได้ตลอด (2) ในระยะขับรถ อันนี้ถือว่าค่อนข้างสะดวกสบายเลยแหละ เพราะถ้าดูจากแผนที่ข้างบนนี้ จะเห็นว่าบนเส้นรัตนาธิเบศร์นี้มีห้างฯให้เดินเยอะแยะมากมาย ซื้อได้ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ (Index Living Mall) ไปยันสินค้าไอที (Pantip Plaza) จะออกมาดูหนังกับแฟนที่ Esplanade ก็ได้ หรือถ้าอยากจะช้อปปิ้ง ก็มี Central, Robinson, The Mall นับว่าถ้ามีรถล่ะก็ สะดวกทีเดียวเลย และยิ่งถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อไหร่ จะสามารถนั่งรถไฟฟ้าไป Central ได้ด้วย ห่างไปแค่ 1 ป้ายเท่านั้น
การเดินทางไปโครงการ หลักๆก็คือ (1) มาจาก ถนนงามวงศ์วาน อาจจะวิ่งข้ามมาจากเกษตรก็ได้, ลงทางด่วนขั้นที่ 2 มาก็ได้ หรือมาจากถนนวิภาวดีรังสิตก็ได้ วิ่งตรงๆข้ามแยกแครายมาก็จะเจอโครงการครับ (2) คือมาจาก แยกติวานนท์ โดยอาจจะข้ามมาจาก สะพานพระราม 5 (นครอินทร์) หรือมาจาก ถนนกรุงเทพนนท์ ก็ได้ วิ่งเส้นติวานนท์มาเลี้ยวซ้ายที่แยกแคราย หรือถ้าจะหลบรถติดที่แยกแคราย ก็เลี้ยวซ้ายเข้า ซอยเรวดี (เส้นสีน้ำเงิน) มาแล้วมาออกถนนรัตนาธิเบศร์ ที่ซอยเรวดี 17 (เชื่อมกับรัตนาธิเบศร์ซอย 9) (3) ก็คือมาจาก ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ วิ่งเข้า ถนนติวานนท์ มาเช่นเดียวกันแล้วก็มาเลี้ยวขวาที่แยกแคราย
(4) ถ้ามาจาก ถนนราชพฤกษ์ ก็ทำนองเดียวกัน คือ ข้ามสะพานพระนั่งเกล้า มาลงถนนรัตนาธิเบศร์ แล้วก็ต้องไปกลับรถเข้าโครงการที่แยกแครายอยู่ดี
การเดินทางวันนี้ ผมใช้เส้น ดอนเมืองโทลล์เวย์ ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก วิ่งมาลง “งามวงศ์วาน” ครับ
ลงมาที่ ถนนงามวงศ์วาน แล้วก็วิ่งยึดป้าย แคราย เป็นหลัก
ขึ้นสะพานข้ามแยกพงษ์เพชร ข้ามถนนประชาชื่น
พอลงสะพานก็จะเจอห้าง เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ครับ ซึ่งก็เป็นเหมือนแหล่งอารยธรรมในย่านนี้เลยทีเดียว
พอลงจากสะพานข้ามแยก เราจะขับเลยทางเข้าเดอะมอลล์มาแล้ว ถ้าใครอยากจะเลี้ยวแวะเข้าห้างก่อน ต้องวิ่งเข้าซอยไปทะลุออกด้านหลัง ตามป้ายไปนะครับ แต่ไม่ต้องกลับรถ
ฝั่งตรงข้ามเป็น พันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน แหล่งรวมสินค้าไอทีที่สำคัญในโซนนี้ ถ้าจะมาซื้อคอมพิวเตอร์, มือถือ, กล้อง ฯลฯ มาที่นี่ได้เลยจ้า 😀
พอผ่านพันธุ์ทิพย์มา เราก็จะเจอทางแยกไปขึ้นทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช) ถ้าเราไม่ได้มาจากวิภาวดี เราจะใช้เส้นนี้มาก็ได้นะ
ข้ามทางด่วนมา ก็จะมุ่งหน้าเข้าสู่แยกแคราย เรายึดป้าย บางบัวทอง ได้เลย
ข้ามแยกแคราย ขึ้นสะพานไปเลยยย
พอลงสะพานมา เราก็จะเจอกับ Esplanade งามวงศ์วาน กับ Lotus อยู่ฝั่งตรงข้าม
ใครจะไปเอสพลานาด ต้องไปขึ้นสะพานเกือกม้ากลับรถข้างหน้านะครับ
พอถึงตรงนี้เราก็จะเข้าเส้นรัตนาธิเบศร์แล้วนะครับ มองเห็นรางรถไฟฟ้าสายสีม่วงอยู่ด้านบนแล้ว
ผ่านสถานีรถไฟฟ้าศูนย์ราชการนนทบุรี (ตรงนี้ไม่ต้องวิ่งทางคู่ขนานก็ได้นะครับ วิ่งทางหลักใต้สถานีไปก็ได้)
วิ่งไปซักพักก็จะเจอป้ายบอกให้ออกไป Big-C รัตนาธิเบศร์ 2 เราก็วิ่งออกทางคู่ขนาน ตามลูกศรสีแดงไปเลย
พอออกมาปุ๊บก็จะเจอกับโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 ตั้งอยู่ข้างหน้าแล้ว ชิดซ้ายได้เลย
เจอสำนักงานขายแล้ว ทางเข้าโครงการจริงๆจะอยู่ก่อนถึงสำนักงานขายนะครับ ถ้าขับรถมาต้องชิดซ้ายเร็วๆนิดนึง แต่ทางเข้าสำนักงานขาย อยู่เลยไปอีกหน่อย ตรงนี้หลายๆคนอาจจะเข้าใจผิดได้ว่าทางเข้าอยู่อีกไกล แต่ความจริงไม่ใช่นะครับ
ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ โครงการอยู่ใต้สะพานกลับรถพอดี แปลว่า ถ้าเราขับรถมาโครงการ จากสะพานพระนั่งเกล้า หรือจากเซ็นทรัลก็ได้ ต้องไปกลับรถที่แยกแครายเลยนะครับ ถ้าขึ้นสะพานกลับรถมันจะเลยตัวโครงการไปแล้วนะ
เลี้ยวเข้าสำนักงานขายไปจอดรถก่อน แล้วเดินดูรอบๆกันว่า สภาพแวดล้อมเป็นยังไงบ้าง
ร่างให้ดูคร่าวๆ ถึงสภาพแวดล้อมของโครงการนะครับ แนะนำให้ดูประกอบๆกันไปด้วย ที่ดินโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ประมาณ 250 เมตร และจากสถานีศูนย์ราชการประมาณเกือบๆ 300 เมตร โดยวัดระยะจากหน้าโครงการไปยังบันไดทางขึ้นที่ใกล้ที่สุดนะครับ
ตัวที่ดินของโครงการเป็นที่ดินแนวยาว ด้านหน้าติดถนนรัตนาธิเบศร์ ด้านหลังติดคลองบางซื่อครับ ด้านหน้าโครงการมีระยะ Setback ลึกเข้าไปประมาณเกือบๆ 100 เมตร แล้วที่ดินค่อยไปบานออกอยู่ข้างใน ส่วนที่ดินด้านหน้าที่เหลืออยู่ก็เป็นของ AP เหมือนกัน แต่ในตอนนี้ยังไม่ได้มีการเปิดเผยออกมาว่าจะทำเป็นโปรเจคอะไรนะครับ ทิศตะวันออกของโครงการอยู่ติดกับตึกแถว และโรงปูน TPI
ตัวสำนักงานขายของโครงการครับ ดีไซน์ออกแนวธรรมชาติๆ ต้นไม้ๆ หน่อย อย่างที่เห็นครับ
ทางเข้า-ออกจริงๆของโครงการครับ ที่ดินของโครงการติดถนนใหญ่ก็จริงนะครับ แต่หน้าโครงการจะเป็นถนนเข้าไปแบบนี้ก่อน ประมาณ 70 เมตร แล้วค่อยเป็นส่วนของตัวอาคาร
ที่ดินด้านหน้านี้ก็เป็นของ AP Thai เหมือนกันครับ (AP เปลี่ยนชื่อเป็น AP Thai แล้วนะ) คงจะเก็บไว้ทำ Project ในอนาคตต่อไป (เช่นหลังรถไฟฟ้าเสร็จ) ซึ่งถ้าขึ้นตึกสูงขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะไม่ได้ขึ้นมาประชิดกับแนวตึกเดิมขนาดนั้นนะครับ เพราะว่าด้านทิศเหนือของตัวโครงการ Aspire ที่ติดกับที่ดินแปลงว่างๆนี้ เค้าทำเป็นอาคารจอดรถ 8 ชั้น ไม่ได้เป็นตัวอาคารสูงพักอาศัย
มองไปด้านหลังแนวรั้ว เห็นเป็น โรงปูนทีพีไอด้วย ด้านนั้นเป็นทิศตะวันออกนะครับ
เดินไปดูทางซ้ายของสำนักงานขายว่ามีอะไรบ้าง
ที่อยู่ติดกับโครงการเป็นตึกแถวเรียงต่อๆกัน อันสีส้มๆนี้ก็จะเป็นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ครับ
หน้าร้านเฟอร์นิเจอร์ก็จะเป็นแบบนี้
ถัดมาอีกหน่อยเป็นร้านขายวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ
เดินมาตรงนี้เจอสะพานลอยข้ามถนนรัตนาธิเบศร์เพื่อข้ามไปฝั่งโน้น บางทีอาจจะมีประโยชน์ก็ได้นะครับ ในกรณีที่เราอยากจะเดินไปเรียกรถฝั่งตรงข้าม โดยไม่ต้องไปเสียเวลาขึ้นสะพานกลับรถ
เดินผ่านสะพานลอยมาอีกหน่อย เจอแนวตึกแถวสีขาวๆอยู่เรียงๆแบบนี้
ตึกแถวพวกนี้ร้างเลยครับ เพราะทำเลมันไม่ใช่จุดที่คนจะขับรถผ่านเท่าไหร่
มีร้านกาแฟสองห้องแถวอยู่ร้านนึง … เงียบๆ …
ผ่านแนวตึกแถวสีขาวๆมาตรงนี้ จะเจอกับโครงการ ศุภาลัย Park ซึ่งก็เป็นคอนโดอีกโครงการหนึ่งในโซนนี้ครับ
เจอแล้ว! บันไดทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการนนทบุรี ครับ
บันไดทางขึ้นมาอยู่ตรงนี้เอง
นับว่าเป็นทางเดินรถไฟฟ้าที่ยาวใช้ได้เหมือนกันนะครับ ประมาณ 150 เมตรจากตัวสถานี ดูตามรูปไปครับ
ตัวบันไดทางขึ้นรถไฟฟ้านี้ จะอยู่ตรงกับ ซอยรัตนาธิเบศร์ 9 พอดีครับ ซึ่งซอยนี้จะเป็นซอยที่ทะลุมาจาก ซอยเรวดี ที่เป็นซอยเชื่อมมาจากถนนติวานนท์อีกทีครับ ใช้เป็นทางลัดได้
เดินกลับมาที่โครงการ เดี๋ยวเราเดินสำรวจดูบ้าง ว่าฝั่งขวาของโครงการจะมีอะไรตั้งอยู่บ้าง
ที่อยู่ติดกับรั้วโครงการเลย คือ ปั๊มน้ำมัน RB ครับ (เหมือนจะเคยเป็นปั๊ม Esso เก่านะ) ตัวปั๊ม RB นี่จะดังในแถบๆชานเมืองเนี่ยแหละครับ ไม่ใช่ปั๊ม No Name ซะทีเดียว พอมีชื่อเสียง มีมาตรฐานอยู่บ้าง แต่ที่ดินของปั๊มนี้ก็ดูมีแนวโน้มที่จะถูกขายไปขึ้นตึกเหมือนกันนะครับ แต่ถึงจะถูกทำเป็นตึกสูงจริงๆ ก็คงจะไม่ได้มาบังตัวตึกของ Aspire แบบชนกันตรงๆผนังชิดผนังหรอกครับ แต่น่าจะเหลื่อมๆเฉียงๆมากกว่า เพราะว่าที่ดินของ Aspire มีระยะ Setback ร่นเข้าไปเยอะ เลยแนวรั้วด้านหลังของปั๊มน้ำมันไปแล้วครับ
ซอยรัตนาธิเบศร์ 11 นี้อยู่ถัดจากปั๊มน้ำมันมาหน่อยนึงครับ ซอยนี้ สามารถทะลุไป ซอยเรวดี 25 ได้ (เดิน, ขี่จักรยาน, และรถยนต์ได้) จากปากซอยเรวดี 25 เลี้ยวขวาไป 100 ม. ของกินเยอะมากๆ ทั้งตลาดเช้า-เย็น มีทุกๆวัน ***Credit คุณ Paul สำหรับข้อมูลครับ***
เดินมาถึงตรงนี้เราก็จะมองเห็นสถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ แล้วนะครับ มองเห็นทางเชื่อมขึ้นสถานีอยู่เนืองๆ
เดินถัดมาอีกหน่อยจะเจอ ศูนย์รวมรถยนต์ ออโต้ เวิลดิ์ สังเกตป้ายที่ผมล้อมกรอบสี่เหลี่ยมไว้นะครับ ตรงนั้นแหละ ทางขึ้นรถไฟฟ้า
เจอแล้วครับ บันไดทางขึ้นรถไฟฟ้า ตั้งอยู่ติดกับเต้นท์รถตรงนี้พอดีเลย ด้านซ้ายของบันได จะเห็นอพาร์ทเมนต์เป็นตึกสีขาวๆอยู่ตรงด้านหลังนะครับ
เข้ามาดูสถานีใกล้ๆกันอีกรูป
เดินมาอีกหน่อย ก็จะเจอกับ Big-C Supercenter ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ มีไว้บริการลูกค้าในย่านนี้ ตัว Big-C นี้จะอยู่ห่างจาก Aspire มาประมาณ 300 เมตรครับ เดินเท้าได้สบายๆ
มีทางเชื่อมรถไฟฟ้า มาลงหน้า Big-C พอดีเลย
ถ้าเราขับรถมุ่งหน้ารัตนาธิเบศร์ขาออกต่อไป เราก็จะข้ามสะพานพระนั่งเกล้าไปลงราชพฤกษ์ได้นะครับ แต่เราไม่ไป เราจะวิ่งไปกลับรถ ไปเซ็นทรัลกันครับ
ผ่านสถานีรถไฟฟ้าอีกสถานีหนึ่ง สถานีแยกนนทบุรี 1 ครับ สำหรับสถานีนี้ มีข่าวมาว่าจะเปลี่ยนชื่อสถานีเป็น “สถานีรัตนาธิเบศร์” แทนด้วยนะครับ
ขึ้นสะพานกลับรถ
พอกลับรถเสร็จ เราก็จะมาลงที่หน้า Central พอดี ตรงนี้จะมีห้าง Robinson กับ Index ด้วยนะครับ ก็จะเป็นห้างที่อยู่ใกล้ๆโครงการครับ ขอจบเรื่องทำเลไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนแล้วกันนะครับ
เจาะลึกตัวโครงการ
Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 25 ชั้น 2 อาคาร มีจำนวนห้องทั้งหมด 1,428 ยูนิต กับอีก 1 ร้านค้าครับ จัดว่าหนาแน่นพอสมควรเลยครับ แต่ว่าเมื่อเทียบกับขนาดที่ดินขนาด 9-1-91 ไร่ แล้ว หารออกมาก็จะได้อัตราส่วนประมาณ 150 ยูนิต/ไร่ ก็ถือว่าพอดีๆ หลวมกว่าคอนโด High Rise ในเมืองหลายตึกเลย
มาดู Master Plan กันบ้าง ตัวโครงการแบ่งออกเป็น 2 Tower คือ N (North) กับ Tower S (South) สูง 25 ชั้นเท่ากัน แต่ Tower N จะพ่วงอาคารจอดรถมาด้วย โดยตั้งแต่ชั้น 1-8 จะเชื่อมติดกับส่วนจอดรถ ตัวอาคารทั้งสอง วางตัวเป็นรูปตัว L หัวหน้าเข้าหากัน เดี๋ยวดูแปลนชั้นบนๆแล้วจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ
ตรงกลางระหว่างอาคารทั้งสอง ทำเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่ประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำ, อาคารฟิตเนส และ สวนหย่อมโดยรอบ พื้นที่ส่วนกลางของที่นี่ รวมตั้งแต่ทางเข้า มีขนาดประมาณ 2 ไร่กว่าๆ จัดว่าใหญ่พอประมาณสำหรับคอนโดราคา 70,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ก็ต้องคำนึงด้วยนะครับว่าโครงการมียูนิตประมาณ 1400 ยูนิตเหมือนกัน น่าจะต้องแย่งกันใช้หน่อยนะ
เมื่อขับรถเข้ามาจากหน้าโครงการปุ๊บ ก็จะผ่านทางขึ้น-ลง ลานจอดรถก่อน สามารถขับเลยทางขึ้นลานจอดไปยังส่วน drop-off หน้า Lobby ของอาคารทั้ง 2 ได้ แล้วก็ค่อยวนไปจอดรถ ที่จอดรถที่นี่เน้นให้ขึ้นไปจอดบนอาคารจอดรถเป็นหลักครับ จอดรถได้ 504 คันในช่องจอด คิดเป็นประมาณ 35% แบบไม่รวมซ้อนคัน แต่ถ้ารวมแล้วจะได้ประมาณ 40% ถ้าเทียบกับราคาอาจจะมองว่าปกติ แต่ถ้าดูตัวทำเลควบคู่กันไปด้วยแล้ว ก็คงต้องบอกว่าน้อยไปหน่อยนะครับ แต่ก็ดีที่โครงการทำที่จอดรถ Visitor ไว้แยกต่างหากให้ จะได้ไม่ต้องแย่งกับลูกบ้าน
หลังจากจอดรถเสร็จเราก็จะกดลิฟท์ของอาคารจอดรถ (มี 2 ตัว แยกต่างหากจาก Lift พักอาศัย) ลงมาโผล่ข้างล่าง แล้วค่อยเดินเข้า Lobby ครับ… Lobby ของที่นี่จะเป็นโถงพักคอยที่ใช้ร่วมกันทั้ง 2 Tower ครับ ดีไซน์ของล็อบบี้ทำฝ้าสูงเป็นแบบ Double-Volume ด้วย และนอกจากจะเป็นที่นั่งคอย รับแขก ก็จะจัดเป็นมุมโซฟาอ่านหนังสือ พร้อม Free WIFI ไว้ให้
จาก Lobby จะมีทางแยกไปสู่โถงลิฟท์ของแต่ละอาคาร แยกกัน กั้นด้วย Key Card Access แต่เราจะยังไม่ขึ้นไปชั้นบน จากล็อบบี้ที่เดียวกันนี้ก็จะมีทางเดินออกไปยังสระว่ายน้ำ และสวนด้านหลังได้
สระว่ายน้ำของที่นี่ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างสองอาคาร ต่อออกมาจากส่วน Lobby มีสวนส่วนกลางล้อมรอบสระ ตัวสระให้มาขนาดใหญ่ใช้ได้ 25m x 10m ระบบเกลือ ว่ายออกกำลังกายได้จริง ใช้ว่ายไป-กลับแบบจริงๆจังๆ พร้อมๆกันได้ 4-5 คนสบายๆ
อ้อ…แล้วสำหรับ ชั้น G นี้จะเป็นชั้นที่มียูนิตพักอาศัยด้วยนะครับ โดยจะอยู่รอบๆสระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลาง มีตึกละ 7 ยูนิต สำหรับคนที่ชอบห้องชั้นหนึ่ง
สำหรับห้องฟิตเนส จะเป็นอาคารชั้นเดียวแยกต่างหากอยู่ข้างๆสระว่ายน้ำครับ ตัวอาคารใช้ผนังกระจก ออกกำลังกายไป รับวิวสวนกับสระว่ายน้ำไปด้วย สำหรับห้องน้ำส่วนกลางที่อยู่ติดกับฟิตเนส ก็จะมีห้อง Sauna ให้ใช้ได้ด้วย แยกชาย-หญิงนะครับ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 ซึ่งจะเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วครับ แต่ชั้น 2 นี้จะมีเฉพาะยูนิตที่หันหน้าไปทางทิศเหนือ-ใต้ เท่านั้นนะครับ ส่วนห้อง Strip ตรงกลางที่ Facing ด้าน ตะวันออก-ตะวันตก จะยังไม่มี เพราะเป็นพื้นที่ด้านบนของ Lobby ชั้น G ที่ทำเป็น Double Volume จึงกินปริมาตรของชั้น 2 มาด้วย
สำหรับชั้น 2-8 นี้ Tower N จะมีส่วนที่ติดกับลานจอดรถด้วยนะครับ ดังนั้นจะมียูนิตบางส่วนที่อยู่ทางห้องทิศเหนือ ที่โดนตัดออกไปครับ โดยรวมแล้ว ชั้น 2 นี้ก็จะมียูนิตแค่ 14 ยูนิตสำหรับ Tower N และ 22 ยูนิต สำหรับ Tower S ครับ
สำหรับชั้น 3-7 จะหน้าตาเหมือนกันหมดครับ และก็คล้ายกับชั้น 2 ด้วย แต่จะต่างกันตรงที่จะมียูนิตพักอาศัยโซน Strip ตรงกลาง ที่เป็นห้องทิศตะวันออก-ตะวันตกด้วย ความหนาแน่นของ Tower N จะเพิ่มมาเป็น 23 ยูนิตต่อชั้น และ Tower S ก็จะเป็น 31 ยูนิตต่อชั้นครับ
สำหรับชั้น 8 นี้ ตัวห้องเหมือนเดิมจากชั้น 3-7 เลยครับ เปลี่ยนแค่ตัวลานจอดรถ ที่จะกลายเป็นสวนหย่อม ที่ชั้นบนสุดของลานจอดรถ ให้ลูกบ้านขึ้นมาใช้พักผ่อน เดินเล่นได้ครับ ฟังก์ชั่นจริงๆ เราอาจจะไม่ได้ไปเดินหรอก แต่มีไว้เป็นวิว สำหรับคนที่พักอยู่ชั้นสูงๆ มองลงมาที่อาคารจอดรถ ก็จะได้เห็นเป็นเขียวๆแทน ก็ดีกว่าเป็นหลังคาปูนเปลือยๆนะ
แล้วพอเลยชั้น 8 ขึ้นมา ก็จะไม่มีลานจอดรถมาให้เกะกะแล้วครับ ตั้งแต่ชั้น 9-25 เป็นต้นไปหน้าตาเหมือนกันหมดเลย คือเป็นยูนิตพักอาศัยล้วนๆ อัตราส่วนห้องต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 31 ยูนิตต่อชั้น ทั้ง 2 Tower ซึ่งก็จัดว่า “หนาแน่นเป็นปกติ” ของคอนโดระดับนี้ครับ ส่วนเรื่องลิฟท์ ลิฟท์ที่นี่ มี 3+1 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร เป็นลิฟท์โดยสาร 3 ตัว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ประมาณ 240 ยูนิต : 1 ตัว ซึ่งก็ถือว่าหนาแน่นมากครับ แต่ที่นี่เค้าก็มี Service Lift แยกต่างหาก 1 ตัว ในเวลาเช้าๆ-เย็นๆ ที่มีคนใช้เยอะ อาจจะต้องพึ่งพาลิฟท์ตัวนี้ด้วย 🙂
แบบห้องของโครงการ มีอยู่แค่ 4 แบบเท่านั้น แบบแรกคือ แบบ A: 1-Bedroom 24.50 ตร.ม. ขนาดเล็กที่สุด
แบบ B: 1-Bedroom 30 ตร.ม. มี 2 Layout ให้เลือก (B1/B2) ห้องขนาดนี้มีจำนวนเยอะสุด ในรูปข้างบนนี้จะเป็นแบบ B1 มีครัวแยกส่วนอยู่ติดกับระเบียง ทำอาหารที่มีกลิ่นได้ และจะเน้นฟังก์ชั่นห้องนอน ได้ขนาดห้องนอนที่ใหญ่หน่อย มีห้องน้ำอยู่ในห้องนอน ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูบานสวิง ไม่ใช่บานกระจกสไลด์ มี Privacy หน่อย
สำหรับแบบ B2 จะเป็นแปลนนี้ครับ ขนาด 30 ตารางเมตรเท่ากัน แต่จะต่างจาก B1 โดยสลับด้านห้องนอนกับห้องครัว แต่ยังได้เป็นครัวแยกส่วนมีบานกระจกสไลด์เปิด-ปิดเหมือนเดิม และกั้น Space ของห้องนั่งเล่นให้มีขนาดใหญ่ขึ้นมา โดยที่ไปลดขนาดห้องนอนลงครับ ห้องน้ำออกมาอยู่นอกห้องนอน เข้าจากห้องนั่งเล่นแทน และกั้นห้องนอนด้วยประตูบานสไลด์แทนที่จะเป็นบานทึบ ทำให้ได้แสงธรรมชาติในห้องนั่งเล่นเพิ่มเข้ามา แต่ก็จะแลกด้วย Privacy ที่ลดลงไป
ถ้าเทียบกับโครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 1 ห้องนี้จะเป็นห้อง Design ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในโครงการ 2 นี้ครับ นอกเหนือจาก 3 แบบที่เหลือ ที่เป็นแบบห้องเดียวกันกับโครงการแรก
และแบบ C จะเป็นห้อง 2-Bed ขนาด 45.50 ตารางเมตร ซึ่งแบบนี้จะมีจำนวนน้อยที่สุด ชั้นละ 3 ห้องเท่านั้น เป็นห้องมุมทั้งหมด ฟังก์ชั่นจะเป็นห้องนั่งเล่นอยู่ตรงกลาง แยกห้องนอนซ้าย-ขวา ได้ระเบียงยาว ห้องน้ำเข้าได้สองทาง จากห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นก็ได้ ครัวอยู่ที่มุมแต่ยังได้เป็นครัวแยกส่วนเหมือนเดิม
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำที่ชั้น G ขนาด 25×10 เมตร ระบบเกลือ
- ห้องออกกำลังกาย
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 240:1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ 504 คัน คิดเป็น 35% ไม่รวมซ้อนคัน (ซ้อนคันได้ 40%) ลิฟท์จอดรถ 2 ตัว
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องตัวอย่าง One-Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร (Type B2)
แบบแรกที่จะพาไปดู เป็นห้องแบบ B2: 1-Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร ห้องนี้เน้นเป็นห้อง Living Room ขนาดใหญ่ (สำหรับ แบบ B1 ที่สำนักงานขายนี้โครงการ 2 ไม่มีให้ดู ถ้าอยากดูจริงๆ แนะนำให้ไปดูที่โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 1 ได้นะครับ เพราะ Layout ห้องจะเหมือนกัน)
ห้องนี้ขายแบบ Fully-Fitted ให้เฉพาะตู้เสื้อผ้า, ครัว (ไม่มีเตา ไม่มีเครื่องดูดควัน), บานเลื่อนกระจก, ฉากกั้นอาบน้ำ ซึ่งส่วนตัวแล้วผมคิดว่าราคานี้ที่ทำเลนี้ก็น่าจะให้เป็น Fully-Furnished ได้แล้วนะครับ แหม่
จากหน้าห้องเข้ามา ให้ดู First Impression ก่อนนะครับ จะเห็นว่า ห้องนอนกับห้องนั่งเล่นอยู่ติดกัน กั้นด้วยบานเลื่อนกระจกเขียวตัดแสง วิธีนี้ก็จะดึงแสงธรรมชาติจากหน้าต่างห้องนอนเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นได้ ทำให้ห้องสว่างขึ้น
พื้นได้เป็น Laminate 8มม. สีอ่อน สังเกตการวางรางบานเลื่อน เค้าใช้วิธีดรอปพื้นลงไปนะครับ ไม่ใช่ติดลอยๆ
ส่วนแรกเป็นส่วน Living Area ที่มีโซฟาดูทีวี ระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรนิดๆ ใส่ทีวีขนาดไม่ใหญ่มาก
วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้ให้ และวางโต๊ะกลางไว้ตัวนึง
ด้านหน้าประตู ข้างโซฟา ทำเป็นตู้เก็บของ Built-in
ข้างๆโซฟาอีกฝั่งนึง วางตู้ข้างไว้ด้วย เก็บของได้
ตำแหน่งวางทีวีไม่ Center กับ โซฟาขนาดนี้เท่าไหร่นะครับ ด้านล่างวางตู้วางทีวีแบบ Built-in ได้ก็จริง แต่ก็แนะนำให้เอาทีวีแขวนผนังไปดีกว่า จะได้อยู่ระดับเดียวกับสายตา ไม่ต้องก้มดู เมื่อยคอ
ด้านข้างทีวี Built-in เป็นตู้เก็บของให้ดูเป็นไอเดียครับ แต่ห้องจริงๆตรงนี้จะเป็นพื้นที่เว้าๆเข้าไป เพราะตำแหน่งทีวีมันอยู่ตรงกับเสาพอดี ก็อยากจะแนะนำว่า ทำเป็นตู้เก็บของแบบนี้ไปดีแล้วครับ ได้พื้นที่เก็บของเพิ่ม แล้วยังทำให้พื้นที่มันดูเรียบเสมอกันไป ส่วนทีวีก็วางขนาดได้เท่านั้นก็ใหญ่ที่สุดแล้วนะครับ น่าจะประมาณไม่เกิน 42 นิ้ว
ฝ้าเพดานห้อง ความสูงอยู่ที่ 2.50 เมตร ก็ถือว่าสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปอยู่ประมาณ 10 ซม. หลอดไฟในห้องจะได้เฉพาะแบบสี่เหลี่ยมที่เห็นในภาพ ไม่มี Downlight มาให้นะครับ แล้วก็ไม่ได้ดรอปฝ้าข้างๆ
ถัดมาก่อนที่จะเข้าห้องอื่นๆ ตรงนี้จะเห็นว่า ห้องนอนกับห้องครัวถูกกั้นออกจากห้องนั่งเล่นด้วยบานกระจก ทำให้มีแสงธรรมชาติลอดเข้ามาได้ทั้งสองทาง
ทางเดินต่อมาจากห้องนั่งเล่นตรงนี้ ซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ขวามือเป็นครัว ตรงกลางทำเป็นตู้เก็บของ Built-in ให้ดู
สุดทางตรงนี้สามารถใส่ตู้ Built-in ได้ เพราะเค้าเว้นระยะความลึกเอาไว้ให้แล้วประมาณ 30-40 ซม.
ประตูครัวตรงกับห้องน้ำ แบบนี้ มีแสงธรรมชาติลอดจากหน้าต่างครัว เข้าไปที่ห้องน้ำส่วนหนึ่ง
พื้นที่ห้องน้ำจัดออกมาแน่นพอสมควร วางอ่างล้างมือไว้ซ้าย โถสุขภัณฑ์ไว้ด้านขวา ด้านในเป็น Shower Box
โถสุขภัณฑ์ได้เป็นของ Cotto ขนาดประมาณนี้
สายฉีดชำระแบบมาตรฐาน
ที่วางกระดาษชำระ
พื้นและผนังห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องขนาด 30×30 ซม.
อ่างล้างหน้าแบบสำเร็จ มีชั้นวางของด้านหลังนิดหน่อย ไม่มีตู้เก็บของด้านล่าง ซึ่งแนะนำว่าให้ไปหาตู้อะไรมาวางคู่กันซะ จะได้มีที่เก็บอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในห้องน้ำได้
หัวก็อกน้ำของอ่างล้างหน้า
ติดกระจกเงาเต็มบานขนาดนี้ไว้ให้ด้วย ใหญ่ดีนะครับ 😀
ฉากกั้นอาบน้ำแบบ 3 ตอน ติดมาให้ด้วย
พอเลื่อนสไลด์ออกแล้วก็จะเป็นแบบนี้
ชุดฝักบัวอาบน้ำ ผนังตรงนี้ติดกระเบื้องโมเสกให้ด้วย
หัวก็อกฝักบัว
ติดตั้งที่วางสบู่พลาสติกเอาไว้ให้ด้วย
หัวฝักบัวรุ่นนี้ก็ใหญ่ดีนะครับ ฮ่าๆ
ติดพัดลมดูดอากาศไว้ให้แบบนี้เลย
ออกจากห้องน้ำไปเข้าครัวกันบ้าง พื้นที่ครัววางไว้แน่นเอียดเหมือนกัน แต่ยังพอมี Space ให้ขยับเขื้อนตัวได้ พื้นครัวปูกระเบื้อง ขนาด 30×30 cm
โต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งเอาชิดผนังไปเลย ตามรูปผนังที่เว้าเข้าไปอยู่แล้ว พื้นที่ตรงนี้กว้างประมาณ 120 ซม.ครับ ห้องตัวอย่างเขาแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ SB รุ่น Condo Fit ที่พึ่งเปิดตัวไป 😀 ถ้าไปซื้อของเค้ามาใส่ก็พอดีเป๊ะเลย แต่ถ้าจะดูเป็นรุ่นอื่นยี่ห้ออื่น ผมแนะนำให้วัดขนาดพื้นที่ให้ดีๆก่อนนะครับ ไม่งั้นก็ทำเป็นชุด Built-in ไปเลยง่ายดีครับ
ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์ครัว กับที่วางตู้เย็น
วางตู้เย็นได้ขนาดประมาณนี้ ไม่เล็กไม่ใหญ่
Pantry หน้าตาประมาณนี้ วางเครื่องซักผ้าไว้ข้างใต้ ซึ่งหลายๆที่เค้าจะชอบเอาเครื่องซักผ้าไปไว้นอกห้อง เอามาไว้ในห้องแบบนี้ก็ดีนะครับ ถึงจะเสียพื้นที่เก็บของไปบ้าง แต่เครื่องซักผ้าจะได้ไม่โดนฝน แล้วระเบียงจะได้มีพื้นที่ไปทำอย่างอื่น ไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าให้เกะกะ
ด้านบนทำเป็นตู้เก็บของและชั้นวางของ เว้นพื้นที่วางเตา และที่ดูดควันเอาไว้ให้ด้านข้าง
อ่างล้างจานของ Teka แบบมีที่พักภาชนะด้านข้าง ท้อปครัวไม่ใช่หินนะครับ แต่เป็นลามิเนต
ผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ครัว ปูกระเบื้องกันเลอะเทอะเอาไว้ให้เป็นมาตรฐาน
ออกไปที่ระเบียง
ระเบียงกว้างประมาณ 90 ซม. ยาวประมาณ 1.60 เมตรได้
กั้นด้วยธรณีก่อสูงๆแบบนี้ และพื้นระเบียงก็ลดระดับลงไปอีกหน่อยด้วย ระดับไม่เท่ากับพื้นห้องนะครับ เวลาจะเดินออกไปก็ต้องระวังสะดุดหน่อย แต่แบบนี้จะป้องกันน้ำฝนสาด, ฝุ่น ไม่ให้เข้าห้องได้ค่อนข้างดี
ราวกันตกสีน้ำตาลแบบนี้
บางคนอาจจะสงสัยว่าไอ้แผ่นข้างบนนั้นเอาไว้ทำอะไร …….. ผมก็สงสัยครับ ฮ่าๆๆ
ด้านข้างติดราวตากผ้าแบบนี้ไว้ให้
ตำแหน่งติด Compressor แอร์จริงๆจะแขวนอยู่ด้านบนครับ และเป่าออกไปทางนอกระเบียง
ที่พื้นติดก็อกล้างพื้นไว้ให้ด้วย
สุดท้ายก็จะเป็นห้องนอน Space ห้องนอนประมาณนี้ครับ
พื้นที่ปลายเตียงวางชั้นวางทีวีไม่ได้แบบนี้ก็ต้องเอาทีวีแขวนผนังไปครับ แต่ทีวีดูจะไม่ค่อยได้ Center กับเตียงเท่าไหร่นะ
ตู้เสื้อผ้า Built-in ไว้ให้เลย ขนาดประมาณนี้ ถ้าอยู่กันสองคนอาจจะไม่พอนะ
พื้นที่ข้างเตียงค่อนข้างเหลือๆ จะวางเตียง 6 ฟุตก็ได้ เพราะในห้องตัวอย่างเค้าใส่ไว้ให้ดูแค่ 5 ฟุต ส่วนโต๊ะทำงานก็วางตรงนี้ ของจริงเค้าไม่ได้ให้อยู่แล้ว เราก็เลือกขนาดของเราเองได้
พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายนี้เหลืออยู่นิดหน่อย เค้าก็วางโคมไฟไว้ให้ดู หรือใครจะหาโต๊ะตัวเล็กๆมาวางที่หัวเตียงก็ได้นะ
หน้าต่างห้องนอนหน้าตาแบบนี้ มีบานใหญ่บานนึง บานเล็ก 2 บาน มีบานกระทุ้งเปิดออกได้ ก็จะดูโล่งๆนิดนึงนะครับ เพราะหน้าต่างบานซ้ายไม่มีกรอบตรงกลางมาให้ดูเกะกะ ให้เป็นบานเต็ม
เพดานห้องนอน ให้หลอดไฟสี่เหลี่ยมอย่างเดียวนะครับ ไม่มีหลอด Downlight และไม่ดรอปฝ้า เหมือนกัน
ห้องตัวอย่าง Two-Bedroom ขนาด 45.50 ตารางเมตร (Type C)
ห้องตัวอย่างอีกห้องนึงเป็นห้อง Two Bed ขนาด 45.50 ตารางเมตร เป็นห้องมุมด้วยครับ วาง Layout เป็น Living Room ตรงกลาง มีห้องนอนอยู่ซ้าย-ขวา มีครัวแยกส่วนต่างหาก อยู่ทางด้านข้างทำครัวปิดได้ และมีห้องน้ำที่เข้าได้จากทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น
เดินเข้าห้องมา First Impression เป็นแบบนี้ครับ เจอห้อง Living ก่อนเลย ห้องนี้เป็นห้องมุม มีช่องเปิดรับแสงธรรมชาติจากสองด้าน
เข้ามาในห้องปุ๊บ เจอโต๊ะกินข้าวอยู่หน้าสุดเลย เป็นแบบ 4 ที่นั่งวางได้สบายๆ ตั้งอยู่ติดกับส่วนครัว ซึ่งดีแล้วจะได้ยกอาหารออกมาวางง่ายๆ
มองย้อนกลับไปที่หน้าห้อง จะเห็น Space ประมาณนี้ ด้านขวาเป็นทางเข้าครัวนะครับ
ติดกับประตู วางตู้ built-in ไว้ข้างประตู สำหรับเก็บของ เก็บรองเท้าได้
ทางเข้าห้องครัวอยู่ทางด้านนี้ ติดกับโต๊ะกินข้าว มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ทำเป็นครัวปิดแยกส่วนไปได้ โดยสามารถระบายอากาศออกทางช่องหน้าต่างในครัวได้ด้วย
Space บริเวณหน้าครัวอีกมุม
เข้ามาในครัวแล้ว ได้ Space ประมาณนี้ครับ วางเคาน์เตอร์ครัว, อ่างล้างมือไว้ฝั่งขวา วางตู้เย็นกับเครื่องซักผ้าไว้ฝั่งซ้ายตรงข้ามกัน พอวางเฟอร์นิเจอร์ลงไปแล้ว ตรงกลางมีระยะห่างประมาณ 1 เมตรพอดีๆ ก็พอที่จะทำให้หมุนตัว หยิบจับอะไรได้สะดวกหน่อย
ขนาดเคาน์เตอร์ครัวประมาณนี้ Spec วัสดุเหมือนกับห้องที่แล้วครับ วางอ่างล้างจานแบบมีที่พักภาชนะไว้ให้เหมือนกัน
ด้านบนแขวนตู้เก็บของได้พอประมาณ อันนี้แถมให้นะครับ
พื้นที่ติดเตาไฟฟ้ากับที่ดูดควัน วางไว้ด้านนี้ได้เพราะเค้าเว้นพื้นที่ไว้ให้ แต่วางตรงนี้อาจจะชิดผนังไปหน่อยนะครับ เวลาทำอาหารอาจจะไม่ค่อยสะดวก คนทำครัวน่าจะรู้ดี ว่ามันต้องมีระยะเผื่อให้วางกระทะ หรือหม้อใบใหญ่ๆนิดนึง
พื้นที่ฝั่งนี้ วางเครื่องซักผ้า กับตู้เย็น เหลือพื้นที่นิดหน่อย
ครัวนี้ถึงจะไม่ได้อยู่ติดระเบียง แต่มีหน้าต่างได้ เพราะเป็นห้องมุมจึงมีช่องแสงเปิดด้านนี้ด้วย
ออกจากห้องครัวมา มุมที่เห็นจะเป็นแบบนี้ มองไปยังห้องนอนใหญ่ กับห้องน้ำ
ถัดมาเป็นส่วนโซฟานั่งดูทีวี จัด Space ไว้ประมาณนี้
วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งตัวใหญ่ๆหน่อยได้ หรือจะใส่เป็นตัว L ที่ไม่ใหญ่จนเกินไปนักก็พอทำได้นะครับ
ระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ก็พอจะวางทีวีขนาด 50 นิ้วได้ไม่อึดอัดเท่าไหร่ วางโต๊ะกลางได้อีกตัว แต่ตัวไม่ใหญ่มากนะ เดี๋ยวเดินไปที่ระเบียงลำบาก
โซฟาตรงนี้อยู่ติดกับประตูระเบียง ได้รับแสงธรรมชาติเต็มๆ
ออกมาที่ระเบียง ได้เป็นระเบียงยาวๆแบบนี้ กว้าง 90 ซม.
ปลายสุดฝั่งนั้นตรงที่เป็นตำแหน่งวางโคมไฟ จริงๆแล้วเป็นตำแหน่งวาง Compressor Air ครับ หันหน้าเป่าออกไปทางระเบียง มี Grille บังสายตาเรียบร้อยดี ทางโครงการบอกว่าห้องตัวอย่างติดมาผิด แต่เดี๋ยวจะแก้ไขเร็วๆนี้นะครับ
ถัดจากส่วนดูทีวี ก็เข้ามาที่ห้องนอน
ห้องนอนจัดเฟอร์นิเจอร์ไว้สองฝั่ง ซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ขวาวางเตียง 3.5 ฟุต มี Space ตรงกลางประมาณนี้
เตียงขนาด 3.5 ฟุตนี้ใส่พอดีเป๊ะกับผนังห้องเลยครับ พื้นที่รอบเตียงไม่เหลือเลย โครงการบอกว่า ถ้าเป็น Box Spring ทั่วๆไปขนาดนี้สามารถใส่ได้พอดีเลยครับ 😀 แต่ถ้าจะไปซื้อฐานเตียงมาวาง แนะนำให้ดูขนาดดีๆก่อนนะครับ
บางคนอาจจะงงว่า Box Spring ที่ผมบอกคืออะไร มันคือ “ฐานรองที่นอน” ครับ ซึ่งจะขนาดกว้างและยาวเท่ากับที่นอนพอดี แตกต่างกันที่ความสูง เราเห็นเหมือนๆกันแบบนี้ จริงๆแล้วตัวฟูกที่นอนจะมีความนุ่มกว่าตัว Box Spring มากครับ เราจะเห็นสิ่งนี้ได้บ่อยๆตามโรงแรม ที่เขาจะมี (1) ฐานเตียง (2) ฐานรองที่นอน และ (3) ฟูกที่นอน ซ้อนกัน 3 อันครับ ตัว Box Spring นี้จะทำหน้าที่ เพิ่มความสูงให้กับที่นอน กรณีเราวางแต่ที่นอนอย่างเดียวมันก็จะเตี้ยไปใช่มั้ยครับ ถ้าเราซ้อน Box Spring กับฟูก เราก็จะสามารถลุกขึ้นจากเตียงได้สะดวกกว่า และยังทำหน้าที่ Support ที่นอน รองรับแรงกระแทก จากแรงกดบนที่นอน (?) ได้ด้วย 😀 ไม่งั้นเคยมั้ยครับ เวลากระโดดขึ้นเตียงแรงๆแล้วเราวางที่นอนไว้อย่างเดียว ไม่มี Box รองด้านล่าง ที่นอนจะยุบลงไปเลยแล้วตัวเราก็จะกระแทกกับฐานเตียงครับ ก็เป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับที่นอนจาก ThinkofLiving นะครับ
ผนังห้องนอนเล็กได้ช่องแสงด้วย มีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บาน เปิดระบายอากาศได้
ตู้เสื้อผ้า กับ โต๊ะเครื่องแป้ง แบบ Built-in วางอยู่อีกด้านหนึ่งของเตียง ขนาดตามที่เห็น
ออกจากห้องนอนเล็ก ไปเข้าห้องน้ำกันบ้าง ห้องนอนเล็กไม่มีห้องน้ำในตัว ดังนั้นก็ต้องไปใช้ร่วมกับห้องนอนใหญ่นะครับ
ห้องน้ำเข้าได้จากทั้งห้องนอนใหญ่ และห้องนั่งเล่นครับ มีประตูเปิดเข้าสองด้านแบบนี้
ห้องน้ำจัดมาเป็นแบบ 3-ฟังก์ชั่นมาตรฐาน พื้นที่เยอะขึ้นมาหน่อยถ้าเทียบกับห้องที่แล้ว
อ่างล้างหน้า กับ โถสุขภัณฑ์ Spec เดิม
ฉากกั้นอาบน้ำ จะเป็นบาน Slide 3 บานเหมือนเดิม แต่จะมีบานขวาสุดที่เป็นบาน Fixed ดังที่เห็นในรูป อันนี้เปิดสุดแล้วนะครับ
พื้นที่ Shower Box ยาวใช้ได้ แต่ไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ แต่ยังไงก็ดีกว่าแคบๆแน่นอน
มีพื้นท่ีวางอุปกรณ์อาบน้ำตรงนี้อีกหน่อย กว้างดีครับ วางแชมพูได้หลายขวดเลย
หน้าตาฝักบัวเหมือนเดิมกับห้องที่แล้วครับ ปูกระเบื้องโมเสกมาเหมือนกับห้องที่แล้วเช่นกัน
สุดท้ายคือเข้าไปที่ห้องนอนใหญ่ ด้านหน้าจัดพื้นที่เป็นตู้เก็บของแบบนี้
เข้าไปเจอเตียง 5 ฟุตวางอยู่
พื้นที่ข้างๆเตียงตรงนี้มีพื้นที่เหลือ เค้าเลยวางโต๊ะเอนกประสงค์ อยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า … แต่ทว่า ….
การวางโต๊ะไว้ติดกับตู้ตรงนี้ ไม่เหมาะครับ มันจะชิดเกินไปเดี๋ยวเปิดตู้ไม่สะดวก แต่ตรงนี้แก้ไขได้ไม่ยากครับ โครงการไม่ได้ให้เฟอร์มาอยู่แล้วครับ เราสามารถจัดเองได้ แนะนำให้เราวางเป็นตู้ข้างเตียงที่มีขนาดเล็กกว่านี้จะดีกว่านะครับ
ทีวีปลายเตียง แขวนผนังเอาครับ จะใส่ทีวีจอใหญ่กว่านี้ก็ได้นะ
หัวเตียงอีกฝั่งหนึ่ง พื้นที่ด้านข้างยังเหลืออีกหน่อย เค้าทำเป็นชั้นวางของ ขนาดประมาณ 30 ซม. เห็นจะได้
สุดท้ายคือหน้าต่างห้องนอนใหญ่ ก็จะได้เป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 บานเหมือนกัน
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 19 June 2013
- One-Bedroom, Tower S ชั้น 10 ห้อง B06 เนื้อที่ 30.00 ตารางเมตร ราคา 2.21 ล้านบาท หรือ 73,656 บาทต่อตารางเมตร
- One-Bedroom, Tower N ชั้น 12 ห้อง B19 เนื้อที่ 30.50 ตารางเมตร ราคา 2.33 ล้านบาท หรือ 76,537 บาทต่อตารางเมตร
- Fully-Fitted: ครัว/ตู้เสื้อผ้า/ฉากกั้นอาบน้ำ/ฉากกั้นห้อง/แอร์
- เพดานสูง 2.50 เมตร
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000 บาท
- ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลของ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 อยู่ติดถนนใหญ่รัตนาธิเบศร์ ไม่ต้องเข้าซอยใดๆอีก ซึ่งทำให้การเดินออกมาเรียกรถที่ถนนใหญ่นั้นสะดวกปลอดภัยกว่า ที่ดินอยู่ติดกับแนวตึกแถวด้านซ้าย ส่วนด้านขวาติดที่ดินเปล่าของ AP ซึ่งก็น่าจะเก็บไว้ทำโครงการในอนาคตครับ และถัดไปจากนั้นจะเป็นปั๊มน้ำมัน ซึ่งที่ดินตรงปั๊มน้ำมันนี่ก็ดูมีแนวโน้มที่จะขึ้นตึกสูงได้ แต่ก็คงจะไม่ใช่เร็วๆนี้ล่ะนะครับ
ความอุดมสมบูรณ์รอบๆโครงการ ในระยะเดินเท้าถือว่าไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ หาของกินยาก ไม่ค่อยมีร้านค้า ไม่มีชุมชนใหญ่ๆ เพราะเป็นถนนที่คนใช้สัญจรมากกว่า ที่อยู่ใกล้สุดก็คือ Big C รัตนาธิเบศร์ 2 ที่อยู่ห่างไป 300-400 เมตรจากโครงการ ตรงที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้านั่นแหละ อาจจะแวะก่อนกลับบ้านได้ แต่ถ้าเปลี่ยนจากเดินเท้ามาเป็นขับรถแล้ว ความอุดมสมบูรณ์จะเพิ่มขึ้นมากพอสมควรเลย เพราะใกล้ๆนี้มีห้างใหญ่ๆอยู่หลายที่ เช่น เซ็นทรัล, โรบินสัน, Index, Esplanade, Big C, Lotus และถ้าวิ่งย้อนกลับไปถนนงามวงศ์วาน ก็จะมีห้าง The Mall กับ พันธุ์ทิพย์พลาซ่า ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะเป็นที่พึ่งพิงของคนโซนนนทบุรีแถวนี้แหละ ไม่ต้องเข้าไปในเมืองไกลๆ
การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกในโซนนนทบุรีครับ ข้อดีของตรงนี้คือ สามารถข้ามสะพานไปอีกฝั่งนึงได้ง่าย เพราะมีสะพานพระนั่งเกล้า กับสะพานพระราม 7 อยู่ใกล้ๆ มีทางเลี่ยงทางลัดไปใช้ถนนข้างเคียงได้พอสมควร แต่ข้อเสียของถนนรัตนาธิเบศร์ก็คือ รถติด เช่น ที่แยกแคราย, แยกพงษ์เพชร และ ช่วงด่านเก็บเงินขึ้นทางด่วน เพราะตลอดทาง มีทั้งสำนักงาน, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย และห้างสรรพสินค้า และข้อเสียอีกอย่างหนึ่งของโครงการนี้ในเรื่องการขับรถ ก็คือ ที่จอดรถ ที่มีแค่ 40% รวมซ้อนคันแล้ว อาจจะไม่พอได้นะครับ
สำหรับการเดินทางแบบไม่ใช้รถ ตัวโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า 2 สถานีด้วยกัน อันที่ใกล้กว่าคือ สถานีศรีพรสวรรค์ เป็นรถไฟฟ้าสายสีม่วง ห่างไปประมาณ 250 เมตรถึงบันไดรถไฟฟ้า (ที่มีทางเดินต่อไปถึงสถานีอีกเกือบๆ 100 เมตร) ส่วนอีกอันนึงจะอยู่ไกลกว่า คือสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ซึ่งความพิเศษของสถานีนี้คือมันเป็นสถานี Interchange ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีชมพูด้วย แปลว่า โครงการก็จะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าทั้งสองสายเลย เลือกใช้ได้ทั้งคู่ ซึ่งถือเป็นข้อดีที่สำคัญข้อนึง แต่รถไฟฟ้าสายที่จะเปิดใช้ก่อนจะเป็นสายสีม่วงนะครับ ส่วนสายสีชมพูจะค่อยเปิดตามทีหลังไปอีก 2-3 ปีอย่างน้อยเลยแหละ
สำหรับตัววัสดุอุปกรณ์ที่ให้มาของโครงการนี้ เทียบกับราคาในช่วง 70,000 บาทต่อตารางเมตร ความจริงก็ควรจะได้เป็น Fully Furnished นะครับ อันนี้ให้เป็นแบบ Fully Fitted มีครัว ไม่มีเตา ไม่มีที่ดูดควัน มีตู้เสื้อผ้า แล้วก็ฉากกั้นอาบน้ำ เท่านั้นเอง และวัสดุที่ให้ก็ควรจะได้เกรดดีกว่านี้อีกสักหน่อย เช่น ราวตากผ้าที่ติดให้น่าจะดูแข็งแรงกว่านี้หน่อย และหัวก็อกในห้องน้ำที่ยังเป็นแบบเกลียวหมุนอยู่ ฯลฯ
การออกแบบโครงการ จำนวนยูนิต 1400 กว่ายูนิต, 31 ยูนิตต่อชั้น, อัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 240:1 ทั้งหมดนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่บนที่ดิน 9 ไร่หน่อยๆ ถือว่าหนาแน่นพอสมควรครับ ตัวห้องตัวอย่างทำ Layout ออกมาค่อนข้างโอเค วางตำแหน่งเฟอร์ไว้ค่อนข้างลงตัว ได้ฟังก์ชั่นครบดี
สาธารณูปโภค และ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของโครงการ จัดพื้นที่มาให้เยอะดี มีพื้นที่ส่วนกลางร่วม 2 ไร่กว่า สระว่ายน้ำยาว 25 เมตร, อาคารฟิตเนสแยก ทั้งหมดก็ดูดีน่าใช้ แต่ว่าด้วยความที่มีจำนวนยูนิตเยอะ คนที่จะมาใช้ Facilities เหล่านี้ก็จะมีเยอะตามไปด้วย ซึ่งอาจจะพอก็ได้ ไม่พอก็ได้ ทั้งนี้ต้องรอดูหลังจากโครงการสร้างเสร็จและมีคนเข้าอยู่ไปแล้วครับ
สุดท้าย คือถ้าให้ลองเทียบกับตัวโครงการเก่า Aspire รัตนาธิเบศร์ 1 แล้ว ทำเลของโครงการ 2 นี้จะอยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากกว่านิดนึงครับ เดินไปรถไฟฟ้าสะดวกกว่า ที่สำคัญคือในอนาคตจะสามารถเลือกใช้รถไฟฟ้าได้ 2 สาย ทั้งสีม่วงและชมพูเลยครับ แต่ตัวโครงการรัตนาธิเบศร์ 1 จะอยู่ฝั่งขาเข้า ฝั่งเดียวกับเซ็นทรัล อยู่ใกล้เซ็นทรัลมากกว่า แล้วถ้าเช้าๆรีบๆวิ่งเข้าเมืองไปทำงาน ก็ไม่ต้องเสียเวลาขึ้นสะพานกลับรถ จะไปเอสพลานาด ไปพันธุ์ทิพย์ หรือขึ้นทางด่วนก็ง่ายกว่าด้วยครับ ถือว่ามีจุดเด่นกันคนละจุด ส่วนตัวโครงการของ รัตนาธิเบศร์ 2 ด้วยความที่มีขนาดที่ดินเพิ่มขึ้นมา 3 เท่า จาก 3 ไร่เป็น 9 ไร่ ซึ่งก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ข้อดีคือ โครงการใหม่นั้นได้พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วย ทั้งสระน้ำ ฟิตเนส ล็อบบี้ สวน ใหญ่ขึ้นใช้งานได้ดีขึ้น สมบูรณ์ขึ้น และพื้นที่ใหญ่ๆย่อมจะดีกว่าเล็กๆอยู่แล้ว แต่ข้อเสียก็คือจำนวนยูนิตที่มากขึ้นมาอีกเกือบๆ 1,000 ยูนิตจากเดิมครับ ส่วนตัวห้อง ทั้งสองโครงการก็มีแบบห้องเหมือนๆกัน เพียงแต่ตัวโครงการใหม่จะเพิ่ม Type B2 – 30 ตร.ม. ขึ้นมาอีกแบบหนึ่งที่เน้นส่วน Living Area มากขึ้น เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งให้กับลูกค้าครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 70,000 บาทต่อตารางเมตร, ณ วันที่ 27/06/2013
- ทำเล 7.5 /10 – ติดถนนใหญ่รัตนาธิเบศร์ ห้างเยอะ แต่ของกินรอบๆโครงการหายาก
- เดินทางด้วยรถ 7.75 /10 – สะดวกในบริเวณนนทบุรี ข้ามสะพานง่าย แต่รถติด ไกลจากตัวเมืองพอควร ที่จอดรถมีน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ระยะ 250-300 เมตรจากรถไฟฟ้า ใกล้รถไฟฟ้าสองสาย ม่วง-ชมพู
- วัสดุ 7/10 – เทียบกับราคาและทำเลแล้ว น่าจะได้ Fully Furnished
- แบบ 8/10 – โครงการค่อนข้างหนาแน่น ห้องตัวอย่างจัดเฟอร์ค่อนข้างลงตัว แต่ขนาดเฟอร์นิเจอร์หลายอันไม่มาตรฐาน ต้อง Built-in หรือสั่งทำหลายจุด
- สาธารณูปโภค 8/10 – พื้นที่ส่วนกลางให้มาค่อนข้างใหญ่ แต่จำนวนยูนิตก็เยอะตาม ใช้พอหรือไม่พอต้องไปลุ้นตอนอยู่จริง
- MAIN CLASS
- 7.71 / 10.00
BOTTOM LINE
Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับ คนที่ทำงานอยู่ในโซน นนทบุรี-รัตนาธิเบศร์-งามวงศ์วาน มองหาบ้านที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง หวังพึ่งพาความสะดวกของรถไฟฟ้าเส้นใหม่ในการเดินทางในชีวิตประจำวัน ในขณะเดียวกัน ก็อยากจะได้ความสะดวกสบายจากห้างสรรพสินค้า ที่อยู่ในทำเลใกล้เคียง ในระยะที่ขับรถไปได้ไม่ไกล ในงบประมาณ 2 ล้านต้นๆ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ