เปิดให้ชมห้องตัวอย่างในคอนโดจริงกันแล้วกับ Life อโศก-พระราม 9 คอนโด High Rise 2 อาคาร ใกล้ MRT พระราม 9 จาก AP ที่จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในช่วงสิงหาคมนี้ จุดเด่นคือทำเลที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดิน 300 ม. ออกแบบห้องมาในรูปแบบ Interlocked ทำให้ได้ห้องหน้ากว้าง พร้อม Facilities ที่จัดเต็มกันมาบนชั้น Rooftop ทั้ง 2 อาคาร ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.87 ล้านบาทค่ะ

Fact @ 10 April 2020

  • Life Asoke – Rama 9 (ไลฟ์ อโศก – พระราม 9)
  • บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตราชเทวี
  • คอนโด High Rise 2 อาคาร 2,248 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต

  • Tower A สูง 42 ชั้น 1,298 ยูนิต
  • Tower B สูง 45 ชั้น 950 ยูนิต

  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 38 ยูนิตที่อาคาร A
  • ที่จอดรถประมาณ 43% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 8-3-11 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ปี 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เดือนสิงหาคม ปี 2563
  • Studio 25-27.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 2.87 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 32 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus 35-40 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.4 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 45-58 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.87 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 125,000-150,000 บาท/ตร.ม.
  • เว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่  
  • Call Center : 1623
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    ทำเลที่ตั้ง

    พิกัด Google Maps : 13.755017, 100.563609
    หรือสามารถ : คลิกที่นี่

    แผนที่จากทางโครงการ

    โครงการ Life อโศก-พระราม 9 ตั้งอยู่ในทำเลเมืองย่านพระราม 9 เดินทางไปทั้งย่านอโศก และพระราม 9-รัชดาภิเษก ได้สะดวก โครงการอยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นลงทางด่วน ในระยะประมาณ 2 กม. แต่เป็นย่านที่รถติดมาก ถ้าจะใช้รถยนต์ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อยค่ะ

    ซูมเข้ามาให้เห็นทางเข้าออกชัดขึ้น ..โครงการที่ตั้งอยู่ในซอยไม้ดัด ห่างจากหลักอย่างถนนอโศก-ดินแดง ประมาณ 80 ม. และห่างจากถนนจตุรทิศ 70 ม. มีทางเข้า-ออก 2 ทาง คือทางหลักที่ซอยไม้ดัด และมีการเปิดทางเข้า-ออกพิเศษเฉพาะคนเดิน ที่ประตูริมถนนอโศกดินแดง ทำให้คนที่ใช้รถไฟฟ้าสะดวกขึ้น เพราะมีระยะห่างจาก MRT สถานีพระราม 9 ประมาณ 300 ม.

    ถ้าใครไม่อยากไปรถติดบนท้องถนน ก็มีรถไฟฟ้าเป็นอีก 1 ตัวช่วย ให้เดินไปใช้ได้ในระยะ 300 ม. หรือถ้าต้องการใช้ Airport Link ก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีมักกะสัน ในระยะทาง 1.3 กม. ค่ะ

    ทำเลของโครงการจะอยู่ในย่านรัชดา – พระราม9 เป็นทั้งโซนออฟฟิศและแหล่งช็อปปิ้งที่มีความคึกคัก แค่บริเวณใกล้ๆ โครงการช่วงแยกพระราม 9 ก็จะมี Central พระราม 9, ห้างฟอร์จูนทาวน์, อาคารสำนักงาน G Tower ถัดไปหน่อยทางเส้นรัชดาฯ ก็จะเป็น Esplanade รัชดา, ตลาดนัดรถไฟฟ้ารัชดา, ตึก Set และศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หรือถ้าลงมาทางอโศกก็จะมีอาคารสำนักงานหลายแห่ง เช่น Midtown อโศก, ตึก GMM สำหรับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในทำเลนี้ก็จะมี รพ.พระราม 9

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • MRT พระราม9 – 300 m.
    • Fortune town ~ 350 m.
    • G land tower – 400 m.
    • Central พระราม 9 ~ 600 m.
    • Airport Link มักกะสัน ~ 1.1 km.
    • MRT เพชรบุรี ~ 1.2 km.
    • ตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานใหญ่ ~ 1.2 km.
    • โรงพยาบาลผิวหนังอโศก ~ 1.3 km.
    • โรงพยาบาลพระราม9 ~ 1.3 km.
    • Esplanade รัชดา ~ 1.5 km.
    • มหาลัย มศว ประสานมิตร ~ 1.6 km.
    • GMM Tower ~ 1.9 km.
    • ตลาดรวมทรัพย์ ~ 2 km.
    • The Street รัชดา ~ 2.3 km.
    • โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ~ 2.5 km.
    • ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ ~ 2.5 km.
    • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~ 2.7 km.
    • สยามนิรมิต ~ 2.7 km.
    • Terminal 21 ~ 3 km.

    เจาะลึกตัวโครงการ

    มาดูภาพรวมของโครงการกันสักนิด Life อโศก – พระราม 9 เป็นคอนโด High Rise 2 อาคาร สูง 42 และ 45 ชั้น เปิดตัวมาประมาณ 3 ปี ตอนนี้ก็ใกล้จะสร้างเสร็จให้เข้าอยู่กันได้แล้ว

    ซึ่งย่านพระราม 9 นี้มีคอนโดเยอะมากๆ เอาเป็นว่า..แค่ที่ดินที่รายล้อมโครงการ ก็ขึ้นเป็นคอนโดมิเนียมหมดเลย สำหรับคอนโดนี้มีราคาต่อตารางเมตรตกอยู่ที่ประมาณ 125,000 – 150,000 บาท/ตร.ม. เทียบกับราคาของคอนโดติดๆ กัน ตรงหัวมุมแยกพระราม 9 จะอยู่กันที่ 150,000 ขึ้นไปจนถึง 200,000 แต่คอนโดนี้จะเป็นโครงการใหญ่ จำนวนห้องเยอะถึง 2,248 ยูนิตเลย สำหรับห้อง Studio มีราคาเริ่มต้นที่ 2.87 ล้านบาท ไปจนถึงห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ราคา 6 ล้านกว่าบาทค่ะ

    โครงการนี้จัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้ค่อนข้างเยอะและน่าใช้งานทีเดียว โดยจะแบ่งพื้นที่ชั้นล่างออกเป็นชั้น Faclities อย่าง Lobby, Parking, Co-Working Space และสวนส่วนกลางโดยรอบอาคาร ขึ้นมาถึงชั้น 7 จึงจะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางที่มาในลักษณะของ Sky Garden สำหรับ Facilities หลักๆ จะจัดไว้ที่ 3 ชั้นบนสุดของอาคาร ให้สระว่ายน้ำมาถึง 3 สระ ยาว 50 ม. , 40 ม. และ 23 ม., Fitness 2 ชั้น, Sky Lounge, สวนแบบไล่ระดับและ Home Theater ตอนนี้ส่วนกลางยังไม่เสร็จ เราเอาภาพจำลองมาฝากกันก่อนนะคะ

    Image 1/9
    ภาพบรรยากาศบริเวณ Drop-Off ด้านหน้าทางเข้าอาคาร

    ภาพบรรยากาศบริเวณ Drop-Off ด้านหน้าทางเข้าอาคาร

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby แยกอาคาร A และ B
    • Sky Garden
    • Swimming Pool 3 สระ
    • Jacuzzi
    • Fitness
    • Amphitheater (Vertical Garden)
    • Co-Working Space
    • Sky Lounge

    Product Walkthrough

    จุดเด่นของการออกแบบห้องของโครงการ Life อโศก-พระราม 9 คือ แนวคิด Interlocked Layout Plan เราจะเห็นแปลนห้องพักเป็นตัว L ข้อดีอย่างแรกคือ ทำให้ห้องมีมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่กล่องสี่เหลี่ยมตรงๆ ตามปกติ ข้อดีอย่างที่ 2 คือ โซน Living Area อยู่ติดกับหน้าต่าง ได้แสงธรรมชาติแบบเต็มๆ ดูโปร่งโล่งและชมวิวได้สะดวกขึ้น เพราะผู้ออกแบบสามารถดันห้องครัว ห้องน้ำ ไปไว้ด้านข้างในส่วนที่เป็นตัว L ได้ ข้อดีสุดท้ายคือ มีแบบให้เลือกหลากหลาย เราสามารถเลือกแบบห้องที่เข้ากับไลฟ์สไตล์เราได้

    โครงการมีห้องให้เลือกตั้งแต่ Studio 25 ตร.ม. ไปจนถึงแบบ 2 Bedroom 2 Bathroom 58 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted คือให้มาเฉพาะ Pantry ครัวและวัสดุภายในห้องน้ำ ซึ่งให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลย ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ แค่ให้ดูเป็นตัวอย่างการจัดวางเท่านั้นนะคะ

    วันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 ห้อง เป็นแบบห้องส่วนใหญ่ของโครงการ มีจำนวนยูนิตให้เลือกเยอะ คือห้องแบบ Studio Type 27.5 ตร.ม. และ แบบ 1 Bedroom Plus 35 ตร.ม. ไปชมกันเลยค่ะ

    ห้องแบบ Studio ขนาด 27.5 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้คือ เป็นห้องหน้ากว้าง ได้ช่องแสงเยอะ ห้องจะดูโปร่งโล่งมากกว่าห้องแบบหน้าแคบลึก ซึ่งเป็นรูปแบบของห้อง Studio ส่วนใหญ่ในตลาด / โครงการออกแบบให้โซนนั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนติดหน้าต่าง จึงได้วิวและแสงจากภายนอก แต่ก็ทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานห้องครัวและห้องน้ำลดลง เพราะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ทำครัวเยอะ และเน้นใช้พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่เตียงนอนเป็นหลัก

    ส่วนที่เราคิดว่าดีคือ ทางโครงการจะมีประตูบานเลื่อนกั้นห้องครัวมาให้ (หมายเลข 1) ช่วยกันกลิ่น ควัน เข้าโซนพักอาศัยหลักได้ระดับนึง และมีพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่าง (หมายเลข 2)ให้สามารถปรับการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์

    ในส่วนของห้องน้ำนั้นจะค่อนข้างแตกต่างกว่าโครงการทั่วไป เนื่องจากเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป (สร้างและประกอบที่โรงงาน ค่อยมาติดตั้งหน้างาน) ข้อดีของห้องน้ำประเภทนี้คือ คุณภาพค่อนข้างดีเพราะประกอบจากโรงงาน มีการ QC ไม่เหมือนห้องน้ำทั่วไปที่ต้องแล้วแต่โชคว่าช่างที่ทำให้ห้องเรานั้นทำเก่งรึเปล่า

    การซ่อมแซมง่าย ไม่รั่วซึม ทำความสะอาดง่าย แต่ข้อเสียก็มีนะคะ คือเรื่องราคาที่สูงกว่าห้องน้ำธรรมดา และขนาดที่ไม่มีให้เลือกได้มากนัก พื้นห้องน้ำจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นห้อง ออกแบบมากะทัดรัด เพื่อประหยัดเนื้อที่ใช้สอยส่วนอื่นๆ ซึ่งยากที่จะต่อเติมหรือขยับขยายแน่นอน สำหรับใครที่สนใจในการศึกษาห้องน้ำสำเร็จรูปเพิ่มเติมสามารถ (คลิกที่นี่) ได้เลยค่ะ

    ประตูหน้าห้องพักอาศัยจะติด Digital Door Lock มาให้ของ Yale รุ่นนี้ใช้ได้ทั้ง Card และ Password / มีการทำธรณีประตูขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อกันไม่ให้น้ำจากทางเดินส่วนกลางไหลเข้าห้องได้

    เข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวเป็นส่วนแรก ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ ซึ่งพื้นที่โซนนี้จะมีประตูบานเลื่อนกั้นไม่ให้กลิ่นควันเข้าไปด้านในที่เป็น Living Area / พื้นห้องทั้งหมดเป็นไม้ลามิเนต และฝ้าเพดานสูง 2.6 ม. ค่ะ

    มาดูรายละเอียดส่วนของเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งแรก เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมี Pantry ครัว พร้อม Backsplash ด้านหลัง และตู้เก็บของทั้งหมด ยกเว้นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไมโครเวฟ ตู้เย็นจะไม่ได้ให้มา แต่ก็เว้นช่องไว้ให้วางได้

    ภายในครัวมีพื้นที่สำหรับยืนทำครัวได้สะดวก แต่ด้วยตำแหน่งของครัวที่อยู่ติดประตูห้อง ถ้าพักอาศัยกัน 2 คน ก็ต้องระวังตอนเปิดประตูกันนิดนึง

    เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานไม้ลามิเนต ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft Close / มีช่องว่างให้วางไมโครเวฟเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ทำครัวบนเคาน์เตอร์ แต่เวลาใช้งานก็ต้องก้มกันหน่อย / ตู้เป็นลิ้นชักไว้ใช้เก็บช้อนส้อม เก็บจาน / อีกตู้หนึ่งอยู่ใต้ซิงค์ล้างจานเป็นตู้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ

    ปกติเรามักจะเห็นพื้นที่ตรงกลางเป็นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า สำหรับโครงการนี้ออกแบบมาให้ตรงกลางเปิดออกมาเป็นโต๊ะเสริมได้ เพื่อให้เรามีพื้นที่นั่งทานอาหารในครัว เหมาะกับคนที่ไม่ชอบให้มีกลิ่นอาหารในห้องนอน และโต๊ะตัวนี้ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ในการทำครัวเพิ่มด้วย

    โดยขาตั้งจะติดล้อเลื่อนให้เลื่อนออกมาจากตู้ได้ เวลาใช้งานก็ระวังไปโดนนะเพราะไม่มีตัวล็อก / ใครใช้เก้าอี้พับเป็นเก้าอี้ทานข้าว ก็สามารถเก็บเก้าอี้เข้าไปในตู้ได้เลย เพราะมีพื้นที่ในตู้เหลืออีกนิดหน่อย เราว่าโต๊ะแบบนี้ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องได้ดีค่ะ

    ส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวให้มา 3 ช่อง / ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน ถัดมาเป็นเคาน์เตอร์โล่งไว้ให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร สุดท้ายเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน / Top เป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลังจะติดกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้ตามแบบห้องตัวอย่างเลย เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    ซิงค์ล้างจานของ Franke มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

    เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Franke จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Franke เช่นกัน ซึ่งเป็นระบบหมุนเวียน จึงยังเหมาะกับการทำอาหารเบาๆ ที่ไม่มีกลิ่นควันแรงๆ

    ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนะคะ

    ในส่วนของห้องน้ำค่อนข้างพิเศษจากโครงการอื่นคือ เป็นห้องน้ำสำเร็จรูป มีข้อดีข้อเสียตามที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้าแล้ว / ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ให้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย

    เนื่องจากพื้นห้องน้ำสำเร็จรูปต้องวางซ้อนทับลงบนพื้นห้องอีกที ทำให้พื้นห้องน้ำจะสูงกว่าพื้นห้องขึ้นไปอีกนิดหน่อย

    อ่างล้างหน้าของ Bathroom Design มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย มีพื้นที่ให้แขวนผ้าเช็ดมือผืนเล็กๆ ได้ และด้านข้างอ่างมีช่องให้วางของได้อีกนิดหน่อยด้วยค่ะ

    ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่สูงเกือบเต็มผนัง ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่งขึ้น เราชอบห้องน้ำสำเร็จรูปนะ เพราะจะมี Low Wall ด้านหลังอ่างล้างมือเพิ่มขึ้นมา ทำให้เรามีพื้นที่วางของได้เพิ่มอีกเยอะเลย ซึ่งจริงๆ พื้นที่ส่วนนี้คืองานระบบท่อในห้องน้ำนี่แหละ

    โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นของยี่ห้อ Kohler พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ

    ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำ เป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานสวิง มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่อาบน้ำกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง

    สำหรับมือจับสามารถนำมาใช้เป็นที่แขวนผ้าเช็ดตัวก็ได้ ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดยางกันกระแทกตรงขอบประตู และมี Door Stopper เพื่อป้องกันการกระแทก

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 0.9 ซม. ภายในพื้นที่อาบน้ำมีการติดตั้งฝักบัวของ Grohe มีขนาดจับได้ถนัดมือดี ส่วนที่ดีคือมีการเจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เสร็จ พร้อมใช้งานเลย

    สำหรับประตูห้องครัวทางโครงการจะติดตั้งมาให้แบบนี้เลย เป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอนทำให้เปิดได้กว้าง เดินผ่านเข้า-ออกสะดวกดี

    เข้ามาโซนพักผ่อนกันบ้าง ความรู้สึกแรกเลยคือ โปร่งโล่ง เพราะได้ช่องแสงยาวตลอดแนวผนังฝั่งขวาเลย / พื้นที่นั่งเล่นและนอนอยู่ในโซนเดียวกันแบบนี้ จึงเหมาะกับการอยู่คนเดียว ไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะไม่มีแยกโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่นออกจากกันอย่างชัดเจน

    จุดอ่อนอย่างหนึ่งของห้องแปลนนี้คือ ระยะดูทีวี ถ้าเลือกขนาดเล็กก็นั่งดูจากโซฟาได้สบาย แต่เวลานอนดูก็จะเล็กไปหน่อย หรือถ้าเลือกใหญ่ขึ้นให้นอนดูได้ด้วย แต่เวลานั่งดูบนโซฟาก็จะใหญ่บึ้ม แนะนำว่าให้เลือกตามการใช้งานของเรา ว่าปกติเรานั่งโซฟา หรือนอนดูบนเตียงมากกว่ากัน

    ถ้าเป็นคนชอบนั่งดูทีวีบนโซฟา ก็จัดพื้นที่นั่งเล่นตามห้องตัวอย่าง มีระยะดูทีวีประมาณ 2 ม. มีขนาดทีวีที่เหมาะสมคือ 46 นิ้ว

    ถ้าใครอยากติดทีวีใหญ่ขึ้นเราแนะนำว่าขยับโซฟามาติดปลายเตียง (ตรงเส้นประสีแดง) แล้วติดทีวีสัก 60 นิ้ว ก็จะช่วยให้ทั้งนั่งและนอนดูทีวีได้ถนัดขึ้น

    ด้านข้างทีวีมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไประเบียง

    โดยกรอบประตูจะอยู่บนขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นอีกทีนึง ซึ่งขอบธรณีนี้จะช่วยกันน้ำจากภายนอกไม่ให้ไหลเข้าสู่ภายในตัวห้อง / ระเบียงมีขนาด 0.9 x 1.7 ม. พอให้วางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้ลงตัว ดีที่โครงการแขวน Condensing Unit ขึ้นไปด้านบน จึงช่วยประหยัดพื้นที่ระเบียงไปได้

    สุดท้ายคือพื้นที่วางเตียงนอน ซึ่งเหมาะจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตตามห้องตัวอย่าง เพื่อให้เหลือพื้นที่ด้านข้างไว้วางตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะเครื่องแป้ง หรือจะแค่วางโซฟาริมหน้าต่างตัวเดียวแบบห้องตัวอย่างก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเลย

    พื้นที่อเนกประสงค์ข้างเตียงที่ว่าคือ ส่วนที่เราทำเส้นประไว้ มีขนาดประมาณ 1 x 2.5 ม. ซึ่งเราสามารถออกแบบการใช้งานได้เอง

    หน้าต่างของห้องเป็นบาน Fixed ผสมบานกระทุ้ง ให้เปิดระบายอากาศได้

    ดวงไฟในห้องจะได้เป็นดาวไลท์ทรงเหลี่ยมๆ ตามแบบในห้องตัวอย่างค่ะ

    ถัดมาที่ห้อง 1  Bedroom Plus 35 ตร.ม. เป็นอีกหนึ่งห้องที่ออกแบบมาเป็น Interlocked Layout Plan ข้อดีอย่างแรกของแปลนห้องนี้คือ ห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออก ได้ 2 ทาง (หมายเลข 1) เวลามีแขกมาเยี่ยมก็สามารถเข้าห้องน้ำจาก Living Room ได้เลย ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอน จึงไม่เสียความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัยไป

    จุดเด่นถัดมาคือ ได้ Multi-Purpose Room ที่มีหน้าต่างในตัว (หมายเลข 2) ทำให้ในห้องมีบรรยากาศที่โปร่งโล่ง สามารถปรับเป็นห้องนอนได้ดี แต่ก็มีประเด็นที่ว่า Living Area จะต้องพึ่งแสงธรรมชาติผ่านจากห้องนี้เข้าไป ถ้าติดม่านก็จะกันแสงไว้ ทำให้ส่วนอื่นๆ ภายในห้องมืด ถ้าเปิดม่านห้องนอนนี้ก็จะไม่เป็นส่วนตัว การเลือกใช้ฟังก์ชันของห้องนี้ จึงต้องดูให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ด้วยค่ะ

    ส่วนตัวคิดว่าใช้อยู่อาศัยไม่เกิน 2 คนกำลังดี ถ้า 3 คนแบบพ่อแม่ลูก ก็จัดห้องนอนให้เพียงพอได้ แต่มีห้องน้ำเพียงห้องเดียวก็จะต้องจัดสรรการใช้งานกันหน่อย สำหรับระเบียง (หมายเลข 3) จะถูกจัดเข้าไปไว้ในห้องนอน ซึ่งถ้าเราจะตากผ้าต้องเดินผ่านเตียงนอนเข้าไป ก็จะลำบากนิดหน่อยค่ะ

    สุดท้ายคือห้องครัวในห้องนี้จะได้เป็นครัวปิด มีพื้นที่ทำครัวเป็นสัดส่วนดี ติดเครื่องดูดควันมาให้เป็นแบบหมุนเวียน แต่ครัวที่ไม่มีหน้าต่างก็ยังไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆ ที่มีกลิ่นควันแรงๆ นะคะ

    เข้ามาภายในห้องส่วนแรกจะมี Living Room อยู่ตรงกลาง เชื่อมห้องต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน หากใครจัด Multi-Purpose Room เป็นห้องนั่งเล่น ก็สามารถวางโต๊ะทานอาหารที่ห้องนั่งเล่นได้เต็มๆ แบบในห้องตัวอย่าง ดูใช้งานสะดวกดีเพราะอยู่ติดครัวเลย

    หรือหากใครใช้ Multi-Purpose Room เป็นห้องนอน ก็สามารถวางโซฟาที่ห้องนี้เพิ่มได้ แต่โต๊ะทานอาหารต้องเล็กลง ก็จะวางโซฟาเพิ่มได้ และติดทีวีที่ผนังฝั่งซ้าย เป็นการใช้งานอีกแบบที่ลงตัวเช่นกัน

    ห้องครัวจะได้เป็นครัวปิด ให้ประตูมาเป็นกระจกบานเลื่อน ทำให้ห้องดูไม่ทึบ ไม่อึดอัด

    ประตูห้องครัวเป็นบานเลื่อน 2 ตอน พอเปิดแล้วจึงมีระยะเดินเข้า-ออกไม่กว้างมาก แต่ก็พอให้ถือจาน ชามแล้วเดินผ่านได้

    ภายในห้องครัวจะมี Pantry ครัวมาให้เหมือนในแบบห้องแรกเลย ต่างกันที่ช่องใต้เคาน์เตอร์จะเปลี่ยนจากโต๊ะพับเป็นช่องสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า เพราะห้องไซส์นี้ มีพื้นที่พอให้วางโต๊ะทานอาหารได้ลงตัวแล้ว

    ภายในห้องครัวจะมีพื้นที่ให้วางตู้เย็น เวลาวางตู้เย็นก็ขยับมาทางขวาสักหน่อย จะได้ไม่ชนกับบานตู้ใต้ซิงค์ ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้สามารถ Built-in ตู้ลอย ไว้ใช้เก็บของเพิ่มได้ด้วยนะ

    พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอน ส่วนห้องกระจกด้านในคือ ห้องอเนกประสงค์ (Multi-Purpose Room) ค่ะ

    ห้องน้ำเป็นแบบสำเร็จรูปเช่นเดียวกับห้องแรก ภายในจัดฟังก์ชัน และให้วัสดุอุปกรณ์ไว้เหมือนกันเลย

    ข้อดีของน้ำนี้คือ เข้าออกได้ 2 ทาง ทั้งทางห้องนั่งเล่นและห้องนอน

    ในส่วนของห้องอเนกประสงค์ ได้ประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน จึงเปิดได้กว้าง ซึ่งบานประตูจะสูงถึงฝ้าเพดานเลยทำให้ดูโปร่งดี ถ้าใครจะจัดห้องนี้เป็นห้องนอนก็แนะนำให้ติดม่านบังสายตาเพิ่มหน่อย ให้เกิดความเป็นส่วนตัวในห้องนอนนะคะ

    ภายในห้องตัวอย่างจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น วางโซฟา 3 ที่นั่งได้สบาย หรือจะจัดเป็นห้องนอนก็มีพื้นที่ให้วางเตียงเดี่ยวได้

    ภายในห้องจะมีช่องแสงในตัว ซึ่งเป็นหน้าต่างบานใหญ่พอสมควร เป็นบาน Fixed ผสมบานกระทุ้ง จึงสามารถเปิดระบายอากาศได้

    ปิดท้ายด้วยห้องนอน จะได้ความเป็นส่วนตัวจากการใช้ประตูบานทึบ เป็นบานสวิง

    พื้นที่ภายในห้องนอนมีพื้นที่ให้วางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบ ทั้งเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง

    เราสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ตามห้องตัวอย่าง ก็จะเหลือพื้นที่ข้างเตียงให้วางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะหัวเตียงเพิ่มได้

    ตำแหน่งวางเตียงจะอยู่ติดกับระเบียง ทำให้สามารถนอนมองวิวจากบนเตียงนอนได้เลย

    พื้นที่ปลายเตียงไม่เหลือพื้นที่ให้ตั้งชั้นวางทีวีนะคะ เพราะต้องเว้นที่ไว้ให้เดินผ่านเข้าออกระเบียง ถ้าใครจะติดทีวีก็ใช้แบบแขวนเอานะ

    ระเบียงห้องมีขนาด 0.9 x 2.4 ม. มีพื้นที่ให้วางราวตากผ้าและจะเหลือพื้นที่อีกนิดหน่อยให้มายืนชมวิวได้ เพราะเครื่องซักผ้าตั้งอยู่ในครัวแล้ว จึงไม่ต้องเผื่อพื้นที่วางเครื่องซักผ้าอีกค่ะ

    Condensing Unit จะถูกแขวนไว้ด้านบน เราจึงใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนจะมีทางไปห้องน้ำ ซึ่งเข้าได้จากทางห้องนอนได้เลย ข้างห้องน้ำมีพื้นที่ให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง

    หากใครมีเสื้อผ้าเยอะๆ ก็สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว L ได้ หรือจะทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งแบบในห้องตัวอย่างก็ได้ เฟอร์นิเจอร์ในส่วนนี้ทางโครงการไม่ได้มีมาให้ จึงสามารถออกแบบได้ตามไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยได้เลย

    หน้าตาของปั๊กและสวิตซ์ที่ให้ของ Legrand ส่วนสวิตซ์ด้านซ้ายบนจะเป็นระบบ Home Automation ที่สามารถควบคุมไฟจากมือถือได้ค่ะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 April 2020

    Studio 25-27.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.87 ล้านบาท หรือ 115,000 บาท/ตร.ม.
    1 Bedroom 32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท หรือ 118,750 บาท/ตร.ม.
    1 Bedroom Plus 35-40 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.4 ล้านบาท หรือ 125,714 บาท/ตร.ม.
    2 Bedroom 45-58 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท หรือ 140,000 บาท/ตร.ม.

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร
    • Hob&Hood
    • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
    • จอง 50,000 บาท
    • ทำสัญญา 50,000 บาท
    • ดาวน์ 0% ผ่อนดาว 0 งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
    • Promotion : ราคา 115,000 บาท/ตร.ม. รับส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท จองวันนี้รับคืนทันทีสูงสุด 20,000 บาท
      **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    สรุป

    การออกแบบห้องพักอาศัย – คอนโด Life อโศก-พระราม 9 มีความแตกต่างจากโครงการอื่นที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมตรงๆ โดยออกแบบมาให้ห้องพักส่วนใหญ่เป็นห้อง Interlocked ดูจากแปลนห้องง่ายๆ คือห้องที่แปลนเป็นรูปตัว L

    • ข้อดีอย่างแรกของห้อง Interlocked คือ ทำให้ห้องมีมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่กล่องสี่เหลี่ยมตรงๆ ตามปกติ
    • ถัดมา คือ โซน Living Area จะได้อยู่ติดกับหน้าต่างแบบเต็มๆ ดูโปร่งโล่งและชมวิวได้สะดวกขึ้น เพราะผู้ออกแบบสามารถดันห้องครัว ห้องน้ำ ไปไว้ด้านข้างในส่วนที่เป็นตัว L ได้
    • สุดท้ายคือ มีแบบให้เลือกหลากหลาย เราสามารถเลือกแบบห้องที่เข้ากับไลฟ์สไตล์เราได้

    วัสดุ – Fully Fitted ให้ชุดครัวและวัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำ ถือว่ามาตรฐานตามราคาคอนโด ประตูติด Digital Door Lock ของ Yale / ผนังห้องฉาบเรียบทาสีขาว / พื้นภายในห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนต 8 มม. ยกเว้นห้องครัวของ 1 Bedroom Plus จะเป็นพื้นกระเบื้อง ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในครัว / ชุดครัวของ Franke / เสียดายนิดเดียวที่เป็นเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน / ส่วน Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ ทนต่อน้ำและความร้อนได้ดี / ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมดเป็นของ Kohler ค่ะ

    เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับการรีวิวห้องตัวอย่าง โครงการ Life อโศก-พระราม 9 ซึ่งต้องขอบอกก่อนนะคะว่า นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เรานำมาฝากกัน เรายังมีรายละเอียดและบทวิเคราะห์อื่นๆ ที่เพื่อนๆ สามารถรอชมได้ในรีวิวเจาะลึกฉบับเต็มเร็วๆ นี้

    ภาพรวมงานก่อสร้างของโครงการตอนนี้เสร็จไปประมาณ 90% แล้วนะคะ ซึ่งทางโครงการได้เปิดห้องตัวอย่างให้ชมกันแล้วด้วย สามารถเข้าไปลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลและสิทธิพิเศษโดย คลิกที่นี่ หรือไปชมห้องตัวอย่างจริงกันได้แล้ววันนี้ตาม ลิงค์แผนที่ นี้เลยค่ะ