[รีวิวฉบับที่ 2768] ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) คอนโดสร้างเสร็จพร้อมให้เข้าอยู่ ทำราคาน่าสนใจไม่ถึง 2 ล้านบาทก็ได้ห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบ แบบหิ้วกระเป๋าพร้อมเข้าอยู่ได้เลย เราสรุปความน่าสนใจของโครงการออกมาได้ดังนี้ค่ะ
- ราคา : หากใครมีงบประมาณล้านปลายๆ ถึง 2 ล้านต้นๆ โครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย จะกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมาทันที เพราะคอนโดใหม่ๆ ในละแวกนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 2 ล้านกลางๆ ขึ้นไปจนถึง 3-4 ล้านเลยค่ะ
- ติดถนนใหญ่ : ด้วยทำเลติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ทำให้เดินทางเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง มีเส้นทางลัดเยอะ มีรถสาธารณะผ่านหน้าโครงการให้เลือกใช้หลากหลาย ทั้งป้ายรถเมล์ที่หน้าโครงการและรถกระป้อที่วิ่งผ่านบนถนนเส้นนี้อยู่ตลอด แถมยังอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานีคือสถานีจรัญฯ 13 และ สถานีไฟฉาย ทำให้เข้าสู่ตัวเมือง สีลม – สาทร ได้ง่ายๆ ซึ่งมีรถของโครงการรับ-ส่งที่สถานีรถไฟฟ้าค่ะ
- ใกล้แหล่งงานต่างๆ : ที่ตั้งโครงการใกล้โซนศิริราช ตลาดวังหลัง ท่าพระ อิสรภาพ ซึ่งมีแหล่งงาน สถานศึกษาค่อนข้างเยอะค่ะ
- ส่วนกลางลอยฟ้า : โครงการมี Sky Facilities สามารถชมวิวสวยๆ บนตึกสูงได้
ข้อมูลโครงการ
Lumpini Ville Charan – Fai Chai (ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย) ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567
ชื่อโครงการ | Lumpini Ville Charan – Fai Chai (ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | ECONOMY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย |
ที่ดิน | ประมาณ 7 ไร่ 1 งาน 49.65 ตร.วา |
ประเภทคอนโด | High Rise 3 อาคาร : Tower A – 21 ชั้น, Tower B – 22 ชั้น, Tower C – 23 ชั้น |
จำนวนยูนิต | 1,482 ยูนิต : Tower A – 322 ยูนิต, Tower B – 634 ยูนิต, Tower C – 526 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 39 ยูนิต ที่ Tower B |
ที่จอดรถ | 548 คัน หรือคิดเป็น 37% (ไม่รวมซ้อนคัน) |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2022 |
สร้างเสร็จพร้อมอยู่ | Q4 ปี 2024 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | Tower A : ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร Tower B : ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร Tower C : ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 1.89 ล้านบาท (Studio) |
ช่วงราคาเฉลี่ยของโครงการ | ประมาณ 75,000-80,000 บาท/ตร.ม. |
เว็บไซต์โครงการ | https://pg.thinkofliving.com/lumpinivillecharanfaichai |
Call Center | 02-689-6888 |
ทำเลที่ตั้ง
ทำเลโครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย เป็นอย่างไร?
พิกัด Google Maps : 13.747051048422676, 100.47030887116377
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยการไฟฟ้านครหลวง ธนบุรี และห่างแยกไฟฉายประมาณ 900 m. ซึ่งแยกไฟฉายนี้จะเป็นแยกที่ตัดกันระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพรานนกและถนนพรานนก-กาญจนาฯเส้นที่ตัดใหม่ ทำให้มีความสะดวกในการเดินทาง ทั้งจากถนนจรัญฯเองตรงไปเชื่อมต่อกับถนนเพชรเกษมหรือเข้าเมืองย่านสีลม – สาทร / จากถนนจรัญฯมุ่งหน้าทางเหนือข้ามสะพานพระราม7 เชื่อมต่อกับถนนวงศ์สว่าง เพื่อไปย่านรัชดาฯ-ลาดพร้าว ถนนพรานนกก็เชื่อมต่อไปยังแถววังหลัง ศิริราชได้ง่าย ส่วนถนนพรานนก-กาญจนาฯจะมีความสะดวกในการใช้เชื่อมไปออกถนนราชพฤกษ์ค่ะ
ถ้าย้อนกลับไปแต่เดิมถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นถนนเส้นยาวมากไม่มีแยกและทางลัดมากนัก อีกทั้งยังไม่ใกล้ทางด่วน แต่ปัจจุบันมี 3 ตัวช่วยหลักใกล้ๆกับโครงการ ที่ทำให้การเดินทางของย่านนี้เปลี่ยนไป ได้แก่
1.ถนนพรานนก – พุทธมณฑลสาย 4 ถนนตัดใหม่ที่อยู่ตรงแยกไฟฉาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ระบายการจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ จุดเริ่มต้นจะเริ่มจากบริเวณแยกไฟฉาย บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงมาเรื่อยๆ ตัดผ่านถนนราชพฤกษ์ ถนนกาญจนาภิเษก ไปบรรจบกับถนนพุทธมณฑลสาย 4 ปัจจุบันถนนเส้นนี้สร้างเสร็จถึงช่วงพุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยเรื่องการเดินทางที่สำคัญของคนในย่านนี้ ให้สามารถใช้เส้นทางหรือออกไปหาอะไรทานในย่านราชพฤกษ์ หรือกาญจนาภิเษกได้ง่ายมากๆ
2.ทางด่วนศรีรัช – วงแหวนรอบนอก เข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เริ่มตั้งแต่ถนนกาญจนาภิเษกเชื่อมกับถนนราชพฤกษ์ จรัญสนิทวงศ์ จนมาเชื่อมกับทางพิเศษศรีรัชและถนนกำแพงเพชร 2 เข้าสู่ด่านศรีรัช
3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เมื่อก่อนการจะขึ้นรถไฟฟ้าของชาวจรัญฯจะต้องนั่งรถไปต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวบวกกับการจราจรที่ติดขัดในย่านนี้ ทำให้เกิดความไม่สะดวก แต่หลังจากมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก เพราะเส้นทางการเดินรถจะวิ่งวนครอบคลุมพื้นที่ใจกลางเมืองที่สำคัญๆ เชื่อมฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน และไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆอีกหลายสาย
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงใกล้โครงการ
ถ้าดูจากแบรนด์คอนโด “ลุมพินี วิลล์” แล้ว ส่วนใหญ่เค้าจะเลือกโลเคชั่นที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน แต่จะไม่ได้อยู่ในระยะที่เดินได้สบายนักนะคะ อย่างโครงการนี้ก็มีระยะห่างจากสถานีจรัญฯ 13 ประมาณ 700 เมตร และอยู่ห่างจากสถานีไฟฉายประมาณ 900 เมตร
พูดถึงรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะเชื่อมต่อกับ MRT ปัจจุบันที่ใช้งานกัน คือสามารถจะเดินทางไปยัง จตุจักร รัชดาฯ สุขุมวิท ได้ในต่อเดียวค่ะ แต่ถ้าเราไปยังสถานีท่าพระ ก็จะเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเช่นกัน แต่จะต้อง Interchange เปลี่ยนขบวนนะคะ
จากทั้ง 3 ตัวช่วยใหม่ที่เพิ่มเข้ามานี้ ทำให้การจราจรในย่านจรัญฯเปลี่ยนไป กลายเป็นโซนที่อยู่อาศัยใกล้เมืองที่เดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองได้สะดวกมากขึ้น และยังมีราคาของอสังหาฯที่ไม่แรงเท่าทำเลที่เกาะอยู่กับรถไฟฟ้าสายหลักอีกด้วยค่ะ
ตัวช่วยในการเดินทางสาธารณะอื่นๆ
นอกจากตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าแล้ว ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของพื้นที่ในทำเลนี้คืออยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มเข้ามาด้วย แน่นอนว่าข้อดีของการเดินทางทางน้ำอย่างหนึ่งคือ เราสามารถควบคุมเวลาในการเดินทางได้ ซึ่งท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ท่าวังหลัง ห่างจากโครงการประมาณ 3 กม. สามารถข้ามเรือไปหาร้านอาหารเด็ดๆ เจ้าดังๆ ทานที่ท่าพระอาทิตย์ หรือไปเรียนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ก็สะดวกรวดเร็ว เส้นทางเดินเรือยังสามารถนั่งไปได้ไกลถึงสาทร หรือขึ้นเหนือไปถึงนนทบุรีเลย
นอกจากนั้นทำเลนี้ถือว่าเรียกรถสาธารณะได้ง่ายมากๆ สามารถเรียกรถเมล์ รถกระป้อ รถแท็กซี่ ขึ้นได้ตั้งแต่หน้าโครงการ โดยกระป้อ นอกจากราคาไม่แพงแล้ว ยังสามารถเลือกได้หลายเส้นทางทั้งไปตลาดวังหลัง ถนนอิสรภาพ ปิ่นเกล้า พาณิชย์ธนฯ เป็นต้น
ความอุดมสมบูรณ์
ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) ในระยะเดินนั้นจะมี 7-11 ใกล้ๆ ในระยะ 120 เมตร แต่ถ้าขยับออกมาในระยะประมาณ 1-3 กิโลเมตร แล้วล่ะก็เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์มาก เพราะบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์และถนนพรานนกนี้เป็นแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัย และมีโรงพยาบาลชื่อดังค่อนข้างมากเลย ทั้งโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลธนบุรี เป็นต้น เมื่อมีคนที่ใช้ชีวิตและทำงานเเถวนี้มาก แน่นอนว่าแหล่งของกินก็ย่อมมากตามมาค่ะ ตัวเลือกก็มีตั้งแต่ห้าง ร้านค้า ตลาด หรือ Hypermarket ที่เปิดใหม่ ก็มีค่อนข้างหลากหลายเลย โซนความอุดมสมบูรณ์ที่น่าสนใจในย่านนี้ก็จะมี
โซนใกล้โรงพยาบาลศิริราช – จะมีตลาดมากมายทั้งตลาดสถานีรถไฟ(ศาลาน้ำร้อน) ตลาดพรานนก ตลาดวังหลังอยู่ถือว่าเป็นอีกโซนที่ขึ้นชื่อเรื่อง ของกิน ของใช้ ตรงนี้จะมีท่าเรือ สามารถนั่งเรือข้ามฟากไปยัง ท่าเตียน หรือท่าพระอาทิตย์ได้ ซึ่งฝั่งนั้น แน่นอนว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวรอบพระบรมมหาราชวังอยู่ ทั้งของกินเลื่องชื่อ ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว มีความครึกครื้นทั้งกลางวันและกลางคืนเลยค่ะ
นอกจากรพ.ศิริราช ตลาดวังหลังแล้วยังมีซอยวัดโพธิ์เรียงหรือซอยจรัญสนิทวงศ์ 18 ที่สามารถลัดไปออกถนนอิสรภาพ ซึ่งบริเวณรพ.ธนบุรี จะเป็นอีกแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีร้านอาหารอร่อยเยอะ และมีร้านอาหารสวัสดิการ กองทัพเรือ, Tops Market และร้านนม ขนมปังปิ้งชื่อดัง ร้านมนต์นมสด สาขาอิสรภาพอีกด้วย
โซนถนนจรัญสนิทวงศ์ – บริเวณฝั่งทางไปบางขุนนนท์ บริเวณนี้จะมีทั้ง ตลาดบางขุนศรี, Makro จรัญฯ, Foodland , ตลาดบางขุนนนท์ และตลาดน้ำเย็น ส่วนฝั่งไปทางท่าพระ ทางนี้จะเป็นทางไปยังเพชรเกษม และราชพฤกษ์ได้ หรือตามข้างทางก็จะมีพวกปั๊มน้ำมันที่มีร้านอาหาร KFC ภายในปั๊ม และมี HomePro ที่มีทั้งร้านกาแฟนางเงือกเขียวชื่อดัง และร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ข้างในค่ะ แต่ถ้าใครอยากเที่ยวเล่นไกลหน่อย จะเลยไปยังโซนตลาดพลูหรือท่าพระเลยก็ได้นะคะ
โซนปิ่นเกล้า – ถือว่าเป็นอีกโซนที่สามารถเดินทางไปได้ง่ายจากโครงการ ตรงนี้ก็จะเหมาะกับคนที่ต้องการสิ่ง Entertain อย่าง Shopping ดูหนังวันสุดสัปดาห์ ก็จะมีห้างใหญ่น้อย และ Community Mall ให้เลือกไปค่ะ
โซนถนนราชพฤกษ์ – เราสามารถใช้ถนนพรานนก – พุทธมณฑลสาย 4 เชื่อมไปยังถนนราชพฤกษ์ได้ง่าย ซึ่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนราชพฤกษ์ที่เราสามารถไป Shopping และหาอะไรทานได้ง่ายๆ คือ The Circle , ตลาด Food Villa และยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ชื่อดังแถวๆนั้นอีกหลายร้านค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนพักอาศัยเดิมในย่านนี้ และมีกลุ่มอาคารพาณิชย์ที่เกาะอยู่ตามถนนหลัก ซึ่งบริบทส่วนใหญ่ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการอยู่อาศัยในคอนโดนะคะ ส่วนเรื่องวิวในปัจจุบันยังไม่ได้มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิดค่ะ
บรรยากาศโดยรอบโครงการ
โครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ทำให้เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก เรียกรถจากหน้าโครงการได้เลย ไม่ต้องเดินเข้าซอย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- 7-11 ~ 120 m.
- Home Pro จรัญสนิทวงศ์ ~ 350 m.
- Tesco Lotus จรัญสนิทวงศ์ ~ 1.6 km. (รวมระยะกลับรถ)
- ตลาดบางขุนศรี ~ 1.6 km. (รวมระยะกลับรถ)
- Makro จรัญฯ ~ 1.8 km.
- ตลาดวังหลัง ~ 3.5 km.
- The Mall ท่าพระ ~ 3.9 km.
- Central Plaza ปิ่นเกล้า ~ 4.4 km.
- The Circle ราชพฤกษ์ ~ 6.5 km.
- Major ปิ่นเกล้า ~ 7.6 km.
โรงพยาบาล
- รพ. ธนบุรี ~ 2.4 km.
- รพ. ศิริราช ~ 3.5 km.
โรงเรียน
- วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ~ 1 km.
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ~ 1.1 km.
- วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ~ 2.1 km.
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล ~ 2.9 km.
- โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ ธนบุรี ~ 5.6 km.
- ม. ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ~ 7.4 km.
- ม.ศิลปากร ~ 7.2 km.
อื่นๆ
- การไฟฟ้านครหลวง เขตธนบุรี ~ 160 m.
- ปั๊ม ESSO ~ 650 m.
- กรมอู่ทหารเรือธนบุรี ~ 3 km.
รายละเอียดโครงการ
คอนโด “ลุมพินี วิลล์” เป็นแบรนด์คอนโดระดับ Economy ของบริษัทลุมพินี ที่ทำออกมาเอาใจคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน และมีฐานเงินเดือนไม่สูงมาก มองหาคอนโดราคาหยิบจับง่าย จึงเป็นคอนโดหลังแรกที่กลุ่มวัยทำงานนิยมซื้อ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนก็มักจับจองมาปล่อยเช่าด้วยเช่นกัน
โดยราคาเริ่มต้นของโครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) อยู่ที่ 1.89 ล้านบาท ซึ่งเป็นห้อง Studio พร้อมเฟอร์ฯ รวมทั้งของตกแต่ง แบบที่ว่าหิ้วกระเป๋าใบเดียวก็เข้าอยู่ได้ ของจริง! เพราะให้ของใช้บางส่วนมาด้วย เช่น ผ้าเช็ดตัว, กล่องเก็บของ, ตะกร้าใส่ผ้า เป็นต้น ส่วนห้อง 1 Bedroom จะเริ่มที่ 2.29 ล้านบาท พร้อมเฟอร์และของตกแต่งเช่นกัน หรือถ้าคิดราคาเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 75,000-80,000 บาท/ตารางเมตร เท่านั้น แต่ก็จะมาพร้อมจำนวนยูนิตที่มากหน่อยตามสไตล์ลุมพินีนะคะ
อีกประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือจุดเด่นของบริษัท ลุมพินี นั่นก็คือ เรื่องนิติบุคคล และการจัดการที่ค่อนข้างเข้มงวดในกฎระเบียบและบทลงโทษ ถือว่าเป็นของดีที่ลูกบ้านลุมพินีจะได้รับ ซึ่งหลายๆ คนที่กำลังเลือกโครงการอยู่ ก็อาจจะเอาประเด็นนี้มาใช้พิจารณาส่วนหนึ่งด้วยค่ะ
โครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) เป็นกลุ่มคอนโด High Rise 3 อาคาร บนที่ดินขนาด 7 ไร่กว่า ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์เลย ซึ่งอาคาร A จะอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนอาคาร B และ C อยู่ถัดไปด้านใน
Master Plan – ผังที่ดินของโครงการเป็นรูปตัว T ไม่ใช่เป็นแปลงที่ดินยาวแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มักเห็นกันบ่อยๆจากโครงการลักษณะนี้ ทำให้แต่ละอาคารสามารถเดินออกมาที่ซุ้มประตูโครงการได้ไม่ไกลเลยค่ะ โดยโครงการจัดวางอาคาร A และ B ไว้ทางขวา ส่วนอาคาร C จะแยกตัวออกมาอยู่ทางซ้าย ทำให้มีระยะห่างระหว่างอาคารพอสมควร
พื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะอยู่ที่ชั้นล่างและชั้นดาดฟ้า โดนจะมีสวนหย่อมแทรกอยู่ในชั้นพักอาศัยบ้าง สำหรับชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้น แต่ละอาคารจะมี Lobby และโถงลิฟต์ในตัว และ Facility ในชั้นนี้ก็จะมีสระว่ายน้ำ, ห้อง Co-Living, ห้องซักรีดและร้านค้า สำหรับที่จอดรถสามารถจอดได้ 548 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบไม่รวมซ้อนคันโดยจะจอดได้ทั้งรอบๆอาคารและบนอาคาร
อย่างที่บอกไปว่าพื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะอยู่ที่ชั้นล่างและชั้นดาดฟ้านะคะ ส่วนใครกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกอาคารไหนดี แต่ละอาคารก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปนะคะ เราสรุปให้ตามนี้
- Tower A – เป็นอาคารที่ใกล้ทางเข้าออก ร้านค้า และใกล้สระว่ายน้ำและสวนหย่อมส่วนกลางที่สุด เป็นอาคารที่มีความเป็นส่วนตัวสูง มียูนิตน้อยกว่าอาคารอื่นเพียง 17 ยูนิตต่อชั้น ฝ้าเพดานห้องสูงกว่าอาคารอื่นถึง 2.6 เมตร และสเปควัสดุก็ดีกว่าด้วยเช่นกัน ตึกนี้จะเน้นห้องพักขนาดใหญ่ 1 Bedroom เริ่ม 29 , 32 ตารางเมตร และห้อง 2 Bedroom ก็จะมีเฉพาะอาคารนี้ค่ะ
- Tower B – อยู่ถัดมาจากอาคาร A จุดเด่นคือเป็นอาคารที่ใกล้ส่วนกลางและมีพื้นที่สีเขียวให้ใช้เยอะ มีทั้งสวนหย่อมชั้นล่าง ลานพักผ่อนที่ชั้น 9 มีสวนผักรวมใจที่ชั้น 17 และสวนดาดฟ้า ตึกนี้มีที่จอดรถอยู่ในอาคารเลย ห้องพักฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร เน้นห้อง Studio 25 ตารางเมตร และ 1 Bedroom มียูนิตต่อชั้น 39 ยูนิตถือว่าเยอะที่สุด
- Tower C – อาคารนี้จะแยกออกมาอยู่อีกฝั่ง มีที่จอดรถในอาคารเช่นกัน ส่วนใหญ่เป็นห้อง Studio 25 ตารางเมตร และ 1 Bedroom 29 ตร.ม. ขายพร้อมเฟอร์ฯ และของตกแต่งครบครัน ยูนิตต่อชั้น 31 ยูนิต ห้องพักฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตรเช่นเดียวกับอาคาร B ห้องชั้นสูงๆจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ
เรามาชมบรรยากาศของตึกจริงกันค่ะ บริเวณหน้าโครงการมีพื้นที่ติดถนนใหญ่ค่อนข้างกว้าง สังเกตได้ไม่ยาก มีป้ายโครงการชัดเจน
ปัจจุบันสำนักงานขายอยู่บริเวณหน้าโครงการเลยค่ะ ซึ่งจริงๆ พื้นที่บริเวณนี้จะกลายเป็นร้านค้าในอนาคต ได้เป็นร้านใหญ่เลยนะคะ
บริเวณหน้าสำนักงานขายเห็นมีรถ Shuttle Van จอดอยู่ เป็นรถรับส่งลูกบ้านของทางโครงการ ที่จะรับส่งที่สถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี
รายละเอียดการบริการรับ-ส่งของ Shuttle Van ในปัจจุบันค่ะ ซึ่งในอนาคตอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ เช่น เพิ่มไประยะทางไปถึงศิริราช, วังหลัง ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกบ้านและการจัดการของนิติบุคคล ซึ่งนิติฯ ของลุมพินีเราว่าเค้าดูแลได้ดีอยู่แล้วนะคะ
ด้านข้างร้านค้าจะเป็นทางเดินเข้าโครงการ ซึ่งแยกกับทางเดินรถไว้ชัดเจนดีเลย ทำให้เกิดความปลอดภัย
ในส่วนของรถยนต์จะแยกทางเข้า-ออกไว้ชัดเจน ทำให้ใช้งานง่าย มีไม้กระดกกั้นไว้ให้ตามมาตรฐาน
รถยนต์จะเข้าออกด้วยระบบ Bluetooth (คล้าย Easy Pass ทางด่วน) สะดวกสบายทีเดียว แต่สำหรับแขกของลูกบ้านจะต้องแลกบัตรเพื่อความปลอดภัยนะคะ
ผ่านป้อม รปภ. เข้ามาจะเป็นทางเดินรถตรงยาวเข้าไปด้านใน รอบๆอาคารมีการจัดสวนหย่อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ บรรยากาศดูร่มรื่น
ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอกับวงเวียน ที่คอยแจกรถไปยังอาคารต่างๆ หากใครต้องการไปอาคาร C ให้เลี้ยวซ้าย หรือไปอาคาร B ให้เลี้ยวขวา ส่วนลูกบ้านที่อยู่อาคาร A แนะนำให้จอดรถที่อาคาร B จะใกล้ที่สุดค่ะ
ที่จอดรถในอาคาร
ที่จอดรถอาคาร B จะมีทั้งหมด 8 ชั้น ส่วนที่จอดรถอาคาร C จะสูงถึงแค่ชั้น 4 นะคะ ที่จอดรถในอาคารจำกัดความสูงที่ 2.1 เมตร หากใครใช้รถสูงกว่านี้ก็สามารถหาที่จอดรอบอาคารชั้น 1 ได้ เห็นมีอยู่หลายจุดเลยนะคะ บรรยากาศภายในที่จอดรถทั้ง 2 อาคารดูโปร่งโล่งได้แสงธรรมชาติ แต่เฉพาะอาคาร B ที่มีลิฟต์ในที่จอดรถให้ใช้งาน
พื้นที่ส่วนกลางนอกอาคาร
ดูภาพรวมส่วนกลางบริเวณด้านหน้าโครงการ อาคาร A จะมีร้านค้าอยู่ด้านหน้า ระหว่างอาคาร A และ B จะเป็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อม แต่ละอาคารจะมี Lobby ของใครของมัน ส่วนห้อง Co-Living จะอยู่ที่อาคาร C ค่ะ
สระว่ายน้ำ
สระว่ายน้ำจะอยู่บริเวณชั้น 1 ติดกับอาคาร A จึงได้ร่มเงาจากอาคาร ช่วยบังแดดให้ จึงสามารถมาว่ายน้ำได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ เลยค่ะ สระว่ายน้ำมีตำแหน่งเดียว ลูกบ้านจะใช้แชร์กันใช้ทั้งหมด 3 อาคาร โดยสระว่ายน้ำมีขนาด 5.6 x 13 เมตร ระบบเกลือ ลึก 1.2 เมตร แยกสระเด็กขนาด 5.6 x 3.9 เมตร ลึก 0.6 เมตร ไว้เป็นสัดส่วน สำหรับใครที่ไม่ชอบว่ายน้ำก็มานั่งเล่นบบน Day Bed รับลมชมวิวกันได้
สวนส่วนกลาง
สวนส่วนกลางจะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำเลยค่ะ จึงรวมเป็นพื้นที่พักผ่อนขนาดใหญ่ที่ให้บรรยากาศผ่อนคลาย ได้วิวสระและสวน โดยบริเวณรอบๆ สวนจะจัดเป็นมุมนั่งเล่นกระจายไว้หลายจุดทีเดียว และยังมี Co-Living เป็นพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่ อยู่บริเวณใต้ตึก จึงเป็นพื้นที่ในร่มให้มาใช้งานได้ตลอดทั้งวัน
สนามเด็กเล่น
สำหรับคุณหนูๆ จะมีสนามเด็กเล่นบริเวณด้านหลังอาคาร C ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ใช้พื้นแบบ Absorbtion Floor ช่วยลดแรงกระแทก ให้พ่อแม่พาลูกๆ มาวิ่งเล่นสนุกกันได้
ห้องน้ำ
แต่ละอาคารจะมีห้องน้ำส่วนกลางให้ใช้งานได้ แยกออกเป็นชาย-หญิง-ผู้สูงอายุไว้ครบถ้วน
ทางเดินเชื่อมระหว่างอาคาร
แม้ว่า Facility ส่วนกลางจะกระจายไปอยู่ในทุกๆ อาคาร แต่โครงการก็ทำทางเดินเชื่อมไว้ให้ พร้อมหลังคาบังแดด บังฝน ให้สามารถเดินไปใช้งานได้สะดวก และตามแนวทางเดินก็ยังได้วิวสวนและต้นไม้ร่มรื่นไปตลอดแนวเลยค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางภายในอาคาร
Tower A ชั้น 1 : Lobby
Lobby
เข้ามาในอาคารโซนแรกจะเจอกับ Lobby ขนาดใหญ่ ออกแบบให้มีความโปร่ง โล่งด้วยประตูบานกระจกที่สามารถเปิดรับลม และชมวิวสวนหย่อมจากภายนอกได้ สำหรับ Mail Box จะอยู่ด้านในสุดติดกับทางขึ้นลิฟต์ค่ะ
Tower A ชั้น 1 : Lift Lobby
Lift Lobby
เฉพาะลูกบ้านเท่านั้นที่จะผ่านเข้ามาใน Lift Lobby ได้ เพราะต้องใช้ Keycard ในการผ่านเข้าประตู และใช้ในการกดลิฟต์ด้วยนะคะ โดยโครงการตั้งไว้เป็นระบบแบบล็อกชั้น ลูกบ้านแต่ละห้องจะขึ้นได้เฉพาะชั้นที่พักอาศัยและชั้นที่มี Facility ส่วนกลาง
สำหรับอัตราส่วนลิฟต์ Tower A 161 : 1 ถือว่าไม่มากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับโครงการในระดับราคาเดียวกัน และมีสัดส่วนน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับอาคาร B และ C ด้วยค่ะ
Tower B ชั้น 1 : Lobby
บรรยากาศภายใน Lobby B จะดูร่มรื่นกว่าอาคาร A เล็กน้อย เพราะอยู่ติดกับสวนส่วนกลางเลย แต่ขนาดจะไม่ได้ใหญ่เท่าอาคาร A เพราะพื้นที่ส่วนหนึ่งจะเป็นห้องนิติบุคคล
Tower B ชั้น 9 : Sky Garden
Sky Garden
สวนหย่อมบนชั้น 9 เรามองว่าเป็น Benefit ของคนที่อยู่บนชั้นนี้เลย เพราะเดินออกมาใช้งานง่ายมาก และวิวรอบๆ ก็ดูโล่ง เป็นมุมพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศที่ดีเลย สำหรับห้องพักที่ติดสวนก็จะมีแนวต้นไม้คอยบังสายตาไว้ให้ แต่เราว่าน่าจะสงบเป็นส่วนตัว เหมาะกับคนที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งห้องแบบนี้ก็น่าจะมีราคาที่สูงกว่าห้องทั่วไปอยู่บ้างนะคะ
Tower C ชั้น 1 : Co-Living
Co-Living
ภายใน Co-Living ออกแบบไว้เป็นห้องที่เหมาะกับการนั่งทำงาน, อ่านหนังสือ, นัดพบปะกับเพื่อนๆ รองรับทั้งแบบกลุ่มและแบบเดี่ยว ซึ่งเป็นห้องแอร์เย็นฉ่ำ การเข้าใช้งานจะต้องใช้ Keycard เพื่อความปลอดภัยนะคะ
Tower C ชั้น 1 : Lobby
Lobby
Lobby ของอาคาร C จะมีขนาดกะทัดรัดลงมาหน่อย แต่ก็มีชุดโซฟาไว้สำหรับนั่งคอย อยู่ติดกับตู้จดหมาย ซึ่งการเข้าอาคาร C จะต้องใช้ Keycard ตั้งแต่หน้าอาคารเลยนะคะ
ชั้นบนสุดของแต่ละอาคารจัดเป็น Facilities ทั้งชั้นทำให้ลูกบ้านไม่ว่าจะอยู่ชั้นไหน ก็มีพื้นที่ให้ขึ้นมาชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวเมืองมุมสูงค่ะ โดยส่วนกลางในชั้นนี้จะประกอบด้วย Sky Fitness, Sky Lounge และ Sky Garden
Tower A ชั้น 20 : ทางขึ้น Sky Lounge
ทางขึ้น Sky Lounge
เริ่มกันที่อาคาร A เจ้า Sky Lounge จะอยู่บนชั้น 21 แต่ลิฟต์จะขึ้นมาถึงแค่ชั้น 20 นะคะ จึงต้องขึ้นบันไดไปอีก 1 ชั้น ซึ่งโถงบริเวณนี้ก็ออกแบบมาให้ดูกว้างขวาง สวยงามดี โซนพักอาศัยบนชั้นนี้จะมีประตูกั้นแยกโซนไว้ เข้าได้เฉพาะลูกบ้านเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
Tower A ชั้น 21 : Sky Lounge
Sky Lounge
Sky Lounge อาคาร A เป็นพื้นที่สำหรับทำงานและพักผ่อน โครงการใช้ผนังกระจกตลอดแนวจึงได้แสงธรรมชาติเข้ามาช่วยให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง และอบอุ่น แต่ห้องนี้จะยังเห็นวิวเมืองไม่ชัด ถ้าอยากชมวิวเมืองชัดๆ ต้องเดินเชื่อมผ่าน Sky Garden ไปยัง Sky Lounge อาคาร B ค่ะ
Tower A ชั้น 21 : Sky Garden
Sky Garden
โครงการใช้ Sky Garden เป็นทางเชื่อมระหว่าง Tower A และ B โดยจะมีจัดมุมนั่งเล่นในสวนเอาไว้หลายจุด ให้เราได้ขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน ชมวิวมุมสูง
Tower B : ชั้น 23
จาก Sky Garden จะเชื่อมเข้ามายังชั้น 23 ของ Tower B ซึ่งจะมี Facility หลักๆ อยู่ 2 ห้องได้แก่ Sky Lounge และ Sky Fitness
Tower B ชั้น 23 : Sky Lounge
Sky Lounge
Sky Lounge ของอาคาร B เปิดให้เห็นวิวเมืองกว้างๆ เลยค่ะ ภายในห้องจัดชุดโซฟาไว้หลายรูปแบบ หรือใครจะมานั่งทำงานก็มีโต๊ะเตรียมไว้ให้ด้วย
Tower B ชั้น 23 : Sky Fitness
Sky Fitness
ฟิตเนสมีขนาดใหญ่มากทีเดียว พื้นปูด้วย Absorbtion Floor ทั้งหมด เหมาะกับการออกกำลังกาย ภายในจัดวางเครื่องออกกำลังกายไว้ครบครันทั้ง Weight Training และ Cardio แถมวิวก็สวยไม่แพ้ใครเลยค่ะ
Tower B : ชั้น 23 วิวโดยรอบ
วิวโดยรอบจากชั้น 23 อาคาร B
จาก Sky Facilities ทั้ง 2 ห้องก็จะมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา, สะพานพระราม8 และวัดอรุณด้วยค่ะ
Tower C ชั้น 22
สำหรับ Tower C จะมีทั้ง Sky Lounge, Sky Fitness และ Sky Garden รวมอยู่ในอาคารเดียวเลย
Tower C ชั้น 22 : Sky Lounge
Sky Lounge
Sky Lounge ที่ Tower C บรรยากาศจะอบอุ่นขึ้นมาหน่อย เน้นโทนสีสดใส ทางโครงการจัดชุดโซฟานั่งเล่นไว้หลายมุมทีเดียว
Tower C ชั้น 22 : Sky Fitness
Sky Fitness
Sky Fitness ออกแบบเป็นผนังกระจกให้รับวิวได้โล่งๆ มาพร้อมกับอุปกรณ์ครบครัน
Tower C ชั้น 22 : Sky Garden
Sky Garden
ที่ Tower C จะมีสวนหย่อมให้ออกมาเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศด้วยค่ะ
วิเคราะห์ชั้นพักอาศัย
TOWER A
เป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุด วางผังเป็นรูปตัว L มีความสูง 21 ชั้น โดยชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2-20 (ชั้น 21 เป็น Sky Facilities) มีจำนวนห้องพักรวมทั้งหมด 322 ยูนิต ถือเป็นอาคารที่มียูนิตน้อยและมีความเป็นส่วนตัวที่สุด ห้องพักจะเน้นที่ห้องขนาดใหญ่
ใน Tower A นี้ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 การจัดห้องพักส่วนใหญ่ของอาคารนี้จะเน้นไปที่ห้อง 1-2 Bedroom ที่มีขนาดห้องใหญ่หน่อยนะคะ โดยห้อง Studio จะมีแค่เฉพาะชั้น 2-8 ตำแหน่งอยู่ด้านหน้าอาคาร (สีครีม) หันออกรับวิวด้านนอกฝั่งถนนจรัญสนิทวงศ์ ส่วนห้อง 1 Bedroom (สีชมพู) จะเป็นวิวด้านในอาคารและทางฝั่งทิศใต้ ส่วนห้อง 2 Bedroom จะอยู่ตรงมุมอาคารทางทิศเหนือ (กรอบสีแดง) ซึ่งจะเป็นตำแหน่งห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวพอสมควรเลย เพราะเป็นห้องมุมที่ประตูห้องไม่ชนกับใคร และผนังติดกับห้องข้างๆแต่ฝั่งเดียวด้วย
โถงลิฟต์วางอยู่ตรงกลางอาคารทำให้แต่ละห้องแต่ละตำแหน่งเดินมาใช้งานได้สะดวก พวกห้อง Service ห้องขยะต่างๆถูกจัดรวมกันตรงโถงลิฟต์ทั้งหมด ทำให้ไม่ไปรบกวนส่วนพักอาศัย ตรงมุมของอาคารทุกฝั่งมีการดีไซน์เป็นหน้าต่าง โถงทางเดินในอาคารจึงได้รับแสงธรรมชาติได้ดี
TowerA-9-19
พอขึ้นมาที่ชั้น 9-20 จะมีแต่ห้อง 1-2 Bedroom ค่ะ
TOWER B
อาคารถัดมาคือ Tower B มีอาคารที่มีห้องพักอาศัยเยอะที่สุดรวมทั้งหมด 634 ยูนิต มีความสูง 23 ชั้น ชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 3-22 (ชั้น 23 เป็น Sky Facilities) จุดเด่นคือเป็นอาคารที่ใกล้ส่วนกลางและมีพื้นที่สีเขียวให้ใช้เยอะ เน้นห้อง Studio และ 1 Bedroom
ห้องพักอาศัยใน Tower B จะเริ่มที่ชั้น 3 โดยชั้น 3-8 จะมีแบ่งพื้นที่เป็นที่จอดรถด้วย ทำให้มีจำนวนห้องน้อยกว่าชั้นอื่นๆในอาคาร โดยชั้น 3-8 จะมี 19 ห้องต่อชั้น ส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Studio 25 ตารางเมตร (สีส้ม) และ Studio 30 ตารางเมตร (กรอบสีแดง) โดยจะมีห้อง 1 Bedroom 29 ตารางเมตร (สีชมพู) ตั้งอยู่หันรับวิวพื้นที่ส่วนกลางด้านในโครงการ
ชั้น 9 จะมีห้องพักอาศัยเยอะขึ้น แปลนจะมีลักษณะเป็นตัว T มีลิฟต์อยู่ตรงกลาง แบ่งโซนห้องพักอาศัยออกเป็น 3 ปีก แต่ละปีกจะสามารถเดินมาใช้ลิฟต์ได้สะดวกพอๆกัน โดยปีกทางทิศเหนือ (วงกรอบสีน้ำเงิน) จะมีจำนวนห้องพักค่อนข้างน้อยเพียง 9 ยูนิต ทำให้โซนนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวและได้วิวพื้นที่สวนส่วนกลางอีกด้วย และจะมีบางห้องของชั้นนี้ที่เป็นห้องติดสวนอีกด้วยค่ะ (กรอบสีชมพู)
ชั้น 17 การวางผังคล้ายๆกัน แต่จะมีสวนผักรวมใจอยู่ที่ทางปีกฝั่งทิศตะวันออก
TowerA-10
ส่วนชั้น 18-22 เป็นห้องพักอาศัยล้วนๆเลย มียูนิตต่อชั้น 39 ยูนิต
TOWER C
Tower C มีความสูง 22 ชั้น ห้องพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 5 มีจำนวน 526 ยูนิต เป็น Tower ที่อยู่แยกออกมา ห้องพักอาศัยจะเน้น Studio และ 1 Bedroom
แปลนชั้น 5 เริ่มชั้นพักอาศัยของTower C ซึ่งในชั้นนี้จะมีสวนหย่อมให้มาเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้ ก็ต้องยอมรับว่าห้องที่อยู่ติดกับสวนก็จะมี Value พิเศษเพิ่มขึ้นมาเช่นเดียวกัน ตำแหน่งห้องพักที่เรามองว่าน่าสนใจในชั้นนี้ (วงกรอบสีแดง) คือห้องที่ได้วิวสวนนี่แหละค่ะ เป็นฝั่งห้องทิศใต้ที่ไม่ติดลิฟต์
แปลนชั้น 6-21 (Typical Floor Plan) เป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น ในแต่ละชั้นมีจำนวน 31 ห้อง ซึ่งห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Studio 25 ตร.ม. (สีส้มอ่อน) และแบบ 1 Bedroom 29 ตร.ม. (สีชมพู) ซึ่งตำแหน่งที่เราคิดว่าน่าสนใจคือห้องทิศตะวันออก (กรอบสีแดง) เพราะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะชั้นสูงๆ จะยิ่งเห็นวิวโล่งขึ้น และตำแหน่งที่ติดกับบันไดหนีไฟยังช่วยให้ห้องพักได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นฝั่งหนึ่งด้วยค่ะ
บรรยากาศบริเวณโถงลิฟต์และทางเดิน ได้แสงธรรมชาติมาช่วยให้ดูโปร่งโล่งขึ้น
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
Tower A
- ชั้นล่าง
- Lobby
- สระว่ายน้ำ ขนาด 5.6 x 13 เมตร ระบบเกลือ ลึก 1.2 เมตร
- สระเด็ก ขนาด 5.6 x 3.9 เมตร ระบบเกลือ ลึก 0.6 เมตร
- สวนรอบอาคาร
- ห้องน้ำชาย-หญิง-ผู้สูงอายุ
- ร้านค้า (ในอนาคต)
- Sky Lounge
- Sky Garden
Tower B
- ชั้นล่าง
- Lobby
- ลานอเนกประสงค์
- สวนรอบอาคาร
- ห้องบริการเครื่องซักผ้าและน้ำดื่มแบบเสียเงิน
- สำนักงานนิติบุคคล
- ห้องน้ำชาย-หญิง-ผู้สูงอายุ
- ลานพักผ่อน
- สวนผักรวมใจ
- Sky Lounge, Fitness, Sky Garden
Tower C
- ชั้นล่าง
- Lobby
- ห้องบริการพัสดุ
- Co-Living
- ห้องบริการเครื่องซักผ้าและน้ำดื่มแบบหยอดเหรียญ
- สวนรอบอาคาร
- สนามเด็กเล่น
- ห้องน้ำชาย-หญิง-ผู้สูงอายุ
- ลานพักผ่อน
- Sky Lounge
- Fitness
- Sky Garden
แบบห้อง
แบบห้องของโครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) ส่วนใหญ่เป็นห้องไซส์เล็ก เน้นไปที่แบบ Studio และ 1 Bedroom เป็นหลัก ปัจจุบันโครงการขายทั้งแบบ Fully Furnished มาครบทั้งเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง และบางอาคารบางยูนิตก็มีขายแบบ Fully Fitted ด้วยเช่นกัน เหมาะกับใครที่อยากตกแต่งห้องเอง ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าซื้อแบบ Fully Fitted ค่าตกแต่งเริ่มต้นประมาณ 1-2 แสนบาทก็อยู่ได้แล้วค่ะ
สำหรับห้องพักอาศัยในโครงการนี้มีให้เลือกหลักๆ 3 แบบ คือ Studio, 1 bedroom และ 2 Bedroom เราสรุปมาให้ว่าแต่ละอาคารมีห้องไซส์ไหนมาให้เลือกบ้าง และขายแบบ Fully Furnished หรือ Fully Fitted นะคะ
รูปแบบการขายแต่ละอาคาร @วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567
Tower A
- Studio 29 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished
- 1 Bedroom 29-32.5 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted
- 2 Bedroom 44 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted
Tower B
- Studio 25-30 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted
- 1 Bedroom 29-30 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted
Tower C
- Studio 25-31 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished
- 1 Bedroom 29-37.5 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished
สรุปรายการวัสดุในห้องพักอาศัย
- วัสดุปูพื้น : SPC
- Built-in เคาน์เตอร์ครัว Top ไม้ลามิเนต พร้อม Backsplash
- สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ : HAFELE, Charmer, American Standard, COTTO (ยี่ห้อจะไม่เหมือนกันในแต่ละอาคาร)
- วัสดุกรอบบานหน้าต่าง : กรอบบานอลูมิเนียม / UPVC
- กระจก : เขียวตัดแสง / ลามิเนต
- แอร์ (Studio 1 เครื่อง, 1 Bedroom 2 เครื่อง)
- เครื่องทำน้ำอุ่น
- Digital Door Lock
- Hood ดูดควัน (เฉพาะอาคาร A)
- ฉากกั้นอาบน้ำ (เฉพาะอาคาร A)
รายการของแถม
- เฉพาะห้อง Fully Furnished จะมีเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเพิ่มให้ เช่น โต๊ะ, เตียง, โซฟา, ตู้เสื้อผ้ารวมถึงของตกแต่ง รายละเอียดและรูปแบบให้สอบถามจากทางโครงการอีกครั้ง*
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ห้องตัวอย่าง Studio 25.5 ตร.ม.
ห้องแรกที่จะพาไปชมคือ Studio ขนาด 25 ตร.ม. ใน Tower C ขายแบบ Fully Furnished ให้ทุกอย่างเหมือนในห้องตัวอย่างเลย เรียกได้ว่าให้ยันจานชาม, ผ้าเช็ดตัว เลยแหละค่ะ ในราคา 1.89 ล้านบาท
ลักษณะเป็นห้องตอนลึก วางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง เพื่อให้เตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดีและได้ความเงียบสงบมากขึ้น บริเวณปลายเตียงจะมีพื้นที่สำหรับทำชั้นวางทีวีและมุมทำงานได้
เนื่องจากแปลนนี้วางครัวไว้หน้าห้องเป็นครัวเปิดเชื่อมต่อกับโซนอื่นๆ ทั้งหมด จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นเรื่องการทำอาหารมากนัก พื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารถูกจัดฟังก์ชันให้อยู่ในโซนเดียวกัน แนะนำให้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับการใช้งานได้ เช่น โต๊ะกลางที่ปรับเป็นโต๊ะทานข้าวได้ เป็นต้น
ห้องที่ขายแบบ Fully Furnished จะมีให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ ได้แก่ Berlin, Sydney และ Minimal ใครชอบแบบไหนก็เลือกตามใจชอบได้เลย แต่เราจะพาไปชมการตกแต่งแบบ Sydney กันก่อนค่ะ
ประตูทางโครงการให้ Digital Door Lock ของ HAFELE แบบใช้งาน 3 ระบบ คีย์การ์ด รหัส กุญแจ
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับโซนครัวและห้องน้ำเป็นลำดับแรก ตัวห้องของ Tower C จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.4 เมตร ปูด้วยพื้นไม้ SPC ทั้งห้อง ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อความชื้นและน้ำ ดูแลรักษาง่ายจึงสามารถใช้งานบริเวณครัวได้
ชุดครัวจะให้เคาน์เตอร์มาค่อนข้างยาวแบบในห้องตัวอย่าง ตู้ด้านล่างเปิดออกมาเก็บของได้หากต้องการประหยัดพื้นที่ระเบียงจะวางเครื่องซักผ้าไว้ใต้เคาน์เตอร์ก็ได้ หรือจะใช้บริการเครื่องซักผ้าแบบเสียเงินที่ชั้นล่างก็ได้
บานตู้มีการเซาะร่องไว้ให้สอดมือเข้าไปเปิดได้ง่าย จึงไม่ต้องมีมือจับให้เกะกะเลยค่ะ
Top ครัวเป็นไม้ลามิเนตเวลาใช้งานจึงต้องคอยเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ ที่ผนังติด Backsplash มาให้ตามแบบในห้องตัวอย่าง ช่วยให้ทำความสะอาดง่าย สำหรับห้องพักในอาคาร C จะไม่มีเตาดูดควันติดตั้งมาให้ การทำอาหารที่มีกลิ่นฉุนจึงไม่เหมาะกับห้องนี้สักเท่าไหร่นะคะ
ตู้ลอยด้านบนมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ และตู้เก็บของต่างๆ
ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นเว้นไว้ให้ ถ้าจะเลือกซื้อตู้เย็นก็อย่าลืมวัดขนาดพื้นที่วางให้เรียบร้อยก่อนนะคะ
ส่วนฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์จะเป็นห้องน้ำค่ะ การวางผังของห้องนี้จะเอาห้องครัวกับห้องน้ำมาไว้หน้าห้อง เพื่อให้พื้นที่พักผ่อนด้านในมีความเป็นส่วนตัวและได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างเต็มที่
ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้ง พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ดูสวยงาม ล้างทำความสะอาดง่าย
อ่างล้างหน้าเป็นแบบติดตั้งลอยตัวรูปทรงสี่เหลี่ยม มีพื้นที่ให้วางสบู่ล้างมือ แปรงสีฟันได้นิดหน่อย กระจกเงาส่องหน้าก็ติดตั้งมาให้แบบนี้เลย สุขภัณฑ์ที่ได้เป็นของ American Standard ติดตั้งมาให้พร้อมกับสายชำระและที่แขวนกระดาษชำระ
พื้นที่อาบน้ำเค้าจะลดระดับพื้นจากส่วนแห้งลงไปเล็กน้อยเพื่อแยกพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.8 x 1.5 เมตร ใช้งานได้ตามมาตรฐาน พร้อมติดตั้งฝักบัวของ HAFELE ไว้ให้ค่ะ ฉากกั้นอาบน้ำจะได้เฉพาะอาคาร A ส่วนอาคาร B-C ไม่มีให้ แต่เราก็สามารถติดตั้งเพิ่มเองได้นะคะ
พื้นในห้องน้ำจะมีการลดระดับลงมาจากพื้นห้อง จึงไม่ต้องกลัวน้ำไหลย้อนไปส่วนอื่นค่ะ
ถัดเข้ามาด้านในเป็นตำแหน่งของห้องนอน เนื่องจากพื้นที่ส่วนนี้หลบมุมอยู่ด้านใน จึงได้ความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยมากขึ้น ช่วยลดเสียงรบกวนจากทางเดิน และรับแสงธรรมชาติได้ดีเพราะอยู่ติดหน้าต่าง
โซนนี้เราก็จะได้เฟอร์ฯ ทุกชิ้น พร้อมของตกแต่งตามแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ โครงการวางเตียงไว้กลางห้อง เพื่อให้มุมนั่งเล่นอยู่ติดหน้าต่าง ซึ่งเราเองก็เชื่อว่าโซฟาน่าจะเป็นมุมที่ได้ใช้งานบ่อยที่สุด
เตียงนอนมีขนาด 5 ฟุต มาพร้อมเครื่องนอนตามแบบในรูปเลย ส่วนตู้เสื้อผ้าจะอยู่ด้านข้าง
ตู้เสื้อผ้าเป็นตู้ขนาดใหญ่ทีเดียว เป็นแบบบานเลื่อนเปิดปิด จึงช่วยประหยัดพื้นที่ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ไว้หลายขนาดทีเดียว
ในส่วนของชุดโซฟามีขนาด 2 ที่นั่ง มาพร้อมโต๊ะกลาง วางตำแหน่งไว้ติดหน้าต่าง จึงนั่งชมวิวไปเพลินๆ ได้ หากใครอยู่ห้องในช่วงกลางวันบ่อยๆ ก็แนะนำให้เลือกเป็นห้องทิศเหนือ หรือตะวันออก จะได้ไม่ร้อนในช่วงบ่ายนะคะ
ปลายเตียงเป็นพื้นที่ของชั้นวางทีวี และโต๊ะเครื่องแป้ง
ชั้นวางทีวีที่ให้มีขนาดใหญ่ มาพร้อมหน้าบานปิดช่วยให้ห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดตา
โต๊ะเครื่องแป้งจะเป็นตู้ที่มีหน้าบานปิดอีกเช่นกัน โดยมีหน้าบานที่เป็นกระจกยาวช่วยให้เราเช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้สะดวก และมาพร้อมราวแขวนกระเป๋า แขวนหมวกต่างๆ
ประตูทางออกไปยังระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอน ใช้เปิดระบายอากาศภายในห้องได้ ระเบียงมีขนาดกะทัดรัดประมาณ 1.9 x 0.6 เมตร เหมาะจะไว้ใช้ตากผ้า
Condensing Unit ออกแบบให้แขวนไว้ด้านบน ทำให้ไม่เกะกะสายตา เราสามารถมองวิวออกไปได้ค่ะ และโครงการยังติดตั้งราวตากผ้าแบบพับได้มาให้ด้วย
วิวจากห้องพักทางทิศตะวันตก ชั้น 16 สามารถมองลอดตึกออกไปเห็นวิวโล่งๆ ทางฝั่งด้านหน้าโครงการได้
ที่เกริ่นไปตั้งแต่ต้นว่า ห้องที่ขายแบบ Fully Furnished จะมี 3 แบบให้เลือก เราจึงเก็บภาพห้องที่ตกแต่งแบบ Berlin และ Minimal มาฝากกันด้วยค่ะ
อาคาร C : Studio 25 ตร.ม. ตกแต่งแบบ Berlin
อาคาร C : Studio 25 ตร.ม. ตกแต่งแบบ Minimal
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom 29 ตร.ม.
ห้องอีก Type นึงที่มีเยอะในโครงการก็คือ 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. ใน Tower C ลักษณะคล้ายห้อง 25 ตร.ม. เลย แต่ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถทำประตูกั้นโซนห้องนอน ออกจากห้องนั่งเล่นได้ ใครอยู่ 2 คนเราแนะนำให้เลือกห้อง Type นี้มากกว่า Studio นะคะ เพราะเวลาที่ทั้ง 2 คน เข้านอนไม่พร้อมกัน ก็ยังสามารถปิดประตูกั้นห้องได้ ไม่รบกวนกันค่ะ
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับโซนครัวและห้องน้ำเป็นลำดับแรก ใช้พื้นไม้ SPC ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อความชื้นและน้ำ ดูแลรักษาง่ายจึงสามารถใช้งานบริเวณครัวได้
ชุดครัวจะให้เคาน์เตอร์มาค่อนข้างยาวแบบในห้องตัวอย่าง ตู้ด้านล่างและด้านบนเปิดออกมาเก็บของได้และยังเตรียมช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อย ทำให้ไม่ต้องไปกินพื้นที่ที่ระเบียง ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่เอาไว้วางตู้เย็น ถ้าชอบขนาดตู้ประมาณห้องตัวอย่างก็เป็นตู้ขนาด 9 คิวค่ะ
ตู้เก็บของจะมีช่องเยอะกว่าห้อง Type แรก ทำให้เก็บของได้เยอะขึ้น
ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้ง พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ดูสวยงาม ล้างทำความสะอาดง่าย
สุขภัณฑ์ต่างๆ และขนาดพื้นที่อาบน้ำจะได้มาเหมือนในห้อง Type แรกเลยค่ะ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นตำแหน่งของพื้นที่นั่งเล่น เนื่องจากหลบมุมอยู่ด้านในจึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยมากขึ้น ช่วยลดเสียงรบกวนจากทางเดิน และรับแสงธรรมชาติได้ดีจากช่องหน้าต่าง
พื้นที่นั่งเล่นของห้องนี้มีขนาดที่กว้างดีเลยนะคะ มีระยะดูทีวีที่ประมาณ 3.5 เมตร จึงเลือกติดทีวีขนาดใหญ่เต็มตาแบบ 60 นิ้วได้ และส่วนที่เราชอบคือ โซนนี้มีความกว้างเป็นพิเศษ จึงสามารถวางโต๊ะทานข้าวเพิ่มได้โดยไม่เกะกะทางเดิน
ห้องตัวอย่างใช้วิธีวางโต๊ะทานอาหารไว้ติดกับโซฟาก็ช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดีเลยนะคะ แถมยังเหลือพื้นที่สำหรับวางตู้เก็บของไว้ด้านติดผนังได้ด้วย
บริเวณชั้นวางทีวีก็มีพื้นที่เหลือพอให้ทำตู้เก็บของ ตู้โชว์ได้อีกนิดหน่อย
ถัดมาที่ห้องนอนจะได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นจากประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งเป็นบานใหญ่ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่ และมองเห็นวิวได้จากห้องนั่งเล่นเลย
ในส่วนของห้องนอนกว้างพอให้วางเตียง 5-6 ฟุตได้ ส่วนนี้จะอยู่ติดกับหน้าต่างมากที่สุด จึงนอนชมวิวได้จากบนเตียงเลยนะคะ
ส่วนปลายเตียงจะมีพื้นที่เยอะหน่อย ทำมุมทำงานและวางตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้
ตัวห้องได้แสงธรรมชาติผ่านประตูระเบียงและหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่ง น่าอยู่มากเลย
ส่วนที่เรามองว่าเป็น Highlight ของห้องแปลนนี้คือมุมนั่งทำงานติดหน้าต่าง ซึ่งสามารถทำโต๊ะเข้ามุมตัว L ได้พื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ เหมาะกับยุค Work From Home ในปัจจุบันมากๆ เลย หรือถ้าใครไม่ต้องทำงานที่บ้าน ก็สามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่นริมหน้าต่างก็ได้นะคะ
สำหรับระเบียงจะมีขนาดกะทัดรัด ประมาณ 1.9 x 0.6 เมตร เหมาะจะใช้ตากผ้าเท่านั้น ก็น่าจะเต็มพื้นที่แล้วค่ะ ซึ่งโครงการเค้าวาง Condensing Unit ไว้ด้านบน ทำให้ไม่เกะกะสายตา เราสามารถมองวิวออกไปได้โล่งๆ เลย
วิวจากห้องตัวอย่างทางทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ บนชั้น 16 ค่ะ เป็นวิวเมืองโล่งๆ เห็นรถไฟฟ้าวิ่งไปมาด้วย
ห้องตัวอย่างที่พาไปชมนี้ เป็นห้องที่ทางโครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดีย แต่หากใครต้องการซื้อแบบ Fully Furnished ที่ตกแต่งให้ครบถ้วนก็จะมีให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ ดังนี้ค่ะ
อาคาร C : 1 Bedroom 29 ตร.ม. ตกแต่งแบบ Minimal
อาคาร C : 1 Bedroom 29 ตร.ม. ตกแต่งแบบ Sydney
อาคาร C : 1 Bedroom 29 ตร.ม. ตกแต่งแบบ Berlin
ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom 32 ตร.ม.
อีกห้องหนึ่งที่จะพาไปชมคือ 1 Bedroom ขนาด 32 ตารางเมตร ใน Tower A ขายแบบ Fully Fitted นะคะ ห้องนี้จะเป็นครัวปิดกั้นเป็นสัดส่วนเลย จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารเพราะจะสามารถกันกลิ่นและควันได้ดีพอสมควร
ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้กว้างขวาง เราสามารถจัดวางโต๊ะอาหารและโซฟาได้สบายๆ อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นห้องนอนซึ่งห้องนี้จะกั้นด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัวไปเลย Type นี้ ห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอน ทำให้การใช้งานมีความสะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ถ้ามีแขกมาขอเข้าห้องน้ำจะต้องเดินผ่านห้องนอนเข้ามาค่ะ ส่วนระเบียงจะอยู่ในห้องนอนเช่นเดียวกัน สามารถออกไปนั่งพักผ่อนและนอนดูวิวจากตรงระเบียงได้ค่ะ
สรุปแล้วห้องนี้จะเหมาะกับคนที่อยากได้ห้องที่มีพื้นที่มากขึ้นมาหน่อย ฟังก์ชันต่างๆจัดเป็นสัดส่วน อยากได้ห้องนอนที่เป็นส่วนตัวและชอบทำอาหารค่ะ
อาคาร A : 1 Bedroom 32 ตร.ม.
ราคา
Lumpini Ville Charan – Fai Chai (ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย) ราคา ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567
- Studio (Tower C) พื้นที่ใช้สอย 25 ตร.ม. รูปแบบการขาย Fully Furnished ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
- 1 Bedroom (Tower C) พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. รูปแบบการขาย Fully Furnished ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
- รูปแบบการขายมีทั้ง Fully Furnished และ Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 , 2.6 เมตร
- จอง 3,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) จัดว่าเป็นคอนโดที่ราคาดีเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านในย่านจรัญฯ เมื่อดูภาพรวมตลาดคอนโดบนถนนจรัญสนิทวงศ์ในช่วงสถานีไฟฉายถึงสถานีจรัญ 13 จะเห็นว่ามีหลายโครงการให้เลือกทีเดียวทั้งโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่และโครงการที่กำลังก่อสร้าง พอได้มาเปรียบเทียบกันดูแล้วจะเห็นได้ว่าคอนโด ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย มีราคา Package ที่หยิบจับง่ายสุด
ทำเล : เรามองว่าโครงการนี้เป็นทำเลที่เหมาะกับคนทำงานในย่านรอบๆ อย่าง จรัญฯ ศิริราช วังหลัง ท่าพระ วงเวียนใหญ่ เสียมากกว่าคนที่ทำงานในเมือง เพราะจากทำเลที่ไม่ได้อิงรถไฟฟ้าในระยะเดินได้สบายเหมือนเช่นโครงการอื่นๆ แต่เน้นไปที่การใช้งานรถสาธารณะอย่าง รถเมล์ รถกระป้อ รถแท็กซี่ ได้สบาย อยู่ติดถนนใหญ่ เรียกรถง่ายแทนค่ะ ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ แม้ว่าในระยะเดินรอบๆ โครงการจะไม่ได้มีร้านค้า ร้านอาหารคึกคักมากเท่าไหร่ แต่โครงการก็อยู่โซนจรัญฯช่วงกลางซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์สูง แค่นั่งรถออกไปไม่ไกลก็มีทั้งตลาด, Hypermarket และร้านอาหารต่างๆ ออกไปหาอะไรทานได้ไม่ยากค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว : ด้วยทำเลติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ทำให้เดินทางเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง มีเส้นทางลัดเยอะ มีตัวช่วยในการเดินทางอย่าง ถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4, ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก แต่สัดส่วนที่จอดรถจะไม่เยอะนัก 37% ไม่รวมจอดซ้อนคันค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ : มีรถสาธารณะผ่านไปมาให้เลือกใช้หลากหลาย โดยเฉพาะจะมีป้ายรถเมล์ที่หน้าโครงการ มีรถกระป้อวิ่งผ่านบนถนนเส้นนี้อยู่ตลอด หรือจะเรียกแท็กซี่ก็ง่าย เพราะโครงการอยู่ติดถนใหญ่ อีกทั้งโครงการยังอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สถานี ได้แก่ สถานีจรัญฯ 13 และ สถานีไฟฉาย ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองสีลม – สาทร หรือไปทางจตุจักรได้
วัสดุ : จากเดิมเมื่อตอนเปิดตัวโครงการนั้นขายแบบ Fully Fitted แต่ปัจจุบันมีการเพิ่มเติมเฟอร์นิเจอร์ให้เป็น Fully Furnished ในห้องหลายๆ Type เลย ซึ่งราคาไม่ถึง 2 ล้านแล้วได้เฟอร์ฯ แบบครบเซตเหมือนในห้องตัวอย่างถือว่าคุ้มค่าเลยนะ โดยโครงการจะมีให้เลือก 3 แบบ 3 สไตล์ หรือใครที่ชอบแต่งห้องเองก็สามารถเลือกซื้อแบบ Fully Fitted ได้ ก็จะมีชุดครัว, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้เป็นมาตรฐาน สเปคของวัสดุเหมาะสมกับระดับราคาค่ะ
การออกแบบโครงการ : แม้ว่าที่นี่จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่ก็กระจายลูกบ้านไว้ 3 อาคาร พร้อม Facility ส่วนกลางที่มีให้ทุกอาคารเลยเช่นกัน แต่ละอาคารก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป Tower A จะใกล้ทางเข้าออก ร้านค้า สระว่ายน้ำและสวนหย่อมส่วนกลางที่สุด มีความเป็นส่วนตัวสูงสุด แต่ก็มีราคาสูงกว่าอาคารอื่นๆ เช่นกัน Tower B อยู่ถัดเข้ามาด้านในลึกกว่าอาคาร A หน่อย แต่ก็ใกล้สวนส่วนกลาง มีที่จอดรถอยู่ในอาคาร และ Sky Facility ชั้นบนก็ได้วิวดีเลยทีเดียว Tower C อาคารนี้แยกมาอยู่อีกฝั่ง แม้จะอยุ่ด้านในสุด แต่ก็รวม Facility ส่วนกลางทั้งชั้นล่างและชั้นบนสุดไว้เช่นกัน และได้วิวดีมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเลยค่ะ
การออกแบบห้องพัก : ห้องพักส่วนใหญ่ของที่นี่ออกแบบมาเป็นห้องไซส์เล็ก รูปแบบ Studio และ 1 Bedroom ขนาด 25 -37.5 ตร.ม. ทำให้ราคาเริ่มต้นของโครงการไม่สูงนักอย่างห้อง Studio เริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท ส่วน 1 Bedroom ก็มีราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาทเช่นกัน ราคานี้ได้เฟอร์ฯ ครบแบบ Fully Furnished เลยนะคะ
สาธารณูปโภค : ถึงแม้ว่าเป็นคอนโดที่มีราคาหยิบจับง่ายแต่ก็มี Facility มาให้ครบครันสูสีกับเพื่อนๆ แต่ทว่าในขณะที่คอนโดอื่นวางสระว่ายน้ำและส่วนกลางอื่นๆ ไว้ชั้นบนสุด แต่สำหรับลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย จะวางสระว่ายน้ำไว้ที่ชั้นล่าง และนำพวก Sky Fitness, Sky Lounge และ Sky Garden ไปไว้ที่ชั้นบนสุดแทน เพื่อให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ส่วนกลางที่ชมวิวแม่น้ำได้
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 75,000 – 80,000 บาท/ตร.ม., 5 พฤศจิกายน 2567
- ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก มีเส้นทางลัดเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ใกล้รถไฟฟ้า 2 สถานี สถานีจรัญฯ 13 สถานีไฟฉาย และมีตัวเลือกรถสาธารณะอื่นๆอีกทั้ง รถเมล์ รถกระป้อ รถแท็กซี่ และเรือ
- วัสดุ 8 /10 – ห้องที่ขายแบบ Fully Furnished ถือว่าคุ้มราคาดี และมีห้องแบบ Fully Fitted ขายด้วย
- แบบ 7.5/10 – ออกแบบโครงการและห้องพักค่อนข้างลงตัว เป็นสัดส่วนดี
- สาธารณูปโภค 7.75 /10 – ตามมาตรฐาน มี Sky Facilities
- ECONOMY CLASS
- 7.88 / 10.00
ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) เหมาะกับใคร?
โครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย (Lumpini Ville Charan – Fai Chai) เหมาะสำหรับคนที่มีงบซื้อคอนโดในราคา 1 ล้านปลายๆ – 2 ล้านต้นๆ อยากได้คอนโดติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ใกล้โซนวังหลัง ท่าพระ วงเวียนใหญ่ เดินทางด้วยรถเมล์ รถแท็กซี่ รถกระป้อ เป็นหลัก แต่ก็ยังมีตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้า ชอบโครงการที่มี Sky Facility ให้ใช้งาน ชมวิวเมืองได้ แต่ไม่ได้ซีเรียสว่าสระว่ายน้ำจะต้องอยู่ชั้นบนสุด
ตัวห้องรองรับทั้งคนที่มองหาห้องที่ตกแต่งครบ ไม่ต้องตกแต่งเพิ่มในงบ 2 ล้าน หรือ คนที่อยากแต่งห้องเอง มีงบประมาณในการซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมก่อนเข้าอยู่อาศัยก็มีห้องเปล่าให้เลือก เหมาะกับคนที่มีงบประมาณในการผ่อนประมาณ 14,000 บาท/เดือนขึ้นไป