รีวิวโครงการ
Landmark @ Grand Station By Siamese Asset : รีวิวคอนโด : คิดเรื่องอยู่ Ep.559
18 เมษายน 2021
วันนี้ทำเลรามอินทรากำลังจะมีคอนโดเพิ่มขึ้นอีกแล้วครับ กับ Landmark @Grand Station เป็นโครงการบนพื้นที่ 4 ไร่กว่าๆ ที่ถูกออกแบบมาได้แตกต่างจากโครงการอื่นๆในย่านนี้ เริ่มอยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะครับว่าแตกต่างอย่างไร ลองมาชมจุดเด่นหลักๆของโครงการนี้ที่ผมสรุปมาให้กันครับ ประกอบไปด้วย…
- ทำเลเชื่อมต่อ 2 ถนนใหญ่ : ตัวโครงการติดถนนซอยรามอินทรา 64 และมีถนนที่เชื่อมต่อกับถนนรัชดา-รามอินทราได้ด้วย ใกล้กับ Fashion Island และ Promanade ในอนาคตจะใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีวงแหวนรามอินทรา ประมาณ 450 เมตร
- Mixed Use : รูปแบบโครงการเป็นอาคาร Mixed Use ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน ทั้งพื้นที่พักอาศัย โรงแรม ออฟฟิศ ร้านค้า ร้านอาหาร และ Facilities ภายในโครงการ
- ห้องเพดานสูง : ห้องพักอาศัยทั้งหมดภายในโครงการจะเป็นห้องเพดานสูงและมีการออกแบบที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ต่างๆ
ข้อมูลโครงการ
Landmark @Grand Station (แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์สเตชั่น) ณ วันที่ 25 มีนาคม 2564
ชื่อโครงการ | Landmark @Grand Station by Siamese Asset (แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์สเตชั่น บาย ไซมิส แอสเสท) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | ECONOMY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ถนนรามอินทรา เขตคันนายาว |
ที่ดิน | 4-1-14 ไร่ |
ประเภทคอนโด | High Rise 23 ชั้น ห้องพักอาศัย 988 ยูนิต, ร้านค้า 12 ยูนิต และออฟฟิศ 3 ยูนิต |
จำนวนยูนิต | 988 ยูนิต |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 24 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 377 คัน คิดเป็น 37% แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking 269 คัน และที่จอดแบบปกติ 108 คัน |
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2565 |
คาดว่าจะแล้วเสร็จ | ปี 2569 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 4.15 เมตร ในแบบห้องปกติ และ 4.9 เมตร ในแบบห้อง Co-Living |
ราคาเริ่มต้น | 1.98 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 65,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | n/a |
EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ผ่านแล้ว |
เว็บไซต์โครงการ | https://www.landmarkatgrandstation.com/ |
Call Center | 1306 |
สำหรับทุกType จะมีการเปลี่ยนไปในแต่ละโซน เพื่อตอบสนองแต่ละไลฟ์สไตล์ในการอยู่อาศัย ดังนี้
ทาวเวอร์ Siamese Residence
- Residential (ชั้น 6-7, 10-22)
- Pet Lover (ชั้น4-5)
- Co-Living (ชั้น 8-9)
- Elder (ทุกชั้น แต่จะมีเฉพาะห้องประเภท Grand เท่านั้น)
ทาวเวอร์ Cassia Residence
- Branded Residence จากแบรนด์ Cassia Residences โดย Banyan Tree Group
ทำเลที่ตั้ง
พิกัด Google Maps : 13.819255, 100.679652
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการครับ
โครงการ Landmark @Grand Station ตั้งอยู่ในซอยรามอินทรา 64 เยื้องกับ Fashion Island และใกล้กับบริเวณถนนรัชดา – รามอินทรา โดยรวมทำเลนี้จัดเป็นโซนที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบเป็นหลัก ไม่ค่อยมีคอนโดสักเท่าไรนัก ในแง่ของที่อยู่อาศัยในละแวกนี้ ส่วนใหญ่ยังสามารถหาโครงการแนวราบได้อยู่เรื่อย ๆ แต่รูปแบบที่อยู่อาศัยที่เป็นคอนโดก็จะเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการพื้นที่เยอะ อยากได้ส่วนกลางไว้ใช้งานมากกว่า และด้วยลักษณะโครงการของเราที่เป็น Mixed Use ทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อมค่อนข้างครบครัน จึงทำให้เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของที่นี่เลย
ข้อดีที่สองคือทำเลที่ตั้งตัวโครงการ Landmark @Grand Station สามารถเข้าออกได้ทั้งจากถนนรามอินทรา (ทางซอยรามอินทรา 64) และถนนรัชดา-รามอินทรา เลย สามารถเชื่อมไปยังถนนนวมินทร์ ถนนประเสริฐมนูกิจและถนนกาญจนาภิเษกที่เป็นถนนวงแหวนรอบนอกของกรุงเทพฯใช้เดินทางไปโซนกรุงเทพฯรอบนอกอย่าง รามคำแหงตอนปลาย บางนา สายไหม หรือลำลูกกาได้สะดวก เพราะอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลง เรียกได้ว่าออกจากโครงการแล้วก็เลี้ยวขึ้น Motorway Way ได้เลย ง่ายมากๆ ส่วนในอนาคตนั้นเส้นรามอินทราก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูตัดผ่านในทำเลนี้เช่นเดียวกัน โดยสถานที่ใกล้กับโครงการนั้นคือ สถานีวงแหวนตะวันออก โดยจะตั้งอยู่หน้าห้าง Fashion Island ซึ่งจะมีระยะตัวสถานีห่างจากโครงการประมาณ 450 เมตร แต่ยังไม่แน่ใจว่าทางขึ้นลงสถานีจะห่างประมาณเท่าไหร่นะครับ (น้อยกว่า 450 เมตรแน่นอน)
สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของโครงการ Landmark @Grand Station ก็จัดว่าอยู่ในทำเลที่ดีสำหรับโซนนี้ เพราะอยู่ใกล้กับถนนหลักอย่างถนนรามอินทราและถนนรัชดา-รามอินทรา แถมยังอยู่ในพื้นที่โซนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง อย่าง Fashion Island และ The Promenade โดยมีระยะห่างเพียงประมาณ 500 และ 600 เมตร ตามลำดับ ละแวกใกล้ ๆ ก็มีซอยคู้บอน ที่เป็นแหล่งชุมชน มีความคึกคักพอสมควร ทั้งร้านอาหาร ตลาด และ Mini Hypermarket ให้พอซื้อของได้อยู่ หรือถ้ากลับมาจากทางฝั่งมีนบุรีก็มี Big C และ ตลาดมีนบุรีให้แวะก่อนได้ หรือจะมาจากถนนนวมินทร์ก็มี Tesco Lotus ให้ใช้บริการได้ ก็เรียกว่ามีห้างสรรพสินค้าสำหรับซื้อของกินของใช้รายล้อมทุกทิศทาง
นอกจากสถานที่ภายนอกโครงการแล้ว ภายในตัวโครงการเองก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ด้วยร้านค้า Retails ทั้งหมด 12 ร้าน ร้านอาหารทั้งด้านล่างและบนอาคาร ซึ่งก็เรียกว่าถ้าใช้ชีวิตปกติทั่วไปก็ตอบสนองความต้องการได้ครบอยู่แล้วครับ ไม่ต้องออกไปภายนอกเลย
เส้นทางการเดินทาง
สำหรับการเดินทางวันนี้เราจะไปจากทางถนนรามอินทรานะครับ ผมเดินทางมาจาก Fashion Island ซึ่งก็จัดว่าไปมาสะดวกเลย เพราะมีระยะทางไม่ไกล และเดินทางได้ง่ายไม่ซับซ้อน เริ่มต้นด้วยการขับรถมาบนถนนรามอินทราฝั่งมุ่งหน้าไปมีนบุรี ประมาณช่วงซอยรามอินทรา 101 จะมีป้ายให้ชิดขวาขึ้นสะพานยกระดับเลี้ยวขวาเข้าถนนรัชดา-รามอินทรา ครับ จากนั้นลงสะพานและตรงมาประมาณ 500 เมตร ให้เบี่ยงซ้ายเพื่อกลับรถใต้สะพาน หลังจากกลับรถมาก็ตรงมาอีกประมาณอีก 300 เมตร ก็จะเจอ Sale Gallery ของโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือครับ ซึ่งก็จะเป็นตำแหน่งที่ตั้งของอาคารครับ
เริ่มที่ถนนรามอินทราครับ สังเกตเห็นแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่กำลังก่อสร้าง ใกล้จะได้ใช้งานกันแล้วในเร็วๆ นี้ ตรงต่อไปเรื่อยๆเลยครับ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
โครงการตั้งอยู่ใกล้กับถนนรัชดารามอินทราครับ และอยู่ในซอยรามอินทรา 64 แต่ จริงๆแล้วพื้นที่รอบๆทางฝั่งทิศเหนือ ทิศใต้และทิศตะวันตก เป็นของ Siamese Asset ทั้งหมดครับ มีแต่เพียงทิศตะวันออกเท่านั้นที่เป็นพื้นที่ว่าง ทำให้สามารถเข้าออกได้สองทางด้วยถนนภาระจำยอมของโครงการตรงกลาง เชื่อมต่อออกได้สองฝั่งก็จัดว่าสะดวกเลย ทางฝั่งถนนรามอินทราจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคต สถานีวงแหวนรามอินทรา ซึ่งจะมีตัวสถานห่างจากโครงการประมาณ 450 เมตร และยังไม่ทราบว่าทางขึ้นลงจะห่างจากตัวโครงการเท่าไหร่นะครับ ต้องรอชมกันต่อไป
ส่วนถ้าพูดถึงเรื่องวิวพื้นที่รอบโครงการส่วนใหญ่ถูกพัฒนาเป็นโครงการแนวราบไปค่อนข้างเยอะแล้วครับ มีแต่เพียงทิศตะวันออกเท่านั้นที่เป็นพื้นที่ว่างและมีแนวโน้มที่อาจจะเกิดเป็นอาคารสูงในอนาคตได้ครับ ลองไปชมบรรยากาศพื้นที่ข้างๆโครงการบนถนนรัชดา-รามอินทรากันครับ
ออกมาด้านหน้าพื้นที่โครงการ ฝั่งมุ่งหน้าไปถนนรามอินทราตรับ มีทางเดินเท้ายกระดับสูงจากถนนให้เดิน มีซุ้มที่นั่งรอรถประจำทางให้ที่ด้านหน้าด้วย ลองเดินไปชมกัน
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า
- Fashion Island ~ 0.5 km.
- Promanade ~ o.6 km.
- Crystal Park ~ 7.8 km.
- Crystal Design Centre ~ 8.8 km.
- Central Eastville ~ 9.0 km.
Hyper Market
- Max Value ~ 3.3 km
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลอินทรารัตน์ ~ 1.3 km.
- โรงพยาบาลนพรัตน์ ~ 1.8 km.
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ~ 2.0 km.
- โรงพยาบาลนวเวช ~ 4.3 km.
สถานศึกษา
- วิทยาลัยพยาบาล ~ 2.0 km.
- โรงเรียนบดินทรเดชา 2 ~ 4.1 km.
อื่น ๆ
- ทางพิเศษวงแหวนกาญจนาภิเษก ~ 400 m.
- รถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีวงแหวนรามอินทรา ~ 450 m.
- สนามกอล์ฟปัญญา 2.5 km.
- สนามบินสุวรรณภูมิ ~ 19.4 km.
รายละเอียดโครงการ
ทั้งหมดของโครงการ Landmark @Grand Station นี้เรียกได้ว่าเป็นโครงการ Mixed Use ที่มีความหลากหลายของกิจกรรมภายในเลย เพราะตัวอาคารเองจะแยกออกเป็น 2 Towers ในหนึ่งอาคาร โดยจะมีส่วนของ Branded Residences ที่เป็นบริการแบบโรงแรม มี Service ต่างๆให้ และส่วนของ Siamese Residence ที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้เป็นคอนโดมิเนียมทั่วไปครับ ซึ่งทั้งสองส่วนจะแยกพื้นที่ส่วนกลางออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง และจัดการกันได้ง่ายขึ้นครับ ภายในส่วนของอาคารจะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และออฟฟิศ รวมถึงพื้นที่สำหรับกลุ่มที่มีความชื่นชอบเฉพาะอย่าง เช่น กลุ่มคนที่ชอบการเลี้ยงสัตว์ ก็จะมีพื้นที่ Pet Shop แบบครบวงจรให้ รวมถึงภายในห้องพักอาศัยเองก็มีการออกแบบแต่ละส่วนให้รองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่หลากหลาย ทั้งอยู่คนเดียว ครอบครัว ผู้สูงอายุ และกลุ่มคนรักสัตว์
ห้องพักอาศัยของโครงการ Landmark @Grand Station จะเป็นแบบห้องเพดานสูงทั้งหมด ซึ่งภายในจะถูกออกแบบมารองรับหลายกลุ่มเลยครับ จุดนี้ถือเป็นไฮไลท์หลักๆของโครงการเลย เพราะตอบโจทย์ที่หลากหลายทีเดียว ประกอบไปด้วย
Branded Residence (Cassia Residence) – เป็นโซนห้องพักอาศัยที่มีการดูแลระดับโรงแรม เหมาะกับกลุ่มคนที่ชอบการ Service ต่างๆ ในพื้นที่พักอาศัย
Residential – พื้นที่ห้องเพดานสูง 4.15 เมตร ที่ถูกออกแบบมา 3 แบบ 3 ขนาด ภายในมีฟังก์ชันให้เลือกหลายไลฟ์สไตล์เลยครับ
Elder – ห้องที่ออกแบบมาสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งหลายๆส่วนภายในห้องถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับผู้สูงอายุ (Universal Design) โดยรูปแบบห้องนี้จะมีเฉพาะในแบบห้อง Grand เท่านั้นนะครับ
Pet Lover – ห้องที่ถูกออกแบบสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงครับ จุดเด่นเลยคือจะแยกทางเข้า, ชั้นและลิฟต์โดยสารไว้เฉพาะกลุ่ม ทำให้จัดการได้ง่ายและไม่รบกวนผู้ที่ไม่เลี้ยงสัตว์ด้วย
Co-Living – ห้องที่แยกความเป็นส่วนตัวภายในห้องเพดานสูงอย่างชัดเจน ลักษณะพื้นที่ภายในจะได้ Feeling เหมือนบ้าน 2 ชั้น ที่แยกพื้นที่ภายในออกจากกันได้ดีเลย แถมยังจะมีเพดานสูงกว่าแบบห้องปกติที่ 4.9 เมตร ครับ
โดยการออกแบบในส่วนต่างๆของโครงการ Landmark @Grand Station ที่เราพูดถึงมาจะถูกจัดสัดส่วนลงในตัวอาคารได้ค่อนข้างลงตัว ส่วนตัวผมชอบที่เขาแยกชั้นกันอย่างชัดเจน ทำให้สามารถเข้าถึงได้สะดวก ใช้งานและดูแลได้ง่าย แถมยังไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของกันและกันด้วย โดยหลักๆแล้วจะแบ่งออกเป็น 2 Tower ที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน เป็นส่วนของ Branded Residence (ฝั่งขวา) และ Siamese Residence (ฝั่งซ้าย) ครับ โดยหลักๆ เราจะพูดถึงส่วนของ Siamese Residence กันนะครับ ลองไปดูรายละเอียดแต่ละชั้นกัน
- ชั้น B1 : พื้นที่จอดรถ
- ชั้น 1 : จะเป็นส่วนของพื้นที่สนับสนุน ที่ทั้งสอง Tower แยกส่วนกันอย่างชัดเจน ในส่วนของ Branded Residence (ฝั่งขวา) และ Siamese Residence (ฝั่งซ้าย) ก็จะมี Lobby ที่แยกกัน 2 ส่วน และจะมีส่วน Retails 12 ร้าน ก็จะประกอบไปด้วย พวก Minimart ร้านสะดวกซื้อ, ร้าน Cafe, Pet Shop ครบวงจร และร้านอำนวยความสะดวกอื่นๆ (จะขายหรือปล่อยเช่ายังไม่มีการสรุปมาในตอนนี้นะครับ) ส่วนถัดมาเป็น All Day Dining จะเป็นส่วนร้านอาหารครับ
- ชั้น 2 : จะเป็นส่วนของ Office แยกออกเป็น 3 ยูนิต, SA Club จะเป็นพื้นที่สำหรับสมาชิกที่สามารถเข้าไปนั่งใช้งานภายในได้ และส่วนของ Convention Hall ครับ
- ชั้น 2.5 : Automatic Parking
- ชั้น 3 : จะเป็นพื้นที่ Main Facilities ของทั้ง 2 ฝั่ง Branded Residence (ฝั่งขวา) และ Siamese Residence (ฝั่งซ้าย) เลย โดยจะแยกกันอย่างชัดเจน ไม่สามารถเชื่อมต่อหากันได้ ภายในจะมีห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 25 x 5 เมตร และห้องน้ำแยกชายหญิงให้ทั้งสองฝั่ง
- ชั้น 4-5 : จะเป็นห้องพักอาศัยที่สำหรับกลุ่มที่เป็น Pet Lover ครับ โดยจะอยู่ในสองชั้นนี้เท่านั้น และมีการแยกลิฟต์โดยสารสำหรับสัตว์เลี้ยง (ลิฟต์โดยสารสำหรับสัตว์เลี้ยงจะขึ้นมาถึงเฉพาะชั้น 5 เท่านั้น) อย่างชัดเจนด้วย ข้อดีคือ จะไม่ไปปนกับห้องที่ไม่เลี้ยงสัตว์ทำให้ไม่รบกวนเพื่อนบ้านกลุ่มอื่น มีการจัดการที่ง่ายและสะดวก
- ชั้น 6-7 : พื้นที่พักอาศัยทั่วไป
- ชั้น 8-9 : จะเป็นห้องพักอาศัยสำหรับกลุ่ม Co-Living ที่ต้องแยกเพราะห้องประเภทนี้จะมีลักษณะเด่นที่ได้เพดานที่สูงกว่าแบบห้องปกติที่ 4.9 เมตร ครับ
- ชั้น 12-22 : พื้นที่พักอาศัยทั่วไป
- ชั้น 23 (Roof Top) : จะเป็นส่วนของ Sky Garden ทั้งสองฝั่งเลย แต่ฝั่ง Branded Residence จะมีส่วนของ Restaurant ที่ด้านบนนี้ด้วย ซึ่งในส่วนนี้สามารถเข้าไปใช้งานได้ทั้งสองฝั่งนะครับ แต่ต้องขึ้นลงจากโถงลิฟต์ของ ฝั่ง Branded Residence นะครับ
ผังห้องพักอาศัยของโครงการ Landmark @Grand Station ในแต่ละชั้นจะมีลักษณะเหมือนกันนะครับ โดยฝั่ง Branded Residence (ฝั่งขวา) จะมี 28 ยูนิต/ชั้น และ Siamese Residence (ฝั่งซ้าย) มี 24 ยูนิต/ชั้น ครับ และไม่สามารถเชื่อมต่อหากันได้
Siamese Residence : จะวางโถงลิฟต์ไว้กลางอาคาร ทำให้สามารถเข้าออกได้ 2 ฝั่ง และมีห้องที่ได้โถงทางเดินแบบ Single Corridor 11 ยูนิต และอีก 13 ยูนิต จะเป็นโถงทางเดินแบบ Double Corridor ครับ ห้องพักอาศัยของที่นี่จะรับวิวทิศตะวันออก (ติดกับที่ดินเปล่า) และทิศตะวันตก (ติด Siamese District) เป็นหลัก โดยจะมีวิวทางฝั่งทิศเหนือ (หันไปทางฝั่ง Fashion Island) เพียง 5 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น ลิฟต์โดยสารที่นี่จะได้ 3 ตัว และลิฟต์บริการ 1 ตัว โดยจะมีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 1 : 152 ยูนิต ซึ่งก็จัดว่าสูงอยู่เหมือนกัน อาจจะต้องรอนานหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วน ลองไปชมภาพโมเดลจำลองกันครับ
ส่วนชั้น 1-3 ด้านลางจะทำหน้าที่เป็น Podium ของอาคาร เป็นส่วนสนับสนุนต่างๆ Lobby, ร้านค้า, ร้านอาหาร, SA Club, Convention Hall, Office และพื้นที่ Automation Parking
ส่วนด้านบน Podium ที่ชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ Main Facilities ของทั้งสองฝั่งครับ แยกออกจากกันอย่างชัดเจน มีทั้งส่วนภายในและภายนอกอาคาร
ส่วนของสระว่ายน้ำของ Siamese Residence จะมีขนาดประมาณ 26 x 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร และส่วนของ Branded Residence จะมีขนาดประมาณ 28 x 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร ครับ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก (Siamese Residence)
- Lobby
- Mail Box
- สวนหย่อมที่ชั้น 1, 3 และ Roof Top
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 26 x 5 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย
- ลิฟต์โดยสารของส่วน Siamese Residence 3 ตัว
- ลิฟต์โดยสารของส่วน Branded Residence 4 ตัว
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 141 : 1
- Service Lift 1 ตัว / Tower
- Retails 12 ร้าน
- Office 3 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 377 คันคิดเป็น 37%
- ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card / Digital Door Lock
แบบห้อง
ต้องบอกว่าโครงการนี้มีรูปแบบห้องที่หลากหลายมากๆครับ เพราะทำออกมาตอบสนองกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่ถ้าแยกหลักๆแล้ว จะมีรูปแบบห้องประมาณ 3 แบบหลักๆ ประกอบไปด้วย Flexi, ECO, Grand ไล่ขนาดไปตามลำดับ โดยในแต่ละรูปแบบก็จะสามารถจัดแบ่งได้อีก 4 ลักษณะ ประกอบไปด้วย Residetial, Co-Living, Elder (มีเฉพาะในแบบห้อง Grand), Pet Lover แบบที่บอกไปด้านบนครับ
ห้องที่นี่จะขายในรูปแบบ Fully Fitted ที่ให้เฉพาะตู้เสื้อผ้า, เครื่องปรับอากาศ 2 ตัว Digital Door Lock พื้นห้องเป็น Synthetic Floor ผนังติด Wallpaper มาให้ โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์อาบน้ำจาก Hafele อ่างล้างหน้าของ American Standard ไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำ และไม่ได้ให้เคาน์เตอร์ครัวมานะครับ ที่พิเศษคือจะได้ Siamese Teqnology มาหลายอย่างเลย ประกอบไปด้วย
- Air Ventilation System Technology – ระบบหมุนเวียนอากาศภายในห้องพักอาศัย สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึง 99% และยังช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องด้วย
- Heat Resistance Technology – กระจกประหยัดพลังงาน ป้องกันไม่ให้รังสีความร้อน จากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร และช่วยให้อากาศภายในห้องเย็นขึ้น
- Smell Protection Technology – ระบบท่อน้ำที่แยกท่อระบายอากาศของท่อน้ำเสียออกจากกัน เพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ย้อนกลับเข้ามาในห้อง
- Soundproof Technology – ระบบกันเสียงรบกวนจากภายนอก ประกอบ ไปด้วยประตูกันเสียงและผนังที่มีประสิทธิภายในการดูดซับเสียง ทำให้ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก
- Easy Maintenance Technology – ระบบเดินท่อในคอนกรีตที่ง่ายแก่การซ่อมบำรุงภายในห้อง ไม่ต้องเข้ามารบกวนความเป็นส่วนตัวภายในห้องพักอาศัย
มาดูห้องตัวอย่างห้องแรกกันเลยครับ จะเป็นห้อง Grand ที่เป็นแบบ Residential ครับ ภายในจะมีขนาดตามโฉนดอยู่ที่ 29.10 ตร.ม. ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่นำไปคิดราคาค่าห้องและค่าส่วนกลางด้วย ส่วนพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 49 ตร.ม. ครับ (จัดเป็นส่วนของพื้นที่การต่อเติมเฟอร์นิเจอร์ภายใน)
มาดูฟังก์ชันภายในห้องกันบ้าง เป็นห้องที่แยกสัดส่วนได้ดีเลยครับ จุดเด่นอยู่ที่ความโปร่งโล่ง เพราะมีขนาดพื้นที่เยอะที่สุด ทำให้ส่วน Living Room ดูจะเป็นพระเอกของห้องไปเลย เพราะวางได้ทั้งโซฟา และชุดโต๊ะรับประทานอาหาร เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำด้านข้างได้ง่าย แถมยังได้ช่องแสงขนาดใหญ่จากระเบียงด้านหลังที่เป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน เปิดรับลมระบายอากาศได้กว้าง ห้องนี้ไม่ได้มีส่วนครัวมาให้ แต่ด้วยขนาดพื้นที่ระเบียงที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้สามารถต่อเติมเป็นครัวด้านหลังได้เลย แถมยังได้เป็นครัวที่ไม่ต้องกังวลกลิ่นและควันจะเข้ามารบกวนพื้นที่ภายในห้องด้วย แต่จะห่วงหน่อยก็เรื่องของแดดและฝนที่สาดเข้ามาได้ง่าย ถ้าใช้งานบ่อยก็แนะนำให้ต่อเติมเป็นระแนงเพิ่มเติมช่วยนะครับ (ต้องขออนุญาตกับฝ่ายบริหารอาคารก่อน) ส่วนห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่ายจากพื้นที่ด้านล่างนี้ พื้นที่ใต้ห้องนอนก็มีห้องให้ใช้งานด้วย ภายในมีช่องแสงในตัว แต่จะมีระดับเพดานที่ประมาณ 1.9-2 เมตร ส่วนด้านบนจะเป็นส่วนของพื้นที่พักผ่อนครับ แยกออกเป็นห้องนอน และพื้นที่ Walk-in Closet ให้คนละฝั่ง ที่สำคัญคือมีห้องน้ำแบบ Powder Room (ไม่มีส่วนอาบน้ำ) ให้มาด้วย ทำให้สะดวกแก่การใช้งาน และในกรณีที่ห้องอยู่กันมากกว่า 1 คนก็สามารถใช้งานพร้อมกันได้ 2 ห้องเลย ลองเข้าไปชมกัน
เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Living Room เลยครับ มีระดับฝ้าเพดานที่ 4.15 เมตร แถมยังได้แสงจากหลังห้องทำให้ดูโล่งเข้าไปใหญ่เลย
พื้นที่หน้าห้องจะมีด้านข้างให้ทำชั้นวางรองเท้าได้ (ไม่อย่างนั้นต้องนำเข้ามาพื้นที่ภายในห้อง อาจจะทำให้เลอะและสกปรกได้ง่าย) แต่แนะนำให้ปิดให้มิดชิดหน่อย เพราะจะติดกับส่วนของโซฟา ทำให้อาจจะส่งกลิ่นได้นะครับ ระยะดูทีวีของห้องนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร สามารถวางโต๊ะกลางได้ และยังเหลือทางเดินอยู่ครับ หรือใครที่ชอบนอนดูทีวีจะวางเป็น Sofabed นอนดู Netflix ยาวๆไปเลยก็ได้ครับ
ด้านข้างจะมีพื้นที่เยอะเหมือนกันครับ วางโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่ง แล้วยังเหลือพื้นที่ด้านข้างที่วางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งได้ ด้านในสุดยังวางตู้เย็นได้อีกเครื่องครับ
อีกฝั่งจะเป็นส่วนของทีวี ที่ทำเป็นชั้นวางทีวี และชั้นวางของด้านบนแบบห้องตัวอย่างได้ ด้วยพื้นที่ผนังทำให้ค่อนข้างจำกัดขนาดของทีวีอยู่เหมือนกัน แต่ระยะดูทีวีขนาดนี้ก็เหมาะกับทีวีขนาดประมาณ 52-55 นิ้วกำลังดี ด้านข้างเป็นทางเข้าห้องน้ำครับ ถัดมาเป็นบันไดขึ้นไปส่วนห้องนอน และซ้ายสุดในภาพคือพื้นที่ใต้ห้องนอนครับ ลองเข้าไปชมห้องน้ำกันก่อน
ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิค สีอ่อนและลายหินอ่อนครับ ขนาดพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างเลยครับ ใช้งานได้สบายๆเลย
โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์อาบน้ำจาก Hafele อ่างล้างหน้าของ American Standard และกระจกเงาติดผนังมาให้ มีช่องวางของมาให้ด้านข้างด้วย
โถสุขภัณฑ์จะเป็นแบบชำระอัตโนมัติให้เลือกใช้งาน 2 แบบ ปรับได้ 3 ระดับ ใช้งานได้สะดวกครับ ไม่ต้องกังวลปัญหาสายชำระรั่วซึมด้วย
ส่วนอาบน้ำจะไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ ภายในโซนอาบน้ำจะตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน
พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1 x 0.8 เมตร ครับ ใช้งานได้สบายๆ เลย มีทั้งส่วน Hand Shower และ Rain Shower จาก Hafele มาให้ครบ
ด้านในของห้องจะมีพื้นที่ใต้ห้องนอนอีกส่วนนึงครับ ลองไปชมกัน
เป็นห้องที่มีขนาดเท่ากับห้องนอนเลย แต่มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 1.8 เมตร ที่ผมชอบคือมีช่องแสงมาให้ด้วย ตรงนี้จัดได้หลากหลายเลยครับ จะเป็นห้องทำงาน ดูหนังฟังเพลง ออกกำลังกาย หรือถ้าส่วนของห้องแบบ Pet Lover ก็จัดเป็นห้องสำหรับสัตว์เลี้ยงได้สบายเลย
มีช่องเปิดที่เปิดรับลมระบายอากาศได้ แถมยังช่วยให้ห้องนี้ดูไม่ทึบและตันด้วย
อีกฝั่งยังได้พื้นที่ใต้บันไดมาด้วยนะครับ ใช้เป็นส่วนของห้องเก็บของได้ หรือจะเป็นชั้นวางของตกแต่งแบบให้ห้องตัวอย่างก็ได้
มาดูที่ระเบียงภายนอกกันต่อ เป็นระเบียงที่มีขนาดใหญ่เลยครับ สามารถทำเป็นครัว พื้นที่ซักล้าง หรือจะตกแต่งเป็นพื้นที่พักผ่อนก็ได้ ความพิเศษคือพื้นของภายนอกนี้จะเป็นพื้นกระเบื้องแบบไม่มียาแนว ทำให้มีร่องสำหรับช่วยระบายน้ำลงไปด้านล่างครับ ทำให้น้ำในส่วนนี้ไม่ขัง
สำหรับใครที่ต้องการต่อเติมระแนงกันแดดและฝนที่ส่วนระเบียงห้อง จะต้องขออนุญาตต่อเติมกับฝ่ายบริหารอาคารก่อนต่อเติม ซึ่งถ้าแบบต่อเติมไม่กระทบกับภาพลักษณ์อาคารภายนอกและมีความแข็งแรงปลอดภัยในการต่อเติมก็สามารถทำได้ครับ
ประตูของส่วนนี้จะเป็นบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างกว่า 2 ตอน รับลมและระบายอากาศได้เต็มที่เลย ขนาดพื้นที่ภายนอกหลังจากวางเคาน์เตอร์ทั้ง 2 ฝั่งแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ใช้งานตรงกลางอีกประมาณ 1 เมตร กว่าๆ ยืนใช้งานได้สบายๆเลยครับ ส่วน Condensing Unit จะแขวนอยู่ด้านบนนะครับ ทำให้ได้พื้นที่ระเบียงอย่างเต็มที่
มาดูส่วนชั้นสองกันต่อเลยครับ เป็นบันไดขึ้นไปด้านบนเป็นโครงสร้างเหล็ก มีราวจับให้ เดินขึ้นลงได้สะดวกปลอดภัยครับ
ด้านบนจะแยกออกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน ทำให้แบ่งพื้นที่ออกจากกันได้ดี ไม่รบกวนกัน เป็นส่วนของห้องนอนและพื้นที่ตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำแบบ Powder Room ในกรณีที่อยู่กันสองคน คุณแม่ตื่นก่อนลุกไปอาบน้ำแต่งตัวก็ไม่รบกวนคุณพ่อที่นอนอยู่อีกฝั่ง
ส่วนของห้องนอนจะอยู่ด้านนี้ครับ ไม่ได้กั้นส่วนห้องมาให้นะครับ หรือถ้าจะกั้นเองก็เป็นไอเดียที่ดีเลยครับ เพราะจะช่วยให้ได้ความเป็นส่วนตัวและเครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนักด้วย
จะได้เครื่องปรับอากาศอีกหนึ่งตัวติดตั้งมาให้ครับ จะติดทีวีที่ปลายเตียงด้วยก็ได้นะ
ได้ช่องแสงด้านข้างขนาดใหญ่ให้กับพื้นที่ชั้นบนส่วนนี้ด้วย สว่างไปถึงด้านในเลย
ด้านในก็พื้นที่เพียงพอกับการใช้งานวางเตียง 5 ฟุตชิดผนัง และเหลือพื้นที่ด้านข้างเล็กน้อยครับ เหมาะกับ 1-2 คน
อีกฝั่งจะเป็นพื้นที่ตู้เสื้อผ้า ซึ่งจะต้องลงไปอาบน้ำด้านล่างนะครับ เพราะด้านบนห้องน้ำจะไม่มีส่วนอาบน้ำมาให้
เป็นตู้เสื้อผ้าที่ Built-in มาให้ยาวเลย เข้ากับพื้นที่ครับ ใช้งานได้ 1-2 คนสบายๆ
ด้านในมีห้องน้ำที่สำหรับใช้งานง่ายๆมาให้ครับ สะดวกดีเหมือนกัน
ในกรณีสำหรับห้อง Elder นะครับ จะได้ส่วนพื้นที่ห้องน้ำที่จะเป็นระดับเดียวกันกับห้อง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุได้
ภายในห้องน้ำก็จะได้ที่จับด้านข้างมาให้ด้วย
และส่วนอาบน้ำจะได้พื้นที่นั่งอาบน้ำได้มาเพิ่มให้ครับ
มาดูห้องที่สองครับ เป็นห้องรูปแบบ ECO ที่มีขนาดพื้นที่ตามโฉนดอยู่ที่ 23.90 ตร.ม. และมีพื้นที่ใช้สอยภายในอยู่ที่ 39.50 ตร.ม. การวางผังจะมีลักษณะค่อนข้างเหมือนเดิมเลยครับ แต่พื้นที่ใช้สอยจะลดลงในแต่ละส่วน เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน ครับ พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะมีระยะดูทีวีที่แคบลง แต่ในแนวระนาบผนังยังวางโซฟาและโต๊ะรับประทานอาหารได้เหมือนเดิม แต่จะเหมาะกับโต๊ะแบบ 2 ที่นั่งครับ ส่วนห้องน้ำก็อยู่ในตำแหน่งที่เข้าใช้งานได้ง่ายจากทุกพื้นที่ พื้นที่ใต้ชั้นห้องนอนก็เป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดเป็นพื้นที่ต่างๆได้ตามไลฟ์สไตล์ จะเป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย ห้องเลี้ยงสัตว์สำหรับ Pet Lover หรือจะเป็นห้องพักผ่อนดูหนังฟังเพลงก็ได้ ส่วนด้านบนก็แยกออกเป็น 2 ฝั่งเหมือนเดิมครับ จะเป็นพื้นที่วางเตียงอยู่ฝั่งริมหน้าต่าง และด้านในจะมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำแบบ Powder Room (ไม่มีส่วนอาบน้ำ) ครับ
ห้องนี้จะเป็นห้อง ECO Pet Lover ครับ ซึ่งจะมีตำแหน่งอยู่ที่ชั้น 4-5 ของอาคาร ของทุกอย่างจะได้เหมือนห้องที่ผ่านมาทั้งหมดเลยครับ
ลักษณะของห้องนั่งเล่นจะเป็นตอนลึก ระยะดูทีวีจะอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร ครับ เหมาะกับทีวีขนาดประมาณ 46-48 นิ้ว พื้นที่ระหว่างทีวีกับโซฟาเลยจะค่อนข้างน้อย วางโต๊ะกลางแล้วอาจจะดูแคบไปนิดนึง ส่วนชั้นรองเท้าผมแนะนำให้ Built-in ไว้ใต้ทีวีก็ได้นะครับ จะได้มีพื้นที่สำหรับเก็บให้เป็นสัดส่วน
พื้นที่ตรงนี้สามารถวางโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่ง และโต๊ะรับประทานอาหารได้ จริงๆส่วนตัวผมมองว่าสามารถวางโต๊ะแบบ 4 ที่นั่งได้นะครับ หากนำออกมาตั้งอีกแนวนึง แต่ถ้าอยากนั่งสบายๆ 2 ที่นั่งก็เพียงพอครับ
อีกฝั่งเป็นห้องน้ำครับหลังทีวีเช่นเดิม ลองเข้าไปชมกัน
ลักษณะภายในห้องน้ำจะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลย ได้สุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก Hafele อ่างล้างหน้าจาก American Standard ฉากกั้นอาบน้ำไม่ได้ให้มา และจะได้ Rain และ Hand Shower จาก Hafele ครับ
สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะแคบลงเล็กน้อย แต่ก็ยังยืนอาบได้สบายๆอยู่นะครับ อุปกรณ์อาบน้ำให้มาครบครันเลย
ด้านในจะมีแนวระเบียงที่เป็นบานเลื่อนแบบ 2 ตอน เป็นช่องแสงหลักของส่วนนี้ ส่วนพื้นที่ใต้ชั้นลอยก็ยังคงใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่เช่นเคยครับ
ในห้องตัวอย่างห้องนี้เป็นห้องแบบ Pet Lover เขาจัดเป็นส่วนของพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ซึ่งจัดว่าได้พื้นที่เป็นสัดส่วนและมีขนาดกว้างเลย ภายในจัดได้หลากหลายมุม ถ้าผมเป็นน้องๆหมาแมวผมคงจะดีใจมากแน่ๆครับที่ได้พื้นที่แบบนี้
ด้านในมีช่องแสงขนาดใหญ่ให้ด้วย เปิดรับลมระบายอากาศในส่วนนี้ก็ได้ครับ
ส่วนพื้นที่ใต้บันไดก็ยังมีมุมให้ใช้ประโยชน์ได้เหมือนเดิมครับ เก็บของหรือตกแต่งเป็นส่วนห้องนอนของน้องๆก็ได้
ระเบียงภายนอกของห้องนี้ ถึงจะเล็กลงหน่อยแต่ก็ยังคงกว้างเช่นเดิมนะครับ เพราะออกแบบมาให้ทำหน้าที่เป็น Back Of House อย่างเต็มที่ ทั้งส่วนซักล้างและครัว
พื้นที่การใช้งานหลังจากวางเคาน์เตอร์แล้วก็เหลือระยะเดินไปมาอีกประมาณ 1.2 เมตร เลย ทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ตรงนี้ได้สะดวกเลยทีเดียว
บันไดมีราวจับให้เช่นเดิมครับ ยาวขึ้นไปด้านบน
ด้านบนจะแยกเป็นส่วนของพื้นที่วางเตียงทางฝั่งชิดผนังห้องด้านนอก
ได้ช่องแสงขนาดใหญ่เลย พื้นที่ภายในเพียงพอกับการอยู่อาศัย 1-2 คน สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้อยู่
มองลงมาก็จะเห็นพื้นที่ด้านล่างอย่างชัดเจน ได้บรรยากาศที่ค่อนข้างโล่ง แต่ถ้าอยากประหยัดไฟก็กั้นห้องได้
อีกฝั่งจะเป็นส่วนของห้องน้ำ Powder Room และมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ขนาดพอเหมาะกับพื้นที่ครับ
เป็นหน้าบานสไลด์ เพื่อประหยัดพื้นที่การใช้งานหน้าตู้
ส่วนของห้องน้ำก็ขนาดกระทัดรัด ใช้งานได้สะดวกสบาย
ห้องนี้จะเปิดประตูเข้ามาก็แยกส่วนกันชัดเจนเลย ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ห้องนอนชั้นบนกับชั้นล่างไม่รบกวนกั้น ให้ความรู้สึกเหมือนลักษณะของบ้านครับ อีกทั้งยังช่วยเรื่องของการจัดการเครื่องปรับอากาศให้ไม่ทำงานหนักจนเกินไป เนื่องจากจำกัดพื้นที่ในแต่ละส่วนได้ชัดเจนด้วย เราดูชั้นล่างกันก่อน
ห้องอีกรูปแบบของโครงการจะเป็นห้อง Flexi ครับ ซึ่งจะมีขนาดเล็กที่สุด เป็นห้องลักษณะ 4 เหลี่ยมผืนผ้า โดยจะวางบันไดไว้หน้าห้อง ทำให้สามารถขึ้นลงได้เลย สะดวก และมีตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ตรงนั้นด้วย ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งชั้นล่างและชั้นลอย จึงไม่จำเป็นต้องมีห้องน้ำ Powder Room ให้ที่ด้านบน ส่วนของห้องรับแขกและพื้นที่ใต้ชั้นลอยจะมีลักษณะเหมือนเดิมครับ เพียงแต่ตำแหน่งติดทีวีจะต้องเลื่อนไปเล็กน้อย (ไม่ได้อยู่หน้าประตูเหมือน 2 ห้องที่ผ่านมา) ทำให้อาจจะต้องนั่งโซฟาดูทีวีมุมเอียงๆหน่อย ส่วนพื้นที่ระเบียงก็จะได้ประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ทำให้รับแสงและได้เยอะ และเปิดรับลมระบายอากาศได้กว้างครับ ส่วนพื้นที่ชั้นลอยที่วางเตียงจะไม่มีส่วนของพื้นที่ห้องน้ำและตู้เสื้อผ้ามาให้ ทำให้ตรงนี้จะวางตู้เสื้อผ้ายากหน่อน อาจจะต้องไปทำในพื้นที่ใต้ชั้นลอยให้เป็น Walk-in Closet แทนนะครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคา
Landmark @Grand Station ราคา ณ วันที่ 25 มีนาคม 2564
- Flexi Residential ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 24 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 38.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Flexi Pet Lover (ชั้น 4-5) ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 24 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 38.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Flexi Elder (ชั้น 6-7) ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 24 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 38.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Flexi Co-Living (ชั้น 8-9) ห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 25.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 42 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ECO Residential ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 24.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 39.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ECO Pet Lover (ชั้น 4-5) ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 24.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 39.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ECO Elder (ชั้น 6-7)ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 24.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 39.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ECO Co-Living (ชั้น 8-9) ห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 24.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 43 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Grand Residential ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 30.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 49.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Grand Pet Lover (ชั้น 4-5) ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 30.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 49.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Grand Elder (ชั้น 6-7) ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 30.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 49.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- Grand Co-Living (ชั้น 8-9) ห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 30.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 54 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- รูปแบบการขาย Fully Fitted
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 4.15, 4.90 เมตร
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุนแลกเข้า 600 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน + ค่ากองทุน 5 บาท/ตร.ม.
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
บทสรุป
ทำเล : Landmark @Grand Station ตั้งอยู่ภายในซอยรามอินทรา 64 ตำแหน่งอยู่ใกล้กับ Fashion Island ซึ่งถือว่าเป็นห้างใหญ่ที่คนแถวนี้มักมาจับจ่ายใช้สอยกันเป็นประจำ ใกล้จุดขึ้นลง Motorway ด้วย และเชื่อมต่อออกถนนรัชดา-รามอินทราได้อีกต่างหาก ทำให้การเดินทางค่อนข้างหลากหลาย โดยทำเลนี้ส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ดังนั้นโครงการเรา จะได้ข้อดีเรื่องวิวที่เปิดโล่งกว้างครับ
ส่วนความอุดมสมบูรณ์ก็มีมาให้ค่อนข้างครบ ทั้งที่ใกล้กับ Fashion Island และ Promanade ในระยะประมาณ 500 และ 600 เมตร ตามลำดับ รวมถึงภายในโครงการเองก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้ด้วยร้านค้า Retails ทั้งหมด 12 ร้าน ร้านอาหารทั้งด้านล่างและบนอาคาร
การเดินทางโดยใช้รถ : เนื่องจากที่ตั้งออกได้ 2 ช่องทางถนนหลัก ถนนรัชดา-รามอินทรา ถนนรามอินทรา และสามารถเชื่อมต่อถนนใกล้เคียงได้ง่าย ถนนกาญจนาภิเษก ถนนนวมินทร์ ถนนประเสริฐมนูกิจ และภายในโครงการเองก็มีที่จอดรถมาให้ 377 คัน คิดเป็น 37% แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking 269 คัน และที่จอดแบบปกติ 108 คัน แต่อย่างไรก็ต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางด้วยนะครับ เพราะว่าบริเวณนี้เป็นอีกหนึ่งทำเลที่รถติดมาก ยิ่งถนนรามอินทราตอนนี้ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสีชมพูด้วยแล้ว… จะเดินทางไปไหนอย่าลืมเผื่อเวลากันนะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ที่ตั้งโครงการสามารถอิงรถสาธารณะได้ทั้งจากถนนรามอินทรา และถนนรัชดา-รามอินทราเลย หรือถ้าจะพึ่งพา Application ก็จัดว่าสะดวก เพราะใกล้กับถนนใหญ่ สังเกตได้ง่าย แต่ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีชมพูเปิดให้ใช้งาน สถานีวงแหวนตะวันออก ซึ่งตัวสถานีก็จะอยู่หน้า Fashion Island เลย ซึ่งจะมีระยะตัวสถานีห่างจากโครงการประมาณ 450 เมตร แต่ยังไม่แน่ใจว่าทางขึ้นลงสถานีจะห่างประมาณเท่าไหร่นะครับ (น้อยกว่า 450 เมตรแน่นอน)
วัสดุ : ส่วนตัวผมว่าจัดมาให้ดูดีเลยทีเดียว โดยห้องที่นี่จะขายในรูปแบบ Fully Fitted ที่ให้เฉพาะตู้เสื้อผ้า, เครื่องปรับอากาศ 2 ตัว Digital Door Lock พื้นห้องเป็น Synthetic Floor ผนังติด Wallpaper มาให้ โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์อาบน้ำจาก Hafele อ่างล้างหน้าของ American Standard ไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำ และไม่ได้ให้เคาน์เตอร์ครัวมานะครับ ที่พิเศษคือจะได้ Siamese Technology มาหลายอย่างเลย ประกอบไปด้วย Air Ventilation System Technology เป็นระบบหมุนเวียนอากาศภายในห้องพักอาศัย, Heat Resistance Technology กระจกประหยัดพลังงาน, Smell Protection Technology ระบบท่อน้ำที่แยกท่อระบายอากาศของท่อน้ำเสียออกจากกัน, Soundproof Technology ระบบกันเสียงรบกวนจากภายนอก, Easy Maintenance Technology ระบบเดินท่อในคอนกรีตที่ง่ายแก่การซ่อมบำรุงภายในห้อง
การออกแบบ : เป็นหนึ่งในส่วนที่ทำออกมาได้ดีเลยนะครับ อย่างแรกเลยคือด้วยความที่เป็นอาคาร Mixed Use ซึ่งประกอบไปด้วยหลายฟังก์ชันภายในอาคาร ก็มีการจัดการแยกสัดส่วนและทำออกมาให้เข้าใช้งานและดูแลรักษาได้ง่าย แบ่งความเป็นส่วนตัวได้ดี ในส่วนของ Siamese Residence เองก็มีการแยกชั้นต่างๆสำหรับห้องพักแต่ละประเภทไว้ เช่น Pet Lover จะอยู่ที่ชั้น 4-5 เพื่อให้ไม่รบกวนผู้พักอาศัยกลุ่มอื่น มีการแยกลิฟต์ใช้งานและจัดทางเข้าออกไว้อย่างชัดเจน พื้นที่ส่วนกลางก็แยกชั้นไว้อย่างชัดเจน ทำให้ใช้งานได้สะดวกและง่ายแก่การดูแลรักษาความปลอดภัย
ส่วนห้องพักอาศัยก็จัดว่ามีการออกแบบที่มากกว่าโครงการอื่น ๆ เพราะจัดรูปแบบห้องออกมาค่อนข้างหลากหลาย แบ่งออกมาหลัก ๆ เป็น 3 ขนาดก็จริง แต่ยังแบ่งออกมาอีก 4 ลักษณะห้อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ส่วนตัวผมคิดว่าเขาให้ความสำคัญกับจุดนี้เยอะพอสมควร โดยมีดีเทลในส่วนต่างๆ เช่นห้องสำหรับ Elder ก็มีการออกแบบพื้นที่ภายในและอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีขึ้นจริง จะมากหรือน้อยก็จัดเป็นตัวเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้นครับ
สาธารณูปโภค : สำหรับพื้นที่อำนวยความสะดวกอาจจะไม่เยอะนัก แต่ก็มีมาให้ครบตามมาตรฐาน มีส่วน Lobby แยกส่วน ห้องออกกำลังกาย ห้องน้ำแยกชายหญิง สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 26 x 5 x 1.2 เมตร และสวนดาดฟ้า ที่จะพิเศษขึ้นมาก็มีคือมี Retails Shop 12 ร้าน Office 3 ยูนิต ร้านอาหาร SA Club, Convention Hall รวมถึง Restaurant รับวิวดาดฟ้ามาให้บริการด้วย ซึ่งถ้าลองมองดูจากพื้นที่รอบๆ ก็จัดว่ามีให้ใช้งานและค่อนข้างโดดเด่นจากพื้นที่อยู่อาศัยลักษณะโครงการคอนโดในพื้นที่ใกล้เคียงเลยทีเดียว
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 65,000 บาท/ตร.ม., 25 มีนาคม 2564
- ทำเล 8.5/10 – เข้าออกได้ทั้งรามอินทรา และรัชดา-รามอินทรา ใกล้กับ Fashion Island
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ใช้ถนนได้หลายเส้นทาง มีพื้นที่จอดรถ 37% อาจจะน้อยไปหน่อยสำหรับทำเลห่างรถไฟฟ้าประมาณ 450 เมตร
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – อิงรถสาธารณะได้ทั้ง 2 ถนนหลัก มีรถไฟฟ้าสายสีชมพูให้ใช้ในอนาคต
- วัสดุ 8.25/10 – Fully Fitted ก็จริง แต่ได้ของค่อนข้างดี Digital Door Lock, Wallpaper สุขภัณฑ์ Hafele และมี Siamese Technology ให้อีกหลายอย่าง
- แบบ 8.5/10 – วางโซนนิ่งได้ดี แยกสัดส่วนและการใช้งานได้ลงตัว ออกแบบห้องสำหรับหลายไลฟ์สไตล์ ตัวเลือกเยอะ
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – สิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐาน แต่มีร้านค้า, ร้านอาหาร, Convention Hall และ Office ให้ในอาคาร
- ECONOMY CLASS
- 8.06 / 10.00
Landmark @Grand Station เหมาะกับใคร
โครงการ Landmark @Grand Station เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดห้องเพดานสูงในย่านรามอินทรา ให้วัสดุภายในห้องค่อนข้างดีและอยากแต่งเพิ่มเอง หรือมีรูปแบบห้องที่ออกแบบได้ตรงตามไลฟ์สไตล์ (เลี้ยงสัตว์, มีผู้สูงอายุ เป็นต้น) เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก หวังพึ่งพารถไฟฟ้าอยู่บ้างใช้งานได้ไม่ยาก หรืออีกมุมนึงก็ซื้อเผื่อลงทุนในอนาคตที่ในช่วงที่ทำเลนี้เจริญขึ้น หรือรถไฟฟ้าสร้างเสร็จ เพราะราคาเริ่มต้นไม่สูงนัก มีงบประมาณระดับ 2 – 5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,500 – 35,000 บาท/เดือน
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะครับ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc