…หลังจากผ่านมา 2 ปี ในที่สุดโครงการ Notting Hill Rayong ก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ พร้อมให้เราได้ยลโฉมของจริงกันแล้วนะครับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นคอนโดที่อยู่ในโปรเจคมิกซ์ยูสของ Origin Smart City Rayong ที่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุดของจังหวัดระยอง หนึ่งในจังหวัดที่อยู่ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC (Eastern Economic Corridor) โดยความน่าสนใจหรือ Highlights หลักๆของโครงการจะมีดังต่อไปนี้

  • Origin Smart City Rayong เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม และคอนโดมิเนียม เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรและ New CBD ใหม่ของระยองเลยก็ว่าได้
  • เป็นคอนโด High Rise ที่สูงที่สุดในจังหวัดระยอง อีกทั้งยังเป็น Notting Hill โครงการสุดท้าย ที่จัดเต็มส่วนกลางมาได้สวยสุดๆถึง 5 ชั้น และมี Sky Facilities ที่เยอะมาก สามารถชมวิวได้ 360 องศาเลยทีเดียว
  • ทำเลติดแยกเนินสำลี เป็นจุดตัดระหว่างทางไปตัวเมืองระยอง และทางไปนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จับกลุ่มคนทำงานในนิคมที่ค่อนข้างมีรายได้

ข้อมูลโครงการ

Notting Hill Rayong (นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง) ณ วันที่ 28 เมษายน 2565

 ชื่อโครงการ  Notting Hill Rayong (นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด
 SEGMENT CLASS  UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถ.สุขุมวิท อ.เมืองระยอง จ.ระยอง
 ที่ดิน  2-2-67.1 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 34 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต  537 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  21 ยูนิต
 ที่จอดรถ  35% (รวมจอดซ้อนคัน)
 สถานะโครงการ  สร้างเสร็จพร้อมอยู่
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom ขนาด 22.5 – 30.2 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Smart Walk in Closet ขนาด 28.3 – 30.2 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 31.3 – 34.8 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  2.29 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ https://www.origin.co.th/condominium/notting-hill-rayong/
 Call Center 020-300-000

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ติดแยกเนินสำลี และอยู่ติดถนนบายพาสกับถนนสุขุมวิท เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตัวเมืองระยอง และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
  • ใกล้แหล่งงานและเดินทางสะดวกสำหรับคนที่ทำงานในนิคม
  • ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในตัวเมือง หรือใกล้ความอุดมสมบูรณ์อย่างห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ แต่ตัวโปรเจคมิกซ์ยูสแห่งนี้ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบ ไม่ว่าจะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ โรงแรม และคอนโดมิเนียม

พิกัด Google Maps : 12.703138, 101.186738
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Notting Hill ระยอง ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทในจังหวัดระยอง ติดกับแยกเนินสำลี ที่เป็นแยกขนาดใหญ่ และมีความสำคัญในการเดินทางไปทำงานยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดของคนย่านนี้ โดยความอุดมสมบูรณ์ดั้งเดิมส่วนใหญ่จะอยู่ถัดเข้าไปในตัวเมืองระยอง ซึ่งการเดินทางด้วยระยะทาง 10 km.ในต่างจังหวัดแบบนี้ถือว่าไม่ลำบากเลยครับ (เพราะรถไม่ติดเหมือนกรุงเทพฯ) และกลับกัน…โปรเจค Origin Smart City Rayong จะทำให้ทำเลนี้กลายเป็นเหมือน New CBD ใหม่ที่ครบวงจรทั้งศูนย์การค้า โรงแรม และที่พักอาศัย กลายเป็นจุดเชื่อมต่อของ “แหล่งงาน” และ “ตัวเมือง” ที่เดินทางสะดวกทั้งคู่ หรือถ้าจะเข้ากรุงเทพก็ไปได้ด้วยถนนบายพาส พัทยา – ระยอง ที่สามารถวิ่งตรงยาวๆไปเชื่อมต่อทางด่วนบูรพาวิถี หรือมอเตอร์เวย์ก็ได้ครับ

ส่วนความเจริญของจังหวัดนี้หลักๆคือ Central Plaza ระยอง บนถนนบายพาสที่พึ่งตัดใหม่ได้ไม่นานมานี้ ทำให้ความเจริญเริ่มแผ่ขยายมายังถนนเส้นนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่อยู่แต่บริเวณเทศบาลนครระยอง และ Passione Shopping Destination (หรือห้างแหลมทองเก่า) ก็เริ่มมีห้างใหม่ๆเกิดขึ้นตามมา ทั้งห้าง BigC และแม็คโคร หรือใครจะเดินตลาดก็มีให้เลือกเดินเยอะแยะเลยครับ โดยเฉพาะตลาด Star Night Bazaar แล้วที่ขาดไม่ได้สำหรับจังหวัดติดชายทะเลแบบนี้ก็คือ แหล่งท่องเที่ยวริมทะเล ซึ่งหาดที่ใกล้ที่สุดก็คือ “หาดแสงจันทร์” แต่ต้องบอกก่อนว่าหาดที่นี่ ไม่ใช่หาดที่จะเล่นน้ำได้เหมือนพัทยา-บางแสนนะครับ จะเป็นหาดที่เอาไว้ไปนั่งชิลๆริมทะเล ตามแนวโขดหินมากกว่า

ก่อนจะพูดถึงตัวโครงการต่อไป ผมขออธิบายพื้นฐานของโครงการนี้กันสักนิดนะครับ ระยอง จัดเป็นหนึ่งใน 3 จังหวัดร่วมกับ ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่เข้าร่วมในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งทั้ง 3 พื้นที่ดังกล่าว เดิมเป็นกลุ่มเขตอุตสาหกรรมสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศอยู่แล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากมาย

โดย EEC จะมีส่วนในการพัฒนาเมืองและแหล่งท่องเที่ยวให้พร้อมในการอยู่อาศัย พักผ่อน และประกอบธุรกิจได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีความทันสมัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนในพื้นที่เดิมและผู้ที่จะเข้ามาลงทุนใหม่ ภายใต้การลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน ทั้งทางถนน ทางรางรถไฟ ทางอากาศ และทางน้ำ อาทิเช่น

  • การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติหลักแห่งที่ 3 ของไทย
  • การสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา)
  • รถไฟทางคู่เชื่อมแหล่งอุตสาหกรรมกับท่าเรือ
  • การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง
  • การพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด
  • การก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง
  • การพัฒนาเมืองในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา
  • การลงทุนด้านการท่องเที่ยว
  • การพัฒนาเขตนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและลงทุนกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย

เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับศักยภาพภายในจังหวัดระยอง และตัวโครงการของเราโดยตรงเลย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ได้มากทีเดียวครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบของโครงการแถวนี้จะไม่มีตึกสูงอยู่เลย ส่วนมากเป็นที่ว่างและชุมชนแนวราบ สามารถมองเห็นวิวได้ค่อนข้างไกล แต่ภายในโครงการแห่งนี้จะมีอาคารสูงที่อาจบังวิวกันเองได้อยู่ครับ สามารถสรุปได้ดังนี้

ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ดินรอการพัฒนาของโครงการ ซึ่งจะกลายเป็น Brompton Rayong ในอนาคต ส่วนระยะไกลจะสามารถมองเห็นวิวพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ และถนนบายพาสด้านหลังได้ครับ

ทิศใต้ : ติดกับ ที่ดินรอการพัฒนาของโครงการ ซึ่งจะกลายเป็น KnightsBridge Space Rayong ที่เป็นตึกสูงในอนาคต และอาจส่งผลให้บังวิวบางส่วนอยู่บ้าง แต่ ณ ปัจจุบันเราจะมองเห็นชุมชนแนวราบ และนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นแหล่งงานของใครหลายๆคนได้อยู่ไม่ไกล อีกทั้งยังสามารถมองเห็นทะเลได้อีกด้วยครับ

ทิศตะวันออก : ติดกับ Kensington Rayong ที่เป็นอาคารสูง 8 ชั้น และยังสามารถมองเลยไปเห็นชุมชนแนวราบกับตัวเมืองระยองได้ด้วย

ทิศตะวันตก : ติดกับถนนบายพาส และมองไปทางพัทยา เห็นนิคมอุสาหกรรมมาบตาพุด รวมถึงยังได้วิวพื้นที่สีเขียวจากศูนย์ราชการ และเห็นภูเขาในระยะไกลด้วย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Tesco Lotus มาบตาพุด ~ 2.7 km.
  • The Ozone Lifestyle Mall ~ 5 km.
  • Passione ~ 7.3 km.
  • ตลาด Star Night Bazaar ~ 9.8 km.
  • Makro ~ 10.2 km.
  • Central Plaza ระยอง ~ 11.9 km.
  • Big C Supercenter ~ 12.2 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.กรุงเทพระยอง ~ 6.4 km.

โรงเรียน

  • รร.อัสสัมชัญ ระยอง ~ 7 km.

สถานที่ราชการและอื่นๆ

  • ศูนย์ราชการระยอง ~ 1 km.
  • บขส.ใหม่ระยอง ~ 4.4 km.
  • หาดแสงจันทร์ ~ 5.5 km.
  • นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ~ 9 km.
  • เทศบาลนครระยอง ~ 11 km.
  • สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ~ 36.1 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • เป็นโครงการที่อยู่ในโปรเจคมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ของ Origin Smart City Rayong ที่ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบ พร้อมกับการอัพเดตข้อมูลปัจจุบันจากทางออริจิ้น ว่าจะมีการพัฒนาเป็นโครงการอะไรในอนาคตต่อบ้างครับ
  • เป็นคอนโด High Rise ที่สูงที่สุดในจังหวัดระยอง แถมยังเป็น Notting Hill โครงการสุดท้ายอีกด้วย ซึ่งทำออกมาได้สวยดีทีเดียวครับ
  • จัดเต็มพื้นที่ส่วนกลาง 5 ชั้น พร้อม Sky Facilities ให้เราได้ขึ้นไปใช้งาน และชมวิวมุมสูงของจังหวัดระยองได้รอบ 360 องศา

โครงการ Origin Smart City Rayong เป็นโปรเจค Mixed-use ขนาดใหญ่จาก Origin ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 24 ไร่ โดยภายในประกอบด้วยคอนโดมิเนียม โรงแรม และคอมมูนิตี้มอลล์

ซึ่งโปรเจคนี้ผมเคยเขียนเป็นบทความไปแล้ว หากใครสนใจก็สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่นี่เลยครับ >>> Origin Smart City Rayong โครงการ Mixed-use ใกล้นิคมมาบตาพุดและตัวเมืองระยอง จาก ออริจิ้น [Market Survey]

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

…ผ่านมาแล้ว 2 ปี นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ผมเคยได้มีโอกาสเข้ามารีวิวที่โครงการนี้ ปัจจุบันทั้งคอนโด Kensington Rayong และ Notting Hill Rayong ต่างก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ และมีลูกบ้านเข้าอยู่จริงแล้วเรียบร้อย

ซึ่งวันนี้ผมก็มีข้อมูลอัพเดตจากทางออริจิ้น เกี่ยวกับชื่อโครงการใหม่ที่ในตอนนั้นยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาและพัฒนา แต่ ณ วันนี้เราได้ทราบแล้วครับว่า จะมีโครงการอะไรมาลงเพิ่มอีกบ้าง นั่นก็คือ

  1. บริเวณด้านหน้าสุดจะเป็น Community Mall + โรงแรม Holiday Inn Express + คอนโด The Hampton Suites Rayong
  2. ติดกับ Notting Hill จะกลายเป็นคอนโด KnightsBridge Space Rayong ซึ่งเป็นตึกสูงเหมือนกัน
  3. บริเวณด้านหลังสุดจะเป็นคอนโด Brompton Rayong

นี่ก็เป็นภาพบรรยากาศบางส่วนของถนนภายในโครงการครับ จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 ข้างทางจะมีการปรับภูมิทัศน์ให้ดูร่มรื่น แถมยังใช้สายไฟลงดินทั้งหมดอีกด้วย เลยทำให้ดูเรียบร้อยและสวยงามดีทีเดียว

และโครงการที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้ก็คือ Notting Hill Rayong ที่ผมเคยมีโอกาสได้มารีวิวเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นโมเดลและภาพ Perspective อยู่เลย แต่ตอนนี้เราจะได้เห็นของจริงกันเลยแล้วครับ

โดยนอกจากจะเป็นคอนโดที่สูงที่สุดในระยองแล้ว ยังถือเป็นโครงการสุดท้ายที่จะใช้ชื่อแบรนด์ Notting Hill อีกด้วยครับ รับรองเลยว่าจัดหนักจัดเต็มแน่นอน และส่วนตัวผมก็คิดว่านี่เป็น Notting Hill ที่ทำออกมาได้ดีและสวยที่สุดในรุ่นของเค้าแล้วด้วย ซึ่งถือเป็นการส่งท้ายแบรนด์นี้ได้อย่างงดงามเลยทีเดียว จะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันเลยครับ

Master Plan ปัจจุบันจะมีเส้นทางเข้า-ออก จากถนนหลักภายในโครงการแค่ทางเดียวนะครับ ส่วนทางเข้าจากถนนบายพาสจะเป็นเส้นทางในอนาคตอีกที เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอ Drop-Off ให้วนรถรับ-ส่งคนตรงหน้า Lobby ได้เลย และถ้าเป็นลูกบ้านก็จะสามารถวนรถเข้าไปจอดภายในอาคารได้ ซึ่งจะเป็นเส้นทางแบบทวนเข็มนาฬิกา ก่อนที่จะวนกลับออกมาด้านหน้าได้ตามปกติ

ส่วนภายในอาคารนอกจากจะมี Lobby ที่เป็นส่วนต้อนรับแล้ว ยังมี Business Lounge และ Meeting Room ไว้รับแขกหรือคุยงานกับเพื่อนร่วมงาน ที่อาจแวะมาหาในบางครั้งได้ด้วย ซึ่งทำให้เราไม่ต้องพา Visitor ขึ้นไปบนอาคารให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ

และนี่คือบรรยากาศตรงวงเวียน Drop-Off ที่เราสามารถวนรถรับ-ส่งคนหน้า Lobby ได้ครับ หรือถ้าใครเป็น Visitor ก็จะมีจุดให้จอดรถชั่วคราวอยู่ทางขวามือ ซึ่งเป็นบริเวณด้านหน้ายูนิตร้านค้าพอดี (ห้องกระจกซ้ายมือ) โดยปัจจุบันยังไม่ทราบว่าจะมีร้านอะไรมาลงนะครับ

สำหรับลูกบ้านเมื่อขับตรงเข้ามาก็จะเจอกับไม้กั้นกระดก เป็นระบบ RFID ที่ใช้สัญญาณ Bluetooth ในการเปิดอัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน รวมถึงยังมีกล้อง CCTV เพื่อความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งด้วยครับ

ทางเข้าที่จอดรถจะอยู่ด้านข้างของอาคาร และมีทางลาดให้วนรถขึ้นไปได้เหมือนในห้างเลยครับ ทำให้ใช้งานได้สะดวกดีทีเดียว

นอกจากนี้ยังมี EV Charger จำนวน 3 Station ให้ใช้บริการอยู่ตรงบริเวณที่จอดรถชั้น 1 ด้วยครับ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาจากเมื่อ 2 ปีก่อน เพราะปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมกันมากขึ้น ดังนั้นใครที่ใช้รถแบบนี้อยู่ก็หายห่วงได้เลยครับ

ส่วนเส้นทางเดินรถด้านหลังอาคาร ก็จะมีไม้กั้นกระดกสำหรับขาออกอีกจุดหนึ่ง และตรงนี้เราจะเห็นประตูรั้วเหล็กรางเลื่อนด้านขวามือ ซึ่งอนาคตคาดว่าอาจเปิดเป็นทางเข้า-ออก ให้เราได้ใช้เข้ามาจากถนนใหญ่ได้โดยตรงอีกเส้นทางหนึ่งครับ

กลับมาที่จุด Drop-Off ด้านหน้ากันอีกครั้ง ซึ่งจะอยู่ใต้ชายคาในร่มไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝนแบบนี้

ด้านหน้าประตูทางเข้า Lobby เราจะเห็นว่ามีสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจอดอยู่ ซึ่งเป็นหนึ่งในฟังก์ชันที่ลูกบ้านสามารถนำไปใช้ภายในโครงการได้ โดยเราจะต้องนำกลับมาส่งคืนที่จุดให้บริการ (หน้าอาคารต่างๆ) ทุกครั้งด้วยนะครับ ส่วนการเข้า-ออกอาคารจะมีระบบ Face Scan ที่จะคอยตรวจวัดอุณหภูมิเพื่อความปลอดภัย และช่วยลดความเสี่ยงต่างๆได้ด้วย

เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับโถง Lobby ขนาดใหญ่ ที่ได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ตกแต่งด้วยพื้นและผนังด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ดูหรูหราสวยงามดีทีเดียว

ขวามือคือ Business Lounge เป็นชุดเก้าอี้และโซฟากระจายอยู่หลายจุด ซึ่งเราสามารถใช้เป็นจุดนัดพบ/นั่งพูดคุยกับแขกที่มาหาได้ครับ

หรือหากใครต้องการคุยงานแบบกลุ่ม ด้านในสุดก็จะมี Meeting Room ให้ใช้งานแบบส่วนตัวได้ด้วยนะ

กลับมาที่โถง Lobby หลักอีกครั้ง ซึ่งโถงลิฟต์จะอยู่แยกออกไปทางขวามือครับ

ระหว่างทางไปยังลิฟต์จะมีทางแยก ให้เราสามารถเดินไปหยิบจดหมายที่ Mailbox หรือรับของที่ฝากไว้ใน Smart Locker ได้ด้วยนะ

ส่วนการเข้ามายังโถงลิฟต์จำเป็นจะต้องใช้ Key Card สำหรับลูกบ้านเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ด้านในมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัวให้ใช้งาน

แปลนชั้น 6 จะเป็นชั้นที่มีห้องห้องพักอาศัยและ Facilities อยู่ในชั้นเดียวกันครับ แต่ก็จะมีการแยกโซนด้วย Key Card ออกจากกันชัดเจน เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในการอยู่อาศัย โดยส่วนกลางชั้นนี้หลักๆคือ Co-Working Space และสวนที่อยู่ด้านนอก ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ค่อนข้างเงียบสงบ และไม่ค่อยมีการใช้เสียงดังกันสักเท่าไหร่อยู่แล้ว

แต่ทางโครงการก็ยังคำนึงถึง “ความเป็นส่วนตัว” ของผู้พักอาศัยมาเป็นอย่างดี ด้วยการทำผนังแบบ Double Wall หรือผนัง 2 ชั้น (กรอบสีชมพู) เพื่อที่จะได้ช่วยลดเสียงรบกวนที่อาจเกิดมาจากพื้นที่ส่วนกลางได้นั่นเองครับ

โดยห้องพักของชั้นนี้ก็อาจเหมาะกับ คนที่ชอบใช้งาน Co-Working Space และพื้นที่สวนแบบนี้อยู่บ่อยๆ รวมถึงห้องพักที่หันหน้ามาหาสวนก็น่าสนใจดีนะครับ เพราะเราสามารถมองเห็นสวนและต้นไม้ได้อย่างใกล้ชิด จากหน้าต่างหรือระเบียงห้องได้โดยตรงเลยนั่นเอง

ขึ้นมาที่ชั้น 6 เราจะเห็นว่าโซนห้องพักอาศัยจะมีประตูที่ต้องใช้ Key Card กั้นไว้เพื่อความปลอดภัยแบบนี้ ส่วนถ้าเป็น Facilities ก็จะสามารถเปิดประตูเดินเข้าไปได้เลยครับ

บรรยากาศของ Co-Working Space จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และยังแบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายส่วนให้ได้ใช้งาน อย่างบริเวณจุดแรกจะเป็นห้องฝ้าเพดานสูง Double Volume ที่มีชุดโซฟานั่งเล่นกระจายอยู่หลายจุดเลยครับ

ถัดเข้ามาจะเป็นโซนที่เงียบสงบและดูจริงจังขึ้นมาหน่อย โดยจะเป็นโต๊ะขนาดใหญ่ให้นั่งทำงานกันเป็นกลุ่มได้ หรือจะไปนั่งโต๊ะทรงสูงเคาน์เตอร์บาร์แบบเดี่ยวๆก็ได้เหมือนกัน

ส่วนห้องนี้คือ Phonebooth เป็นห้องที่เราสามารถมานั่งทำงานแบบส่วนตัวได้ ซึ่งไม่ได้จำกัดการใช้งานแค่โทรศัพท์ตามชื่อเท่านั้นนะครับ

นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้เราได้ใช้งานด้วยแบบนี้

ส่วนด้านนอกคือ Outdoor Garden & Water Feature Court เป็นสวนที่เราสามารถมานั่งเล่นชิลๆกันได้ครับ โดยเฉพาะช่วงบ่ายโมงเป็นต้นไป บริเวณนี้จะได้เงาของอาคารช่วยบังแดดให้ เลยสามารถมาใช้งานได้เกือบตลอดทั้งวันเลยทีเดียว

สวนนี้จะมีพื้นที่นั่งเล่นกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ พร้อมกับได้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ และยังมีเสียงของน้ำพุให้ฟังเพลินๆอีกด้วย และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า เค้ามีการปลูกแนวรั้วต้นไม้เพื่อช่วยบังสายตาให้กับห้องพักที่อยู่ชั้น 6 นี้ด้วย จึงทำให้ทั้งเจ้าของห้องและคนที่มาใช้งานสวน ต่างฝ่ายต่างก็จะได้ความเป็นส่วนตัวครับ

แปลนชั้น 7 ห้องพักอาศัยของชั้นนี้จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ เพราะการใช้งานของพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Private Meeting Room จะแยกออกจากชั้นพักอาศัยนี้อย่างสิ้นเชิง โดยจะสามารถเดินขึ้นมาได้ด้วยบันไดจาก Co-Working Space ก่อนหน้านี้เท่านั้น

แต่ก็จะเพิ่มลูกเล่นให้โถงทางเดินชั้นนี้นิดหน่อย ด้วยการทำช่องแสงขนาดใหญ่ (กรอบสีส้ม) เชื่อมต่อกับห้องฝ้าเพดานสูงของ Co-Working Space ซึ่งจะทำให้โถงทางเดินและโถงลิฟต์บนชั้น 7 นี้มีความสว่างและโปร่งโล่งมากขึ้นนั่นเองครับ

เราจะขึ้นไปดูบนชั้น 7 ด้วยบันไดนี้กันครับ ซึ่งสามารถเดินขึ้นมาจาก Co-Working Space ได้เลย เมื่อมองลงไปก็จะเห็นทั้งพื้นที่โซฟานั่งเล่น และสวนด้านนอกพร้อมๆกันได้

Private Meeting Room จะมีโต๊ะขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง สามารถประชุมร่วมกันได้ 6 – 8 คน โดยห้องนี้เราสามารถจองกับนิติเพื่อขอใช้แบบส่วนตัวได้ด้วยนะครับ

แปลนชั้น 8 – 31 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบ Tripical Floor Plan ซึ่งห้องมุมอาคารทั้ง 4 จะเป็น 1 Bedroom Plus ทั้งหมดครับ ส่วนห้องที่เหลือจะเป็น 1 Bedroom ที่มีฟังก์ชันและ Layout ต่างกันไปตามตำแหน่งของอาคารที่ไม่เหมือนกัน โดยจุดที่ผมมองว่ามีความน่าสนใจจะประกอบด้วย

  • กรอบสีแดง : เป็นห้อง 1 Bedroom Plus เพียงห้องเดียวที่ไม่มีผนังติดกับเพื่อนบ้านเลยครับ จึงมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง แต่ก็เป็นห้องที่อยู่ไกลจากโถงลิฟต์มากที่สุดด้วยเช่นกัน
  • กรอบสีชมพู : ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 33.4 ตร.ม. ซึ่งแบบห้องนี้จะมีเพียง 1 ห้อง/ชั้นเท่านั้น โดยจะมีผนังที่ติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียว ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นโถงลิฟต์ขนของ แน่นอนว่าช่วงกลางคืนที่ไม่ค่อยมีคนใช้งาน ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง แต่ในช่วงกลางวันก็อาจมีคนเข้า-ออก และมีเสียงเปิด-ปิดประตูดังอยู่บ้าง เช่น คนที่ลงไปรับของ Delivery ที่สั่งเอาไว้ เป็นต้น
  • กรอบสีน้ำเงิน : เป็นห้อง 1 Bedroom ในตำแหน่งพิเศษที่เป็นรูปตัว L และอยู่ติดกับบันไดหนีไฟ ทำให้มีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียว และได้ความเป็นส่วนตัวครับ
  • กรอบสีส้ม : เป็นห้อง 1 Bedroom 22.3 และ 24 ตร.ม. ซึ่งเป็น Type ที่เล็กสุดของโครงการ ทำให้มีราคาจับต้องได้ง่าย และมีเพียง 2 ห้อง/ชั้นเท่านั้น เหมาะกับนักลงทุนหรือคนที่มีงบประมาณจำกัดครับ

แปลนชั้น 32 เป็นชั้น Main Facilities ที่แบ่งโซนการใช้งานออกเป็น 2 โซนหลักๆคือ ทางด้านซ้ายมือจะเป็น Sky Lounge ให้ลูกบ้านสามารถขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน ชมวิว หรือพบปะพูดคุยร่วมกันได้ ส่วนทางด้านขวาจะเป็นโซนกิจกรรมประเภทออกกำลังกาย ที่จะ Active ขึ้นมาหน่อย ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และห้องโยคะ

ขึ้นมาตรงโถงลิฟต์ของชั้น 32 จะมีทางแยกให้เชื่อมต่อไปยังฟังก์ชันส่วนกลางและโซนต่างๆได้ โดยซ้ายมือจะเป็นทางไปโซนออกกำลังกายที่อยู่ด้านนอก ตรงกลางเป็น Sky Lounge และขวามือจะเป็นห้อง Private Sky Lounge ตามลำดับ

เริ่มจาก Highlight หลักของชั้นนี้อย่าง Sky Lounge กันก่อนครับ ซึ่งเป็นห้องฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume ขนาดใหญ่เลย

โดยรอบจะเป็นผนังกระจกทั้งหมด ทำให้เราสามารถชมวิวมุมสูงของระยองได้เกือบ 180 องศาเลยทีเดียว พร้อมทั้งมีชุดโซฟากระจายอยู่หลายจุด ให้เราได้ขึ้นมานั่งเล่นและพบปะเพื่อนบ้านกันบนชั้นนี้ได้เลยครับ

นอกจากนี้ก็ยังมี Sky Deck ขนาดใหญ่ ให้เราได้ออกมาสูดอากาศและชมวิวแบบ Outdoor ได้ด้วย ซึ่งจะสามารถมองเห็นวิวทะเล ภูเขา และนิคมุตสาหกรรมมาบตาพุดที่อยู่ไกลๆได้

กลับมาที่ด้านหน้าโถงลิฟต์อีกครั้ง ซึ่งเราจะไปดูห้องที่อยู่ทางขวามือกันบ้างครับ

ภายในคือ Private Sky Lounge ซึ่งจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องหลัก ที่อยู่ด้านนอกก่อนหน้านี้ อย่างบริเวณพื้นที่ส่วนแรกก็จะเป็นชุดเก้าอี้ให้นั่งพบปะพูดคุยกัน 2 ชุดแบบนี้ครับ

ถัดเข้ามาด้านในก็จะมีโซฟาขนาดใหญ่ ให้นั่งคุยกันเป็นกลุ่มหลายๆคนได้ด้วย ซึ่งก็สามารถนั่งเล่นพูดคุยพร้อมกับชมวิวไปด้วยได้นั่นเองครับ

อีกด้านหนึ่งของโถงลิฟต์จะเป็นประตู ที่เชื่อมต่อไปยังส่วน Outdoor ที่เป็นฟังก์ชันออกกำลังกายของชั้นนี้ครับ

ฟังก์ชันแรกคือสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 30 x 5.9 m. เป็นสระแบบกลางแจ้งที่หากมาใช้งานตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไป ตัวอาคารก็จะช่วยบังแดดจนเกิดร่มเงา ให้เราใช้งานได้สบายๆแบบนี้เลยครับ

นอกจากนี้เป็นสระแบบ Infinity Edge Pool หรือสระแบบไร้ขอบ ที่เวลาเราว่ายน้ำไปก็จะสามารถชมวิวเมืองระยองรอบๆไปได้ด้วยแบบนี้ รวมถึงยังมองดูเหมือนว่าผิวน้ำในสระเชื่อมต่อกับทะเลได้อีกด้วยนะครับ

อีกด้านหนึ่งของสระจะมี Day Bed ให้เราได้นอนชมวิวภูเขาเล่นๆ พร้อมกับมี Jacuzzi ให้เราได้ใช้งานด้วย

ส่วนห้องน้ำจะอยู่ริมสระด้านหลัง Day Bed แบบนี้ ให้เราได้ใช้งานสะดวกๆ

ภายในจะมีทั้งตู้ล็อคเกอร์ โถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และยังมีซาวน่าแยกชาย-หญิงให้ได้ใช้งานครบ

สุดท้ายคือ Sky Fitness ซึ่งภายในมีขนาดค่อนข้างใหญ่ พร้อมกับอุปกรณ์ที่เยอะเพียงพอต่อจำนวนยูนิตครับ

ผนังทั้ง 2 ด้านจะเป็นกระจกบานใหญ่ ที่เราสามารถออกกำลังกายไป และชมวิวภายนอกไปด้วยเพลินๆได้แบบนี้

ส่วนอีกด้านจะเป็น Yoga Room ที่เราสามารถมาเล่นบอลโยคะ หรือเต้นออกกำลังกายแบบที่มองดูตัวเองในกระจกไปได้ด้วยแบบนี้เลยครับ

แปลนชั้น 33 ยังคงเป็น Main Facilities แบบเต็ม Floor สามารถขึ้นมาได้ด้วยลิฟต์โดยสารตามปกติ หรือจะเดินเชื่อมต่อมาจากบันไดในห้อง Sky Lounge ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งฟังก์ชันหลักๆจะเป็นแนวสันทนาการอย่าง Game Room / Theater Room / Co-kitchen & Private Dining รวมถึงยังมี BBQ. Terrace ที่เป็นฟังก์ชันส่วน Outdoor ให้เราได้ออกมาสูดอากาศ พักผ่อน หรือจัดปาร์ตี้ร่วมกับเพื่อนๆก็ได้

และอย่างที่บอกครับว่าชั้นนี้เราสามารถขึ้นมาได้ด้วยลิฟต์ หรือจะเดินขึ้นบันไดมาจาก Sky Lounge แบบนี้ก็ได้

ห้องแรกทางซ้ายมือจะเป็น Game Room ซึ่งภายในก็มีขนาดใหญ่มากเลยทีเดียว

บริเวณกลางห้องจะมีโต๊ะพูลตั้งอยู่ สามารถมาเล่นแข่งกับเพื่อนๆกันได้ตลอดเวลาเลยครับ

นอกจากนี้ตามตู้และชั้นวางของต่างๆ ก็จะมี Board Game ให้เราได้นำมาเล่นสนุกกับเพื่อนๆกันด้วย ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายเกมส์เลยครับ

โดยเราสามารถนำ Board Game มานั่งเล่นตรงโต๊ะตัวใหญ่ ที่อยู่ด้านในสุดของห้องแบบนี้ได้เลย รวมถึงตรงกลางโต๊ะก็จะมี Wireless Charger สำหรับชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือแบบไร้สายให้ใช้งานด้วยครับ

อีกด้านหนึ่งของอาคารจะมีโถงทางเดิน แยกออกไปตามฟังก์ชันต่างๆ ซึ่งตรงปลายทางของโถงนี้คือ BBQ. Terrace ที่เราสามารถมานั่งเล่น ชมวิว หรือจัดปาร์ตี้เล็กๆแบบ Outdoor ร่วมกับเพื่อนๆตรงนี้ได้ ส่วนห้องที่เหลือด้านซ้านมือจะมีฟังก์ชันอะไรบ้างตามไปดูกันครับ

เริ่มที่ห้องแรกคือ Theater Room ภายในจะมีชุดโซฟาขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องฉายหนังและเครื่องเสียงเอาไว้ให้เราได้ดูหนัง ดูบอล หรือดูซีรีย์กับเพื่อนๆได้ ซึ่งการใช้งานของห้องนี้จำเป็นต้องทำการจองกับนิติบุคคลก่อนนะครับ

ถัดมาจะเป็น Co-Kitchen & Private Dining เป็นอีกห้องที่เราจะต้องจองก่อนใช้งานเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เราสามารถขึ้นมาดินเนอร์ จัดปาร์ตี้ เรียนทำอาหาร หรือไลฟ์สดเพื่อทำ content ในโลกโซเชียลได้แบบส่วนตัวเลยครับ

โดยภายในก็จะมีอุปกรณ์ต่างๆให้เราได้ใช้งานเกือบครบเลยแบบนี้เลย

แปลนชั้น Rooftop เป็นชั้นสูงสุดของโครงการ ที่จัดเป็นพื้นที่สวนสีเขียวและ Sky Amphitheater ให้เราได้ขึ้นมานั่งชมวิวสวยๆของระยองกันได้แบบ 360 องศาเลยครับ

และนี่ก็คือภาพบรรยากาศของ Roof Top Garden ที่จะมีลานกิจกรรมกว้างๆ พร้อมกับปลูกต้นไม้ประดับเพื่อความสวยงามนิดหน่อย ส่วนพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นขั้นบันไดเล่นระดับนี้ก็คือ Sky Amphitheater

ซึ่งหากเราเดินขึ้นมาอยู่ด้านบนแบบนี้ ก็จะสามารถมองเห็นวิวเมืองระยอง ภูเขา และทะเลสวยๆได้ครับ และนี่ก็คือวิวจากคอนโดที่สูงที่สุดของจังหวัดระยองในปัจจุบันนี้นั่นเอง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1

  • Lobby
  • Business Lounge
  • Meeting Room
  • Mailroom
  • Sunken Garden
  • EV Charger

ชั้น 6

  • Co-Working Space
  • Phonebooth
  • Outdoor Garden & Water Feature Court

ชั้น 7

  • Private Meeting Room

ชั้น 32

  • Sky Lounge
  • Private Sky Lounge
  • Sky Deck
  • Sky Fitness & Yoga Room
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ความยาว 30 x 5.9 m.
  • Jacuzzi
  • Sauna แยกขาย-หญิง

ชั้น 33

  • Game Room
  • Theater Room
  • Co-Kitchen & Private Dining
  • BBQ. Terrace

ชั้นดาดฟ้า

  • Roof Top Garden
  • Sky Amphitheater

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 179 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 35% รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / ระบบ RFID / Face Scan

แบบห้อง

Highlights :

  • มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ซึ่งจะมี Layout ที่แตกต่างกันออกไปตามตำแหน่งของอาคารที่ห้องนั้นๆอยู่
  • หลักๆจะเน้นเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีพื้นที่ห้องเชื่อมต่อกันกว้างขวาง บรรยากาศโปร่งโล่งคล้ายห้องสตูดิโอ แต่ยังคงได้ความเป็นสัดส่วน และมีครัวปิดทำอาหารได้จริงจัง
  • ห้อง 1 Bedroom Plus เป็นห้องมุมที่ได้ช่องเปิด 2 ด้าน บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน พร้อมกับมีห้องอเนกประสงค์ให้ปรับฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย

โครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted คือให้เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นตู้ Built-in ต่างๆภายในห้อง พร้อมกับได้ชุดครัว ฐานเตียง และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ขาดแค่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางชิ้นกับเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนก็สามารถเข้าอยู่ได้เลยครับ โดยมีแบบห้อง 3 Type หลักๆ ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom ขนาด 22.5 – 30.2 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Smart Walk in Closet ขนาด 28.3 – 30.2 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 31.3 – 34.8 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดไว้จะมีมากถึง 7 แบบ ซึ่งวันนี้ห้องที่ผมจะพาไปชมนั้นก็จะเป็น Type พิเศษ ที่มีการจัดฟังก์ชันที่น่าสนใจ และเป็นห้องที่ไม่ซ้ำกับคราวก่อนที่เราเคยรีวิวเจาะลึกกันไปแล้วอีกด้วย จะเป็นอย่างไรบ้างไปชมกันเลยครับ

เริ่มกันที่ห้องแรกจะมีลักษณะแปลนเป็นรูปตัว L เนื่องจากเป็นห้องในตำแหน่งพิเศษที่อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ และมีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ซึ่งจุดเด่นอย่างแรกของห้องนี้ก็คือ “ความเป็นส่วนตัว” เพราะจะมีผนังเพียงแค่ด้านเดียวที่อยู่ติดกับเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังสามารถ “จัดฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วน” มากขึ้น โดยเราจะได้ครัวปิดที่แยกออกมาจาก Common Area ซึ่งนอกจากจะทำอาหารจริงจังได้แล้ว ยังทำให้พื้นที่ส่วนอื่นๆของห้องกว้างขวาง และโปร่งโล่งมากขึ้นอีกด้วย

และสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ “ห้องอเนกประสงค์” ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆคนในช่วงนี้มาก เพราะเราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลายตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานอยู่บ้านในช่วง WFH แบบนี้ หรือจะทำเป็นห้องแต่งตัวสำหรับสาวๆ และยังเผื่อทำเป็นห้องนอนสำหรับลูกน้อยในอนาคตก็ยังได้อีกด้วย สรุปแล้วห้องนี้ก็จะเหมาะกับคนที่ต้องการฟังก์ชันที่มีความยืดหยุ่นสูง ได้บรรยากาศโปร่งโล่งอยู่สบาย รวมถึงเน้นความเป็นส่วนตัวจากเพื่อนบ้านห้องข้างๆด้วยครับ โดยบรรยากาศจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลย

ประตูทางเข้าห้องจะเป็นไม้บานทึบ พร้อมกับมีตาแมว และติดตั้ง Digital Door Lock มาให้เป็นมาตรฐาน อีกทั้งยังมีการยกระดับพื้นห้อง ให้สูงขึ้นมาจากโถงทางเดินเล็กน้อยด้วย เพื่อที่เศษฝุ่นจะได้ไม่เข้ามาในห้องเราง่ายนั่นเองครับ

ภายในห้องเราก็จะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ และบรรยากาศที่โปร่งโล่ง เนื่องจากห้องด้านในจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนทั้งหมด เลยทำให้บริเวณหน้าห้องได้รับแสงสว่างจากหน้าต่างที่เพียงพอ

ความสูงฝ้าเพดานจะอยู่ที่ 2.7 m. และมีระยะดูทีวีกว้าง 2.3 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ ส่วนพื้นห้องก็จะเป็นกระเบื้องยางไวนิลแบบ Click Lock ซึ่งติดตั้งง่าย และทนความชื้นได้ดีกว่าพื้นไม้ลามิเนตทั่วไปอีกด้วย

สนใจอ่านบทความเรื่องพื้นกระเบื้องยางไวนิลต่อคลิก : Living Idea : พื้นไม้ลามิเนต กับ พื้นกระเบื้องยางไวนิล อะไรดีกว่ากัน?

ติดกับประตูหน้าห้องเราจะได้ตู้ Built-in มาแบบนี้เลยครับ ซึ่งชั้นล่างสามารถจัดเก็บรองเท้าเข้าตู้ได้อย่างเป็นระเบียบ และด้านข้างยังมีช่องให้เก็บของชิ้นยาวๆ เช่น ร่ม ได้อีกด้วย ส่วนด้านบนเราก็สามารถวางของที่ต้องหยิบใช้ประจำ ตอนเวลาก่อนออกจากบ้านได้สะดวกมาก เช่น กระเป๋าเงิน กุญแจรถ คีย์การ์ด เป็นต้น

ติดกันจะเป็นชั้นวางทีวีพร้อมลิ้นชักเก็บของด้านล่าง รวมถึงยังมีชั้นวางของด้านบน และเครื่องปรับอากาศ Daikin Invertor อีก 1 เครื่องตามห้องตัวอย่างนี้เลยครับ

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นพื้นที่วางโซฟาและโต๊ะทานอาหาร ซึ่งของจริงเราจะไม่ได้นะครับ แต่ทางโครงการจัดวางให้ดูเป็นไอเดียว่า สามารถใช้โซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้แบบนี้ เพื่อที่จะต้องเผื่อระยะสำหรับทางเดินไปยังครัวที่อยู่ด้านหลังด้วยนั่นเอง

ห้องครัวถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ซึ่งนอกจากจะสามารถเปิดออกได้กว้างแล้ว ยังช่วยป้องกันกลิ่นหรือควันจากการทำอาหารได้ด้วย โดยกรอบประตูจะเป็นอลูมิเนียม Anodized สีดำ พร้อมกระจกใสปกติ

ภายในห้องครัวจะกว้างประมาณ 1.45 x 1.9 m. สามารถยืนใช้งาน 1 – 2 คนได้สบายๆ โดยจุดที่ผมชอบคือ เค้ามีการเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายมาก ไม่ต้องกลัวน้ำหรือความชื้นเลยครับ

อีกทั้งเรายังได้ชุดครัว Built-in เหมือนในห้องตัวอย่างนี้ทั้งหมดเลยด้วย ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะมากๆ Top เคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ที่ทนน้ำหรือความร้อนได้ดี พร้อมติดตั้ง Hob&Hood จาก Hafele สามารถทำอาหารได้อย่างเต็มที่เลยครับ

ถัดมาเราจะไปดูห้องนอนที่อยู่ด้านในกันบ้าง ซึ่งเค้าจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้ ทำให้มีความสว่างโปร่งโล่ง แต่ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เช่น มีแขกหรือเพื่อนมาหาที่ห้องบ่อยๆ แล้วเราไม่อยากให้เค้ามองเห็นในห้องนอน ก็อาจติดม่านไว้คอยเลื่อนปิดก็ได้ครับ

ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่ใช้สอยพอดีๆ ซึ่งของจริงเราจะได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมานะครับ ส่วนฟูกที่นอนก็สามารถหาซื้อตามความชอบส่วนตัวของเราได้เลย

ช่องหน้าต่างด้านข้างมีขนาดค่อนข้างใหญ่ พร้อมได้เป็นกระจกเขียวตัดแสง สามารถนอนชมวิวบนเตียงได้สบายๆเลยครับ หรือจะเปิดหน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อระบายอากาศด้วยก็ได้ ส่วนผนังปลายเตียงเราอาจติดทีวีแขวนผนัง เพื่อนอนดูบนเตียงสบายๆเลยก็ได้เหมือนกัน

ด้านขวาของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้แบบนี้ โดยหน้าบานจะเป็นกระจกเงาที่ใช้ส่องแต่งตัวได้เลย ส่วนด้านในก็สามารถเก็บเสื้อผ้าของ 1 – 2 คนได้พอดีๆ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะมีพื้นที่อเนกประสงค์อยู่ตรงกลาง กว้างประมาณ 90 cm. ซึ่งทางโครงการจะ Built-in โต๊ะตัวเล็กๆติดผนังมาให้แบบนี้เลยครับ สามารถใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้

ขวามือเป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้เป็นสัดส่วน อีกทั้งยังอยู่ติดกับระเบียงของห้อง จึงมีความสว่างและโปร่งโล่งดีทีเดียวครับ

ซึ่งขนาดพื้นที่จะกว้างประมาณ 1.6 x 1.9 m. และเราสามารถจัดฟังก์ชันของห้องตามความต้องการได้หลากหลายเลย เช่น ห้องทำงาน ห้องแต่งตัว ห้องนอนลูก เป็นต้น

ระเบียงภายนอกมีขนาด 1.6 x 0.9 m. สามารถออกมาใช้งานได้แบบพอดีๆ เช่น ตากผ้าเล็กๆน้อยๆ หรือปลูกต้นไม้ในกระถางก็ได้ ซึ่งจะมีการแขวน Condensing Unit อยู่ด้านบน และเป่าลมร้อนมาด้านข้างแบบนี้ ก็รับรองได้ว่าผ้าแห้งไวแน่นอนครับ หรือถ้าใครที่ชอบออกมายืนที่ระเบียงบ่อยๆ ก็อาจติดกริลดันลมร้อนให้ออกไปด้านนอกก็ได้นะ

อีกด้านของพื้นที่อเนกประสงค์คือห้องน้ำ ที่อยู่ในส่วนของ Common Area สามารถใช้งานได้สะดวกครับ

ภายในแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วนชัดเจน มีขนาดพื้นที่ส่วนแห้งกว้าง 1.45 x 1.45 m. ซึ่งเราจะได้สุขภัณฑ์ของ Cotto ครบตามห้องตัวอย่างนี้เลยครับ ทั้งอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ และตู้เก็บของใต้อ่างล้างหน้า รวมถึงเรายังได้ปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบ ที่ด้านในจะมีช่องให้เสียบ USB ไว้ชาร์จโทรศัพท์/ไอแพดได้สะดวก

ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะมีฉากกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งรอบๆก็จะมีขอบยางช่วยกันน้ำไม่ให้ไหลออกมาด้านนอกได้แบบนี้ และมีพื้นที่ยืนอาบกว้าง 1 x 0.85 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ

ภายในเราจะได้ Hand Shower พร้อม Junction Box ให้สามารถติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเองได้แบบนี้ และอีกอย่างที่เราอาจต้องติดตั้งเพิ่มก็คือ ชั้นวางสบู่/แชมพู ซึ่งก็สามารถหาซื้อตามความต้องการของเราได้เลยครับ

เป็นอีกห้องหนึ่งที่เราอยากจะพามาชม และเชื่อว่าคงถูกใจสาวๆหลายคนแน่นอนครับ เพราะจุดเด่นของห้องนี้คือ “Walk-in Closet” ที่มีขนาดใหญ่มาก โดยจะมีการกั้นห้องเป็นสัดส่วนจริงจัง และจัดฟังก์ชันให้ใช้งานได้ง่าย โดยอยู่หน้าห้องน้ำแบบพอดิบพอดี แบบว่าอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัวต่อได้เลย

อีกหนึ่งสิ่งที่ผมชอบในห้องนี้คือ “บรรยากาศห้องที่กว้างขวาง” ซึ่งเกิดจากการจัดฟังก์ชันห้องด้วยการรวมโซฟานั่งเล่นและเตียงนอนให้อยู่ด้วยกัน จนกลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่คล้ายห้อง Studio อีกทั้งยังกั้นฟังก์ชันอื่นๆด้วยประตูกระจกบานเลื่อน โดยเฉพาะตรงผนังปลายเตียงที่จะทำให้เรารู้สึกว่าห้องนี้ดูกว้างกว่าที่คิดเยอะเลยครับ รวมถึงเรายังได้ครัวปิดด้านหน้าห้อง ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็แลกกับความเป็นส่วนตัวของเจ้าของห้องที่น้อยลง ในเวลาที่อาจมีเพื่อนหรือแขกมาหาอยู่บ้างนั่นเอง

ภายในห้องเราจะได้เจอกับส่วนครัวก่อนเป็นอันดับแรก แต่ก็ยังได้แสงสว่างจากช่องหน้าต่างด้านใน ที่ส่องผ่านเข้ามาถึงบริเวณหน้าห้องนี้ได้อยู่นะ

ซึ่งครัวนี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ที่ช่วยป้องกันกลิ่น/ควันจากการทำอาหารได้ดี รวมถึงยังช่วยป้องกันเสียงจากคนที่อาจเดินผ่านไป-มาหน้าห้องได้อีกด้วย จึงทำให้พื้นที่พักผ่อนด้านในมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเองครับ

ภายในครัวจะประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัว ตู้เก็บรองเท้า และพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารเหมือนในห้องตัวอย่างเลยครับ

โดยวัสดุปูพื้นก็จะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งเหมาะกับครัวหรือพื้นที่หน้าห้องแบบนี้มากๆ เพราะบางทีรองเท้าที่เราใส่ก็อาจสกปรก/เลอะมาจากด้านนอก เราก็จะสามารถเช็ดทำความสะอาดพื้นได้ง่ายๆเลยครับ และขนาดพื้นที่ครัวจะกว้างประมาณ 2 m. สามารถยืนใช้งานได้สบายๆ

เริ่มจากตู้ Built-in ที่อยู่ติดกับประตูห้อง เราจะได้เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ สามารถเก็บรองเท้าให้เป็นระเบียบ และวางของจุกจิกได้ แต่พิเศษหน่อยคือ ด้านข้างตู้จะมีชั้นวางของเล็กๆเพิ่มมาให้ใช้งานได้ด้วยนั่นเอง

อีกด้านหนึ่งจะเป็นชุดเคาน์เตอร์ครัว Built-in ซึ่งเราก็จะได้ตามห้องตัวอย่างนี้เลยครับ และมีวัสดุที่เหมือนกับห้องที่แล้วเลย เพียงแต่ขนาดและลักษณะตู้จะต่างกันออกไปเล็กน้อย

โดยจุดที่ผมชอบของชุดครัวนี้ก็คือ ลิ้นชักที่อยู่ใต้เตาไฟฟ้า ซึ่งหากเวลาประกอบอาหารอยู่แล้วที่วางของเกิดไม่พอขึ้นมา เราก็สามารถเลื่อนออกมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้งานได้แบบนี้นั่นเอง

อีกด้านคือพื้นที่วางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งของจริงเราอาจต้องหาซื้อเข้ามาเองนะครับ โดยทางโครงการก็วางให้ดูเป็นไอเดียว่า สามารถใช้โต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้แบบนี้

หรือหากใครไม่ได้อยากนั่งทานข้าวตรงนี้อยู่แล้ว ผมก็ลองเสนอไอเดียเพิ่มว่า เราอาจ Built ผนังตรงนี้ให้กลายเป็นตู้ทั้งหมด เพื่อที่จะสามารถเก็บของได้เยอะๆไปเลยก็ได้นะ

ถัดเข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอน ลักษณะคล้ายกับห้อง Studio มีความกว้างขวางและโปร่งโล่งดีครับ

โดยระยะดูทีวีจะกว้าง 2.1 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ รวมถึงฝ้าเพดานก็จะสูง 2.7 m. และปูพื้นด้วยกระเบื้องยางไวนิลเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลย

ถัดเข้ามาจะเป็นเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ซึ่งจะอยู่ติดกับช่องหน้าต่างขนาดใหญ่

และสำหรับห้องนี้จะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือเฟือ ให้เราเดินวนรอบได้สบายๆเลยครับ ซึ่งนอกจากจะขึ้น-ลงเตียงได้สะดวกแล้ว ยังสามารถใช้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนได้ง่ายอีกด้วย

ส่วนปลายเตียงจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อมต่อไปยัง Walk-in Closet ที่เป็นจุดเด่นหลักของห้องได้ และส่วนตัวผมก็คิดว่าประตูกระจกบานนี้ ยังช่วยทำให้ห้องนี้ดูกว้างและโปร่งโล่งเยอะขึ้นมากเลยครับ

ภายใน Walk-in Closet เราจะได้ตู้ Built-in แบบในห้องตัวอย่างนี้เลย ซึ่งจะเป็นแบบไม่มีหน้าบาน (แต่ก็สามารถไปติดเพิ่มเองได้) และภายในก็สามารถเก็บเสื้อผ้า/ของใช้ส่วนตัวได้เยอมากๆ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันโต๊ะแต่งหน้าแถมมาให้ใช้แบบนี้ด้วย โดยพื้นที่ยืนแต่งตัวจะกว้างประมาณ 90 cm. สามารถใช้งานได้พอดีๆครับ

ระเบียงภายนอกมีขนาด 1.4 x 0.9 m. สามารถออกไปใช้งานได้พอดีๆ แต่ประโยชน์จริงๆก็คือ ช่วยให้พื้นที่ Walk-in Closet สว่างและไม่มืดทึบจนเกินไป และสามารถใช้ยืนแต่งตัวในตอนกลางวันได้สบายๆครับ

อีกด้านหนึ่งจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ใช้งานต่อเนื่องกันได้ดีมากๆ คือเราสามารถออกมาจากห้องน้ำเพื่อแต่งตัวได้เลย โดยที่ยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ภายในห้องของตัวเอง และยังเดินเอาผ้าเช็ดตัวออกไปตากตรงระเบียงเลยได้อีกด้วย

ภายในห้องน้ำจะมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ซึ่งมีขนาดพื้นที่ใช้สอย และได้สุขภัณฑ์จาก Cotto เหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ


…สำหรับห้องตัวอย่างอื่นๆอีก 5 ห้อง ผมได้ถ่ายภาพเป็น Gallery สั้นๆมาให้ดูเป็นตัวอย่าง และมีบทวิเคราะห์ให้ด้วยว่ามีจุดเด่นอย่างไร หรือเหมาะกับใครบ้าง ซึ่งจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยครับ

ห้องนี้จะเป็น 1 Bedroom ที่มีขนาดเล็กสุดของโครงการ กั้นฟังก์ชันเป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ได้ครัวปิดด้านหน้าห้อง และยังช่วยป้องกันความชื้นจากห้องน้ำ ไม่ให้เข้าไปรบกวนภายในห้องได้ด้วย

ซึ่งจุดเด่นที่ผมชอบคือ พื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่เชื่อมต่อกันขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายห้อง Studio ทำให้มีความโปร่งโล่ง และยังมีมุมอเนกประสงค์ริมหน้าต่าง ให้จัดเป็นโต๊ะนั่งทำงานส่วนตัวได้อีกด้วยครับ

Image 1/4


ลักษณะห้องนี้จะเป็นรูปตัว L คล้ายกับห้องตัวอย่างแรกที่เราได้รีวิวกันไปก่อนหน้านี้เลยครับ และจะมีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ซึ่งพื้นที่ส่วนที่ยื่นออกมาก็คือห้องน้ำ เลยทำให้ฟังก์ชันส่วนอื่นๆมีขนาดใหญ่ได้เต็มพื้นที่ห้อง บรรยากาศจึงโปร่งโล่งและกว้างขวางเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะพื้นที่ครัวปิดด้านหน้าห้องนี้ ถือได้ว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องทั้งหมดเลยครับ และยังสามารถทำอาหารได้จริงจัง ซึ่งคนที่ชอบทำครัวอยู่แล้วก็น่าจะถูกใจไม่น้อย ส่วนภายห้องนอนก็มีพื้นที่เชื่อมต่อกันกว้างขวางดี คล้ายห้อง Studio พร้อมกับมีพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่างให้ใช้งานได้เหมือนห้องอื่นๆครับ

Image 1/6
ภาพบรรยากาศโครงการ Notting Hill Rayong

ภาพบรรยากาศโครงการ Notting Hill Rayong


ลักษณะห้องนี้จะมีแปลนรูปตัว L คล้ายกับห้องตัวอย่างแรกที่เราได้รีวิวกันไปก่อนหน้านี้เลยครับ และจะมีเพียงชั้นละห้องเท่านั้น ซึ่งพื้นที่ส่วนที่ยื่นออกมาก็คือห้องน้ำ เลยทำให้ฟังก์ชันส่วนอื่นๆมีขนาดใหญ่ได้เต็มพื้นที่ห้อง บรรยากาศจึงโปร่งโล่งและกว้างขวางเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะพื้นที่ครัวปิดด้านหน้าห้องนี้ถือได้ว่า มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องทั้งหมดเลยก็ได้ครับ และสามารถทำอาหารได้จริงจังเลย ซึ่งคนที่ชอบทำครัวอยู่แล้วก็น่าจะถูกใจไม่น้อย ส่วนภายห้องนอนก็มีพื้นที่เชื่อมต่อกันกว้างขวาง คล้ายห้อง Studio พร้อมกับมีพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่างเหมือนห้องอื่นๆครับ

Image 1/6
ภาพบรรยากาศโครงการ Notting Hill Rayong

ภาพบรรยากาศโครงการ Notting Hill Rayong


เป็นห้องพื้นฐานของทางออริจิ้นที่พบเห็นกันได้บ่อยๆ ซึ่งนอกจากจะมีการแบ่งฟังก์ชันที่เป็นสัดส่วนแล้ว ยังมีจุดเด่นในเรื่อง “ห้องครัวติดระเบียง” เลยเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารจริงจัง แบบมีกลิ่น/ควันได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีการกั้นห้องด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อทำให้ภายในมีบรรยากาศที่โปร่งโล่งไม่อึดอัด รวมถึงแต่ละฟังก์ชันก็มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใช้งานได้พอดีครับ และเหมาะสมกับการใช้งานอีกด้วย

Image 1/6


เป็นห้องไซส์ใหญ่ที่เหมาะกับคนที่ต้องการ “ห้องอเนกประสงค์” ไว้สำหรับปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานช่วง WFH แบบนี้ หรืออาจทำเป็นห้องนอนลูกเล็กๆ สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะมีครอบครัวก็ได้

ซึ่งจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ผมชอบในแปลนห้องนี้คือ “ครัว” ที่มีเผื่อระยะให้กั้นห้องเพิ่มเติม เพื่อทำเป็นครัวปิดเองได้ เพียงแต่วัสดุปูพื้นของครัวห้องนี้จะยังคงเป็นกระเบื้องยางไวนิล ที่เชื่อมต่อมาจากห้องอื่นๆอยู่ครับ ดังนั้นเวลาใช้งานจริงก็อาจต้องระมัดระวังเรื่องน้ำ/ความชื้น มากกว่าพื้นกระเบื้องอยู่สักหน่อยนะ

Image 1/7


เป็นห้องไซส์ใหญ่ที่สุดของโครงการที่เราเคยรีวิวกันไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน จุดเด่นคือ “เป็นห้องมุม” ที่ได้ช่องแสงถึง 2 ด้าน เรียกได้ว่าเกือบทุกฟังก์ชันจะอยู่ติดกับหน้าต่างหรือระเบียงหมด โดยเฉพาะห้องนอนใหญ่เราจะได้หน้าต่างเข้ามุม (Bay Window) ด้วยนะครับ ซึ่งนอกจากจะทำให้มีบรรยากาศที่โปร่งโล่งแล้ว ยังทำให้สามารถชมวิวได้กว้างมากขึ้นอีกด้วย

ส่วนระเบียงก็ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในห้องทุกแบบ แถมเรายังได้ครัวปิดที่ทำอาหารได้จริงจังอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโถงทางเดินตรงกลางห้อง ที่จะเชื่อมต่อไปยังฟังก์ชันต่างๆได้ ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ห้องนี้มีความเป็นส่วนตัว และได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้านมากขึ้นนั่นเองครับ

Image 1/6

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

Notting Hill Rayong ราคา ณ วันที่ 28 เมษายน 2565

  • 1 Bedroom ขนาด 22.5 – 30.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Smart Walk in Closet ขนาด 28.3 – 30.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 31.3 – 34.8 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Hafele
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 5,000 บาท
  • ค่ากองทุน 480 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 48 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : โครงการตั้งอยู่ติดกับแยกเนินสำลี ที่ถือว่าเป็นแยกขนาดใหญ่มากในจังหวัดระยอง ซึ่งปัจจุบบันมีการก่อสร้างอุโมงค์ลอดใต้ทางแยกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นได้ชัดเลยว่าการคมนาคมสามารถทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น กลายจุดเชื่อมต่อระหว่าง “แหล่งงาน” อย่างนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และ “ตัวเมืองระยอง” ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ที่ทางภาครัฐได้ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วยครับ

และถึงแม้ว่าโดยรอบโครงการจะไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์มากนัก ซึ่งอาจต้องเข้าไปในตัวเมืองสักหน่อย แต่ด้วยระยะทางประมาณ 12 km. ของต่างจังหวัดแบบนี้ก็ถือว่าไม่ลำบากเท่าไหร่ครับ อีกทั้งโครงการ Origin Smart City Rayong ก็เป็นโปรเจค Mixed-use ขนาดใหญ่ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในตัวเองพร้อมอยู่แล้วด้วย ดังนั้นในอนาคตผมคิดว่าเรื่องอาหารการกิน และการบริการต่างๆนี่สบายใจหายห่วงแน่นอน

การเดินทาง : ด้วยทำเลต่างจังหวัดแบบนี้ จึงต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก ดังนั้นที่จอดรถ 35% ส่วนตัวผมคิดว่าอาจน้อยไปสักหน่อยครับ แต่ก็โชคดีที่โครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ ทำให้เรียกรถสาธารณะได้ไม่ยากนัก หรือจะเป็นรถบัสรับ-ส่งพนักงานในนิคมฯก็มีนะ เพราะทำเลของโครงการนี้ตั้งอยู่บนเส้นทางที่รถสวัสดิการพนักงานจะต้องผ่านอยู่แล้ว ส่วนการเดินทางเพื่อเข้า-ออกเมืองก็ทำได้ง่ายๆ เพราะแยกเนินสำลีสามารถเชื่อมต่อทั้งถนนสุขุมวิทและถนนบายพาส ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของจังหวัดระยองได้อยู่แล้วทั้งคู่เลยครับ

การออกแบบโครงการ : หากพูดถึงเฉพาะตัวโครงการ Notting Hill Rayong ถือได้ว่าเป็นคอนโดที่สูงที่สุดในจังหวัดระยอง อีกทั้งยังเป็น Notting Hill โครงการสุดท้ายที่ส่วนตัวผมคิดว่า เค้าทำออกมาได้ดีและสวยสุดในรุ่นแล้ว โดยมีส่วนกลางที่จัดเต็มมาให้ถึง 5 ชั้น พร้อมกับ Sky Facilities ให้เราได้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงสวยๆของจังหวัดระยองกันได้ด้วย

โดยสิ่งที่ชอบมากที่สุดคือ “การแบ่งโซนฟังก์ชันส่วนกลาง” ที่ผมคิดว่าเค้าทำได้ดี เช่น ชั้น 1 จัดเป็นพื้นที่รับรองแขก Visitor ได้ โดยไม่ต้องพาขึ้นมาบนอาคารให้เสียความเป็นส่วนตัว รวมถึงส่วนกลางชั้นอื่นๆก็จะแยกโซนการใช้งานที่ต้องการความเงียบสงบ ออกจากโซนที่ต้องมีการทำกิจกรรมหรือการสันทนาการหนักๆ เป็นต้น

ส่วนในเรื่องตำแหน่งห้องก็มีความน่าสนใจหลายจุดเลยครับ ซึ่งคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลือกเป็นห้องมุม หรือห้องที่อยู่ติดกับบันไดหนีไฟ ที่มีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียวได้ โดยที่วิวจะมีให้เลือกอยู่ 2 ด้านหลักๆครับ แต่ฝั่งที่สามารถการันตีวิวว่าจะไม่โดนบังแน่ๆก็คือ ห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ (ติดถนนบายพาส และได้วิวพื้นที่สีเขียวของศูนย์ราชการ) และห้องส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นห้องไซส์ใหญ่ รวมถึงอาจมีข้อเสียนิดหน่อยในเรื่องแดดที่แรงกว่าอีกด้านหนึ่งอยู่บ้างด้วยนะครับ

การออกแบบห้องพักอาศัย : มีแบบห้องหลักๆให้เลือก 3 Type ซึ่งมี Layout หรือลักษณะของแปลนห้อง ที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละตำแหน่งของอาคาร แต่โดยภาพรวมของห้องไซส์เล็กอย่าง 1 Bedroom จะเน้นพื้นที่ห้องเชื่อมต่อกันขนาดใหญ่คล้าย Studio แต่ก็ยังได้ความเป็นสัดส่วน พร้อมกับครัวปิดให้ทำอาหารกันได้จริงจัง โดยเฉพาะห้องที่มีแปลนรูปตัว L ผมคิดว่าจัดฟังก์ชันออกมาได้ดี และทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว

ส่วนห้อง 1 Bedroom Smart Waik in Closet จะเหมาะกับสาวๆหรือคนที่ชอบแต่งตัวมาก เพราะเราจะได้ห้องเปลี่ยนเสื้อเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ แถมยังทำให้มีที่เก็บของเยอะมากๆเลยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าเวิคกว่าที่คิดก็คือ ประตูกระจกบานเลื่อนตรงปลายเตียง ที่มีส่วนช่วยทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้นนั่นเอง

สุดท้ายคือห้อง 1 Bedroom Plus ซึ่งจะเป็นห้องมุมที่ได้ช่องแสงอย่างน้อย 2 ด้าน รวมถึงยังมีหน้าต่างกระจกเข้ามุม Bay Window ที่ช่วยเปิดมุมมองรับวิวได้กว้างมากขึ้นอีกด้วยครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ชอบมากๆก็คือ โถงทางเดินที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อฟังก์ชันต่างๆของห้อง อีกทั้งยังทำให้มีบรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน และได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงยังมีห้องอเนกประสงค์ที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลายตามความต้องการอีกด้วย

วัสดุ : ขายแบบ Fully Fitted ให้เฟอร์นิเจอร์ Built-in หลักๆมาครบ ขาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบางอย่างก็หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งวัสดุปิดผิวหลายๆอย่างผมถือว่าให้มาค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้องยางไวนิลแบบ Click Lock ที่ติดตั้งง่าย แถมยังทนความชื้นได้ดี / Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ / พื้นครัวกระเบื้องแกรนิตโต้ / ชุดครัวพร้อม Hob&Hood จาก Hafele และสุขภัณฑ์จาก Cotto แต่หากเทียบกับราคาเฉลี่ย 100,000 บาท/ตร.ม. ผมถือว่าเป็นมาตรฐานที่เหมาะสมกับราคาครับ

สาธารณูปโภค : ถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะจัดเต็มมาให้มากถึง 5 ชั้น พร้อมทั้งมี Sky Facilities ให้ขึ้นไปชมวิวได้ 360 องศาอีกด้วย และสิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือ เค้ามักจะเน้นฟังก์ชันการใช้งานที่เป็นส่วนตัวมากๆ สังเกตจากส่วนกลางหลายๆอย่างมักจะต้องมีการแยกฟังก์ชันที่เป็น Private ออกมาอีกที ไม่ว่าจะเป็น Co-Working Space & Phonebooth / Private Meeting Room / Private Sky Lounge เป็นต้น

รวมถึงยังมีฟังก์ชันที่เราไม่ค่อยได้เห็นในคอนโดทั่วไป ของจังหวัดระยองสักเท่าไหร่ อย่างเช่น Business Lounge / Sky Lounge / Game Room / Theater Room / Co-Kitchen & Private Dining และ Sky Amphitheater เป็นต้น ซึ่งคิดว่าคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลางเป็นประจำ หรือชอบบรรยากาศโครงการสวยๆอยู่แล้ว ก็คงจะถูกใจสิ่งนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว

Judgement

สำหรับโครงการ Notting Hill ระยอง เราจะไม่มีการให้คะแนนนะครับ เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ต่างจังหวัดในทำเลที่ ThinkofLiving ไม่คุ้นเคย และอาจมีปัจจัยในการเลือกซื้อหลายๆอย่างที่แตกต่างจากโครงการคอนโดในเมือง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้อ่านนะครับ

Notting Hill Rayong เหมาะกับใคร

โครงการ Notting Hill ระยอง เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดสูงติดแยกเนินสำลี ใกล้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด แต่ยังคงเดินทางเข้าเมืองได้ง่าย โดยเป็นโครงการในโปรเจค Mixed-use ขนาดใหญ่ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และเป็นคอนโดสูงที่สุดของระยองในปัจจุบัน ที่มีพื้นที่ส่วนกลางสวยๆ ฟังก์ชันเยอะ พร้อมมี Sky Facilities ให้ขึ้นไปชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศากันได้ เน้นเป็นห้องพักที่มีบรรยากาศโปร่งโล่ง ฟังก์ชันลงตัวเป็นสัดส่วน และได้ครัวปิดที่ทำอาหารจริงจังได้ มีงบประมาณระดับ 2.29 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 16,000 บาท/เดือนขึ้นไปครับ


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc