รีวิวฉบับที่ 475 … 624 Condolette รัชดา 36 (624 คอนโดเล็ต รัชดา 36) คอนโด Low Rise 8 ช้น 3 อาคารจาก พฤกษา อยู่บนถนนรัชดาภิเษก ซอยรัชดาภิเษก 36 (เสือใหญ่อุทิศ) เป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมเข้าอยู่ได้เลย และตอนนี้มีการโอนไปแล้วประมาณ 80% และมีลูกบ้านเข้าอยู่อาศัยแล้วประมาณ 90% ของยอดโอน เข้าออกได้ 2 ทางคือ ถนนรัชดาภิเษก และ ถนนลาดพร้าว-วังหิน โครงการจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยครับ ヾ(^-^)ノ~♪
Fact @ 18 November 2013
- 624 Condolette Ratchada 36 (624 คอนโดเล็ต รัชดา 36)
- บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- SUPER ECONOMY (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 486 ยูนิต
- อาคาร A 152 ยูนิต
- อาคาร B 170 ยูนิต
- อาคาร C 164 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 24 ยูนิต ที่อาคาร B
- ที่จอดรถประมาณ 186 คัน รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%
- ที่ดินประมาณ 4-2-28 ไร่
- โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่
- ร้านค้า 37.22 – 60.47 ตารางเมตร
- Studio 23.16 ตารางเมตร
- 1 Bedroom 27.81 – 27.95 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 48.02 – 56.11 ตารางเมตร (แบบ 56.11 ขายหมดแล้ว)
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.1 ล้านบาท หรือประมาณ 47,000 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 49,400 บาท
- http://www.condolette.com/ratchada/
- โทร 1739
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
พิกัด : 13.822037,100.576727
แผนที่จากทางโครงการ Condolette รัชดา 36 ครับ
Condolette รัชดา 36 เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ใน ซอยรัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ) ใกล้ๆกับ มหาลัยราชภัฎจันทรเกษม ช่วงปากซอยจะเป็นอาคารสำนักงานสูง 3-4 ชั้นอีกด้านจะเป็นร้านเครื่องเสียง ร็อคเก็ตซาวด์ ซอยนี้เป็นซอยที่มีความหนาแน่นค่อนข้างมากเพราะสามารถทะลุไป ถนนลาดพร้าว-วังหิน ได้แถมซอยแถวๆนี้เชื่อมถึงกันเยอะมากสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยประเภทอพาร์ทเม้นท์ เรื่องอาหารการกินอยู่ในระยะ 350 เมตรขึ้นไป ถ้าไม่ไปช่วงปากซอยก็ต้องเข้าซอยไปด้านในจะมีให้เลือกมากกว่าหรือจะไปทะลุถนนลาดพร้าว-วังหินก็ได้ เพราะมี Community mall อยู่หลายแห่ง
ทำเลนี้มีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมากเพราะซอยที่ตั้งของโครงการเชื่อมต่อไปยังด้านหลังของมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม จะมีหอพักเยอะมากและร้านอาหารต่างๆก็มีมากตามไปด้วย ความหนาแน่นมีมากขนาดไหนก็ลองดูร้านสะดวกซื้อในซอยนี้ซิครับ ระยะ 200 เมตรมี 7Eleven 3 สาขา Tesco Lotus Express 1 สาขา เรียกได้ว่าเดินไม่กี่ก้าวก็เจอครับ ในซอยนี้ยังมีร้านค้าต่างๆมากมายหลายประเภทที่มาตั้งรองรับนักศึกษาจากมหาลัยนี้
เส้นทางที่ผมจะพาไปวันนี้เป็นอย่างนี้ ถนนวิภาวดีรังสิต > ถนนพหลโยธิน >ถนนรัชดาภิเษก > ซอยรัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ)
จุดเริ่มต้นอยู่ที่อาคารสำนักงาน หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ บนถนนวิภาวดีรังสิต
เมื่อถึง 5 แยกลาดพร้าวให้ชิดขวาขึ้นสะพานไปตามป้าย รัชโยธิน
เมื่อลงจากสะพานข้ามแยกแล้วจะเจอกับ Union Mall ด้านขวามือ
เซ็นทรัล ลาดพร้าวจะอยู่ด้านซ้ายมือเยื้องๆกับ Union Mall
ถัดมาจะเจอโรงเรียนหอวังอยู่ด้านซ้ายมือและตรงข้ามกันคือ Tesco Lotus
ขับมาอีกหน่อยจะเจอกับ Index Living Mall
และก่อนถึงแยกรัชโยธินจะเห็นตึกช้างอยู่ด้านขวามือครับ
พอถึงแยกรัชโยธินให้ชิดขวารอสัญญาณไฟจราจรแล้วเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ ถนนรัชดาภิเษก
จุดสังเกตก่อนถึงทางเข้า ซอยรัชดาภิเษก 36 คือ ปั๊มน้ำมันเชลล์ครับ ถ้าเจอแล้วให้ชะลอความเร็วแล้วชิดซ้ายเลย
ปากซอยนี้จะเป็นอาคารสำนักงาน PCMI และร้านเครื่องเสียง ร็อคเก็ตซาวด์
บริเวณปากซอยจะมีพี่วินคอยให้บริการด้วยถ้าเข้าโครงการคิดค่าบริการ 10 บาทแต่ถ้าจะไป MRT ลาดพร้าวคิด 40 บาทครับ
ส่วนค่าบริการสถานที่อื่นๆดูได้จากรูปเลยครับ
ช่วงปากซอยมีร้านอาหารประเภทรถเข็นอยู่นิดหน่อย
ตรงเข้าซอยได้นิดเดียวจะเจอทางบังคับเลี้ยวซ้าย
พอเลี้ยวซ้ายแล้วก็เลี้ยวขวาที่แยกแรกต่อเลยครับ
สภาพถนนในซอยนี้ค่อนข้างเล็กแต่ยังพอดีไหล่ทางให้เดินอยู่บ้างแต่ก็ต้องคอยระวังรถที่วิ่งไปมาด้วย
ทางเข้าโครงการจะไม่ค่อยเด่นเพราะว่ามีกำแพงและต้นไม้ของบ้านข้างเคียงบังไว้อยู่
เจาะลึกตัวโครงการ
ลักษณะที่ดินของโครงการ Condolette รัชดา 36 นี้เป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้าที่ยาวมากและตัวอาคารจะเรียงต่อกันทั้ง 3 อาคารตามความยาวของที่ดิน ทางเข้าโครงการจะอยู่ระหว่างอาคาร A และ B และพื้นที่ด้านหน้าของอาคารพักอาศัยทั้ง 3 อาคารจะเป็นถนนภาระจำยอมตลอดแนวโครงการ ซึ่งตอนนี้ไม่ได้มีการดูแลที่ดีเท่าไหร่ทำให้ภาพรวมของด้านหน้าโครงการดูไม่ค่อยเรียร้อย รอบๆโครงการจะมีรั้วกั้นตลอดแนวยกเว้นบริเวณด้านหน้าที่เป็นห้องชุดสำหรับทำร้านค้า ตรงนี้จะเปิดโล่งให้บุคคลภายนอกมาใช้งานได้
พื้นที่แต่ละด้านของโครงการจะเป็นที่พักอาศัยสูง 2 – 4 ชั้นทำให้เรื่องวิวจะมีปัญหาในบางมุมบางชั้น ห้องที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไปจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการบังวิวในระยะใกล้ จะมีโดนบังวิวบ้างในระยะไกลคือเลยที่ดินที่ติดกับโครงการไปแล้ว ซึ่งมีอาคารสำนักงานและอพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้นอยู่ประปราย
ผังอาคาร A ชั้น 1 ทางเข้าจะอยู่ทางทิศเหนือนะครับซึ่งทุกอาคารจะเหมือนกัน ส่วนร้านค้าจะมี 5 ยูนิตอยู่ด้านหน้าบริเวณที่เป็นทางเข้าออกครับ ส่วนที่จอดรถจะมีแบบกลางแจงครึ่งนึงครับ
ผังอาคาร A ชั้น 2 – 8 จะเหมือนกันมี 21 ยูนิตต่อชั้น ห้องแบบ 2 ห้องนอนจะอยู่ทางทิศเหนือทั้งหมด
ผังอาคาร B ชั้น 1 ด้านล่างเป็นที่จอดรถและร้านค้าอีก 5 ห้องอยู่ช่วงทางเข้า-ออกโครงการ
ผังอาคาร B ชั้น 2 – 6 จะเหมือนกันมี 24 ยูนิตต่อชั้น
ฝังอาคาร B ชั้น 7 จำนวนยูนิตจะลดลงเหลือ 23 ยูนิต ห้องที่เปลี่ยนแปลงคือห้องมุมซ้ายทิศใต้จากแบบ 1 ห้องนอน เป็น 2 ห้องนอน
ฝังอาคาร B ชั้น 8 จำนวนยูนิตจะลดลงเหลือ 22 ยูนิต ห้องที่เปลี่ยนแปลงคือห้องมุมขวาทิศใต้จากแบบ 1 ห้องนอน เป็น 2 ห้องนอน
ผังอาคาร C ชั้น 1 อาคารนี้จะไม่มีร้านค้าเพราะตำแหน่งอยู่ด้านในสุดของโครงการ
ผังอาคาร C ชั้น 2 – 6 จะเหมือนกันมี 24 ยูนิตต่อชั้น
ผังอาคาร C ชั้น 7 จำนวนยูนิตจะลดลงเหลือ 23 ยูนิต ห้องที่เปลี่ยนแปลงคือห้องมุมขวาทิศใต้จากแบบ 1 ห้องนอน เป็น 2 ห้องนอน
ผังอาคาร C ชั้น 8 จำนวนยูนิตจะลดลงเหลือ 21 ยูนิต ห้องที่เปลี่ยนแปลงคือห้องมุมขวาทิศใต้ก่อนห้องสุดท้ายกับห้องมุมซ้ายทางทิศใต้จากแบบ 1 ห้องนอน เป็น 2 ห้องนอน
หากคุณผู้อ่านสงสัยเหมือนผมว่าทำไมชื่อโครงการ Condolette ถึงมีตัวเลข 624 นำหน้าผมได้คำตอบมาอย่างนี้ครับ 6 หมายถึงจำนวนวัน ส่วน 24 หมายถึง จำนวนชั่งโมงใน 1 วัน เมื่อนำเวลามารวมกันแล้วจะเท่ากับ 7 วันหรือ 1 อาทิตย์พอดีนั่นเอง สิ่งที่ทางโครงการต้องการจะสื่อให้รู้คือโครงการนี้ เป็นสถานที่อยู่อาศัยที่ให้การพักผ่อนสบายตลอดทุกวัน ถือว่าเป็นการใส่ลูกเล่นให้กับชื่อของโครงการแบบเก๋ๆครับ
ตัวอาคารที่ด้านหน้าสุดของโครงการตรงทางเข้า จะเป็นอาคารสำนักงานขายและ Fitness ที่ชั้น 2
รูปนี้เข้ามาในตัวโครงการแล้วถ่ายรูปย้อนไปยังปากทางเข้าหน้าโครงการ จะเห็นว่าตำแหน่งไม้กั้นหยุดรถนั้นจะอยู่ด้านในของถนนภาระจำยอมอีกที แต่ตัวป้อมยามจะอยู่กับอาคาร Fitness ก่อนเข้าไปดูอาคาร Fitnessผมจะพาไปดูรอบๆโครงการก่อนนะครับ เพราะการเดินภายในจะเป็น One Way บางช่วง
สภาพถนนที่เป็นภาระจำยอมครับ
ถนนภาระจำยอมอีกด้าน
เมื่อเข้ามาในโครงการแล้วเส้นทางเดินรถจะทุกแบ่งเป็น 2 ฝั่งอาคาร A อยู่ด้านซ้ายมือส่วนอาคาร B และ C อยู่ด้านขวามือ
สภาพพื้นที่จอดรถของอาคาร A จะมีแบบจอดกลางแจ้งและจอดใต้ตึก
มีที่จอดรถมอเตอร์ไซด์และจักรยานอยู่ด้านซ้ายก่อนเข้าที่จอดรถขนาดถนนทางเข้าที่จอดรถค่อนข้างแคบ
ที่จอดรถบางส่วนจะครึ่งนึงของตัวรถจะเลยตัวอาคารออกมาการเดินรถเป็นแบบ One Way ต้องตรงเข้าไปสุดด้านในแล้ววนใต้ตึกกลับออกมา
สภาพที่จอดรถใต้อาคารมีพื้นที่เหลือไม่มากถ้าจะจอดซ้อนคัน
มุมมองจากอาคาร A ไปยังอาคาร B ทางเข้า-ออกโครงการอยู่ด้านขวามือ
มาต่อกันที่อาคาร B บ้าง ลักษณะการจอดเหมือนกับอาคาร A คือถ้าจอดด้านในตึกจะมีตัวตึกบังแดดให้แต่ถ้าจอดด้านนอก ตัวรถจะโผล่ออกมาครึ่งคัน
วิ่งมาจนสุดทางจะมีจอดรถกลางแจ้งแล้วเลี้ยวขวากลับรถโดยวิ่งด้านในของที่จอดรถ
การเดินรถจะแปลกซักหน่อยเพราะไม่สามารถวิ่งตรงไปจนสุดเพื่อออกจากโครงการได้ต้องเลี้ยวขวาออกจากใต้อาคารก่อน
เมื่อออกมาที่ถนนหน้าอาคารแล้วต้องเลี้ยวซ้ายเข้าอาคาร B อีกทีเนื่องจากถ้ามีรถจอดด้านขวาเต็มจะไม่สามารถวิ่งสวนกันได้
การจอดรถภายในอาคาร B
พ้นอาคาร B จะสามารถวิ่ง 2 เลนสวนกันได้ ทางเข้า-ออกโครงการอยู่ด้านซ้ายมือ
ส่วนรอบๆอาคารนั้นจะมีการปลูกต้นไม้และต้นโมกตามแนวรั้ว และแนวรั้วด้านหน้าจะวิ่งไปสุดที่ร้านค้าหน้าโครงการ
ร้านค้าหน้าโครงการจะมีเฉพาะอาคาร A และ B เท่านั้นและจะไม่มีรั้วกันบุคคลภายนอกมาใช้งานได้
มาดูส่วนของอาคาร Fitness กันบ้าง ทางเข้าจะเข้าจากด้านข้างของอาคารเท่านั้น
ภายในชั้นล่างยังทำเป็นสำนักงานขายอยู่ เมื่อขายหมดแล้วพื้นที่ตรงนี้จะทำเป็นที่นั่งพักผ่อนอย่างเดียว
ชั้นล่างจะมีห้องน้ำให้ฝั่งละ 2 ห้อง
บันไดทางขึ้นเป็นไม้เนื้อแข็ง และราวจับเป็นสแตนเลสติดบานกระจก
บนชั้น 2 จะมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 4 เครื่องและมีที่นั่งพักผ่อนให้นิดหน่อย ถ้าจะออกกำลังกายแนะนำเป็นช่วงเช้าๆหรือไม่ก็ตอนเย็นที่หลังแดดร่มแล้วเพราะผนังรอบด้านเป็นกระจกทั้งหมดรับแดดช่วงบ่ายเต็มๆถึงจะมีแอร์ให้แต่ก็เอาไม่อยู่ครับ
เครื่องเล่นจะมีลู่วิ่งให้ 2 เครื่องและจักระยานอีก 3 เครื่อง
อีกด้านของห้องจะมีชุดนกน้ำหนักวางอยู่ ซึ่งถ้าลูกบ้านอยู่กันครบการใช้งานค่อนข้างแน่นถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตท้งหมด ไปดูทางเข้าอาคารกันต่อเลยรับ
ทางเข้าแต่ละอาคารจะมีแค่จุดเดียวเท่านั้น ประตูจะเป็นบานกระจกเปิดคู่ต้องใช้ Key Cardเท่านั้นในการเข้าโครงการ แต่การออกโครงการไม่ต้องใช้เพราะมีปุ่มให้กดจากด้านใน
โถงกลาง Lobby จะมีชุดโซฟาไว้นั่งรอได้ บริเวณนี้มีการตกแต่งผนังทำให้พื้นดูน่าใช้งานมากขึ้น
อีกด้านจะเป็นทางเข้าไปยังสำนักงานนิติบุคคล ภายในโถง Lobby จะติดแอร์ให้นะครับ
เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับโถงลิฟท์ตกแต่งด้วยสีเทา-ชมพู มีฝ้าซ่อนไฟให้ด้วย
ตรงข้ามลิฟท์จะเป็นห้องตู้จดหมาย
ภายในห้องนี้จะมีรถเข็นไว้ให้ลูกบ้านใช้ขนของได้
ทุกอาคารจะมีลิฟท์ให้ 2 ตัวและไม่มีลิฟท์ขนของ ถ้าจะขนของก็ใช้ตัวเดียวกันนี่แหละครับ
ลิฟท์เป็นของ Schindler ระบบสัมผัสซึ่งดูดีมากสำหรับโครงการระดับนี้
แผงปุ่มกดจะดูเรียบๆแต่เท่ห์
ลิฟท์รับน้ำหนักได้ 800 กก.หรือประมาณ 10 คน
โถงลิฟท์ตามชั้นต่างๆจมีหน้าต่างไว้ระบายอากาศ
ตรงข้ามลิฟท์จะเป็นห้องเก็บขยะกับห้อง Control
CCTV จะติดตั้งที่โถงลิฟท์แต่ละชั้น
ทางเดินหน้าห้องพักกว้างประมาณ 1.7 เมตร
ทางเดินช่วงที่ไม่มีห้องพักจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งตลอดแนว
มาดูเรื่องวิวกันบ้างครับ มุมมองจากชั้น 3 ไปยังด้านหลังอาคารบริเวณทางเข้าที่จอดรถ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Fitness 1 ห้องขนาด 117 ตารางเมตร
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์ อาคาร A 76 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์ อาคาร B 85 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์ อาคาร C 82 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว
- ที่จอดรถ 186 คัน คิดเป็น 38% ไม่รวมซ้อนคัน
- ที่จอดรถในร่ม 59 คัน คิดเป็น 32% ของที่จอดรถทั้งหมด
- ระบบ CCTV / Access Card
Product Walkthrough
ห้องมีทั้งหมด 4 แบบโดยแบบแยกย่อยเป็น Studio, 1 ห้องนอน (ประตูเฉียง), 1 ห้องนอน (ประตูตรง) และ 2 ห้องนอน ห้องตัวอย่างที่มีให้ดูครบทุกแบบยกเว้นแบบ Studio และมีห้องเปล่าแบบ 1 ห้องนอนมาเปรียบเทียบด้วยครับ
มาเริ่มกันที่แบบ Studio ก่อนนะครับ ผังแบบนี้จะคล้ายๆกับแบบ 1 ห้องนอนแต่ว่ามีพื้นที่เล็กกว่าเลยไม่เหมาะแก่การกั้นห้องนอนแยก เพราะจะทำให้ทุกห้องดูเล็กไปหมด การวางผังภายในดูลงตัวดี ยกเว้นบริเวณห้องนั่งเล่นที่จะไม่สามารถวางโซฟาได้หรือถ้าจะวางแบบให้มีระยะดูทีวีที่พอดี ตัวโซฟาจะต้องติดกับปลายเตียงเลยครับ
Unit Type 1B-1 จะเป็นแบบ 1 ห้องนอนที่ประตูของห้องนอนจะวางในแนวเฉียง
โซนแรกที่เจอจะเป็นโซนครัว, โซนทานอาหาร และ ห้องนั่งเล่น เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นในห้องนี้จะเป็นตัวที่ขายแบบ Fully Furnished ประตูห้องนอนที่เฉียงนั้นทำให้ภาพรวมของห้องดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด
ห้องแบบ Fully Fitted จะไม่มีเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาให้เลย
ด้านซ้ายมือจะเป็น Pantry ครัวติดกับประตูทางเข้ามีระยะให้วางตู้เย็นได้พอดีๆ ถัดจากเคาน์เตอร์ครัวจะวางเป็นโต๊ะทานอาหารขนาดเล็กสำหรับ 2 ที่นั่ง การใช้งานจริงค่อนข้างลำบากเพราะมีพื้นที่เหลือรอบๆโต๊ะไม่มาก การเข้า-ออกจากโต๊ะทำได้ไม่ค่อยสะดวกนัก ถ้าอยากลุกนั่งสบายหน่อยสามารถเปลี่ยนตำแหน่งโต๊ะทานอาหารโดยย้ายมาตรงกลางห้องบริเวณทางเข้าห้องนอนได้เพราะมีที่เหลือแต่บรรยากาศจะไม่ค่อยดีเพราะติดกับห้องน้ำเลย
ห้องแบบ Fully Fitted จะมีเพียงเคาน์เตอร์ครัวมาให้ 2 ชุด (บนและล่าง) เป็นเคาน์เตอร์แบบเข้ามุมพอดี
การเปิดตู้ชุดล่างเป็นแบบนี้ครับ มีบานเปิดใต้อ่างล้างจาน, ลิ้นชักบนมีช่องแบ่งไว้ใส่อุปกรณ์ครัวชิ้นเล็กๆ, ช่องตรงกลางไว้ใส่เตาไมโครเวฟครับ ส่วนลิ้นชักล่างจะตื้นมากเอาไว้ใส่ของที่มีลักษณะแบนๆเท่านั้น บานประตูตู้จะไม่มีการปาดมุมหรือติดมือจับ ทำให้เวลาจับบานประตูจะจับไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ ประตูตู้ทุกบานไม่มี Soft Close มาให้นะครับ
ลักษณะการแบ่งช่องครับ
การแบ่งช่องชุดบน จะมีบานเปิดให้ 2 บาทส่วนที่เป็นมุมติดชั้นวางของจะเปิดไม่ได้
ชุดครัวไม่มีเตาและที่ดูดควันมาให้ครับแต่มีการเดินท่อรอไว้ให้แล้ว
ชุดอ่างล้างจานมี 1 ช่องและที่วางจานมาให้
วัสดุเคาน์เตอร์เป็น MDF ติดลามิเนตชนิดกันน้ำ ควรระวังเรื่องน้ำนะครับเพราะมีโอกาสบวมได้ถ้าทิ้งให้แช่น้ำนานๆ
ตรงมุมของเคาน์เตอร์มีปลั๊กไฟแบบฝาครอบกันน้ำมาให้ด้วย สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว
พื้นภายในห้องทั้งหมดเป็นพื้นไม้สำเร็จรูป ลามิเนต หนา 8 มม.ยกเว้นส่วนห้องน้ำและระเบียง
ประตูทางเข้าห้องชุดจะเป็นบานเปิดเดี่ยว HDF ขนาด 0.9 x 2 เมตรทาสีขาว
มือจับเป็นแบบก้านโยก ส่วนประตูห้องนอนและห้องน้ำจะเป็นลูกบิดธรรมดา
ประตูทุบานจะมี Door Stop ให้หน้าตาแบบนี้ครับ
โคมไฟภายในห้องจะเป็นแบบซาลาเปาทั้งหมด ห้องทุกห้องจะไม่มีฝ้าเพดานยกเว้นห้องน้ำที่เป็นยิบซั่มกันชื้นทาสี ความสูงจองผ้าเพดานคือ 2.55 และในห้องน้ำจะเหลือ 2.35
โซฟาจะวางติดประตูทางออกไปยังระเบียง และระยะดูทีวีมีเหลือไม่มากประมาณ 1.1 เมตรดังนั้นไม่สามารถวางทีวีจอใหญ่มากๆได้เพราะระยะนั่งดูจะไม่เพียงพอ ประตูออกไประเบียงเป็นบานกระจกเขียวตัดแสงวงกบอลูมิเนียมสีดำ
พื้นที่ทางออกไประเบียงจะมีธรณีประตูสูงประมาณ 7 ซม.
อุปกรณ์สวิทช์ และ ปลั๊กไฟใช้ของ Btchino และ Panasonic
หน้าตาสวิทช์ไฟเป็นแบบธรรมดาตามมาตรฐานทั่วไปครับ
พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1.5 x 0.75 เมตร มีท่อน้ำเข้า-ออกมาให้สำหรับเครื่องซักผ้า ถ้าจะวางเครื่องซักผ้าต้องติดคอมเพรสเซอร์แอร์แบบแขวนผนังเท่านั้น ซึ่งมีระยะพอวาง 2 เครื่องแบบพอดีๆเลย แต่ถ้าวางครบหมดแทบจะไม่เหลือพื้นที่ไว้ตากผ้าเลยครับ
ประตูบานเลื่อนจะเปิดได้แค่ด้านเดียวนะครับ ไม่ใช่บานเปิดสลับ ตัวล็อคจะอยู่ตรงกลาง พื้นระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 12″ x 12″
มุมมองจากระเบียงมายังภายในห้อง จะเห็นว่าพื้นที่ตรงกลางห้องมีเหลือพอวางโต๊ะทานอาหารได้แต่จะติดกับห้องน้ำเลย ซึ่งถ้าใครรับได้ปิดประตู้ห้องน้ำไว้ ก็จะใช้พื้นที่ได้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
ต่อไปมาดูห้องน้ำกันครับ วัสดุพื้นภายในห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 12″ x 12″ และมีธรณีหินแกรนิตกั้นให้สูงประมาณ 4 ซม.
ชุดสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ที่ใช้เป็นของ American Standard รุ่นกลาง-ล่าง
ข้อดีของห้องน้ำโครงการนี้คือมีกระจกเงามาขนาดใหญ่มาให้ ซึ่งมีความกว้างเต็มแนวกำแพงเลย ประตู้ห้องน้ำกว้างตามมาตรฐานคือ 70 ซม.สูง 2 เมตร
หน้าของ Door Stop ประตูห้องน้ำจะไม่เหมือนประตูเข้าห้องชุดและห้องนอน
โซนอาบน้ำจะมีธรณีกั้นให้สูงประมาณ 7 ซม.แต่ไม่มีบานกระจกกั้นโซนเปียก-แห้งให้ บริเวณผนังที่ติดชุด Shower จะตกแต่งด้วยกระเบื้องมีลวดลาย
ท่อระบายน้ำเป็นสแตนเลส 4 เหลี่ยม
ก๊อกน้ำและฝักบัวใช้ของ Karat
ภายในห้องน้ำจะมีพัดลมดูดอากาศมาให้
กำแพงช่วงที่นูนออกมาทางขวาบนคือช่องสำหรับระบายอากาศจากในห้องน้ำและเชื่อมต่อไปยังที่ดูดวันของเคาน์เตอร์ครัวด้วย ประตูด้านซ้ายมือสุดคือประตูไปยังห้องนอน
ห้องนอนแบบนี้ถ้าใส่เตียงขนาด 5 ฟุตแล้วจะเหลือที่รอบๆเตียงพอสมควร แต่เป็น 6 ฟุตพื้นที่เดินจะเหลือน้อยมาก
บริเวณหัวเตียงสามารถวางโต๊ะขนาดเล็กได้ Wallpaper กำแพงหัวเตียงของจริงไม่มีให้นะครับต้องติดเพิ่มเอง
หน้าต่างห้องนอนจะเป็นบานกระจกคู่เปิดสลับล็อคกลาง
ช่วงปลายเตียงมีช่องให้ใส่ตู้เสื้อผ้าได้
ถ้าใครไม่ได้ซื้อเฟอร์นิเจอร์กับทางโครงการแนะนำให้ทำ Built-in ตู้แบบเต็มพื้นที่จะคุ้มกว่าในการใช้งาน
ห้องนอนนี้ไม่สามารถติดทีวีที่ผนังได้เพราะระยะที่ติดตั้งนะไม่อยู่ตรงกลางของเตียง
ต่อไปผมจะพาไปดูห้องนอนแบบ 1B-2 ที่มีประตูห้องนอนแบบตรงนะครับ ขนาดพื้นที่จะเล็กกว่านิดหน่อยแต่ดูเป็นสัดส่วนมากกว่า
โซนแรกที่เจอจะเป็น Pantry ครัว, โต๊ะทานอาหาร และ ห้องนั่งเล่น
รอยต่อของทางเดินหน้าห้องและภายในห้องจะมีธรณีสำเร็จรูปติดมาให้
เคาน์เตอร์ครัวยังคงเป็นแบบเข้ามุมครับเหมือนกับห้องแรกเป๊ะๆเลย
การวางอ่างล้างจานก็เป็นตำแหน่งเดียวกัน
บานเปิดตู้เหมือนกันหมดครับ
มุมโต๊ะทานอาหารยังแคบเหมือนเดิม
มุมมองจากระเบียงมายังภายในห้องจะเห็นว่ามีพื้นที่ตรงกลางเหลืออยู่นิดหน่อยพอให้ขยับโต๊ะทานอาหารมานั่งแบบตรงข้ามกันได้ แต่ตำแหน่งจะขวางทางเดินภายในนิดหน่อย
พื้นที่ระเบียงมีขนาดพอๆกันกับห้องแบบแรก ท่อใหญ่ๆตามแนวตั้งที่เห็นอยู่คือท่อระบายน้ำทิ้งของบริเวณระเบียง ซึ่งโครงการลักษณะนี้จะไม่มีการทำฉากปิดให้เพราะง่ายต่อการดูและรักษา
ถ้าใครสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์กับทางโครงการจะได้ตู้วางทีวีหน้าตาแบบนี้ครับมีขนาดใหญ่พอวางทีวีขนาด 40 นิ้วได้สบายและมีระยะนั่งดูทีวีมากกว่าแบบแรกประมาณ 50 ซม.
ส่วนโซฟาจะเป็นสีครีมตามแบบในรูปครับ
ประตูห้องน้ำและห้องนอนจะอยู่ติดกันแต่ประตูห้องน้ำจะอยู่ลึกกว่าหน่อย
ห้องนอนนี้ก็ใส่เตียงขนาด 5 ฟุตได้และมีที่เหลือด้านข้างพอสมควร
แต่พื้นที่ปลายเตียงเหลือแค่ประมาณ 50 ซม. ถ้าใครอยากได้เตียง 6 ฟุตก็ทำได้เพราะเตียง 6 ฟุตจะเพิ่มแค่ความกว้างแต่ไม่เพิ่มความยาวของเตียง ซึ่งพื้นที่ด้านข้างยังมีเหลือพอ
หน้าต่างยังคงเป็นแบบเดียวกันคือบานกระจกคู่เปิดสลับ
ถ้ามองได้หน้าห้องจะเห็นว่าพื้นที่ด้านข้างสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกตัว ถ้าใครอยากได้เตียง 6 ฟุตก็ทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบมีโต๊ะเครื่องแป้งในตัวได้เลย
ตัวตู้ที่ซื้อจากโครงการเป็นแบบนี้ครับมีบานเปิดคู่กับลิ้นชักด้านล่าง
ห้องน้ำก็มีลักษณะเดียวกันทุกประการ
ชุดสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆก็เป็นแบบเดียวกันหมด
แบบสุดท้ายคือ 2 ห้องนอนแบบนี้จะมีขนาดค่อยข้างใหญ่เกือบ 2 เท่าของ 1 ห้องนอนคือ 47 ตร.ม.ส่วนขนาด 55 ตร.ม.ขายหมดแล้วครับ ถ้าใครอยากได้ห้องที่มีขนาดใหญ่อยู่แล้วไม่อึดอัดหรืออยากได้ห้องทำงานแบบเป็นสัดส่วนก็เลือกห้องแบบนี้ครับ การวางแปลนห้องโดยให้มีหน้าต่างทั้ง 3 ห้องทำให้ภาพรวมของห้องดูกว้างมากและน่าอยู่กว่าแบบอื่นๆ
เมื่อเข้ามาในห้องโซนแรกที่เจอจะเป็นโซนทานอาหารและห้องนั่งเล่น
ระยะดูทีวีเหลือเฟือครับสำหรับ 2 ห้องนอน
พื้นที่ระเบียงมีขนาดพอๆกับ 1 ห้องนอนไม่ได้ใหญ่มากแต่จะมีพื้นที่เหลือมากกว่าเพราะเครื่องซักผ้าสามารถย้ายไปบริเวณ Pantry ครัวได้
ถ้าติดแอร์ 3 เครื่องจะต้องวางคอมเพรสเซอร์แอร์อีกด้านด้วย
มุมมองจากระเบียงมายังภายในห้อง
โซนทานอาหารจะอยู่ติดกับประตูห้อง แบบ 2 ห้องนอนไม่มีเฟอร์นิเจอร์มาให้นะครับ
โซนครัวและโถงกลาง ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำและห้องนอนอีก 2 ห้องจะอยู่ด้านซ้ายมือ
Pantry ครัวห้องนี้จะไม่เข้ามุมทำให้มีการใช้งานสะดวกขึ้น มีพื้นที่ให้วางเครื่องซักผ้าได้อีกเครื่อง ตู้เย็นที่วางในห้องตัวอย่างมีขนาด 12 คิวครับ ข้อดีอีกข้อของครัวโครงการนี้คือผนังบริเวณ Pantry จะมีการปูกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม.ช่วยให้การทำความสะอาดบริเวณสะดวกขึ้นมาก
ลิ้นชักล่างยังคงมีปัญหาแบบเดียวกันครับคือเอานิ้วเข้าไปเปิดได้ยากหน่อย
ห้องนอนเล็กสามารถใส่เตียง 3.5 ฟุตได้ครับถ้าใหญ่กว่านี้พื้นที่รอบๆเตียงจะเหลือไม่มาก หน้าต่างห้องนี้ก็เป็นแบบเดียวกันกับห้องนอนใหญ่
พื้นที่ข้างเตียงเหลือเยอะทีเดียวสำหรับการวางเตียง 3.5 ฟุต
ช่วงปลายเตียงสามารถติดทีวีได้ หรือถ้าใครทำเป็นห้องทำงานก็สามารถทำ Built-in เป็นชั้นวางหนังสือได้เต็มแนวกำแพงเลยครับ
พื้นที่อีกด้านสามารถวางตู้เสื้อผ้าขนาด 3 บานเปิดได้ครับ
ห้องน้ำไม่ได้มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าแบบ 1 ห้องนอนนะครับขนาดเท่ากันและยังคงมีแค่ห้องเดียว
ตำแหน่งการติดตั้งอุปกรณ์ก็เหมือนกัน และมี Low Wall ไว้วางของใช้ได้พอสมควรเพราะไม่มีเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามาให้
ห้องน้ำในแบบนี้จะเข้าได้ 2 ทางคือจากโถงกลางและห้องนอนใหญ่
Door Stop จะติดตั้งอยู่ด้านบนของประตูทั้ง 2 บาน
มุมมองจากโซนPantry ไปยังโต๊ะทานอาหารและห้องนั่งเล่น
มาดูห้องสุดท้ายที่เป็นห้องนอนใหญ่กันครับ วางเตียงขนาด 6 ฟุตแล้วมีที่เหลือรอบเตียงสบายๆครับ
ที่เหลือด้านข้างประมาณ 60 ซม.ครับถ้าใครอยากให้กว้างกว่านี้สามารถเลื่อนเตียงออกไปได้อีกหน่อย
สามารถทำ Built-in ตู้เสื้อผ้าเข้ามุมพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้ครับ
ส่วนปลายเตียงก็สามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังได้
ก่อนเข้าสู่ช่วงเจาะลึกรวบยอด ขอพาไปดูวิวรอบๆด้านก่อนครับ วิวที่เห็นวิวด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้จากชั้น 5 อาคารB ด้านล่างขวาคือทางเข้าโครงการครับ
วิวชั้น 5 อาคาร B ด้านทิศใต้
วิวชั้น 5 อาคาร B ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
วิวชั้น 3 อาคาร B ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
วิวชั้น 3 อาคาร B ด้านทิศเหนือ ข้อดีของการมาดูโครงการที่สร้างเสร็จแล้วคือเราสามารถดูได้ว่าวิวของห้องที่จะเลือกเห็นอะไรบ้าง อย่างในรูปถ้าใครไม่ชอบให้มีตู้ควบคุมไฟอยู่ใกล้ๆห้องก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าเป็นโครงการที่ยังไม่ได้สร้างก็ต้องลุ้นกันหน่อยครับว่าจะเจออะไร
วิวชั้น 3 อาคาร B ด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18/11/2013
- ราคาขายมี 2 แบบคือแบบ Full Fitted และ Fully Furnished
- ร้านค้า 37.22 ตร.ม. Standard room 3.33 ล้านบาทหรือ 89,500 บาท/ตร.ม.
- ร้านค้า 60.47 ตร.ม. Standard room 4.95 ล้านบาทหรือ 81,900 บาท/ตร.ม.
- Studio 23.16 ตร.ม. Full Fitted 1.1 ล้านบาทหรือ 47,500 บาท/ตร.ม.
- Studio 23.16 ตร.ม. Fully Furnished 1.2 ล้านบาทหรือ 51,800 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน 27.81 ตร.ม. Fully Fitted 1.39 ล้านบาทหรือ 50,000 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน 27.95 ตร.ม. Fully Furnished 1.49 ล้านบาทหรือ 53,300 บาท/ตร.ม.
- 2 ห้องนอน 48.02 ตร.ม. Fully Fitted 2.14 ล้านบาทหรือ 41,600 บาท/ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร / ห้องน้ำจะเหลือ 2.35 เมตร
- ร้านค้า จอง 20,000 บาท ทำสัญญา 50,000 บาท
- Studio และ 1 ห้องนอน จอง 5,000 บาท ทำสัญญา 15,000 บาท
- 2 ห้องนอน จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 20,000 บาท
- ชำระเงินทำสัญญา ภายใน 7 วันหลังจากวันจอง
- เงินส่วนที่เหลือประมาณ 95% ชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ขายและผู้ซื้อชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม. ชำระครั้งเดียว ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
- ค่าส่วนกลาง 30บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
*ตอนนี้ทางโครงจัด Promotion การขายแบบ ทุกตำแหน่ง ทุกชั้น ราคาเดียวกันหมดครับ และลดราคาพิเศษตามรายการด้านล่าง ส่วนระยะเวลาของ Promotion สามารถสอบถามโดยตรงจากโครงการได้เลยครับ
- 1 ห้องนอน 27.81 ตร.ม. Fully Fitted ลดราคาเหลือ 1.29 ล้านบาท
- 2 ห้องนอน 48.02 ตร.ม. Fully Fitted ลดราคาเหลือ 1.99 ล้านบาท
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลของ Condolette รัชดา 36 นี้เป็นทำเลสำหรับคนที่ใช้ชีวิตใน 3 ย่านนี้คือ แยกรัชโยธิน, แยกรัชดา-ลาดพร้าว, 5 แยกลาดพร้าว และถนนลาดพร้าว-วังหิน เพราะจะเดินทางได้ค่อนข้างสะดวก แถมถ้าจะไปแหล่ง Shopping สำคัญบริเวณใกล้เคียงก็มีมากมายเช่น เมเจอร์รัชโยธิน, SCB Park, เซ็นทรัลลาดพร้าว, Union mall, และ จตุจักร สภาพแวดล้อมบริเวณโครงการมีความหนาแน่นมาก อาคารส่วนใหญ่ในซอยจะเป็นที่พักอาศัยประเภทอพาร์ทเม้นท์เพราะอยู่ใกล้ มหาลัยราชภัฎจันทรเกษม ทำให้มีนักศึกษามาเช่าหอพักอยู่ค่อนข้างเยอะ ด้านหลังมหาลัยจะมีอาหารการกินให้เลือกเยอะมากแถมมี 7Eleven 3 สาขา Tesco Lotus Express อีก 1 สาขาทั้งหมดนี้อยู่ในระยะ 200 เมตร ซอยนี้ยังสามารถทะลุไป ถนนลาดพร้าว-วังหิน เพื่อไปถนนอื่นๆต่อได้อีกหลายเส้นทางดังนั้นการจราจรจะคับคั่งมากเกือบตลอดวัน ช่วงเวลาที่รถติดจะเป็นไปตามถนนใหญ่รอบๆด้านก็คือในชั่วโมงเร่งด่วน
การเดินทางด้วยรถค่อนข้างสะดวกเพราะสามารถออกไปได้หลายเส้นทาง โดยเส้นทางหลักคือถนนรัชดาภิเษกและสามารถถ้าทะลุด้านหลังของซอยไปถนนลาดพร้าว-วังหิน, ถนนเกษตรนวมินทร์, ถนนลาดพร้าว, ถนนเลียบทางด่วน-รามอินทรา ส่วนเรื่องการจราจรจะติดขัดมากในชั่วโมงเร่งด่วน แถมติดเกือบทุกเส้นรอบๆโครงการด้วย เรื่องที่จอดรถนั้นมีมาให้ไม่เยอะประมาณ 38% และจากการวางผังอาคารทั้งหมดการจอดซ้อนคันจะทำได้ไม่เยอะมาก ที่จอดรถมีทั้งแบบในร่มและกลางแดดโดยจอดในร่มมีประมาณ31% ที่เหลือคือจอดกลางแจ้งกับมีตึกบังให้ครึ่งนึง
การเดินทางโดยไม่ใช้รถจะไม่สะดวกเหมือนกับการใช้รถเพราะไม่มีรถไฟฟ้าที่อยู่ในระยะเดินได้ ต้องใช้บริการวินหน้าปากซอยสำหรับการไปขึ้น MRT ลาดพร้าว การเดินเข้า-ออกโครงการถึงแม้จะทางเท้าให้เดินบ้างแต่ต้องคอยหลบรถและมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งสวนไปมา และถนนจะมีทั้งช่วงแคบ-กว้างสลับกัน มีสิ่งกีดขวางบ้างเป็นระยะๆ
วัสดุที่ให้มาของ Condolette รัชดา 36 ถือว่าดีถ้าเทียบกับกับราคา มี Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้ทั้งชุดบนและล่าง มีการปูกระเบื้องแกรนิตขนาด 60 x 60 ซม.ที่กำแพงบริเวณ Pantry ช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นมาก ชุดสุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard ระดับกลาง-ล่างและมีกระจกมาให้แบบเต็มแนวกำแพงซึ่งถือว่าดีสำหรับระดับราคานี้
แบบตัวอาคารเป็นการวาง 3 อาคารต่อกันตามแนวยาวของที่ดิน รูปลักษณ์ภายนอกของอาคารพักอาศัยไม่มีอะไรโดดเด่นมากนักใช้โทนสี เทา-ดำ เป็นหลักด้านล่างมีพื้นที่ไว้สำหรับทำร้านค้ารองรับลูกบ้านด้วย ตัวอาคาร Fitness จะดูดีขึ้นมาหน่อยเพราะมีลูกเล่นในการออกแบบตัวอาคาร มาใน Style Modern เน้นเรียบๆ ตัวที่ดินจะดูแปลกๆหน่อยเพราะต้องมีถนนที่เป็นภาระจำยอมด้านหน้าตลอดแนวที่ดิน และยังไม่มีการดูแลรักษาที่ดีทำให้ภาพรวมหน้าอาคารพักอาศัยดูไม่ค่อยสวยนัก ทิศทางและวิวของโครงการโดยรอบจะโดนบังวิวในระยะใกล้เกือบหมดเพราะติดกับอาทาวน์เฮาส์ 2-4 ชั้นและระยะไกลหน่อยจะโดนอาคารสำนักงานบังวิวบ้างบางจุด ใครที่เน้นเรื่องวิวควรไปดูตำแหน่งห้องของจริงว่าเห็นอะไรบ้าง ถ้าเลือกห้องทางทิศใต้จะรับแดดเกือบทั้งวันซึ่งทำให้ห้องร้อนมาก ทางทิศเหนือจะร้อนน้อยกว่าเยอะ
รูปแบบของห้องพักส่วนใหญ่จะลงตัวดี ยกเว้นห้อง 1 Bedroom แบบประตูเฉียงถึงแม้ว่าจะได้บรรยากาศห้องที่ดูกว้างขึ้นบริเวณห้องครัว แต่ระยะที่นั่งดูทีวีจะน้อยไปหน่อยเพราะโดนห้องนอนเบียดพื้นที่มาหน่อย ถ้าใครเบื่อกับห้องที่มีรูปแบบธรรมดาๆก็เลือกแบบประตูเฉียงถ้าใครชอบแบบทั่วๆไปก็เลือกแบบประตูตรงสัดส่วนห้องจะดูลงตัวกว่า ระยะที่นั่งดูทีวีจะเหลือเยอะกว่า
ข้อเสียอาจจะเป็นเรื่องของ Facility ที่มีมาให้น้อย จุดเด่นจะมีแค่ Fitness บริเวณชั้น 2 ของอาคารนิติบุคคลเท่านั้น ไม่มีสระว่ายน้ำและสวนที่นั่งเล่นได้ มีแต่สวนตกแต่งรอบๆโครงการ ซึ่งเพราะทางพฤกษาต้องการกดราคาให้ลงมาต่ำอยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 50,000 บาทต่อตารางเมตร สเปคของโครงการบางส่วนก็ต้องลดทอนลงไปนะครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 49,400 บาทต่อตารางเมตร, 18/11/2013
- ทำเล 7.75/10 – ทำเลดีเมื่อเทียบกับราคา แต่ซอยค่อนข้างเล็กมาก และเป็นทำเลไม่ใกล้รถไฟฟ้า
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวกด้วยเส้นทางเข้าออกที่หลากหลาย แต่ช่วงเวลาเร่งด่วนรถจะติดมากเลี้ยวเข้าออกยาก และที่จอดรถน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ต้องเดินออกมาปากซอย ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไกลรถไฟฟ้า
- วัสดุ 8.0/10 – ถือว่าดีเมื่อเทียบกับราคาระดับนี้ มีเคาน์เตอร์ครัวมาให้ 2 ชิ้นและผนังครัวปูกระเบื้อง ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น
- แบบ 7.0/10 – ส่วนใหญ่แบบธรรมดาแต่จะมีแปลกๆไม่ลงตัวบ้างในแบบประตูเฉียง
- สาธารณูปโภค 6.0/10 – ให้มาน้อยนิดเพราะมี Fitness แค่อย่างเดียว
- SUPER ECONOMY CLASS
- 7.46 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำงานในย่าน แยกรัชโยธิน และ แยกรัชดา-ลาดพร้าวมีงบประมาณ 1.1 – 2.14 ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ไม่ค่อยเน้นการใช้ส่วนกลาง
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
(ノ´ヮ´)ノ*:・゚✧