รีวิวฉบับที่ 1391 …สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมรีวิวก่อนเปิดขาย ของโครงการใกล้รถไฟฟ้าเปิดตัวใหม่ล่าสุดกับ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ เป็นคอนโด High Rise 1 อาคาร 2 Tower จำนวน 1,802 ยูนิต ตั้งอยู่ติดริมถนนเพชรเกษม เพียง 150 ม. ก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าภาษีเจริญและซีคอนบางแค เน้นพื้นที่ใช้สอยในห้องที่กว้างตั้งแต่ 28-69.5 ตร.ม. อยู่ 1-2 คนได้สบายๆ ในราคาหยิบจับง่าย เริ่มต้น 1.5 ล้านบาท โครงการเปิด Pre-Sale วันที่ 5-6 ส.ค.นี้ ไปชมกันเลยค่ะ
Fact @ 24 July 2017
- Supalai Veranda Phasi Charoen Station (ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ)
- บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ภาษีเจริญ
- คอนโด High Rise 1 อาคาร 2 Tower จำนวน 1,802 ยูนิต และ ร้านค้า 8 ยูนิต
- Tower A สูง 34 ชั้น
- Tower B สูง 30 ชั้น
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.712860, 100.431976
แผนที่จากทางโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ ตั้งอยู่ติดริมถนนเพชรเกษม เยื้องๆ กับซีคอนบางแค และใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (อนาคต) ที่จะเปิดใช้ในปี 2563 นี้ ในระยะประมาณ 150 เมตร ซึ่งจากสถานีภาษีเจริญอีกเพียง 2 สถานีก็สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีบางหว้า เพื่อเข้าสู่ย่าน CBD สาทร สีลมได้
โครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ ตั้งอยู่บน “ถนนเพชรเกษม” ในย่านบางแค เป็นทำเลที่อยู่ระหว่างทางเข้าเมืองกับจังหวัดนครปฐม ซึ่งถ้าพูดถึงหลายๆคนคงจะนึกถึงทำเลของที่อยู่อาศัยแนวราบ อาคารพาณิชย์ และชุมชนดั้งเดิม จุดเปลี่ยนที่สำคัญของทำเลนี้คือการมาของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่ส่งผลให้เริ่มมีการสร้างคอนโดเกาะตามแนวรถไฟฟ้าทั้ง Low Rise และ High Rise มีการพัฒนาโดยรอบพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีคนย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กันมากขึ้น เป็นกลุ่มคนที่ทำงานในละแวกใกล้เคียงหรือต้องการคอนโดไม่ไกลจากรถไฟฟ้าที่ออกนอกเมืองมาหน่อย ราคาไม่สูงเท่าคอนโดในเมืองแต่ยังได้ความสะดวกสบาย
จากที่ตั้งโครงการสามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้ไม่ยาก ใช้เส้นทางได้ทั้งถนนเพชรเกษมตรงไปออก ถนนราชพฤกษ์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ หรือออกไปวงเวียนใหญ่เชื่อมไปออกสาทรได้ ถ้าจะใช้เส้นพุทธมณฑลสาย 1,2 ก็สามารถไปออกถนนบรมราชชนนีได้ ส่วนเส้นกาญจนาภิเษกก็สามารถใช้ยิงยาวไปฝั่งบางใหญ่หรือพระราม 2 หรือจะใช้ถนนบางแคมาออกเส้นกัลปพฤกษ์เพื่อไปออกสาทร สีลมก็ได้ค่ะ สำหรับความสะดวกอีกอย่างคือจะมีที่กลับรถอยู่บริเวณหน้าโครงการเลย ไม่ต้องไปวนหาที่กลับรถไกลๆ ช่วยการเดินทางได้มากโดยเฉพาะเวลารถติดค่ะ
สำหรับการเดินทางไปทางด่วนจากโครงการให้เลี้ยวเข้าถนนราชพฤกษ์ ตรงมาเรื่อยๆ เลยถนนบรมราชชนนีไป จากนั้นหาที่กลับรถมาขึ้นทางด่วน มีระยะทางจากโครงการประมาณ 14 กม. ค่ะ
หรืออีกเส้นทางหนึ่งคือไปกลับรถบนถนนเพชรเกษม เพื่อเลี้ยวเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 1 ตรงไปตามทางเพื่อเลี้ยวขวาขึ้นทางด่วนได้อีกเส้นทางหนึ่งค่ะ
สำหรับทางไปขึ้นวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นเส้นทางวิ่งรอบนอกกรุงเทพฯ และเชื่อมต่อกับทางด่วนหลายสาย จุดขึ้นลงวงแหวนจะอยู่ตรงเส้นเพชรเกษมตัดกับถนนกาญจนาภิเษก จากโครงการก็วิ่งตรงไปเรื่อย ๆ จะมีทางกลับรถเพื่อเข้าสู่ถนนวงแหวนฯ ได้ค่ะสำหรับการเดินทางโดยรถไฟฟ้า จะมี สถานีภาษีเจริญ ที่อยู่ใกล้กับโครงการที่สุด เป็นสถานีหนึ่งของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ซึ่งจากโครงการสามารถเดินไปได้สบายๆ ในระยะประมาณ 150 เมตร จากสถานีภาษีเจริญอีกเพียง 2 สถานีก็สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีบางหว้า ทำให้สามารถใช้เข้าสู่ย่าน CBD อย่าง สาทร สีลม สยามฯ ได้ ส่วนต่อขยายนี้มีแผนจะเปิดใช้ในปี 2563 ตอนนี้จึงอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แต่จากกำหนดการก็น่าจะเปิดให้บริการในปีเดียวกับที่โครงการแล้วเสร็จค่ะ ส่วนรถสาธารณะอื่นๆ ก็มีให้ตัวเลือกอยู่มาก เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ จึงเรียกรถได้ง่าย มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ หรือรถสองแถววิ่งผ่านตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ห่างจากหน้าโครงการไม่ไกลก้จะมีป้ายรถเมล์อยู่ด้วยเช่นกัน
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ย่านนี้ส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มอยู่บนถนนเพชรเกษม ร้านอาหารส่วนมากจะเป็นร้านในตึกแถว มีตลาดบางแคที่เป็นเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำให้จับจ่ายซื้อของสดของแห้งกัน ส่วนห้างที่ใกล้ๆก็มี ซีคอน บางแค, The Mall บางแค, Tesco Lotus, Big C หรือจะแวะไปเส้นราชพฤกษ์ก็มี The Circle และ ร้านอาหาร ร้านขนมสวยๆนั่งสบายๆ อยู่หลายร้าน มีรพ.เพชรเกษม 2 รพ.บางไผ่ รพ.พญาไท 3 ส่วนสถานศึกษา มีมหาวิทยาลัยสยามและวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม หากโฟกัสมาที่ทำเลรอบๆโครงการ จะไม่คึกคักเท่าฝั่งตรงข้าม แต่ก็สามารถข้ามสะพานลอยไปได้ สาเหตุที่ฝั่งตรงข้ามคึกคักกว่าก็เนื่องจากเป็นฝั่งที่มีโรงพยาบาลตั้งอยู่ จึงจะเห็นมีร้านค้าเปิดอยู่โดยรอบ หรือฝั่งที่ตั้งโครงการก็จะมี 7/11 ที่อยู่ทางขึ้นลงรถไฟฟ้า ให้พอซื้อขนม ของใช้เล็กๆน้อยๆ ได้ หรือไม่ก็ข้ามไปซีคอนบางแค ก็มีของกินของใช้ให้เลือกครบถ้วนค่ะ<หลังจากรู้ภาพรวมของทำเลกันคร่าวๆ แล้ว ถึงเวลาเดินทางไปโครงการกันบ้าง โดยวันนี้จะเริ่มเดินทางจากห้างซีคอนบางแค ซึ่งเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด ไปตามถนนเพชรเกษมแล้วกลับรถเพื่อเข้าโครงการที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีระยะจากซีคอนบางแคประมาณ 700 ม. ไปกันเลยค่ะ
เริ่มจาก ซีคอนบางแค ที่แต่เดิมรู้จักในชื่อของ ฟิวเจอร์ปาร์ค บางแค ต่อมาปรับปรุงโฉมหน้าด้วยสีสันส้มสดใส บริเวณหน้าห้างจะเป็นสถานีภาษีเจริญ เวลาจะกลับโครงการก็แวะซีคอนเดินเล่นก่อน แล้วค่อยเดินกลับโครงการก็ได้สบายๆ ค่ะ
บริเวณหน้าห้างมีร้านกาแฟ ร้านขนมยอดนิยมอย่าง Hollys Coffee และร้านอาหารเอาใจวัยรุ่น
ห้างนี้ถือว่ามีครบทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอางค์ ไอที ชั้นบนสุดยังมีสวนสนุกให้น้องๆหนูๆมาใช้เวลาว่างในวันหยุดอีกด้วย
ออกมาจากห้างฯ ก็ตรงไปบนถนนเพชรเกษม บรรยากาศรอบๆ ก็จะเห็นมีร้านค้าเล็กๆ น้อยๆ ตลอดทาง
ตรงมาไม่ไกลจะผ่านโรงพยาบาลเพชรเกษม 2 ทางฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นที่ตั้งของโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ แล้วค่ะ
ผ่านโรงพยาบาลมาแล้วก็ชิดขวาเตรียมกลับรถ บริเวณหน้าโชว์รูม Honda ค่ะ
กลับรถมาแล้วฝั่งซ้ายจะเป็นโชว์รูม Toyota ด้านหน้าจะมีป้ายรถเมล์อยู่ ซึ่งเป็นป้ายที่อยู่ใกล้ๆ กับโครงการนิดเดียวเองค่ะ
ถัดมาไม่ไกลก็จะถึงที่ตั้งโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ แล้วค่ะ
สำหรับสำนักงานขายตอนนี้เปิดแล้ว พร้อมให้เข้าชมห้องตัวอย่างได้ ด้านในมีพนักงานขายให้สอบถามข้อมูลโครงการได้
เดี๋ยวจะพาเข้าไปชมพื้นที่ก่อสร้างด้านใน จะได้เห็นบรรยากาศจริงๆ ว่าบริบทโดยรอบเป็นอย่างไรบ้างนะคะ
ด้านข้างที่ดินของโครงการ ทางทิศตะวันออก จะติดกับปั๊มบางจาก บ้านพักอาศัย 2 ชั้น ซึ่งไม่ส่งผลต่อวิวของห้องพักในโครงการนะคะ เพราะห้องพักเริ่มที่ชั้น 7 ก็คงจะสูงเลยอาคารรอบข้างไปหมดแล้ว แต่อนาคตจะมีอาคารสูงขึ้นทางฝั่งนี้ ทำให้จะถูกบล๊อกวิวในระยะไกลค่ะ
ด้านข้างโครงการทาง ทิศตะวันตก จะติดกับอาคาร 2 ชั้น ซึ่งก็ไม่ส่งผลต่อวิวจากห้องพักของโครงการเช่นกันค่ะ
มองออกจากที่ดินของโครงการไปยังฝั่งตรงข้ามจะเห็นโรงพยาบาลเพชรเกษม 2 ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโครงการพอดี ทำให้พื้นที่ในละแวกนี้มีความคึกคัก ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร 7-11 มาเปิดใกล้ๆ โรงพยาบาล
ต่อไปจะพาเดินจากโครงการไปยังห้างซีคอนบางแคกันบ้าง เพื่อจะดูบรรยากาศทางเดินเท้าว่าสะดวกสบายไหมนะคะ ถัดจากโครงการมาก็จะเป็นปั๊มน้ำมันบางจาก ก็สะดวกสบายทีเดียวสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์
ทางเดินเท้าของถนนเส้นนี้โล่งกว้างเดินสบายทีเดียว มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตรงกลางช่วยให้ร่มเงา
ตามรายทางก็จะเห็นอาคารพาณิชย์ที่เปิดชั้นล่างเป็นร้านค้า ร้านบริการต่างๆ แต่ก็ยังไม่เห็นร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ โครงการนะคะ ร้านอาหารพวกนี้จะต้องเดินต่อไปอีกหน่อยแถวทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าค่ะ
เดินมาอีกหน่อยแล้วมองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นซีคอนบางแคแล้ว ซึ่งอยู่ติดกับสถานีภาษีเจริญเลยค่ะ
เดินตรงต่อมาเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นร้านขายอาหาร ทั้งแบบที่เป็นร้านในอาคารพาณิชย์ และร้านที่เป็นพวกรถเข็นด้วย
เดินตรงมาก็จะเห็น 7-11 อยู่บริเวณบันไดทางขึ้นลงสถานีเลย ถ้าเวลากลับโครงการแล้วเดินลงมาทางบันไดฝั่งนี้ ก็สามารถแวะซื้อของกินของใช้ที่ 7-11 ได้สะดวกค่ะ
มาดูรอบๆ ที่ดินของโครงการ ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ กันต่อ อ้างอิงจากที่ดินของโครงการที่ทำไว้ให้ดูง่ายขึ้นเป็นเส้นกรอบสีเหลืองนะคะ บริบทโดยรอบของโครงการไม่ได้มีอาคารสูงในระยะประชิดเลย ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารที่สูงไม่เกิน 4 ชั้น แต่ในอนาคตจะมีอาคารสูงมาขึ้นทางฝั่งขวาก็จะบล๊อกวิวระยะไกลทางฝั่งนี้ ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้
- ด้านทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้น และคลองสาธารณะ ฝั่งตรงข้ามคลองเป็นปั๊มบางจาก อาคารสูง 4 ชั้นและที่ดินเปล่า ส่วนที่ดินถัดไปอีกหน่อยมีโครงการจะขึ้นเป็นอาคารสูงก็จะมาบล๊อกวิวระยะไกลทางทิศนี้
- ด้านทิศตะวันตก ติดกับ อาคารสูง 2-4 ชั้น และบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น ซึ่งห้องทางฝั่งนี้เป็นห้องที่ได้วิวดีที่สุดในโครงการ แต่ก็ต้องแลกมากับแสงแดดในยามบ่ายค่ะ
- ด้านทิศเหนือ ติดกับ คลองบางจากฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น
- ด้านทิศใต้ เป็นทางเข้า-ออกโครงการ ติดกับถนนเพชรเกษม
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลเพชรเกษม 2 – 300 เมตร
- โรงพยาบาลพญาไท 3 – 3.8 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า – 8.7 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลตากสิน – 8.9 กิโลเมตร
- โรงเรียนและมหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยสยาม – 2.4 เมตร
- โรงเรียนฐานปัญญา – 4.9 กิโลเมตร
- โรงเรียนนานาชาติ British Columbia – 5.7 กิโลเมตร
- ห้างซีคอนบางแค – 220 เมตร
- ห้างเทสโก้โลตัส บางแค – 2.5 กิโลเมตร
- ตลาดบางแค – 1.8 กิโลเมตร
- ห้างเดอะมอลล์บางแค – 4.1 กิโลเมตร
- เทสโก้โลตัส กัลปพฤกษ์ – 6.6 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลพระราม 2 – 14.4 กิโลเมตร
- สถานีรถไฟฟ้าสถานีภาษีเจริญ – 150 เมตร
- สถานีรถไฟฟ้า BTSสถานีบางหว้า – 3.0 กิโลเมตร
ภาพจำลองบรรยากาศภายนอกโครงการเป็นคอนโด High Rise 1 อาคาร แบ่งออกเป็น 2 ทาวเวอร์ โดยทาวเวอร์ A จะอยู่ด้านหน้าติดกับทางเข้าโครงการ สูง 34 ชั้น ส่วน Tower 2 จะถัดเข้าไปด้านใน สูง 30 ชั้น มีพื้นที่ส่วนกลางที่เชื่อมกันบนชั้น 7 ปัจจุบันพื้นที่โดยรอบโครงการมีลักษณะเป็นอาคารพักอาศัยซะส่วนใหญ่ ทำให้ไม่มีอาคารบังวิวในระยะประชิดนะคะ ก็สามารถเลือกห้องในทิศที่ชอบได้สบายๆ
ภาพรวมของโครงการมีการจัดพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่อยู่อาศัย คล้ายๆ กันทั้ง 2 อาคารนะคะ คือจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้ที่ชั้นล่าง ชั้น 7 และชั้นบนสุดของโครงการ โดยจะแบ่งพื้นที่ชั้นล่างออกเป็นชั้น Faclities อย่าง Lobby, Parking และสวนส่วนกลางโดยรอบอาคาร ขึ้นมาถึงชั้น 7 จึงจะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัย และพื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำก็ถูกจัดไว้บนชั้นนี้ด้วย ทำให้ 2 อาคารสามารถเชื่อมกันได้ที่ชั้นนี้ และโครงการได้กระจายพื้นที่ส่วนกลางไว้ที่ชั้นบนสุดของแต่ละอาคารด้วย ในลักษณะของ Sky Garden และ Co-Working space ให้สามารถนั่งทำงาน นั่งชิว ชมวิวมุมสูงกันได้
มาดูพื้นที่ที่โดยรอบโครงการกันหน่อย พื้นที่โดยรอบไม่มีอาคารสูงมาบังวิวในระยะประชิดนะ แต่เชื่อว่าในอนาคตที่ดินแถบนี้คงมีการพัฒนาขึ้นเป็นอาคารสูงกันอย่างต่อเนื่อง คิดในมุมดีก็คือทำเลจะมีการพัฒนาขึ้นหลังจากเปิดใช้รถไฟฟ้า ซึ่งก็จะช่วยในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ สำหรับโครงการมีการออกแบบพื้นที่ของชั้นพักอาศัยให้เริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 7 ขึ้นไป ทำให้พ้นจากพวกอาคารโดยรอบไปหมดแล้ว จึงได้วิวจากห้องพักที่ค่อนข้างจะโล่งทีเดียว
พื้นที่โดยรอบโครงการอีกฝั่งหนึ่งก็เช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นอาคาร 2-4 ชั้น ทำให้ไม่ส่งผลต่อวิวของห้องพักในโครงการมากนัก
ในส่วนของพื้นที่ด้านหลังโครงการจะเป็นพื้นที่จอดรถ สำหรับลูกบ้านที่ไม่ชอบวนรถบนอาคารก็สามารถจอดนอกอาคารได้ด้วย ด้านหลังอาคาร B จะมีสวนอีกตำแหน่งหนึ่งเป็นลักษณะของ Sky Garden พื้นที่ในสวนจัดมุมต่างๆ ไว้ให้นักเล่นพักผ่อนได้
ทางเข้าโครงการจะต้องใช้ Sticker ในการผ่านเข้า-ออก ในส่วนของทางเดินรถภายในโครงการจะวนไปทางซ้าย ส่วนใครที่จะเข้ามาส่งลูกบ้านก็สามารถวนส่งบริเวณ Drop-Off ได้สะดวก ซึ่งแยก Drop-Off ไว้ให้เรียบร้อยทั้งอาคาร A และ B ตลอดแนวทางเดินรถจะมีต้นไม้ใหญ่ปลูกไว้ตลอดเส้นทาง เพื่อสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นภายในโครงการค่ะ
บริเวณทางเข้าที่อาคาร A จะมีร้านค้าอยู่ 5 ยูนิต เป็นที่พึ่งพิงสำหรับลูกบ้าน ซึ่งทางโครงการคอนเฟิร์มแล้วว่าจะเปิดเป็น 7-11 ใหญ่ใช้ 2 ยูนิตเลย ส่วนใครที่อยู่ตึก B ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องเดินไกลนะ เพราะที่ตึก B ก็มีร้านค้าอยู่ใต้ตึกอีก 3 ยูนิตด้วยเช่นกัน
พื้นที่จอดรถด้านหลังโครงการจะจัดช่องจอดไว้ตามทางเดินรถแบบนี้ ซึ่งก็จะมีทางเดินใต้ร่มไม้เป็นแนวไว้ให้ตลอด พอจอดรถเสร็จแล้วก็สามารถเดินใต้ร่มไม้ไปได้จนเกือบถึงอาคารเลย แต่ถ้าเวลาฝนตกก็พกร่มกันได้เลยค่ะ >< ถ้าเป็นเราจะชอบจอดบนอาคารมากกว่านะ สะดวกดีไม่ต้องเดินไกลและได้จอดรถในร่มด้วย แต่ก็แลกมากับต้องไปขับวนๆ บนอาคารหน่อย
ขึ้นมาดูพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ของโครงการกันบ้าง ถูกจัดวางไว้บริเวณชั้น 7 เป็นสระว่ายน้ำของโครงการที่เปิดให้เชื่อมต่อกัน เข้าได้ทั้งจากทางอาคาร A และ B เลย โดยหลักๆ จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือกว้าง 9.8 ม. ส่วนความยาวนี่ยาวกว่า 40 ม. พร้อมแบ่งพื้นที่ของ Kid’s Pool ไว้เรียบร้อย สำหรับใครที่ไม่ชอบว่ายน้ำหนักๆ ก็ยังมีส่วนของ Jacuzzi ให้มานั่งเล่น พักผ่อนกันได้ ส่วนด้านข้างสระจะมีพื้นที่ส่วนกลางในอาคาร ที่เปิดออกให้เห็นวิวสระ ซึ่งหลักๆ ก็จะมีห้อง Fitness และ ห้อง Aerobic นอกจากนี้ก็จะมีห้อง Lifestyle Space และห้อง Locker ไว้ให้ด้วยค่ะ
มาที่ชั้น Rooftop หลักๆ จะเป็นลักษณะพื้นที่สีเขียวแบบ Open Air ซึ่งชั้นนี้นอกจากจะเป็นพื้นที่ชมวิวของโครงการอีกชั้นหนึ่งแล้ว ยังเป็นช่วยกันความร้อนให้แก่ชั้นพักอาศัยได้ด้วย ด้านข้างมีห้อง Co-Living Space สำหรับมานั่งทำงาน นั่งชมวิวได้ ซึ่งห้องนี้จะเป็นห้องแอร์ค่ะ
ชั้น Rooftop ของอาคาร B ก็ถูกจัดไว้คล้ายๆ อาคาร A คือมี Roof Garden แบบ Open Air และห้อง Co-Working Space แบบเป็นห้องแอร์ให้มานั่งเล่นได้ สำหรับห้องพักบนชั้น 30 จะมีโถงทางเดินที่พิเศษกว่าชั้นอื่นๆ คือจะมีบางส่วนที่เป็น Single Corridor คือทางเดินแบบห้องพักอีกฝั่งเดียว ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจัดเป็นสวนเล็ก ช่วยสร้างบรรยากาศที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นค่ะ
มาดูผัง Master Plan ของโครงการกันต่อ ที่ดินของโครงการจะเป็นแนวยาวลึกเข้าไปด้านใน ทำให้โครงการต้องวางผังอาคารเป็นทรงยาว โดยจัด Tower A ไว้ด้านหน้า ส่วน Tower B จะถูกวางไว้ด้านใน มี Drop-Off แยกไว้อยู่ 2 ตำแหน่ง เพื่อให้ใกล้กับ Lift Lobby ของแต่ละ Tower สำหรับตัว Lobby ก็แยกไว้เป็นของแต่ Tower เช่นกัน ทำให้ลูกบ้านทั้งหมดจะกระจายตัวไปตาม Tower ของตัวเอง จึงได้ความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น
สำหรับที่จอดรถจะมีที่จอดทั้งรอบอาคารและในอาคาร โดยที่จอดในอาคารจะสามารถจอดได้ถึงชั้น 6 นับช่องจอดประมาณ 1,042 คันคิดเป็น 58 % (ไม่รวมซ้อนคัน) และมีทางเข้า Lift Lobby ได้จากชั้นจอดรถเลย ซึ่ง Tower A จะมีลิฟต์ 3 ตัว และ Service Lift 1 ตัว ส่วน Tower B จะมีลิฟต์ 4 ตัว และ Service Lift 1 ตัว ดังนั้นอัตราส่วนลิฟท์ทั้งโครงการจะอยู่ที่ 257:1 ถือว่าแน่นพอควรเลยนะ ช่วงเวลาเร่งด่วนคงจะต้องเผื่อเวลารอลิฟท์กันสักนิดด ><
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby ของโครงการ ที่ออกแบบมาให้ดูโปร่งโล่งด้วยฝ้าเพดานที่สูงเป็นพิเศษ ภายในตกแต่งด้วยโทนขาวดูโมเดิร์น เหมาะกับการใช้เป็นพื้นที่รับแขก หรือนัดมานั่งคุยงานก็ยังได้ค่ะ
ที่นี้มาดูรายละเอียดของแต่ละ Tower กันนะคะ ขึ้นมาที่ชั้น 7 ของ Tower A จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัยและเป็นชั้นที่มี Facilities หลักของโครงการด้วย โดยผังอาคารจัดไว้มีทั้งข้อดีและข้อด้อยนะคะ มาดูข้อดีกันก่อนคือการวางตำแหน่งโถงลิฟท์ที่ค่อนมาทางฝั่งซ้ายของอาคาร ทำให้ใกล้กับประตูทางออกไปพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้เวลาที่ผู้ที่อยู่อาศัยในชั้นอื่นๆ จะขึ้นมาใช้ส่วนกลางก็สามารถออกจากลิฟท์แล้วเดินออกประตูไปส่วนกลางได้ใกล้ๆ ไม่ต้องเดินผ่านห้องพักอาศัยมากนัก ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัยในชั้นนี้ ส่วนข้อด้อยก็คือการที่โถงลิฟท์ค่อนไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ทำให้ห้องพักที่อยู่ปลายทางเดินอีกฝั่ง จะต้องเดินไกลหน่อยนะคะ
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางและมีทางเดินเชื่อมไปสระว่ายน้ำ ห้อง Fitness และ ห้อง Lifestyle Space ที่ Tower B หลักๆ ในส่วนของห้องพักอาศัยของ Tower A ในชั้นนี้มีทั้งหมด 23 ยูนิต ซึ่งทางโครงการเน้นไปที่แบบ Studio ขนาด 29-30 ตร.ม. และ 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ให้มีจำนวนห้องมากที่สุด จัดว่าเป็นขนาดห้องที่กว้างพอสมควร อยู่ 1-2 คนได้สบายๆ นะคะ
ห้องพักของ Tower นี้จะมีห้อง 2 ทิศหลักๆ คือห้องทิศตะวันออกและทิศตะวันตก อย่างที่บอกไปว่าบริบทโดยรอบจะเป็นแค่อาคารสูง 2-4 ชั้น ทำให้ไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิด แต่ห้องทางทิศตะวันออกจะหันเข้าเมืองไปทางซีคอน ซึ่งในอนาคตมีโอกาสที่จะมีอาคารสูงเกิดขึ้นมาบล๊อกวิวในระยะไกลได้มากกว่าห้องทางทิศตะวันตก ส่วนห้องทางทิศตะวันตกถึงแม้ว่าวิวจะดูโล่งๆ กว่าแต่ก็ต้องแลกมากับแดดและความร้อนที่จะส่องมาโดนตรงๆ ช่วงบ่ายค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 8-33 ของ Tower A ผังจะคล้ายๆ กับชั้น 7 เลยนะคะ ต่างกันที่ตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นมา จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นแล้ว ส่วนห้องพักก็มีจำนวนมากขึ้นอีก 2 ห้อง เป็น 25 ห้อง ซึ่งก็จะเน้นไปที่ห้องแบบ Studio และห้อง 1 Bedroom เช่นเคย สำหรับวิวไม่ต่างไปจากชั้น 7 นะคะ แต่ถ้าชั้นสูงขึ้นก็จะทำให้ได้วิวในมุมมองที่สูงขึ้นด้วย
ต่อไปมาดู Tower B กันบ้าง ขึ้นมาชั้น 7 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัยและเป็นชั้นที่มี Facilities หลักของโครงการด้วย โดยผังอาคารจัดไว้ค่อนข้างดี มีการแยกส่วนพื้นที่ห้องอาศัยกับพื้นที่ส่วนกลางออกจากจันอย่างชัดเจน ทำให้ผู้อยู่อาศัยในชั้นนี้ได้รับความเป็นส่วนเช่นเดียวกับห้องพักอาศัยในชั้นอื่นๆ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้หลักๆ จะมีสระว่ายน้ำ และพื้นที่สีเขียวแบบลอยฟ้า ทำให้ห้องพักบนชั้นนนี้มีทั้งห้องที่ได้วิวสระและวิวสวน ส่วนกลางที่อยู่ในอาคารหลักๆ ก็จะมีกิจกรรมในร่มอย่างห้อง Fitness, ห้อง Aerobic , ห้อง Lifestyle Space ที่มีกิจกรรมอย่างเครื่องเล่มเกมส์, โต๊ะปิงปอง เป็นต้น ตำแหน่งของสระว่ายน้ำได้รับการออกแบบให้อยู่ทางทิศตะวันออกของอาคาร ทำให้ได้อาคารจะช่วยบังแดดทางฝั่งตะวันตกในช่วงบ่ายให้ สำหรับห้องพักอาศัยของ Tower B ในชั้นนี้มีทั้งหมด 20 ยูนิต ส่วน Tower 2 ในชั้นนี้มีทั้งหมด 32 ยูนิต ซึ่งทางโครงการเน้นไปที่แบบ 1 Bedroom 42.5-45 ตร.ม. ให้มีจำนวนห้องมากที่สุดในชั้นนี้ค่ะ
สำหรับเรื่องวิวในชั้นนี้ก็จะพิเศษหน่อยเพราะมีห้องที่ได้วิวสระและวิวสวน ซึ่งถือเป็น Value ที่มากขึ้นของห้องพักนะคะ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับคนชอบด้วย เพราะต้องแลกมากับตำแหน่งที่อยู่ติดกับพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ความเป็นส่วนตัวจะลดลงจากเสียงภายนอก และสายตาจากผู้ที่มาใช้ส่วนกลางที่อาจจะสอดส่องเข้ามาได้ ส่วนห้องที่หันออกด้านนอกอาคารก็มีทั้งที่หันไปทางทิศตะวันออกและตะวันตกเช่นกัน วิวก็จะเหมือนกับที่อธิบายไว้ที่อาคาร A นะคะ
สำหรับชั้น 8-29 ของ Tower B จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น จากโถงลิฟท์ที่อยู่ตรงกลางจะแยกห้องพักออกเป็น 2 ฝั่งซ้ายขวา ในชั้นนี้มีทั้งหมด 49 ยูนิต ห้องทางทิศตะวันตกจะถูกจัดเป็นห้อง Studio ขนาด 29 ตร.ม. ราคาหยิบจับง่ายสุด ส่วนห้องในทิศอื่นๆ จะเน้นไปที่แบบ 1 Bedroomมีให้เลือกตั้งแต่ 42.5-47 ตร.ม. ให้มีจำนวนห้องมากที่สุด ส่วนเรื่องวิวจะเปิดโล่งหมดทุกด้าน แต่ห้องทางทิศตะวันออกที่หันเข้าเมืองก็มีโอกาสที่จะมีตึกสูงขึ้นมาบล๊อกวิวในระยะไกลได้มากกว่าทางทิศตะวันตก แต่ห้องทางทิศตะวันตกแม้ว่าวิวจะดูโล่งๆ กว่า แต่ก็ต้องแลกมากับแดดในช่วงบ่ายค่ะ
สำหรับชั้นบนสุดของอาคาร จะเป็นชั้นดาดฟ้า ซึ่งทางโครงการจัดสวนไว้ให้ เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านทุกห้องสามารถขึ้นมานั่งเล่นชมวิวได้จากบนนี้ แต่เวลาในการใช้งานคงจะเหมาะเฉพาะตอนเย็นๆ เท่านั้น โดยจะแบ่งเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมย่อยๆ หลายอย่าง เช่น พื้นที่ชมวิวที่จะหันออกนอกเมืองไปทางฝั่งถนนราชพฤกษ์ ทำให้วิวที่ได้ค่อนข้างจะโปร่งโล่งทีเดียว ส่วนพื้นที่ส่วนกลางในอาคารก็มีห้อง Co-Working Space ที่เป็นห้องแอร์ให้ขึ้นมานั่งทำงาน ชมวิว ได้
นอกจากนี้ก็จะมีห้องพักบนชั้นนี้เช่นกัน มีเพียง 19 ยูนิต แบ่งเป็นห้องพักหลักๆ คือ ห้องแบบ Studio ขนาด 28-33 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom ขนาด 35-47 ตร.ม. เป็นส่วนใหญ่ค่ะ ซึ่งโถงทางเดินบนชั้นนี้จะมีความพิเศษคือมีบางช่วงที่เป็น Single Corridor เชื่อมกับสวนส่วนกลางเล็กๆ ทำให้ได้บรรยากศที่โปร่งโล่ง ดูร่มรื่นกว่าชั้นอื่นๆ นะคะ เรื่องวิวจะไม่ต่างจากชั้น 29 นะคะ แค่ได้มุมมองที่สูงขึ้นมาอีกหน่อยค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดกว้าง 9.8 เมตร ยาวกว่า 40 เมตร ลึก 1.1 เมตร ภายในแบ่งพื้นที่สระเด็ก ลึก 0.7 เมตร
- JACUZZI
- พื้นที่สีเขียวรวม 4 ไร่
- ห้องออกกำลังกาย + ห้องแอโรบิค
- Sauna
- ห้อง lifestyle space ( รวมพื้นที่ห้องเกมส์ ปิงปอง และที่นั่งพบปะพูดคุย )
- Co- Living space (พื้นที่นั่งพักผ่อน ทำงาน ประชุม )
- Street Basketball Court
- Jogging track
- ลิฟท์ แบ่งออกเป็น
- TOWER A ลิฟท์ จำนวน 4 ตัว (ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และลิฟท์ Service 1 ตัว)
- TOWER B ลิฟท์ จำนวน 5 ตัว (ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว และลิฟท์ Service 1 ตัว)
- อัตราส่วนลิฟท์ทั้งโครงการ 257 : 1
สำหรับห้องตัวอย่างจะมีให้ดูทั้งหมด 2 ห้องด้วยกันคือห้อง Studio ขนาด 28 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom ขนาด 45 ตร.ม. ค่ะ โดยรูปแบบการตกแต่งของโครงการจะเป็นแบบ Fully Fitted นะคะ โดยสิ่งที่ได้คือ
- ชุดครัว Built – in จาก Modernform Top ไม้ปิวผิวด้วยลามิเนต
- Wallpaper
- เครื่องปรับอากาศ
- เครื่องทำน้ำอุ่น
- ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัย
ห้องแบบแรกคือแบบ Studio ขนาด 28 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง(ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมาประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ แต่ถ้าให้เลือกเราก็เลือกการวางแปลนแบบนี้นะ เพราะเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำครัวเยอะ ส่วนใหญ่ก็ใช้พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลัก จึงอยากให้แสงเข้าห้องมายังพื้นที่นั่งเล่นมากกว่า อย่างไรก็ตามแบบห้องจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่เองนะคะ
ทางโครงการไม่ได้ทำผนังและประตูหน้าห้องไว้ ซึ่งประตูเข้าห้องจะอยู่ตรงกลางประมาณตำแหน่งของเส้นประสีเหลือง ที่เขียนขึ้นมาคร่าวๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น ขนาดมาตรฐานประมาณ 0.9 x 2 ม. จะไม่สูงเท่าฝ้าเพดานในห้องที่สูงประมาณ 2.55 ม. ค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางฝั่งขวา ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปเป็นโซนพักผ่อน ทั้งนอนและนั่งเล่นที่รวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน โครงการเก็บรายละเอียดมาดี สังเกตุจากพื้นห้องจะได้วัสดุปูพื้นที่ต่างกัน เพื่อให้เหมาะกับฟังก์ชั่น โซนครัวจะปูกระเบื้องเพื่อให้ทำความสะอาดง่าย ส่วนโซนพักผ่อนจะได้พื้นไม้ลามิเมตค่ะ ต่อไปจะพาไปดูรายละเอียดกันทีละส่วนนะคะ
มาดูรายละเอียดส่วนของเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งแรก ขนาดเคาน์เตอร์ยาวประมาณ 1.6 เมตร พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ Studio เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีPantry ครัว, Backsplash ด้านหลังและตู้ลอย พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ จะไม่ได้ให้มานะคะ ด้านข้างเว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นไว้ให้ ขนาดพื้นที่ 0.7 x 0.7 ม. เวลาจะเลือกซื้อตู้เย็นก็ต้องคำนึงเรื่องพื้นที่วางด้วยนะคะ
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของจาก SB เป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชักหน้าบานไม้ลามิเนต ตู้ลิ้นชักไว้เก็บช้อนส้อม ส่วนตู้บานเปิดไว้เก็บพวกจานชามได้สะดวก สำหรับตู้ใต้ซิงค์ล้างจานเป็นตู้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ
มือจับตู้ถูกออกแบบให้ด้านบนถูกเฉือนเป็นร่อง เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้พื้นที่เคาน์เตอร์มากว้างพอสมควรและซิงค์ล้างจานขนาดค่อนข้างใหญ่ ส่วนเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจะไม่ได้ให้มานะคะ Top เคาน์เตอร์เป็นไม้ลามิเนตจึงไม่ต้องระวังเรื่องน้ำ อย่าให้วัสดุเปียกน้ำนานค่ะ ส่วน Backsplash ด้านหลังติดกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้แบบห้องตัวอย่างเลย เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำตามมาตรฐานโครงการ ตัวซิงค์มีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา ด้านข้างมีพื้นที่ให้สำหรับตากจานได้สะดวก
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องย่อยๆ ไว้ พร้อมตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟได้
อีกฝั่งหนึ่งของประตูห้องจะมีพื้นที่ให้สามารถ Built-in ตู้เก็บรองเท้าหรือตู้วางของใช้ ของตกแต่งได้ ซึ่งส่วนนี้จะไม่ได้ให้ แต่ก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งได้ ส่วนด้านข้างเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ
ในส่วนของห้องน้ำก็จะมีขอบธรณีกั้นพื้นไว้ เพื่อกันไม่ให้น้ำจากห้องน้ำไหลออกมายังพื้นที่อยู่อาศัยส่วนอื่นๆ
ภายในห้องน้ำแบ่งแยกส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้ให้ด้วย ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่งขึ้น
พื้นที่ส่วนเปียกแห้งจะมีขอบธรณีกั้นแบ่งพื้นที่ 2 ส่วน เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน
อ่างล้างหน้าของ Prema หรือเทียบเท่า มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย
โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นของยี่ห้อ Cotto หรือเทียบเท่า พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ
ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นประตูกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเลื่อน ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกร์อาบน้ำไว้เรียบร้อยเช่นเดียวกัน
บานประตูฉากกั้นจะมีมือจับให้สามารถเปิดได้สะดวก ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดพลาสติกกันกระแทกตรงขอบประตูกระจก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.8 x 1.3 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านเพื่อนกันลื่น
หน้าตาของฝักบัวที่ได้มาเป็นเซตกับเครื่องทำน้ำอุ่น มีขนาดจับได้ถนัดมือดี
สำหรับพื้นที่ด้านหน้าห้องนี้สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้โดยทำประตูบานเลื่อนเพิ่ม ถ้าทำเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนได้ยิ่งดีนะคะ เพราะจะทำให้เวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้างกว่าประตูแบบ 2 ตอนค่ะ
ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง โดยโครงการจะจัดเตียงขนาดใหญ่ไว้กลางห้องเลย ซึ่งห้อง Studio แบบนี้ก็เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะไม่ได้กั้นโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่นออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะ พื้นที่ตรงนี้มีข้อดีที่จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากทางกระจกด้านในเต็มๆ ซึ่งจะเป็นส่วนที่โปร่งโล่ง น่าอยู่ ที่สุดในห้อง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์จะไม่ได้ครบตามห้องตัวอย่าง แต่เราสามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งได้ เพราะทางโครงการเค้าจัดมาลงตัวทีเดียว
ด้านข้างเตียงเหลือพื้นที่ให้สามารถวางโซฟานั่งกันได้ 2 คน และมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะกลางได้ตามแบบในห้องตัวอย่าง
ระยะดูทีวีประมาณ 3.3 เมตร ทำให้สามารถเลือกทีวีได้ใหญ่ถึง 60 นิ้วได้เลยค่ะ
พื้นที่ในส่วนนี้ค่อนข้างกว้างทำให้ลงตัวดี เพราะเมื่อวางโต๊ะกลางแล้ว ก็ยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินผ่านได้สบายๆ
ทางโครงการจัดเตียงนอนขนาด 5 ฟุต มาให้ดูเป็นตัวอย่างว่าเมื่อวางเตียงแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินรอบๆ ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก
ถัดเข้ามายังพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง ในห้องตัวอย่างจัดไว้ให้เป็นพื้นที่ตั้งโซฟาสำหรับนั่งดูหนังหรือชมวิวภายนอกได้จากมุมนี้ ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้โซฟามานะคะเป็นพื้นที่โล่งๆ จึงสามารถปรับเป็นมุมโต๊ะทำงานหรืออ่านหนังสือก็ได้
มุมโซฟาก็จะได้ติดกับหน้าต่างแบบนี้เลยนะคะ เป็นหน้าต่างบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถเปิดระบายอากาศภายในห้องได้ด้วย
ถัดมายังพื้นที่ปลายเตียง ทางโครงการจัดไว้เป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ซึ่งก็มีพื้นที่กว้างให้วางโต๊ะเครื่องแป้งได้ตามขนาดมาตรฐานไม่เล็กเกินไป ส่วนตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างจะเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน ซึ่งเราสามารถเก็บไว้ใช้เป็นไอเดียในการตกแต่งห้องได้
ถัดมายังพื้นที่ใช้สอยส่วนสุดท้ายในห้องคือส่วนของระเบียง ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ตัวเฟรมวงกบเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานเป็นกระจกตัดแสง จึงรับแสงธรรมชาติได้และยังช่วยกันความร้อนเข้ามาในห้อง
มือจับเป็นแบบฝังลงในเฟรมประตู พร้อมตัวล็อกแบบนี้
โดยกรอบประตูจะอยู่บนขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นอีกทีนึง ซึ่งขอบธรณีนี้จะช่วยกันน้ำจากภายนอกไม่ให้ไหลเข้าสู่ภายในตัวห้อง
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบผิวด้านกันลื่น ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีขนาด 1.5 x 0.8 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก และตั้งเครื่องซักผ้า ซึ่งทางโครงการติดตั้งก๊อกน้ำมาให้เรียบร้อย
คอมเพลสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบน แต่ก็ควรจะหาตัวปัดทิศทางลมร้อนออกด้านนอกเพิ่มนะคะ เพื่อช่วยให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง
อีกห้องที่จะพาไปชมคือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 45 ตร.ม. เป็นห้องแบบหน้าแคบลึกอีกเช่นกัน ลักษณะการจัดแปลนของห้องนี้จะมีความเป็นสัดส่วนขึ้นจากแบบแรก เข้ามาในห้องด้านซ้ายจะได้ครัวปิดขนาดใหญ่พอสมควร สามารถทำอาหารหนักๆ ได้ และพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารและส่วนนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกัน มีระเบียงอยู่ด้านนอกสุด เป็นระเบียงซักล้างที่มีขนาดให้ใช้งานได้จริง ห้องแบบนี้จะเน้นพื้นที่ห้องนอนที่เป็นส่วนตัวแยกออกจากห้องนั่งเล่นอย่างชัดเจน ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย มีพื้นที่ด้านข้างเหลือจะทำเป็นพื้นที่ทำงานเล็กๆ และ Walk in Closet ได้ แถมห้องน้ำยังอยู่ในห้องนอนอีกด้วยนะ จึงได้ครบฟังก์ชั่นเลย แต่แบบที่จัดห้องน้ำไว้ในห้องนอนก็มีข้อเสียอยู่ที่เวลามีเพื่อนๆ มาหา แล้วอยากเข้าห้องน้ำ ก็ต้องเดินผ่านห้องนอนเราเข้าไป ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปนิดนึงเนอะ
ตำแหน่งประตูจะอยู่ตรงกลางประมาณเส้นประที่ทำให้ดูคร่าวๆ แบบนี้ ทำให้พื้นที่ภายในห้องด้านซ้ายขวานั้น เหลือพื้นที่อยู่หน่อยสำหรับทำชั้นวางรองเท้าหรือชั้นวางของที่มีความลึกไม่มากนักได้นะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับโถงเล็กๆก่อน ทางฝั่งซ้ายคือครัวปิดที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทางฝั่งขวามีพื้นที่สำหรับวางตู้เก็บของหรือตู้โชว์ ถัดเข้าไปด้านในจึงเป็นพื้นที่ทานข้าวและนั่งเล่น ด้านในสุดเป็นทางออกไปที่ระเบียง ส่วนห้องนอนและห้องน้ำอยู่ทางฝั่งซ้ายมือค่ะ ความสูงของห้องนี้คือ 2.55 ม. เท่ากับห้องแบบแรก พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนตเกือยทั้งหมด ยกเว้นห้องครัวที่จะปูด้วยกระเบื้อง ส่วนผนังจะให้ Wallpaper ลายมาตรฐานตามที่โครงการกำหนดค่ะ
ห้องครัวเป็นครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกรอบบานอะลูมิเนียมสีธรรมชาติ ทำให้เป็นห้องครัวปิดที่สามารถกันกลิ่นและควันเวลาทำอาหารได้
ทางโครงการเก็บรายละเอียดของบานประตูมาเรียบร้อย โดยการเซาะร่องที่กรอบประตูให้มือจับได้สะดวก พร้อมติดกันกระแทกไว้ให้เรียบร้อย
ภายในห้องครัว เราจะได้ Pantry ครัวของ SB ตามแบบในห้องตัวอย่างนะคะ ยกเว้นพวกเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และไมโครเวฟที่จะไม่ได้แถมให้ ซึ่งสเปกของเคาน์เตอร์ครัวก็จะเหมือนกับห้องแบบแรกเลย ครบทั้งเคาน์เตอร์ล่าง ตู้ลอยด้านบน และ Backsplash ด้านหลังค่ะ
ภายในห้องครัวมีขนาดพอเหมาะกับการใช้งานขนาดประมาณ 1.6 x 1.6 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้อง เวลาที่ทำครัวแล้วมีคราบกระเด็น ก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ด้านในสุดของห้องทางโครงการเดินท่อไว้ให้สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้าไว้ในห้องนี้เลย
ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น เวลานั่งทานอาหารก็สามารถดูทีวี หรือพูดคุยกับสมาชิกในบ้านที่นั่งดูทีวีอยู่ได้ด้วย
บริเวณโต๊ะทานข้าวก็มีพื้นที่ให้ตั้งโต๊ะขนาด 2-3 ที่นั่ง และมีพื้นที่เหลือให้ดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้สะดวก
พื้นที่นั่งเล่นวางโซฟาให้นั่งกันได้ประมาณ 2-3 คน ระยะดูทีวีประมาณ 2.3 เมตรกว้างพอสมควร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 50″ ค่ะ
พื้นที่ค่อนข้างกว้างทำให้พอวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังเหลือทางเดินให้สามารถเดินเข้าไปพื้นที่ด้านในได้สะดวก
ประตูทางออกระเบียงเป็นบานเลื่อนกรอบบานอะลูมิเนียมสีธรรมชาติ ส่วนตัวกระจกจะได้เป็นกระจกตัดแสงเช่นเดียวห้องแบบแรกเลยค่ะ มีข้อดีที่ช่วยลดปริมาณแสงที่จะเข้ามาในห้องได้ ซึ่งตัวรางประตูจะถูกยกขึ้นมาอยู่บนขอบธรณีอีกทีหนึ่ง เพื่อช่วยกันน้ำฝนจากระเบียงไม่ให้ไหลเข้ามาในโครงการค่ะ
พื้นที่ระเบียงของห้อง Type นี้จะกว้างกว่าห้องแบบแรกขึ้นมาอีกหน่อย พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเพื่อช่วยกันลื่น และด้วยตำแหน่งของเครื่องซักผ้าอยู่ในห้องครัวแล้วทำให้พื้นที่ระเบียงนี้สามารถออกมาใช้งานนั่งเล่นหรือยืนสูดอากาศได้จริงค่ะ
คอมเพลสเซอร์แอร์ถูกออกแบบมาเป็นแบบแขวน ทำให้พื้นที่ด้านล่างสามารถใช้เป็นตำแหน่งวางราวตากผ้าได้ พร้อมก๊อกน้ำสำหรับใช้ซักล้างบนระเบียงได้อีกนิดหน่อยค่ะ
สำหรับห้องนอนจะมีทางเข้าอยู่ข้างชั้นวางทีวี เป็นประตูไม้บานทึบแบบบานผลักเปิดปิด ทำให้พื้นที่ภายในห้องนอนได้ความเป็นส่วนตัวอย่างเต็มที่
เข้ามาด้านในห้องนอนมีพื้นที่ใช้สอยกว้างสบาย มีพื้นที่โดยรอบเตียงให้จัดสรรการใช้งานได้ตามใจชอบ ด้านในมีหน้าต่างบานใหญ่ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่ง ไม่อึดอัด และสามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย
หากใครอยากดูทีวีในห้องนอนก็มีพื้นที่ปลายเตียงให้ติดทีวีแบบแขวนผนังได้
ส่วนพื้นที่ข้างเตียงฝั่งติดหน้าต่าง จะเหลือพื้นที่ค่อนข้างมาก ทางโครงการจัดไว้ให้เป็นพื้นที่ตั้งโซฟาสำหรับนั่งดูหนังหรือชมวิวภายนอกได้จากมุมนี้ ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้โซฟามานะคะเป็นพื้นที่โล่งๆ จึงสามารถปรับเป็นมุมโต๊ะทำงานหรืออ่านหนังสือก็ได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ
จากเตียงนอนแล้วมองเข้าอีกไปฝั่งหนึ่งของห้อง จะเป็นพื้นที่ที่ทางโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ทั้ง 2 ฝั่งทางเดินเข้าห้องน้ำ และด้านในสุดเป็นห้องน้ำในตัว ซึ่งห้องจริงจะได้เป็นห้องเปล่าก็สามารถ Built-in ตู้ในแบบที่ชอบได้
มาดูภายในห้องน้ำกันต่อ ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย ด้านในติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ
ขนาดพื้นที่ใช้สอยก็จะมีพื้นที่พอๆ กับห้องน้ำแบบแรกเช่นเดียวกันค่ะ
สวิชต์เปิด – ปิดและปลั๊กไฟจะได้ของ Bticino ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 24 July 2017
- Studio ขนาด 28 ตร.ม. ราคา 1.5 ล้านบาท หรือ 53,571 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 35 ตร.ม. ราคา 2.1 ล้านบาท หรือ 53,571 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 51 ตร.ม. ราคา 3 ล้านบาท หรือ 53,571 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
- Kitchen & Sink
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 29,000 บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 350 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล – ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่เพชรเกษม โดยโครงจะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า สถานีภาษีเจริญประมาณ 150 เมตร สำหรับความอุดมสมบูรณ์จะอยู่ใกล้ห้างใหญ่อย่างซีคอนบางแคในระยะที่เดินไปได้สบายๆ ซึ่งภายในมีร้านอาหาร และของใช้ให้เลือกช้อปปิ้งกันได้อย่างครบถ้วน หรือถ้าจะหาของกิน ของใช้ เล้กๆ น้อยๆ ก็มี 7-11 ที่อยู่ตรงทางขึ้นลงสถานีรถไฟฟ้าให้พึ่งพิงได้ 24 ชั่วโมง
การเดินทางโดยใช้รถ – สามารถเดินทางเข้าออกเมืองได้ไม่ยาก ใช้เส้นทางได้ทั้งถนนเพชรเกษมตรงไปออก ถนนราชพฤกษ์ ถนนจรัญสนิทวงศ์ หรือออกไปวงเวียนใหญ่เชื่อมไปออกสาทรได้ ถ้าจะใช้เส้นพุทธมณฑลสาย 1,2 ก็สามารถไปออกถนนบรมราชชนนีได้ ส่วนเส้นกาญจนาภิเษกก็สามารถใช้ยิงยาวไปฝั่งบางใหญ่หรือพระราม 2 หรือจะใช้ถนนบางแคมาออกเส้นกัลปพฤกษ์เพื่อไปออกสาทร สีลมก็ได้ค่ะ ข้อดีของตำแหน่งที่ตั้งโครงการคืออยู่ทางฝั่งเข้าเมือง ทำให้สามารถวิ่งเข้าถนนราชพฤกษ์ได้ง่าย ไม่ต้องไปกลับรถ ส่วนขากลับเข้าโครงการก็มีที่กลับรถอยู่ไม่ไกลอีกด้วย
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่ จึงเรียกรถได้ง่าย มีพี่วินมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ แท็กซี่ หรือรถสองแถววิ่งผ่านตลอดทั้งวัน สำหรับรถไฟฟ้ามีแผนจะเปิดให้บริการในปี 63 โดยตัวโครงการจะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีภาษีเจริญ ประมาณ 150 เมตรอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ซึ่งจากสถานีภาษีเจริญอีกเพียง 2 สถานีก็สามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สถานีบางหว้า เพื่อเข้าสู่ย่าน CBD สาทร สีลมได้
วัสดุ – เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ 61,000 บาท/ตร.ม. แล้ว ถือว่าได้ของมาค่อนข้างดีทีเดียว ขายแบบ Fully Fitted ให้ชุดครัว สุขภัณฑ์ Cotto พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ แอร์แบบ Wall Type วอลเปเปอร์ และวัสดุมาตรฐาน ความสูงของห้องอยู่ที่ 2.55 ม. พื้นแบ่งส่วนของห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิก ประตูบานเลื่อนกระจกตัดแสง
การออกแบบ – จุดเด่นของโครงการคือออกแบบห้องพักขนาดใหญ่หน่อย อย่างสตูดิโอก็เริ่มต้นที่ 28 ตร.ม. ทำให้ห้องพักสามารถจัดพื้นที่ใช้สอยในห้องได้อย่างลงตัว ไม่อึดอัด และมีให้เลือกหลายแบบทั้งแบบสตูดิโอ, 1 Bedroom และ 2 Bedrooms แบบครัวปิดและแบบครัวเปิดโล่ง ในส่วนของการจัดวางผังห้องพักจะมีห้องพักอยู่ 2 ทิศทางหลักคือห้องพักฝั่งทิศตะวันออกและห้องฝั่งทิศตะวันตก ทำให้เกิดมีข้อดีข้อเสียของห้องทั้ง 2 ฝั่ง คือ ห้องฝั่งทิศตะวันออกจะร้อนน้อยกว่าห้องฝั่งทิศตะวันตก แต่ก็จะมีอาคารสูงบังวิวในระยะไกล (ในอนาคต) ส่วนการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางนั้นมีการวางตำแหน่งมาดี อย่างสระว่ายน้ำที่วางไว้ทางทิศตะวันออกของอาคาร ทำให้อาคารช่วยบังแดดไว้ พื้นที่ส่วนกลางจึงมีความน่าใช้งานมากขึ้น สำหรับโครงการนี้จะมีความพิเศษของ Facilities ส่วนกลางอย่าง Co-Working Space บนชั้น Rooftop เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้ลูกบ้านได้ขึ้นมานั่งทำงาน ชมวิวมุมสูงบนนี้ได้นะคะ
สาธารณูปโภค – มีให้ค่อนข้างเยอะทั้ง สวนหย่อมรอบโครงการประมาณกว่า 4 ไร่ Lobby แยกแต่ละอาคาร บนชั้น 7 มีส่วนกลางหลักอย่างสระว่ายน้ำทั้งสระเด็ก, สระผู้ใหญ่และสวนหย่อม ห้อง Fitness ห้อง Aerobic ห้อง Lifestyle Space ส่วนบนชั้น Roof Top ของทั้ง 2 อาคารจะมี Facilities อย่างสวนหย่อมและ Co-Working Space ค่าส่วนกลางอยู่ที่ 35 บาท/ตารางเมตร ก็อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล แต่ส่วนที่มีความหนาแน่นมากหน่อยก็คือ อัตราส่วนลิฟท์ทั้งโครงการจะอยู่ที่ 257:1 ถือว่าแน่นพอควรเลยนะ สำหรับที่จอดรถนับช่องจอดประมาณ 1,042 คันคิดเป็น 58 % (ไม่รวมซ้อนคัน) ถือว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับการเป็นโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้านะคะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 61,000 บาท/ตร.ม., 24 July 2017
- ทำเล 9/10 – ทำเลฝั่งธนฯ ติดถนนใหญ่ ห่างสถานีภาษีเจริญ ระยะ 150 ม. ห่างซีคอนบางแค 220 ม.
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนใหญ่ ที่กลับรถอยู่ใกล้โครงการ, มีที่จอดรถ 58 % ไม่รวมซ้อนคัน
- ไม่ใช้รถ ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า 8.5/10 – ติดถนนใหญ่ เรียกรถสาธารณะสะดวก
- ไม่ใช้รถ เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ 9/10 – สะดวกใกล้รถไฟฟ้า ห่างสถานีภาษีเจริญแบบที่เดินได้สบาย
- วัสดุ 7.5/10 – ให้มาแบบ Fully Fitted ไม่มีเฟอร์ฯ แต่ได้ Pantry ครัว ห้องน้ำ ฉากกั้นอาบน้ำ Wallpaper และแอร์
- แบบ 8/10 – จัดผังห้องลงตัว ได้หน้าต่างบานใหญ่
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาครบครัน พิเศษกว่าโครงการอื่นๆ ของศุภาลัยคือมีห้อง Co-Working Space แบบห้องแอร์ให้นั่งชมวิวที่ชั้นบนสุดด้วย
- ECONOMY CLASS
- 8.35 / 10.00 คะแนน ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
- 8.43 / 10.00 คะแนน เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ
BOTTOM LINE
ศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำเลฝั่งธนฯ หรือ อาจทำงานในเมืองเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ห้างในระยะที่เดินได้สะดวก มี Facilities ส่วนกลางครบ ชอบห้องพักที่กว้าง จัดห้องออกมาแล้วดูโปร่ง ใช้งานได้ลงตัว มีงบประมาณประมาณ 1.5 – 3 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 11,000 – 21,000 บาท/เดือน