วันนี้มาชมโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ติดรถไฟฟ้าชนิดที่มีสถานีอยู่หน้าโครงการเลย กับ The Cuvee at Yaek Tiwanon Station เป็นคอนโด High Rise สูง 34 ชั้น ติดกับ MRT สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ ภายในโครงการยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายจุด ผมรวบรวมมาให้แล้วครับ ดังนี้

(โครงการมีการเปลี่ยนชื่อโครงการจาก The Cuvee ติวานนท์  เป็น The Cuvee at Yaek Tiwanon Station ณ วันที่ 8/2/2023)

  • ทำเล – เป็นโครงการติดถนนใหญ่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เชื่อมต่อไปยังถนนสายสำคัญโดยรอบได้ง่าย แถมยังติดรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ แบบมีทางขึ้นลงโครงการเยื้อง ๆ กันประมาณ 30 เมตร
  • Service – เป็นโครงการที่มี Service Hotel ภายใน ดูแลโดยโรงแรมระดับ 5 ดาวอย่าง Oakwood ซึ่งภายในจะมีร้านอาหารและเครื่องดื่ม, Bellboy, บริการเรียกรถรับส่งสนามบิน เป็นต้น ซึ่งไม่ได้มีให้เห็นในโครงการใกล้เคียงในย่านนี้นะครับ
  • ความปลอดภัย – ภายในโครงการจะมีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างดี ด้วย CCTV ชั้นละ 10 ตัว รวมทั้งหมดทั้งโครงการประมาณ 300 กว่าตัว และภายในห้องพักอาศัยเองก็จะมี Video Door Phone และ CCTV ให้ด้วย 1 ตัวทุกยูนิตครับ จัดว่ามากกว่าโครงการอื่น ๆ ในย่านนี้เยอะทีเดียว
  • ฟังก์ชันห้องและของที่ให้ – เป็นห้องที่จัดฟังก์ชันออกมาได้เป็นสัดส่วน ทุกยูนิตจะได้เป็นครัวปิดพร้อมพื้นที่ระบายอากาศ ของที่ให้ภายในห้องจะได้ Innovation ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น Digital Door Lock, Video Door Phone, CCTV, Home Automation, Smart Mirror ครับ โดยวัสดุอื่น ๆ ที่ได้ก็ให้มาเหมาะสมกับระดับราคาครับ

ข้อมูลโครงการ

The Cuvee at Yaek Tiwanon Station (เดอะ คิวเว่ ติวานนท์) ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564

 ชื่อโครงการ The Cuvee at Yaek Tiwanon Station (เดอะ คิวเว่ สถานีแยกติวานนท์)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS   MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
 ที่ดิน  1-3-19 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise สูง 33 ชั้น จำนวน 1 อาคาร และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น จำนวน 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต  421 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   16 ยูนิต
 ที่จอดรถ  152 คัน (Private Resident 93 คัน – Service Hotel 59 คัน)
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2561
 แล้วเสร็จ  ปี 2564
 ประเภทห้องพัก 1 Bedroom ขนาด 31 – 36 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
2 Bedroom ขนาด 67 – 70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.62 ล้านบาท
3 Bedroom ขนาด 105 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 13.42 ล้านบาท
 ฝ้าเพดานสูง  2.65 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  2.99 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 100,321 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  n/a
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม)  สร้างเสร็จพร้อมอยู่
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center  1172 กด 2

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.838802494642993, 100.51533943848946
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ The Cuvee at Yaek Tiwanon Station ครับ

ตัวโครงการ The Cuvee at Yaek Tiwanon Station ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ทางฝั่งมุ่งหน้าไปยังแยกติวานนท์ ห่างจากแยกติวานนท์มาประมาณ 600 เมตร ซึ่งจะเชื่อมต่อกับถนนติวานนท์และถนนประชาราษฎร์ ไปเชื่อมต่อถนนงามวงศ์วาน, สะพานพระราม 5, ปทุมธานีโดยใช้ถนนติวานนท์มุ่งหน้าไปทางฝั่งแยกแครายจะผ่านปากเกร็ด และไปแจ้งวัฒนะได้ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ บางบัวทองก็ใช้เส้นรัตนาธิเบศร์ หรือจะออกไปทางถนนราชพฤกษ์ก็ใช้ถนนนครอินทร์ออกไปได้ไม่ยาก หรือถ้ากลับรถก็จะเชื่อมกับถนนรัชดาภิเษกสามารถใช้เป็นเส้นทางเข้าเมืองได้สะดวกเช่นกัน นอกจากนั้นทำเลที่ตั้งของเรายังอยู่ใกล้กับกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งใครที่ทำงานอยู่บริเวณนี้หรือมาแถวนี้บ่อยๆก็ถือว่าตอบโจทย์เลย

การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวก เพราะอยู่ติดกับถนนใหญ่ จะเข้าเมืองหรือออกเมืองก็ทำได้ไม่ยาก ด้วยความที่ใกล้สี่แยกติวานนท์ทำให้มีเส้นทางในการเดินทางกระจายออกไปในทิศทางต่าง ๆ ได้ง่าย ไม่ไกลทางด่วน ตัวโครงการเองมีที่จอดรถมาให้ 152 คัน คิดเป็นประมาณ 36% อาจจะดูน้อยอยู่เหมือนกัน แต่โครงการนี้เป็นลักษณะที่มีทั้งห้องชุดขายแบบอยู่ประจำ และรูปแบบ Service Hotel ทำให้จะมีกลุ่มห้องพักอาศัยที่ว่างและไม่ได้อยู่ประจำอยู่จำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน และด้วยความที่เป็นโครงการติดรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตร จึงทำให้ในการใช้งานจริงคงไม่ได้น้อยเหมือนตัวเลขที่เห็นนะครับ

ส่วนการเดินทางสาธารณะ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของโครงการนี้เลยครับ โดยมีทำเลติดกับ MRT สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์มีระยะห่างจากจุดขึ้นลงไม่กี่สิบเมตร เดินได้สะดวกมาก ๆ โดยสถานีนี้สามารถไปเชื่อมต่อกับ MRT สายสีน้ำเงินได้ที่สถานีเตาปูน ห่างออกไปเพียง 3 สถานี นอกจากนั้นตัวโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนใหญ่จึงมีข้อได้เปรียบในการใช้การเดินทางสาธารณะอื่น ๆ ด้วย ทั้งรถประจำทาง รถแท็กซี่ และพี่วินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจะมีจุดประจำอยู่ในระยะประมาณไม่ถึง 50 เมตร

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้.. ในระยะเดินใกล้กับโครงการจะมี Family Mart ใกล้ ๆ ตรงจุดขึ้นลง MRT แยกติวานนท์ ส่วนถ้าเป็นร้านอาหารจะมีก็เป็นฝั่งตรงข้ามครับ ต้องออกไปทางฝั่งแยกติวานนท์ ถ้าจะใกล้กว่านี้ต้องเดินไปทางฝั่งแยกวงศ์สว่าง ส่วนระยะรอบ ๆ จัดว่าสะดวกเลยล่ะครับ มี Big C ติวานนท์ ใกล้ที่สุด เลยไปฝั่งนี้ก็จะมีบริเวณแยกแคราย ที่รวมพวก Esplanade, Tesco Lotus ไว้ เลยไปอีกหน่อยก็มี Big C รัตนาธิเบศร์และ Central รัตนาธิเบศร์ ตามลำดับ ส่วนฝั่งเข้าเมือง จะมี Big C วงศ์สว่าง ที่แยกวงศ์สว่าง เลยเข้าเมืองได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีที่บริเวณแยกพงษ์เพชรบนถนนงามวงศ์วาน ที่มีทั้ง The Mall งามวงศ์วาน, Tesco Lotus, Home Pro, พันธ์ทิพย์ พลาซ่า เรียกว่าจะไปทางไหนก็มีห้างสรรพสินค้า หรือจะกลับมาจากบ้านทางไหนก็แวะซื้อข้าวของกลับบ้านได้ไม่ยาก

เส้นทางการเดินทาง

สำหรับเส้นทางไปโครงการคงไม่ต้องอธิบายเยอะเลยนะครับ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งติด MRT สถานีแยกติวานนท์ เลย ดังนั้นจะขึ้นลงก็สะดวกสุด ๆ มีระยะจากจุดขึ้นลงประมาณสัก 30 เมตร ส่วนถ้าเดินทางด้วยรถยนต์​ส่วนตัวก็ทำได้สะดวกอีกเช่นกันครับ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ฝั่งมุ่งหน้าไปยังแยกติวานนท์ ถ้ามาจากทางฝั่งนนทุรี ก็มีจุดกลับรถที่เลยโครงการไปประมาณ 170 เมตร เท่านั้นครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

พื้นที่โครงการ The Cuvee at Yaek Tiwanon Station มีขนาดประมาณเกือบ 2 ไร่ มีทั้งหมด 421 ยูนิต ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ฝั่งมุ่งหน้าไปยังแยกติวานนท์ โดยตัวโครงการจะรับวิวฝั่งทิศเหนือ-ใต้เป็นหลัก ซึ่งเป็นทิศที่รับแสงแดดและลมได้เต็มที่ตลอดทั้งปี แต่จะไม่โดดแดดแรงทั้งวันครับ ซึ่งห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 6-33 โดยทิศเหนือจะเป็นฝั่งของห้องพักอาศัยแบบ Service Hotel เป็นวิวรางรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง จะมีส่งผลกระทบเรื่องเสียงบ้างในส่วนของชั้นแรก ๆ แต่ด้านบนไม่มีปัญหาครับ ส่วนฝั่งทิศใต้จะเป็นวิวของห้องพักอาศัยแบบ Private Resident ปกติ ซึ่งจะเป็นวิวโล่งยาวเลยครับ เพราะจะเป็นพื้นที่พักอาศัยแนวราบ และอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นซะเป็นส่วนใหญ่ จะมีอาคารสูงบ้างแต่ก็อยู่ในระยะไกลครับ ทำให้ห้องทางฝั่งนี้จะได้วิวโล่งตั้งแต่ชั้น 6 เลย ส่วนทิศตะวันออกและตะวันตกจะเป็นวิวรองที่มีห้องพักอาศัยประมาณชั้นละ 2 ยูนิต ที่ได้วิวทางฝั่งนั้น และยังเป็นวิวที่ค่อนข้างโล่งเช่นกันครับ จะได้แนวรางรถไฟฟ้าเป็นเส้นนำสายตาหลัก ส่วนด้านข้างก็จะมีอาคารสูงที่เกาะตามแนวถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แต่ในระยะประชิดก็จัดว่าโล่งครับ ลองไปชมบรรยากาศจริงกัน

Image 1/6
เดินมาดูฝั่งแรกกันก่อนครับ ทางฝั่งมุ่งหน้าไปยังแยกติวานนท์ หน้าโครงการจะไม่ได้มีรั้วโครงการนะครับ แต่จะปูสนามหญ้ายาวไว้ให้ทำหน้าที่เป็นตัวกั้นขอบเขต ดูโล่งและร่มรื่นดี ซึ่งจะมีพี่ ๆ รปภ. คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดนะ

เดินมาดูฝั่งแรกกันก่อนครับ ทางฝั่งมุ่งหน้าไปยังแยกติวานนท์ หน้าโครงการจะไม่ได้มีรั้วโครงการนะครับ แต่จะปูสนามหญ้ายาวไว้ให้ทำหน้าที่เป็นตัวกั้นขอบเขต ดูโล่งและร่มรื่นดี ซึ่งจะมีพี่ ๆ รปภ. คอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดนะ

ก่อนจะขึ้นไปดูวิวรอบโครงการที่ด้านบนอาคาร ลองมาเดินดูพื้นที่ข้างเคียงในแนวราบกันก่อนครับ

Image 1/4
วิวทิศเหนือจากชั้น 34 : เป็นฝั่งที่เป็นวิวของส่วนห้องพัก Service Hotel และพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 5 และชั้น 29-34 ครับ โดยจะเป็นฝั่งที่ติดกับรถไฟฟ้าสถานี MRT แยกติวานนท์ จะเป็นวิวที่เห็น Movement ของรถไฟฟ้าและถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ทำให้จะได้ผลกระทบเรื่องเสียงบ้างสำหรับชั้นล่าง ๆ แต่ห้องพักอาศัยของเราเริ่มต้นที่ชั้น 6 ซึ่งชั้นแรก ๆ และพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 5 จะเห็นและได้ยินเสียงของรถไฟฟ้าบ้าง แต่ชั้นด้านบนไม่มีปัญหาครับ

วิวทิศเหนือจากชั้น 34 : เป็นฝั่งที่เป็นวิวของส่วนห้องพัก Service Hotel และพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 5 และชั้น 29-34 ครับ โดยจะเป็นฝั่งที่ติดกับรถไฟฟ้าสถานี MRT แยกติวานนท์ จะเป็นวิวที่เห็น Movement ของรถไฟฟ้าและถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ทำให้จะได้ผลกระทบเรื่องเสียงบ้างสำหรับชั้นล่าง ๆ แต่ห้องพักอาศัยของเราเริ่มต้นที่ชั้น 6 ซึ่งชั้นแรก ๆ และพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 5 จะเห็นและได้ยินเสียงของรถไฟฟ้าบ้าง แต่ชั้นด้านบนไม่มีปัญหาครับ

วิวหลัก ๆ ของโครงการนี้จะอยู่ทางฝั่งทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งเป็นทิศที่รับแสงและลมได้เต็มที่ แต่จะไม่โดนแดดแรงทั้งวันครับ โดยฝั่งทิศเหนือจะเป็นวิวให้กับห้องพักแบบ Service Hotel ส่วนฝั่งทิศใต้จะเป็นวิวสำหรับห้องพักอาศัยแบบ Private Resident ปกติครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Big C ติวานนท์ ~ 900 ม.
  • Big C วงศ์สว่าง ~ 2.1 กม.
  • ตลาดนนทบุรี ~ 2.5 กม.
  • Major Cineplex นนทบุรี ~ 2.5 กม.
  • Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์ ~ 3.3 กม.
  • Esplanade งามวงศ์วาน แคราย ~ 3.4 กม.
  • เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ~ 4.4 กม.
  • เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ~ 5.4 กม.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ~ 3.3 กม.
  • โรงพยาบาลนนทเวช ~ 5.3 กม.
  • โรงพยาบาลบางโพ ~ 5.3 กม.

โรงเรียน

  • โรงเรียนสาธิตคริสเตียน ~ 1.7 กม.
  • โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ ~ 2.8 กม.
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ นนทบุรี (SBAC) ~ 3.4 กม.
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ~ 3.9 กม

สถานที่ราชการ

  • กระทรวงสาธารณสุข ~ 2.6 กม.
  • ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ~ 4 กม.

รายละเอียดโครงการ

พื้นที่ชั้น 1 ของโครงการนี้จะเน้นพื้นที่ภายในอาคารนะครับ ซึ่งจะไม่ได้มีรั้วที่หน้าโครงการนะครับ ใช้เป็นแนวสวนด้านหน้าเพื่อสร้างทัศนียภาพที่สวยงาม และดูโปร่งโล่งยิ่งขึ้น ในแง่ความปลอดภัยก็ไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะมี CCTV และพี่ ๆ รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนด้านหลังอาคารก็จะมีสวนให้อีกจุดตามแนวถนนครับ โดยที่นี่จะวนรถทางเดียวอ้อมตัวอาคาร มีจุดขึ้นลงพื้นที่จอดรถที่ชั้นใต้ดิน 2 ชั้น และที่ชั้น 2-4 ที่ด้านข้าง

ส่วนกลางภายในอาคารจะแยกเป็นสองส่วนหลัก ๆ โดยจะเป็นส่วน Private Resident ที่มี Lobby ขนาดใหญ่แยกออกเป็น 2 มุม ด้านในจะมีโถงลิฟต์และมีห้อง Mail box แยกเข้ามุมชัดเจนครับ โดยจะมี Video door phone ที่ด้านข้างทางเข้าโถงลิฟต์สำหรับติดต่อขึ้นไปยังห้องพักอาศัยได้ โดยด้านในจะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 4 ตัว อัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 1 : 105 ยูนิต ซึ่งที่นี่เขาจะมีส่วนของ Service Hotel ที่จะแบ่งปล่อยเช่าด้วย ทำให้จะมีกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ประจำอยู่ด้วยจำนวนนึง ทำให้ความหนาแน่นในการใช้งานลิฟต์โดยสารน้อยลงด้วยครับ ส่วนอีกฝั่งของ Lobby จะเป็นส่วนร้านอาหารและเครื่องดื่มของ Oakwood ครับ ซึ่งจะมีคนนอกมาใช้งานได้ ส่วนคนที่เป็นลูกบ้านก็จะได้ราคาพิเศษครับ

ทางเข้าโครงการอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรีเลย มีพี่ ๆ รปภ. ดูแลด้านหน้าอย่างใกล้ชิดเลยครับ พื้นจะเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายยาวเข้าไปด้านใน

เข้ามาจะเจอกับทางที่เลือกให้ไปจอดรถด้านในหรือจะวนขวาเพื่อเข้า Drop Off ของโครงการ สำหรับแวะรับหรือส่งได้ วนไปดูข้างหลังกันก่อนนะครับ

ด้านหลังจะเป็นทางเข้าสู่ที่จอดรถ ส่วนของ Service Hotel จะจอดรถที่ชั้นใต้ดินด้านล่าง 2 ชั้น ส่วนลูกบ้านส่วน Private Resident จะจอดที่ชั้น 2-4 ครับ โดยระบบเข้าออกจะเป็น Keycard Access แบบ Easy Pass ด้วยรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ

อ้อมไปด้านหลังจะเป็นทางวนออกโครงการครับ ปลูกสนามหญ้าด้านหลังยาวให้บรรยากาศตลอดทาง

ย้อนกลับมาด้านบริเวณ Drop Off จะมีหลังคาให้ด้วย ซึ่งข้อดีคือใช้งานได้ทั้งตอนฝนตกและแดดออกเลยครับ สะดวกดี แถมยังเข้ากับกรอบอาคารด้วย

ด้านข้างส่วนนี้จะเป็นร้านอาหารและร้านคาเฟ่ของโรงแรม Oak Wood ซึ่งปัจจุบันยังกำลังอยู่ในขั้นตอนของการก่อสร้างนะครับ แต่คนนอกสามารถมาใช้งานได้นะ ซึ่งใกล้จะสร้างเสร็จให้ได้ลิ้มลองกันแล้วนะครับ โดยโรงแรม Oakwood เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่มีมานานกว่า 50 ปี และตั้งอยู่ในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก

เข้ามาภายใน Lobby ส่วนของส่วน Private Resident จะเป็นพื้นที่รองรับที่แยกออกเป็นมุมต่าง ๆ โดดเด่นด้วยฝ้าที่เล่นรูปทรง Free Form และซ่อนไฟภายใน ด้านข้างตกแต่งด้วยกระจกสีทองตัดกับสีขาวได้เป็นอย่างดี โดยโทนสองสีนี้จะเห็นในหลาย ๆ ส่วนของพื้นที่ส่วนกลางเลยครับ

อีกฝั่งจะมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนสำหรับรองรับได้หลายที่นั่ง ที่จะได้ผนังกระจกที่มองเห็นภายนอกด้วย

ด้านในจะเป็นทางเดินเข้าไปยังห้องน้ำแยกชายหญิง Mail Box และโถงลิฟต์เพื่อเชื่อมต่อขึ้นสู่ด้านบนอาคารครับ

ด้านในจะเป็นแนวทางเดินยาวเข้าไปครับ โดยด้านข้างด้านหน้านี้จะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิงสำหรับใช้งานทีละคน

ส่วนพื้นที่ด้านในจะมี Video Door Phone ให้ตรงจุดนี้ สำหรับใครที่จะเข้ามาเยี่ยมลูกบ้านด้านบนก็สามารถโทรขึ้นไปที่ห้องและมองเห็นหน้ากันได้ ส่วนพื้นที่ด้านในคือห้อง Mail Box ครับ

เป็นมุมที่เป็นสัดส่วนดี ใช้งานได้ง่ายและเป็นส่วนตัวครับ

บรรยากาศโถงลิฟต์ของที่นี่จะยังคงใช้สไตล์การออกแบบที่สอดคล้องกันกับส่วน Lobby ที่ใช้เป็นฝ้ารูปทรง Free Form ซ่อนไฟ และใช้สีทองตัดดูสวยดีครับ โดยลิฟต์โดยสารของที่นี่จะมีทั้งหมด 4 ตัว ลูกบ้านใช้งานได้ทั้งหมดเลย แต่ส่วนของ Service Hotel จะงาน 2 ตัวด้านหน้านะครับ อัตราส่วนลิฟต์ของที่นี่จะอยู่ที่ 1 : 105 ยูนิต และอย่าลืมนะครับว่าที่นี่เขาจะมีส่วนของ Service Hotel ที่จะแบ่งปล่อยเช่าด้วย ทำให้จะมีกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ประจำอยู่ด้วยจำนวนนึง ซึ่งจะทำให้ความหนาแน่นในการใช้งานลิฟต์โดยสารน้อยลงด้วยครับ

ชั้นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการนี้จะอยู่ที่ชั้น 5 ครับ โดยหลัก ๆ จะอยู่ทางฝั่งทิศเหนือของโครงการ หันหน้าเข้าสู่รางรถไฟฟ้า ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำตรงกลาง พื้นที่แยกออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งแรกทางขวามือจะเป็นห้อง Kid’s Room และมีห้องน้ำแยกชายหญิงที่ด้านในมีห้อง Sauna ให้ด้วย ส่วนอีกฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้อง Fitness ครับ ภายในแยกออกเป็นหลายมุม ทั้งส่วน Cardio training, Weight training, สนามมวย และ Yoga ครับ ไปชมกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 5 จะเป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางหลักของที่นี่ครับ โดยจะใช้สไตล์การตกแต่งคล้าย ๆ เดิมครับ เน้นกระจก สีทอง และสีขาวเป็นหลัก ออกจากโถงลิฟต์มาจะมีทางเดินแยกซ้ายและขวาเลียบไปกับสระว่ายน้ำ เราลองไปดูฝั่งขวามือกันก่อนครับ

เดินตรงเข้ามาถึงด้านในจะเจอกับพื้นที่ริมสระ การที่อยู่ด้านในสุดจะทำให้ได้ความโล่งเป็นพิเศษครับ เพราะจะได้วิวภายนอกถึง 2 ฝั่ง รับแสงและลมได้เต็มที่ แถมยังได้ความเป็นส่วนตัวด้วย ทางโครงการจัดพื้นที่นั่งพักคอยมาหลายจุด สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน วางของ หรือเป็นพื้นที่สำหรับผู้ติดตามก็ได้

สระว่ายน้ำของที่นี่จะมีรูปทรงโค้งตามแนวอาคารซึ่งไม่มีปัญหาในแง่ของการว่ายออกกำลังกายนะครับ ที่พิเศษคือเป็นสระ Semi-Outdoor ทำให้สามารถใช้งานได้ทุกช่วงเวลา จะฝนตกหรือแดดออกก็ไม่มีปัญหา ยกฝ้าเพดานขึ้นสูงทำให้ดูโปร่งและโล่ง รับบรรยากาศภายนอกได้เต็มที่ครับ จะเห็นเป็นวิวรถไฟฟ้าที่เข้าออกสถานีแยกติวานนท์

ด้านข้างจะเป็นแนวทางเดินเพื่อเชื่อมต่อไปยังห้อง Kid’s Room และห้องน้ำแยกชายหญิงครับ ข้อดีคือใกล้กับสระว่ายน้ำ ใช้งานได้ง่ายและเป็นส่วนตัวดี

ห้อง Kid’s Room จะมีผนังให้เด็ก ๆ ปีนเล่นได้ มีเครื่องเล่นต่าง ๆ และแนวกระจกบานใหญ่ที่ช่วยให้เด็ก ๆ อยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ด้านนอกได้ด้วย

ห้องน้ำแยกชายหญิงของชั้นนี้ให้มาขนาดใหญ่เลยครับ มาครบทั้งส่วนอ่างล้างมือ ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำ สามารถใช้งานพร้อมกันได้ประมาณ 4-5 คนครับ

โดยอีกหนึ่งความพิเศษของห้องน้ำที่นี่คือจะมีห้อง Sauna มาให้ด้วยทั้งชายและหญิง ขนาดห้องสำหรับใช้งานพร้อมกันได้ 2-3 คนครับ

ส่วนอีกฝั่งของชั้นนี้ครับ จะเป็นพื้นที่ทางเดินยาวเข้าไปด้านในที่เป็นห้องออกกำลังกาย ส่วนภายในสระก็มีเล่นระดับฝ้าที่แตกต่างด้วย ทำหน้าที่เหมือนเป็นการแบ่งโซนพื้นที่ภายในสระไปในตัว

ด้านในเป็นห้องออกกำลังกายครับ จะมีทางเข้าออกชัดเจน รับวิวสระและพื้นที่ภายนอกโครงการ

เปิดประตูเข้ามาก็จัดว่าค่อนข้างประทับใจเลยครับ เพราะเป็นห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่เหมือนกับฟิตเนสชื่อดังตามห้างเลย ด้านข้างจะเจอกับส่วนแรกที่เป็น Cardio Training รับวิวสระว่ายน้ำและพื้นที่ภายนอก จัดไว้เป็นสัดส่วนเลย

ส่วนอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่ Weight Training เข้ามุมด้านใน ได้ความเป็นส่วนตัว มาพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ตามแบบฉบับของสายยกเวทครับ

ส่วนอีกฝั่งจะเป็นสนามมวยขนาดย่อมที่ใช้งานได้จริง จะมาซ้อมเล่นก็ได้ สามารถใช้งานได้หลายคู่เลยครับด้านบน

ส่วนด้านในส่วนนี้ในอนาคตจะเป็นส่วนของ Golf Simulator ครับ ปัจจุบันยังไม่เสร็จนะ

ขึ้นมาที่ชั้น 34 ซึ่งเป็นพื้นที่ด้านบนสุดของอาคาร รับวิวรอบด้าน ซึ่งเป็นวิวโล่งทั้งหมด ภายในจะมี Sky lounge แยกออกเป็นมุมหลาย ๆ ส่วน มีส่วนของบาร์ที่จะมีพนักงานของ Oakwood มาประจำคอยบริการ สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มขึ้นมาทานได้ ส่วนด้านนอกเป็นสวนแยกออกเป็นหลาย ๆ มุม ใช้งานกันได้พร้อม ๆ กันหลายกลุ่มเลยครับ

ขึ้นมาที่ชั้นบนสุดของอาคารครับ จะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง Sky Lounge ที่จัดออกมาดูดีทีเดียว เป็นห้องขนาดใหญ่ทรงโค้งตามแนวอาคารรับวิวกว้าง 270 องศา เลย เป็นพื้นที่ที่ตกแต่งภายในมาในแนวคิดเหมือนเดิมครับ ใช้ฝ้าทรง Free Formซ่อนไฟ เน้นกระจกและโทนสี ขาว เงิน ทอง

ส่วนแรกจะเป็น Bar ที่ทางโครงการจะมี Bartender จากทางโรงแรม Oakwood มาประจำให้ด้วย สามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้นะครับ โดยลูกบ้านจะได้ส่วนลดพิเศษด้วยนะ

ด้านในจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบกลุ่ม มีห้องส่วนตัวแยกภายในให้ด้วย

ด้านในมีส่วนเคาน์เตอร์บาร์รับวิวภายนอกอีกจุดที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง

มีประตูเชื่อมต่อออกมารับวิวภายนอกในหลาย ๆ ส่วน ด้านนอกจะเป็นแนวทางเดินยาวรับวิวรอบตัวอาคารเลยครับ

พื้นที่ด้านนอกจะมี 2 ฝั่งหลัก ๆ ทางฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกที่จะเป็นสวนขนาดใหญ่ ชอบที่เขาปลูกเป็นหญ้าจริงมาให้ด้วย ทำให้จะได้สัมผัสและกลิ่นของหญ้าจริง ๆ เหมือนอยู่โครงการแนวราบเลย

อีกฝั่งจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าที่มีมุมพักผ่อนแยกออกเป็นหลาย ๆ จุดครับ

เป็นมุมนั่งเล่นที่ได้ความเป็นส่วนตัวรับวิวเมืองจากมุมสูง

แบ่งออกเป็นหลาย ๆ จุดเลยครับ เป็นพื้นที่เข้ามุมรับวิวโล่ง และได้ความร่มรื่นจากต้นไม้จริงที่อยู่ด้านบนนี้ด้วย

ด้านข้างจะมีแนวทางเดินที่เชื่อมต่อยาวลงไปด้านล่างครับ จะเป็นบันไดที่เดินยาวตั้งแต่ชั้น 34 ไปยังชั้น 29 เลย

ส่วนตัวผมชอบพื้นที่นี้เป็นพิเศษ เพราะจะรับวิวได้กว้างและค่อนข้างโล่งเลย สวยดีครับ

บันไดจะเดินวนไปมาเพื่อให้รับวิวภายนอกได้เยอะ ส่วนของชานพักบันไดในแต่ชั้นจะมีพื้นที่พักผ่อนกระจายอยู่เป็นมุมนั่งเล่น ทำให้เลือกมาใช้งานได้หลากหลายจุด ได้ความเป็นส่วนตัวสูงเลย

ด้านล่างที่ชั้น 29 จะเป็นลานกว้างที่ปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาไว้ให้ด้วยเช่นเดิม พอมองลงไปจะได้วิวภายนอกที่โล่งและกว้างกว่าเดิมอีกนะ

มุมพักผ่อนบริเวณชานพักของแต่ละชั้น มาพร้อมต้นไม้ให้ร่มเงา 1 ต้น

ด้านล่างจะเป็นพื้นที่โล่งที่มาใช้งานเป็นกลุ่มได้ ออกแบบมาให้มีพื้นที่นั่งเล่นรับวิวกว้างเรียงตามแนวโค้งของพื้นที่นี้เลยครับ

มองขึ้นไปด้านบนก็สวยไปอีกแบบนะครับ การจะมาใช้งานพื้นที่นี้ต้องเดินลงมาจากชั้น 34 เท่านั้น ซึ่งก็แอบใช้งานยากอยู่เหมือนกัน แต่ก็ได้ความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวแก่ห้องพักอาศัยภายในดีครับ

สำหรับชั้นพักอาศัยของที่นี่จะมีทั้งหมด 16 ยูนิตต่อชั้น โดยจะมีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลางตัวอาคาร แบ่งห้องพักอาศัยออกเป็น 2 ฝั่งฝั่งละ 8 ยูนิต ทางทิศใต้จะเป็นฝั่งของ Private Resident และทางทิศเหนือจะเป็นส่วน Service Hotel  แยกออกจากกันอย่างชัดเจน จุดเด่นจะทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง และเป็นโถงทางเดินแบบ Single Corridor ทั้งหมด คือจะไม่มีห้องฝั่งตรงข้ามนั่นเองครับ โดยตรงกลางจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom 31 ตร.ม. ส่วนมุมฝั่งทิศตะวันตกจะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 36 ตร.ม. และทิศตะวันออกจะเป็นห้องขนาด 2 Bedroom ขนาด 67 – 70 ตร.ม. ลองไปชมบรรยากาศกันครับ

บรรยากาศโถงลิฟต์ของชั้นพักอาศัย จะได้เป็นแนวประตูกระจกบานเลื่อน แนวทางเดินจะมีความกว้างเป็นพิเศษ

โถงทางเดินเป็น Single Corridor ทำให้ไม่มีห้องฝั่งตรงข้าม และมีเพียง 8 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น ได้ความเป็นส่วนตัวสูง แต่พื้นที่ตรงนี้จะไม่มีช่องแสงจากภายนอก ทำให้ต้องเปิดไฟตลอด ซึ่งจะไปมีผลกับค่าส่วนกลางโครงการนะครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Exclusive lobby
  • Mail box
  • Sky pool
  • Kid’s room
  • ห้องน้ำแยกชายหญิงพร้อมห้อง Sauna ภายใน
  • Active fitness
  • Boxing area
  • Yoga
  • Sky lounge
  • สวนทางเดินพร้อมพื้นที่พักผ่อน เชื่อมชั้น 29-34
  • CCTV ภายในห้อง 1 ตัว
  • Video door phone
  • Home automation
  • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 105 :  1
  • ที่จอดรถ 152 คัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV 10 ตัว/ชั้น รวมทั้งโครงการประมาณ 300 กว่าตัว
  • เข้าออกรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติด้วยระบบ Key Card ระยะไกล (Easy Pass)

Premium Service For Member The Cuvee at Yaek Tiwanon Station & Oakwood

  • Discount food & beverage
  • Luggage assistant
  • Booking dinner & concert ticket
  • GYM assistant & personal training
  • Room service menu
  • Room cleaning
  • Airport departure service

แบบห้อง

โครงการนี้มีรูปแบบการอยู่อาศัย 2 แบบหลัก ๆ คือ

  • Private Resident : คือแบบห้องพักอาศัยเหมือนโครงการประเภทคอนโดทั่วไป แต่ความพิเศษของที่นี่คือจะมีสิทธิพิเศษในการใช้งานส่วนบริการต่าง ๆ ของโรงแรมเป็นทางเลือกเสริม ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่ก็ได้ส่วนลดพิเศษ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มที่อยู่ในร้านของ Oakwood ที่ตั้งอยู่ชั้น 1 ของโครงการ ด้วยเช่นกัน ส่วนพื้นที่จอดรถและ Lobby จะแยกกันอย่างชัดเจน โดยในรูปแบบ Private Resident นี้จะสามารถจอดได้ที่ชั้น 2-4 ครับ แต่พื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ จะใช้งานร่วมกันนะครับ
  • Service Hotel : คือการดูแลห้องโดย Oakwood แบรนด์โรงแรมระดับ 5 ดาว ที่เข้ามาดูแลและจัดการพื้นที่ในส่วนนี้ ทำหน้าที่เป็นห้องพักที่จะปล่อยเช่ารายเดือนและรายปี ซึ่งสามารถใช้งานพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการได้ทั้งหมด และจอดรถที่ชั้นใต้ดิน 2 ชั้น

นอกจากรูปแบบการอยู่อาศัยภายในโครงการแล้ว สำหรับห้องพักอาศัยทั่วไปก็มีแบบห้องให้เลือกหลายแบบเช่นกัน โดยที่นี่รูปทรงอาคารจะเป็นวงรี ทำให้ห้องพักอาศัยจะเป็นทรง 4 เหลี่ยมคางหมู ทางฝั่งระเบียงห้องจะเปิดกว้าง ทำให้รับช่องแสงได้เต็มที่ รูปแบบห้องพักอาศัยภายในโครงการจะมีทั้งหมด 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้ครับ

  • 1 Bedroom ขนาด 31 – 36 ตร.ม.
  • 2 Bedroom ขนาด 67 – 70 ตร.ม.
  • 3 Bedroom ขนาด 105 ตร.ม.

ส่วนวัสดุภายในห้องของที่นี่จะค่อนข้างพิเศษตรงที่มี Innovation ต่าง ๆ ให้มาด้วยค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Digital Door Lock, CCTV 1 ตัว, Video Door Phone, Smart Mirror (รูปแบบห้อง 1 Bedroom จะมีตั้งแต่ที่ชั้น 20 ขึ้นไป) ส่วนวัสดุอื่น ๆ จะได้ตั้งแต่พื้นเป็นกระเบื้องยางไวนิลลายไม้ และกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังติด Wallpaper ห้องน้ำใช้อ่างล้างมือของ Lavenz สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ของ Kohler และ Hafele ได้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้พร้อม ครัว Top หินสังเคราะห์ backsplash เป็นกระเบื้องโมเสค เตาไฟฟ้าจาก Schon พร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน หน้าต่างกรอบบานอลูมิเนียมกระจกสียูโรเกรย ได้แอร์จาก Hatachi ขนาด 12,000 BTU. แล้วแต่จำนวนห้อง

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. ห้องนี้เป็นห้องเริ่มต้นของโครงการ The Cuvee at Yaek Tiwanon Station ครับ ซึ่งอย่างที่ผมบอกไปว่าความพิเศษของห้องที่นี่คือรูปทรงอาคารจะเป็นทรงสีเหลี่ยมคางหมู ทำให้หน้าห้องจะเปิดกว้างรับแสงและลมได้มากกว่าปกติ ภายในห้องแยกสัดส่วนค่อนข้างชัดเจนครับ

เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นที่เป็นตัวแจกไปยังส่วนอื่น ๆ ภายในห้อง ฝั่งหลังทีวีจะเป็นห้องน้ำของห้องนี้ครับ เข้าถึงได้ง่ายจากทุกพื้นที่ เวลามีแขกมาห้องก็ไม่รบกวนห้องนอน ด้านในจะเป็นห้องครัวปิดที่มาพร้อมแนวกระจกบานใหญ่ ทำหน้าที่เป็นช่องแสงหลักของที่นี่ ภายในมีพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารได้ ในสุดจะมีระเบียงที่ใช้งานได้เต็มที่เลย เพราะไม่ต้องวางเครื่องซักผ้า และ Condensing Unit ก็แขวนอยู่ด้านบน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องนอน ที่มาพร้อมประตูบานทึบ ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง กรณีที่มีแขกมาก็จะไม่รบกวนภายในห้องนอน

เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อนเลยครับ พื้นที่ภายในห้องจะสูง 2.65 เมตร ทำหน้าที่เป็นตัวแจกไปยังส่วนต่าง ๆ ของห้องครับ โดยจะได้ช่องแสงหลักจากห้องครัวด้านใน

พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 42-46 นิ้ว หน้าห้องจะมีมุมให้วางตู้หรือชั้นวางรองเท้าได้ หรือจะ Built-in ใต้ทีวีก็ได้นะครับ จะได้ขยายโซฟาขนาดใหญ่ได้เต็มที่ และด้านประตูข้างทางเข้าจะมี Video Door Phone ให้ด้วย

ฟังก์ชันหลัก ๆ ของเจ้าเครื่องนี้ก็คือทำให้เราสามารถติดต่อไปที่ Lobby ได้ เวลามีแขกมาหาหรือมีของมาส่งก็สามารถโทรคุยกันได้เลย โดยจะมีจอแสดงผลให้เห็นหน้าเห็นตากันได้ด้วย โดยจะมีฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ ด้วย เช่น ฝากข้อความ เปิดเพลง หรือกดเรียกลิฟต์ได้จากภายในห้อง เช่น เวลาเรากำลังจะออกไปข้างนอก ก็กดลิฟต์จากตรงนี้ให้มารอเราได้เลยครับ

ผนังฝั่งแขวนทีวีเราสามารถ Built-in ได้เต็มที่แบบห้องตัวอย่างเลยนะ ใช้สำหรับวางของได้อีกเยอะเลย ดูไว้เป็นไอเดียได้นะครับ โดยด้านข้างจะมีประตูห้องน้ำอยู่ด้วย

เป็นห้องน้ำที่ออกแบบและให้วัสดุมาดูดีทีเดียวครับตกแต่งด้วยโทนสีขาว ตัดด้วยกระเบื้องโมเสคสีเข้มในส่วนอาบน้ำ ได้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่าง ๆ จาก Kohler และ Hafele ได้กระจก Smart Mirror มาให้พร้อมเลยครับ โดยในส่วนของห้องรูปแบบ 1 Bedroom จะได้ตั้งแต่ชั้น 20 ขึ้นไปนะครับ ก่อนหน้านั้นจะได้เป็นกระจกที่ให้ไฟมาเหมือนในภาพครับ โดย Smart Mirror จะทำหน้าที่ได้เหมือนเป็น Tablet ของระบบปฎิบัติการ Android เลยครับ โดยจะมีฟังก์ชันเสริมเป็นพวกเกี่ยวกับสุขภาพด้วย เช่นเครื่องชั่งน้ำหนัก และเครื่องตรวจวัดความชุ่มชื้นของผม แล้วไปแสดงผลบนจอ Smart Mirror ครับ

สุขภัณฑ์แบบสองชิ้นจาก Kohler อ่างล้างมือของ Lavenz มีก็อกสีดำด้านของ Hafele มาพร้อมผนัง Low Wall ด้านหลังเพื่อวางของ

ส่วนอาบน้ำจะมีฉากกั้นอาบน้ำไว้ให้ด้วยครับ โดยจะได้เป็น Hand Shower แลพ Rain Shower สีดำด้านจาก Hafele เช่นเดิมครับ ดูดีทีเดียว

จะมีพื้นที่อาบน้ำภายในขนาดประมาณ 0.85 x 1.25 เมตร ขนาดค่อนข้างกว้างเลยครับ

ด้านในของห้องจะเป็นห้องครัว ซึ่งได้มาเป็นประตูกระจกบานเลื่อนสูงถึงฝ้า ที่เป็นช่องแสงหลักของห้องนี้ครับ ส่วนด้านข้างเป็นห้องนอน ซึ่งจะได้เป็นประตูบานทึบ ช่วยแบ่งความเป็นส่วนตัวภายในห้องได้ดีเลยครับ เช่น ในกรณีที่มีแขกมาที่ห้องก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัวภายในห้องนอน หรือถ้าอยู่ห้องกัน 2 คน แล้วคนนึงอยากดูทีวีอยู่ด้านนอก และอีกคนอยากนอนด้านในก็จะไม่รบกวนกันครับ

เป็นครัวปิดที่ขนาดค่อนข้างกว้างเลยครับ พื้นจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องให้ด้วย ทำให้ง่ายแก่การทำความสะอาด ด้านในจะมีระยะจากเคาน์เตอร์ครัวถึงผนังประมาณ 1.3 เมตร ทำให้สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารแบบในห้องตัวอย่างได้เลย ข้อดีคือเวลาเราประกอบอาหารและรับประทานก็จบในนี้ได้เลย ทำให้กลิ่นและควันไม่ต้องเข้าไปรบกวนส่วนอื่น ๆ ภายในห้อง

เคาน์เตอร์จะได้เป็นแบบนี้เลยครับ ด้านล่างจะเป็นลิ้นชักและบานเปิดเพื่อเก็บของ มีช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ท็อปเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ ผนังครัวเป็นกระเบื้องโมเสค ได้อ่างล้างจานสเตนเลส เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนจาก Schon ครับ

ด้านในจะได้ประตูบานเลื่อนที่เชื่อมไปยังระเบียงครับ เป็นช่องแสงของห้องครัวและห้องนั่งเล่นด้านใน

ด้านนอกนี้มีขนาดประมาณ 1.8 x 1 เมตร สามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้อย่างเต็มที่เพราะไม่ต้องวางเครื่องซักผ้า (วางใต้เคาน์เตอร์ครัว) และ Condensing Unit (แขวนด้านบน)

ด้านบนจะได้ไฟ Downlight มา 1 ดวง และแขวน Condensing Unit ครับ

ด้านข้างจะเป็นห้องนอนขนาดค่อนข้างกว้าง ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ด้านใน และมีพื้นที่สำหรับ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วย โดยทางโครงการจะให้ตู้เสื้อผ้าสูงถึงฝ้ามาเลยครับ

พื้นที่ภายในห้องสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบาย ๆ ครับ ยังเหลือพื้นที่วางโต๊ะหัวเตียงแล้วเดินได้รอบ

ด้านในจะมีช่องแสงขนาดใหญ่ครับได้บานกระทุ้งมาถึง 2 บาน เปิดรับลมระบายอากาศได้เต็มที่เลย

ส่วนด้านในจะได้ตู้เสื้อผ้าหน้าตาแบบนี้เลยครับ เป็นหน้าบานเปิดที่เมื่อเปิดแล้วด้านในจะมีไฟติด

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 36 ตร.ม. นี้เป็นห้องมุมทางฝั่งทิศตะวันตก ทำให้ได้รับแสง 2 ฝั่ง ภายในห้องแบ่งสัดส่วนแต่ละพื้นที่ได้ชัดเจน และยืดหยุ่น โดยหน้าประตูห้องจะเป็นพื้นที่โล่ง ที่วางโต๊ะรับประทานอาหารได้ ด้านข้างจะเป็นห้องครัวปิดที่มีห้องน้ำภายใน ข้อดีคือจะมีช่องแสงภายในทั้งสองพื้นที่ เปิดรับแสงระบายอากาศได้ ทำให้ได้แสงธรรมชาติและลดกลิ่นอับชื้น ส่วนด้านในของห้องเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่มีกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอนสูงถึงฝ้า ที่ทำให้ภายในห้องสามารถใช้งานได้หลากหลาย ถ้าเปิดกว้างก็ได้พื้นที่ขนาดใหญ่ หรือจะนอนก็สามารถกั้นสัดส่วนได้ชัดเจน แต่จะติดม่านเพิ่มก็ได้นะครับ ด้านในจะได้ระเบียงขนาดใหญ่อีกเช่นกัน ลองไปชมภาพกันเลยครับ

ห้องนี้เปิดเข้ามาจะเห็นเลยว่าค่อนข้างโล่งกว้าง ซึ่งเป็นจุดเด่นของห้องนี้เลยครับ โดยในส่วนแรกจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นยาวไปจนถึงระเบียงด้านในเลย ซึ่งจะรวมพื้นที่รับประทานอาหารไว้เรียบร้อยเลย

ส่วนแรกหน้าห้องจะมีพื้นที่ด้านข้างสำหรับทำชั้นวางรองเท้าหรือวางของที่ใช้เข้าออกเป็นประจำได้นะครับ เช่น กุญแจรถ กระเป๋าตัง เป็นต้น ถัดมาจะเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร โดยพื้นที่ตรงนี้จะมีความกว้างประมาณ 2 เมตร ด้านข้างเป็นห้องครัวปิดของห้องนี้ครับ โดยด้านในมีห้องน้ำอยู่ด้วย

ครัวที่ได้จะได้ชุดครัวหน้าตาเหมือนเดิมเลยครับ ครัว Top หินสังเคราะห์ backsplash เป็นกระเบื้องโมเสค เตาไฟฟ้าจาก Schon พร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน

ตรงนี้จะเป็นครัวปิดที่ได้ช่องแสงด้านในมาให้ พร้อมยังเปิดรับลมระบายอากาศได้ด้วย พื้นที่ระหว่างเคาน์เตอร์ครัวถึงผนังจะมีระยะประมาณ 1.2 เมตร ด้านข้างทางฝั่งขวามือจะเป็นห้องน้ำของห้องนี้ครับ เป็นสัดส่วนดีครับ

ห้องน้ำห้องนี้ก็ได้ทุกอย่างมาเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ของ Kohler และ Hafele ได้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้พร้อมเช่นเดิม แต่ความพิเศษคือห้องน้ำของห้องนี้จะได้ช่องแสงภายในมาด้วย ช่วยระบายอากาศและความชื้น และไม่ต้องรำคาญเสียงดังของพัดลมระบายอากาศด้วย ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านเลยครับ

ด้านในจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นและห้องนอนครับ ซึ่งจุดเด่นคือจะเชื่อมต่อกันได้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ซึ่งจะทำให้สามารถเปิดได้กว้างกว่าแบบ 2 ตอนครับ

พื้นที่นั่งเล่นจะมีระยะดูทีวีประมาณ 1.8 เมตร เหมาะกับทีวีขนาดประมาณ 40-42 นิ้ว ตรงนี้พื้นที่ค่อนข้างแคบ อาจจะไม่เหมาะกับการวางโต๊ะกลางร่วมกับชั้นวางทีวี แนะนำให้เลือกทำอย่างใดอย่างนึงนะครับ จะได้เหลือพื้นที่สำหรับเดินไปมาได้สะดวก ด้านในจะเป็นระเบียงซึ่งเป็นช่องแสงหลักของห้องในส่วนนี้

เป็นระเบียงขนาด 2.35 x 1 เมตรซึ่งใช้พื้นที่ได้เต็มที่เช่นเดิม เพราะแขวน Condensing Unit และไม่ต้องวางเครื่องซักผ้า ด้านนอกนี้จะมีหน้าต่างเชื่อมกับห้องนอนด้านในด้วย ทำให้ห้องนอนได้แสงและมุมมองมากยิ่งขึ้น

มองกลับเข้ามาด้านในจะเห็นเลยครับว่าแสงเข้ามาได้ถึงประตูด้านในเลย และจะเห็นว่าห้องค่อนข้างโล่ง เพราะแนวประตูกระจกบานเลื่อนตรงกลางที่สูงถึงฝ้าเลย

เมื่อเปิดแล้วก็จะทำให้ห้องดูกว้างขึ้นเยอะเลย หรือเวลาปิดก็ช่วยแบ่งกั้นสัดส่วนได้ แต่อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้างในกรณีมีแขกมาที่ห้องนะครับ แนะนำให้ติดม่านแบบแขวนฝ้าได้นะครับ

เมื่อเปิดแล้วก็ได้พื้นที่ขนาดใหญ่ ให้บรรยากาศภายในดูโล่งและกว้างขึ้นอีกเยอะเลย

ภายในห้องนอนเองก็มีขนาดค่อนข้างกว้างเลยครับ สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้สบายเลย

ด้านในจะได้ช่องแสงที่เปิดรับลมระบายอากาศมาให้ด้วย ซึ่งจะมีหน้าต่างด้านข้างที่เชื่อมไปกับระเบียงช่วยเพิ่มมิติให้กับห้องนี้ยิ่งขึ้น

สำหรับปลายเตียงก็สามารถนอนดูทีวีร่วมกันกับห้องนั่งเล่นได้ด้วยนะครับ

ด้านในจะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้หน้าตาเหมือนเดิมครับ เหลือพื้นที่ด้านข้างให้จัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ด้วย

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

The Cuvee at Yaek Tiwanon Station ราคา ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564

  • 1 Bedroom ขนาด 31 – 36 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท
  • 2 Bedroom ขนาด 67 – 70 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 7.62 ล้านบาท
  • 3 Bedroom ขนาด 105 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 13.42 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.65 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Schone
  • จอง 2,900 บาท
  • ค่ากองทุน 200 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

  • Promotion : ฟรีค่าส่วนกลาง, กองทุน และค่าใช้จ่ายวันโอน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

The Cuvee at Yaek Tiwanon Station – หลายคงอาจจะกำลังมีคำถามว่าพอมี Service จากโรงแรมระดับ 5 ดาวอย่าง Oakwood เข้ามาภายในโครงการ จะส่งผลต่อผู้พักอาศัยในรูปแบบคอนโดทั่วไปอย่างไรบ้าง ? อธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ได้ดังนี้ครับ อย่างแรกคือจะทำให้สภาพของพื้นที่ต่าง ๆ ภายในโครงการมีการดูแลอย่างดี สะอาดและปลอดภัยอยู่ตลอด โดยเขาจะมีความปลอดภัยที่มากกว่าโครงการอื่น ๆ เช่น การวาง CCTV ไว้ทุกชั้น ชั้นละ 10 ตัว รวมทั้งโครงการก็มีให้ประมาณ 300 กว่าตัว และภายในห้องพักอาศัยเองก็มีให้มาอีกห้องละ 1 ตัวเช่นกัน, มีบริการเสริมให้เป็นตัวเลือกในการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้มีให้เห็นกันนักในโครงการย่านนี้ แต่แลกมากับการที่ต้องมีคนนอกเข้ามาใช้งานในโครงการด้วยในส่วนของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร พื้นที่ส่วนกลางต่าง ๆ หรือการเข้าออกภายในโครงการ แต่ทางโครงการก็พยายามแยกส่วนความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้ด้วยการเลือกแยกลิฟต์ แยกฝั่งการอยู่อาศัย แยกพื้นที่จอดรถ รวมถึงแยกนิติบุคคลในการดูแลด้วยเช่นกันครับ ลองไปดูบทสรุปในหัวข้ออื่น ๆ กันต่อเลย

ทำเล : ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ทางฝั่งมุ่งหน้าไปยังแยกติวานนท์ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับถนนสายสำคัญได้หลากหลาย ทั้งถนนติวานนท์, ถนนประชาราษฎร์ ไปเชื่อมต่อถนนงามวงศ์วาน, สะพานพระราม 5, ปทุมธานี, แยกแคราย, ปากเกร็ด และไปแจ้งวัฒนะได้ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ บางบัวทองก็ใช้เส้นรัตนาธิเบศร์ หรือจะออกไปทางถนนราชพฤกษ์ก็ใช้ถนนนครอินทร์ออกไปได้ไม่ยาก หรือถ้ากลับรถก็จะเชื่อมกับถนนรัชดาภิเษกสามารถใช้เป็นเส้นทางเข้าเมืองได้สะดวกเช่นกัน ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินเองจะมี Family Mart ใกล้ ๆ

การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกครับ เพราะอยู่ติดกับถนนใหญ่ที่เชื่อมต่อถนนโดยรอบได้หลากหลาย จะเข้าเมืองหรือออกเมืองก็ทำได้ไม่ยาก ไม่ไกลทางด่วนด้วย ตัวโครงการเองมีที่จอดรถมาให้ 152 คัน คิดเป็นประมาณ 36% อาจจะดูน้อยอยู่เหมือนกัน แต่โครงการนี้เป็นลักษณะที่มีทั้งห้องชุดขายแบบอยู่ประจำ และรูปแบบ Service Hotel ทำให้จะมีกลุ่มห้องพักอาศัยที่ว่างและไม่ได้อยู่ประจำอยู่จำนวนหนึ่งด้วยเช่นกัน และด้วยความที่เป็นโครงการติดรถไฟฟ้าแบบ 0 เมตร จึงทำให้ในการใช้งานจริงคงไม่ได้น้อยเหมือนตัวเลขที่เห็นนะครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับ MRT สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ มีระยะห่างจากจุดขึ้นลงประมาณ 30 เมตร โดยสถานีนี้สามารถไปเชื่อมต่อกับ MRT สายสีน้ำเงินได้ที่สถานีเตาปูน ห่างออกไปเพียง 3 สถานี นอกจากนั้นตัวโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนใหญ่จึงมีข้อได้เปรียบในการใช้การเดินทางสาธารณะอื่น ๆ ด้วย ทั้งรถประจำทาง รถแท็กซี่ และพี่วินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจะมีจุดประจำอยู่ในระยะประมาณไม่ถึง 50 เมตร

วัสดุ : วัสดุภายในห้องของที่นี่จะค่อนข้างพิเศษตรงที่มี Innovation ต่าง ๆ ให้มาด้วยค่อนข้างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Digital Door Lock, CCTV 1 ตัว, Video Door Phone, Smart Mirror (รูปแบบห้อง 1 Bedroom จะมีตั้งแต่ที่ชั้น 20 ขึ้นไป) ส่วนวัสดุอื่น ๆ จะได้ตั้งแต่พื้นเป็นกระเบื้องยางไวนิลลายไม้ และกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังติด Wallpaper ห้องน้ำใช้อ่างล้างมือของ Lavenz สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ของ Kohler และ Hafele ได้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้พร้อม ครัว Top หินสังเคราะห์ backsplash เป็นกระเบื้องโมเสค เตาไฟฟ้าจาก Schon พร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน หน้าต่างกรอบบานอลูมิเนียมกระจกสียูโรเกรย ได้แอร์จาก Hatachi ขนาด 12,000 BTU. แล้วแต่จำนวนห้อง

การออกแบบ : The Cuvee at Yaek Tiwanon Station เลือกนำส่วน Service Hotel เข้ามาอยู่ในโครงการด้วย ทำให้บรรยากาศและพื้นที่ต่าง ๆ ของโครงการจะมีการดูแลอย่างดี ทั้งความสะอาด สภาพต่าง ๆ รวมถึงการบริการภายในโครงการ ทำให้ได้บริบทการอยู่อาศัยที่แตกต่างจากคอนโดอื่น ๆ ทั่วไป โดยจะแยกพื้นที่ที่จอดรถและตำแหน่งของห้องพักอาศัยออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่รบกวนกัน ทำให้ห้องพักอาศัยของที่นี่จะเป็นโถงทางเดินแบบ Single Corridor ทั้งหมด ในส่วนพักอาศัยปกติก็จะมีเพียง 8 ยูนิต/ชั้น เท่านั้น และรับวิวโล่งทุกยูนิต พื้นที่ส่วนกลางของที่นี่แบ่งออกเป็นที่ชั้น 5 และ 34 ซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งแยกชั้นกับห้องพักอาศัยได้ดี ได้ความเป็นส่วนตัวและเป็นสัดส่วน เข้าถึงและจัดการดูแลรักษาได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างโดดเด่น โดยจะได้ CCTV ทุกชั้น ชั้นละ 10 ตัว รวมทั้งโครงการประมาณ 300 กว่าตัว และให้มาในห้องพักอาศัยทุกห้องห้องละ 1 ยูนิต ด้วยเช่นกัน

ส่วนห้องพักอาศัยของที่นี่ด้วยความที่ตัวอาคารเป็นรูปทรงวงรี ทำให้ห้องพักอาศัยทุกห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู เปิดหน้ากว้างรับแสงและลมได้เต็มที่ ภายในออกแบบมาค่อนข้างเป็นสัดส่วน ได้เป็นครัวปิดติดพื้นที่ระบายอากาศ ทำให้ทำอาหารได้เต็มที่และไม่รบกวนพื้นที่ภายในห้อง สำหรับการกั้นสัดส่วนภายในห้องจะเน้นกระจกบานใหญ่ที่สูงถึงฝ้า เพื่อทำให้ห้องดูโปร่งและโล่งเป็นพิเศษ มีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ เช่น Digital Door Lock, Video Door Phone, Smart Mirror และ Home Automation ช่วยอำนวยความสะดวกในห้องได้เป็นอย่างดีเลยครับ อีกอย่างที่ชอบเป็นพิเศษคือส่วนของห้องน้ำที่เลือกตกแต่งและใช้วัสดุที่ดูทันสมัยและสวยงามดี เช่น หัวก็อกต่าง ๆ ที่เป็นสีดำด้าน ตัดกับผนังสีขาวได้ดีทีเดียวครับ

สาธารณูปโภค : ที่นี่ให้พื้นที่ส่วนกลางมาหลายจุดเลย เริ่มต้นที่ชั้น 1 จะได้ Lobby แยกส่วนกันสำหรับห้องพักอาศัยปกติและส่วนของ Service Hotel ซึ่งในส่วน Service Hotel จะมีร้านอาหารและคาเฟ่มาด้วย และมี Bellboy, บริการเรียกรถรับส่งสนามบิน ซึ่งทางห้องพักอาศัยแบบปกติเองก็สามารถใช้บริการในส่วนต่าง ๆ ได้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนะครับ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ ก็แยกไว้ที่ชั้น 5 เป็นหลัก ประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องน้ำแยกชายหญิงพร้อมห้อง Sauna ในตัว ห้อง Kid’s Room และจะมี Sky Lounge ที่ชั้น 34 ด้วย นอกจากนั้นยังจะมีแนวสวนทางเดินจากชั้น 29-34 ให้อีกด้วยครับ ซึ่งก็จัดว่าให้มาหลากหลายดี และครบตามมาตรฐาน ส่วนสภาพก็สวยงามและน่าใช้งานจริงนะครับ


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 100,321 บาท/ตร.ม., 23 พฤศจิกายน 2564

  • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ ติดรถไฟฟ้า เดินทางสะดวก มีห้างสรรพสินค้าล้อมรอบในระยะขับรถ
  • เดินทางด้วยรถ  7.25/10 – เข้าเมืองง่าย ออกเมืองสะดวก ใกล้ทางด่วน
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – ติด MRT แยกติวานนท์ ตั้งอยู่บนถนนใหญ่ ใกล้วินและป้ายรถประจำทาง
  • วัสดุ 8/10 – จัดมาให้ระดับกลางถึงดี ขายแบบ Fully Fitted มี innovation อำนวยความสะดวกในห้อง
  • แบบ 7.75/10 – มีบริการระดับโรงแรม 5 ดาว ความเป็นส่วนตัวสูง แยกโซนชัดเจน แบบห้องครัวปิด เป็นสัดส่วน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ส่วนกลางมีครบ รับวิวสูงรอบด้าน มีบริการเสริมของโรงแรม

  • UPPER CLASS
  • 7.77 / 10.00

The Cuvee at Yaek Tiwanon Station เหมาะกับใคร

โครงการ The Cuvee at Yaek Tiwanon Station เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดในย่านติวานนท์ ติดถนนใหญ่และมีรถไฟฟ้าใช้งานได้สะดวก ต้องการบรรยากาศและบริการเสริมระดับโรงแรม มีความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวสูง ส่วนกลางครบรับวิวมุมสูงรอบด้าน มีงบประมาณระดับ 3 – 14 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 21,000 – 98,000 บาท/เดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะครับ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc