..วันนี้เราจะพามารีวิวโครงการเปิดใหม่อย่าง ADLER and Baan Chan Chan Road คอนโดแบรนด์ใหม่จาก Carbon 2 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกเลยครับ ที่มีการผสมผสานระหว่างคอนโดมิเนียม และบ้านเดี่ยวหรูไว้ในโครงการเดียวกัน จึงทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้ออยู่กันเป็นส่วนตัวในคอนโด หรือจะอยู่เป็นครอบครัวใหญ่แบบบ้านเดี่ยวก็ได้ หรือถ้าใครยังเลือกไม่ถูกก็อาจซื้อทั้งบ้านให้พ่อแม่และซื้อคอนโดให้ตัวเองด้วย เพื่อที่จะได้ไปมา-หาสู่กันได้ง่ายไปเลยก็ได้ นี่แค่แนวคิดของทางผู้พัฒนาที่นำมาใช้ในการออกแบบโครงการก็ฟังดูน่าสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะครับ

โดยในบทความนี้เราจะเน้นไปที่คอนโดมิเนียมอย่างตัว ADLER Chan Road กันก่อนนะครับ ซึ่งจะเป็นห้องไซส์ใหญ่ 100 ตร.ม.ขึ้นไป ที่มีเพียง 22 ยูนิตเท่านั้น เน้นความเป็นส่วนตัว และให้ความรู้สึกกว้างขวางเหมือนอยู่บ้านเลยครับ ส่วนตัวบ้านเดี่ยวไว้ถ้ามีโอกาสเราอาจได้ทำรีวิวแยกให้อีกครั้ง (ใครสนใจก็รอติดตามชมกันได้เลย หรือจะดูข้อมูลเบื้องต้นในรีวิวนี้ก่อน เราก็มีข้อมูลบางส่วนมาฝากกันด้วย) สำหรับจุดเด่นหรือ Highlights ของตัวคอนโดจะมีดังต่อไปนี้

  • คอนโดห้องไซส์ใหญ่ 100 – 170 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยเยอะ ภายในห้องกว้างขวางและให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน โดยเฉพาะห้องใหญ่สุดที่เป็น Duplex แบบ 2 ชั้น
  • เป็นโครงการที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นยูนิตที่น้อยเพียง 22 ห้อง พร้อมด้วย Double Security Gate 2 ชั้น และมีระบบ Private Lift ที่ใช้งานขึ้น-ลงได้เพียงรอบละ 1 ครอบครัวเท่านั้น
  • ทำเลดี ตั้งอยู่บริเวณช่วงปากซอยของถนนจันทน์ ใกล้ทางด่วนศรีรัชไม่ถึง 1 km. และสามารถเข้าเมืองไปทางสาทรได้ง่ายมาก ส่วนความอุดมสมบูรณ์ก็มีครบครัน และใกล้โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรีอีกด้วย

ข้อมูลโครงการ

ADLER and Baan Chan Chan Road (แอดเลอร์ และ บ้านจันทน์ ถนนจันทน์) ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2567

 ชื่อโครงการ   ADLER and Baan Chan Chan Road (แอดเลอร์ และ บ้านจันทน์ ถนนจันทน์)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท คาร์บอนทู จำกัด (บริษัทในเครือ AP Thailand)
 SEGMENT CLASS   HIGH CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ซอย จันทน์ 51 เขต บางคอแหลม
 ที่ดิน   1-1-27.88 ไร่
 ประเภทคอนโด   Low Rise 7 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต   คอนโด 22 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   4 ยูนิต
 ที่จอดรถ  36 คัน หรือคิดเป็น 163% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2567
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2568
 ประเภทห้องพัก
  • 2 Bed 2 Bath 1 Powder ขนาดพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม.
  • 3 Bed 3 Bath ขนาดพื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม.
  • 3 Bed 2 Bath 1 Powder (Duplex) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.5 – 2.8 เมตร ในแบบห้องปกติ และ 6 เมตร ในห้อง Duplex
 ราคาเริ่มต้น  1x.xx ล้านปลายๆ
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 185,900 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  n/a
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  n/a
 เว็บไซต์โครงการ https://pg.thinkofliving.com/ADLERChanRoad
 Call Center 1623

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้ทางด่วนศรีรัชเพียง 750 m. สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้สะดวก
  • เข้าเมืองไปทางสาทรได้ง่าย โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
  • ทำเลอุดมสมบูรณ์ ใกล้โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี ห้างสรรพสินค้า และศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพอย่างสาทร
  • เป็นซอยลัดที่สามารถเชื่อมต่อ และลัดเลาะไปออกถนนใหญ่ได้หลายเส้นทาง ทำให้เลี่ยงรถติดได้ดี

พิกัด Google Maps : 13.706640, 100.514900
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ ADLER and Baan Chan Chan Road ตั้งอยู่ภายในซอยจันทน์ 51 ย่านพระราม 3 และเพียง 10 นาทีก็ถึง ‘ย่านสาทร’ หนึ่งในทำเล CBD หรือย่านศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพ ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานต่างๆมากมาย หรือถ้าใครที่ต้องใช้ทางด่วนก็จะมีทางพิเศษศรีรัชอยู่ห่างออกไปเพียง 750 m. เท่านั้นครับ เรียกได้ว่าการเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกสบายมากๆสำหรับทำเลนี้ นี่ยังไม่รวมว่าซอยนี้ยังสามารถลัดเลาะไปออกถนนหลักต่างๆได้อีก 4 เส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นถนนจันทน์ / ถนนเจริญกรุง / ถนนพระราม 3 และถนนเจริญราษฎร์

นอกจากนี้ยังเป็นทำเลที่แวดล้อมไปด้วยโรงเรียนนานาชาติชื่อดังมากมาย อาทิ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี / โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน / โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก / โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ / โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ เป็นต้น ส่วนความอุดมสมบูรณ์นี่ก็จัดว่าครบครันเลยครับ มีห้างใหญ่ๆอยู่ใกล้ๆเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Central พระราม 3 / Terminal 21 พระราม 3 / ICONSIAM และยังมีสถานที่สุดชิลอย่าง Asiatique อยู่ใกล้ๆด้วย

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

การใช้ทางด่วนได้สะดวก ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการนี้เลยครับ โดยเราจะอยู่ห่างจากจุดขึ้นทางด่วนศรีรัชเพียง 750 m. เท่านั้น  ซึ่งถ้าในช่วงปกติก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็น่าจะได้ขึ้นทางด่วนแล้ว หรือถ้าเวลารถติดก็น่าจะไม่ถึง 10 นาทีครับ และตอนขากลับบ้านก็จะมีจุดลงทางด่วนอยู่บริเวณแยกเดียวกันนี้เอง ถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่ขับรถไปขึ้นทางด่วนได้สะดวกมากๆ

เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง :

อีกหนึ่งจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการภายในซอยจันทน์ 51 คือเป็นซอยลัดสำคัญของย่านที่สามารถเชื่อมต่อกับซอยอื่นๆ และเข้า-ออกถนนหลักได้หลายเส้นทางมากๆ ดังนี้

  1. ซอย จันทน์ 51 : เป็นเส้นทางหลักของโครงการที่อยู่ใกล้ปากซอยมากที่สุดเพียง 240 m. ซึ่งเข้า-ออกจากทางถนนจันทน์ และยังใช้เป็นเส้นทางเข้าเมืองหลักไปทางสาทร หรือจะขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชได้สะดวกที่สุดอีกด้วย
  2. ซอย เจริญราษฏร์ 8 : เป็นเส้นทางไปออกถนนเจริญราษฏร์ ระยะทางประมาณ 550 m. ซึ่งสามารถกลับรถตรงใกล้ๆปากซอย เพื่อไปทางถนนพระราม 3 ได้สะดวก
  3. ซอย เจริญกรุง 85 : เป็นเส้นทางลัดที่สามารถไปออกถนนเจริญกรุงได้ ระยะทางประมาณ 1.4 km. เหมาะกับคนที่อาจต้องการไปทานอาหาร/นั่งชิลที่เอเชียทีคบ่อยๆ  หรือจะเข้าเมืองไปทางสีลม-สะพานตากสินก็ได้ครับ
  4. ซอย ประดู่ 1 : อีกหนึ่งเส้นทางที่สามารถมาออกถนนเจริญราษฏ์ได้ ระยะทางประมาณ 2.1 km. ซึ่งเราก็สามารถกลับรถเพื่อมาเลือกเลี้ยวซ้ายไปทางพระราม 3 – สมุทรปราการ หรือจะเลี้ยวขวาไปห้าง Terminal 21 และถนนเจริญกรุง – ฝั่งธนก็ได้
  5. ซอย เจริญกรุง 107 : เป็นเส้นทางลัดที่เราสามารถไปขึ้นสะพานกรุงเทพ เพื่อข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังฝั่งธนได้สะดวกที่สุด ในระยะทางประมาณ 2.8 km.
  6. พระราม 3 ซอย 19 : เป็นเส้นทางลัดที่เราจะมาออกถนนพระราม 3 ได้โดยตรง ระยะทางประมาณ 2.3 km. เหมาะกับคนที่เน้นใช้ชีวิตไปทางพระราม 3 หรือจะขึ้นสะพานภูมิพล เพื่อข้ามฝั่งไปสมุทรปราการก็ได้

เมื่อเราเข้ามาจากปากซอยทางฝั่งถนนจันทน์ประมาณ 200 m. ก็จะเจอกับที่ตั้งของ Sale Gallery อยู่ทางขวามือแบบนี้ครับ

ภายในจะมีโมเดลและหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ ให้เราชมข้อมูลรายละเอียดต่างๆของโครงการได้ (แต่อาจจะไม่ได้มีห้องตัวอย่างให้ดูนะครับ ต้องใช้จินตนาการกันสักนิดนึง หรือจะอ่านรีวิวของ Think of Living ของเราก็ได้เช่นกัน)

ส่วนที่ตั้งของโครงการจริงๆ จะอยู่ถัดเข้าไปจาก Sale Gallery ทางซ้ายมืออีกเพียงไม่กี่สิบเมตร โดยทางเจ้าหน้าที่จะมีรถคอยให้บริการอยู่ด้านหน้า เพื่อขับพาไปชมที่ตั้งโครงการ และดูทำเลรอบๆด้วยครับ (หากใครสนใจก็สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้เลย)

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยดั้งเดิม ซึ่งจะเป็นอาคารและบ้านสูงประมาณ 2 – 3 ชั้น ส่วนซอยจันทน์ 51 ด้านหน้าก็ค่อนข้างคึกคัก มีรถขับผ่านอยู่ตลอดเวลา สามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 2 – 3 ชั้น
  • ทิศใต้ : ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 2 – 3 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ บ้านเดี่ยว 3 ชั้น และเป็นทางเข้าโครงการที่ติดกับซอยจันทน์ 51
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 2 – 3 ชั้น

บรรยากาศถนนซอยจันทน์ 51 ด้านหน้าโครงการจะเป็นถนน 2 เลนที่รถสวนทางกันได้พอดีๆครับ ซึ่งในช่วงเย็นๆการจราจรค่อนข้างคึกคักพอสมควร เพราะเป็นซอยลัดที่คนในพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ใช้ไปออกถนนหลักอื่นๆด้วยเหมือนกัน

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Makro Food Service ถ.จันทน์ ~ 900 m.
  • Vanilla Moon ~ 1 km.
  • Asiatique The Riverfront ~ 1.8 km.
  • Robinson บางรัก ~ 1.8 km.
  • Makro สาทร ~ 3 km.
  • Central พระราม 3 ~ 3.4 km.
  • Villa Market นางลิ้นจี่ ~ 3.3 km.
  • Terminal 21 พระราม 3 ~ 3.6 km.
  • Market Place นางลิ้นจี่ ~ 3.6 km.
  • Home Pro พระราม 3 ~ 3.9 km.
  • The Up พระราม 3 ~ 4.1 km.
  • Lotus’s พระราม 3 ~ 4.2 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.ไทยจักษุ พระราม 3 ~ 2.5 km.
  • รพ.เซนต์หลุยส์ ~ 3 km.
  • รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ ~ 3.3 km.
  • รพ.บีเอ็นเอช ~ 3.7 km.

โรงเรียน

  • Shrewsbury International School ~ 950 m.
  • รร.พระแม่มารีสาทร ~ 1.6 km.
  • รร.กรุงเทพคริสเตียน ~ 2.2 km.
  • รร.อัสสัมชัญ ~ 2.6 km.
  • รร.สารสาสน์เอกตรา ~ 2.4 km.
  • รร.เตรียมอุดมฯ ยานนาเวศ ~ 3 km.
  • รร.พระแม่มารีสาธุประดิษฐ์ ~ 3.2 km.
  • รร.เซนต์หลุยส์ศึกษา ~ 3.3 km.
  • Raintree International School ~ 3.7 km.
  • King’s College International School ~ 3.9 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • เป็นโครงการขนาดเล็ก มีความเป็นส่วนตัวเพียง 22 ยูนิตเท่านั้น
  • มีห้องพักอาศัยชั้นละ 4 ยูนิต และยังได้เป็น Private Lift อีกด้วย
  • Double Security Gate 2 ชั้น มีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูง
  • เป็นโครงการแบบใหม่ ครั้งแรกที่ผสมผสานระหว่างโปรดักส์คอนโดและบ้านเดี่ยว ทำให้มีตัวเลือกในการอยู่อาศัยมากขึ้น

ADLER and Baan Chan Chan Road เรียกได้ว่าเป็น Business Model โครงการจัดสรรรูปแบบใหม่ครั้งแรกในไทยเลยก็ว่าได้ครับ ที่มีการ Mixed รวมกันระหว่างคอนโดและบ้านเดี่ยวภายในรั้วเดียวกันแบบนี้ ซึ่งแนวคิดการพัฒนาของบริษัท Carbon 2 ต้องการให้เกิดการเกื้อกูลกันระหว่างโปรดักส์ทั้ง 2 โดยเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ที่จะมีเพิ่มมากขึ้นกว่าโครงการที่สร้างแบบเดี่ยวๆทั่วไป อีกทั้งยังคำนึงถึงพื้นที่ใช้สอยและการใช้ชีวิตของผู้ที่จะมาอยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด “Your Me Space, Your Best Location”

โดยกลุ่มเป้าหมายหรือ Target ของโครงการส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่คุ้นชิน และใช้ชีวิตอยู่ในทำเลนี้อยู่แล้ว ซึ่งอาจมีทั้งคนที่ต้องการแยกครอบครัวออกมาอยู่คอนโด และคนที่ยังอยู่แบบครอบครัวขนาดใหญ่ ต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะๆที่สามารถใช้เวลาร่วมกันได้ (We Space, Golden Time) แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเองด้วยครับ (Me Space, Me Time) โดยคอนเซ็ปต์นี้ก็จะถูกนำไปใช้ทั้งในรูปแบบการจัดสรรโครงการ และการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในด้วยนั่นเอง

โครงการ ADLER and Baan Chan Chan Road ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-1-27.88 ไร่ ประกอบด้วย 2 โปรดักส์คือ คอนโดมิเนียม 7 ชั้น 22 ยูนิต จำนวน 1 อาคาร โดยใช้ชื่อว่าโครงการ ADLER Chan Road ที่ค่อนข้างมีความ Private เป็นส่วนตัวสูงมากๆ

และบ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 2 ยูนิต ชื่อว่า Baan Chan ซึ่งในส่วนของตัวบ้านเดี่ยวจะเป็นแปลงที่ดินที่แยกตัวออกมาจากคอนโดเลยครับ (ไม่ได้จดเป็นโครงการจัดสรรเดียวกัน) แต่จะใช้เป็นถนนภาระจำยอมร่วมกันที่ด้านหน้าแทนนั่นเอง

ดีไซน์ภายนอกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Modern Neo Classic อีกทั้งยังมีความ Timeless Design จึงมีความเรียบหรูสวยงามเข้ากับทุกยุคทุกสมัย และสอดคล้องกับบริบทของทำเลย่านเจริญกรุง ที่มีความอนุรักษ์นิยมและมีสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง

ผังโครงการบริเวณด้านหน้าจะเป็นถนนภาระจำยอม ที่ใช้ร่วมกันระหว่างบ้านเดี่ยวและคอนโดครับ โดยจะมีซุ้มประตูทางเข้า 2 จุดเป็นแบบ Double Gate Security จึงทำให้มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ซึ่งประตูบริเวณจุดแรกจะเปิดในช่วงเวลากลางคืน (เข้า-ออกด้วยระบบจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์) แต่ตอนกลางวันจะเปิดเอาไว้ให้เพื่อความสะดวกในการเข้า-ออกแทน

ทั้งนี้สำหรับคนที่อยู่คอนโดด้านใน ก็อาจจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังรถที่ถอยเข้า-ออก ของตัวบ้านเดี่ยวที่อยู่ด้านหน้านิดนึงด้วยนะครับ เพราะเค้าจะมีระยะห่างจากถนนสาธารณะที่ค่อนข้างกระชั้นชิดพอสมควร

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการหลักๆ จะเน้นในส่วนของพื้นที่ต้อนรับต่างๆ ประกอบด้วย Lobby Lounge สำหรับนั่งพักคอยของลูกบ้านและแขก / Backyard Garden สำหรับชมวิวพื้นที่สีเขียว / พื้นที่จอดรถรอบๆอาคาร อีกทั้งยังมีบริการ Concierge Service ด้วยครับ

บริเวณชั้น 1 รอบๆอาคารจะเป็นที่จอดรถทั้งหมด 36 คัน หรือคิดเป็น 163% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน (ถ้ารวมซ้อนคันก็อาจจอดได้สูงสุดประมาณ 200%) โดยจะให้สิทธิ์ในการจอดของห้องแต่ละแบบดังนี้

  • 2 Bed 2 Bath 1 Powder ขนาดพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. >> ได้สิทธิ์ที่จอดรถ 1 คัน
  • 3 Bed 3 Bath ขนาดพื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. >> ได้สิทธิ์ที่จอดรถ 2 คัน
  • 3 Bed 2 Bath 1 Powder (Duplex) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม. >> ได้สิทธิ์ที่จอดรถ 3 คัน

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณโถง Lobby และโถงลิฟต์ที่อยู่ด้านหน้าสุด ตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนดูหรูหราเลยทีเดียวครับ

ซึ่งตรงจุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยประจำการอยู่ในช่วงเวลากลางวันตรงโต๊ะเคาน์เตอร์ เพื่อให้บริการ Concierge Service อำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านด้วย

เช่น บริการนำจดหมายหรือพัสดุขึ้นไปส่งให้ถึงบนห้องพัก เป็นต้น (รายละเอียดสามารถสอบถามกับทางโครงการอีกครั้ง อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ)

ภาพบรรยากาศบริเวณ Lobby Lounge สำหรับนั่งพักคอยของลูกบ้านและ Visitor ซึ่งจะมีชุดโซฟาขนาดใหญ่ พร้อมกับมีช่องแสงเปิดรับวิวพื้นที่สีเขียว Backyard Garden ที่อยู่ภายนอกได้อีกด้วย

จึงทำให้พื้นที่สว่างโปร่งโล่ง มีความสดชื่น และได้ใกล้ชิดธรรมชาติ เหมาะที่จะใช้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน พบปะพูดคุยของลูกบ้าน หรือจะใช้เป็นพื้นที่นั่งคอยรถยนต์พวก GrabTaxi ที่เรียกมารับก็ได้ครับ

นอกจากนี้ผมยังชอบการจัดวางตำแหน่งของ Backyard Garden ที่จะอยู่ทางด้านหลังของอาคารแบบนี้ ซึ่งจะมีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะจะไม่มีรถขับผ่านไป-มาให้กวนใจเลยนั่นเอง ในส่วนนี้ผมเลยคิดว่าเค้าจัดแบ่งโซน ของพื้นที่ส่วนกลางออกมาได้เป็นสัดส่วนดีเลยทีเดียวครับ

แปลนอาคารจะมีห้องพักอาศัยเพียงชั้นละ 4 ยูนิตเท่านั้นครับ นอกจากนี้ยังเป็นระบบ Private Lift ที่จะมีประตูเปิดเข้าสู่ห้องพักอาศัยโดยตรงอีกด้วย (เวลาใช้งานจะต้องขึ้น-ลงเพียงรอบละ 1 ครอบครัว เพราะลิฟต์จะเปิดให้เพียงรอบละ 1 ห้องเท่านั้น)

เฉลี่ยแล้วก็จะมีอัตราส่วนคนใช้งานลิฟต์เพียง 11 ยูนิต/ตัว รวมถึงยังใช้ผนังแบบ Double Wall หรือผนัง 2 ชั้นที่กั้นระหว่างยูนิต จึงช่วยป้องกันเสียงจากห้องข้างๆได้ดี ถือว่ามีความเป็นส่วนตัวที่สูงทีเดียว

ส่วนตรงกลางจะเป็นโถงทางเดิน Corridor พร้อมกับบันไดหนีไฟและมี Service Lift ที่หลักๆแล้วก็จะใช้เป็นทางหนีไฟตามที่กฎหมายกำหนด และใช้เป็นส่วน Service ในการขนของหรือการขึ้น-ลงของช่าง ที่แยกออกมาจากโซนของลูกบ้าน เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในการอยู่อาศัยที่มากขึ้นครับ

สำหรับแปลนชั้น 2 และชั้น 4 จะเป็นชั้นที่มียูนิตห้องพักอาศัยเหมือนกัน ประกอบด้วยห้องพัก 4 ยูนิตจำนวน 3 Type ดังนี้

  • 2 Bed 2 Bath 1 Powder ขนาดพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. >> จำนวน 1 ยูนิต
  • 3 Bed 3 Bath ขนาดพื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. >> จำนวน 2 ยูนิต
  • 3 Bed 2 Bath 1 Powder (Duplex) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม. >> จำนวน 1 ยูนิต

สำหรับแปลนชั้น 3 และ 5 ก็จะเป็นรูปแบบห้องเหมือนกับชั้นก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่ในส่วนของห้อง Duplex ขนาด 170 ตร.ม. จะเป็นส่วนของพื้นที่ชั้น 2 ที่ต่อเนื่องมาจากห้องที่อยู่ชั้น 2 และ 4 ก่อนหน้านี้นั่นเอง

แปลนชั้น 6 – 7 จะเน้นเป็นห้องพักขนาด 100 ตร.ม. และ 140 ตร.ม. ซึ่งจะเป็นชั้นสูงที่สุดของอาคาร ทำให้สามารถมองวิวไกลๆที่พ้นระยะของบ้านเรือนต่างๆ ที่อยู่ข้างเคียงได้สบายๆแล้วนั่นเองครับ ดังนั้นถ้าใครสนใจโครงการนี้และต้องการห้องที่เปิดรับวิวได้ดี ก็สามารถเลือกเป็นห้องที่ชั้นเหล่านี้ได้นะ

Image 1/5

  • บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาดที่ดิน 65.32 – 70.34 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 533 – 595 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 59 ล้านบาท

ในส่วนของบ้านเดี่ยวจะมาพร้อมลิฟต์โดยสารส่วนตัว และสระว่ายน้ำส่วนตัว เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ซึ่งปกติแล้วบ้านเดี่ยวที่มีไม่ถึง 10 ยูนิต หรือไม่ได้เข้าข่ายโครงการจัดสรร ก็มักจะมีการสร้างแยกหลังแบบเดี่ยวๆตามซอยหรือถนนสาธารณะทั่วไป ที่มักจะมีรถขับผ่านไป-มาใช่มั้ยครับ

แต่สำหรับโครงการ Baan Chan จะมีการกั้นประตูและรั้วเป็นสัดส่วน ทำให้ถนนบริเวณด้านหน้ามีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวจากภายนอก โดยจะมีการแชร์กับเพื่อนบ้านที่เป็นคอนโดเพียง 22 ครอบครัวเท่านั้น อีกทั้งยังได้ในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วยนั่นเอง

Image 1/3

สำหรับวัสดุของบ้านเดี่ยวก็จะเหมือนกับคอนโดเลยครับ ซึ่งจะเน้นเป็นกระเบื้องลายหินอ่อนที่ดูแลรักษาได้ง่าย เพียงแต่พื้นไม้ Ultra Engineered Wood จะมีสีไปในโทนสีเข้มมากขึ้นครับ

ส่วนรายละเอียดอื่นๆนั้น ในอนาคตเราอาจได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายรีวิวของจริงให้ดูกันอีกครั้งตอนช่วงปลายปีนี้ โดยถ้าใครสนใจก็รอติดตามหรือคอมเม้นต์กันเข้ามาได้นะครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby Lounge
  • Backyard Garden
  • Concierge Service
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร (Private Lift)
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 11 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 36 คันคิดเป็น 163% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access
  • ระบบ KATSAN มาตรฐานจาก AP
  • Double Gate Security เปิด-ปิดอัตโนมัติ ด้วยระบบจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์ LPR (License Plate Recognition)

 

แบบห้อง

Highlights :

  • ห้องนอนโดไซส์ใหญ่ เริ่มต้น 100 ตร.ม.ขึ้นไป เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก-กลาง
  • จัดฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วน บรรยากาศโปร่งโล่งและกว้างขวางเหมือนอยู่บ้าน
  • แยกโซนการใช้งานของแต่ละคนได้ดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกัน (We Space) / พื้นที่ใช้งานส่วนตัว (Me Space) / พื้นที่ของช่างในการซ่อมบำรุง (Service Area)
  • ทุกแบบห้องจะมีพื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางห้อง สามารถจัดฟังก์ชันได้หลากหลายตามต้องการ และยังช่วยเพิ่มแสงสว่าง + Ventilation ที่ดีภายในห้องได้อีกด้วย

โครงการ ADLER Chan Road เป็นคอนโดมิเนียมที่จะเน้นห้องพักขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. ขึ้นไป จึงให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน และยังมีพื้นที่เหลือเฟือที่จะตอบโจทย์แนวคิด We Space & Me Space ของโครงการได้ดีอีกด้วยครับ (ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดในพาร์ทวิเคราะห์แปลนห้องอีกที) โดยแบบห้องจะมีให้เลือก 3 ขนาด ประกอบด้วย

  • 2 Bed 2 Bath 1 Powder ขนาดพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม.
  • 3 Bed 3 Bath ขนาดพื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม.
  • 3 Bed 2 Bath 1 Powder (Duplex) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม.

และอย่างที่ทุกคนทราบกันแล้วว่า Sale Gallery จะไม่ได้มีห้องตัวอย่างให้ดูนะครับ แต่จะมีเป็นโมเดล ภาพจำลอง และตัวอย่างสเปควัสดุของจริงให้ดูกันแบบนี้ โดยวัสดุของห้องพักในคอนโดมิเนียมจะเน้นเป็นโทนสีสว่าง  เพื่อให้ภายในห้องดูกว้างขวางโปร่งโล่ง และจะเน้นวัสดุที่มีลวดลายเป็นธรรมชาติแทนการใช้วัสดุจากธรรมชาติจริง

ทั้งนี้ก็เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีการดูแลรักษาที่ง่ายมากขึ้นครับ เนื่องจากวัสดุประเภทหินจริงจะมีรูพรุนตามธรรมชาติเยอะ จึงมีความเปราะบางและเป็นคราบด่างได้ง่าย ดังนั้นทางโครงการจึงเลือกใช้วัสดุที่มีความใกล้เคียงของจริงมากที่สุดแทน เพื่อทดแทนข้อจำกัดของวัสดุต่างๆ และลดภาระของผู้บริโภคในอนาคต ประกอบด้วย

  • พื้นกระเบื้องลายหินอ่อน : ใช้บริเวณ Foyer / Living Area / ครัว / ห้องอเนกประสงค์ และห้องน้ำ
  • Ultra Engineered Wood : ใช้ภายในห้องนอนทุกห้อง (ปูพื้นแนวทะแยง เป็นลักษณะลายก้างปลา หรือ Herringbone)
  • รูปแบบการขาย Fully Fitted : ให้ชุดครัวแบบ Built-in และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครบเป็นมาตรฐาน

  • 2 Bed 2 Bath 1 Powder ขนาดพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม.

เป็นแบบห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ มาพร้อมกับสิทธิ์ที่จอดรถอีก 1 คัน แต่ก็มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ค่อนข้างใหญ่และกว้างขวางครับ เนื่องจากทางผู้ออกแบบต้องการให้คนที่อยู่อาศัยในคอนโด ได้รับทั้งความสะดวกสบายและรู้สึกเหมือนอยู่บ้านให้มากที่สุด ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบครอบครัวจริงจัง อีกทั้งยังมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับเก็บของ และมีพื้นที่แยกกันเป็นสัดส่วนชัดเจนด้วยครับ

เริ่มจากบริเวณหน้าโถงลิฟต์จะเป็น Entry Foyer ที่แยกตัวออกมาจากพื้นที่ส่วนอื่นในบ้าน ทำให้ไม่เสียความเป็นส่วนตัวด้านในเลยนั่นเอง ถัดเข้ามาคือ Common Area ซึ่งจะเป็นฟังก์ชันส่วนกลางที่สมาชิกทุกคนในบ้านจะใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน (We Space, Golden Time) ประกอบด้วย Living Area / Dinning Area และ Kitchen นอกจากนี้ยังมี Powder Room และ Storage ให้ใช้งานเหมือนบ้านแนวราบอีกด้วยครับ

หนึ่งในจุดเด่นที่น่าสนใจของห้องทุกแบบคือ Terrace & Multi Function Area ที่จะอยู่ตรงบริเวณกลางห้อง ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นฟังก์ชันอะไรก็ได้ตาม Lifestyle ของแต่ละครอบครัว เช่น ห้องทำงาน / ห้องนอนแขก หรือห้องพระ เป็นต้น โดยพื้นที่ส่วนนี้จะกั้นด้วยผนังกระจกเพื่อความเป็นสัดส่วน แต่ในเวลาปกติเราก็สามารถเปิดประตูเอาไว้ เพื่อให้พื้นที่เชื่อมต่อกับ Common Area และทำให้ห้องดูกว้างขวางมากขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้โครงการยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคนด้วยครับ (Me Space, Me Time) เพราะไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ลูก/หรือคนที่เป็นแฟนกันก็ตาม แต่ละคนก็ต้องการช่วงเวลาส่วนตัวกันบ้าง โดยเฉพาะพื้นที่ในห้องนอนจะมีขนาดใหญ่ สามารถมีมุมนั่งทำงานส่วนตัว หรือมุมแต่งตัวของตัวเองได้สบายๆ รวมถึงยังมีห้องน้ำในตัวอีกด้วยครับ ภาพรวมเราคิดว่าเป็นแปลนที่จัดออกมาได้ลงตัวดีทีเดียว และเหมาะกับครอบครัวที่อยู่ร่วมกัน 2 – 3 คนได้สบายๆ

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้องของ Entry Foyer บริเวณหน้าโถงลิฟต์ จุดเด่นของพื้นที่นี้คือ ‘ลวดลายบนพื้น’ ที่จะใช้เป็นกระเบื้องลายหินอ่อนแบบต่อลายกัน จึงทำให้มีความสวยงามและโดดเด่นมากขึ้น เหมาะที่จะใช้เป็นส่วนต้อนรับแขกและเจ้าของบ้านมากๆครับ

นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่เหลือเฟือ ที่เราสามารถ Built-in ตู้เก็บรองเท้าให้เป็นสัดส่วนเพิ่มเติมได้ ซึ่งนอกจากจะใช้เก็บของได้อย่างเป็นระเบียบแล้ว ยังสามารถหยิบใช้งานรองเท้าก่อน-หลังออกจากบ้านได้สะดวกอีกด้วย

แต่ที่ผมชอบมากๆอีกอย่างคือ พื้นที่บริเวณนี้จะมีประตูกั้นแยกออกจาก Common Area ที่อยู่ด้านในห้องเป็นสัดส่วน ทำให้มีความเป็นส่วนตัว และยังช่วยป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ของรองเท้าไม่ให้เข้าไปรบกวนคนในห้องได้นั่นเองครับ

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้องบริเวณ Common Area ซึ่งจะประกอบด้วยพื้นที่ใช้งานหลายๆฟังก์ชัน ที่สมาชิกทุกคนในบ้านจะต้องมาใช้งานร่วมกันเป็น We Space และถือเป็นช่วงเวลา Golden Time สำหรับครอบครัวเลยก็ว่าได้ครับ โดยเฉพาะทุกวันนี้ที่สังคมเต็มไปด้วยความเร่งรีบ และเทคโนโลยีทางโซเชียลต่างๆ ก็อาจทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง ดังนั้นทางโครงการจึงอยากให้พื้นที่นี้เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันสำคัญของบ้าน ที่จะช่วยเข้ามาเติมเต็มช่วงเวลาดีๆของครอบครัวได้นั่นเอง ประกอบด้วย

  • Kitchen Zone : เราจะได้เป็นครัวเปิดที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนอื่นๆของห้อง จึงอาจไม่ได้เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำครัวแบบจริงจัง หรือทำอาหารที่มีกลิ่น+ควันเยอะๆมากนัก (แต่ก็พอจะสามารถติดเครื่องดูดควันช่วยเพิ่มเติมเองได้) โดยทางโครงการจะมีการ Built-in เคาน์เตอร์ครัว / ตู้เก็บของ / โต๊ะเตรียมอาหาร (Island Table) / เตาไฟฟ้า / อ่างล้างจาน และเตาไฟโครเวฟมาให้เหมือนในภาพจำลองเลยครับ แต่วัสดุและยี่ห้อของอุปกรณ์ต่างๆ อาจต้องรอสอบถามข้อมูลจากทางโครงการอีกครั้ง
  • Living Area : เป็นพื้นที่วางโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนดูทีวีร่วมกันของคนในครอบครัว โดยเราสามารถใช้โซฟาตัวใหญ่แบบ 3 ที่นั่งได้สบายๆ นอกจากนี้ยังอยู่ติดกับช่องแสงขนาดใหญ่ด้านข้าง ทำให้เราสามารถชมวิวภายนอกไปด้วยได้ และยังช่วยทำให้ห้องมีความสว่างโปร่งโล่งมากๆอีกด้วยครับ ซึ่งความสูงของฝ้าเพดานห้อง Simplex แบบปกติคือ 2.8 m. และพื้นจะปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนทั้งหมด จึงมีความสวยงามทนทานกว่าการใช้เป็นพื้นไม้ และสามารถทำความสะอาดได้ง่ายแบบไม่กลัวน้ำหรือความชื้นเลยครับ

นี่เป็นตัวอย่างวัสดุจริงที่จะใช้ ซึ่งเราสามารถดูได้ที่ Sale Gallery หน้างานได้เลยครับ จะเห็นได้ว่าลวดลายและผิวสัมผัสค่อนข้างเหมือนของจริง และดูเป็นธรรมชาติมากๆ เพราะอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า การใช้วัสดุสังเคราะห์หรือวัสดุทดแทนอื่นๆ จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และดูแลรักษาได้ง่ายกว่าวัสดุธรรมชาติของจริง แต่ถ้าใครมีแนวคิดหรือความชอบที่แตกต่างไปจากสิ่งที่โครงการจัดไว้ให้ เราก็สามารถออกแบบและทำใหม่เองได้ในภายหลังอีกทีครับ

ภาพจำลองบรรยากาศอีกด้านหนึ่งของห้อง เราจะเห็นว่าบริเวณด้านหลังโซฟายังมีพื้นที่เหลือให้จัดฟังก์ชันอื่นๆเพิ่มเติมได้อีกสบายๆ ดังนี้

  • Dinning Area : เราสามารถวางโต๊ะทานอาหาร 6 ที่นั่งได้เหมือนกับในภาพเลยครับ ซึ่งนอกจากจะใช้ทานอาหารร่วมกันหลายๆคนแล้ว ยังสามารถดูทีวีไปด้วยและชมวิวไปด้วยได้ รวมถึงเรายังสามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ในการนั่งทำงาน/อ่านหนังสือในระหว่างวันก็ได้ครับ
  • Multi Function Area : ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของห้องพัก ที่มีการออกแบบในลักษณะของ Terrace เชื่อมต่อกับระเบียงภายนอก ซึ่งช่วยในเรื่องการเพิ่มช่องแสงและความโปร่งโล่งภายในได้เป็นอย่างดี (เหมือนเป็นการเว้าพื้นที่เข้ามาในบ้าน) แต่ก็จะมีการกั้นเป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้เราสามารถจัดเป็นฟังก์ชันต่างๆได้ตามต้องการ ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถเปิดพื้นที่เชื่อมต่อกับส่วนอื่นๆ เพื่อทำให้พื้นที่ห้องดูกว้างขวางโปร่งโล่งมากๆแบบนี้ได้ด้วยครับ

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Master Bedroom ซึ่งจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และยังได้ช่องแสงถึง 2 ด้านอีกด้วย ทำให้นอกจากจะมีความสว่างโปร่งโล่ง และชมวิวได้กว้างมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยในเรื่อง Ventilation หรือการระบายอากาศของห้องที่ดีมากขึ้นอีกด้วยครับ

ส่วนพื้นห้องนอนทั้งหมดจะปูด้วยพื้นไม้ Ultra Engineered Wood เป็นลักษณะลายก้างปลา (Herringbone) ที่มีความสวยงามและยังสามารถทนน้ำ+ป้องกันรอยขีดข่วนต่างๆได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

และจากภาพที่เห็นเราจะพบว่าบริเวณรอบๆเตียงยังมีพื้นที่อีกเหลือเฟือ เพื่อให้เราสามารถลุกเดินหรือใช้งานได้สบายๆ ซึ่งเราอาจวางเป็นโต๊ะโคมไฟข้างเตียง โต๊ะแต่งหน้า หรือโต๊ะนั่งทำงานอ่านหนังสือเพิ่มเติมได้นั่นเองครับ

  • 3 Bed 3 Bath ขนาดพื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม.

เป็นห้องไซส์กลางที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ แถมยังมีฟังก์ชันที่เรียกได้ว่าลงตัวที่สุดอีกด้วยครับ โดยสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาและเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ เราจะได้ครัวไทยที่อยู่ติดกับระเบียงด้านข้าง และมีผนังกั้นแยกออกไปเป็นสัดส่วน ทำให้เป็นห้องที่เหมาะกับคนชอบทำอาหารจริงจัง เพราะเราสามารถเปิดระบายอากาศออกสู่ภายนอกได้ตรงๆ โดยที่กลิ่นและควันจะไม่เข้าไปรบกวนพื้นที่ส่วนอื่นในบ้านเลยครับ

นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่สำหรับช่างและงาน Service ต่างๆ ที่สามารถขึ้นมาทำงานในพื้นที่ครัว / ระเบียง หรือโถงลิฟต์ได้ โดยไม่ต้องเข้าไปในห้องอื่นๆให้เจ้าของบ้านเสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเอง ถือว่าทางผู้ออกแบบคิดมาได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ

ภาพรวมฟังก์ชันส่วนอื่นๆภายในห้อง จะมีลักษณะที่คล้ายกับห้อง 100 ตร.ม.ก่อนหน้านี้เลย โดยที่ขนาดและความกว้างของแต่ละฟังก์ชันจะมีเยอะขึ้นทุกจุด ไม่ว่าจะเป็น Living Area ที่เราสามารถขยายเป็นโซฟาตัว L ใหญ่ๆได้สบาย และห้อง Multi Function Area ก็จะมีขนาดใหญ่ จนสามารถใช้งานได้อย่างจริงจัง และจัดฟังก์ชันได้หลากหลายมากขึ้น เช่น อาจทำเป็นห้องนอนเล็กสำหรับแขกเพิ่มอีกสักห้องก็ยังได้

แต่สิ่งที่ทำให้เราชอบห้องนี้มากที่สุดคือ สิทธิ์ในการจอดรถได้ 2 คัน ซึ่งผมมองว่ามีความเหมาะสมและน่าจะเพียงพอต่อจำนวนคนที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นห้องที่อาจอยู่กับแฟนแค่ 2 คน เราก็อาจมีรถใช้งานคนละคันก็ได้ หรือถ้ายิ่งมีลูกก็อาจต้องแยกกันใช้อีกต่างหาก ดังนั้นผมเลยคิดว่าการที่มีที่จอดรถอย่างน้อยๆ 2 คันก็กำลังดีเลยครับ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Common Area ของห้องขนาด 140 ตร.ม. จะมีความกว้างขวางและโปร่งโล่งมากขึ้น โดยพื้นที่ส่วนนี้ยังคงเป็น We Space สำหรับช่วงเวลา Golden Time ของครอบครัว ที่เราจะสามารถมาทำกิจกรรมร่วมกันได้อยู่เช่นเดิมครับ ไม่ว่าจะเป็นทานอาหาร นั่งดูหนัง หรือพบปะพูดคุยเรื่องราวต่างๆ

รวมถึงยังมีขนาดใหญ่มากพอที่จะชวนเพื่อนๆและญาติ มาจัดปาร์ตี้เล็กๆบนห้องพักได้อีกด้วย เพราะอย่างโซฟาหรือโต๊ะทานอาหาร เราก็สามารถใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีไซส์ขนาดใหญ่ขึ้นได้สบายๆเลยครับ

Image 1/5
Studio สำหรับแต่งตัวและงานอดิเรก

Studio สำหรับแต่งตัวและงานอดิเรก

นอกจากนี้เรายังได้ Multi Function Area ที่มีขนาดใหญ่และกว้างขวางเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยครับ ซึ่งนอกจากจะทำให้พื้นที่รวมของทั้งห้องดูกว้างขวางเป็นพิเศษแล้ว ขนาดของพื้นที่ใช้สอยภายใน Multi Function Area เมื่อปิดประตูเป็นสัดส่วนแล้ว ก็ยังมีความกว้างมากพอที่จะสามารถจัดฟังก์ชันที่หลากหลายได้มากขึ้นด้วย

โดยทางโครงการก็มีภาพไอเดียการจัดพื้นที่มาให้เราดูหลายแบบเลยครับ ซึ่งเราก็สามารถเลือกจัดให้เหมาะกับความต้องการและ Lifestyle ของเราได้เลย และหากลองกะขนาดด้วยสายตาจากผังห้องแล้ว ผมคิดว่ามีขนาดใหญ่พอๆกับห้องนอนเลยครับ นั่นหมายความว่าเราอาจวางเตียงนอน เพื่อจัดเป็นห้องนอนเสริมสำหรับเด็กเล็ก หรือแขกเพิ่มเติมได้นั่นเอง (อาจต้องรอดูของจริงอีกครั้งก่อนก็ได้)

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Master Bedroom แน่นอนว่าจะเป็นห้องมุมที่เราจะได้ช่องแสงถึง 2 ด้าน และมีพื้นที่รอบๆเตียงเหลือให้ใช้งานได้สบายๆ

ส่วนห้องนอนที่ 2 ก็จะมีขนาดที่ใกล้เคียงกันเลยครับ (เปรียบเสมือนว่าเราได้ห้องนอนใหญ่ 2 ห้อง) จึงเหมาะกับทั้งการอยู่อาศัยแบบพ่อแม่ลูก หรือพี่น้องอยู่ด้วยกันก็ได้

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้องน้ำของ Master Bedroom ซึ่งจะให้สุขภัณฑ์เหมือนกับที่เห็นในภาพเลยครับ (ยี่ห้อสุขภัณฑ์รอสอบถามโครงการอีกครั้ง) รวมถึงจะมีการกั้นฟังก์ชันด้วยกระจกนิรภัย Tempered Glass แบบใส และมาพร้อมกับอ่างอาบน้ำ + Shower ให้เลือกใช้งานได้ตามความชอบเลย

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบก็คือ การเลือกใช้วัสดุภายในห้องน้ำ ที่จะเป็นกระเบื้องลายหินที่มีลักษณะคล้ายของจริงมากๆ ทำให้นอกจากจะดูสวยงามแล้ว ยังมี Texture ความด้านของพื้นลายหิน ที่จะช่วยลดอุบัติเหตุจากการลื่นล้มในห้องน้ำเวลาใช้งานได้ด้วย ซึ่งเราสามารถดูและสัมผัสกับตัวอย่างวัสดุจริงกันได้ที่ Sale Gallery เลยครับ

  • 3 Bed 2 Bath 1 Powder (Duplex) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 170 ตร.ม.

ห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการจะเป็น Duplex หรือห้องแบบ 2 ชั้นที่ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านแบบสุดๆ เพราะภายในจะมีบันไดให้เราเดินขึ้น-ลงได้ด้วย โดยจุดเด่นของห้องนี้จะอยู่ตรง Living Area ที่ได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume เชื่อมต่อพื้นที่ชั้นบนกับชั้นล่าง ทำให้มีความโปร่งโล่งและมองเห็นกันได้ด้วย

นอกจากนี้ยังเพิ่ม ‘ห้องนอนชั้นล่าง’ มาให้ใช้งานด้วยครับ ซึ่งภายในมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ แถมยังมีห้องน้ำในตัวอีกด้วย จึงเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ 3 – 4 คน หรืออาจมีคุณพ่อคุณแม่มาอาศัยอยู่ด้วยก็ได้ เพราะท่านจะได้ไม่ต้องลำบากเดินขึ้น-ลงบันไดเอง หรือบางคนก็อาจปรับเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ตามต้องการครับ

ทั้งนี้ฟังก์ชันที่ถูกลดทอนลงไปหน่อยก็คือ ‘ครัวไทย’ ที่ถึงแม้เราจะยังได้เป็นครัวปิด แต่ก็มีขนาดให้ใช้งานแค่พอดีๆเท่านั้น แถมยังไม่ได้มีช่องเปิดเชื่อมต่อกับภายนอก เพื่อเปิดระบายอากาศแบบดีๆด้วยครับ แต่ถ้าเป็นสิ่งที่เราชอบอีกอย่างของห้องนี้ก็คือ จะได้สิทธิ์ที่จอดรถเยอะถึง 3 คันเลยนั่นเอง ซึ่งก็คิดว่าน่าจะเหมาะสมกับจำนวนสมาชิกที่อยู่อาศัยในห้องนี้พอดีนะครับ

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Duplex บริเวณ Common Area ซึ่งจะมีโถงทางเดินตรงกลางเชื่อมต่อทุกฟังก์ชัน ทำให้ดูกว้างขวางและโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ โดยเฉพาะพื้นที่ Living Area จะได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume 6 m. เชื่อมต่อพื้นที่ชั้นบนและชั้นล่าง ทำให้คนในบ้านสามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันได้มากขึ้น

และเมื่อรวมกับบันไดสำหรับเดินขึ้น-ลงชั้น 2 ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางบ้านแบบนี้ ก็ยิ่งจะช่วยเพิ่มความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากเลยทีเดียว ซึ่งหากใครที่ชอบคอนโดลักษณะแบบนี้ก็อาจต้องรีบกันสักหน่อยนะ เพราะทั้งโครงการจะมีอยู่เพียง 4 ยูนิตเท่านั้นครับ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Terrace & Multi Function Area ภายในมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และกั้นห้องด้วยประตูกระจกบานเลื่อนทั้ง 4 ด้าน เพื่อความสว่างโปร่งโล่งเช่นเดียวกับห้องอื่นๆ แต่จุดเด่นของห้องนี้ก็คือ พื้นที่ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume 6 m. เหมือนตรง Living Area เลยทำให้มีความโปร่งโลงเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ

และบริเวณผนังกระจกยังถูกออกแบบเป็นราวกันตก ที่สามารถเปิดเชื่อมต่อกับภายนอก กลายเป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor จึงกลายเป็นว่าเหมือนเราได้บ้านที่มี Court ตรงกลางขนาดใหญ่ ซึ่งนอกจากจะเอาไว้ใช้สอยได้แล้ว ยังช่วยดึงแสงสว่างให้เข้ามาได้ถึงกลางบ้านมากขึ้น และสามารถเพิ่ม Ventilation ระบายอากาศได้ทั่วถึงด้วย

ส่วนฝั่งตรงข้ามของบ้านจะเป็น Kitchen Area แบบครัวฝรั่ง ซึ่งจะมีการ Built-in มาให้เหมือนกับที่เห็นในภาพเลยครับ ประกอบด้วย เคาน์เตอร์ครัว / ตู้เก็บของ / อ่างล้างจาน / เตาไฟฟ้า / พัดลมดูดควัน / ไมโครเวฟ และโต๊ะเตรียมอาหาร (Island Table) แต่สเป็ควัสดุและยี่ห้อของอุปกรณ์ไฟฟ้าอาจต้องสอบถามกับทางโครงการดูอีกครั้งนะครับ

ถัดขึ้นมาชั้น 2 ของห้องแบบ Duplex จะสามารถขึ้นมาได้จากการเดินบันไดเท่านั้นนะครับ (ไม่สามารถใช้ลิฟต์ได้) ซึ่งด้านบนก็จะมี Double Master Bedroom ให้ใช้งานถึง 2 ห้องด้วยกัน โดยห้องทางด้านซ้ายมือจะมีขนาดเท่ากับห้องชั้นล่างเลยครับ แต่พิเศษหน่อยตรงที่เราจะได้ห้องน้ำขนาดใหญ่ พร้อมอ่างอาบน้ำเหมือนกับห้องนอนใหญ่เลย

ส่วนห้องนอนที่อยู่ทางขวามือจะมีประตูหนีไฟเล็กๆตรง Walk-in Closet เพิ่มเข้ามา ซึ่งเราสามารถเปิดเชื่อมต่อออกไปยัง Corridor และบันไดหนีไฟที่อยู่ตรงกลางอาคารได้ ทั้งนี้ก็เป็นไปตามกฎหมายกำหนดของห้อง Duplex ที่มีพื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น เพื่อความปลอดภัยในการอยู่อาศัยครับ

ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Master Bedroom จะเป็นห้องที่หน้ากว้างมากๆ ซึ่งเราสามารถแบ่งพื้นที่แยกฟังก์ชันการใช้งานให้เป็นสัดส่วนได้สบายๆ และจะเห็นว่าบริเวณปลายเตียงยังมี Space เหลือเฟือเลยครับ เราสามารถวางทีวีหรือโต๊ะอเนกประสงค์ เพื่อนั่งทำงานอ่านหนังสือ และมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นห้องตัวเองภายในห้องได้นั่นเอง (Me Space, Me Time)

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้องน้ำของ Master Bedroom จะมีการแบ่งฟังก์ชันแต่ละส่วนชัดเจนด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass และเราจะได้สุขภัณฑ์ครบเหมือนในภาพเลยครับ (สอบถามยี่ห้อกับทางโครงการดูอีกครั้ง)

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

ADLER and Baan Chan Chan Road (แอดเลอร์ และ บ้านจันทน์ ถนนจันทน์) ราคา ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2567

  • 2 Bed 2 Bath 1 Powder ขนาดพื้นที่ใช้สอย 100 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 1x.xx ล้านปลายๆ (คิดจากราคาเฉลี่ย 185,900 บาท/ตร.ม.)

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 – 2.8 เมตร ในแบบห้องปกติ และ 6 เมตร ในห้อง Duplex
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ตั้งอยู่ในย่านพระราม 3 ใกล้สาทรเพียง 10 นาที ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน CBD ศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพ และเต็มไปด้วยแหล่งงานมากมาย รวมถึงยังใกล้ทางด่วนศรีรัช และแวดล้อมไปด้วยโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง เช่น Shrewsbury International School แค่โลเดียวเท่านั้น รวมถึงยังมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น Central พระราม 3 / Terminal 21 และ Asiatique ถือว่าเป็นทำเลใกล้เมืองที่อุดมสมบูรณ์และเดินทางสะดวกมากๆ

ในแง่ของตัวโปรดักส์คอนโดมิเนียมในย่านนี้ ห้องพักอาศัยขนาดใหญ่เรียกว่าได้ผลตอบรับค่อนข้างดี และเป็นที่ต้องการของตลาดมากๆครับ เพราะหลายๆโครงการก็ได้ Sold Out กันไปหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงแต่ห้องไซส์เล็กเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นโปรดักส์บ้านเดี่ยวในย่านก็ยิ่งหายากแบบสุดๆ ซึ่งนานทีปีหนจะมีโครงการเปิดใหม่มาสักแห่ง ขนาดว่าเป็นทาวน์โฮมในย่านนี้ก็ยังมีราคาขายเริ่ม 20 – 30 ล้านบาทขึ้นไปเลย

จึงทำให้โครงการ ADLER and Baan Chan Chan Road ที่มีทั้งคอนโดมิเนียมห้องใหญ่ และบ้านเดี่ยวไซส์ใหญ่แบบนี้ ดูจะมีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ เมื่อรวมกับทำเลที่ใกล้เมืองและเดินทางสะดวกมากๆแบบนี้ ก็คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของใครหลายคนในย่านไม่น้อย ทั้งคนที่ต้องการอยู่อาศัยในแหล่งเดิม ใกล้บ้านพ่อแม่ และเดินทางไปทำงานในเมืองได้สะดวก

การเดินทางโดยใช้รถ : เป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยครับ เพราะจะอยู่ห่างจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัชเพียง 750 m. เท่านั้น ซึ่งใช้เวลาขับรถประมาณ 5 นาทีก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้ว รวมถึงยังเป็นซอยที่สามารถลัดเลาะไปออกถนนหลักอื่นๆได้หลายเส้นทางด้วย จึงทำให้สามารถเลี่ยงรถติดรอบๆได้ดี

แต่สิ่งที่เราอาจต้องพิจารณาร่วมด้วยก็คือ จำนวนที่จอดรถของโครงการ ที่ถึงแม้จะมีเยอะรวมกว่า 163% แต่ห้องไซส์เริ่มต้นจะได้สิทธิ์ที่จอดรถแค่ 1 คันเท่านั้น ดังนั้นใครที่มีรถใช้งานหลายๆคัน หรืออยู่กับแฟน 2 คนก็ยังต้องมีรถใช้คนละคัน ก็อาจต้องเลือกเป็นห้องไซส์ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งานครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยที่พอจะมีวินมอเตอร์ไซค์ขับผ่านไป-มาด้านหน้าอยู่บ้าง และเราอาจเรียกรถ Taxi ให้เข้ามารับที่โครงการเลยก็ได้ หรือถ้าจะใช้รถไฟฟ้าก็สามารถไปต่อ BTS สายสีลมได้ที่สถานีสุรศักดิ์ ก็จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเลี่ยงรถติด และเข้าเมืองได้สะดวกครับ

การออกแบบโครงการ : ในส่วนของคอนโดมิเนียมจัดเป็นโครงการขนาดเล็ก ที่มีความเป็นส่วนตัวเพียง 22 ยูนิต อีกทั้งยังมีเพื่อนร่วมชั้นเพียง 4 ห้อง และใช้ระบบ Private Lift ที่สามารถขึ้น-ลงแบบล็อคชั้นได้เพียงรอบละ 1 ห้องเท่านั้น ซึ่งนี่ยังไม่รวมกับ Double Security Gate บริเวณด้านหน้าโครงการด้วย จึงถือได้ว่ามีองค์ประกอบที่มีความเป็นส่วนตัวสูงมากๆครับ เพราะหากเทียบกับเพื่อนบ้านในย่านเดียวกันแล้ว ก็นับว่าโครงการนี้โดดเด่นเรื่องนี้ที่สุดเลย ส่วนดีไซน์ภายนอกของตัวอาคารจะเป็นสไตล์ Modern Neo Classic จึงมีความเรียบหรูทันสมัยดีครับ

นอกจากนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นการ Mixed รวมกันระหว่างโปรดักส์บ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม ซึ่งในไทยคาดว่าน่าจะยังไม่เคยมีมาก่อน โครงการนี้จึงถือเป็นโครงการเจ้าแรกๆเลย ภายใต้แนวคิด “Your Me Space, Your Best Location” เป็นการผนึกกำลังกันระหว่างจุดแข็งของคอนโดมิเนียมในด้านทำเลที่สะดวกสบาย และจุดแข็งของบ้านเดี่ยวที่ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยเยอะ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ได้สะท้อนออกมาให้เห็นในการออกแบบโครงการนี้อย่างชัดเจน

อีกทั้งผมยังมองว่าเป็นการช่วยเพิ่มทางเลือก ให้กับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยมากขึ้นด้วย เพราะจะมีทั้งคนที่ต้องการแยกครอบครัวออกมาเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังอาจต้องการอยู่ใกล้ๆกับครอบครัวเดิมที่เป็นบ้านหลังใหญ่ด้วย หรืออาจกำลังมองหาทั้ง 2 โปรดักส์ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อที่จะได้ไปมา-หาสู่กันได้สะดวกที่สุดก็มีนะ ซึ่งโครงการในลักษณะแบบนี้ก็อาจตอบโจทย์ และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆก็เป็นได้ครับ

การออกแบบห้องพักอาศัย : โครงการนี้จะเน้นห้องคอนโดไซส์ใหญ่ 100 ตร.ม.ขึ้นไป ซึ่งให้ความรู้สึกกว้างขวางและโปร่งโล่งเหมือนอยู่บ้านมากๆ แน่นอนว่าเราจะมีพื้นที่เก็บของให้ใช้งานเหลือเฟือเลยครับ และถึงแม้จะเป็นห้องไซส์ใหญ่ก็ตาม แต่ทางผู้ออกแบบก็ยังคงเน้นโฟกัสไปที่กลุ่มครอบครัวขนาดเล็ก 2 – 3 คน เพื่อให้มีจำนวนห้องนอนที่ไม่หนาแน่นจนเกินไป ภายในจึงกว้างขวาง และมีห้องน้ำเป็นส่วนตัวทุกห้อง ทำให้สมาชิกในบ้านมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเอง (Me Space, Me Time) แต่ในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่สำหรับครอบครัวด้วยเช่นกัน (We Space, Golden Time)

ห้องพักมีให้เลือก 3 แบบ จุดเด่นที่มีเหมือนกันเลยก็คือ Terrace & Multi Function Area ที่เป็นห้องกระจกอยู่ตรงกลางห้อง ซึ่งนอกจากเราจะสามารถใช้งานเป็นห้องอเนกประสงค์ และจัดฟังก์ชันได้ตามต้องการแล้ว ยังมีส่วนช่วยเพิ่มช่องแสงภายในห้อง ทำให้ระบายอากาศได้ดี และห้องก็ดูกว้างขวางเชื่อมต่อกันมากขึ้นอีกด้วย เปรียบเสมือนเป็นพื้นที่ Court ตรงกลางของบ้านแนวราบเลยครับ ส่วนถ้าเป็นห้องไซส์กลางจะได้ครัวไทยปิดติดระเบียงเพิ่มเข้ามา และห้องไซส์ใหญ่สุดจะเป็น Duplex แบบ 2 ชั้น ที่ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านมากที่สุด และยังได้ฝ้าเพดานสูง Double Volume 6 m. อีกด้วย

วัสดุ : ขายแบบ Fully Fitted ให้ชุดครัว Built-in และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำครบ แต่จุดที่ผมชอบที่สุดคือ ผนังที่กั้นระหว่างยูนิตจะเป็นผนัง 2 ชั้นแบบ Double Wall ที่ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากเพื่อนห้องข้างๆได้ดี และทำให้การอยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ นอกจากนี้ภายในห้องจะเน้นการใช้วัสดุทดแทน ที่มีความใกล้เคียงกับของจริงจากธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลรักษา และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น

โดยหลักๆก็จะประกอบด้วย พื้นไม้แบบ Ultra Engineered Wood และกระเบื้องลายหินอ่อนตามจุดต่างๆ ของพื้นที่ชั้น 1 และในห้องน้ำครับ (ปล. สำหรับยี่ห้อสุขภัณฑ์และรายละเอียดของวัสดุต่างๆ อาจต้องสอบถามเพิ่มเติมกับทางโครงการดูอีกครั้ง โดยในรีวิวนี้จะเป็นการวิเคราะห์จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากโครงการ หรือถ้าทาง Think of Living ได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาเมื่อไหร่ เราจะรีบมาอัปเดตให้กันอีกทีนะครับ)

สาธารณูปโภค : เป็นโครงการขนาดเล็กที่จะไม่ได้เน้นพื้นที่ส่วนกลางมากนัก ฟังก์ชันหลักๆจะเป็นส่วนต้อนรับอย่าง Lobby Lounge / พื้นที่นั่งพักคอย และสวน Garden Backyard เล็กๆไว้ชมวิว รวมถึงจะมีบริการ Concierge Service อีกนิดหน่อยด้วยครับ (รายละเอียดสอบถามโครงการอีกครั้ง ว่าจะมีบริการอะไรให้บ้าง) ส่วนฟังก์ชันอื่นๆบางอย่างเราอาจสามารถทำเพิ่มเป็นส่วนตัวในห้องตัวเองได้ เช่น ห้องออกกำลังกาย หรืออาจไปใช้ Facilities ภายนอกใกล้ๆกับโครงการแทนครับ เพราะย่านนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันมากๆเลยนั่นเอง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 185,900 บาท/ตร.ม., 21 พฤษภาคม 2567

  • ทำเล 8/10 – อยู่ในซอยอุดมสมบูรณ์  เข้าเมืองไปสาทรง่าย ใกล้ รร.นานาชาติ และห้างสรรพสินค้า
  • เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – ใกล้ทางด่วนศรีรัช 750 m. อยู่ในซอยลัดเข้า-ออกได้หลายทาง ที่จอดรถ  163%
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – เรียกวินมอเตอร์ไซค์ในซอยหรือแท็กซี่ได้
  • วัสดุ 7.5/10 – Fully Fitted เน้นวัสดุทดแทนที่มีลวดลายธรรมชาติ (สอบถามรายละเอียดของวัสดุอื่นๆ จากโครงการเพิ่มเติมอีกครั้ง)
  • แบบ 8/10 – ห้องไซส์ใหญ่ 100 ตร.ม.ขึ้นไป ยูนิตน้อย เน้นความเป็นส่วนตัว
  • สาธารณูปโภค 7/10 – เน้นพื้นที่รับรองหรือนั่งพักคอย และมีบริการ Concierge Service บางส่วนอยู่บ้าง ไม่ได้เป็นโครงการที่เน้นส่วนกลางอื่นๆมากนัก

  • HIGH CLASS
  • 7.79 / 10.00

ADLER and Baan Chan Chan Road (แอดเลอร์ และ บ้านจันทน์ ถนนจันทน์) เหมาะกับใคร

โครงการ ADLER and Baan Chan Chan Road เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดห้องไซส์ใหญ่ 100 ตร.ม.ขึ้นไป ในทำเลย่านพระราม 3 ใกล้ทางด่วนศรีรัชไม่ถึง 1 km. และยังสามารถเข้าเมืองไปสาทรได้ง่ายๆเพียง 10 นาที โดยเป็นโครงการขนาดเล็กที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูง พื้นที่ใช้สอยเยอะ และให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีงบซื้อคอนโดประมาณระดับ 1x.xx ล้านปลายๆ


Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่