
ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย เป็นคอนโดเปิดใหม่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ใกล้ศิริราช ตลาดวังหลัง ท่าพระ และวงเวียนใหญ่ ในราคาล้านกลางๆ – 2 ล้านบาท เราสรุปความน่าสนใจของโครงการออกมาได้ดังนี้ค่ะ
- ราคา : หากใครมีงบประมาณล้านกว่าๆ ไม่ถึง 2 ล้าน โครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย จะกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้นมาทันที เพราะคอนโดใหม่ๆ ในละแวกนี้ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 2 ล้านขึ้นไปค่ะ
- เดินทางสะดวก : ด้วยทำเลติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ทำให้เดินทางเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง มีเส้นทางลัดเยอะ มีรถสาธารณะผ่านไปมาให้เลือกใช้หลากหลาย โดยเฉพาะจะมีป้ายรถเมล์ที่หน้าโครงการ มีรถกระป้อวิ่งผ่านบนถนนเส้นนี้อยู่ตลอด ใกล้รถไฟฟ้า 2 สถานี สถานีจรัญฯ 13 และ สถานีไฟฉาย ทำให้เข้าสู่ตัวเมือง สีลม – สาทร ได้ง่ายๆ
- ใกล้แหล่งงานต่างๆ : ที่ตั้งโครงการใกล้โซนศิริราช ตลาดวังหลัง ท่าพระ อิสรภาพ ซึ่งมีแหล่งงาน สถานศึกษาค่อนข้างเยอะค่ะ
- ส่วนกลางลอยฟ้า : โครงการมี Sky Facilities สามารถชมวิวสวยๆ บนตึกสูงได้ค่ะ
ข้อมูลโครงการ
Lumpini Ville Charan – Fai Chai (ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย) ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566
ชื่อโครงการ | Lumpini Ville Charan – Fai Chai (ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอยจรัญสนิทวงศ์ 22 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบ้านช่างหล่อ บางกอกน้อย กทม. |
ที่ดิน | ประมาณ 7 ไร่ 1 งาน 49.65 ตร.วา |
ประเภทคอนโด | High Rise ทาวเวอร์ A 21 ชั้น, ทาวเวอร์ B 22 ชั้น, ทาวเวอร์ C 23 ชั้น |
จำนวนยูนิต | 1,482 ยูนิต และ N/A ร้านค้า |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 39 ยูนิต ที่ Tower B |
ที่จอดรถ | 546 คัน หรือคิดเป็น 37% (ไม่รวมซ้อนคัน) |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2022 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ไตรมาส 4 ปี 2024 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | Tower A : ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร Tower B : ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร Tower C : ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 1.73 ล้านบาท (Studio) |
ราคาเฉลี่ย | เริ่มต้นประมาณ 69,000 บาท / ตร.ม. |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | https://bit.ly/3WuOwEN |
Call Center | 02-689-6888 |
ทำเลที่ตั้ง
ทำเลโครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย เป็นอย่างไร?
พิกัด Google Maps : 13.747051048422676, 100.47030887116377
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ใกล้กับซอยการไฟฟ้านครหลวง ธนบุรี และห่างแยกไฟฉายประมาณ 900 m. ซึ่งแยกไฟฉายนี้จะเป็นแยกที่ตัดกันระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนพรานนกและถนนพรานนก-กาญจนาฯเส้นที่ตัดใหม่ ทำให้มีความสะดวกในการเดินทาง ทั้งจากถนนจรัญฯเองตรงไปเชื่อมต่อกับถนนเพชรเกษมหรือเข้าเมืองย่านสีลม – สาทร / จากถนนจรัญฯมุ่งหน้าทางเหนือข้ามสะพานพระราม7 เชื่อมต่อกับถนนวงศ์สว่าง เพื่อไปย่านรัชดาฯ-ลาดพร้าว ถนนพรานนกก็เชื่อมต่อไปยังแถววังหลัง ศิริราชได้ง่าย ส่วนถนนพรานนก-กาญจนาฯจะมีความสะดวกในการใช้เชื่อมไปออกถนนราชพฤกษ์ค่ะ
ถ้าย้อนกลับไปแต่เดิมถนนจรัญสนิทวงศ์เป็นถนนเส้นยาวมากไม่มีแยกและทางลัดมากนัก อีกทั้งยังไม่ใกล้ทางด่วน แต่ปัจจุบันมี 3 ตัวช่วยหลักใกล้ๆกับโครงการ ที่ทำให้การเดินทางของย่านนี้เปลี่ยนไป ได้แก่
1.ถนนพรานนก – กาญจนาฯ ถนนตัดใหม่ที่อยู่ตรงแยกไฟฉาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ระบายการจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ จุดเริ่มต้นจะเริ่มจากบริเวณแยกไฟฉาย บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงมาเรื่อยๆตัดผ่านถนนราชพฤกษ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ไปบรรจบกับถนนกาญจนาภิเษก เป็นระยะทางประมาณ 7 กม. ปัจจุบันถนนเส้นนี้สร้างเสร็จแล้ว และเป็นหนึ่งในตัวช่วยเรื่องการเดินทางที่สำคัญของคนในย่านนี้ค่ะ เราสามารถใช้เส้นทางหรือออกไปหาอะไรทานในย่านราชพฤกษ์ได้ง่ายมากๆ
2.ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก เข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เริ่มตั้งแต่ถนนกาญจนาภิเษกเชื่อมกับถนนราชพฤกษ์ จรัญสนิทวงศ์ จนมาเชื่อมกับทางพิเศษศรีรัชและถนนกำแพงเพชร 2 เข้าสู่ด่านศรีรัช
3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เมื่อก่อนการจะขึ้นรถไฟฟ้าของชาวจรัญฯจะต้องนั่งรถไปต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวบวกกับการจราจรที่ติดขัดในย่านนี้ ทำให้เกิดความไม่สะดวก แต่หลังจากมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นมาก เพราะเส้นทางการเดินรถจะวิ่งวนครอบคลุมพื้นที่ใจกลางเมืองที่สำคัญๆ เชื่อมฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน และไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆอีกหลายสาย
รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงใกล้โครงการ
ถ้าดูจากแบรนด์คอนโด “ลุมพินี วิลล์” แล้ว ส่วนใหญ่เค้าจะเลือกตำแหน่งที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน แต่จะไม่ได้อยู่ในระยะที่เดินได้สบายนักนะคะ อย่างโครงการนี้ก็มีระยะห่างจากสถานีจรัญฯ 13 ประมาณ 700 เมตร และอยู่ห่างจากสถานีไฟฉายประมาณ 900 เมตร
พูดถึงรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินนั้นปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว โดยจะเชื่อมต่อกับ MRT ปัจจุบันที่ใช้งานกัน คือสามารถจะเดินทางไปยัง จตุจักร รัชดาฯ สุขุมวิท ได้ในต่อเดียวค่ะ แต่ถ้าเราไปยังสถานีท่าพระ ก็จะเป็นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเช่นกัน แต่จะต้อง Interchange ตัวขบวนนะคะ อันนี้ก็แล้วแต่เราเลือกเอา เช่นเราอยากไปหัวลำโพง เดินทางแบบไม่เปลี่ยนขบวนก็จะอ้อมไปหน่อยใช้เวลานานกว่าการที่เราไปเปลี่ยนขบวนที่สถานีท่าพระค่ะ
จากทั้ง 3 ตัวช่วยใหม่ที่เพิ่มเข้ามานี้ ทำให้การจราจรในย่านจรัญฯเปลี่ยนไป กลายเป็นโซนที่อยู่อาศัยใกล้เมืองที่เดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองได้สะดวกมากๆ และยังมีราคาของอสังหาฯที่ไม่แรงเท่าทำเลที่เกาะอยู่กับรถไฟฟ้าสายหลักอีกด้วยค่ะ
ตัวช่วยในการเดินทางสาธารณะอื่นๆ
ขอบคุณรูปภาพจาก www.chaophrayaexpressboat.com
นอกจากตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้าแล้ว ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของพื้นที่ในทำเลนี้คืออยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มเข้ามาด้วย แน่นอนว่าข้อดีของการเดินทางทางน้ำอย่างหนึ่งคือ เราสามารถควบคุมเวลาในการเดินทางได้ ซึ่งท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ท่าวังหลัง ห่างจากโครงการประมาณ 3 กม. สามารถข้ามเรือไปหาร้านอาหารเด็ดๆ เจ้าดังๆ ทานที่ท่าพระอาทิตย์ หรือไปเรียนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ก็สะดวกรวดเร็ว เส้นทางเดินเรือยังสามารถนั่งไปได้ไกลถึงสาทร หรือขึ้นเหนือไปถึงนนทบุรีเลย
นอกจากนั้นทำเลนี้ถือว่าเรียกรถสาธารณะได้ง่ายมากๆ สามารถเรียกรถเมล์ รถกระป้อ รถแท็กซี่ ขึ้นได้ตั้งแต่หน้าโครงการ โดยกระป้อ นอกจากราคาไม่แพงแล้ว ยังสามารถเลือกได้หลายเส้นทางทั้งไปตลาดวังหลัง ถนนอิสรภาพ ปิ่นเกล้า พาณิชย์ธนฯ เป็นต้น
ความอุดมสมบูรณ์
ความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการในระยะเดินนั้นจะมี 7-11 ใกล้ๆ ในระยะ 120 เมตร แต่ถ้าขยับออกมาในระยะประมาณ 1-3 กิโลเมตร แล้วล่ะก็เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์มาก เพราะบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์และถนนพรานนกนี้ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งชุมชน ที่อยู่อาศัย และมีโรงพยาบาลชื่อดังค่อนข้างมากเลย ทั้งโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลธนบุรี เป็นต้น เมื่อมีคนที่ใช้ชีวิตและทำงานเเถวนี้มาก แน่นอนว่าแหล่งของกินก็ย่อมมากตามมาค่ะ ตัวเลือกก็มีตั้งแต่ห้าง ร้านค้า ตลาด หรือ Hypermarket ที่เปิดใหม่ ก็มีค่อนข้างหลากหลายเลย โซนความอุดมสมบูรณ์ที่น่าสนใจในย่านนี้ก็จะมี
โซนใกล้โรงพยาบาลศิริราช – จะมีตลาดมากมายทั้งตลาดสถานีรถไฟ(ศาลาน้ำร้อน) ตลาดพรานนก ตลาดวังหลังอยู่ถือว่าเป็นอีกโซนที่ขึ้นชื่อเรื่อง ของกิน ของใช้ ตรงนี้จะมีท่าเรือ สามารถนั่งเรือข้ามฟากไปยัง ท่าเตียน หรือท่าพระอาทิตย์ได้ ซึ่งฝั่งนั้น แน่นอนว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวรอบพระบรมมหาราชวังอยู่ ทั้งของกินเลื่องชื่อ ความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยว มีความครึกครื้นทั้งกลางวันและกลางคืนเลยค่ะ
นอกจากรพ.ศิริราช ตลาดวังหลังแล้วยังมีซอยวัดโพธิ์เรียงหรือซอยจรัญสนิทวงศ์ 18 ที่สามารถลัดไปออกถนนอิสรภาพ ซึ่งบริเวณรพ.ธนบุรี จะเป็นอีกแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง มีร้านอาหารอร่อยเยอะ และมีร้านอาหารสวัสดิการ กองทัพเรือ, Tops Market และร้านนม ขนมปังปิ้งชื่อดัง ร้านมนต์นมสด สาขาอิสรภาพอีกด้วย
โซนถนนจรัญสนิทวงศ์ – บริเวณฝั่งทางไปบางขุนนนท์ บริเวณนี้จะมีทั้ง ตลาดบางขุนศรี, Makro จรัญฯ, Foodland , ตลาดบางขุนนนท์ และตลาดน้ำเย็น // ส่วนฝั่งไปทางท่าพระ ทางนี้จะเป็นทางไปยังเพชรเกษม และราชพฤกษ์ได้ หรือตามข้างทางก็จะมีพวกปั๊มน้ำมันที่มีร้านอาหาร KFC ภายในปั๊ม และมี HomePro ที่มีทั้งร้านกาแฟนางเงือกเขียวชื่อดัง และร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ข้างในค่ะ แต่ถ้าใครอยากเที่ยวเล่นไกลหน่อย จะเลยไปยังโซนตลาดพลูหรือท่าพระเลยก็ได้นะคะ
โซนปิ่นเกล้า – ถือว่าเป็นอีกโซนที่สามารถเดินทางไปได้ง่ายจากโครงการ ตรงนี้ก็จะเหมาะกับคนที่ต้องการสิ่ง Entertain อย่าง Shopping ดูหนังวันสุดสัปดาห์ ก็จะมีห้างใหญ่น้อย และ Community Mall ให้เลือกไปค่ะ
โซนถนนราชพฤกษ์ – เราสามารถใช้ถนนพรานนก – กาญจนาฯเชื่อมไปยังถนนราชพฤกษ์ได้ง่าย ซึ่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนราชพฤกษ์ที่เราสามารถไป Shopping และหาอะไรทานได้ง่ายๆ คือ The Circle , ตลาด Food Villa และยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ชื่อดังแถวๆนั้นอีกหลายร้านค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้
ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนพักอาศัยเดิมในย่านนี้ และมีกลุ่มอาคารพาณิชย์ที่เกาะอยู่ตามถนนหลัก ซึ่งบริบทส่วนใหญ่ไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อการอยู่อาศัยในคอนโดนะคะ ส่วนเรื่องวิวในปัจจุบันยังไม่ได้มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิดนะคะ
สำนักงานขายของโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ช่วงซอยจรัญสนิทวงศ์ 20/1
ภาพรวมของแปลงที่ดินโครงการอยู่ติดถนนจรัญฯ จากเดิมที่เป็นอาคารพาณิชย์ ตอนนี้ก็เคลียร์ที่ดินและกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอาคาร
บรรยากาศรอบๆโครงการค่ะ
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย ถ้าใครสนใจสามารถเข้าไปชมได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- 7-11 ~ 120 m.
- Home Pro จรัญสนิทวงศ์ ~ 350 m.
- Tesco Lotus จรัญสนิทวงศ์ ~ 1.6 km. (รวมระยะกลับรถ)
- ตลาดบางขุนศรี ~ 1.6 km. (รวมระยะกลับรถ)
- Makro จรัญฯ ~ 1.8 km.
- ตลาดวังหลัง ~ 3.5 km.
- The Mall ท่าพระ ~ 3.9 km.
- Central Plaza ปิ่นเกล้า ~ 4.4 km.
- The Circle ราชพฤกษ์ ~ 6.5 km.
- Major ปิ่นเกล้า ~ 7.6 km.
โรงพยาบาล
- รพ. ธนบุรี ~ 2.4 km.
- รพ. ศิริราช ~ 3.5 km.
โรงเรียน
- วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ~ 1 km.
- วิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี ~ 1.1 km.
- วิทยาลัยพณิชยการธนบุรี ~ 2.1 km.
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราช มหาวิทยาลัยมหิดล ~ 2.9 km.
- โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ ธนบุรี ~ 5.6 km.
- ม. ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ~ 7.4 km.
- ม.ศิลปากร ~ 7.2 km.
อื่นๆ
- การไฟฟ้านครหลวง เขตธนบุรี ~ 160 m.
- ปั๊ม ESSO ~ 650 m.
- กรมอู่ทหารเรือธนบุรี ~ 3 km.
รายละเอียดโครงการ
คอนโด “ลุมพินี วิลล์” เป็นแบรนด์คอนโดระดับ Economy ของบริษัทลุมพินี ที่ทำออกมาเอาใจคนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน และมีฐานเงินเดือนไม่สูงมาก มองหาคอนโดราคาหยิบจับง่าย จึงเป็นคอนโดหลังแรกที่กลุ่มวัยทำงานนิยมซื้อ รวมถึงกลุ่มนักลงทุนก็มักจับจองมาปล่อยเช่าด้วยเช่นกัน
โดยราคาเริ่มต้นของโครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย อยู่ที่ 1.73 ล้านบาท ซึ่งเป็นห้อง Studio ส่วนห้อง 1 Bedroom ในงบไม่ถึง 2 ล้านบาทก็มีให้เลือก หรือถ้าคิดราคาเฉลี่ยจะเริ่มต้นประมาณ 69,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ก็จะมาพร้อมจำนวนยูนิตที่มากหน่อยตามสไตล์ลุมพินีนะคะ
อีกประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือจุดเด่นของบริษัท ลุมพินี นั่นก็คือ เรื่องนิติบุคคล และการจัดการที่ค่อนข้างเข้มงวดในกฎระเบียบและบทลงโทษ ถือว่าเป็นของดีที่ลูกบ้านลุมพินีจะได้รับ ซึ่งหลายๆ คนที่กำลังเลือกโครงการอยู่ ก็อาจจะเอาประเด็นนี้มาใช้พิจารณาส่วนหนึ่งด้วยค่ะ
โครงการลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย เป็นกลุ่มคอนโด High Rise 3 อาคาร ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์บนที่ดินขนาด 7 ไร่กว่า อาคาร A จะอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนอาคาร B และ C อยู่ถัดไปด้านใน
Master Plan – ผังที่ดินของโครงการเป็นรูปตัว T ไม่ใช่เป็นแปลงที่ดินยาวแบบเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มักเห็นกันบ่อยๆจากโครงการลักษณะนี้ ทำให้แต่ละอาคารจึงสามารถเดินออกมาที่ซุ้มประตูโครงการได้ไม่ไกลเลยค่ะ โดยโครงการจัดวางอาคาร A และ B ไว้ทางขวา ส่วนอาคาร C จะแยกตัวออกมาอยู่ทางซ้าย ทำให้มีระยะห่างระหว่างอาคารพอสมควร
พื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะอยู่ที่ชั้นล่างและชั้นดาดฟ้า โดนจะมีสวนหย่อมแทรกอยู่ในชั้นพักอาศัยบ้าง ชั้น 1 นี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้น แต่ละอาคารจะมี Lobby และโถงลิฟต์ในตัว และ Facility ในชั้นนี้ก็จะมีสระว่ายน้ำ, ห้อง Co-Living, ห้อง House Work (ห้องซักรีด) และร้านค้า สำหรับที่จอดรถสามารถจอดได้ 546 คัน หรือคิดเป็น 37% แบบไม่รวมซ้อนคันโดยจะจอดได้ทั้งรอบๆอาคารและบนอาคาร
อย่างที่บอกไปว่าพื้นที่ส่วนกลางหลักๆจะอยู่ที่ชั้นล่างและชั้นดาดฟ้านะคะ ส่วนใครกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกอาคารไหนดี แต่ละอาคารก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไปนะคะ เราสรุปให้ตามนี้
- Tower A – เป็นอาคารที่ใกล้ทางเข้าออก ร้านค้า และใกล้สระว่ายน้ำและสวนหย่อมส่วนกลางที่สุด เป็นอาคารที่มีความเป็นส่วนตัวสูง มียูนิตน้อยกว่าเพียง 17 ยูนิตต่อชั้น ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตรซึ่งสูงกว่าอาคารอื่นๆ เน้นห้องพักเน้นห้องใหญ่ 1 Bedroom 29 , 32 ตารางเมตร และมีรายการของแถมที่มากกว่าอาคารอื่น
- Tower B – อยู่ถัดมาจากอาคาร A จุดเด่นคือเป็นอาคารที่ใกล้ส่วนกลางและมีพื้นที่สีเขียวให้ใช้เยอะ มีทั้งสวนหย่อมชั้นล่าง ลานพักผ่อนที่ชั้น 9 มีสวนผักรวมใจ ที่ชั้น 17 และสวนดาดฟ้า ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร เน้นห้อง Studio 25 ตารางเมตร และ 1 Bedroom มียูนิตต่อชั้น 39 ยูนิตถือว่าเยอะที่สุด
- Tower C – อาคารนี้จะแยกออกมาอยู่อีกฝั่ง เน้นห้อง Studio 25 ตารางเมตร ยูนิตต่อชั้น 31 ยูนิต ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตรเช่นเดียวกับอาคาร B ห้องชั้นสูงๆจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ
พื้นที่ส่วนกลางนอกอาคาร
ดูภาพรวมส่วนกลางบริเวณด้านหน้าโครงการ อาคาร A จะมีร้านค้าอยู่ด้านหน้า ระหว่างอาคาร A และ B จะเป็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อม แต่ละอาคารจะมี Lobby ของใครของมัน ส่วนห้อง Co-Living จะมีอยู่ 2 จุด
ส่วนด้านหลังโครงการจะมีสวนหย่อมและสนามเด็กเล่นอยู่อีกจุดหนึ่ง
โครงการรักษาความปลอดภัยในการเข้าออกด้วย Keycard Access ตั้งแต่หน้าโครงการ จะใช้การสแกนบัตรระยะใกล้ รวมถึงใช้ Keycard เวลาขึ้นชั้นพักอาศัยและตั้งไว้เป็นระบบแบบล็อกชั้น ลูกบ้านแต่ละห้องจะขึ้นได้เฉพาะชั้นที่พักอาศัยและชั้นที่มี Facility ส่วนกลางค่ะ
รอบๆอาคารมีการจัดสวนหย่อมด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ บรรยากาศร่มรื่น
ถัดเข้ามาในโครงการ เราจะเจอกับสระว่ายน้ำที่อาคาร A ซึ่งลูกบ้านจะใช้แชร์กันทั้งหมด 3 อาคาร
สระว่ายน้ำของโครงการนี้อยู่ที่ชั้น 1 ซึ่งจากตำแหน่งของสระจะได้ร่มเงาจากอาคาร ช่วยบังแดดให้ จึงสามารถมาว่ายน้ำได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ เลยค่ะ
ส่วนด้านหลังโครงการจะมีสนามเด็กเล่นอยู่เชื่อมต่อกับสวนหย่อม ให้พ่อแม่พาลูกๆมาวิ่งเล่นสนุกกันได้
พื้นที่ส่วนกลางภายในอาคาร
Lobby ออกแบบให้มีความโปร่ง โล่งด้วยประตูบานกระจกที่สามารถเปิดรับลม และชมวิวสวนหย่อมจากภายนอกได้
ห้อง Co-Living ที่เราสามารถมานั่งพักผ่อนหรือนั่งทำงานได้
Tower B จะเป็นอาคารที่มีพื้นที่สีเขียวแทรกอยู่ในชั้นพักอาศัยชั้น 9, 17 และ 23
ภาพจำลองบรรยากาศลานพักผ่อนและสวนหย่อมชั้น 9
ภาพจำลองบรรยากาศลานพักผ่อนและสวนหย่อมชั้น 17
ส่วน Tower C ก็จะมีสวนหย่อมแทรกอยู่ที่ชั้น 5 ค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศภายในสวนบนชั้น 5 ของ Tower C เป็นสวนลอยฟ้าที่มีไม้ยืนต้น,ไม้พุ่ม และยังได้วิวเมืองมุมสูงขึ้นด้วย
ส่วนชั้นบนสุด โครงการจัดเป็น Facilities ทั้งชั้นทำให้ลูกบ้านไม่ว่าจะอยู่ชั้นไหน ก็มีพื้นที่ให้ขึ้นมาชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและวิวเมืองมุมสูงค่ะ โดยส่วนกลางในชั้นนี้จะประกอบด้วย Fitness, Sky Lounge และสวนดาดฟ้า
Sky Lounge ใช้ร่วมกันระหว่าง Tower A และ B เป็นพื้นที่สำหรับทำงานและพักผ่อน ตั้งอยู่บนชั้นสูงสุดจึงสามารถชมวิวได้ทั้ง City View และ River View ค่ะ
ถัดมาที่ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Sky Lounge ที่ Tower C บรรยากาศจะอบอุ่นขึ้นมาหน่อย เน้นโทนสีสดใส ทางโครงการจัดชุดโซฟานั่งเล่นไว้หลายมุมทีเดียว
Sky Fitness ที่ออกแบบเป็นผนังกระจกให้รับวิวได้โล่งๆ มาพร้อมกับอุปกรณ์ครบครัน
Sky Garden สวนพักผ่อนลอยฟ้าบน Tower A และ B โดยจะมีจัดมุมเอาไว้สำหรับให้เราได้ขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน ชมวิวมุมสูง อีกทั้งยังมีการปลูกสวนผักทานได้บริเวณนี้ด้วยค่ะ
ที่ Tower C ก็มี Facilities ที่ชั้นดาดฟ้าเช่นเดียวกันโดยจะมีสวนหย่อมให้ออกมาเดินเล่น Sky Lounge และฟิตเนสค่ะ
สำหรับห้องพักในชั้นสูงๆ หรือ Sky Facilities ก็จะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานพระราม8 และวัดอรุณด้วยค่ะ
วิเคราะห์ชั้นพักอาศัย
TOWER A
เป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุด วางผังเป็นรูปตัว L มีความสูง 21 ชั้น โดยชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2-20 (ชั้น 21 เป็น Sky Facilities) มีจำนวนห้องพักรวมทั้งหมด 322 ยูนิต ถือเป็นอาคารที่มียูนิตน้อยและมีความเป็นส่วนตัวที่สุด ห้องพักจะเน้นที่ห้องขนาดใหญ่
ใน Tower A นี้ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 การจัดห้องพักส่วนใหญ่ของอาคารนี้จะเน้นไปที่ห้อง 1-2 Bedroom ที่มีขนาดห้องใหญ่หน่อยนะคะ โดยห้อง Studio จะมีแค่เฉพาะชั้น 2-8 ตำแหน่งอยู่ด้านหน้าอาคาร หันออกรับวิวด้านนอกฝั่งถนนจรัญสนิทวงศ์ ส่วนห้อง 1 Bedroom (สีชมพู) จะเป็นวิวด้านในอาคารและทางฝั่งทิศใต้ ส่วนห้อง 2 Bedroom จะอยู่ตรงมุมอาคารทางทิศเหนือ (วงกรอบสีแดง) ซึ่งจะเป็นตำแหน่งห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวพอสมควรเลย เพราะเป็นห้องมุมที่ประตูห้องไม่ชนกับใคร และผนังติดกับห้องข้างๆแต่ฝั่งเดียวด้วย
โถงลิฟต์วางอยู่ตรงกลางอาคารทำให้แต่ละห้องแต่ละตำแหน่งเดินมาใช้งานได้สะดวก พวกห้อง Service ห้องขยะต่างๆถูกจัดรวมกันตรงโถงลิฟต์ทั้งหมด ทำให้ไม่ไปรบกวนส่วนพักอาศัย ตรงมุมของอาคารทุกฝั่งมีการดีไซน์เป็นหน้าต่าง โถงทางเดินในอาคารจึงได้รับแสงธรรมชาติได้ดี
TowerA-9-19
พอขึ้นมาที่ชั้น 9-20 จะมีแต่ห้อง 1-2 Bedroom ค่ะ
TOWER B
อาคารถัดมาคือ Tower B มีอาคารที่มีห้องพักอาศัยเยอะที่สุดรวมทั้งหมด 634 ยูนิต มีความสูง 23 ชั้น ชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 3-22 (ชั้น 23 เป็น Sky Facilities) จุดเด่นคือเป็นอาคารที่ใกล้ส่วนกลางและมีพื้นที่สีเขียวให้ใช้เยอะ มีทั้งสวนหย่อมชั้นล่าง ลานพักผ่อนที่ชั้น 9 มีสวนผักรวมใจ ที่ชั้น 17 และสวนดาดฟ้า เน้นห้อง Studio และ 1 Bedroom
ห้องพักอาศัยใน Tower B จะเริ่มที่ชั้น 3 โดยชั้นเหล่านี้จะมีที่จอดรถปนอยู่ด้วย ทำให้มีจำนวนห้องน้อยกว่าชั้นอื่นๆในอาคาร โดยชั้น 3-8 จะมี 19 ห้องต่อชั้น ส่วนใหญ่จะเป็นห้อง Studio 25 ตารางเมตร (สีส้ม) และ Studio 30 ตารางเมตร (วงกรอบสีแดง) โดยจะมีห้อง 1 Bedroom 29 ตารางเมตร (สีชมพู) ตั้งอยู่หันรับวิวพื้นที่ส่วนกลางด้านในโครงการ
ชั้น 9 จะมีห้องพักอาศัยอยู่เพิ่มเข้ามา แปลนจะมีลักษณะเป็น T มีลิฟต์อยู่ตรงกลาง แบ่งโซนห้องพักอาศัยออกเป็น 3 ปีก แต่ละปีกจะสามารถเดินมาใช้ลิฟต์ได้สะดวกพอๆกัน โดยจะปีกทางทิศเหนือ (วงกรอบสีน้ำเงิน) ที่จะมีจำนวนห้องพักค่อนข้างน้อยเพียง 9 ยูนิต ทำให้โซนนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวและมองวิวพื้นที่ส่วนกลางได้อีกด้วย และจะมีบางห้องของชั้นนี้ที่จะสามารถเห็นวิวสวนหย่อมได้อีกด้วย (วงกรอบสีชมพู)
ชั้น 17 การวางผังคล้ายๆกัน แต่จะมีสวนผักรวมใจอยู่ที่ทางปีกฝั่งทิศตะวันออก
TowerA-10
ส่วนชั้น 18-22 เป็นห้องพักอาศัยล้วนๆเลย มียูนิตต่อชั้น 39 ยูนิต
TOWER C
Tower C มีความสูง 22 ชั้น ห้องพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 5 มีจำนวน 526 ยูนิต เป็น Tower ที่อยู่แยกออกมา ห้องพักอาศัยจะเน้น Studio และ 1 Bedroom
แปลนชั้น 5 – เริ่มชั้นพักอาศัยของTower C ซึ่งในชั้นนี้จะมีสวนหย่อมให้มาเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้ ก็ต้องยอมรับว่าห้องที่อยู่ติดกับสวนก็จะมี Value พิเศษเพิ่มขึ้นมาเช่นเดียวกัน ตำแหน่งห้องพักที่เรามองว่าน่าสนใจในชั้นนี้ (วงกรอบสีแดง) คือห้องที่ได้วิวสวนนี่แหละค่ะ เป็นฝั่งห้องทิศใต้ที่ไม่ติดลิฟต์
แปลนชั้น 6-21 (Typical Floor Plan) – เป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น ในแต่ละชั้นมีจำนวน 31 ห้อง ซึ่งแบบห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Studio 25 ตร.ม. (สีส้มอ่อน) และแบบ 1 Bedroom 29 ตร.ม. (สีชมพู) ซึ่งตำแหน่งที่เราคิดว่าน่าสนใจคือห้องทิศตะวันออก (วงกรอบสีแดง) เพราะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะชั้นสูงๆ จะยิ่งเห็นวิวโล่งขึ้น และตำแหน่งที่ติดกับบันไดหนีไฟยังช่วยให้ห้องพักได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นฝั่งหนึ่งด้วยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
Tower A
- ชั้นล่าง : โถงทางเข้า, ห้องอเนกประสงค์, สระว่ายน้ำ, ลานพักผ่อน, ห้องน้ำชาย-หญิง-คนพิการ
- ชั้น 21 : จุดชมวิวและลานพักผ่อน
Tower B
- ชั้นล่าง : โถงทางเข้า, ห้องอเนกประสงค์, ห้องเฮ้าส์เวิร์ค ,ลานพักผ่อน, ห้องน้ำชาย-หญิง-คนพิการ
- ชั้น 9 : ลานพักผ่อน
- ชั้น 17 : สวนผักรวมใจ
- ชั้น 23 : ฟิตเนสโซน , จุดชมวิว และลานพักผ่อน
Tower C
- ชั้นล่าง : โถงทางเข้า, ห้องบริการจัดการพัสดุ, ห้องอเนกประสงค์, ห้องเฮ้าส์เวิร์ค,ลานพักผ่อน, สนามเด็กเล่น,ห้องน้ำชาย-หญิง-คนพิการ
- ชั้น 5 : ลานพักผ่อน
- ชั้น 22 : ฟิตเนสโซน ,จุดชมวิว และลานพักผ่อน
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- สนามเด็กเล่น
- ลิฟต์โดยสาร 6 ตัว/อาคาร (อาคารละ 2 ตัว)
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 247 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ Tower A 161 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ Tower B 317 : 1
- อัตราส่วนลิฟต์ Tower C 263 : 1
- Service Lift 3 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 546 คัน หรือคิดเป็น 37% (ไม่รวมซ้อนคัน)
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ
แบบห้อง
แบบห้องของโครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย ส่วนใหญ่เป็นห้องไซส์เล็ก เน้นไปที่แบบ Studio และ 1 Bedroom เป็นหลัก ขายแบบ Fully Fitted มีเฟอร์ฯมาให้เฉพาะเคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ต่างๆ ในห้องน้ำ จึงเหมาะกับคนที่มีงบประมาณเหลือให้แต่งห้องอีกสักหน่อย ส่วนตัวเราคิดว่าค่าตกแต่งเริ่มต้นประมาณ 1-2 แสนบาทก็อยู่ได้แล้ว
สำหรับห้องพักอาศัยในโครงการนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบดังนี้ค่ะ
- Studio 25 – 31 ตารางเมตร
- 1 Bedroom 28.5 – 37.5 ตารางเมตร
- 2 Bedroom 44 ตารางเมตร
สรุปรายการวัสดุในห้องพักอาศัย
- วัสดุปูพื้น : SPC
- Built-in ในครัว : ชุดเคาน์เตอร์ครัว
- สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ : HAFELE (หรือเทียบเท่า)
- วัสดุกรอบบานหน้าต่าง : กรอบบานอลูมิเนียม / UPVC
- กระจก : เขียวตัดแสง / ลามิเนต
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
สรุปรายการของแถมในห้องพักดังนี้
Tower A
- แอร์
- เครื่องทำน้ำอุ่น
- Digital Door Lock
- ตัวดูดควันกรองภายใน
- เตาแม่เหล็กแบบลอย
- IOT เทคโนโลยี Application Smart Home
Tower B , C
- แอร์
- เครื่องทำน้ำอุ่น
- Digital Door Lock
**รายการของแถมโปรดสอบถามโครงการอีกครั้ง อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา
พาชมห้องตัวอย่าง
ห้องตัวอย่างในสำนักงานขายจะมีทั้งหมด 4 ห้อง เราจะพาไปชมครบทุกแบบเลยนะคะ โดยจะมีห้องที่อยู่ใน Tower A ให้ดู 2 ห้องคือ 1 Bedroom 29 , 32 ตารางเมตร และห้องที่อยู่ใน Tower C อีก 2 ห้องคือ Studio 25 ตารางเมตร และ 1 Bedroom 29 ตารางเมตรค่ะ
ห้องแรกที่จะพาไปชมคือ 1 Bedroom ขนาด 29 ตารางเมตร ใน Tower A ลักษณะเป็นห้องตอนลึก วางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง เพื่อให้เตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดีและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยจะมีประตูบานเลื่อนกั้นห้องนอนไว้เพื่อความเป็นสัดส่วน และบริเวณปลายเตียงจะมีพื้นที่ให้ทำเป็นตู้เสื้อผ้าและมุมทำงานได้ด้วย
แปลนนี้จะวางครัวไว้หน้าห้องเป็นครัวเปิดเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นเรื่องการทำอาหารมากนัก พื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารถูกจัดฟังก์ชันให้อยู่ในโซนเดียวกัน แนะนำให้เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน นั่งพักผ่อนก็ได้ ปรับมาเป็นทานข้าวก็ได้ พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างจึงสามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายค่ะ
ประตูทางโครงการให้ Digital Door Lock ของ HAFELE แบบใช้งาน 3 ระบบ คีย์การ์ด รหัส กุญแจ
เข้ามาภายในห้องจะเจอกับโซนครัวและห้องน้ำเป็นลำดับแรก ตัวห้องของ Tower A จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.60 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่ง โล่ง พื้นปูด้วยไม้ลามิเนต SPC ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อความชื้นและน้ำ ดูแลรักษาง่ายจึงสามารถใช้งานบริเวณครัวได้
ชุดครัวจะให้เคาน์เตอร์มาค่อนข้างยาวแบบในห้องตัวอย่าง ตู้ด้านล่างและด้านบนเปิดออกมาเก็บของได้และยังเตรียมช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อย ทำให้ไม่ต้องไปกินพื้นที่ที่ระเบียง
เครื่องดูดควัน
Tower A จะได้เครื่องดูดควันของ HAFELE แบบระบบหมุนเวียนกรองภายในมาด้วย
Top ครัวเป็นไม้ลามิเนตเวลาใช้งานจึงต้องคอยเช็ดให้แห้งอยู่เสมอ ที่ผนังติด Backsplash เป็นแผ่นอลูมิเนียมมาให้ตามแบบในห้องตัวอย่าง ช่วยให้ทำความสะอาดง่าย
เครื่องดูดควัน
เตาไฟฟ้าและอ่างล้างจานทางโครงการให้ของ HAFELE ที่ Tower A จะได้เตาแม่เหล็กแบบลอยเพิ่มเติมมาด้วยค่ะ
ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่เอาไว้วางตู้เย็น ส่วนฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์จะเป็นห้องน้ำค่ะ การวางผังของห้องนี้จะเอาห้องครัวกับห้องน้ำมาไว้หน้าห้อง เพื่อให้พื้นที่พักผ่อนด้านในมีความเป็นส่วนตัวและได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างเต็มที่
ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้ง พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ดูสวยงาม ล้างทำความสะอาดง่าย
อ่างล้างหน้าเป็นแบบติดตั้งลอยตัวรูปทรงสี่เหลี่ยม มีพื้นที่ให้วางสบู่ล้างมือ แปรงสีฟันได้นิดหน่อย กระจกเงาส่องหน้าก็ติดตั้งมาให้แบบนี้เลย
สุขภัณฑ์ที่ได้เป็นของ American Standard ติดตั้งมาให้พร้อมกับสายชำระและที่แขวนกระดาษชำระ
พื้นที่อาบน้ำเค้าจะลดระดับพื้นจากส่วนแห้งลงไปเล็กน้อยเพื่อแยกพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.79 x 1.54 เมตร ใช้งานได้ตามมาตรฐาน พร้อมติดตั้งฝักบัวของ HAFELE ไว้ให้ค่ะ ฉากกั้นอาบน้ำอาคาร A จะให้มาด้วย ส่วนอาคาร B-C ไม่มีให้ เราสามารถติดตั้งเองได้ไม่ยากค่ะ
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นตำแหน่งของพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอน เนื่องจากหลบมุมอยู่ด้านในจึงทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยมากขึ้น ช่วยลดเสียงรบกวนจากทางเดิน และรับแสงธรรมชาติได้ดีจากช่องหน้าต่าง
พื้นที่นั่งเล่นของห้องนี้มีขนาดที่กว้างดีเลยนะคะ มีระยะดูทีวีที่ประมาณ 3.20 เมตร จึงเลือกติดทีวีขนาดใหญ่เต็มตาแบบ 60 นิ้วได้ และส่วนที่เราชอบคือเนื่องจากโซนนี้มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง จึงสามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่เกะกะทางเดิน
บริเวณชั้นวางทีวีก็มีพื้นที่เหลือพอให้ทำตู้เก็บของ ตู้โชว์ได้อีกนิดหน่อย
พื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารค่อนข้างกว้าง เราสามารถจัดฟังก์ชันให้ใช้งานได้ทั้งนั่งดูทีวีและทานอาหาร แนะนำว่าให้ใช้โต๊ะกลางตัวสูงหน่อย ให้สามารถนั่งทานข้าวได้ หรือจะเอาตู้เก็บของออกเปลี่ยนเป็นโต๊ะทานอาหารแบบ 1-2 ที่นั่งสักชุดนึงก็ได้ทั้งนั้นค่ะ
ประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน
ถัดมาที่ห้องนอนจะได้ความเป็นส่วนตัวขึ้นจากประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งเป็นบานใหญ่ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่ และมองเห็นวิวได้จากห้องนั่งเล่นเลย
ในส่วนของห้องนอนกว้างพอให้วางเตียง 5-6 ฟุตได้ ส่วนนี้จะอยู่ติดกับหน้าต่างมากที่สุด จึงนอนชมวิวได้จากบนเตียงเลยนะคะ
หากจัดพื้นที่ปลายเตียงจัดไว้สำหรับวางตู้เสื้อผ้า ก็ยังสามารถดูทีวีในห้องนั่งเล่นได้จากบนเตียงนอน แต่จะไกลนิดนึง
พื้นที่ฝั่งซ้ายของเตียง
ห้องนอนเมื่อวานเตียงแล้ว มีพื้นที่ข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้และยังสามารถเดินรอบๆเตียงได้สะดวก ส่วนปลายเตียงจะมีพื้นที่เยอะหน่อย ทำมุมทำงานและวางตู้เสื้อผ้าได้
ส่วนที่เรามองว่าเป็น Highlight ของห้องแปลนนี้คือมุมนั่งทำงานติดหน้าต่าง ซึ่งสามารถทำโต๊ะเข้ามุมตัว L ได้พื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ เหมาะกับยุค Work From Home ในปัจจุบันค่ะ
มุมหน้าต่างนี้ทำให้นั่งทำงานไป ชมวิวข้างนอกไปได้ หรือใครที่ไม่ได้ Work From Home ก็ปรับเปลี่ยนเป็นโซฟานั่งเล่นริมหน้าต่างแทนได้
ประตูทางออกไปยังระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอน ใช้เปิดระบายอากาศภายในห้องได้
ตัวล็อก
ประตูทางออกไปที่ระเบียงมีตัวล็อกมาให้ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ระเบียงของที่นี่มีขนาดกะทัดรัด ฟังก์ชันเตรียมไว้แค่ให้ตากผ้าได้ ไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าที่ระเบียงเพราะเตรียมพื้นที่ใต้เคาน์เตอร์ครัวไว้ให้แล้ว อีกประเด็นหนึ่งคือ Condensing Unit ที่ออกแบบเอาไปแขวนไว้ด้านบน ทำให้ไม่เกะกะสายตา เราสามารถมองวิวออกไปได้ค่ะ
ต่อมาคือห้อง 1 Bedroom 32 ตารางเมตร ห้องนี้จะเป็นครัวปิดกั้นเป็นสัดส่วนเลย จึงเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารเพราะจะสามารถกันกลิ่นและควันได้ดีพอสมควร ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหาร ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้กว้างขวาง เราสามารถจัดวางโต๊ะอาหารและโซฟาได้สบายๆเลย อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นห้องนอนซึ่งห้องนี้จะกั้นด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัวไปเลย Type นี้ ห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอน ทำให้การใช้งานมีความสะดวกและเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ถ้ามีแขกมาขอเข้าห้องน้ำจะต้องเดินผ่านห้องนอนเข้ามาค่ะ ส่วนระเบียงจะอยู่ในห้องนอนเช่นเดียวกัน สามารถออกไปนั่งพักผ่อนและนอนดูวิวจากตรงระเบียงได้ค่ะ
สรุปแล้วห้องนี้จะเหมาะกับคนที่อยากได้ห้องที่มีพื้นที่มากขึ้นมาหน่อย ฟังก์ชันต่างๆจัดเป็นสัดส่วน อยากได้ห้องนอนที่เป็นส่วนตัวและชอบทำอาหารค่ะ
เข้ามาจะเจอกับครัวปิดก่อน ซึ่งจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ช่วยให้เป็นสัดส่วน ป้องกันกลิ่นและควันได้ดีแต่ยังได้ความโปร่ง โล่ง จากแสงธรรมชาติที่เข้ามาจากช่องหน้าต่าง
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่ให้วางตู้เย็น ข้อดีของการที่ครัวอยู่หน้าห้องเลยคือพอซื้อของมาแล้วสามารถเอามาเก็บได้ง่าย
บริเวณครัวได้เคาน์เตอร์และอุปกรณ์ต่างๆมาแบบนี้ เหมือนกับห้องตัวอย่างห้องแรก
ระหว่างครัวกับพื้นที่พักผ่อนด้านในจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอนค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นกับรับประทานอาหาร
เข้ามาด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นต่อเนื่องกับพื้นที่รับประทานอาหาร สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างเป็นสัดส่วน ห้องนั่งเล่นวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งหรือ L-Shape ได้เลย ถ้าใครอยากได้มุมนั่งทำงานก็สามารถลดขนาดโซฟาและเพิ่มโต๊ะทำงานได้ค่ะ
มุมรับประทานอาหารอยู่ใกล้กับครัว ทำอาหารเสร็จก็ยกมาทานได้สะดวก ด้วยขนาดพื้นที่เราสามารถวางโต๊ะอาหารและเก้าอี้ได้ 2 ที่นั่ง
มุมนี้จะได้ความสว่างจากช่องหน้าต่างอันนี้นะคะ มุมนี้อย่างที่บอกว่าสามารถจัดเป็นมุมทำงานหรือมุมนั่งอ่านหนังสือได้นะ
มองย้อนกลับมาจะเห็นว่าพื้นที่โซนนี้สามารถจัดฟังก์ชันได้สบายๆไม่อึดอัด ส่วนห้องนอนจะอยู่ทางฝั่งขวาค่ะ
ภายในห้องนอนจะกั้นด้วยผนังทึบเป็นสัดส่วนเลย ทำให้การพักผ่อนเป็นส่วนตัวมากขึ้น จากขนาดห้องสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้เลย
Type นี้ภายในห้องนอนจะมีระเบียงมาให้ด้วยนะ ขนาด 0.60×2.60 เมตร ยาวตลอดความยาวห้องนอน สามารถใช้งานพื้นที่ได้เต็มที่เพราะตำแหน่งเครื่องซักผ้าจะอยู่ในห้องน้ำ ส่วน Condensing Unit ของแอร์จะแขวนไว้ด้านบน เวลาใช้งานก็จะไม่โดนลมร้อนด้วย
อีกฝั่งของห้องเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ โดยจะสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ตามนี้เลย
ห้องน้ำแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน อุปกรณ์ต่างๆให้เหมือนห้องก่อนหน้า
อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ค่ะ
ห้องน้ำแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน ฝักบัวได้ทั้งแบบ Rain Shower และมือจับ พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.90 x 1.08 เมตร
ฝักบัวของ HAFELE
ดูห้องจนเกือบครบแล้ว หลายๆคนคงสงสัยว่าแล้วเครื่องซักผ้าจะวางเอาไวตรงไหน? คำตอบคือทางโครงการจัดเอาไว้ให้ภายในห้องน้ำ ซึ่งจะว่าไปก็มีความสะดวกคือพอถอดเสื้อแล้วก็โยนเข้าเครื่องซักผ้าได้เลย อีกทั้งเครื่องยังไม่ต้องโดนแดดโดนฝนที่ระเบียง เป็นการยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วย
ซึ่งขนาดของพื้นที่ตรงนี้จะกว้าง 0.67 เมตร ลึกประมาณ 0.80 เมตรค่ะ
ต่อมาเป็นห้องของ Tower C มีอยู่ 2 Type ซึ่ง Tower นี้จะมีความสูงฝ้า 2.45 เมตร เราเอารูปมาให้ดูแบบ Gallery นะคะ
1 Bedroom 25 ตารางเมตร
แปลนห้อง Studio เป็นรูปแบบหน้าแคบลึกเช่นเดียวกับแบบ 1 Bedroom ต่างกันที่ไม่มีประตูบานเลื่อนกั้นโซนเตียงนอน ทำให้พื้นที่ในห้องทั้งหมดเปิดโล่งเชื่อมถึงกัน ดูโปร่งโล่ง
1 Bedroom 25 ตารางเมตร
1 Bedroom 29 ตารางเมตร
ห้องนี้แปลนจะเหมือนกับห้องของ Tower A แต่ความสูงฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.45 เมตร
1 Bedroom 29 ตารางเมตร
แบบแปลน
TOWER A
PLAN TOWER A
TOWER B
PLAN TOWER B
TOWER C
PLAN TOWER C
ราคา
ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย ราคา ณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566
- Studio (Tower C) พื้นที่ใช้สอย 25 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.73 ล้านบาท
- 1 Bedroom (Tower C) พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
- 1 Bedroom (Tower A) พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.32 ล้านบาท
- 1 Bedroom (Tower A) พื้นที่ใช้สอย 32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.45 , 2.60 เมตร
- จอง 4,000 บาท
- ไม่มีค่าทำสัญญา
- ผ่อนดาวน์ เริ่ม 2,000 บาท/ตร.ม.*
- ค่ากองทุน 175 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย จัดว่าเป็นคอนโดที่ราคาดีเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้านในย่านจรัญฯ มาดูภาพรวมตลาดคอนโดบนถนนจรัญสนิทวงศ์ในช่วงสถานีไฟฉายถึงสถานีจรัญ 13 จะเห็นว่ามีหลายโครงการให้เลือกทีเดียวทั้งโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่และโครงการที่กำลังก่อสร้าง พอได้มาเปรียบเทียบกันดูแล้วจะเห็นได้ว่าคอนโด ลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย มีราคาที่หยิบจับง่ายสุด
ทำเล : เรามองว่าโครงการนี้เป็นทำเลที่เหมาะกับคนทำงานในย่านรอบๆ อย่าง จรัญฯ ศิริราช วังหลัง ท่าพระ วงเวียนใหญ่ เสียมากกว่าคนที่ทำงานในเมือง เพราะจากทำเลที่ไม่ได้อิงรถไฟฟ้าในระยะเดินได้สบายเหมือนเช่นโครงการอื่นๆ แต่เน้นไปที่การใช้งานรถสาธารณะอย่าง รถเมล์ รถกระป้อ รถแท็กซี่ ได้สบาย อยู่ติดถนนใหญ่ เรียกรถง่ายแทนค่ะ อีกจุดหนึ่งที่โครงการมีความเด่นคือตั้งอยู่ในโซนจรัญฯช่วงกลางซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้ตลาด Hypermarket และร้านอาหารต่างๆ ออกไปหาอะไรทานได้ไม่ยากเลยค่ะ
การเดินทาง : เดินทางสะดวก : ด้วยทำเลติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ทำให้เดินทางเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง มีเส้นทางลัดเยอะ มีรถสาธารณะผ่านไปมาให้เลือกใช้หลากหลาย โดยเฉพาะจะมีป้ายรถเมล์ที่หน้าโครงการ มีรถกระป้อวิ่งผ่านบนถนนเส้นนี้อยู่ตลอด ใกล้รถไฟฟ้า 2 สถานี สถานีจรัญฯ 13 และ สถานีไฟฉาย ทำให้เข้าสู่ตัวเมือง สีลม – สาทร ได้ง่ายๆ
สาธารณูปโภค : ถึงแม้ว่าเป็นคอนโดที่มีราคาหยิบจับง่ายแต่ก็มี Facility มาให้ครบครันสูสีกับเพื่อนๆ แต่ทว่าในขณะที่คอนโดอื่นวางสระว่ายน้ำและส่วนกลางอื่นๆ ไว้ชั้นบนสุด แต่สำหรับลุมพินี วิลล์ จรัญ-ไฟฉาย จะวางสระว่ายน้ำไว้ที่ชั้นล่าง และนำพวก Fitness, Sky Lounge และสวนไปไว้ที่ชั้นบนสุดแทน เพื่อให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ส่วนกลางที่ชมวิวแม่น้ำได้
รูปแบบห้อง : ห้องพักส่วนใหญ่ของที่นี่ออกแบบมาเป็นห้องไซส์เล็ก รูปแบบ Studio และ 1 Bedroom ขนาด 25 -37.5 ตร.ม. ไม่ได้มีห้องแบบ 1 Bedroom Plus หรือ 2 Bedroom ให้เลือกนะคะ ทำให้ราคาเริ่มต้นของโครงการไม่สูงนักอย่างห้อง Studio เริ่มต้นที่ 1.73 ล้านบาท ส่วน 1 Bedroom ก็มีราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึง 2 ล้านบาทเช่นกัน
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 70,000 – 100,000 บาท/ตร.ม., 15 กุมภาพันธ์ 2566
- ทำเล 8/10 – ติดถนนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก มีเส้นทางลัดเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ใกล้รถไฟฟ้า 2 สถานี สถานีจรัญฯ 13 สถานีไฟฉาย และมีตัวเลือกรถสาธารณะอื่นๆอีกทั้ง รถเมล์ รถกระป้อ รถแท็กซี่ และเรือ
- วัสดุ 7.5 /10 – ได้ Fully Fitted ตามมาตรฐานของโครงการระดับนี้
- แบบ 7.5/10 – ออกแบบโครงการและห้องพักค่อนข้างลงตัว เป็นสัดส่วนดี
- สาธารณูปโภค 7.75 /10 – ตามมาตรฐาน มี Sky Facilities
- MAIN CLASS
- 7.81 / 10.00
ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย เหมาะกับใคร?
โครงการ ลุมพินี วิลล์ จรัญ – ไฟฉาย เหมาะสำหรับคนที่มีงบซื้อคอนโดในราคา 1 – 2 ล้านบาท ติดถนนใหญ่จรัญสนิทวงศ์ ใกล้โซนวังหลัง ท่าพระ วงเวียนใหญ่ เดินทางด้วยรถเมล์ รถแท็กซี่ รถกระป้อ เป็นหลัก แต่ก็ยังมีรถไฟฟ้าให้ใช้ได้สะดวก มีงบประมาณในการซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมก่อนเข้าอยู่อาศัย
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc