รีวิวฉบับที่ 1738 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาอัพเดตโครงการ Ideo Mobi อโศก จาก Ananda ตอนนี้โครงการได้สร้างเสร็จประมาณ 90% จะมีบางส่วนที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ ทำให้สามารถพาชมโครงการได้บางส่วน โครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ใกล้แยกอโศก-เพชรบุรี ห่างจาก MRT เพชรบุรี 300 เมตร ซึ่งอนันดาได้นำแบรนด์ไอดิโอปรับโฉมใหม่ภายใต้ชื่อ THE NEW ERA OF VERTICAL LIVING มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆมาใช้ภายในห้องพัก จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ

Fact @ 14 November 2018

  • Ideo Mobi Asoke (ไอดิโอ โมบิ อโศก)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนเพชรบุรี เขตห้วยขวาง
  • คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร 507 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 19 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 245 คันคิดเป็น 48% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 2-2-63.3 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4/2561
  • Studio 24 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.30 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 33.00-34.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.2 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Duplex 45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 8.6 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 55.00-61.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.3 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.30 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 180,000 บาท/ตร.ม
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-316-2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.748502, 100.565959

แผนที่จากทางโครงการ จะเห็นว่าทำเลของโครงการอยู่บนถนนเพชรบุรี ใกล้ MRT เพชรบุรี ที่เป็นสถานี Interchange กับ Airport Link มักกะสัน นอกจากนี้ยังใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัชอีกด้วย

ทำเลของโครงการ Ideo Mobi อโศก นี้อยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งใกล้แยกอโศก-เพชรบุรี ที่เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างย่าน CBD ที่สำคัญอย่างรัชดา-พระราม 9 และ อโศก เริ่มตั้งแต่ถนนอโศกมนตรีถึงถนนรัชดาภิเษก จะมีอาคารสำนักงานใหญ่ๆหลายแห่งอย่าง Gmm Grammy, Si-no Thai, Unilever, G Tower และ ตึกตลาดหุ้น SET ที่สำคัญบริเวณอโศกมีมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงอย่าง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ รวมถึงมีโรงเรียนดังๆบริเวณนี้ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นทั้งแหล่งการศึกษาและมีอาคารสำนักงานเยอะแบบนี้มีแหล่งกิน เที่ยว ช็อปปิ้งครบ นอกจากนี้ยังมีโรงแรม 4-5 ดาวใหญ่ๆมากมายที่รองรับชาวต่างชาติทั้งที่มาทำงานและท่องเที่ยว

มาพูดถึงตัวโครงการกันค่ะ โครงการของเราตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งจะอยู่ถัดจาก Singha Complex ซึ่งเป็นโครงการมูลค่าแสนล้านของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด ซึ่งตอนนี้ได้เปิดตัวโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริเวณแยกนี้มีมูลค่าที่ดิน และความอุดมสมบูรณ์เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี จะมี MRTเพชรบุรี ซึ่งเป็นจุด Interchange กับ Airport Link มักกะสันที่สามารถไปสุวรรณภูมิได้ จุดเด่นของถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จะมีแยกพร้อมพงษ์เพื่อเลี้ยวเข้าซอยเพชรบุรี 38 ซึ่งสามารถทะลุไป ถนนสุขุมวิท และถนนทองหล่อได้ ซึ่งข้อดีของซอยนี้จะสามารถออกได้หลายหลายซอย ทำให้หลีกเลี่ยงรถติดบริเวณถนนหลักได้ค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการ หลักๆจะอิงถนนหลัก 3 โซน คือบริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ย่านอโศก และรัชดา-พระราม 9 โดยตัวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ได้มีโครงการบิ๊กโปรเจคอย่าง Singha Complex มาเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริเวณนี้มีความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งถนนเส้นนี้อาจจะไม่คึกคักเท่าถนนอโศกมนตรี ที่มีทั้งห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ใกล้สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีแหล่งกิน เที่ยว ช็อปปิ้งครบมีตลาดให้เลือกไปเดินได้หลากหลายทั้งตลาดนัด มศว, ตลาดแกรมมี่, ตลาดรวมทรัพย์, ตลาดสุขตา และประสานมิตรพลาซ่า ที่มีขายทั้งอาหาร ของกิน และเสื้อผ้า นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้่า Terminal21 บริเวณแยกอโศก ห้างตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ซึ่งถนนเส้นนี้จะมีห้างสรรพสินค้าหลายแห่งสามารถเลือกได้ตามใจชอบ ยิ่งกว่านี้ยังมีซอยคาวบอยที่เป็นแหล่งบันเทิงในยามค่ำคืน ทำให้บริเวณนี้มีความคึกคักตลอดทั้งวัน

อีกโซนที่สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้ถึงในสถานีเดียวคือย่านรัชดา-พระราม 9 ที่มีอาคารสำนักงานและห้างสรรพสินค้าค่อนข้างเยอะ ทำให้บริเวณนี้ค่อนข้างคึกคัก ตั้งแต่แยกเทียมร่วมมิตร ไปจนถึงแยกพระราม 9 อย่าง Central พระราม 9, Fortune Tower, Esplanade รัชดา ที่มีตลาดนัดรถไฟรัชดา, Big C รัชดาภิเษก และThe Street ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง ส่วนสาธารณูปโภคอื่นๆ ก็มีโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังใกล้เคียงหลายแห่ง อย่าง รพ.พระราม 9

การเดินทางโดยรถยนต์ ขับจากโครงการไปทางด่วนพิเศษศรีรัช พอเราออกจากหน้าโครงการ ให้เราเลี้ยวซ้าย แล้วขับตรงไปบริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนอโศก-ดินแดง หลังจากนั้นให้เตรียมชิดซ้ายขึ้นทางด่วน ระยะทางจากโครงการไปทางด่วนประมาณ 850 เมตรค่ะ

การเดินทางโดยรถยนต์ ขับจากทางด่วนพิเศษศรีรัชไปโครงการ ซึ่งข้อดีของตัวโครงการเราสามารถหลีกเลี่ยงรถติดบริเวณ ถนนอโศก-ดินแดงได้ ให้เราลงทางด่วนป้ายถนนพระราม9 ลงทางด่วนมาจะให้เลี้ยวขวาเตรียมตัวเข้าถนนเพชรอุทัย พอเข้าถนนเพชรอุทัยให้ตรงไปสุดแล้วเลี้ยวขวา เข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ หลังจากนั้นให้เตรียมชิดขวา แล้วให้กลับรถบริเวณแยกพร้อมพงษ์ พอกลับรถเสร็จให้ขับตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือค่ะระยะทางจากทางด่วนไปโครงการประมาณ 2.90 กิโลเมตรค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์  เนื่องจากที่ตั้งโครงการอยู่ติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นทำเลที่มีรถสาธารณะให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย โดยเริ่มจากเลือกใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRTเพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 300 เมตร นอกจากนี้บริเวณสถานีจะมี Metro Mall มีร้านค้าชื่อดังหลากหลาย อย่าง Starbucks Coffee, 108 shop,Gourmet To go ขนาดเล็ก และ A&W ซึ่งตอบโจทย์คนใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วน นอกจากนี้สถานีเพชรบุรี จะเชื่อมต่อทางขึ้น Airport Link มักกะสัน ที่สามารถไปสุวรรณภูมิได้

ส่วนด้านหลังตัวโครงการ จะติดกับคลองแสนแสบ ซึ่งซอยข้างโครงการจะสามารถไปยังท่าเรือ มศว ประสานมิตร ที่สามารถไปย่านบางกระปิ และย่านผ่านฟ้าได้ การเดินทางโดยเรือจะทำให้เราหลีกเลี่ยงรถติด แต่อาจจะต้องระวังน้ำในคลองหน่อย อีกทั้งยังสามารถเข้ามหาวิทยาลัยมศว.ได้เลย ซึ่งสะดวกสบายสำหรับนักศึกษามากค่ะ

เส้นทางที่เราจะไปโครงการกันวันนี้จะเป็นเส้นทางการเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดจะเป็น MRTเพชรบุรี ซึ่งอยู่ห่างโครงการเพียง 300 เมตรซึ่งเป็นสถานีที่มีความอุดมสมบูรณ์มากค่ะ ภายในจะมี Metro Mall ที่จะสามารถซื้อของกินได้ตั้งแต่เช้า-เย็นค่ะ

เริ่มต้นเส้นทางที่จะไปโครงการในวันนี้ จะเริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRTเพชรบุรี โดยจะเดินออกไปทางออกหมายเลข 1 ซึ่งจะขึ้นไปบริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ฝั่งตรงข้ามกับ Singha Complex

ก่อนขึ้นจะเจอกับ Metro Mall ใต้ดิน มีร้านค้าและร้านสะดวกซื้อให้แวะซื้อของได้ค่ะ ซึ่งจะเปิดตั้งแต่เช้า-เย็นค่ะ เป็นสถานีที่หาของกินได้ง่ายค่ะ ซึ่งจะสะดวกสำหรับคนที่ใช้รถไฟใต้ดินค่ะ

บริเวณ Metro Mall ด้านหน้าจะมีพื้นที่ว่าง ให้คนมาเช่าพื้นที่ขายของชั่วคราวได้ค่ะ  พอเดินเข้ามาข้างใน จะเจอกับร้านมากมายอย่าง Ochaya, A&W, Gourmet To go, Diary Queen, Lawson 108 และ Starbucks Coffee บริเวณข้างใน เกาะกลางของทางเดินจะมีที่นั่งพัก สามารถซื้อของมานั่งกินบริเวณนี้ได้

ขึ้นมาด้านบนจะเป็นถนนรัชาภิเษก ทางออกหมายเลข 1 ขึ้นมาก็อยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามกับ Singha Complex ทางเดินตรงนี้จะมีหลังคาคลุมตลอดทาง ที่สามารถขึ้นไปเชื่อมกับ Airport Link มักกะสันได้

เดินไปบริเวณหัวมุมทางเดินจะมีร้านกาแฟ ที่มีคนซื้อค่อนข้างคึกคักค่ะ ถัดไปทางขวาจะเป็นทางเดินขึ้นไปยัง Airport Link มักกะสัน ประมาณ 210 เมตร ก็ถึงตัวสถานีแล้วค่ะ

เดินออกมาจากตัว MRTเพชรบุรี ด้านขวามือจะเจอกับสี่แยกอโศก-เพชรบุรี ให้เราหันหลังกลับไปทางด้านซ้ายเพื่อไปที่ตั้งโครงการกันเลยค่ะ

หันกลับด้านซ้าย บริเวณทางเดินจะมีของขาย 2 ข้างทาง ในช่วงเช้าจะสามารถหาของกินได้ง่าย ทางเดินจะมีขนาดกว้างพอสมควร ทำให้เดินได้สะดวกสบาย

เดินตรงมาเรื่อยๆ เราจะเจอกับพี่วินมอเตอร์ไซค์ตั้งจุดบริการ สำหรับคนที่อยากใช้สำหรับช่วงเวลาเร่งด่วนราคาก็ตามป้ายเลยค่ะ

หลังจากนั้นให้เราเดินตรงไปตามทาง ทางด้านซ้ายมือจะมีโชว์รูม Honda ซึ่งสะดวกสำหรับคนที่ต้องการเช็คระยะรถประจำปีค่ะ

ฝั่งตรงข้ามจะมีโครงการบิ๊กโปรเจคอย่าง Singha Complex โครงการนี้อยู่บนพื้นที่ดินประมาณ 11 ไร่ เป็น Mixed Use 42 ชั้น ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน, Convention Hall, โรงแรม, และ The Esse เป็นคอนโดมิเนียมสูง 39 ชั้น ซึ่งตอนนี้ตัวโครงได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริเวณค่อนข้างคึกคักและอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเลยทีเดียวค่ะ

ถัดมาเป็นร้านแฟมิลี่หมูกระทะ บุฟเฟ่ต์ราคาเบาๆ  199 บาท/คน (เด็ก 149 บาท) แถมมีบุฟเฟ่ต์ซีฟู้ดให้เลือกด้วยในราคา 399 บาท (เด็ก 259 บาท) ที่ดีคือไม่จำกัดเวลาด้วยหละ ติดกันเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น Real Ichi

เดินตรงไปฝั่งซ้ายมือจะมีบริษัท Italian Thai ทางเดินบริเวณจะมีขนานค่อนข้างกว้าง สามารถเดินได้สบาย

ฝั่งตรงข้ามจะเห็นโครงการ Ideo Mobi อโศก อยู่ทางด้านซ้ายมือ ข้างๆโครงการจะมีโครงการ Supalai Premier Asoke ซึ่งจะ Set back ตัวโครงการเข้าไปข้างใน ส่วนบริเวณด้านหน้าโครงการจะทำเป็นที่จอดรถ ซึ่งทำให้ตัวโครงการของเราไม่อยู่ในระยะประชิดกับตัวอาคาร Supalai มากนัก ส่วนด้านขวาสุดจะเป็น Singha Complex นะคะ

เดินตรงไปจะเจอสะพานลอยที่สามารถข้ามไปลงหน้าโครงการที่อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ทางเข้าโครงการจะเห็นไม่ชัดมากนัก

เราลองเดินมาอีกฝั่งของสะพานลอยจะเห็นทางเข้าโครงการชัดกว่าค่ะ

ถ้าเรามองจากฝั่งตรงข้ามจะเห็นว่าตัวโครงการอยู่ติดเพชรบุรีตัดใหม่เลย ด้านหน้าโครงการจะมีตึกแถว 3-4 ชั้นซึ่งในอดีตด้านหน้าโครงการจะมีบันไดสะพานลอยบังอยู่เกือบครึ่งหนึ่ง แต่ในปัจจุบันทางโครงการได้ย้ายทางลงสะพานลอย ทำให้บริเวณทางเข้าโครงการมีขนาดกว้างมากยิ่งขึ้นค่ะ

จากสะพานลอยมองไปยังถนนเพชรบุรีมุ่งหน้าไปประตูน้ำ โดยข้างหน้าจะเป็นแยกอโศก-เพชรบุรีที่มีสะพานข้ามแยกช่วยระบายการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น ทางซ้ายมือจะเป็นตึก Supalai Premier Asoke ที่ติดกับโครงการ ถัดไปเป็น Singha Complex  มองตรงไปจะเห็นคอนโดบนถนนเพชรบุรีอย่าง Q Asoke, Villa Asoke และ The Address Asoke

หันมาอีกฝั่งมองไปยังถนนเพชรบุรีฝั่งมุ่งหน้าไปพัฒนาการ จะเห็นว่าในช่วงเที่ยงๆแบบนี้การจราจรฝั่งไปพัฒนาการไม่หนาแน่นมากนัก ทางซ้ายมือจะเห็นตึก Lancaster Hotel และThe Parkland Asoke ส่วนทางขวามือเห็นตึกคอนโด My Resort Bangkok และอาคารสำนักงาน Thai Summit

นอกจากนี้ตัวโครงการ ยังสามารถเดินทางไปท่าเรือ มศว ประสานมิตร จะมีระยะทางประมาณ 190 เมตร จากโครงการเดินเลี้ยวขวาเข้าซอยเพชรบุรี 38 มาเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมี Food Center ร้านอาหารทั้งรถเข็นและตั้งโต๊ะ โดยเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่นักศึกษา มศว จะใช้เดินเข้าออกมหาลัยตลอดทั้งวัน เดินมาเรื่อยๆข้ามสะพานข้ามคลองแสนแสบก็จะเจอกับท่าเรือ มศว ประสานมิตรแล้วค่ะ

จากตัวโครงการเราเดินเลี้ยวขวาไปจะเป็นตึกแถว 3-4 ชั้น บรรยากาศด้านหน้าค่อนข้างคึกคัก ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเห็นตึกสีชมพูๆอย่าง La Belle

เดินตรงไปหน่อยจะเจอร้านสะดวกซื้อ 7-11 ค่ะซึ่งอยู่ใกล้โครงการพอสมควรค่ะ

หลังจากนั้นจะเจอซอยเพชรบุรี 38 เป็นซอยที่รถยนต์ไม่สามารถเข้าได้ แต่สามารถเดินเท้าเข้าไปยังบริเวณท่าเรือ มศว ประสานมิตร ด้านหน้าจะมีร้าน CP FreshMart อยู่ค่ะ ให้เราเดินตรงไปตามทางก่อนค่ะ

เดินมาตามทาง เราจะเจอที่รอรถประจำทางค่ะ ซึ่งจะมีที่นั่งพักและมีหลังคาคลุมเพื่อป้องกันแสงแดด และฝนได้ค่ะ

เดินตรงมาเรื่อยๆ เราจะเจอกับพี่วินมอเตอร์ไซค์ตั้งจุดบริการ ซึ่งอยู่ใกล้โครงการพอสมควร สำหรับคนที่อยากใช้สำหรับช่วงเวลาเร่งด่วนราคาก็ตามป้ายเลยค่ะ

กลับบริเวณปากซอย เพชรบุรี 38 เราจะเดินเท้าเข้าไปข้างใน เพื่อไปยังท่าเรือ มศว ประสานมิตร และมหาวิทยาลัยมศว ได้

บรรยากาศภายในซอยเพชรบุรี 38 นี้จะมีของกินขายหลากหลาย ทั้งซุ้มน้ำปั่น มีร้านรถเข็นเล็กๆตั้งอยู่เรียงราย จากการสอบถามคนแถวนี้เค้าบอกว่า ร้านรถเข็นตรงนี้จะเริ่มตั้งกันตั้งแต่ตี 5 แล้วเริ่มทยอยเก็บกันตั้งแต่เที่ยงๆถึงบ่ายโมง ซึ่งซอยนี้จะมีคนเดินไปเดินมาตลอดทั้งวัน เพราะสามารถไปยังท่าเรือได้ รวมถึงมีนักศึกษาเดินไปมาซึ่งทางนี้สามารถเข้าตัวมหาวิทยาลัยได้เลย

เดิรตรงมาสุดทาง จะมีบันไดขึ้นสะพานเพื่อข้ามไปยังท่าเรือค่ะ

ขึ้นมาบนสะพานข้ามคลองแสนแสบ จะเป็นสะพานเล็ก พร้อมที่กันตกที่ค่อนข้างสูง ป้องกันคนตกน้ำ มองตรงไปเราก็จะเห็นตึกคณะแพทยศาสตร์ของมศว ตั้งเด่นเป็นสง่าเลยค่ะ

คลองแสนแสบเป็นคลองที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางประกง ซึ่งมีกลิ่นบ้างเป็นระยะๆแล้วแต่ทิศทางลมจะพาไปถ้าอยู่ชั้นบนๆก็จะไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นค่ะ ทางขวามือจะเป็นโครงการ Ideo Mobi Asoke จะเห็นได้ว่าข้างหลังตัวโครงการได้จัดเป็นสวน เพื่อเป็นระยะระหว่างตัวอาคารกับคลอง มีต้นไม้บังสายตา เรียบร้อย ซึ่งฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นท่าเรือ มศว ประสานมิตร

มองขึ้นไปข้างบน จะเห็นได้ว่างตัวโครงการค่อนข้างห่างจาก โครงการ Supalai พอสมควรค่ะ

เราเดินข้ามสะพานมาลงอีกฝั่ง จะเจอทางสามแยก มองตรงไปจะเป็นวิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม ทางซ้ายมือเป็นประตูทางเข้า มศว ประสานมิตร และทางขวามือจะแยกไปท่าเรือ

บริเวณท่าเรือจะมีร้านอาหารและขนมขายด้วยเผื่อใครอยากมาฝากท้อง มองตรงไปจะเป็นทางเดินไปยังบ้านพักอาศัยของคนที่อยู่ริมฝั่งคลอง

จากท่าเรือจะมีทางเดินเข้า มศว เดี๋ยวเราจะพาไปเดินดูภายในมหาวิทยาลัยกันเล็กน้อยนะคะ

เข้ามาภายในมหาวิทยาลัย มองกลับไปยังตัวโครงการ จะเห็นโครงการค่อนข้างชัดเจน ซึ่งตัวโครงการอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากค่ะ

นอกจากนี้ยังสามารถเดินทะลุไปถนนอโศกมนตรีได้ จากมศว ซึ่งเป็นข้อดีของคนที่ทำงานอยู่แถวนี้ สามารถเดินจากโครงการผ่านมศว เพื่อทะลุมายังอโศกมนตรีได้ โดยถนนเส้นนี้เป็นแหล่งที่มีคอนโด มีอาคารสำนักงานใหญ่อยู่มากมายจึงมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างมาก มีตลาดหลายแห่ง เพื่อตอบโจทย์ผู้พักอาศัยและหนุ่มสาวออฟฟิศหลากหลายทีเดียว อย่างฝั่งตรงข้าม มศว นี้จะมีอาคารสำนักงาน Asoke Tower ค่ะ

กลับมาที่ตัวโครงการ เราลองนำผังในส่วนห้องพักมาเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อมให้ดูกันก็จะถึงบางอ้อค่ะ อย่างที่รู้กันว่าที่ดินโครงการจะมีตึกสูงขึ้นขนาบซ้าย-ขวา ในระยะประชิดซึ่งมีปัญหาเรื่องวิวแน่ๆ ผู้ออกแบบจึงแก้ปัญหาอาคารให้หลบมุมมองกับตึกข้างๆ โดยการออกแบบผังให้มีการหักมุมถึง 2 จังหวะเพื่อเบนมุมมองไม่ให้ไปจ๊ะเอ๋กันแบบตรงๆ

  • ห้อง ฝั่งลูกศรสีเขียว จะได้มุมเปิดโล่ง ห้องที่หันไปเป็นทางทิศตะวันตกติดกับ Supalai Premier ตัวผังจะเอียงจากแปลงที่ดินประมาณ 45 องศา เพื่อให้ได้วิวสวนของ Supalai และสวนของ Singha Complex ห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือสามารถมองไปเห็นวิวมักกะสันได้ ส่วนห้องทางทิศใต้หลบตึกสูงใน มศว จะมองออกไปเห็นวิว มศว และ City View ฝั่งสุขุมวิท
  • ห้อง ฝั่งลูกศรสีเหลือง จะหันไปทางทิศเหนือเห็นวิวฝั่งรัชดา-พระราม 9 ได้ ซึ่งทางโครงการได้บิดเอียงลงเล็กน้อย เพื่อหลบตัวอาคาร และให้วิวได้มากยิ่งขึ้น
  • ห้อง ฝั่งลูกศรสีแดง จะหันไปทางทิศตะวันออก ซึ่งจะโดนตึก My Resort บังในระยะใกล้ที่สุด แต่โครงการแก้ปัญหาโดยการ Set อาคารเข้ามาเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างตึกให้มากขึ้น ซึ่งห้องที่อยู่ทางฝั่งนี้มีจำนวนห้องไม่มากนัก หากใครต้องการเลือกห้องฝั่งนี้ให้เลือกชั้น 29 ขึ้นไปในมุมมองที่พ้นตึก My Resort จะได้วิวโล่งๆ

โดยรวมแล้วเห็นว่าแม้ตัวอาคารจะมีลักษณะค่อนข้างแปลก มีลักษณะบิดเอียงไปมา ไม่ใช้แท่งสี่เหลี่ยมปกติที่เห็นทั่วไป ก็เป็นเพราะความตั้งใจที่ผู้ออกแบบแก้ปัญหาในเรื่องของวิวและมุมมองของอาคาร จากทำเลที่ตั้ง ในเมืองที่เต็มไปด้วยอาคารข้างเคียง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีและทำให้โครงการมีความแตกต่างจากที่อื่น

ทิศเหนือ ภาพนี้ถ่ายจากชั้นที่ 8 ของโครงการ ซึ่งวิวด้านนี้ค่อนข้างเปิดโล่ง จะไม่มีตึกอยู่ในระยะประชิด ฝั่งตรงข้ามจะมีตึกสีชมพูอย่าง La Belle อยู่ แต่ถ้ามองออกไปไกลๆจะเห็นตึก G Tower และตึกสูงมากมายในในย่านรัชดา-พระราม 9

ทิศใต้ ภาพนี้ถ่ายจากชั้นที่ 36 ของโครงการ จะเห็นพื้นที่ของมศว ซึ่งเป็นวิวเปิดโล่ง พอมองออกไปไกลๆจะเห็น City View ของกรุงเทพค่ะ

ทิศตะวันออก ภาพนี้ถ่ายจากชั้นที่ 36 ของโครงการ จะเห็นว่าตึก My Resort จะเตี่ยกว่าตึกของเรา ถัดออกไปจะเป็นตึก Thai Summit ส่วนมุมมองฝั่งขวาเราจะเห็นคลองแสนแสบ และอาคารเรียนมศว ซึ่งพอพ้นระยะตึก My Resort แล้วจะมีพื้นที่ค่อนข้างเปิดโล่ง และถ้ามองออกไปไกลๆก็จะเห็น City View ค่ะ

ทิศตะวันตก ภาพนี้ถ่ายจากชั้นที่ 36 ของโครงการ จะเห็นว่าตึก Supalai Premier จะเตี่ยกว่าตึกของเรา ข้างบนของโครงการจะเป็นสวน ทำให้บรรยากาศดูสบายตา ถัดออกไปจะเป็นตึก Singha Complex จะสูงกว่าตัวอาคารของเราอยู่ ส่วนมุมมองฝั่งขวาเราจะเห็นพื้นที่สีเขียวมักกะสัน ที่มีขนาดใหญ่ทำให้บรรยากาศโดยรวมค่อนข้างสบายตาค่ะ

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ภาพนี้ถ่ายจากชั้นที่ 8 ของโครงการ ซึ่งวิวด้านนี้ค่อนข้างเปิดโล่ง จะไม่มีตึกอยู่ในระยะประชิด ฝั่งตรงข้ามจะมีตึกสีชมพูอย่าง La Belle อยู่ แต่ถ้ามองออกไปไกลๆจะมี โครงการ Life Asoke และ The Address Asoke พร้อมทั้งวิวที่เป็นรถไฟฟ้า Airport Link วิ่งไปมาค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ 

  • Singha Complex ~ 100 เมตร
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ระยะเดินไปยังประตูหลังมหาวิทยาลัย)  ~190 เมตร
  • Central พระราม 9 ~1.4 กิโลเมตร
  • Fortune Town ~ 1.3 กิโลเมตร
  • Terminal 21~ 1.8 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~1.8 กิโลเมตร
  • Central Embassy ~2.7 กิโลเมตร
  • Central ชิดลม ~ 3 กิโลเมตร
  •  สวนเบญจกิตติ ~ 2.1 กิโลเมตร
  • Emquartier ~ 2.5 กิโลเมตร
  • สวนเบญจสิริ ~ 2.4 กิโลเมตร
  • Emporium ~ 2.7 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูที่ผังโครงการกันบ้างค่ะ มาเริ่มกันที่ Master Plan นะคะ ทางเข้าโครงการติดกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ผ่านซุ้มประตูทางเข้าจะให้วนรถทางซ้าย มี Drop off 1 จุด การขึ้นชั้นจอดรถก็สามารถขับไปอีกนิดแล้ววนขึ้นลานจอดรถบนอาคารได้ค่ะ โดยที่จอดรถจะมีตั้งแต่ชั้น 1-6 นอกจากบริเวณด้านหลังของโครงการจะมีสวนหย่อมที่อยู่ติดกับคลองแสนแสบ และท่าเรือ มศว ประสานมิตร ที่มีคนในบริเวณนี้ค่อนข้างผลุกผลาน ภายในสวนจะมีสนามหญ้า และต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อนเพิ่มความร่มเงา ซึ่งสามารถมาเดินเล่นในตอนเย็นได้ค่ะ

หลังจากนั้นบริเวณทางเข้าโครงการ จะมีทางเข้า Shop ซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างตัวบันไดต่างระดับด้านหน้าตัวอาคาร กลับเข้ามาในตัวอาคารจะเจอ Reception ก่อนถัดมาจะเป็นทางเข้าของ Drop off เดินเข้ามาเรื่อยๆจะมีพื้นที่ Lobby ซึ่งมีพื้นที่สามารถนั่งทำงานได้ เดินต่อเข้ามาข้างในสุดจะเป็นโถงลิฟต์เข้าสู่ส่วนพักอาศัย โดยโครงการมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 169 : 1 พร้อมลิฟต์Service แยก 1 ตัวติดกับส่วนทิ้งขยะทำให้แม่บ้านขนย้ายขยะลงมาทางนี้ได้ โดยไม่กวนส่วนลิฟต์โดยสาร นอกจากนี้ส่วนหลังของอาคารจะมีห้อง Mailbox และห้องงานระบบต่างๆ

ถ้าขับรถมาจากถนนเพชรุรีตัดใหม่ จะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ป้ายโครงการมีขนาดใหญ่ เห็นชัดเจน ถนนทางเข้าโครงการจะมี Slope เอียงขึ้นเล็กน้อย บริเวณหน้าโครงการจะมีสะพานลอยที่สามารถข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ง่ายค่ะ

บริเวณทางเข้าโครงการ จะเป็นถนนที่สามารถวิ่งเข้า-ออกได้อย่างละเลนส์ ถนนของโครงการจะเป็น Stamp Concrete บริเวณ 2 ข้างจะมีพื้นที่สวนตลอด 2 ข้างทาง ส่วนฝั่งขวามือจะมาทางเดินเข้าโครงการอยู่ ซึ่งตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่บางส่วน ทำให้ภาพที่ถ่ายมาอาจจะยังไม่ค่อยเรียบร้อยนะคะ

โดยบริเวณด้านข้างตึก จะมีลูกเล่นเป็น Contour บันไดทางขึ้นจากชั้นที่ 1 ไปถึงสวนชั้น 7 เหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกายแบบใช้กำลังขาเยอะๆ ซึ่งของจริงจะค่อนข้างชัน แต่จะมีชานพักเป็นช่วงๆ ขั้นบันไดบริเวณนี้ค่อนข้างเล็กเวลามาใช้งาน อาจจะต้องระวังสักหน่อย ส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าอาจจะสร้าง แล้วมาเพื่อความสวยงามของอาคารซะมากกว่าการให้คนมาใช้งาน ด้านข้าง Contour บันได จะมีทางเข้า Shop อยู่นะคะ

หันมาทางด้านซ้ายมือ จะมีถนนทางเข้าไปยังบริเวณ Drop Off และที่จอดรถ ซึ่งตอนนี้กำลังก่อสร้างอยู่บางส่วน ทำให้ภาพที่ถ่ายมาอาจจะยังไม่ค่อยเรียบร้อยนะคะ

ทางโครงการได้ออกแบบทางเข้าตัวอาคาร ให้มีลักษณะเอียงตามเส้นของตัวอาคาร จะเป็นประตูบานเลื่อน ซึ่งผู้เขียนมองว่าได้ออกแบบมาค่อนข้างน่าสนใจ มีการเก็บดีเทลเล็กน้อยๆของตัวอาคารค่ะ

หลังจากเข้ามาในตัวอาคาร จะมี Reception ต้อนรับอยู่ค่ะ ซึ่งโคมไฟตกแต่งเพดานบริเวณนี้ก็ทำได้น่าสนใจ เป็นการเล่นกับคอนเซปต์ของตัวอาคาร

เลี้ยวขวาเข้ามา ฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางเข้าของบริเวณ Drop Off

เดินตรงเข้ามาจะเจอพื้นที่ของ Lobby การออกแบบเป็น Style ของ Ideo จะเล่นเส้นไฟ เพื่อเพิ่มความสวยงาม ซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างดี ทำให้โครงการดู Luxury มากยิ่งขึ้น

บริเวณ Lobby จะมีพื้นที่พักผ่อน สามารถมานั่งเล่นหรือนั่งทำงาน ซึ่งบริเวณนี้เพื่อนสามารถมานั่งรอได้

ฝั่งตรงข้ามของพื้นที่นั่งเล่น จะมีห้องน้ำแยกชายและหญิงไว้เรียบร้อย ออกแบบทางเข้ามาได้น่าสนใจ โดยผนังจะเอียงเล็กน้อยตาม Concept ของตัวอาคาร

ภายในห้องน้ำหญิงจะมีอ่างล้างมือพร้อมกระจกบานใหญ่ให้ จะมีห้องน้ำ 2 ห้อง มีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถใช้งานได้สะดวกค่ะ

ภายในห้องน้ำชายจะมีอ่างล้างมือพร้อมกระจกบานใหญ่ให้ และมีโถสุขภัณฑ์ชายไว้ให้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถใช้งานได้สะดวกค่ะ

หลังจากนั้นเดินตรงเข้ามายังด้านหลังของตัวอาคาร จะมีห้องงานระบบต่างๆ ซึ่งทางขวามือจะมีทางเข้าห้อง Mailbox ส่วนทางซ้ายมือจะมีทางเข้าโถงลิฟต์ค่ะ

ภายในห้อง Mailboxจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถใช้งานได้หลายคน ห้องมีการเล่นเส้นไฟ ทำให้ห้องสว่าง และดูหรูหรามากยิ่งขึ้น

กลับมาบริเวณโถงทางเข้าลิฟต์ จะเป็นประตูแบบเปิด ซึ่งต้องใช้ Key Card Access ในการเข้าพื้นที่บริเวณนี้

บริเวณโถงลิฟต์ จะเป็นกระจกทั้งหมด ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ดูกว้างมากยิ่งขึ้น

ชั้น 1-6 จะเป็นที่จอดรถของโครงการที่มีการเดินรถค่อนข้างแปลก เนื่องมาจาก form ของอาคาร การวนรถจะมีทางลาดที่มีลักษณะเลี้ยวโค้งโค้งวนขึ้นตามรูปทรงอาคาร รวมทั้งที่จอดรถบางจุดดูแปลกๆสักหน่อย เช่น มีจุดจอดที่อยู่ตรงทางลาด เป็นต้น โครงการให้ที่จอดรถมาประมาณ 245 คัน หรือประมาณ 48 % ถือว่ากลางๆนะ ส่วนด้านบนทางขวามือจะมี Contour ที่สามารถเดินขึ้นตั้งแต่ชั้น 1-7

จาก Contour บันไดต่างระดับด้านหน้าตัวอาคาร สามารถขึ้นมาที่ชั้น 7 ได้เลยตรงบริเวณโถงลิฟต์ โดยชั้นนี้จะเริ่มมีห้องพักอาศัย จำนวน 7 ยูนิต โดยข้อดีของการอยู่ชั้นนี้คือทุกห้องจะมีสวนหน้าห้องทั้งหมด บรรยากาศจึงค่อนข้างร่มรื่น โดยจะแบ่งส่วนออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งทิศตะวันออกจะหันเข้าตัว My Resort วิวอาจจะไม่ดีมากนะ แต่มีบรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น เพราะไม่ได้โดนแสงแดดเต็มๆมากนัก ส่วนฝั่งทางทิศใต้จะมีทางออกไปนั่งเล่นได้นิดหน่อย แต่จะหลายล้อมด้วยต้นไม้จำนวนมาก พร้อมวิวเปิดโล่งทางทิศใต้ สำหรับใครที่สนใจอยู่ชั้นนี้ ต้องลองชั่งน้ำหนักดูก่อนนะคะว่าชอบวิวสวนขนาดที่จะแลกความเป็น Privacy รึเปล่า และอาจจะเสียความเป็นส่วนตัวบ้าง เพราะจะมีพื้นที่สวนทางฝั่งซ้ายทางทิศใต้ คนจะต้องเดินผ่านทางเดินส่วนพักอาศัยเพื่อไปใช้งาน

พื้นที่ส่วนบริเวณชั้น 7 ที่หันออกทางฝั่งทิศตะวันออก ซึ่งจะติดตึก My Resort โดยสวนตรงนี้จะค่อนข้างร่มรื่น เพราะมีตึกบังแสงแดดโดยตรง ซึ่งสามารถมาใช้งานได้ทั้งวัน

พื้นที่ส่วนบริเวณชั้น 7 ที่หันออกทางฝั่งทิศใต้ จะมีพื้นที่นั่งเล่นนิดหน่อย โดยวิวบริเวณนี้จะค่อนข้างโล่งค่ะ

บริเวณสวนด้านนี้จะมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ทำให้ค่อนข้างร่มรื่น แต่บริเวณนี้ไม่สามารถเดินออกไปได้นะคะ

 

ขึ้นมาที่ชั้น 8-15 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด ประกอบด้วยห้องพักจำนวน 19 ยูนิต ทางเดินเป็น Double Corridor โดยจะมีช่องแสงอยู่ตามมุมของโถงทางเดิน โถงลิฟต์จะอยู่ทางฝั่งซ้าย ห้องพักที่อยู่ทางฝั่งขวาเลยจะเดินค่อนข้างไกลกว่ากันนิดหน่อย ผังอาคารที่นี่ค่อนข้างแปลกกว่าโครงการอื่น แต่ถือว่าออกแบบมาได้ค่อนข้างดีทีเดียวเลยค่ะ

บริเวณโถงลิฟต์ภายในชั้นพักอาศัยค่ะ จะมีพื้นที่หน้าลิฟต์ค่อนข้างกว้างค่ะ

ทางเดินภายในชั้นพักอาศัย ค่อนข้างเรียบร้อยค่ะ มีไฟ Downlight ให้ตลอดทาง พร้อม Sprinkler และ Smoke Detector เวลาไฟไหม้ พร้อมบริเวณมุมของทางเดินจะมีช่องหน้าต่าง สามารถรับแสงภายใน และระบายอากาศบริเวณโถงทางเดินได้ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 16 มีห้องพักจำนวน 19 ยูนิต ผังของชั้นนี้จะเหมือนกับผังชั้น 8-15 เพียงแต่เพิ่มห้อง Duplex มา 2 ห้อง คือห้องที่วงสีแดงไว้ ตำแหน่งห้องอยู่ทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นฝั่งที่ติดตึก My Resort Bangkok นะคะ

ส่วนชั้น 17-31 จะมีการวางผังเหมือนชั้น 16 โดยมีห้องพักทั้งหมด 19 ยูนิต ซึ่งผังจะปรับเล็กน้อยตรงตำแหน่งห้อง Duplex จะเป็นพื้นที่ชั้น 2 ของตัวห้อง ที่เป็น Double Volume ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 32 ห้องพักจะลดลงเหลือ 17 ยูนิต โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่ด้านหน้าอาคาร ฝั่งถนนเพชรบุรีถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สวน และบันไดเพิ่มขึ้นมาเพื่อขึ้นไปชั้นบนต่อไป หลังจากชั้นนี้ไปตัวอาคารจะสั้นลงตามระยะร่นนะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 33 ห้องพักเหลือ 17 ยูนิตเท่าเดิม โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่ด้านหน้าอาคาร ฝั่งถนนเพชรบุรีถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ว่างเปล่า และบันไดเพิ่มขึ้นมาเพื่อขึ้นไปชั้นบนต่อไปค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 34 ห้องพักจะลดลงเหลือ 15 ยูนิต โดยตัวสวนถูกขยับเข้าด้านในแทนที่ห้องพัก 2 ยูนิต

ขึ้นมาที่ชั้น 35 ห้องพักจะเหลือ 15 ยูนิตเท่าเดิม โดยสวนจากชั้นที่แล้วบริเวณนี้จะกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า

ขึ้นมาที่ชั้นบนสุด 36 เราสามารถขึ้นลิฟต์โดยสารมาได้เลย โดยชั้นนี้จะเป็น  Facilities หลักของโครงการ ประกอบด้วยสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ที่หันออกไปทางทิศตะวันออก ซึ่งจะได้วิวค่อนข้างโล่ง และมี Jacuzzi ที่หันออกไปทางทิศเหนือ จะได้วิวฝั่งพระราม9 พร้อม City View ซึ่งทางโครงการจะมีห้องน้ำและตู้ Locker แยกชายหญิงไว้ให้ ส่วนบริเวณด้านหลังอาคารจะมี Co-working space, Library และ  Sky Lounge ที่ได้วิวฝั่ง มศว และ City view เส้นอโศก สุขุมวิท ขึ้นมาที่ชั้น Mezzanine จะมี Scenic Deck ซึ่งจะมีม่านน้ำตกลงไปยังสระน้ำด้านล่าง นอกจากนี้จะมีห้อง Fitness ทั้งชั้น โดยห้องนี้สามารถมองลงมาเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ด้วย

ขึ้นมาบริเวณ Facilities ชั้นที่ 34 จะมีสระว่ายน้ำ ระบบน้ำเกลือ ขนาด 25 x 5 เมตร ลึก 1.20 เมตร เหมาะกับคนที่ต้องว่ายน้ำจริงจัง ซึ่งวิวชั้นนี้จะเปิดโล่ง เห็น City View บรรยากาศโดยรวมถือว่าดีมาก

เดินตรงไปทางฝั่งขวามือจะมีสระเด็กลึก 45 ซม. ซึ่งได้ออกแบบสระโค้งตาม Concept ของตัวอาคาร 

กลับมาทางเดินจะมีเก้าอี้ ที่สามารถแองนอนชม City View ได้ โดยจะมีหลังคาคลุมในบริเวณนี้นะคะ

เดินต่อไป จะมีทางลงไป Jacuzzi บริเวณจะมีที่นั่งสามารถชมวิวโดยรอบของอาคารได้ โดยโครงการได้ออกแบบราวกันตก เป็นกระจกทั้งหมด มีลักษณะค่อนข้างหนาแน่น ปลอดภัยสำหรับคนที่มาใช้งานบริเวณนี้แน่นอน ซึ่งตัวกระจกมีลักษณะโค้งคล้ายกับหัวเรือเลยค่ะ

มองกลับมาเราจะเห็นชั้น Mezzanine ซึ่งจะมีที่นั่งเล่นบริเวณด้านบน โดยจะมีม่านน้ำตกสำหรับสระน้ำด้านล่างค่ะ

ทางโครงการทำบันไดลงสระน้ำได้ค่อนข้างสวย โค้งตามสระว่ายน้ำ

มองกลับมาเราจะเห็นม่านน้ำตก ซึ่งอาจจะมีเสียงค่อนข้างดังหน่อย ถ้าใครอยากได้ความสงบ ให้ว่ายไปฝั่ง Jacuzzi จะได้ยินเสียงน้อยลงค่ะ

พื้นที่สำหรับล้างตัว ชำระร่างกายก่อนลงสระว่ายน้ำ มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างสามารถใช้งานได้สะดวกค่ะ แต่จะมีฝักบัวเดียวถ้ามาหลายคนอาจจะต้องต่อแถวสักหน่อยค่ะ

มองจากบริเวณพื้นที่อาบน้ำ จะมีช่องแสงสามารถรับแสงจากด้านบนในบริเวณนี้ได้

ถัดมาด้านหลังสระน้ำ จะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง ภายในจะมีล็อกเกอร์ให้สามารถเก็บของเวลาไปฟิสเนสหรือว่ายน้ำได้ พร้อมห้องอาบน้ำ แต่ตอนที่ไปเก็บรีวิว ห้องน้ำยังไม่ค่อยเสร็จดีนัก ทางเราจึงไม่ได้เข้าไปถ่ายภายในห้องน้ำค่ะ

บริเวณด้านหลังจะมีทางขึ้นไปยังชั้น Mezzanine ค่ะ

ขึ้นมาบริเวณชั้น Mezzanine จะมีทางเดินจะเป็นกระจกบานใหญ่ สามารถชมวิวได้ ฝั่งซ้ายมือจะออกไปเป็นบริเวณ Scenic Deck ส่วนบริเวณสุดทางเดินจะเป็นห้อง Fitness ค่ะ

สระบริเวณนี้ไม่สามารถลงไปใช้งานได้นะคะ เป็นที่นั่งชมบรรยากาศเฉยๆ แต่บริเวณนี้จะมีช่องแสงที่ทะลุลงไปยังบริเวณข้างล่างได้ค่ะ

บริเวณนี้จะมีเตียง สำหรับนั่งหรือนอนพักผ่อน ชมวิวได้ค่ะ

กลับเข้ามาสุดทางเดิน จะเจอห้อง Fitness ทางเข้าจะเป็นประตูบานเปิดค่ะ

ภายในห้องFitness จะเป็นกระจกใหญ่สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำชั้นล่างได้ ภายในห้องมีเครื่องเล่นค่อนข้างหลากหลาย พื้นที่การใช้งานค่อนข้างกว้าง ซึ่งสามารถใช้งานได้หลายคน โดยพื้นจะเป็นพรมนิ่มๆค่ะ

วิวจากห้อง Fitness ฝั่งทางทิศตะวันตก จะมองเห็นสระว่ายน้ำ และบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างโล่งค่ะ

วิวจากห้อง Fitness ฝั่งทางทิศตะวันออก บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างโล่ง แต่อาจจะมีตึก Thai Summit บังซักหน่อย แต่ถ้ามองออกไปไกลๆจะเห็น City View ค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Ground Floor Plan

  • Ozone Grand Lobby
  • Dynamic Garden

7th Floor Plan

  • Retreat Garden

32th & 34th Floor Plan

  • Garden

36th Floor Plan

  • Panoramic Sky Pool ระบบน้ำเกลือ ขนาด 25 x 5 ลึก 1.20 เมตร
  • Jacuzzi
  • Kids Pool ระบบน้ำเกลือ ลึก 45  ซม.
  • Cloud Fitness
  • Co-working Space
  • Library
  • Sky Lounge

Service and Security

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 169:  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 245 คันคิดเป็น 48% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card


Product Walkthrough

วันนี้เราขอเลือกห้อง 2 Bedroom 1 Bath ขนาก 54.00 ตารางเมตร ทางโครงการได้ขายห้องแบบ Fully Fitted เหมาะกับการอยู่อาศัย 2-4 คน จุดเด่นของห้องนี้อยู่ที่ระเบียงกระจกทรงโค้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกของแบรนด์ไอดิโอ ที่นำกระจกโค้งมาใช้ในโครงการ พร้อมจุดเด่นของตัวกระจกที่ให้หน้าต่างกว้างถึง 10 เมตร พร้อมระเบียงแบบ Double Balcony ไปรับชมกันได้เลยค่ะ

สำหรับห้องนี้เมื่อเปิดประตูมาจะเจอกับครัวปิด ที่มีสามารถทำอาหารจริงจังที่มีกลิ่นควันได้ บริเวณฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องน้ำ ที่สามารถแบ่งการใช้งานได้ 2 ส่วน ทั้งส่วนสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำ สามารถใช้งานแยกกันได้ โดยทางโครงการได้ให้ประตูกั้นมาค่ะ นอกจากนี้ประตูห้องน้ำสามารถเข้าได้จากทั้งทางห้องครัว และห้องนอนใหญ่ บริเวณห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหาร จะมีขนาดค่อนข้างกว้าง พร้อมหน้าต่างขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถเห็นวิวได้กว้างมากยิ่งขึ้น จุดเด่นอีกอย่างอยู่ที่บริเวณระเบียง โดยโครงการได้เครมมาว่าต้องการให้พื้นที่ระเบียงเป็นมากกว่าแค่พื้นที่ซักล้าง ทางโครงการได้ทำเป็นระเบียงเป็นแบบ Double Balcony สามารถเปิดใช้งานได้อย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียคืออาจจะทำเป็นพื้นที่ซักล้างไม่ค่อยได้นะคะ ยิ่งไปกว่านั้นทางโครงการได้ทำที่ซ่อน CDU มาให้ทำให้สามารถใช้งานระเบียงได้อย่างเต็มที่ บริเวณห้องนอนเล็กสามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้ พร้อมมีหน้าต่างบานใหญ่ รับแสงธรรมชาติได้ แต่ข้อเสียคือเวลาเข้าห้องน้ำ อาจจะต้องเดินไกลหน่อย ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีหน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติ และวิวได้เช่นกัน โดยห้องนอนใหญ่จะมีทางเข้าห้องน้ำได้จากภายในห้อง

ประตูทางเข้าห้องพัก จะได้ประตูเป็นบานทึบลายไม้ พร้อมตาแมว ทางโครงการจะให้ Digital Door lock ของ Samsung มือจับเป็นแบบผลักออก และดึงเข้า หน้าตาแบบนี้มาให้ สามารถใช้ได้ทั้ง Key Card หรือกดรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู นอกจากนี้บริเวณหน้าห้องมีกริ้งกด มาให้ลูกบ้านด้วยนะคะ

บริเวณทางเข้ามีธรณีประตูหินแกรนิตสีครีม พื้นภายในยกสูงขึ้นจากพื้นทางเดินภายนอกเล็กน้อย ซึ่งข้อดีคือเวลาแม่บ้านมาทำความสะอาดบริเวณ Corridor จะสามารถป้องการน้ำซึมเข้ามาในพื้นห้องค่ะ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องครัวก่อน ฝ้าเพดานห้องนี้สูง 2.7 เมตร พื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้อง ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Fitted ถัดเข้าไปเป็นจะมีฉากกั้นอยู่ เพื่อป้องกันกลิ่นอาหารเข้าสู่ห้องอื่นๆ ถัดเข้าไปจะเป็นห้องรับแขก และห้องรับประทานอาหาร ทางโครงการได้ทำกระจกไว้ใหญ่ ทำให้บริเวณห้องครัวได้แสงธรรมชาติด้วย

มองกลับมา ฝั่งซ้ายเราจะเห็นประตูทางเข้าห้องน้ำนะคะ

ประตูของโครงการจะมี โช้คประตู Door Close เป็นอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยลดการกระแทกของการปิดประตู  บริเวณฝั่งขวามือจะมี Door Sensor ไว้สำหรับเตือนเวลามาคนเปิดประตูเข้ามาในห้องนะคะ

พื้นที่ภายในห้องครัวหลังจากใส่ชุด Built-in จะมีพื้นค่อนข้างกว้างพอสมควร โดยมีระยะ 1.26 เมตร มีขนาดพอดีกับการใช้งาน 2-3 คน พื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้องที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ

ชุดตู้ Built-in ของห้องครัวเราจะได้ตามห้องตัวอย่างค่ะ จะมีอ่างล้างจานและเตาไฟฟ้ามาให้ ส่วนหน้าบานเป็น Hi-Gloss สีขาว ด้านล่างจะมีพื้นที่ช่องเปล่าขนาด 65 x 60 ซม. ซึ่งสามารถใส่เครื่องซักผ้าได้ถึง 9 กิโล ฝั่งขวามือของจริงจะเป็นที่โล่ง สามารถวางตู้เย็นได้ตามใจชอบ แต่ทางโครงการจะไม่ได้ให้เครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ

ตู้ด้านบนของเคาน์เตอร์ จะแบ่งออกเป็น 3 ตอน ซึ่งตู้ฝั่งขวาด้านบนจะเป็นแบบบานเปิดเข้าหากัน บริเวณในตู้จะมีแผงควบคุมไฟอยู่ภายในตู้ สามารถเก็บของภายในตู้ได้ค่ะ ด้านล่างจะมีช่องสามารถวางไมโครเวฟได้ พร้อมช่องเล็กๆ 4 ช่อง วางพวกขวดซอสต่างๆ ทำให้หยิบใช้งานได้ง่ายค่ะ ส่วนตู้ฝั่งซ้ายทางโครงการให้ hood สำหรับดูดควันในครัว ยี่ห้อ Franke ค่ะ

ตู้ด้านบนของเคาน์เตอร์ ตู้เปิด-ปิด แถม Soft Close มาให้เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้เกิดเสียง และลดแรงกระแทกก่อนที่หน้าบานจะปิดสนิท 

บริเวณเคาน์เตอร์ ทางโครงการจะให้วัสดุ Top เคาน์เตอน์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ทนต่อน้ำและความร้อนได้ดี ผนังให้ Tile Backsplash ซึ่งสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและป้องกันคราบสกปรกจากเศษอาหารได้ โดยพื้นที่ตรงกลางเป็นพื้นที่เตรียมอาหารที่ค่อนข้างกว้างค่ะ พร้อมจะมีปลั๊กมาให้ด้วย

บริเวณเคาน์เตอร์ ทางโครงการให้ซิงค์ล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยว ขนาด 64 x 60 ซม. ก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกซ้าย-ขวาได้ ส่วนพื้นที่สำหรับประกอบอาหาร จะให้ชุดเตาไฟฟ้าแบบ 4 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน ยี่ห้อ Franke ค่ะ

ตู้ด้านล่างทางซ้ายมือ มีช่องวางเครื่องซักผ้าซึ่งมีการต่อท่องานระบบต่างๆไว้เรียบร้อย ตู้ตรงกลางจะมีลิ้นชัก สามารถวางช้อนส้อมได้ ส่วนด้านล่างมีช่องใส่ของค่อนข้างใหญ่ สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆภายในได้ ส่วนฝั่งขวาสุดจะติดตั้งถังขยะซ่อนอยู่ด้านในทำให้ดูเรียบร้อยดี

ฝั่งขวามือจะมีพื้นเปล่าที่สามารถวางตู้เย็นได้ โดยจะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถเลือกตู้เย็นมาวางได้ตามใจชอบค่ะ

ด้านบนตู้เย็น ทางโครงการได้ติด IP Camera มาให้เป็นกล้องวงจรปิด ที่สามารถดูผ่าน Smart Home App ของตัวโครงการได้ ข้อดีคือเวลาเราออกไปข้างนอก เราสามารถดูห้องผ่าน App ได้นะคะ

ฝั่งตรงข้ามจะมีช่องขนาด 60 x 80 ซม. โดยทางโครงการได้จัดเป็นตู้วางของ แต่ถ้าใครชอบซื้อรองเท้าสามารถ Built in เป็นตู้รองเท้าได้นะคะ สำหรับห้องจริงจะเป็นช่องเปล่าๆ ซึ่งเราสามารถเลือกใช้งานได้ตามเหมาะสม

บริเวณห้องครัว จะเป็นเพดานฉาบเรียบทาสีขาวพร้อมติดไฟ Downlight และมี Sprinkler และ Smoke Detector ไว้จับควันและป้องกันไฟไหม้บริเวณนี้ได้ค่ะ

กลับมาที่ฉากกั้น ถัดจากห้องครัว จะเป็นห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหาร โดยใช้ประตูบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียมดำกระจกใส ข้อดีของกระจก 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างกว่าปกติ สามารถกว้างได้ถึง 1.20 เมตร พอเลื่อนเปิดสุดแล้วจะได้พื้นที่เชื่อมต่อกันสองห้องค่ะ

บริเวณมือจับเซาะร่องพร้อมปุ่มล็อคและมีสักกะหลาดไว้สำหรับกั้นฝุ่นบริเวณขอบประตู อีกทั้งทางโครงการยังได้ฝั่งขอบพื้นกระจกอลูมิเนียม เพื่อทำให้เดินได้สะดวกมากยิ่งขึ้นค่ะ

กลับมาบริเวณทางเข้าห้องน้ำ จะเป็นแบบบานเลื่อนนะคะ โดยห้องน้ำจะลดระดับลงจากพื้นห้องครัวเล็กน้อย ป้องกันน้ำหนองออกมาบริเวณห้องครัวได้ค่ะ

บริเวณมือจับเซาะร่อง ซึ่งเปิดใช้งานเลื่อนไปมาได้ง่าย

เข้ามาในห้องน้ำ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน พื้นที่ห้องสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งจะมีประตูบานเลื่อนกั้นระหว่าง 2 พื้นที่ โดยจะสามารถแยกการใช้งานได้

พื้นที่ภายในสุขภัณฑ์จะค่อนข้างกว้าง โดยจะมีอ่างล้างมือแยกจากส่วนอาบน้ำค่ะ

อ่างล้างมือของ Kohler จะมีขนาดค่อนข้างเล็กหน่อย แต่สามารถใช้งานได้ ซึ่งจะเน้นใช้สำหรับล้างมือค่ะ

โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kohler มาค่ะ อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก โดยโถสุขภัณฑ์เป็นแบบฝารองนั่งอัตโนมัติ โดยจะหัวฉีด 2 หัวแบบเบา และแบบหนัก นอกจากนี้ที่ใส่ทิชชู่ จะติดตั้งที่ผนังทางด้านหลังค่ะ

สำหรับฝ้าเพดานด้านบนจะได้ฉาบเรียบทาสี และไฟ Downlight แบบฝั่งฝ้าพร้อมพัดลมดูดอากาศอีก 1 ตัวด้วยค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นห้องมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์ใส โดยจะมีขอบยกระดับขึ้นมาเล็กน้อยประมาณ 2.5 ซม. รวมถึงรอบตัวบานกระจกจะติดขอบยาง เพื่อป้องกันน้ำซึมย้อนมาอีกฝั่ง มือจับเป็นอลูมิเนียมรูปตัว L ซึ่งสามารถแขวนผ้าเช็ดตัวด้านหน้าฉากกั้นห้องน้ำได้ โดยบริเวณอ่างล้างมือจะให้กระจกเงาบานใหญ่เต็มบานสูงถึงระดับผ้าเพดาน บริเวณนี้จะมีประตูออกไปยังห้องนอนใหญ่ได้ค่ะ

พื้นที่ภายในบริเวณนี้ มีความกว้างประมาณ 1 เมตร เหมาะใช้งานสำหรับ 1 คน สามารถกลับตัวไปมาได้พอดีค่ะ

อ่างล้างหน้าเป็นของ Kohler ขนาด 80 x 60 ซม. มีขอบอ่างโดยรอบสามารถวางของเล็กๆน้อยๆได้ หัวก๊อกเป็นแบบก้านโยกสามารถใช้งานได้สะดวก ด้านล่างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าทำเป็นตู้บานเปิด 2 ด้าน มีพื้นที่สำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ภายในห้องน้ำได้

พื้นที่ยืนอาบน้ำ มีขนาดประมาณ 1 x 0.85 เมตร โดยมีพื้นกว้างพอสมควรสามารถใช้งานได้สะดวก ประตูฉากกั้นจะเปิดเข้าด้านใน ซึ่งบริเวณประตูมีระยะหน้ากว้าง 68 ซม. สามารถเข้า-ออกได้สบายค่ะ

อุปกรณ์ชุดอาบน้ำสามารถใช้งานได้ 2 แบบจะมีทั้ง Rain Shower Ceiling Hang และ Hand Shower พร้อมอุปกรณ์ครบพร้อมใช้งาน ของ Kohler ผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 60 ซม.

ทางโครงการให้ ฝักบัวเป็นแบบ Hand Shower ยี่ห้อ Kohler ขนาดพอดีกับมือมาค่ะ

บริเวณเพดานฉาบเรียบทาสีขาวพร้อมติดไฟ Downlight บริเวณนี้จะไม่ติดพัดลมดูดอากาศมาให้ เนื่องจากติดไว้ในบริเวณสุขภัณฑ์แล้ว ซึ่งเวลาใช้งานเสร็จอาจจะต้องเปิดฉากกั้นเพื่อระบายอากาศค่ะ

กลับออกมาบริเวณห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหาร จะมีขนาดค่อนข้างกว้าง พื้นจะได้เป็นลามิเนต พร้อมได้กระจกที่มีหน้ากว้างถึง 10 เมตร ทำให้เราจะได้เห็นวิวค่อนข้างกว้างและสามารถรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ

บริเวณห้องรับประทานอาหาร โดยทางโครงการได้จัดโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งมาให้ โดยมีพื้นที่เดินรอบสบาย บริเวณด้านบนทางโครงการจะให้แอร์ขนาด 24,000 BTU มาค่ะ แต่ตัวเฟอร์นิเจอร์มาให้นะคะ เราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ บริเวณนี้จะอยู่หน้าห้องนอนใหญ่และเชื่อมต่อกับห้องครัว

บริเวณห้องรับแขก จะเชื่อมต่อกับบริเวณระเบียง ในห้องตัวอย่างได้หันโซฟาออกไปทางหน้าต่าง ซึ่งสามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ ห้องของจริงจะให้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ

พื้นที่บริเวณห้องรับแขก จะมีระยะดูทีวีจากโซฟาประมาณ 2.40 เมตร สามารถเลือกทีวีขนาด 50 นิ้วมาใส่ได้ สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้

ประตูทางออกระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจกกรอบบานอลูมิเนียมสีดำแบบ 3 ตอน เป็นกระจกสีเขียวตัดแสง ข้อดีของกระจก 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างกว่าปกติพอเลื่อนเปิดสุดแล้วจะได้พื้นที่เชื่อมต่อกันสองห้องค่ะ นอกจากนี้ข้อดีของ Double Balcony ทำให้เราสามารถเปิดแอร์ เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่บริเวณนี้ได้ ทำให้เราออกไปใช้งานระเบียงได้มากยิ่งขึ้น

บริเวณมือจับเซาะร่องพร้อมปุ่มล็อคและมีสักกะหลาดไว้สำหรับกั้นฝุ่นบริเวณขอบประตู อีกทั้งทางโครงการยังได้ฝั่งขอบพื้นกระจกอลูมิเนียม เพื่อทำให้เดินได้สะดวกมากยิ่งขึ้นค่ะ

พื้นทีระเบียงค่อนข้างกว้างประมาณ 2.00 x 2.50 เมตร สามารถวางโต๊ะเก้าอี้ในบริเวณนี้ได้ โดยจะปูพื้นด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ส่วนราวกันตกระเบียงจะอยู่ด้านในหน้าต่างเป็นเหล็กสีดำ โดยเหมาะเป็นพื้นที่นั่งเล่นมากกว่าพื้นที่ซักล้างนะคะ

หน้าต่างบริเวณนี้จะได้ หน้าต้างโค้ง เพื่อเปิดมุมมองวิวให้กว้างมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างที่สามารถเปิดระบายอากาศได้

ด้านข้างระเบียง ทางโครงการได้ทำห้องซ่อน CDU มาให้ ซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างเรียบร้อยค่ะ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว บริเวณระเบียงจะติดไฟแบบ Downlight มาให้ค่ะ

กลับมาที่ห้องรับแขก และห้องรับประทานอาหาร หน้าต่างบริเวณนี้จะกว้างถึง 10 เมตร สามารถเห็นวิวได้อย่างเต็มที่ พร้อมมีบานกระทุ้งมาให้เพื่อระบายอากาศในบริเวณนี้ โดยมีกระจกบานกระทุ้งขนาดใหญ่ เปิดทำมุมเอียงประมาณ 30 องศา เป็นระยะที่ใช้งานได้ปลอดภัย

บริเวณห้องรับแขก และห้องรับประทานอาหาร จะเป็นเพดานฉาบเรียบทาสีขาวพร้อมติดไฟ Downlight และมี Sprinkler และ Smoke Detector ไว้จับควันและป้องกันไฟไหม้บริเวณนี้ได้ค่ะ

โดยความพิเศษของตัวโครงการ จะให้ตัว Home Automation มาเป็นตัวรับคำสั่งผ่าน Smart Home App ของไอดิโอ ภายใน App จะมี Control Lights สำหรับเปิดปิดไฟภายในห้องทั้งหมด Control Air Conditioning จะเป็นระบบเปิดปิดแอร์ในห้องต่างๆ Water Leakage Detector จะเป็นระบบป้องกั้นน้ำรั้วซึมบริเวณชุดครัว Front Door Break-in Alert จะเป็นระบบเตือนเวลามีคนเข้า-ออกห้อง IP Camera จะเป็นระบบที่เราสามารถเห็นภายในห้องผ่าน App ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของโครงการไอดิโอเลย ซึ่งทำออกมาได้ดีค่ะ

บริเวณทางเข้าห้องนอนเล็ก จะเป็นประตูบานเปิด ซึ่งประตูทางเข้าจะอยู่ข้างห้องครัว

ภายในห้องตัวอย่างได้ออกแบบเป็นห้องนั่งเล่น โดยห้องนี้จะได้แอร์ขนาด 9,000 BTU มา สำหรับของจริงเราสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความเหมาะสม อย่างห้องนั่งทำงาน หรือห้องนอน ของจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ

พื้นที่ภายในห้องค่อนข้างกว้าง สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ

ภายในห้องได้ให้หน้าต่างบานใหญ่ พร้อมมีหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ 1 บาน เพื่อระบายอากาศ และรับลมธรรมชาติได้ค่ะ

บริเวณห้องนอนเล็กจะเป็นเพดานฉาบเรียบทาสีขาวพร้อมติดไฟ Downlight และมี Sprinkler และ Smoke Detector ไว้จับควันและป้องกันไฟไหม้บริเวณนี้ได้ค่ะ

กลับออกมาที่ห้องรับแขก บริเวณประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่ จะอยู่อีกฝั่งนึงของบริเวณห้องครัว

ภายในห้องตัวอย่างจะใส่เตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้ พร้อมโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้ดูระยะการใช้งาน ข้อดีของห้องนอนจะอยู่ติดริมอาคาร ซึ่งมีหน้าต่างบานใหญ่พร้อมมีบานกระทุ้ง 1 บาน สามารถระบายอากาศและรับแสงแดดได้ดี พร้อมทั้งสามารถมองวิวได้เต็มที่ สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ ของจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบสีขาว ซึ่งอาจจะทำให้ห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้น

หน้าต่างของห้องนอน เป็นหน้าต่างบาน Fix จะมีบานกระทุ้งเพียง 1 บาน เอาไว้เปิดระบายอากาศ โดยจะใช้กระจกสีเขียวตัดแสง เพื่อป้องกันความร้อนเข้ามาในห้องค่ะ

บริเวณปลายเตียงหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วมีพื้นที่เหลือประมาณ 60 ซม. คือพอที่จะเดินไปเดินมาได้สะดวก ซึ่งขอแนะนำให้ใช้ทีวีแบบเขวนเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งาน โดยภายในห้องจะให้แอร์ขนาด 18,000 BTU มานะคะ

บริเวณด้านในของห้องจะมีพื้นที่สามารถใส่ตู้เสื้อผ้าได้ หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วจะมีพื้นที่เหลือประมาณ 1.70 เมตร ซึ่งขอแนะนำให้ใช้ตู้เสื้อผ้าแบบเลื่อนไป-มาเพื่อประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน นอกจากนี้ฝั่งตรงข้ามตู้เสื้อผ้าสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ

พื้นที่หลังจากวางตู้เสื้อผ้า และเฟอร์นิเจอร์แล้วจะมีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถใช้งานได้สะดวกค่ะ

บริเวณห้องนอนใหญ่ จะเป็นเพดานฉาบเรียบทาสีขาวพร้อมติดไฟ Downlight และมี Sprinkler และ Smoke Detector ไว้จับควันและป้องกันไฟไหม้บริเวณนี้ได้ค่ะ

ช้างตู้เสื้อผ้า จะมีประตูทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งสามารถใช้งานโดยตรงจากบริเวณนี้ได้ค่ะ

ทางโครงการจะให้สวิตช์ไฟสีขาวยี่ห้อ Schneider ค่ะ

แบบห้องที่ 2 จะเป็น 1 Bedroom 1 Bath Type ขนาด 34.50 ตารางเมตร ทางโครงการจะให้แบบ Fully Fitted ซึ่งเป็นห้องหน้ากว้างที่วางฟังก์ชั่นได้แปลกแต่ก็ดูเป็นสัดส่วนดี เพราะให้โซน Service อย่างห้องน้ำและครัวอยู่ตรงกลางห้อง เพื่อเน้นส่วนห้องนอน และห้องนั่งเล่นได้รับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ โดยข้อเสียของห้องแบบนี้คือ การที่ห้องครัวมาอยู่ด้านในสุดติดกับทางเดินทำให้การระบายอากาศต้องพึ่งพัดลมดูดอากาศอย่างเดียว ซึ่งถ้าทำไม่ดีกลิ่นอาจจะเข้าไปห้องนอนได้

ประตูทางเข้าจะเปิดมาเจอโซนนั่งเล่นก่อน พร้อมระเบียงแบบ Double Balcony ถัดเข้ามาบริเวณตรงกลางจะมีห้องครัวและห้องน้ำ ซึ่งด้านในจะเป็นห้องครัวทำให้ห้องนอนติดด้านนอกอาคารและมีหน้าต่างสามารถรับแสงธรรมชาติ และระบายอากาศได้ดี โดยห้องน้ำจะมีทางเข้า 2 ทางสามารถเข้าได้ทั้งห้องนอนใหญ่ และห้องครัวซึ่งสามารถใช้งานได้สะดวก เวลามีแขกมาจะสามารถเข้าได้จากหัองครัว โดยไม่ต้องผ่านห้องนอน ส่วนห้องนอนใหญ่มีสัดส่วนที่มากสุดในเปลนนี้ จะมีการใช้งานที่ค่อนข้างสะดวก และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างกว้าง สามารถได้ทั้งวิวและแสงธรรมชาติ โดยตำแหน่งโดยตำแหน่งของห้องนี้จะอยู่ทางทิศตะวันตก มองออกไปเห็นวิวสวนโครงการ Supalai Premier(ในชั้นไม่สูงนัก) และสวนของ Singha Complex

ประตูทางเข้าห้องพัก จะได้ประตูเป็นบานทึบลายไม้ พร้อมตาแมว ทางโครงการจะให้ Digital Door lock ของ Samsung มือจับเป็นแบบผลักออก และดึงเข้า หน้าตาแบบนี้มาให้ สามารถใช้ได้ทั้ง Key Card หรือกดรหัสผ่านเพื่อเปิดประตู นอกจากนี้บริเวณหน้าห้องมีกริ้งกด มาให้ลูกบ้านด้วยนะคะ

บริเวณห้องรับแขก จะสามารถวางโต๊ะกินข้าว และโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่งได้ ห้องนี้จะติดกับพื้นที่ระเบียง ซึ่งทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ ห้องของจริงจะให้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ

มองกลับมาจะมีพื้นที่สามารถวางโต๊ะอาหาร สำหรับ 2 ที่นั่ง ประตูจะได้แบบเดียวกับห้องที่แล้วเลยนะคะ โดยจะมีโช้คประตู Door Close เป็นอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยลดการกระแทกของการปิดประตู  บริเวณฝั่งซ้ายมือจะมี Door Sensor ไว้สำหรับเตือนเวลามาคนเปิดประตูเข้ามาในห้องนะคะ นอกจากนี้ห้องนี้ทางโครงการได้ให้แอร์ขนาด 15000 BTU มาค่ะ

พื้นที่การใช้งานบริเวณค่อนข้างกว้าง สามารถใช้งานได้สบาย หรือใครจะผลักโต๊ะอาหารเข้ามุม และมีพื้นที่เหลือสามารถทำชั้นวางรองเท้าได้ค่ะ

ห้องนี้ทางโครงการได้เตรียมช่องเสียบสัญญาณทีวีไว้ให้เรียบร้อยค่ะ สามารถเลือกทีวีขนาด 50 นิ้วมาใส่ได้ และห้องนี้จะติดกับพื้นที่ระเบียงทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาในตัวห้องได้ดี นอกจากนั้นยังสามารถเปิดเพื่อให้อากาศถ่ายเทภายในห้องค่ะ

พื้นที่บริเวณหน้าห้องรับแขก จะมีระยะดูทีวีจากโซฟาประมาณ 2.57 เมตร ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้จะมีพื้นที่หน้ากว้าง ทำให้ในแต่ละห้องใช้งานได้สบายค่ะ

บริเวณห้องรับแขก จะเป็นเพดานฉาบเรียบทาสีขาวพร้อมติดไฟ Downlight และมี Sprinkler และ Smoke Detector ไว้จับควันและป้องกันไฟไหม้บริเวณนี้ได้ค่ะ

ภายในห้องรับแขก ทางโครงการได้ติด IP Camera มาให้เป็นกล้องวงจรปิด ที่สามารถดูผ่าน Smart Home App ของตัวโครงการได้ ข้อดีคือเวลาเราออกไปข้างนอก เราสามารถดูห้องผ่าน App ได้นะคะ

ฉากกั้นบริเวณ Double Balcony โดยใช้ประตูบานเลื่อน 3 ตอน ขอบอลูมิเนียมดำกระจกสีเขียวตัดแสง ข้อดีของกระจก 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างกว่าปกติ พอเลื่อนเปิดสุดแล้วจะได้พื้นที่เชื่อมต่อกันสองห้องค่ะ

พื้นทีระเบียงค่อนข้างกว้างประมาณ 1.20 x 2.00 เมตร สามารถวางโต๊ะเก้าอี้ในบริเวณนี้ได้ โดยจะปูพื้นด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. ส่วนราวกันตกระเบียงจะอยู่ด้านในหน้าต่างเป็นเหล็กสีดำ โดยเหมาะเป็นพื้นที่นั่งเล่นมากกว่าพื้นที่ซักล้างนะคะ

นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างที่สามารถเปิดระบายอากาศได้

ด้านข้างระเบียง ทางโครงการได้ทำห้องซ่อน CDU มาให้ ซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างเรียบร้อยค่ะ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว บริเวณระเบียงจะติดไฟแบบ Downlight มาให้ค่ะ

กลับมาที่ข้างทีวี ของจริงจะมีชุดครัวอยู่ด้านในระหว่างทางไปห้องน้ำ และห้องนอน

พื้นที่ภายในห้องครัวหลังจากใส่ชุด Built-in จะมีพื้นค่อนข้างกว้างพอสมควร โดยมีระยะ 1.26 เมตร มีขนาดพอดีกับการใช้งาน 2-3 คน พื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้องที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ

ชุดตู้ Built-in ของห้องครัวเราจะได้ตามห้องตัวอย่างค่ะ จะมีอ่างล้างจานและเตาไฟฟ้ามาให้ ส่วนหน้าบานเป็น Hi-Gloss สีขาว ด้านล่างจะมีพื้นที่ช่องเปล่าขนาด 64 x 59 ซม. ซึ่งสามารถใส่เครื่องซักผ้าได้ 7 กิโล ฝั่งซ้ายมือของจริงจะเป็นที่โล่ง สามารถวางตู้เย็นได้ตามใจชอบ แต่ทางโครงการจะไม่ได้ให้เครื่องใช้ไฟฟ้านะคะ

ตู้ด้านบนของเคาน์เตอร์ จะแบ่งออกเป็น 3 ตอน ซึ่งตู้ฝั่งขวาด้านบนจะเป็นแบบบานเปิดเข้าหากัน บริเวณในตู้จะมีแผงควบคุมไฟอยู่ภายในตู้ สามารถเก็บของภายในตู้ได้ค่ะ ด้านล่างจะมีช่องสามารถวางไมโครเวฟได้ พร้อมช่องเล็กๆ 4 ช่อง วางพวกขวดซอสต่างๆ ทำให้หยิบใช้งานได้ง่ายค่ะ ส่วนตู้ฝั่งซ้ายทางโครงการให้ hood สำหรับดูดควันในครัว ยี่ห้อ Franke ค่ะ

บริเวณเคาน์เตอร์ ทางโครงการจะให้วัสดุ Top เคาน์เตอน์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ทนต่อน้ำและความร้อนได้ดี ผนังให้ Tile Backsplash ซึ่งสามารถทำความสะอาดได้ง่ายและป้องกันคราบสกปรกจากเศษอาหารได้ โดยพื้นที่ตรงกลางเป็นพื้นที่เตรียมอาหารที่ค่อนข้างกว้างค่ะ พร้อมจะมีปลั๊กมาให้ด้วย

บริเวณเคาน์เตอร์ ทางโครงการให้ซิงค์ล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยว ขนาด 64 x 60 ซม. ก๊อกน้ำล้างจานโครเมียมทรงสูง ปรับโยกซ้าย-ขวาได้ ส่วนพื้นที่สำหรับประกอบอาหาร จะให้ชุดเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน ยี่ห้อ Franke ค่ะ

ตู้ด้านล่างทางขวามือ มีช่องวางเครื่องซักผ้าซึ่งมีการต่อท่องานระบบต่างๆไว้เรียบร้อย ตู้ตรงกลางจะมีลิ้นชัก สามารถวางช้อนส้อมได้ ส่วนด้านล่างมีช่องใส่ของค่อนข้างใหญ่ สามารถเก็บของชิ้นใหญ่ๆภายในได้ ส่วนฝั่งซ้ายสุดจะติดตั้งถังขยะซ่อนอยู่ด้านในทำให้ดูเรียบร้อยดี

ฝั่งตรงข้ามชุดครัว จะมีทางเข้าห้องน้ำ ส่วนทางตรงเข้าไปจะมีประตูห้องนอนใหญ่ด้วยค่ะ ถือว่าเป็นพื้นที่แจกจ่ายไปยังห้องต่างๆได้ค่ะ

ห้องน้ำจะอยู่ริมนอกอาคาร ช่วยให้มีหน้าต่างสามารถระบายอากาศได้ ภายในห้องน้ำจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นและผนังเป็นกระเบื้องทั้งหมด ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา และให้สุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องน้ำครบพร้อมใช้งาน

ภายในพื้นที่ห้องน้ำมีขนาดกว้าง 83 ซม. ลักษณะห้องน้ำเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ระยะการใช้งานกว้างพอสมควร ทำให้ใช้งานได้สบาย

โดยบริเวณอ่างล้างมือจะให้กระจกเงาบานใหญ่เต็มบานสูงถึงระดับผ้าเพดาน

อ่างล้างหน้าเป็นของ Kohler ขนาด 80 x 60 ซม. มีขอบอ่างโดยรอบสามารถวางของเล็กๆน้อยๆได้ หัวก๊อกเป็นแบบก้านโยกสามารถใช้งานได้สะดวก ด้านล่างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าทำเป็นตู้บานเปิด 2 ด้าน มีพื้นที่สำหรับเก็บอุปกรณ์ของใช้ภายในห้องน้ำได้

โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kohler มาค่ะ อยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก โดยโถสุขภัณฑ์เป็นแบบฝารองนั่งอัตโนมัติ โดยจะหัวฉีด 2 หัวแบบเบา และแบบหนัก นอกจากนี้ที่ใส่ทิชชู่ จะติดตั้งที่ผนังทางด้านข้างนะคะ

บริเวณผนังได้เจาะช่องเข้าไป สำหรับวางของใช้และอุปกรณ์ในการอาบน้ำได้

พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นห้องมาให้เป็นกระจกเทมเปอร์ใส โดยจะมีขอบยกระดับขึ้นมาเล็กน้อยประมาณ 3 ซม. รวมถึงรอบตัวบานกระจกจะติดขอบยาง เพื่อป้องกันน้ำซึมย้อนมาอีกฝั่ง มือจับเป็นอลูมิเนียมรูปตัว L ซึ่งสามารถแขวนผ้าเช็ดตัวด้านหน้าฉากกั้นห้องน้ำได้

พื้นที่ยืนอาบน้ำ มีขนาดประมาณ 1.17 x 0.87 เมตร โดยมีพื้นกว้างพอสมควรสามารถใช้งานได้สะดวก ประตูฉากกั้นจะเปิดเข้าด้านใน ซึ่งบริเวณประตูมีระยะหน้ากว้าง 60 ซม. สามารถเข้า-ออกได้สบายค่ะ

อุปกรณ์ชุดอาบน้ำสามารถใช้งานได้ 2 แบบจะมีทั้ง Rain Shower Ceiling Hang และ Hand Shower พร้อมอุปกรณ์ครบพร้อมใช้งาน ของ Kohler

โดยพื้นที่อาบน้ำ จะมีหน้าต่างบ้านกระทุ้ง สำหรับระบายอากาศและความชื่นออกด้านนอกได้ พร้อมทั้งสามารถรับแสงธรรมชาติได้ดี

บริเวณห้องน้ำ ฝั่งตรงข้ามสุขภัณฑ์จะมีที่แขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ ผนังห้องน้ำจะปูกระเบื้องจรดเพดาน บริเวณเพดานฉาบเรียบทาสีขาวพร้อมติดไฟ Downlight และติดพัดลมดูดอากาศมาให้ค่ะ

ภายในห้องนอนตัวอย่างจะใส่เตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้ พร้อมโต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้ามาให้ดูระยะการใช้งานค่ะ ข้อดีของห้องนอนจะอยู่ติดริมอาคาร ซึ่งมีหน้าต่างบานใหญ่พร้อมมีบานกระทุ้ง 1 บาน สามารถระบายอากาศและรับแสงแดดได้ดี พร้อมทั้งสามารถมองวิวได้เต็มที่ สำหรับห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าๆไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งให้ ซึ่งเราสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของเราเองได้ค่ะ

หน้าต่างของห้องนอน เป็นหน้าต่างบาน Fix จะมีบานกระทุ้งเพียง 1 บาน เอาไว้เปิดระบายอากาศ โดยจะใช้กระจกสีเขียวตัดแสง เพื่อป้องกันความร้อนเข้ามาในห้องค่ะ

บริเวณปลายเตียงจะมีทางเข้าห้องน้ำได้โดยตรง เหนือประตูห้องน้ำทางโครงการได้ให้แอร์ขนาด 15000 BTU มา พร้อมทั้งสามารถแขวนทีวี เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งานรอบเตียงได้ค่ะ

บริเวณปลายเตียงมีพื้นที่เหลือประมาณ 52 ซม ส่วนบริเวณด้านข้างเตียงที่ติดกับหน้าต่างจะมีพื้นที่เหลือประมาณ 80 ซม.ซึ่งเดินไปเดินมาได้สะดวกสบายค่ะ

หน้าต่างของห้องนอน เป็นหน้าต่างบาน Fix จะมีบานกระทุ้งเพียง 1 บาน เอาไว้เปิดระบายอากาศ โดยจะใช้กระจกสีเขียวตัดแสง เพื่อป้องกันความร้อนเข้ามาในห้องค่ะ

โดยจะมีตัวล็อคของบานกระทุ้ง จะไม่สามารถเปิดได้กว้างมากนัก เพื่อความปลอดภัยค่ะ ส่วนบริเวณด้านจับเป็นแบบก้านโยกสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายค่ะ

มองกลับมาภายในห้อง จะมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าพร้อมทั้งสามารถวางโต๊ะทำงานข้างเตียงได้ รวมถึงบริเวณตู้เสื้อผ้า จะมีทางออกไปยังบริเวณห้องครัวได้ค่ะ

ตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบฝั่งเข้าไปในช่องของกำแพง ซึ่งผู้เขียนแนะนำให้ใช้เป็นแบบบานเลื่อน จะทำให้พื้นที่การใช้งานมีขนาดค่อนข้างกว้าง สำหรับของจริงทางโครงการจะไม่ให้เฟอร์นิเจอร์มานะคะ เราสามารถเลือกใช้ได้ตามใจชอบค่ะ โดยจะมีมุมที่สามารถวางโต๊ะทำงานได้อีกด้วย

หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วมีพื้นที่เหลือประมาณ 1.6 เมตร ซึ่งจะสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าในบริเวณนี้ได้สบายค่ะ

บริเวณห้องนอน จะเป็นเพดานฉาบเรียบทาสีขาวพร้อมติดไฟ Downlight และมี Sprinkler และ Smoke Detector ไว้จับควันและป้องกันไฟไหม้บริเวณนี้ได้ค่ะ

โดยความพิเศษของตัวโครงการ จะให้ตัว Home Automation มาเป็นตัวรับคำสั่งผ่าน Smart Home App ของไอดิโอ ภายใน App จะมี Control Lights สำหรับเปิดปิดไฟภายในห้องทั้งหมด Control Air Conditioning จะเป็นระบบเปิดปิดแอร์ในห้องต่างๆ Water Leakage Detector จะเป็นระบบป้องกั้นน้ำรั้วซึมบริเวณชุดครัว Front Door Break-in Alert จะเป็นระบบเตือนเวลามีคนเข้า-ออกห้อง IP Camera จะเป็นระบบที่เราสามารถเห็นภายในห้องผ่าน App ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของโครงการไอดิโอเลย ซึ่งทำออกมาได้ดีค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

นอกจากนี้เรายังได้เอาเปลนต่างๆภายในโครงการมาให้ดูเพิ่มเติมอีกด้วยค่ะ

มาเริ่มกันที่ห้อง Studio ที่มีขนาด 24 ตร.ม. ด้วยพื้นที่ขนาดจำกัดจึงเหมาะกับการพักอาศัย 1-2 คน เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับห้องนอน โดยโครงการไม่ได้กั้นฉากกั้นกระจกมาให้ โดยอีกฝั่งหนึ่งจะสามารถทำเป็นเป็นครัวปิดได้ ซึ่งทางโครงการไม่ได้ให้ฉากกั้นส่วนนี้มานะคะ ช่วยให้เวลาประกอบอาหารกลิ่นจะไม่เข้าไปรบกวนส่วนพักผ่อน โดยห้องครัวนี้จะเชื่อมต่อกับห้องน้ำและระเบียงแบบ Double Balcony

ข้อดีของการวางผังแบบนี้ จะแยกส่วนพักผ่อนและส่วน Service ออกจากกันชัดเจน เหมาะกับคนที่มีงบจำกัด ต้องการพื้นที่เล็กถึงปานกลางที่ใช้งานได้จริง แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุดติดทางเดิน ไม่สามารถรับแสงธรรมชาติและถ่ายเทอากาศผ่านทางหน้าต่างได้ ต้องใช้พัดลมดูดอากาศช่วยอย่างเดียว

ถัดมาจะเป็น ห้อง 1 Bedroom  มีขนาด 33 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้าง เน้นส่วนพักผ่อนและพักอาศัยที่อยู่สบายขึ้นมาอีกหน่อย เมื่อเดินเข้าไปในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวที่เชื่อมต่อกับห้องรับแขก ที่สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ ทำให้ป้องกันกลิ่นไหลเข้าไปยังห้องอื่นๆ ส่วนห้องนั่งเล่นมีระยะดูทีวีกว้างพอสมคร ตัวระเบียงจะเป็นแบบ Double Balcony โดยห้องนี้ได้เพิ่มพื้นที่ซ่อน CDU มาให้ ซึ่งจุดเด่นอีกอย่างคือ ห้องน้ำสามารถเข้าได้ทั้ง 2 ทาง ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ข้อดีของการวางผังแบบนี้คือการวางส่วน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาไว้รวมกันด้านในอาคารที่ติดกับทางเดินทั้งหมด และให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอน และห้องรับแขก ผลักให้ไปอยู่ด้านหน้าที่มีหน้าต่างไว้รับวิว และช่วยให้ห้องมีแสงธรรมชาติเข้าดี

ถัดมาที่ห้อง Duplex แบบ 1 Bedroom แบบ Double Volume มีขนาด 45 ตารางเมตร เป็นห้อง Duplex ขนาดไม่ใหญ่มาก มีการจัดพื้นที่ใช้งานภายในห้องหลักๆ เป็น 5 ส่วน ได้แก่ ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียง จัดอยู่ชั้นล่าง และจะมีบันไดขึ้นชั้น 2 ซึ่งจะเป็นห้องนอนค่ะ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะพบกับส่วนพื้นที่ห้องครัวปิดเป็นส่วนแรก ช่วยให้ป้องกันกลิ่นและควันเข้าไปในห้องอื่นได้ ข้างๆห้องครัวเป็นห้องน้ำที่แยกโซนเปียกและโซนแห้งให้ แต่มีข้อเสียที่ห้องน้ำอยู่ด้านในของอาคารติดทางเดินแบบนี้ จะไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบดูดอากาศอย่างเดียว บริเวณห้องรับแขก จะเป็น Double Volume ตามสไตล์ห้อง Duplex มีผ้าเพดานเป็นโถงสูง ทางซ้ายมือด้านในสุดของพื้นที่ชั้นล่างจะมีบันไดเพื่อขึ้นไปจะห้องนอนชั้นบน ซึ่งพื้นที่ที่จัดให้มาถือว่าใช้งานแบบพอดี สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้ตั้งตู้เสื้อผ้า พร้อมทั้งมีห้องน้ำในตัว แต่จะเป็นแบบ Powder room คือจะไม่สามารถอาบน้ำได้ ต้องลงไปอาบน้ำบริเวณด้านล่างแทนค่ะ

มาถึงห้องสุดท้ายแล้วกับห้องแบบ 2 Bedroom แบบ 2 Bed 2 Bath ขนาด 61 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้องหน้ากว้างขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการ โดยจุดเด่นของห้องนี้ก็คือกระจกโค้งอีกเช่นกันแต่ห้องนี้ตัวกระจกโค้งจะอยู่ที่ห้องนอนใหญ่ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องให้น่าสนใจทีเดียว สำหรับห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอครัวปิดที่เชื่อมต่อกับโถงที่สามารถจัดพื้นพื้นที่เป็นห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหารได้ โดยโถงนี้จะเชื่อมต่อ Double Balcony ที่มีห้องซ่อน CDU ไว้เรียบร้อย ถัดไปเป็นห้องนอนเล็กที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยห้องน้ำของห้องนอนเล็กจะมี 2 ประตูสามารถเข้าได้จากห้องนอนและห้องครัว  แสดงว่าแขกไปใครมาก็สามารถเข้าห้องน้ำจากครัวได้เลยไม่ต้องไปผ่านห้องนอน ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีความพิเศษคือผนังเป็นกระจกโค้งเข้ามุม และห้องน้ำในตัวมีอ่างอาบน้ำมาให้ค่ะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 November 2018 

  • Studio ห้อง A1-4  ชั้น 15 พื้นที่ 28.55 ตร.ม. ราคา 5.31 ล้านบาท
  • 1 Bedroom  ห้อง 12A-18 ชั้น 12A พื้นที่ 32.67 ตร.ม. ราคา 6.28 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ห้อง 09-07  ชั้น 9 พื้นที่ 35.39 ตร.ม. ราคา 6.52 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ห้อง 09-11 ชั้น 9 พื้นที่ 53.73 ตร.ม. ราคา 10.35 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ห้อง 12-12A  ชั้น 12 พื้นที่ 61.79 ตร.ม. ราคา 11.91 ล้านบาท

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 50,000 – 100,000 บาท
  • ทำสัญญา 0 บาท
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล โครงการ Ideo Mobi อโศก จัดว่าเป็นทำเลที่ดีมากแห่งหนึ่ง หน้าโครงการอยู่ติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งปัจจุบันโครงการ Singha Complex ได้เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้มีความคึกคัก และความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทำให้พื้นที่บริเวณมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ตัวโครงการอยู่ในทำเลที่เป็น Transit Hub สามารถเดินทางได้สะดวก โดยปัจจุบันราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ 180,000 บาท/ตร.ม. ในปัจจุบันมีโครงการเปิดใหม่อย่าง The Esse Asoke ที่มีราคาสูงกว่าเกือบเท่าตัว หากใครต้องการราคาที่ถูกกว่า ในทำเลเดียวกันก็สามารถเลือกตัวโครงการนี้ได้นะคะ

การเดินทางโดยใช้รถ ส่วนการเดินทางด้วยรถก็สะดวกเนื่องจากติดถนนใหญ่ ใกล้แยกอโศก-เพชรบุรี ที่สามารถไปยังรัชดา-พระราม9, ประตูน้ำ, อโศก-สุขุมวิท หรือจะกลับรถไปบางกะปิ พัฒนาการ รามคำแหงก็ได้ นอกจากนี้ยังใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช ซึ่งตัวโครงการเองตั้งอยู่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงรถติดได้ โดยกลับรถบริเวณใต้สะพาน และใช้เส้นถนนเพชรอุทัย ที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าถนนอโศก-ดินแดง นอกจากนี้บริเวณแยกพร้อมพงษ์จะสามารถเลี้ยวเข้าซอยเพชรบุรี 38 ซึ่งสามารถทะลุไป ถนนสุขุมวิท และถนนทองหล่อได้ ซึ่งข้อดีของซอยนี้จะสามารถออกได้หลายหลายซอย ทำให้หลีกเลี่ยงรถติดบริเวณถนนหลักได้ แต่ที่ต้องระวังหน่อยคือ ถนนหน้าทางเข้า-ออกโครงการอยู่ใกล้กับสะพานข้ามแยกอโศก- เพชรบุรีแค่ 100 เมตร ดังนั้นการจะเบี่ยงรถเพื่อไปขึ้นสะพานจะมีระยะกระชั้นมาก อาจจะต้องระวังสักหน่อย หรือถ้าใครไม่ซีเรียจสามารถขับตรงไปผ่านแยกได้ค่ะ อีกอย่างการที่โครงการอยู่ใกล้แยกใหญ่อย่างอโศก-เพชรบุรี ทำให้ปริมาณรถที่ผ่านหน้าโครงการค่อนข้างมาก หน้าโครงการจึงมีการจราจรหนาแน่นตลอดทั้งวัน รวมถึงทางโครงการมีที่จอดรถ 245 คันคิดเป็น 48%

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ตัวโครงการอยู่ในทำเลที่เป็น Transit Hub สามารถเดินทางได้สะดวกติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า MRTเพชรบุรี ในระยะเดินประมาณ 300 เมตร โดย MRTเพชรบุรี เป็นสถานี Interchange กับ Airport Link มักกะสัน ซึ่งสามารถไปสุวรรณภูมิได้ หรือจะนั่งอีกสถานีไปลง MRTสุขุมวิท เพื่อต่อไป BTSอโศกได้  นอกจากนี้ใครอยากไปนั่งเรือก็มีท่าเรือ มศว ประสานมิตรอยู่ด้านหลังโครงการ ในระยะ 190 เมตร บริเวณหน้าโครงการจะมีสะพานลอยข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ นอกจากนี้ใกล้ๆโครงการจะมีป้ายรถเมล์และวินมอเตอร์ไซค์ทำให้ใช้งานได้สะดวก

การออกแบบตัวอาคาร จุดเด่นคือรูปทรงของอาคารแนว Futuristic ทั้งอาคาร การบิดเอียงอาคารแนว Freeform นอกจากความสวยงามคือช่วยลดปัญหาเรื่องของการบล็อกวิวจากอาคารสูงที่ขนาบข้างทั้ง 2 ฝั่งให้เห็นวิวได้โดยรอบได้ สำหรับของจริงทำออกมาได้ค่อนข้างดี แม้ว่าการทำแบบนี้แม้จะเป็นการเพิ่ม Cost และขั้นตอนการทำงาน แต่ก็ช่วยให้ลูกบ้านได้มุมมองที่ดีขึ้นเยอะ ทำให้หน้าตาของตัวอาคารมีลักษณะเอียงไปเอียงมา ซึ่งดูค่อนข้างแปลกตากว่าอาคารทั่วไป นอกจากนี้สำหรับแบรนด์ไอดิโอแล้ว ได้นำการเล่นเส้นสายเข้ามาใช้เพื่อความต่อเนื่อง และทำให้อาคารดูโมเดิร์นเรียบหรู ทันสมัยมากค่ะ

การออกแบบห้องพัก การออกแบบห้องพัก 1 Bedroom ที่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 33-34.50 ตารางเมตร โดยจะแบ่งเป็นห้องหน้าแคบ และห้องหน้ากว้าง แต่ในรีวิวเราได้เลือกห้องหน้ากว้างมาให้ได้ชมกัน โดยทางโครงการได้แบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในห้องพัก ออกมาได้ดีเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน จุดเด่นของห้องนี้คือ เอาห้องน้ำและห้องครัวมาไว้ตรงกลาง ซึ่งจะทำให้ห้องน้ำชิดริมด้านนอก ทำให้ได้หน้าต่างซึ่งระบายอากาศได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ห้องครัวจะอยู่ด้านในอาจจะต้องใช้เครื่องดูดควันเท่านั้น แต่ก็สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ เวลาทำอาหารไม่ต้องกลัวกลิ่นไปรบกวนส่วนอื่นๆในห้อง นอกจากนี้บริเวณระเบียง เป็นแบบ Double Balcony ทำให้ใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างห้องรับแขก และระเบียงเข้าด้วยกัน 

นอกจากนี้ห้องที่เป็น High light คือห้อง 2 Bedroom ขนาด 55 ตารางเมตร ที่จะเป็น Corner Unit หรือห้องมุมทั้งหมด จุดเด่นอยู่ที่ห้องหน้ากว้าง 10 เมตร บริเวณระเบียงจะได้เป็นแบบ Double Balcony พร้อมกระจกโค้ง สำหรับห้องนี้เมื่อเปิดประตูมาจะเจอกับครัวปิด ที่มีสามารถทำอาหารจริงจังที่มีกลิ่นควันได้ บริเวณฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องน้ำ ที่สามารถแบ่งการใช้งานได้ 2 ส่วน ทั้งส่วนสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำ สามารถใช้งานแยกกันได้ โดยทางโครงการได้ให้ประตูกั้นมาค่ะ นอกจากนี้ประตูห้องน้ำสามารถเข้าได้จากทั้งทางห้องครัว และห้องนอนใหญ่ บริเวณห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหาร จะมีขนาดค่อนข้างกว้าง สำหรับห้องนอนเล็กสามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้ พร้อมมีหน้าต่างบานใหญ่ รับแสงธรรมชาติได้ แต่ข้อเสียคือเวลาเข้าห้องน้ำ อาจจะต้องเดินไกลหน่อย ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีหน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติ และวิวได้เช่นกัน โดยห้องนอนใหญ่จะมีทางเข้าห้องน้ำได้จากภายในห้องนอน

วัสดุ ให้แบบ Fully Fitted ซึ่งภายในห้องบริเวณห้องครัว และห้องนอนจะเป็นกระเบื้องทั้งหมด นอกนั้นพื้นห้องอื่นจะเป็นลามิเนต ซึ่งทางโครงการได้เลือกสีมาค่อนข้างดี ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร ให้ชุดครัวและสุขภัณฑ์ดีน่าใช้งาน โดยความพิเศษของตัวโครงการ จะให้ตัว Home Automation มาเป็นตัวรับคำสั่งผ่าน Smart Home App ของไอดิโอ ภายใน App จะมี Control Lights สำหรับเปิดปิดไฟภายในห้องทั้งหมด Control Air Conditioning จะเป็นระบบเปิดปิดแอร์ในห้องต่างๆ Water Leakage Detector จะเป็นระบบป้องกั้นน้ำรั้วซึมบริเวณชุดครัว Front Door Break-in Alert จะเป็นระบบเตือนเวลามีคนเข้า-ออกห้อง IP Camera จะเป็นระบบที่เราสามารถเห็นภายในห้องผ่าน App ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของโครงการไอดิโอเลย ซึ่งทำออกมาได้ดี ถือว่าตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ได้ดีค่ะ

สาธารณูปโภค มี Facilities ให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลายน่าใช้งาน การจัดส่วนกลางทำออกมาได้ดี โดยจะแบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็น 4 ส่วน บริเวณชั้นที่ 1 จะมีพื้นที่สวนหย่อมด้านหลังของโครงการ ซึ่งสามารถมาเดินออกกำลังกายบริเวณนี้ได้ นอกจากนี้ยังมีบันได Contour ที่สามารถขึ้นมาบริเวณชั้น 7 ได้ซึ่งจะค่อนข้างชัน เวลามาใช้งานที่นี้อาจจะต้องระวังสักหน่อยนะคะ ถัดมาบริเวณบริเวณชั้นที่ 7 จะมีสวนหย่อมสามารถไปนั่งเล่นพักผ่อนได้ค่ะ ถัดขึ้นไปบริเวณชั้นที่ 32-35 จะเป็นสวนด้านหน้าโครงการ ซึ่งเป็นระยะร่นของอาคารค่ะ ซึ่งจะเป็น Double Volume ทำให้พื้นที่ค่อนข้างโล่ง และสามารถชมวิวจากบริเวณนี้ได้ค่ะ แต่พื้นที่ Hi-light ของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 36 และ rooftop ที่จะมีสระว่ายน้ำ และ Jacuzzi  ที่ไม่มีตึกอยู่ในระยะประชิด ทำให้มองเห็น City View ซึ่งทางโครงการทำออกมาได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ยังมี สระเด็ก, Co-working Space, Library และ Sky Lounge มาให้อีกด้วย ถัดขึ้นไปชั้น Mezzanine จะมีพื้นที่ออกไปนั่งเล่น Outdoor และ ห้อง Fitness ซึ่งจะเป็นกระจกทั้งหมด ทำให้เห็นวิวค่อนข้างกว้าง พร้อมทั้งมีสวนบริเวณดาดฟ้าอีกด้วย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 180,000 บาท/ตร.ม., 14 November 2018 โดยเราจะแบ่งการให้คะแนนออกเป็น 2 ส่วนนะคะ 1.สำหรับคนทั่วไป 2.สำหรับบุคลากรในมศวค่ะ

สำหรับคนทั่วไป

  • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มีโครงการ Singha Complex มาเปิดทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้ทางขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช แต่ตัวโครงการอยู่ฝั่งขวามือ ทำให้ถ้ามาจากถนนอโศกมนตรี อาจจะต้องกลับรถไกลสักหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ใกล้ MRTเพชรบุรี ใกล้ Airport Link ติดท่าเรืออโศก มีพี่วินอยู่ใกล้โครงการ
  • วัสดุ 8.5/10 – ได้ของมาตรฐานเหมาะสมกับระดับราคา  Fully Fitted ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม
  • แบบ 7.75/10 – จัดพื้นที่ภายในดี มีเอกลักษ์เฉพาะตัว เน้นกระจกใหญ่เรับแสงธรรมชาติ ได้วิวเต็มที่ มี Smart Home Functions
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – หลากหลายให้เลือกใช้ แนวคิดดีออกแบบสวยน่าใช้งาน เข้าถึงง่าย

  • LUXURY CLASS
  • 7.95 / 10.00

สำหรับบุคลการในมศว

  • ทำเล 8.25/10 – เนื่องจากซอยข้างโครงการจะมีสะพานข้ามแม่น้ำ ซึ่งสามารถเข้ามศว ได้เลย นอกจากนี้ยังเดินไปถนนบริเวณถนนอโศกมนตรีได้
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้ทางขึ้น-ลงทางด่วนศรีรัช แต่ตัวโครงการอยู่ฝั่งขวามือ ทำให้ถ้ามาจากถนนอโศกมนตรี อาจจะต้องกลับรถไกลสักหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 8.50/10 – สามารถเดินเท้าเข้ามศว ได้สบาย
  • วัสดุ 8.5/10 – ได้ของมาตรฐานเหมาะสมกับระดับราคา  Fully Fitted ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม
  • แบบ 7.75/10 – จัดพื้นที่ภายในดี มีเอกลักษ์เฉพาะตัว เน้นกระจกใหญ่เรับแสงธรรมชาติ ได้วิวเต็มที่ มี Smart Home Functions
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – หลากหลายให้เลือกใช้ แนวคิดดีออกแบบสวยน่าใช้งาน เข้าถึงง่าย

  • LUXURY CLASS
  • 8.16 / 10.00

BOTTOM LINE

Ideo Mobi อโศก เหมาะสำหรับคนหาคอนโดย่านอโศก-เพชรบุรี ถือว่าเป็นทำเลใจกลางเมืองเลยทีเดียว สะดวกทั้งใช้รถส่วนตัวหรือรถสาธารณะได้ แนวคิดในดีไซน์ห้องดีเน้นพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว จุดเด่นอยู่ที่ Facility ที่หลากหลาย ออกแบบสวยน่าใช้งานเน้นวิวมุมสูง และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ สำหรับโครงการนี้ต้องมีงบประมาณเริ่มต้นที่ 5.3 ล้านบาทขึ้นไป ยังไงก็ลองพิจารณากันดูนะคะ