รีวิวฉบับที่ 1931 … หลังจากผ่าน 3 ปี ไม่นานเราก็กลับมารีวิวตึกเสร็จ The Politan Rive คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดถนนสนามบินน้ำ โครงการนี้ถ้าใครยังไม่รู้จักมาก่อนเราจะขอสปอยเลยว่าเป็นหนึ่งใน Mega Project ของทาง Everland ที่จัดเต็มเรื่อง Facilities จริงๆ ในราคาห้อง 1 Bedroom ที่หยิบจับได้จริง เริ่ม 1.57 ล้านบาท เราไปดูกันว่าเสร็จแล้วบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง

 

Fact @ 22 August 2019

  • The Politan Rive (เดอะ โพลิแทน รีฟ)
  • บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : อ.เมือง จ.นนทบุรี
  • คอนโด High Rise 56 ชั้น 2,351 ยูนิต ร้านค้า 8 ยูนิต และ Sky lounge ชั้น 57
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 51 ชั้น
  • ที่จอดรถประมาณ 1,037 คันคิดเป็น 44% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 58%
  • ที่ดินประมาณ 9-3-37.6 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q1 ปี 2559
  • แล้วเสร็จ : 2562 (สร้างเสร็จพร้อมอยู่)
  • 1 Bedroom 24.5 – 30.5 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 50 – 60 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.57 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 52,650-130,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า ได้ที่: พาชมทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-002-2222

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.873770, 100.479132
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ The Politan Rive เป็นอีกหนึ่งโครงการคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยาในประเทศนะคะ ต้องบอกว่าคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยามีหลายโครงการมากๆ เพราะแม่น้ำนี้ยาวพอสมควรเลย โดยปกติจุดที่เป็นที่ฮือฮาและคึกคักจะอยู่แถวโซนเจริญนคร เจริญกรุง แถวๆ นั้น ซึ่งราคานี่ก็เป็นไปตามความฮือฮาเช่นกัน ไม่มีราคาที่คนทั่วไปหยิบจับได้

ในทางกลับกัน สำหรับใครที่อยากได้คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายชานเมืองวิ่งเข้าเมือง ทำเลโซนรัตนาธิเบศร์ – นนทบุรี ก็น่าสนใจเช่นกัน หนึ่งในโครงการริมแม่น้ำก็คือ The Politan Rive นี่เองค่ะ โดยปัจจุบันห้องราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.57 ล้านบาทนะ จัดว่าไม่ได้แรงเกินกำลังมนุษย์เงินเดือนทั่วไป

สำหรับบรรยากาศของทำเลนี้ต้องบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงไประดับนึงเลยตั้งแต่ช่วงก่อสร้างรถไฟฟ้า จนตอนนี้แล้วเสร็จและให้ใช้บริการมาสักพักใหญ่แล้ว บรรยากาศที่เปลี่ยนไปชัดเจนคือการที่เราเห็นโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นเกาะตามสถานีต่างๆ มากขึ้น ไม่ใช่ชุมชนแนวราบอย่างเดียวอีกต่อไป

ส่วนทำเลบนถนนสนามบินน้ำที่เป็นที่ตั้งโครงการเอง ส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบที่อยู่กันมานาน รวมไปถึงเป็นที่ตั้งของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทำให้บริเวณช่วงต้นๆ ใกล้ถนนติวานนท์นั้นค่อนข้างคึกคัก มีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงตลาดสำหรับพนักงาน ข้าราชการ และคนในแถบนั้นด้วย

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าสะดวกนะ เพราะเชื่อมเข้าถนนรัตนาธิเบศร์ง่าย ซึ่งถนนเส้นนี้จัดเป็นถนนสายสำคัญของโซนนนทบุรีนี้ที่วิ่งเข้าเมืองไปทางบางซื่อ-เตาปูน หรือจะออกเมืองไปทางบางใหญ่ก็ง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากถนนรัตนาธิเบศร์นี้เป็นถนนหลักที่ใช้ในการเดินทางเข้าออกเมืองของคนในย่านนี้จึงอาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางมากๆหน่อยนะคะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนนะ

สำหรับการเดินทางโดยพึ่งพิงระบบสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ สถานีพระนั่งเกล้า ที่ห่างจากโครงการประมาณ 350 ม. ซึ่งตัวสถานีจะอยู่ในฝั่งตรงข้ามถนนนะคะ ในอนาคตคาดว่าจะมีการทำสะพานลอยมาเชื่อมให้เพื่ออำนวยความสะดวกคนใช้บริการในฝั่งตรงข้ามด้วย รวมทั้งทางโครงการก็ได้จัดให้มี Shuttle Service เป็นรถตู้รับ-ส่งโดยวิ่งวนเป็นลูปออกจากโครงการวนออกซอยรัตนาธิเบศร์ 42 จอดรับ-ส่งลูกบ้านที่สถานีรถไฟฟ้าและวิ่งกลับเข้าโครงการทางถนนสนามบินน้ำ ซึ่งรถตู้จะมีให้ใช้บริการอยู่ 3 คัน ผลัดวนรับ-ส่งให้ค่ะ

ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์บนถนนสนามบินน้ำก็อย่างที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่ามีร้านอาหาร ร้านรถเข็น รวมไปถึงตลาดสนามบินน้ำที่อยู่ตรงข้ามสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถหาของกินได้ง่ายไม่ไกลมากนักสำหรับระยะการขับรถนะคะ แต่หากเป็นระยะเดินนั้นค่อนข้างหาของกินลำบากอยู่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพิงร้านค้าในโครงการที่จัดมาให้ 8 ร้านค้าค่ะ ส่วนห้างที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือ Central รัตนาธิเบศร์ ห้างดังห้างใหญ่ประจำถนนสายนี้ สามารถวิ่งลัดเข้าถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีเข้าสู่ตัวห้างได้ไม่ต้องเผชิญรถติดบนถนนรัตนาธิเบศร์ ส่วนห้างที่ไกลออกไปหน่อยก็จะมี Central West Gate แถบบางใหญ่กับอีกฝั่งบนถนนงามวงศ์วานอย่าง Esplanade แครายและ The Mall งามวงศ์วานให้เลือกไปช็อปปิ้งกัน โดยรวมแล้วสิ่งอำนวยความสะดวกและความอุดมสมบูรณ์ในรัศมีไม่เกิน 10 กม. ก็ถือว่าค่อนข้างครบครันค่ะ

ซูมเข้ามาที่ผังที่ดินโครงการนะคะ โดยเราขอพูดถึงที่ดินขนาดใหญ่ของทาง Everland ก่อนนะคะ ก็คือตรงที่เราลากกรอบเส้นประสีเหลืองไว้ ทั้งนี้ทาง Everland หั่นที่ดินออกเป็น 4 ก้อนด้วยกัน ซึ่งฝั่งที่ใกล้กับสะพานพระนั่งเกล้าและใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุดจะเป็นที่ดินของ The Politan Rive นะคะ ถัดมาเป็น Low Rise ชื่อ The Politan Breeze และถัดมายังเป็นที่ดินรอพัฒนาอยู่ สุดท้ายคือ The Politan Aqua ซึ่งเป็นโครงการใหม่สุดของทาง Everland ตอนนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้างค่ะ

สำหรับการเดินทางของเราในวันนี้ จะเริ่มต้นจากบริเวณสี่แยกแคราย ตรงมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ ตรงมาเรื่อยๆจนผ่าน Central รัตนาธิเบศร์ ก่อนขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าให้เบี่ยงซ้ายออกทางขนานเพื่อไปกลับรถที่ใต้สะพาน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำ เข้าซอยนนทบุรี 15 ลึกประมาณ 260 ม.ก็ถึงหน้าปากทางเข้าโครงการ

The Politan Breeze_L (1)

การเดินทางในวันนี้เริ่มจากบริเวณสี่แยกแคราย ตรงไปตามถนนรัตนาธิเบศร์  พอเริ่มเข้าถนนนี้มาทางด้านซ้ายจะผ่านเอเวอรี่มอลล์ มอลล์เล็กๆที่กำลังทำการรีโนเวทอยู่ (Hobby Lobby เก่า) ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นเอสพลานาด งามวงศ์วาน – แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์

The Politan Breeze_L (2)

ขับตรงมาซักระยะจะเจอกับ สถานีแรกบนถนนรัตนาธิเบศร์ คือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ทางฝั่งซ้ายเป็นบริษัท ไทยคม จำกัด มหาชน ส่วนทางด้านขวาเป็น อุทยานมกุฏรมยสราญ และ ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี

ตรงมาอีก ทางฝั่งซ้ายจะเป็น Big C รัตนาธิเบศร์ ซึ่งมีทางขึ้นลงสถานี บางกระสออยู่ด้านหน้าเลย ใครจะมาจับจ่ายใช้สอยก็สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงได้

ถัดมาจะเจอเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ห้างใหญ่ของคนย่านนี้ อยู่ทางฝั่งขวาซึ่งจะตรงกับสถานี นนทบุรี 1

The Politan Breeze_L (5)

ขับตรงมาอีกหน่อยจะเห็นป้ายบอกทางไปยังถนนสนามบินน้ำ (กระทรวงพาณิชย์) โดยให้เริ่มเบี่ยงซ้ายออกทางขนาน

The Politan Breeze_L (6)

เราจะเบี่ยงซ้ายออกทางขนานค่ะ ตรงจุดนี้ต้องระวังนิดนึงค่ะเพราะถ้าเลยตรงนี้ไปจะถูกบังคับให้ขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าเลยค่ะ

The Politan Breeze_L (7)

จากนั้นจะต้องขับตรงไปกลับรถใต้สะพาน ส่วนสะพานลอยนี้จะเป็นสะพานที่เราเดินออกมาจากถนนสนามบินน้ำ แล้วใช้ข้ามมาขึ้นรถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้าค่ะ

พอขับเลยสะพานลอยมาจะเห็น ทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า โดยถนนสนามบินน้ำจะอยู่ฝั่งตรงข้าม ช่วงกลางถนนจะมี barrier กั้นทางอยู่

พอข้ามแยกมาจะมีทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าอยู่อีกจุดหนึ่ง เราจะตรงต่อไปเพื่อกลับรถค่ะ

จุดกลับรถจะอยู่บริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้า ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ในอนาคตจะมีการสร้างจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยาค่ะ

พอกลับรถมาเราจะเจอกับซอย รัตนาธิเบศร์ 42 ซึ่งใช้เป็นซอยลัดเข้าโครงการได้ และในอนาคตคาดว่าจะมีการ Sky walk มาลงบริเวณนี้แต่ยังไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัด เราจะตรงต่อไปเข้าทางถนนสนามบินน้ำค่ะ

จากซอย  รัตนาธิเบศร์ 42 ขับตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับถนนสนามบินน้ำ เราจะเลี้ยวเข้าซอยนี้ไปค่ะ

ภายในถนนสนามบินน้ำเป็นถนนสี่เลน มีเกาะกลางที่มีโคมไฟประดับตรงช่วงกลางถนน บริเวณต้นถนนสนามบินน้ำสังเกตว่าจะมีคอนโด High Rise ขึ้นมาให้เห็นบ้างทั้ง 2 ฝั่งถนน โดยฝั่งซ้ายเป็นคอนโด ธารารินทร์ เจ้าพระยา ทางฝั่งขวาเป็นศุภาลัย ซิตี้รีสอร์ท

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • วัดน้อยนอก ~300 ม.
  • โรงเรียนธัมมสิริศึกษา ~300 ม.
  • กระทรวงพาณิชย์ ~1.4 ม.
  • เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ~2.2 กม.
  • บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ ~3.1 กม.
  • สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ~3.5 กม.
  • สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ~3.5 กม.
  • ตลาดสนามบินน้ำ Market Park ~3.5 กม.
  • โรงพยาบาลทรวงอก ~5.5 กม.
  • Tesco Lotus แคราย ~5.5 กม.
  • Esplanade แคราย ~5.5 กม.
  • โรงพยาบาลศรีธัญญา ~7 กม.
  • เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ~7.3 กม.
  • โรงพยาบาลนนทเวช ~7.4 กม.
  • Central West Gate ~8.5 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

The Politan Rive จัดเป็นโครงการแรกบนที่ดินผืนใหญ่ของทาง Everland ที่หั่นมาทำเป็นคอนโด High Rise ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งด้วยผืนที่ดินขนาดใหญ่ 9 ไร่กว่า แน่นอนว่าจำนวนยูนิตก็ต้องเยอะตามที่ดินอยู่แล้วนะคะ อย่างโครงการนี้มียูนิตทั้งหมดกว่า 2000 ยูนิต แต่สิ่งที่แลกมาสำหรับโครงการขนาดใหญ่แบบนี้ และหาได้ยากในโครงการขนาดเล็ก-กลาง ก็คือ Facilities ขนาดใหญ่ตามเช่นเดียวกัน ซึ่งจุดชูโรงที่นี่ก็เป็นเรื่อง Facilities นี่แหละค่ะ เพราะเค้าให้มาถึง 3 จุดใหญ่ๆ (ใหญ่จริงๆ)

พอกลับมามองกลุ่มที่น่าจะสนใจโครงการนี้ ทำให้เรามองว่าไม่ใช่แค่คนที่อยู่ในย่านนี้ อยากได้คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ราคาไม่แรงหยิบจับง่าย มีตัวเลือกให้ใช้รถไฟฟ้าเข้าเมืองได้สะดวกเท่านั้น เรากลับมองว่า เอ…พนักงานกินเงินเดือนแบบเราๆ อยากได้ Second Home ที่ราคาไม่แรง ล้านปลายๆ ใกล้เมือง ว่างๆ หรือช่วงวันหยุดเรานั่งรถไฟฟ้าหรือขับรถมาพักผ่อน ทำกิจกรรมแค่ในคอนโดอย่างเดียว ก็น่าจะเหมาะเหมือนกันนะ อันนี้ความคิดส่วนตัวเลย ถ้าใครคิดเหมือนกันอยากให้ลองมาเดินเล่นดูบรรยากาศที่นี่กันค่ะ

Facilities (พื้นที่ส่วนกลาง)

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน คือชั้น 1, ชั้น 9 และชั้น 56-57 (ชั้นบนสุดของอาคาร) โดยเราจะพาไปดูในแต่ละจุดไล่ไปทีละชั้นกันนะคะ

ชั้น 1

เปิดด้วย Master Plan เริ่มต้นจากทางเข้ามาตำแหน่งอาคารจะวางด้านหน้าใกล้ทางเข้า-ออกก่อน จากนั้นฝั่งริมแม่น้ำจัดให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่างอาคาร Club House แยก และสวนหย่อมขนาดใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ซูมเข้ามาในอาคาร Lobby จะแบ่งออกเป็น 2 โซน เพื่อแบ่งกระจายการใช้งานและการขึ้น-ลงชั้นพักอาศัยของลูกบ้านในแต่โซน ซึ่งทั้ง 2 Lobby นั้นจะมี Hall หรือทางเดินแบบ Semi-Outdoor เชื่อมระหว่างกันอยู่ ซึ่งระหว่างทางเดินนี้จะมี Shop หรือร้านค้าทั้งหมด 8 ร้านค้าด้วยกัน รูปแบบของร้านค้านี้เป็นแบบการขายขาดนะคะ

ส่วนที่จอดรถในชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถรอบๆ ที่ดินโครงการและใต้อาคารบางส่วน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ชั้น 2-8 รวมซ้อนคันคิดเป็น 58% ซึ่งนับรวมๆ ก็จะอยู่ที่ 1,000 กว่าช่องจอดเลย โดยรวมแล้วเรามองว่าน่าจะเพียงพอในการใช้งานเพราะมี Shuttle Service อำนวยความสะดวกวิ่งไปรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้ด้วย

บริเวณภายนอกรอบอาคาร

เราเริ่มดูจากบริเวณทางเข้าหน้าโครงการกันเลยนะคะ และเดินดูรอบๆ อาคารกันว่าบรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง

จากทางเข้าโครงการเข้ามาเราจะเจอกับป้อมรปภ.ตรงกลาง แยกทางเข้าและออก 2 ฝั่ง ซึ่งการเข้า-ออกจะใช้ระบบ Keycard Access กั้นด้วยไม้กั้นกระดกอัตโนมัตินะคะ

ถัดมาหน่อยก้เป็นส่วน Drop – Off เลย ซึ่งจริงๆ วงเลี้ยวค่อนข้างแคบไปหน่อยนะสำหรับรถคันใหญ่ๆ ถ้าใครกะจะมาแค่ดรอปลูกบ้านลง แล้วรถขนาดใหญ่ สามารถจอดตรงถนนให้ลูกบ้านลงและขับอ้อมวนกลับมาได้ไม่ไกลมากค่ะ

สิ่งที่เราชอบของที่นี่คือมีช่องสำหรับเก็บจักรยานและมอเตอร์ไซค์ให้เป็นสัดส่วนเลย ซึ่งดีมากๆ ปกติไม่ค่อยจะเห็นโครงการจัดพื้นที่มาให้ขนาดนี้ โดยเฉพาะที่จอดแบบในร่ม กันแดดกันฝนได้

บรรยากาศส่วนที่จอดมอเตอร์ไซค์และจักรยานจะเป็นประมาณนี้ค่ะ จากที่สำรวจคนมีมอเตอร์ไซค์ค่อนข้างเยอะเลยนะ ในทำเลนี้ เรามองว่าสะดวกดี เพราะว่าเวลาออกไปซื้อของกิน ซื้อกับข้าวต่างๆ ตรงแถวกระทรวงสะดวกดี ไม่ต้องหาที่จอดรถนาน

และต้องบอกว่าพื้นที่ด้านข้างที่จอดรถจัดสวนให้ค่อนข้างดีเลยนะ บรรยากาศร่มรื่นเลยค่ะ บวกกับตำแหน่งโครงการที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้บริเวณกลางแจ้งแบบนี้ลมโกรกดีมากๆ เราไปเดินทีกลับมาผมไม่เป็นทรงเลย ใครชอบเดินชิลๆ แนะนำช่วงเช้าๆ เย็นๆ ออกมาเดินเลยรอบโครงการได้เลย

ที่จอดรถชั้นนี้อย่างที่บอกว่าจะมีทั้งแบบจอดใต้อาคารและจอดกลางแจ้งนะคะ ส่วนใหญ่เค้าเผื่อไว้สำหรับ Visitor เป็นหลัก ส่วนลูกบ้านเราแนะนำให้ไปจอดที่อาคารจอดรถจะสะดวกกว่า ใกล้ลิฟต์ขึ้นไปชั้นพักอาศัยได้ และมีอีกจุด Security ด้วย

ที่บอกว่าเป็นอีกจุด Security ก็คือเราต้องสแกนบัตรอีกรอบเพื่อเข้าจอดรถในอาคารนะ

และจากนั้นเราเดินตรงมาเรื่อยจะเริ่มเป็นโซนสวนด้านหลัง ติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ส่วนนี้พื้นที่จอดรถเลยทำพื้นเป็นคอนกรีตตัวหนอนและปลูกหญ้าให้ ทำให้รู้สึกเหมือนได้พื้นที่สีเขียวมากขึ้นไปด้วย

และตรงไปด้านหลังโครงการเราก็จะเจอกับสวนแล้วนะคะ เดี๋ยวเราเดินไปดูกัน

สำหรับพื้นที่สวนนี้นอกจากจะมีสนามหญ้า ต้นไม้ต่างๆ แล้วทางโครงการก็จัด Hard Scape ให้ใช้งานได้ด้วย เช่น พื้นที่นั่งเล่น และสนามเด็กเล่น

ปิดท้ายด้วยสนามหญ้าขนาดใหญ่ให้พาเด็กๆ มาวิ่งเล่น พร้อมชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วยนะ

หันกลับมาติดกับสวนริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะเป็น Club House สูง 3 ชั้นนะคะ เดี๋ยวหลังจากเราพาไปดูรอบโครงการเสร็จแล้วจะพาไปดู Facilities ด้านใน Club House กัน

จากนั้นเราเดินอ้อมมาและตรงไปก็จะเป็นทางเข้า-ออกโครงการแล้วนะคะ ตรงส่วนนี้ก็มีที่จอดรถ Visitor อีกจุด

และด้านหลังที่จอดรถทางโครงการออกแบบให้เป็นทางเดิน+Jogging Track กว้างให้เดินเล่นออกกำลังกายได้ ซึ่งทางเดินนี้จะยาวไปถึงหน้าโครงการเลย

Club House

ส่วน Club House นี้เราสามารถเข้าได้จากทั้ง 2 ทางนะคะ ทางที่เราเข้าเป็นทางเข้าจากถนนหลักโครงการ อีกทางก็คือเข้าได้จากสวนริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ

เข้ามาจะเป็นส่วน Lobby ก่อน ซึ่งตรงนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลให้อยู่นะ

อีกทางเข้านึงที่บอกว่าจากสวนริมแม่น้ำ ทางเข้าจะค่อนข้างอลังการทีเดียวค่ะ โดยใช้เป็นลักษณะฝ้าเพดานสูง เปิดโล่ง

เดินเข้าตรงกลางลักษณะการจัดจะเป็นเหมือน Lounge ริมสวนและวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนนี้ค่อนข้างโปร่งโล่งด้วยฝ้าเพดานสูงและกระจกทรงสูงด้านข้างนะ มานั่งคุยงานหรือมานั่งชมวิวชิลๆ ได้เลย

เราถ่ายมาให้ดูอีกมุมนะคะ ต้องบอกว่าชุดโซฟาที่ทางโครงการให้เยอะพอสมควรเลยนะ และการจัดก็วางเป็นโซนๆ คั่นด้วยเสา ทำให้แต่ละโซนมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้นดี

สิ่งที่ประทับใจอีกอย่างก็คือ การตกแต่งด้านในค่อนข้างดีเลยนะ ดีเทลเสาเอย ดีเทลผนังเอย เทียบกับราคาที่จ่าย โดยเฉพาะราคาห้อง 1 Bedroom แล้วได้แบบนี้เราว่าคุ้มค่านะ

ปิดท้ายตรงส่วน Lounge ตรงนี้ก็จะเป็นชุดโซฟา และเก้าอี้หลายจุดด้วยกัน มีทีวีไว้ให้ใช้งานได้

ถัดมาด้านข้าง Lounge ก็มีห้องต่างๆ ไว้ให้ใช้งานด้วยค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันว่าชั้นนี้มีอะไรบ้าง ยังไม่รวมชั้นบนด้วยนะ

เริ่มจากห้องแรกเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่นับจำนวนเก้าอี้แล้วน่าจะรองรับได้ประมาณ 10-12 คน ภายในเราดูแล้วเป็นห้องเก็บเสียง มีจอทีวีและกระดานกระจกไว้สำหรับงาน Present และประชุม

ถัดมาอีกห้องเป็นห้อง Library หรือห้องสมุด ลักษณะจะเป็นเหมือนห้องสำหรับอ่านหนังสือนะคะ ซึ่งด้านในจะจัดไว้ให้ใช้งานทั้งหมด 3 มุมใหญ่ๆ คือ มุมนั่งโซฟาใหญ่ สำหรับใครอยากอ่านหนังสือชิลๆ มุมโต๊ะทำงาน อีก 2 จุด

ติดกันจะเป็นห้องน้ำนะคะ จะบอกว่าที่นี่จัดห้องน้ำส่วนกลางมาให้หลายจุดมากๆ อย่างเฉพาะส่วน Club House ก็มีทั้งหมด 2 จุด ชั้นบนและล่าง เป็นอีกสิ่งนึงที่เราชอบนะ เพราะคนใช้งานเยอะ เรื่องห้องน้ำก็จำเป็นต้องมีให้เพียงพอเช่นกัน

บรรยากาศในห้องน้ำจัดมาสวยงามดีเลย สำหรับชั้นนี้จะมีแค่โซนโถสุขภัณฑ์นะคะ แต่ชั้นบนที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเพิ่มโซน Locker กับ ห้องอาบน้ำไว้ให้

ขึ้นมาชั้น 2 มีอะไรบ้าง เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะ

เริ่มต้นที่ห้อง Game Room ห้องนี้หลักๆ จัดพื้นที่ไว้สำหรับการสันทนาการต่างๆ อย่าง โต๊ะพลูก 2 โต๊ะ

มีโต๊ะโกลด์ไว้ให้อีก 2

และหนุ่มๆ น่าจะชอบก็จะเป็นเกมส์ มีมาพร้อมกับชุดขับรถด้วย สุดท้ายเรื่องบรรยากาศห้องนี้จัดมาดีทีเดียว น่าเล่น น่าใช้งาน

ห้องติดกันเป็นห้อง Golf Simulator ห้องนี้ทำเป็นสนามจำลองไว้เล่นกอล์ฟ ชิลๆ ในที่ร่มได้ ไม่ร้อน และไม่ต้องไปสนามจริง

ติดกันเป็นห้อง Yoga Fly + Pilates แบบจริงจังมากๆ ซึ่งถ้าใครเล่นเองเป็นอยู่แล้ว มาฝึกร่างกายเองที่นี่ก็ได้ไม่ต้องเข้าคลาส หรือจะรวมกันจ้างครูมาสอนที่โครงการเองก็ได้นะ ไม่ต้องไปสตูดิโอที่อื่น

และอีกมุมนึงก็มี Pilates ไว้ให้ทั้งหมด 3 เครื่อง

ขึ้นมาที่ชั้นบนซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้ากันต่อ ซึ่งจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและสระว่ายน้ำค่ะ

ขึ้นมาเราจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Outdoor มีทั้งแบบเก้าอี้และ Day Bed มานอนเล่นอาบแดด และได้วิวเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย

ด้านหลังของพื้นที่นั่งเล่นนี้เป็นห้องน้ำแยกชาย/หญิงนะคะ โดยขนาดจะใหญ่กว่าชั้นล่างพอสมควร

มีส่วน Locker ให้สำหรับเก็บของ เก็บเสื้อผ้า ก่อนลงสระ

และห้องอาบน้ำที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งาน

เดินตรงไปสุดทางก็จะเจอกับสระว่ายน้ำสระแรกของที่นี่ สระนี้ความโดดเด่นคือเป็นสระที่ได้วิวเสมอกับแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนขนาดสระว่ายน้ำนี้อยู่ที่ 20 x 8 ม. ยาวระดับนึงเลย

ส่วนลูกบ้านโครงการเพื่อนบ้านอย่าง The Politan Breeze ก็ได้ Benefit จากสระว่ายน้ำนี้ด้วยนะ เพราะนอกจากจะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วก็สามารถได้วิวสระว่ายน้ำนี้ด้วยเช่นกัน

ส่วนด้านข้างมีพื้นที่อาบน้ำเตรียมไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

และปิดท้ายส่วน Club House ด้วยวิวจากชั้นบนสุดของ Club House ที่ได้ทั้งวิวสวนและแม่น้ำเจ้าพระยา

ภายในอาคารพักอาศัย

เรามาเริ่มดูจากทางเข้า Lobby กันต่อนะคะ โดยพาร์ทนี้เราจะพาเดินไปดูบรรยากาศภายในอาคารกัน ก่อนที่จะขึ้นไปดูชั้น Facilities บนอาคารอื่นๆ ต่อ

บรรยากาศ Lobby ส่วนแรกค่อนข้างโอ่โถงทีเดียวนะคะ การตกแต่งภายในจะออกเป็นแนวหรูหราใช้ได้เลย + ฝ้าเพดานสูงด้วย

ด้านข้างมีการจัดพื้นที่มุมให้นั่งเล่นได้เป็นโซนๆ ซึ่งมีทั้งหมด 4 โซนด้วยกัน แต่ละโซนวางเฟอร์นิเจอร์ต่างกันอยู่ บางมุมเป็นชุดโซฟา บางมุมเป็นโต๊ะนั่งทำงาน

อีกฝั่งเป็น Mail Box นะคะ จัดเป็นห้อง Mail Box ที่ใหญ่มากจริงๆ

และสุดท้ายคือโถงลิฟต์ ซึ่งเฉพาะลูกบ้านเท่านั้นที่จะเข้าถึงโถงลิฟต์ด้านในได้ โดยต้องสแกนบัตรผ่านเท่านั้นค่ะ เพื่อไม่ให้คนภายนอกเข้าถึงชั้นพักอาศัยได้นะ

ก่อนที่เราจะพาไปดูชั้นบน เราจะพาเดินให้ทั่วชั้น 1 ก่อนนะ โดยถัดจาก Lobby มาก็จะเป็นส่วนทางเดิน Semi-Outdoor ซึ่งทางเดินนี้จะยาวไปถึง Lobby โซนริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลย เดี๋ยวไปดูกันค่ะ

ใกล้กับ Lobby แรกมากที่สุด คือห้องประชุม (Meeting Room) ที่สามารถรองรับคนได้ประมาณ 10-12 คน พร้อมกับ Projector ขนาดใหญ่ เรามองว่าห้องนี้นอกจากลูกบ้านใช้ได้แล้ว ลูกบ้านยังสามารถขอยืมห้องประชุมกับทางนิติบุคคลเผื่อจัดประชุมกับคนภายนอกได้ด้วยนะ

ถัดมาก็จะเป็นห้องนิติบุคคลของที่นี่ค่ะ

และเราเดินมาอีกหน่อยก็จะเห็นประตูส่วนนี้เปิดค้างอยู่

ซึ่งเข้าไปดูตรงกลางเป็นโถงจัดสวยๆ เลย ด้านข้างเป็นห้องน้ำแยกชาย/หญิง และตรงไปจะเชื่อมกับส่วนที่จอดรถ

ขนาดห้องน้ำโซนนี้ได้ขนาดใหญ่เลยนะคะ เราเข้าใจว่าทางโครงการตั้งใจออกแบบมาเพื่อรับรอง Visitor ด้วยและสำหรับร้านค้าที่ซื้อขาดกับโครงการ ก็สามารถเดินมาใช้งานห้องน้ำได้สะดวก

ถัดมาเราจะผ่านร้านค้าที่ทางโครงการจัดพื้นที่ไว้ให้ทั้งหมด 8 ร้านค้าด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันมีบางส่วนเปิดให้ใช้บริการแล้ว อย่างร้านคาเฟ่ อาหาร ส่วนอื่นๆ ทาง Politan ใช้เป็นสำนักงานอยู่นะคะ

และนอกจากนี้ยังเห็นว่าเร็วๆ นี้จะมี 7-11 มาเปิด พื้นที่รวมกันทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 Shop ด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็น 7-11 ขนาดใหญ่อยู่นะ ถ้าเปิดได้จริงก็คือเป็นที่ฝากท้องของลูกบ้านโครงการนี้แน่นอนเลย

ถัดมาเดี๋ยวเราไปดู Lobby โซน Riverfront กัน

พื้นที่ Lobby ของโซนนี้ขนาดจะไม่ได้ใหญ่เท่าโซนที่แล้วนะคะ แต่การตกแต่งหรูหราเช่นเดียวกัน

ตรงมีมีมุมจัด Sculpture สวยๆ ตกแต่งให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น

ด้านข้างจัดเป็นพื้นที่ต้อนรับด้วยชุดโซฟาขนาดใหญ่ 2 ชุดด้วยกัน

อีกฝั่งเป็น Mail Box ขนาดใหญ่ เช่นเดียวกับโซน Lobby แรกนะคะ

และสิ่งที่เรารู้สึกประทับใจ รวมไปถึงไม่ค่อยจะได้เห็นในโครงการอื่นเท่าไหร่ คือจุดนี้อีกจุดนึงนะ ตรงส่วนนี้คือส่วนที่เราสแกนบัตรเข้ามาแล้ว ก่อนจะถึงโถงลิฟต์ด้านใน ส่วนนี้จัดให้เป็น Hall ใหญ่ๆ 1 Hall ซึ่งสร้างความรู้สึกโอ่อ่าได้ดีเลย จริงๆ ตรงนี้ถ้าจัดฟังก์ชันมากขึ้นก็สามารถทำพื้นที่นั่งเล่นด้านในเฉพาะลูกบ้านที่เข้ามาใช้งานได้เท่านั้นได้อยู่นะ

สำหรับลิฟต์โดยสารที่นี่แบ่งออกเป็น 2 โซนนะคะ โซนละ 5 ตัว รวมทั้งโครงการจะมีทั้งหมด 10 ตัวด้วยกัน หากคิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 235:1 ตามความจริงแล้วจัดว่าหนาแน่นอยู่นะ โดยมาตรฐานทั่วไปก็จะราวๆ 100:1

ซึ่งทั้งนี้เราลองใช้ลิฟต์จริงๆ ก็พบกว่าลักษณะลิฟต์โครงการนี้เค้าจะให้เป็น Speed Lift นะ เร็วกว่าธรรมดาทั่วไปอยู่ อย่างตอนที่เราขึ้นจากชั้น 1 ไปชั้นบนสุด 56 ใช้เวลาประมาณ 50 วินาที ถือว่าเร็วทีเดียว อันนี้จะพอช่วยระบายคนเร็วขึ้นได้

บรรยากาศลิฟต์จัดมาดูดีเลยนะคะ ส่วนการใช้ลิฟต์ที่นี่จะต่างกับที่อื่นอยู่หน่อย คือแผงปุ่มลิฟต์มีไม่เยอะ แต่ชั้นที่เยอะ เวลากด เช่นเราจะไปชั้น 56 ต้องกด เลข 5 และ เลข 6 จากนั้นกด Enter ค่ะ ส่วนที่เหมือนกับโครงการอื่นๆ คือใช้ระบบ Lock ชั้น ลูกบ้านจะสามารถขึ้นได้เฉพาะชั้น Facilities และชั้นพักอาศัยตัวเองเท่านั้น

ชั้น 9

ชั้นนี้จะเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยแล้วนะคะ และมี Facilities อยู่ในตัวด้วย สำหรับลูกบ้านชั้นนี้ข้อดีเลยคือใกล้สวน ใกล้สระว่ายน้ำ และห้องพักอาศัยน้อยกว่าชั้นอื่นๆ ซึ่งก็แลกมากับความคึกคักของชั้นนี้ที่จะมากกว่าชั้นอื่นที่ไม่มี Facilities นะ แต่ดีที่ทางโครงการมีการกั้น Double Access ให้ลูกบ้านในชั้นนี้ ดังนั้นลูกบ้านชั้นอื่นๆ จะไม่สามารถเข้าถึงโถงทางเดินส่วนที่พักอาศัยของชั้นนี้ได้ค่ะ เข้าได้เฉพาะพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น

ขึ้นมาเราจะเจอพื้นที่โล่งนี้ก่อนเลย ซึ่งตรงไปจะเป็นสวนส่วนกลาง ส่วนฝั่งซ้าย-ขวาเป็นทางเข้าส่วนห้องพักอาศัยค่ะ

สำหรับห้องพักอาศัยที่นี่อย่างที่บอกไปคือทางโครงการออกแบบให้มี Double Access ลูกบ้านชั้นนี้ต้องสแกนบัตรอีกทีเพื่อเข้าสู่ห้องพักอาศัยตัวเอง

เรามาดูที่สวนชั้น 9 กันต่อนะคะ ลักษณะสวนชั้นนี้เรามองว่าทางโครงการตั้งใจออกแบบให้เป็นสนามหญ้าไว้สำหรับเด็กๆ ออกมาวิ่งเล่นได้ สนามที่ได้คือขนาดใหญ่มากนะ และข้อดีของสนามมุมนี้ก็คือมีบางส่วนได้ร่มเงาจากอาคารด้วย ไม่ร้อนเกินไป อย่างตอนที่เราไปเวลาประมาณ 11 โมงแล้วก็มีบางมุมของสนามไม่โดนแดดนะ เด็กๆ ยังพอออกมาวิ่งเล่นเองได้

บรรยากาศจากสวนหันไปทางอาคาร จะเห็นว่าตัวอาคารโอบล้อมสวนอยู่นะคะ คนที่ใช้สวนตรงนี้ก็ได้ร่มเงา ในขณะที่ห้องพักอาศัยก็ได้วิวสวนไปด้วย

อีกมุมของสวน รูปนี้เห็นได้ชัดว่าด้านข้างสนามมีการทำทางเดินให้เดินได้สะดวก และจัด Landscape มาสวยงามดีนะคะ

นอกจากนี้ก็มีสนามเด็กเล่นที่ปูพื้นยางนุ่มๆ ไว้ให้ด้วย รวมไปถึง Hardscape ที่ทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นเก๋ๆ

ถัดมาจะเป็นพื้นที่ใต้อาคารที่ออกแบบให้เป็น Semi-Outdoor Terrace มุมนี้บรรยากาศค่อนข้างดีเย็นสบายสำหรับมานั่งเล่นชิลๆ ได้ เพราะเป็นมุมของช่องลมผ่าน

ข้ามมาอีกฝั่งเป็นส่วนสระว่ายน้ำ ซึ่งสระนี้ก็ขนาดใหญ่ไม่แพ้กันกับสระบน Club House นะ โดยมีขนาดอยู่ที่ 50 x 8 ม. (ความยาวรวมทั้งสระเด็กและสระผู้ใหญ่) และสิ่งที่เราชอบคือได้รูปแบบสระ Infinity Edge Pool ด้วย ทำให้การชมวิวจากสระสวยมากขึ้น

วิวอีกมุมนึงของสระนะคะ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเลือกตำแหน่งสระได้โอเคนะ เพราะชั้น 9 นี้จัดว่าไม่ได้สูงมาก ถ้ามีอาคารสูงข้างเคียงมาก็จะบังวิวระยะไกลไป แต่มุมนี้ยังโปร่งโล่งนะ ที่เห็นใกล้ๆ จะเป็นหลังคาของอาคารข้างเคียงอื่นๆ

ส่วนที่ชอบอีกจุดคือการจัดสวนกั้นระหว่างสระที่เป็นพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยให้ดีทีเดียว ทำให้ห้องพักที่อยู่ติดริมสระไม่รู้สึกเสียความเป็นส่วนตัวไป ในขณะที่ยังพอสามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำจากห้องนอนตัวเองได้ด้วย

เข้ามาโซนด้านในอาคารอีกรอบ ในชั้นนี้ก็จะมีห้องน้ำอีกจุดไว้ให้บริการสำหรับลูกบ้านที่มาว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายอื่นๆ

บรรยากาศภายในห้องน้ำที่นี่ทำได้ดีทุกจุดเลยนะ

และมี Locker ไว้ให้บริการเรียบร้อย

นอกจากจะมี Facilities ในชั้น 9 และ ยังมีบางส่วนยกขึ้นไปที่ชั้น 10 ด้วยนะคะ เดี๋ยวเราไปดูกัน

ชั้น 10 จะเป็นห้องแบบ Indoor ทั้งหมดนะ ประกอบด้วย Boxing Room และ Kids Room

บรรยากาศใน Boxing Room จัดมาได้น่าสนใจดีนะคะ เริ่มแรกคือพื้นก่อนเลย พื้นจะใช้เป็นพื้นยาง เพื่อให้มีความยืดหยุ่นกับแรงกระแทกได้ดี ลดการบาดเจ็บได้

ภายในแยกเป็น 2 โซนคือโซนนวม และมีเวทีมวยให้ด้วยนะ ใครจะมาออกกำลังกายใช้แรงๆ เยอะก็มาจัดได้เลย

ฝั่งตรงข้ามเปลี่ยนจากโหมดโหดๆ มาเป็นโหมดฟรุ้งฟริ้ง น่ารักกับห้อง Kids Room ห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีเด็กๆ มีเครื่องเล่นเป็นเบาะทรงต่างๆ สร้างเสริมทักษะให้น้องๆ

ชั้น 56

และชั้นสุดท้ายของ Facilities จะขึ้นไปอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารคือ 56 และ 57 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฟังก์ชันสำคัญๆ ทั้งหมด เช่น สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส และ Sky Lounge และทั้งหมดให้มาขนาดใหญ่จริงๆ เดี๋ยวไปดูของจริงกันค่ะ

เราขึ้นมาชั้น 56 ก็เจอกับโถงลิฟต์แบบนี้ก่อนนะ ชั้นนี้ไม่มี Double Access ใดใด เพราะเป็นชั้น Facilities ทั้งชั้น

มุมด้านข้างของโถงลิฟต์เป็นชุดหน้าต่างเปิดวิวแบบนี้เลย เอาจริงๆ วิวสวยมากนะ แต่เราเดินไปใกล้กว่านี้ไม่ไหว โรคกลัวความสูงกำเริบเบาๆ เลย เพราะชั้น 56 นี่คือสูงจริงๆ นะ

หลังจากเดินออกมาจากโถงลิฟต์แล้วก็เป็นทางเดินยาวๆ แบบนี้เลยค่ะ สุดทางจะเป็นส่วนสระว่ายน้ำ แต่ระหว่างทางมีห้องน้ำให้ 1 จุดสำหรับโซน Lobby นี้ และยังมีห้องน้ำอีก 1 จุดสำหรับโซนอีก Lobby นึง ห้องน้ำที่นี่เยอะจริงๆ ยอมเลย

บรรยากาศภายในห้องน้ำ จัดให้สวยและใหญ่สมกับจำนวนยูนิตเยอะจริงๆ และด้วยห้องน้ำชั้น 56 สิ่งที่แตกต่างจากชั้นอื่นๆ คือพอเปิดหน้าต่าง ลมโกรกมากๆ เราอยู่ในห้องน้ำยังเย็นสบายเลย

สุดทางก็เจอกับสระว่ายน้ำแล้วค่ะ บรรยากาศสระว่ายน้ำนี้คือใครกลัวความสูงเล่นไม่ได้นะ แต่ใครชอบวิวมุมสูงตรงนี้ฟินมากๆ เพราะได้สระแบบไร้ขอบ ไม่มีอะไรมาบังวิวเลยจริงๆ

สำหรับขนาดของสระจุดนี้มีขนาดอยู่ที่ 30 x 8 ม. นะคะ ว่ายกันไปยาวๆ ด้านข้างทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Day Bed ยื่นลงไปในน้ำ และหันหน้าไปทางวิวที่กว้างมากสุดด้วย

เดินถัดมาจะเป็นโซนพื้นที่นั่งเล่นแบบกลางแจ้ง ซึ่งพื้นที่เป็นโซนๆ เป็นสัดส่วนดี ช่วงเช้าๆ เย็นๆ ออกมานั่งเล่นเล่นชมวิวสูดอากาศมุมสูงได้ชิลๆ เลย

และถัดมาหน่อยก็จะเจอกับโถงลิฟต์มีจุดที่ Shoot มาจาก Lobby ฝั่งใกล้ริมแม่น้ำ

ซึ่งติดกับโถงลิฟต์นี้ก็มีห้องน้ำไว้รองรับเช่นกันอย่างที่เราบอกไว้ก่อนหน้า ขนาดก็ใหญ่พอๆ กับห้องน้ำอีกโซนเลยค่ะ

จากนั้นเราตรงมาอีกหน่อย เราจะเจอประตูอีกจุดที่ต้องสแกนบัตรเพื่อเข้ามาถึงด้านใน ซึ่งด้านในนี้ฝั่งขวาสุดเป็นลิฟต์ที่บริการขึ้น-ลง ในชั้น 56 และชั้น 57 สำหรับผู้สูงอายุที่อาจจะไม่สะดวกเดินขึ้น-ลงบันได

และนอกจากลิฟต์แล้วตรงกลางเป็นห้องฟิตเนสขนาดใหญ่มากจริงๆ เดี๋ยวไปดูข้างในกัน

ภายในฟิตเนสนี้เป็นห้องโล่งๆ ได้วิวถึง 3 ทิศด้วยกัน ภายในวางเครื่องออกกำลังกายประมาณ 35 เครื่อง มีทั้งแบบ Cardio และ Weight Training ครบชุด

จากนั้นเราขึ้นมาที่ชั้น 57 ด้วยบันได

เพื่อมาดู Sky Lounge ของจริงกันค่ะ ว่าเป็นอย่างไร

Sky Lounge ที่นี่ขนาดใหญ่สมชื่อนะ เป็นห้องกระจกที่ได้วิว 3 วิวเหมือนกับห้องฟิตเนสเลย

แต่ละโซนจัดเป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่ไว้มานั่งเล่นชมวิวมุมสูงได้ และก็จะมีบางจุดที่จัดเป็นโต๊ะทำงาน เผื่อใครอยากมานั่งทำงานชิลๆ ชมวิวไปด้วย

และสุดทางทางก็เจอกับโซฟาขนาดใหญ่ที่หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง Take View ภายนอกเต็มๆ ไปเลย

เรามาดูวิวจากชั้น 56 กันต่อเลยนะ ทิศเหนือเป็นทิศที่มีเพื่อนบ้านอยู่ติดๆ กัน 2 โครงการ ก็คือ The Politan Breeze (Low Rise)  และ The Politan Aqua (High Rise) เรียงกันไปตามลำดับ ซึ่งในทิศนี้วิวที่ได้แน่ๆ คือวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้านข้าง แต่วิวหลักก็จะเจอเพื่อนบ้านอย่าง The Politan Aqua แน่นอนนะคะ กรณีอยากได้วิวไกลๆ อาจจะต้องเลือกทิศอื่น แต่ด้วยโครงการตอนนี้สร้างเสร็จ ดูวิวจริงได้แล้ว เราแนะนำให้ไปดูวิวจากห้องจริงเลยว่าเราโอเคไหม

ส่วนข้อดีคือทิศนี้จะเป็นเรื่องทิศทางแดดที่ไม่โดนแดดร้อนช่วงบ่ายนะ

ทิศใต้ เป็นทิศที่โดดเด่นเรื่องวิวมากที่สุดนะ เพราะได้วิวโปร่งโล่ง ไม่มีเพื่อนบ้านอาคารสูงใกล้เคียง และยังได้วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา + สะพานพระนั่งเกล้าด้วย ดังนั้นตอนกลางคืนเราก็จะได้วิวเป็นแสงไฟจากสะพานและถนนด้วยนะ สวยไปอีกแบบดีค่ะ

และสุดท้ายคือทิศตะวันตกซึ่งหันไปทางฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนใหญ่ห้องที่ได้วิวมุมนี้จะเป็นห้องไซส์ใหญ่อย่าง 2 Bedroom นะคะ วิวทิศนี้ก็เป็นอีกทิศที่สวย ชั้นโซนล่างๆ – กลางๆ จะได้วิวความกว้างของแม่น้ำชัดกว่าชั้นโซนบนๆ นะ ส่วนโซนบนๆ ก็จะได้วิวตามภาพเลยค่ะ คือเห็นวิวระยะไกลมากๆ

เราถ่ายกดลงมาหน่อยจากชั้น 56 คือสามารถเห็นความกว้างของแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดเลยนะ

Typical Floor Plan

ชั้น 11-47 หรือชั้น Typical Floor Plan ของโครงการนี้นะคะ มีการจัดผังได้น่าสนใจสำหรับคอนโดที่มีจำนวนยูนิตต่อชั้นเยอะ อย่างโครงการนี้ยูนิตต่อชั้นถึง 51 ยูนิต จริงๆ นับว่าหนาแน่นมากๆ นะ แต่ด้วยการทำรูปอาคารเป็นตัว S เลยทำให้มีการหักของโถงทางเดินเยอะ ดังนั้นเราจึงไม่ได้เห็นทางเดินยาวๆ เลย และการแยกโซนลิฟต์ก็สำคัญ ทำให้ลูกบ้านแต่ละฝั่งไม่เดินไกลมากนักจากห้องตัวเอง

ชั้น 48 จะเหลือห้องพัก 47 ยูนิต โดยลดจำนวนยูนิตฝั่งขวาลงไป ทำให้ห้องโซนหมายเลข 27, 28, 29, 34, 35 ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะ เพราะคนจะเดินผ่านโซนนี้น้อยลง

ชั้น 49-55 เหมือนกันกับชั้น 48 แต่ไม่มีหลังคาด้านขวาแล้ว ตำแหน่งห้องแบบ 2 bedroom ส่วนใหญ่จะอยู่ในตำแหน่งฝั่งซ้ายที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดทั้ง 2 ฝั่ง และห้องมุมสุดฝั่งซ้ายและทิศเหนือมุมซ้ายจะเป็นห้อง 2 bedroom 60 ตร.ม. มีระเบียงยื่นยาวรอบมุมห้องสามารถเดินออกมาชมวิวได้ทั้ง 2 ด้าน ส่วนห้องในทิศอื่นๆ เป็นห้องแบบ 1 bedroom ขนาดต่างๆ โดยห้องหมายเลข 9-15 และหมายเลข 44-51 ยังอยู่ในทิศที่สามารถมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจากภายในห้องได้นะคะ

สำหรับชั้น Typical Floor Plan ที่เราชอบเป็นพิเศษในโครงการนี้ก็จะเป็นเรื่องรายละเอียดการตกแต่ง Interior ด้วยส่วนนึง เพราะถ้าเทียบกับราคาแล้วโครงการระดับนี้โถงลิฟต์ชั้น Typical ไม่ค่อยจะมีการตกแต่งอะไรเป็นพิเศษ ก็จะเป็นแค่ผนังฉาบเรียบทาสีขาว แต่ที่นี่มีการตกแต่งส่วนลิฟต์ให้และพื้นส่วนโถงลิฟต์ให้ขึ้นอีกหน่อย

ถัดมาคือส่วนทางเดินที่ก็มีปูพื้นให้เป็นลวดลายด้วยไม่ใช่แค่กระเบื้องแกรนิตโต้ปกติ โดยรวมแล้วค่อนข้างดีเลย

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Club House

  • Meeting Room
  • Library
  • Lounge
  • Yoga & Pilates Studio
  • Game Room
  • Sport Simulator
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 20 x 8 ม. ลึก 1.2 ม.

  • ชั้น 9
    • สวนหย่อม (Sky Sphere Garden)
    • สนามเด็กเล่น
    • สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 50 x 8 ม. แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.4 เมตร

  • ชั้น 10
    • Kids Room
    • Kick Boxing Gym

  • ชั้น 56 หรือ ชั้นดาดฟ้า
    • Sky Fitness (270 Hyperfit)
    • Sky Garden
    • สระว่ายน้ำ (Rive Sky Pool) 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 30 x 8 ม. แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.4 เมตร

  • ชั้น 57
    • Sky Lounge

  • ลิฟต์โดยสาร 10 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 235 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 1,037 คันคิดเป็น 44% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 58%
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card

  • Product Walkthrough

    ห้องพักอาศัยของโครงการนี้มีทั้งหมด 5 แบบด้วยกัน โดยเน้นไปที่ห้องไซส์ 1 Bedroom เป็นหลักนะคะ

    1 Bedroom 24.5 ตร.ม.
    1 Bedroom 29 ตร.ม.
    1 Bedroom 30.5 ตร.ม.
    2 Bedroom 50 ตร.ม.
    2 Bedroom Corner 60 ตร.ม.

    ซึ่งรูปแบบการขายของห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom จะมีความแตกต่างกันอยู่ เนื่องจากราคาขายต่อตารางเมตรก็ต่างกันเช่นกันนะ อย่าง 1 Bedroom ราคาต่อตารางเมตรจะอยู่ที่ 64,000 – 101,600 บาท ส่วน 2 Bedroom ราคาจะขยับไปที่เริ่มต้น 104,000 – 146,600 บาท

    • 1 Bedroom สิ่งที่ได้ในห้องจะมีให้เฉพาะ เคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งหมด
    • 2 Bedroom ขนาด 50 ตร.ม. ได้แบบ Fully Furnished ยกเว้น โซฟากับโต๊ะกลาง
    • 2 Bedroom ขนาด 60 ตร.ม. ได้ Fully Furnished ครบทั้งหมด

    ในรีวิวครั้งที่แล้วเราเน้นไปดูห้อง 2 Bedroom กันมาแล้ว ครั้งนี้จึงขอเน้นห้อง 1 Bedroom แทนนะคะ สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในราคาหยิบจับง่ายอยู่ อย่างห้องที่จะพาไปดูก่อนคือห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.5 ตร.ม. ห้องนี้เป็นขนาดที่อยู่ 2 คนสบายๆ เลยนะ

    สำหรับฟังก์ชันค่อนข้างลงตัวเลยนะ จุดเด่นที่เรามองว่าน่าสนใจก็คือ ระเบียง ที่ได้ทั้ง 2 รูปแบบ คือระเบียงสำหรับชมวิวภายนอก และระเบียงซักล้าง เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่เราสามารถชมวิวได้หลากหลายมากๆ นะ ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น เพราะที่นี่เค้ามีจัดพื้นที่ส่วนกลางไว้หลายโซน บางมุมก็ได้วิวสวน บางมุมก็ได้วิวสระว่ายน้ำ ดังนั้นระเบียงที่ไว้ชมวิวภายนอกที่ทางโครงการทำไว้ให้แยกส่วนกับระเบียงซักล้างจึงค่อนข้างดีเลย

    อีกอย่างที่ชอบก็จะเป็นส่วนครัวปิด เหมาะกับการทำอาหารดี รวมไปถึงฝ้าเพดาน 2.6 ม.ก็ช่วยให้บรรยากาศโปร่งโล่ง

    ส่วนที่เราคิดว่าหลายคนอาจจะรู้สึกเหมือนกันคือความกว้างของห้องนอนจะมีไม่มากนัก วางเตียง 5 ฟุตได้พอดีเท่านั้นนะ

    เริ่มต้นที่ประตูทางเข้าห้องใช้วัสดุ Fiber มาตรฐานนะคะ

    เข้ามาภายในบรรยากาศตรงส่วน Common Area ส่วนนี้ค่อนข้างกว้างนะ บรรยากาศโปร่งโล่งเพราะได้ประตูบานเลื่อนกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน เลยทำให้รับแสงธรรมมชาติเข้ามาถึงด้านในได้ดี

    สำหรับโซนนี้ห้องมาตรฐานที่ได้จะเป็นห้องเปล่าไม่มีเฟอร์นิเจอร์นะคะ สิ่งที่ได้ส่วนนี้จะเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. นำเข้าจากเยอรมัน ซึ่งพอได้ดูของจริงเรามองว่าเกรดดูดีกว่าลามิเนตทั่วไปอยู่นะ นอกจากนี้ส่วนผนังจะมี Wallpaper ให้

    ไซส์ความกว้างของโซนนี้วางโซฟาขนาด Love Seat หรือ 2 ที่นั่ง พร้อมกับพื้นที่รับประทานอาหารแบบเข้ามุม 2 ที่นั่งได้พอดีๆ นะ

    อีกฝั่งเป็นผนังโล่งที่เราสามารถวางชั้นวางทีวีตามห้องตัวอย่างได้เลย ส่วนประตูทึบส่วนนี้จะเป็นประตูที่เปิดไปทางห้องครัวค่ะ

    เราเข้ามาดูที่ห้องนอนกันต่อ บรรยากาศในห้องนี้ค่อนข้างดี เพราะแทนที่จะได้หน้าต่างเหมือนโครงการทั่วไปที่เห็นกันบ่อยๆ แต่ที่นี่ได้เป็นประตูบานเลื่อนกระจกที่ติดกับระเบียงดังนั้นจากเตียงเราก็สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ด้วยเลย

    สำหรับขนาดเตียงที่เหมาะสมจะเป็นไซส์ 5 ฟุตพอดีๆ นะคะ

    ฝั่งปลายเตียงสามารถ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งขนาดกะทัดรัดได้

    ประตูบานเลื่อนส่วนนี้จะเป็นแบบบานเลื่อน 2 บานบวกบาน Fix อีก 1 บานนะ

    ระเบียงชมวิวนี้ยาวระดับนึงเลย คือใช้งานได้จริง ออกมาชมวิวได้ หรือจะเปิดระบายอากาศ รับลมเข้าห้องก็ดีมากๆ เช่นกัน

    สำหรับห้องที่เราพาเข้าไปดูอยู่บนชั้น 11 หันไปฝั่งสวนทิศเหนือ ด้วยชั้นของสวนคือชั้น 9 สูงขึ้นมา 2 ชั้น ก็เลยได้วิวสวนสีเขียวไปเต็มๆ นะ

    เอียงมาหน่อยก็สามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วย

    กลับมาที่ห้องครัวกันต่อ สำหรับห้องครัวพื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. มาตรฐานนะ ความกว้างตรงนี้ก็อยู่ที่ประมาณ 90 ซม. นิดๆ ถือว่าโอเค ใช้งานได้สะดวก

    ภายในห้องครัวที่ได้คือเคาน์เตอร์ครัวจาก Starmark นะ ส่วนด้านข้างเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นได้

    เคาน์เตอร์ครัวนี้ท็อปเป็นหินสังเคราะห์ มี Sink ให้เป็นมาตรฐาน ด้านล่างมีช่องเก็บของไว้ให้เรียบร้อย แต่จะไม่มี Hob & Hood ให้นะ มี 2 แบบให้เราเลือกทำเพิ่ม คือจะติดตั้ง Hob & Hood เองเพิ่มก็ได้ หรือจะใช้เป็นเตาไฟฟ้าแทนเลย ถ้าใครไม่ซีเรียสเน้นง่ายๆ เตาไฟฟ้าก็จะประหยัดงบมากกว่า

    และที่แนะนำให้ไปตกแต่งเพิ่มคือผนังตรงส่วนเตา ถ้าจะทำกับข้าวทานเองควรกรุกระเบื้องส่วนนี้เพิ่มนะคะ เพื่อที่จะได้ทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น

    ด้านบน Built-in ชั้นวางของให้ มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ และชั้นเก็บจานชามต่างๆ ได้

    ถัดมาเป็นส่วนระเบียงซักล้างขนาดจะแคบกว่าระเบียงชมวิว แต่มีความลึกมากกว่า สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ และจะเหลือพื้นที่สำหรับตากผ้าเล็กๆ น้อยๆ อีกหน่อย

    หันกลับมาติดกับตู้เย็นเป็นตำแหน่งห้องน้ำนะคะ

    ภายในห้องน้ำในห้องตัวอย่างจะเหมือนกับห้องมาตรฐานที่ได้ทั้งหมด ที่นี่จัดห้องน้ำมาให้ค่อนข้างดีเลยนะ สิ่งที่เราชอบคือการกั้นโซนเปียกและแห้งให้ ด้วยฉากกั้นกระจก

    ส่วนโซนแห้งมี Low Wall ด้านบนไว้วางของได้ อ่างล้างมือขนาดใหญ่มี Built-in ชั้นเก็บของด้านล่าง และทั้งอ่างล้างมือกับโถสุขภัณฑ์ใช้ยี่ห้อ Cristina

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำขนาดกำลังดีอาบได้สบายๆ นะ สิ่งที่ให้มาก็โอเค อย่างฝักบัวได้ทั้ง 2 รูปแบบคือ Hand Shower และ Rain Shower จาก Cris

    สำหรับห้อง 1 Bedroom ขนาดเล็กลงมาอีกหน่อยจะเป็นไซส์ที่อยู่คนเดียวจะเหมาะกว่านะ งบก็จะน้อยลงมาอีกหน่อย ปัจจุบันอยู่ที่ 1.57 – 1.99 ล้านบาท คือขนาด 24 ตร.ม.

    สังเกตการจัดวางจะคล้ายกับห้องที่แล้วนะคะ แต่ด้วยความที่ตัวห้องจะลึกน้อยน้อยกว่าหน่อย ทำให้พื้นที่ส่วน Common Area มีขนาดเล็กลง พื้นที่รับประทานอาหารจะจัดได้ 1 ที่นั่งแทน ส่วนห้องน้ำจะเปลี่ยนเป็นแนวยาวแทนแนวลึก แต่ยังมีการจัดพื้นที่โซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วนอยู่ค่ะ

    สำหรับพื้นที่ Common Area ตรงนี้วางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมกับโต๊ะทานข้าวได้ 1 ที่นั่งกำลังพอดีๆ

    ส่วนในห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนเช่นเดียวกับห้องที่แล้วนะคะ

    ขนาดของห้องนอนก็มีขนาดเดียวกันกับห้องที่แล้วนะ ไม่ต่างกันมาก วางเตียง 5 ฟุตได้กำลังดีค่ะ แต่สิ่งที่หายไปจะเป็นระเบียงชมวิวจากห้องนอนปรับมาเป็นชุดหน้าต่างขนาดใหญ่แทน

    ปลายเตียงเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เสื้อผ้าโต๊ะเครื่องแป้งได้

    อันนี้จะเป็นวิวจากห้อง 24.5 ตร.ม. ชั้น 11 นะคะ มุมนี้ได้เป็นวิวสระว่ายน้ำแทน ใครชอบมุมไหนปัจจุบันยังสามารถเลือกได้อยู่นะ

    เข้ามาภายในห้องครัว ตรงเคาน์เตอร์ครัวนี้มีขนาดเดียวกันและใช้ยี่ห้อ Starmark เหมือนกับห้องที่แล้วเลย

    สำหรับระเบียงซักล้างห้องนี้ตำแหน่งและขนาดจะเหมือนกับห้องไซส์ 30.5 ตร.ม. นะ เราสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ และยังเหลือพื้นที่สำหรับตากผ้า ซักล้างเองอีกหน่อยได้ค่ะ

    เราหันกลับมาดูที่ห้องน้ำ สำหรับแปลนนี้เปิดมาจะเห็นอ่างล้างมือก่อน ฝั่งขวาเป็นโถสุขภัณฑ์และฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำนะ

    แม้ขนาดห้องน้ำจะขยับเล็กลงมาแต่เรื่องการจัดโซนนิ่งในห้องน้ำยังทำได้เป็นสัดส่วนอยู่ รวมไปถึงวัสดุสุขภัณฑ์ต่างๆ ใช้แบบเดียวกับห้องที่แล้วเลย ยี่ห้อ Cristina

    และสำหรับพื้นที่อาบน้ำก็เช่นเดียวกันนะคะ ได้ฉากกั้นกระจก และฝักบัว 2 แบบ ทั้ง Hand Shower และ Rain Shower

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 August 2019

    • 1 Bedroom ขนาด 24.5 ตร.ม. ราคา 1.57 – 1.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 64,000 – 77,550 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. ราคา 1.99 – 2.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 68,600 – 89,600 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom ขนาด 30.5 ตร.ม. ราคา 2.5 – 3.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 82,000 – 101,600  บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom ขนาด 50 ตร.ม. ราคา 5.2 – 6 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 104,000 – 120,000 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom Corner ขนาด 60 ตร.ม. ราคา 7.9 – 8.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 131,600 – 146,600 บาท/ตร.ม.
    • รูปแบบการขาย
    • 1 Bedroom = Partly Fitted (เคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ห้องน้ำ, Wallpaper)
    • 2 Bedroom = Fully Furnished (ได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและ Built-in ยกเว้น ฟูกเตียงนอน, โต๊ะกลาง และโซฟา)
    • 2 Bedroom Corner (60 ตร.ม.) = Fully Furnished (ได้ทั้งเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและ Built-in)
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.60 เมตร
    • Kitchen & Sink / ท๊อปหินสังเคราะห์
    • มีรถ Shuttle Bus
    • จอง และ ทำสัญญา
    • – 1 Bedroom = 40,000 บาท
    • – 2 Bedroom = 100,000 บาท
    • ค่ากองทุน 520 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 47 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    The Politan Rive เรียกได้ว่าเป็นคอนโด High Rise ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีความโดดเด่นในเรื่อง Facilities และราคานะ ต้องบอกว่าถ้าเรามองหาคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว จริงๆ มีหลายโครงการมากๆ ให้เลือก และหลายทำเลอีกด้วย แต่ถ้สโคปเข้ามาในเรื่องของราคาแล้ว ก็จะเป็นย่านรัตนาธิเบศร์ – สนามบินน้ำนี่แหละที่คนทั่วไปยังสามารถหยิบจับซื้อได้จริง ราคาไม่แรงมากเริ่มที่ 1.57 ล้านบาท อย่างล่าสุดที่เราไป 1.99 ล้านบาทขนาด 29 ตร.ม. อยู่ที่ชั้น 21 นะ (ไม่รู้หมดไปยัง) ถือว่าราคาโอเคเลย

    รวมไปถึง Facilities ที่ให้มาจัดเต็มจริงๆ อันนี้ต้องยอมรับเลย แต่ก็ด้วยที่ดินขนาดใหญ่ ยูนิตเยอะนะ เป็นธรรมดาที่โครงการขนาดใหญ่เหล่านี้จะให้ Facilities เยอะตามไปด้วย เราก็จะเห็นได้ในหลายๆ โครงการขนาดใหญ่ทั่วไปอยู่ แต่ที่เรา Recommend สำหรับโครงการนี้เพราะนอกจากใหญ่เยอะแล้ว Details ต่างๆ ในการตกแต่งให้น่าใช้งานที่นี่ก็ทำออกมาได้ดีจริงนะ ทำให้เราไม่ได้มองโครงการในแง่ว่าเป็นคอนโดที่คนแถวย่านนี้ซื้อเพื่ออยู่อาศัย ใกล้รถไฟฟ้าและริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเดียวแล้ว กลายเป็นว่าเราคิดอีกแง่ด้วยคือ คนทั่วไประดับกลางๆ ไม่ได้มีหนี้ที่อยากมองหา Second Home ราคาไม่แรง ใกล้เมือง เสาร์-อาทิตย์ขับรถ/นั่งรถไฟฟ้าไปคอนโด พักผ่อนและใช้ Facilities ในโครงการเต็มที่ ก็ดูน่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน

    ทีนี้มาดูที่ตัวอาคารการออกแบบต่างๆ กันบ้าง สำหรับเราที่ 3 ปีที่แล้วก็มาทำรีวิวที่นี่ คิดว่าค่อนข้าง Surprise เกินความคาดหมายอยู่หลายจุดเลย 1. คือเรื่องการตกแต่งที่ทำออกมาได้ดี เหมือนใน Perspective หรือบางจุดที่ไม่ได้เห็นในภาพพอมาเจอของก็ประทับใจดี เช่นการตกแต่งส่วนโถงลิฟต์ของ Typical Floor Plan คือจริงๆ ไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็มีการตกแต่งให้ ไม่ใช่ฉาบเรียบทาสีขาวทั่วไป 2. เราเคยพูดถึงเรื่องลิฟต์และความหนาแน่นในการใช้งาน เพราะตัวเลขหารออกมาแล้วอยู่ที่ 235 : 1 ซึ่งจริงๆ คือหนาแน่นมากนะ ซึ่งตอนนั้นทางโครงการก็บอกว่าให้เป็น High Speed แล้วแหละ แต่เราก็ยังนึกภาพไม่ออกจนเจอของจริง คือเร็วจริงนะ จากชั้น 1 – 56 ใช้เวลา 50 วินาที เรามองว่าช่วยระบายคนได้เร็วจริง และถ้าใครขึ้นทีเดียวแบบเราก็อาจจะมีหูอื้อได้อยู่ (55)

    ส่วนการจัดวางตำแหน่งโถงลิฟต์ออกเป็น 2 จุดแบบนี้ถือว่าดีมากๆ จากใจคนเดินยาวตลอดตึกของจริง เพราะช่วยลดระยะการเดินในชั้นตัวเองได้ดีเลย เช่น เราอยู่โซนริมแม่น้ำก็ขึ้น Lobby 2 แล้วเดินเข้าห้องไม่ไกล ถ้าขึ้นมาจาก Lobby 1 นี่คือเล่นเอางงในชั้นอยู่นะ แต่ถามว่าขึ้นได้ไหม ตอบว่าขึ้นได้เช่นกัน

    ส่วนผังห้องเราค่อนข้างชอบในแง่การจัดฟังก์ชันที่ลงตัว ห้อง 1 Bedroom จะได้ครัวปิด ได้ห้องนอนเป็นสัดส่วน และแนะนำสำหรับใครมีงบมากขึ้นมาหน่อยเราว่าห้อง 30.5 ตร.ม. ที่เราไปดูจัดแปลนได้ดีนะ ด้วยขนาดตรงพื้นที่ Common Area ที่ไม่เล็กไปด้วย และที่ชอบเป็นพิเศษคือมีระเบียงให้ 2 จุด แยกการใช้งาน ฝั่งที่ติดกับครัวเป็นระเบียงซักล้าง ฝั่งที่ติดกับเตียงนอนเป็นระเบียงชมวิว ซึ่งระเบียงชมวิวนี้ได้ใช้จริงแน่ๆ โดยเฉพาะโครงการนี้และตำแหน่งห้องที่เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย แต่ถึงฝั่งไหนไม่ได้เห็นแม่น้ำชัดๆ แต่วันไหนอยู่ห้องเปิดประตูตรงระเบียงนี้รับลมได้เต็มๆ แน่นอน เพราะที่นี่ลมโกรก เย็นสบายมากจริงๆ ค่ะ เดินทีผมเสียทรงไปเลย (55)

    ปิดท้ายบทสรุปในฝั่งที่เปรียบเทียบอีกสักหน่อย สำหรับโครงการในย่านนี้ เอาเป็นว่าบนถนนสนามบินน้ำด้วยกัน ตอนนี้มีหลายโครงการให้เลือกอยู่นะ แต่ทำไมต้องเป็นโครงการนี้เราจะสรุปย่อๆ ค่อยๆ สโคปลงมาถ้าหากคุณผู้อ่านมีข้อพิจารณาตรงกับที่เราเขียนโครงการนี้ก็น่าจะตอบโจทย์

    • มองหาคอนโดริมแม่น้ำ ในระยะใกล้รถไฟฟ้า มี Shuttle Service รับ-ส่ง
    • คอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่
    • High Rise ได้ Facilities มุมสูง

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ 64,000 – 146,600 บาท/ตร.ม., 22 August 2019

    • ทำเล 8/10 – คอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในระยะไม่ห่างจากรถไฟฟ้ามาก
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ทางเข้าติดถนนสนามบินน้ำ และลัดออกรัตนาธิเบศร์ผ่านซอยวัดได้
    • ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง มี Shuttle Service ให้ และเรียกรถอื่นๆ ได้ไม่ยาก
    • วัสดุ 7.5/10 – ให้มามาตรฐานทั่วไปตามราคา
    • แบบ 7.5/10 – จัดมาได้ลงตัวดีสำหรับฟังก์ชันห้อง ส่วนตัวโครงการยูนิตเยอะแต่มีการจัดสรรพื้นที่ได้เหมาะสม
    • สาธารณูปโภค 9.5/10 – ทำออกมาได้ดีมาก ขนาดใหญ่ และหลากหลาย

    • MAIN CLASS
    • 7.95 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Politan Rive เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยาจริงๆ ที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ในราคาหยิบจับได้ เน้นใช้ Facilities หลากหลาย เยอะ และขนาดใหญ่ ไม่ซีเรียสเรื่องจำนวนยูนิตเยอะ มีตัวเลือกในการเดินทางทั้งขับรถเองหรือจะเลือกใช้รถไฟฟ้าเข้าเมืองไปทางบางซื่อก็ไม่ยาก มีงบประมาณเริ่มต้น 1.57 ล้านบาท


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving