รีวิวฉบับที่ 1849 … วันนี้มีโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ที่มีอายุประมาณ 2 ปีในย่านจรัญฯ-ปิ่นเกล้า มาให้ชมครับ กับ Life ปิ่นเกล้า เป็นโครงการ High Rise 23 ชั้น บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ความพิเศษคือติดกับ MRT สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสถานีบางยี่ขัน ที่กำลังจะเปิดให้บริการกันเร็วๆนี้ ชนิดที่ว่ามีจุดขึ้นอยู่ที่หน้าโครงการเลย พื้นที่ส่วนกลางมีให้ครบที่ชั้น 5 พร้อมรูปแบบห้องพักให้เลือกหลายแบบ ภายในมีบรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบ ในราคาเริ่มต้น 2.7 ล้านบาท เข้าไปชมกันเลยครับ

Fact @ 10 April 2019

  • Life Pinklao (ไลฟ์ ปิ่นเกล้า)
  • บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จํากัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด
  • ที่ดินประมาณ 4-3-86.9 ไร่
  • คอนโด High Rise 23 ชั้น 803 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 41 ยูนิต
  • ที่จอดรถคิดเป็น 52% รวมจอดซ้อนคัน
  • เริ่มก่อสร้าง :  พ.ย. 2558
  • แล้วเสร็จ : พ.ย. 2560
  • 1 Bedroom 26.00 – 35.00 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.7 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 50.00 – 60.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.45 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.7 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 91,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1623

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.776,100.484
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ

ทำเลที่ตั้งโครงการ Life ปิ่นเกล้า อยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ช่วงระหว่างแยกบรมราชชนนีกับแยกที่ตัดกับถนนสิรินธร บริเวณย่านนี้ยังคงสภาพแวดล้อมที่เป็นย่านชุมชนเก่าแก่อาศัยกันมานาน มีการยึดถือการใช้ชีวิตแบบเดิมๆที่เป็นมาอย่างเรียบง่าย สองข้างทางส่วนใหญ่จะยังคงเป็นอาคารพาณิชย์ตึกแถวเกือบตลอด เปิดเป็นร้านค้าร้านอาหารเรียงกันไป ภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถว บ้านพักอาศัย ทำให้บรรยากาศโดยรวมมีทั้งความคึกคัก หาของกินได้ง่าย และความเงียบสงบของบริบทที่พักอาศัย ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเริ่มเห็นคอนโดมิเนียมที่มาเกาะรางรถไฟสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายเกิดขึ้นเยอะขึ้นมาก ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมากนัก

ด้วยทำเลติดถนนใหญ่จึงทำให้สัญจรไปมาได้ค่อนข้างสะดวก การเดินทางด้วยรถยนต์จึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลายเส้นทาง มีสะพาน 3 สายที่ใช้ข้ามไปยังฝั่งพระนครแยกไปตามถนนสายหลักต่างๆ ทั้งสะพานซังฮี้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า และสะพานพระราม 8 ก็เป็นสะพานที่ใกล้กับโครงการทั้งนั้น นอกจากนั้นสามารถลัดเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ไปออกถนนพระราม 8 โดยไม่ต้องเข้าแยกบรมราชชนนีให้เสียเวลา หรือจะกลับรถขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนีก็ได้ ส่วนสภาพการจราจรในแถบนี้ค่อนข้างติดขัด โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนทั้งเช้า-เย็น ดังนั้นการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวของทำเลนี้ ถึงแม้จะมีถนนให้เลือกใช้เส้นทางค่อนข้างหลากหลายแต่ก็จำเป็นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางพอสมควรครับ

ส่วนการเดินทางสาธารณะก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ เพราะมีสถานี MRT สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน-ท่าพระ มาตั้งรอรับกันอยู่ที่หน้าโครงการเลย ห่างแค่เพียงประมาณ 20 เมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าเดดินไม่กี่ก้าว แถมยังเป็นประตูทางเข้าสถานีแบบบันไดเลื่อนอีกซะด้วยโดยสายนี้จะมีเส้นทางจากบางซื่อถึงท่าพระ เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-ลำลูกา ซึ่งรถไฟฟ้าส่วนนี้จะเปิดให้ใช้กันในช่วงประมาณเดือนกันยายนของปีนี้ โดยสถานีบางยี่ขันเองเป็นสถานีที่มี สถานี Interchange ประกบอยู่ทั้งซ้ายและขวา ไม่ว่าจะเป็นสถานีบางขุนนนท์ ที่ไป Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนและสีส้ม กับสถานีสิรินธรที่ไป Interchange กับสายสีแดงอ่อนเช่นกัน ทำให้เพิ่มความหลากหลายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น

ลงจากรถไฟฟ้ามาต่อกันที่ถนนด้านล่างกันบ้าง ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ก็มีรถสาธารณะให้เลือกใช้กันได้ไค่อนข้างสะดวก ทั้งวินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่ที่มีผ่านไปมาให้เห็นกันตลอด และรถโดยสารสาธารณะที่จะมีผ่านคือสาย 108, 171, 175, 40, 542, 56 ที่กระจายออกไปตามมุมเมืองต่างๆ นับว่าสะดวกไม่น้อยครับ

นอกจากตัวช่วยในการเดินทางบนท้องถนนและรถไฟฟ้าแล้ว เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของพื้นที่ในทำเลนี้คืออยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มีตัวช่วยในการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยาเพิ่มเข้ามาด้วย ก็ช่วยทุ่นเวลา ไม่ให้เราต้องอยู่บนท้องถนนนานนัก ซึ่งท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ท่าพระปิ่นเกล้า ที่มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 1.9 กม. เท่านั้น และท่าซังฮี้ ที่ห่างจากโครงการประมาณ 3 กม. จากโครงการนั่งพี่วินไปท่าเรือก็ประมาณ 20-30 บาท สามารถข้ามเรือไปหาร้านอาหารเด็ดๆ เจ้าดังๆทานที่ท่าพระอาทิตย์ หรือไปเรียนที่ม.ธรรมศาตร์ โดยขึ้นเรือที่ท่ามหาราช ก็สะดวกรวดเร็ว นอกจากนี้เส้นทางเดินเรือยังสามารถนั่งไปได้ไกลถึงสาทร หรือขึ้นเหนือไปถึงนนทบุรีเลยครับ  คลิกดูรายละเอียดเส้นทางการเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ที่นี่เลย

เรื่องความอุดมสมบูรณ์ในละแวกโครงการอย่างเรื่องอาหารการกินถือว่าสะดวกสบายพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารใต้ตึกแถว เต้นท์อาหาร และพวกรถเข็น ขายกันค่อนข้างคึกคัก เดินออกจากหน้าโครงการมาก็เจอเลย เพราะจะมีร้านค้าร้านอาหารกระจุกตัวกันอยู่ที่บริเวณใต้สถานี MRT บางยี่ขัน มีให้เลือกตั้งแต่ข้าวแกง อาหารตามสั่งไปจนถึงอาหารต่างประเทศ กุ้งถัง หรือชาบูต่างๆ เรียกได้ว่าในระยะเดินถือว่าสะดวกสุดๆ ถ้าจะช็อปปิ้ง กินข้าวหรูหน่อยก็ต้องไปแถบถนนบรมราชชนนีอยู่ในระยะที่ขับรถได้สบายๆ โดยจะมีห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และ Hyper Market เปิดติดๆ กันเลย นอกจากนี้ใครชอบทำกับข้าว ซื้อของสดก็ไปจ่ายตลาดกันได้ไม่ยากที่เห็นเป็นตลาดใหญ่ๆ เลยก็จะอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์นี้แหละ อย่างตลาดกรุงธน ตลาดบางขุนนนท์และตลาดบางขุนศรี สามารถแวะจับจ่ายเข้าบ้านได้เลย

สำหรับการเดินทางพาไปโครงการวันนี้ จะใช้เส้นทางจากถนนพระราม 8 มุ่งหน้าไปทางแยกอรุณอัมรินทร์แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า มุ่งหน้าไปยังทางถนนบรมราชชนนีตรงไปอีกประมาณ 550 เมตร จากนั้นเลี้ยวขวาที่แยกบรมราชชนนีเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์ ขับตรงไปอีกประมาณ 700 ม. แล้วกลับรถเพื่อเข้าโครงการที่อยู่บนถนนจรัญฯ ฝั่งซอยเลขคู่ โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่เลยซอยจรัญสนิทวงศ์ 40/1 มาประมาณ 100 เมตร ติดกับสถานี MRT บางยี่ขันเลยครับ

เริ่มต้นการเดินทางกันบนถนนพระราม 8 เลยนะ ฝั่งมุ่งหน้าไปยังปิ่นเกล้า อรุณอมรินทร์ ตรงไปเลยครับ

ตอนจะลงดูสักนิดนะครับ จะมีป้ายบอกให้ไปทางอรุณอมรินทร์ ชิดซ้ายเตรียมลงได้เลย

ลงจากสะพานพระราม 8 มาแล้วก็ตรงต่อไปเลยครับ ไม่ต้องคิดเยอะ

ตรงมาเรื่อยๆจะเจอแยกอรุณอมรินทร์ ให้เราเลี้ยวขวาเข้าถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าเลยนะ

วิ่งบนนถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้าไปเรื่อยๆ ให้ชิดซ้ายไว้นะครับ ไม่ต้องขึ้นทางยกระดับ

หลังจากวิ่งมาได้ประมาณ 550 เมตร จะพบกับแยกบรมราชชนนี ให้เราเลี้ยวขวาอีกครั้งเข้าสู่ถนนจรัญสนิทวงศ์

หลังจากเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์มาสักนิด จะพบตัวโครงการของเราอยู่ทางฝั่งขวามือเลย ซึ่งเราก็ตรงต่อไปเพื่อกลับรถครับ

ตรงมาจากแยกบรมราชชนนีประมาณ 700 เมตร จะมีจุดกลับรถ ให้เราเลี้ยวขวากลับรถไปเลยครับ

กลับรถแล้วตรงมาอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะเจอตัวโครงการอยู่ทางซ้ายมือ ก็เลี้ยวเข้าไปเลย

ตัวโครงการ Life ปิ่นเกล้า มีเนื้อที่ 4 ไร่กว่าๆเกือบจะ 5 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ข้อดีคือง่ายแก่การเข้าออกและสังเกต แต่จะได้รับผลกระทบเรื่องเสียงและฝุ่น ยิ่งโครงการที่ติดกับแนวรถไฟฟ้าจะยิ่งได้รับเสียงดังเป็นพิเศษ แต่ด้วยความที่มีพื้นที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเข้าไป ตัวโครงการจึงมีระยะ set back ด้านหน้าค่อนข้างเยอะ ช่วยลดปัญหาเรื่องเสียงและฝุ่นได้อย่างดีทีเดียว พื้นที่ที่ติดกับตัวโครงการรอบๆ ไม่มีอาคารสูงในระยะประชิด ส่วนมากจะเป็นพื้นที่อยู่อาศัย ส่วนฝั่งที่ติดถนนใหญ่จะมีลักษณะเป็นตึกแถวร้านค้า บนถนนมีผู้คนไปมา เข้าออกอยู่ตลอดทั้งวัน ยิ่งถ้ารถไฟฟ้าเปิดให้บริการจะยิ่งคึกคักมากยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่รอบๆในระยะไกลหน่อยจะมีอาคารสูงกระจายตัวอยู่ตามแนวถนนเพราะเกาะแนวรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายนี้ ซึ่งที่จะมีผลกับโครงการหลักๆคือทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ มีอาคารสูงอยู่ทั้งสองฝั่ง โดยตัวอาคารจะรับวิวฝั่งทิศเหนือและทิศใต้เป็นหลัก มีชั้นพักอาศัยเริ่มที่ชั้น 3 ไปดูรายละเอียดแต่ละทิศกันครับ

  • ทิศเหนือ – บริเวณระยะประชิดจะติดกับพื้นที่พักอาศัย และโรงแรมเก่า 2 ชั้น ซึ่งไม่ส่งผลกระทบกับเรานักเพราะชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 3 ส่วนฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือในระยะประมาณ 200 เมตร จะมีโครงการ The Parkland จรัญฯ-ปิ่นเกล้า อาคาร 23 ชั้น ตั้งอยู่ ซึ่งด้วยระยะห่างค่อนข้างเยอะ ก็ไม่ได้เรียกว่าบล็อควิวมากนัก แค่ไม่ได้วิวโล่งซะทีเดียว
  • ทิศตะวันออก – เป็นทิศที่ค่อนข้างโล่งเลยครับ ในระยะประชิดจะติดกับพื้นที่พักอาศัยแนวราบซะส่วนใหญ่ แนวห้องพักที่หันสู่ฝั่งนี้จะได้รับวิวของพื้นที่ส่วนกลางด้วยบางส่วนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีทั้งส่วนที่โล่งและชนกับอาคาร The Parkland จรัญฯ-ปิ่นเกล้า 23 ชั้น
  • ทิศใต้ – สำหรับวิวทางฝั่งนี้ในระยะประชิดจะเป็นบ้านพักอาศัย ไม่มีผลอะไรมากนัก ส่วนถอยออกมาหน่อยจะมีอาคาร Thana Arcadia 23 ชั้น อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นวิวที่ไม่ได้โล่งซะทีเดียว แต่จะได้พื้นที่ส่วนกลางมาช่วยเป็นวิวให้ ซึ่งเป็นวิวที่ฝั่งอื่นไม่มีนะ แต่ก็ต้องแลกกับต้องมองเห็นห้องพักอาศัยห้องอื่นๆด้วย และห้องอื่นก็เห็นเราเช่นกัน จะเสียความเป็นส่วนตัวมากกว่าทิศอื่นๆเล็กน้อย
  • ทิศตะวันตก – เป็นฝั่งที่ติดกับถนนทางเข้าหน้าโครงการ ซึ่งทางฝั่งนี้จะมีแนวรถไฟฟ้าด้วย จะมีผลกระทบเรื่องเสียงเล็กน้อย แต่จะมีระยะค่อนข้างไกล และได้วิวที่มี Movement เห็นความเคลื่อนไหวบนท้องถนนและรถไฟฟ้า ซึ่งทางโครงการก็ไม่ได้เน้นให้ฝั่งนี้เป็นวิวหลัก จึงไม่ได้มีห้องที่หันมาฝั่งนี้เยอะนัก

ลองเดินไปดูทางฝั่งแยกบรมราชชนนีกันก่อนนะครับ มีทางเท้าให้เดินยกระดับสูงกว่าพื้นถนน ระยะทางเดินกว้างประมาณ 2.5 เมตร

ติดกันกับตัวโครงการมีสำนักงานและอาคารเก็บสินค้าสูงประมาณ 2 ชั้น ซึ่งบริเวณจะมีรถขนของเข้าออกเป็นประจำในช่วงเวลากลางวัน

ถัดมาจะเป็นซอยถนนส่วนบุคคลของโครงการ Thana Arcadia อาคาร 23 ชั้นด้านใน มีรถเข้าออกตลอดเช่นกันครับ

ถัดมาจะเป็นแนวอาคารตึกแถว ซึ่งจะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร สำนักงานต่างๆ

ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆโครงการมีอาคาร Commonwealth ปิ่นเกล้า อาคาร 23 ชั้น ฝั่งตรงข้ามครับ ไม่ส่งผลกระทบเรื่องมุมมองนัก เพราะห้องพักอาศัยที่หันมาทางฝั่งนี้ตรงๆไม่มี และห้องที่เห็นก็มีตำแหน่งอยู่ไกลพอสมควร

ลองเดินไปดูฝั่งถนนสิรินธรกันบ้าง ที่เห็นกันชัดๆเลยก็คือสถานีรถไฟฟ้า MRT บางยี่ขัน ถัดจากตัวโครงการจะเริ่มเป็นแนวอาคารตึกแถวเลย ซึ่งก็จะมีทางเดินยกระดับริมถนนให้เช่นเดิมครับ ขนาดพอๆกัน

ข้างตัวโครงการเลยจะมีอาคารตึกแถว ร้านสองร้านแรกจะเป็นร้านอาหาร ซึ่งที่เปิดอยู่ปัจจุบันเป็นร้านอาหารใต้ พอดีได้มีโอกาสไปฝากท้องด้วยวันที่ไปโครงการ เป็นข้าวแกงแบบตักราดสไตล์ร้านอาหารใต้ทั่วไป รสชาติดีทีเดียว บอกเลยว่าหร่อยจังฮู้

หน้าร้านมีทางม้าลายสำหรับข้ามไปฝั่งตรงข้าม เป็นเหมือนตลอดย่อมๆเลยล่ะครับ มีร้านอาหารมากมาย รวมถึงร้านนั่งชิลดาดฟ้า ใกล้ๆกับตัวโครงการ ถือว่าสะดวกมากๆ

เดินเลยมาอีกประมาณ 10 เมตร จะเจอทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นแบบบันไดเลื่อน แนวอาคารตึกแถวด้านข้างเป็นร้านอาหารเรียงรายเลยก็ว่าได้ ขนาดรถไฟฟ้ายังไม่เปิดให้ใช้บริการ ยังมีร้านค้าร้านอาหารมารอให้บริการขนาดนี้ เป็นผลพลอยได้ของเราเต็มๆครับ

ด้านข้างทางขึ้นสถานีก็มีร้านก๋วยเตี๋ยวอีกร้าน ทำให้จะเหลือทางเดินประมาณ 1 เมตร

เดินพ้นทางขึ้นสถานีมาก็มีร้านอาหารอีกร้าน เป็นร้านข้าวราดแกง มีให้เลือกไม่ขาดสายเลยทีเดียว

สุดแนวตึกแถวจะมีซอยเข้าไปภายในเป็นโรงแรม 2 ชั้นครับ ติดกับโครงการของเรา

เดินตรงต่อไปก็จะมีแนวตึกแถวที่เป็นทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และที่พักอาศัยภายในเป็นซอยเข้าไปเป็นซอยตัน จะมีบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ

หลังจากที่เดินมาประมาณ 50 เมตร จะมีทางขึ้นลงอีกจุดครับ สำหรับจุดนี้จะเป็นเวลาที่เราต้องลงมาจากสถานีนะ เพราะที่หน้าโครงการเป็นบันไดเลื่อนขึ้น ไม่สามารถเดินสวนลงมาได้

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ

  • ห้างพาต้า ~ 750 เมตร
  • Tesco Lotus ~ 1 กิโลเมตร
  • เมเจอร์ปิ่นเกล้า+ตลาดปิ่นเงินปิ่นทอง ~ 1.2 กิโลเมตร
  • Central ปิ่นเกล้า ~ 1.3 กิโลเมตร
  • The Sense ปิ่นเกล้า ~ 1.6 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนนนท์ ~ 1.9 กิโลเมตร
  • ท่าเรือพระปิ่นเกล้า ~ 1.9 กิโลเมตร
  • รพ.ศิริราช+ตลาดวังหลัง ~ 2.4 กิโลเมตร
  • Makro ~ 2.6 กิโลเมตร
  • รพ.เจ้าพระยา ~ 2.6 กิโลเมตร
  • ตลาดบางขุนศรี ~ 2.7 กิโลเมตร
  • Foodland ~ 2.9 กิโลเมตร
  • สนามหลวง+ม.ธรรมศาสตร์ ~ 3 กิโลเมตร
  • ท่าเรือซังฮี้ ~ 3 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

มาเริ่มดูภายในโครงการกันเลย พื้นที่โครงการมีลักษณะเป็นคอขวด ช่วงต้นจะแคบ และภายในจะกว้าง จึงใช้เป็นทางเข้าของโครงการ และพื้นที่หลักภายในโครงการ ทำให้โครงการเป็นที่สังเกตุและเข้าถึงง่ายจากถนนใหญ่ ส่วนพื้นที่พักอาศัยภายในจะได้บริบทของความสงบ ช่วยลดมลภาวะจากเสียงและฝุ่นที่มักจะมาจากถนนใหญ่ได้ดี ส่วนด้านหน้าโครงการมีสวนเป็นพื้นที่รับสายตาจากทางเข้า รวมถึงสร้างบรรยากาศให้แก่โครงการได้เป็นอย่างดี ถัดเข้ามาภายในโครงการก็มีแนวต้นไม้รอบๆ รวมถึงจัดสวนหย่อมเป็นจุดๆตลอดแนว

การเดินรถภายในโครงการ – เป็นแบบเดินรถสวนกันทางตรง เพื่อไปขึ้นจอดรถบนอาคารด้านใน แต่จะมีทางให้อ้อมรอบตัวอาคารได้เป็นแบบเดินรถทางเดียว (ตามกฎหมายสำหรับรถดับเพลิง) ซึ่งปัจจุบันทางโครงการทำเป็น jogging track ไว้สำหรับวิ่งออกกำลังกายรอบตัวอาคารได้ด้วย ส่วนพื้นที่จอดรถจะอยู่ภายในอาคาร 4 ชั้น รวมทั้ง 52% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งจากที่ผมไปดูมา ที่จอดรถเหลือใช้งานค่อนข้างเยอะเลยนะ สอบถามทางนิติมาเขาก็บอกว่า รถไม่เคยเต็ม มีให้ใช้งานแน่นอน

พื้นที่ส่วนกลาง – ส่วนแรกของอาคารจะมีส่วนของร้านค้า 2 ร้าน ร้านแรกเป็น Family Mart เปิด 24 ชั่วโมง ส่วนอีกร้านยังเป็นสำนักงานของทาง AP อยู่ ซึ่งในอนาคตจะเป็นร้านค้าอีกเช่นกันครับ ถัดมาจะเป็นส่วน Drop Off ของอาคาร ซึ่งจะเข้าไประหว่างพื้นที่ Shop และ Lobby จากนั้นโดยพื้นที่ Lobby สามารถเข้าออกได้ 2 ฝั่ง ทั้งจากส่วน Drop Off นี้ และพื้นที่จอดรถ ทำหน้าที่เป็นส่วนแจกไปยัง โถงลิฟต์และ Mail Box ภายในต่อไป

พื้นที่หน้าโครงการมีการแยกทางเข้าและทางออกชัดเจนด้วยแนวต้นไม้และป้อม รปภ. พร้อมไฟสนามตามแนว นอกจากนั้นยังแยกทางเดินคนและทางเดินรถด้วย ได้ความปลอดภัยและเป็นสัดส่วน พื้นสำหรับรถยนต์จะใช้เป็นคอนกรีตพิมพ์ลายทั้งหมดครับ ส่วนสำหรับทางเดินจะเป็นกระเบื้อง

ก่อนจะเข้าทางหลัก ลองมาดูทางเดินเท้าด้านข้างกันสักหน่อยนะครับ จะใช้เสาเป็นแนวระแนงเหล็กเป็นช่วงๆตามแนวทางเดิน ช่วยบังสายตาได้ แต่ก็มีลมและแสงผ่านได้

มีศาลพระภูมิตรงตำแหน่งหัวมุม ส่วนนี้ผมชอบนะครับ การตกแต่งโดยรอบทำให้ตัวศาลอยู่ในตำแหน่งสำคัญ เป็นสัดส่วน ดูมีพื้นที่ชัดเจนและไม่ดูโดดเด่นจนไม่เข้าพวกกับบริบทโดยรอบ

ด้านข้างมีสวนและแนวเสาไฟสนามตามแนวถนน บรรยากาศร่มรื่นมากๆ

ด้านข้างมีบ่อน้ำขนาบแนวทางเดินเข้าไปยังส่วนของสวนด้านใน ความเคลื่อนไหวของน้ำช่วยให้พื้นที่นี้ดูไม่นิ่งและ นุ่มนวลขึ้นนะ สังเกตพื้นที่ส่วนนี้จะค่อนข้างเรียบร้อย มีการดูแลจัดการอยู่ตลอด ใบไม้ยังไม่มีให้เห็นที่พื้นเลย

ด้านในส่วนนี้มีสวนและพื้นที่ออกกำลังกาย มีเสาไฟสนามตามแนว พร้อมต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาโดยรอบ เหมาะแก่การมาออกกำลังกาย สูดอากาศนะ สภาพดูเยี่ยมไม่ต่างจากด้านนอกเลย ต้องขอชื่นชมทางโครงการเลยครับ

อีกฝั่งก็มีลักษณะที่เป็นพื้นที่นั่งและที่ออกกำลังกายเช่นกัน

กลับออกมาดูช่องทางเข้าออกของรถยนต์ แยกทางคนละฝั่งโดยมีแนวต้นไม้และป้อม รปภ.คั่นกลางอยู่ ทำให้ง่ายแก่การจัดการและรักษาความปลอดภัย พื้นที่บริเวณนี้จะมีการเข้าออกด้วย Keycard Access ระบบ Easy Pass ไม่ต้องเปิดกระจกลงมาทาบบัตรให้เสียเวลา

เข้ามาภายใน อย่างที่ผมพาไปดูมาแล้วบางส่วน ภาพรวมโครงการดูร่มรื่นมาก สร้างเสร็จมาแล้วประมาณ 2 ปี ทำให้ต้นไม้ภายในโครงการเติบโตและกำลังให้ร่มเงาตามจุดต่างๆได้ดี บรรยากาศโดยรวมดูดีทีเดียว

ตรงเข้ามาจะมีทางแยก ซึ่งทางตรงจะเป็นทางเดินรถสองทางสวนกัน เป็นทางหลักของเรา ที่ชอบคือพื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายยาวตลอดไปจนสุดเลย ส่วนเส้นทางด้านข้างคือจะเป็นทางวนรถรอบแนวอาคาร เป็นการวนรถทางเดียว แต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานนะ ลองแวะไปดูกันสักนิด

ทางโครงการเลยทำเลน jogging track ให้ สำหรับวิ่งออกกำลังกายรอบตัวอาคาร

บรรยากาศรอบข้างเป็นแนวต้นไม้ ค่อนข้างร่มรื่นทีเดียวครับ

กลับมาที่ทางหลักของเรา อย่างที่บอกไปพื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายยาวไปเลย เริ่มเห็นแนวอาคารกันแล้ว ส่วนแรกเลยคือ Shop ร้านแรกของเรา คือ Family Mart เปิด 24 ชั่วโมง ส่วนถัดไปเป็น Shop อีกร้าน ที่ปัจจุบันเป็นสำนักงานของทาง AP แต่ในอนาคตจะกลายเป็น Shop นะครับ

ฝั่งตรงข้ามมีที่จอดรถกลางแจ้งสำหรับ Visitor จำนวน 4 คัน

ลองแวะเข้าไปดูภายใน Family Mart กันหน่อยนะครับ

ภายในกว้างใช้ได้เลยครับ มีขนาดใหญ่พอสมควร

เดินต่อมาจะมีอีกห้องซึ่งในอนาคตจะเป็น Shop ที่ 2 ของเรา

ถัดมาจะมี Smart Pod สำหรับรับพัสดุหลังเวลาทำการของนิติบุคคล ใครที่ใช้บริการการส่งพัสดุบ่อยๆ ควรจะมาใช้งาน เพราะต้องไปลงทะเบียนกับทางนิติบุคคลก่อน ใช้บัตรประชาชนเป็นตัวเข้าใช้งานตัวตู้

ถัดต่อมาจะมีส่วนของ Drop Off ครับ พื้นที่บริเวณนี้มีขนาดค่อนข้างกว้างนะ ขึ้นลงสะดวก จอดเทียบได้สบายๆ แต่แอบติดที่หลังคาที่ยื่นออกมารับน้อยไปหน่อย ในกรณีที่ฝนตกก็อาจจะทำให้เปียกได้นะ

พื้นที่ด้านในค่อนข้างโล่งเลย ตรงส่วนนี้เป็นโถงหน้า Lobby ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ประจำคอยให้ความช่วยเหลือต่างๆด้วย ฝั่งขวามือของรูปคือส่วน Lobby ที่จะเชื่อมต่อเข้ากับภายในของตัวอาคารอีกที ส่วนซ้ายมือจะเป็นส่วนสนับสนุน ประกอบไปด้วยห้องน้ำแยกชายหญิงและห้องนิติบุคคล ลองแวะไปดูกันสักหน่อยนะ

เลี้ยวมาจะเห็นฝั่งซ้ายมือกระจกใสคือห้องนิติบุคคลที่เราสามารถมาแจ้งเรื่องต่างๆได้ที่นี่เลย ด้านหน้ามีประตูสำหรับบันไดหนีไฟ ส่วนฝั่งซ้ายคือห้องน้ำแยกชายหญิง

ชะโงกเข้ามาดูกันนิดนึง ภายในมีขนาดไม่ได้กว้างมากนัก เป็นห้องน้ำสำหรับใช้งานได้ 2-3 คนพร้อมๆกันได้ มีโถปัสสาวะ 2 โถ ห้องน้ำ 1 ห้อง อ่างล้างมือ 1 อ่าง มีหน้าต่างเปิดรับแสงและระบายอากาศได้

เลยต่อมาด้านหลังกันสักนิด ก่อนจะเข้าไปภายในอาคารกัน ไปดูพื้นที่จอดรถกันก่อนนะครับ พื้นยังคงเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายอยู่นะ สิ้นสุดหลังทางเลี้ยวเข้าออกพื้นที่จอดรถ

เพราะบริเวณนี้เป็นทางเข้าออกที่เดินรถสวนกัน พื้นที่อาคารจอดรถจึงมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด มีกระจกช่วยให้สังเกตเองอีกด้วย ปลอดภัยดีครับ

ด้านข้างฝั่งซ้ายมือคือพื้นที่จอดรถจักรยานยนต์ มีทางลาดสำหรับผู้พิการและคนชรา ด้านในคือทางสำหรับเข้า Lobby  จากทางฝั่งพื้นที่จอดรถ

ทางเข้าส่วนนี้ไม่ได้มาเล่นๆนะครับ ขนาดพื้นที่ใหญ่ทีเดียว รับช่องแสงด้านข้าง กั้นด้วยแนวต้นไม้ มีทางลาดให้พร้อม จัดว่าดูดีทีเดียว ก่อนจะเข้าไปภายใน เราวนขึ้นไปดูพื้นที่จอดรถกันก่อนนะครับ

ภายในพื้นที่จอดรถ พื้น ฝ้า และผนังเป็นคอนกรีตฉาบเรียบ ทำง่ายๆไม่ได้หวือหวาอะไรครับ มีไฟส่องสว่างตามแนว และรับแสงสว่างจากด้านข้างรอบๆด้วย เป็นแบบเดินรถทางเดียว

พื้นที่จอดรถของชั้นหนึ่งมี Changing Pod ให้ด้วย 4 คัน

มีทางขึ้นลง 2 จุด เดินรถทางเดียวเช่นเดิม

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีส่วนของห้องน้ำแยกชายหญิงให้ แต่ไม่มีทางเข้าอาคารนะ มีแต่โถงลิฟต์เพื่อไปเชื่อมต่อกับชั้นอื่นๆให้ครับ

ห้องน้ำสำหรับแยกชายหญิง อยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟ

ภายในใช้งานได้พร้อมกัน 2-3 คนครับ

ดูกันต่อที่ชั้น 3 จะเป็นชั้นแรกที่มีห้องพักอาศัยเข้ามา ซึ่งส่วนนี้จะมีทางเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่จอดรถและพื้นที่พักอาศัยด้วยนะ รวมถึงโถงลิฟต์ให้ด้วยสำหรับเดินทางไปยังชั้นอื่นๆ จากนั้นจะกั้นด้วยประตูที่ใช้ระบบ keycard access ในการเข้าถึงพื้นที่ห้องพักอาศัย ภายในโถงลิฟต์มีช่องแสงให้ ส่วนโถงทางเดินภายในจะเป็นแบบ Double Corridor มีช่องแสงที่ปลายทาง

ห้องพักอาศัยของชั้นนี้ถือว่าอยู่ในชั้นล่างๆจึงทำให้ วิวภายนอกอาจจะไม่ได้โล่งมากนัก แต่แลกกับการที่เป็นชั้นที่มีจำนวนห้องพักอาศัยต่อชั้นน้อยที่สุดที่ 14 ยูนิต รับวิว 2 ฝั่ง ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งจะมีโรงแรม 2 ชั้น ค่อนข้างโล่ง และทิศตะวันตกเฉียงใต้มีอาคาร 4 ชั้น แต่ไม่ได้ใหญ่นัก และเห็นแนวถนนและแนวรถไฟฟ้าเยื้องๆกัน

ขั้นมาที่ชั้น 4 แทบจะไม่ต่างจากชั้น 3 เท่าไหร่ เป็นพื้นที่จอดรถเช่นกัน แต่จะมีขนาดพื้นที่จอดน้อยลงกว่าเดิม มีทางเข้าอาคารและห้องพักอาศัยภายในเช่นเดียวกันกับชั้น 3 ครับ

พื้นที่เชื่อมต่อกับโถงลิฟต์จากพื้นที่จอดรถครับ จะเป็นแนวทางเดินมิดชิด

มีประตูเข้าออกใช้ระบบ Keycard Access ในการเข้าถึงครับ

ภายในค่อนข้างกว้างทีเดียว ซึ่งจะมีทางเชื่อมเข้าจากพื้นที่จอดรถแบบนี้เฉพาะชั้น 3-4 ทำให้ภายในโถงลิฟต์จะมีขนาดกว้างกว่าชั้นอื่นๆ

หลังจากเราทัวร์พื้นที่ส่วนจอดรถกันมาแล้ว ย้อนกลับลงมาที่ชั้น 1 นะ เข้ามาที่ Lobby เลย เพราะจะเป็นส่วนเชื่อมต่อขึ้นไปยังส่วนอื่นๆของอาคาร Lobby เข้าออกได้ 2 ฝั่ง ภายในมีขนาดค่อนข้างกว้างทีเดียว มีมุมนั่งเล่นเยอะเลยนะ จัดมาให้หลายรูปแบบ มีเคาน์เตอร์ประจำสำหรับเจ้าหน้าที่ดูแลลูกบ้านในเรื่องต่างๆ

อีกฝั่งจะติดกับถนนภายนอก มีแนวกระจกขนาดใหญ่รับแสงได้เยอะ ด้วยขนาดพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง จึงมี Partition กั้นแบ่งย่อย ทำให้สามารถนั่งเป็นมุมได้ส่วนตัวยิ่งขึ้น

ด้านหลังเคาน์เตอร์จะมีประตูสำหรับเข้าไปยังโถงลิฟต์ เชื่อมต่อด้วย Keycard Access อีกเช่นเคย

เข้ามาแล้ว ซ้ายมือจะมีห้อง Mail Box Room นะครับ

Mail Box ทั้งหมดของอาคารนี้จะรวมกันไว้ในนี้ครับ

ฝั่งตรงข้ามคือโถงลิฟต์ของชั้น 1 ภายในมีลิฟต์โดยสาร 4 ตัว อัตราส่วนของลิฟต์ทั้งโครงอยู่ที่ 1 : 201 ยูนิต ซึ่งถือว่าเยอะทีเดียว ต้องรอลิฟต์และใช้ลิฟต์ร่วมกันหลายคนหน่อยนะ

ภายในตกแต่งด้วยกระจก ทำให้ลิฟต์ดูกว้างขึ้น มีราวจับรอบๆให้ พร้อม CCTV เป็นระบบล็อคชั้น ไปได้เฉพาะชั้นของตัวเองและชั้นพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้นครับ

ขึ้นมาที่ชั้น 5 กันต่อ ซึ่งจะเป็นชั้น Main Facilities ของเรา ชั้นนี้เป็นชั้นบนสุดของอาคารจอดรถจึงทำให้มีพื้นที่เยอะหน่อย ภายในจะแยกเป็นทั้งส่วนห้องพักอาศัยและส่วนพื้นที่ส่วนกลาง มีประตูกระจกกั้นความเป็นส่วนตัว เข้าออกด้วยระบบ Keycard Access ทั้งสองฝั่งซ้ายขวา มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 38 ห้อง มีทั้งส่วนที่รับวิวภายนอก และฝั่งที่มองเห็นห้องพักอาศัยกันเอง ซึ่งจะมีฝั่งทางทิศใต้ที่จะมีพื้นที่ส่วนกลางมาเป็นวิวให้ กับฝั่งทิศเหนือที่ได้วิวโล่งแต่เห็นกันเองเล็กน้อย

  • มุมมอง – ช่วงกลางแนวอาคารจะคละห้อง 1 Bedroom หลายขนาดในทุกๆทิศ ห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้อง 1 Bedroom 30 ตร.ม. ส่วนห้อง 2 Bedrooms จะอยู่ที่ปลายอาคาร ทางฝั่งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกฝั่งละ 2 ห้อง

ทิศเหนือ – จะเป็นทิศที่มองเห็นกันเองของ 2 ฝั่งอาคาร แต่จะได้วิวค่อนข้างโล่ง เห็นแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ และแนวรางรถไฟฟ้า

ทิศตะวันออก – เป็นแนวห้องที่หันออกภายนอกทั้งหมดฝั่งนี้จะได้วิวอาคาร บ้านพักอาศัย มีอาคาร The Parkland จรัญฯ-ปิ่นเกล้า อาคาร 23 ชั้น แต่ห่างออกไปประมาณ 200 เมตร

ทิศใต้ – เป็นอีกทิศที่มองเห็นกันเองของ 2 ฝั่งอาคาร แต่ฝั่งนี้จะได้พื้นที่ส่วนกลางมาเป็นวิวให้ แต่ห้องที่อยู่ทางนี้ และพื้นที่ส่วนกลางจะร้อนหน่อยนะ เพราะเปิดรับแดดทางทิศใต้เต็มๆ

ทิศตะวันตก – ห้องพักอาศัยทางฝั่งนี้จะรับวิวถนนและแนวรถไฟฟ้า เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. 8 ห้อง และห้อง 2 Bedroom ขนาด 55.50 ตร.ม. มีพื้นที่ส่วนกลางที่รับวิวฝั่งนี้ด้วยคือส่วนของฟิตเนตและสวน

  • พื้นที่ส่วนกลาง – พื้นที่ส่วนกลางของชั้นนี้จะตั้งอยู่ทางฝั่งทิศใต้ รับแดดเต็มๆ ทำให้เวลาใช้งานอาจจะร้อนหน่อยในเวลากลางวัน พื้นที่ส่วนนี้ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 40 x 18 เมตร สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริง มีสวนริมสระช่วยเป็นแนวกั้นแบ่งพื้นที่กับส่วนของห้องพักอาศัยทางฝั่งที่ติดสระว่ายน้ำ และฟิตเนตขนาดใหญ่พอสมควร รับวิว 3 ฝั่ง ทั้งสระว่ายนำ้และภายนอก

ออกจากลิฟต์มาจะเจอแนวประตูขนาดใหญ่พร้อมกระจกด้วยข้าง อยู่ตรงหน้าโถงลิฟต์เลยครับ ซ้ายและขวาประกบด้วยแนวห้องพักอาศัย เข้าถึงด้วยระบบ Keycard Access ทั้งสองฝั่ง

เปิดประตูออกมาจะเจอพื้นที่โล่งกว้างขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยสี Earth Tone จัดเฟอร์นิเจอร์เข้ามุม เพื่อเปิดทางเดินเข้าออกได้สะดวก

อีกฝั่งก็มีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นเป็นกลุ่มกันได้หลายที่เลยนะ จะมาพร้อมเพื่อนหรือครอบครัวก็ไม่ต้องห่วงเลย

หันไปดูทางซ้ายกันก่อน จะเป็นส่วนของทางเข้าสู่พื้นที่สระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือทรงสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาด 40 x 18 เมตร มีส่วนตื้นใกล้บริเวณทางลง ข้างสระสำหรับเด็กๆได้ ส่วนลึกจะเป็นแนวยาวสามารถว่ายออกกำลังกายได้จริง

ด้านข้างมี Sunken Seat สำหรับนั่งในระดับเดียวกับสระว่ายน้ำ พื้นที่นั่งล้อมรอบด้วยสวนรอบข้าง ช่วยสร้างบรรยากาศ

พื้นที่ข้างสระมีแนวทางเดียว ที่ใช้เส้นล้อไปกับตัวสระ ดูกลมกลืน แล้วยังเป็นวิวให้กับส่วนด้านบนอาคารที่สวยงามน่าชมอีกด้วย

พื้นที่ข้างสระมีที่นั่งเล่นให้ด้วยนะ พร้อมต้นไม้ที่ช่วยสร้างบรรยากาศและร่มเงาให้กับพื้นที่บริเวณนี้

ด้านในก็มีพื้นที่ว่างให้ยืนออกกำลังกายและสูดอากาศได้นะ

เป็นวิวสระที่ดูดีทีเดียว ฝั่งตรงข้ามมีที่นั่งอีกนะ เดี๋ยวผมจะเดินอ้อมพาไปดูนะ

เดินมาทางฝั่งขวามือจะมีอาคารที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณนี้

เดินเข้ามาจะพบห้องน้ำส่วนกลางแยกชายหญิง ลองแวะเข้าไปดูกันหน่อย

ภายในขนาดกว้างทีเดียวสามารถใช้งานได้หลายคน สำหรับห้องน้ำชายมีโถปัสสาวะ 3 โถ พร้อมตู้ล็อคเกอร์เข้ามุม 12 ตู้ เป็นสัดส่วนดี

จัดแนวกระจกมาให้ยาวเลย พร้อมอ่างล้างมือ 3 อ่าง

ห้องโถสุขภัณฑ์ 1 ห้อง และห้องอาบน้ำ 2 ห้อง

สำหรับห้องน้ำชาย จะมีห้อง Sauna ให้ด้วย สามารถนั่งได้ประมาณ 4-5 คน

มาดูห้องน้ำผู้หญิงกันต่อนะ ขนาดพอๆกันกับห้องน้ำผู้ชาย ตกแต่งในลักษณะเดียวกัน มาเป็นกระจกแนวยาวพร้อมอ่างล้างมือแบบฝังในเคาน์เตอร์ 3 อ่างเช่นกัน

ฝั่งตรงข้ามจะมีล็อคเกอร์ให้ด้วย 14 ช่อง ห้องผู้หญิงจะมีมากกว่าห้องผู้ชาย 2 ตู้นะครับ

ห้องอาบน้ำ 2 ห้อง ห้องน้ำจะมี 2 ห้อง เยอะกว่าของห้องผู้ชายครับ

ของผู้ชายเป็น Sauna ส่วนของผู้หญิงจะเป็น Stream ครับ นั่งได้ประมาณ 4-6 คน

ออกมาจากห้องน้ำ ฝั่งตรงข้ามจะมีห้อง Fitness ครับ ขนาดใหญ่ทีเดียว เข้าไปดูกันเลย

ห้องฟิตเนตมีระดับพื้นถึงฝ้าที่ 4 เมตร รับแสง 3 ฝั่ง เกือบจะรอบด้าน ทำให้สว่างตลอดทั้งวันเลย ดูโล่งน่าใช้งาน

มีส่วน Cardio จะมีทีวีติดให้ด้วย ด้านหลังเป็นวิวสระว่ายน้ำ

ส่วนด้านในสุดมีทางเชื่อมออกไปด้านนอกด้วยนะ ไปดูกัน

อีกฝั่งหนึ่งของสระว่ายน้ำ ก็เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนเช่นกัน มีทางเดินด้านนอก บริเวณนี้ใช้แนวพุ่มไม้และต้นไม้สร้างบรรยากาศและร่มเงา

พื้นที่ทางเดินด้านหลังยาวไปจนสุดทางเดินเลยครับ เป็นแผ่นพร้อมหินกรวดโรยด้านข้างสร้างบรรยากาศให้ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

มีศาลาที่เป็นที่นั่งระดับเดียวกันกับสระว่ายน้ำทั้งหมด 3 ศาลา มีพื้นใต้น้ำระดับตื้นริมสระน้ำว่ายบริเวณนี้ด้วย สำหรับเชื่อมต่อกัน

ย้อนกลับเข้ามาภายในห้องฟิตเนต ฝั่งประตูทางเข้าห้องมีบันไดขึ้นไปด้านบนชั้นสองด้วย ขึ้นไปดูกันครับ

เป็นชั้น 6 ซึ่งจะมีส่วนของห้อง Co-Working Space ที่มีทางเข้าจากห้องฟิตเนต ส่วนพื้นที่ชั้นนี้ก็มีห้องพักอาศัยปกติ แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อเข้าห้อง Co-Working Space ได้โดยตรงนะ ต้องมาเข้าที่ชั้น 5 เหมือนกับชั้นอื่นๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวและสัดส่วน

ทางเข้าห้องนี้มีจุดเดียวจากห้องฟิตเนต เปิดปิดเป็นเวลาครับ

ภายในห้องดูกว้างนะครับ มีระดับพื้นถึงฝ้าประมาณ 2.4 เมตร พื้นเป็นพรมทำให้เวลาเดินแล้วไม่มีเสียงดัง จะทำให้บรรยากาศโดยรวมจะเงียบไปเองโดยปริยาย ภายในมีมุมต่างๆแยกสำหรับลักษณะการใช้งาน

บริเวณติดผนังเป็นที่นั่งแยกส่วนบุคคล สามารถชาร์จแบทได้ด้วยนะ บริเวณนี้จะมีกระจกเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องฟิตเนตด้วย

ถัดมาก็เป็นมุมส่วนตัวอีก 2 ที่นั่ง ติดกับกระจกเข้ามุมที่จะได้วิวสระว่ายน้ำ

ด้านในตัวห้องจะมีมุมที่ใช้พื้นที่เยอะหน่อย เช่นโต๊ะประชุม หรือทำงาน แบบหันหน้าเข้าหากันได้ สำหรับใครที่มากันเป็นกลุ่มหรือนั่งทำงานกันเป็นทีมก็เหมาะเลยล่ะ

หรือมีมุมที่นั่งสบายๆเหมือนคุยกันอยู่บ้านก็ได้ ด้านในมีมุมนั่งพื้นหรือชื่นชอบนั่ง Bean Bag ก็มีให้บริการครับ

มาต่อกันที่ชั้นพักอาศัยกันบ้าง ด้านบนชั้น 7-23 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางให้บริการแล้วนะ จะมีทั้งหมด 41 ยูนิต/ชั้น ซึ่งถือว่าเยอะทีเดียว แต่การแยกออกเป็นสองฝั่ง ก็ช่วยลดความหนาแน่นในละแวกห้องไปได้บ้าง

  • โถงลิฟต์และโถงทางเดิน – มีจำนวนลิฟต์โดยสาร 4 ตัว และลิฟต์ขนของ 1 ตัว อัตราส่วนทั้งโครงการจะอยู่ที่ 1 : 201 ยูนิต บริเวณโถงลิฟต์จะมีช่องแสงให้ ส่วนโถงทางเดินแบบ Double Corridor ก็มีช่องแสงให้ที่สุดมุมทางเดินทั้งสองฝั่ง โถงทางเดินช่วงกลางจะได้แสงจากโถงลิฟต์ช่วย แต่มีระยะทางเดินค่อนข้างยาวห้องมุมก็เดินไกลนิดนึง แลกกับการที่ไม่ต้องมีคนเดินผ่านหน้าห้องบ่อยๆ

โถงลิฟต์ค่อนข้างกว้าง เพราะมีลิฟต์ถึง 4 ตัว ตกแต่งด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ผนังฉาบเรียบทาสีโทนสว่าง มีช่องแสงด้านใน ที่เปิดรับลมระบายอากาศได้

สำหรับมีช่องแสงที่ปลายทางเดินก็จริง แต่ละช่วงจะค่อนข้างยาวทำให้ต้องเปิดไฟอาคารช่วยตลอดเวลา

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Mail Box
  • Shop 2 ร้าน (ปัจจุบันเป็น Family Mart เปิด 24 ชม. และสำนักงานของ AP)
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1, 5
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือขนาด 40 x 18 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • ห้องออกกำลังกายขนาดกลาง-ใหญ่ ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10-15 เครื่อง
  • Co-Working Space
  • Stream
  • Sauna
  • ห้องน้ำแยกชายหญิงพร้อม Locker
  • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 201 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 52%
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV
  • Key Card Access แบบ Easy Pass
  • รปภ. กระจายตามจุดต่างๆ


Product Walkthrough

มาดูห้องแรกของเรากันครับ เป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดของโครงการ 1 Bedroom เริ่มต้นที่ 30 ตร.ม. เป็นรูปแบบที่มีจำนวนห้องเยอะที่สุดในโครงการเช่นกัน ห้องนี้จะมีรูปทรงเป็น 4 เหลี่ยมเกือบจะจัตุรัส มีพื้นที่การใช้งานที่ดูกว้าง พื้นที่ภายในถูกจัดเป็นสัดส่วน ด้วยการมี Partition แบ่งในพื้นที่ต่างๆ ทั้งครัวปิดติดระเบียงที่ช่วยให้ระบายอากาศได้ง่าย ไม่ส่งกลิ่นและควันไปรบกวนพื้นที่อื่นๆ โดยห้องนี้จะขายแบบ Fully Fitted นะครับ ได้แค่ส่วนของเคาน์เตอร์ครัว เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง และส่วนบานประตูต่างๆ แต่ก็ต้องหาพื้นที่สำหรับวางตู้รองเท้าบริเวณใกล้ประตูเพื่อที่จะหยิบใช้งานได้สะดวก

ภายในขอแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 5 ส่วน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว ระเบียง และห้องนอน เริ่มต้นที่เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนเลย ซึ่งจะมีหน้ากว้าง ทำให้ได้ระยะดูทีวีที่ค่อนข้างกว้างติดทีวีขนาดใหญ่ได้ ส่วนนี้จะทำหน้าที่แจกจ่ายไปยังส่วนต่างๆของห้อง ด้านหลังส่วนผนังฝั่งทีวีจะมีห้องน้ำหนึ่งเดียวของห้องนี้ อยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายกับทุกๆพื้นที่ แต่อยู่ภายในห้องจะระบายอากาศได้ยากสักหน่อย ต้องใช้พัดลมระบายอากาศและเปิดประตูช่วยนะ ภายในให้มาครบ รวมถึงฉากกั้นอาบน้ำด้วย แยกส่วนเปียกส่วนแห้งเรียบร้อย ถัดมาฝั่งริมผนังจะเป็นห้องครัว ที่เป็นครัวปิดอยู่ติดระเบียงได้ทั้งช่องแสงและง่ายแก่การระบายอากาศ เป็นช่องแสงหลักให้กับตัวห้องภายใน พื้นที่ภายในห้องครัวจะมีส่วนของพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ด้วย ทานเสร็จก็ล้างในครัวได้เลย จบในตัว จากนั้นเชื่อมต่อไปยังระเบียงมีขนาดกว้างใช้ได้ เพราะต้องเผื่อพื้นที่ไว้ให้สำหรับวางเครื่องซักผ้าใต้แผง Condensing Unit ที่แขวนอยู่ด้วย กลับเข้ามาภายในห้องจะมีห้องนอน ที่เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ติดกับภายนอกอาคาร มีช่องแสงในตัว มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวีด้วยนะ ไปดูของจริงกันครับ

ประตูหน้าห้องเป็นประตูสีครีม HDF มาพร้อมก้านโยกสเตนเลส ซึ่งสามารถติด Digital Door Lock เองได้นะครับ

ภายในห้อง จะพบห้องที่มีระดับพื้นถึงฝ้าสูง 2.55 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ผนังให้ Wallpaper มาด้วย เป็นสีเทาอ่อนนะ ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight ทั้งหมดครับ ตัวโครงการปัจจุบันขายแบบ Fully Fitted นะครับ

ส่วนแรกเมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ที่เป็นพื้นที่แจกจ่ายไปยังส่วนอื่นๆ ด้วยความที่ห้องนี้เป็นห้องทรงจัตุรัส จึงทำให้พื้นที่นี้เป็นแนวหน้ากว้าง ได้ระยะดูทีวีเยอะ

มองย้อนกลับไปที่ฝั่งหน้าห้อง จะเห็นว่าเมื่อเราใช้งานพื้นที่ตั้งแต่หน้าประตู ทำให้พื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ในการใส่และถอดรองเท้าด้วยเช่นกัน จะควบคุมความสะอาดยากสักหน่อย ต้องมั่นดูแลให้ดีนะครับ ส่วนพื้นที่วางรองเท้า อาจจะหาชั้นวางรองเท้ามาวางยากสักหน่อย แนะนำว่าให้ใช้ทีวีแขวนผนัง เพื่อที่จะใช้พื้นที่ใต้ทีวีทำเป็นชั้นวางรองเท้าแบบมิดชิดได้ แนะนำให้ทำให้ปิดมิดชิดหน่อยนะ ไม่งั้นเวลาดูทีวีคงไม่น่าดูเท่าไหร่

ส่วนพื้นที่นี้จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้าง สามารถใช้ทีวีขนาดใหญ่ได้เลย ควรใช้ทีวีขนาด 50-60 นิ้ว

ด้วยความที่เป็นห้องนั่งเล่นหน้ากว้างจึงทำให้พื้นที่วางโซฟาด้านในอาจจะต้องจำกัดสักหน่อย เพราะขนาดรวมของห้องไม่ได้ใหญ่นัก อาจจะวางโซฟาขนาดใหญ่มากไม่ได้ ถ้าจะวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่ง ก็คงจะไม่ได้โต๊ะด้านข้างนะครับ แล้วแต่ความชอบเลย

ส่วนฝั่งทีวีก็อย่างที่บอกไป ถ้าไม่ทำชั้นวางรองเท้าใต้ทีวีก็อาจจะหาที่วางลำบาก แต่ด้านบนทีวียังพอทำชั้นวางของได้อีกนะ ด้านข้างคือประตูทางเข้าห้องน้ำของห้องนี้ เข้าไปดูกัน

ส่วนนี้ได้ฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวงนะครับ

ภายในห้องน้ำจัดมาให้ครบนะ ที่ว่าครบเพราะได้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วย แทบไม่ต้องทำอะไรต่อเลย พื้นและผนังตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีสว่าง มีระดับพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ประมาณ 2.4 เมตร จัดเรียงตำแหน่งส่วนแห้งส่วนเปียกมาเรียบร้อย

ตัวห้องน้ำเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นที่ภายในถือว่ากว้างนะ นั่งใช้งานโถสุขภัณฑ์สบายๆ ไม่ชิดผนังจนเกินไป ทางเข้าห้องน้ำมีขอบยกสูงประมาณ 3-4 เซนติเมตร

ผนังได้แนวกระจกเงายาวติดผนังมาให้ พร้อมอ่างล้างหน้า

ตัวอ่างล้างหน้าของ Grohe ขนาดประมาณ 45×55 ซม. ใช้งานสะดวกมีพื้นที่วางของที่ขอบเล็กน้อย

โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น จาก Kohler จัดมาให้พร้อมอุปกรณ์ด้านข้าง ติดตั้งพร้อมใช้งาน

สายชำระและที่ใส่กระดาษชำระสเตนเลส จับถนัดมือดีนะ แต่สำหรับคนที่ถนัดใช้งานสายชำระขนาดใหญ่ๆ อาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ ส่วนที่ใส่กระดาษชำระมีแผ่นปิดกันน้ำมาให้ด้วย

มาดูกันต่อที่ส่วนอาบน้ำเขาแยกส่วนชัดเจนด้วยขอบที่พื้นที่ยกสูงขึ้น และฉากกั้นอาบน้ำ ไม่ต้องกังวลน้ำจะออกมาเลอะส่วนใช้งานด้านนอกนี้เลยครับ

ฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered Glass มีทางเข้าขนาดประมาณ 65 ซม. มีขอบยกสูงจากพื้นประมาณ 5-6 ซม. พื้นที่ภายในพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.95 x 1 ม. ด้านข้างเว้นช่องไว้สำหรับทำชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำได้นะ แต่เขาไม่ได้ทำมาให้

ฝักบัวอาบน้ำของ Grohe มาพร้อมพื้นที่วางสบู่เล็กน้อย แต่ถ้าจะใช้จริงควรจะมีชั้นสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ สามารถ Built-in ในช่องที่ทางโครงการเว้นไว้ให้ ขนาดประมาณ 40×40 ซม. แต่ถ้าจะเอาง่ายๆ ก็เจาะแล้วแขวนชั้นวางหรือจะหาชั้นมาตั้งด้านล่างที่พื้นก็ได้ครับ

ฝักบัวอาบน้ำขนาดใหญ่ใช้ได้ แต่ไม่ได้มีให้ปรับรูปแบบการไหลของน้ำ ใครที่ชอบรูปแบบเฉพาะของตัวเองอาจจะต้องหามาเปลี่ยนนะ

ฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมพัดลมระบายอากาศ

การที่ห้องอยู่ภายในตัวอาคาร ทำให้ห้องน้ำมักจะเกิดความชื้นซึ่งจะเป็นบ่อเกิดของเชื้อราและแบคทีเรีย อาจจะส่งผลต่อสุขภาพได้ วิธีแก้ไข้คือ เปิดพัดลมระบายอากาศและประตูช่วยระบายความชื้นบ่อยๆ และหมั่นทำความสะอาดพื้น  ผนัง สุขภัณฑ์และฉากกั้นอาบน้ำต่างๆบ่อยๆครับ

ส่วนต่อไปเป็นพื้นที่ที่อยู่ด้านในของตัวห้องมีตำแหน่งติดกับผนังอาคาร ซึ่งจะมีช่องแสงและระบายอากาศได้ดี ส่วนที่เป็นประตูทึบ(ขวา)คือห้องนอนของห้องนี้ ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการให้ห้องดูโปร่งมากยิ่งขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนประตูเข้าห้องเป็นประตูกระจกเพื่อให้แสงเข้ามายังพื้นที่ภายในได้มากยิ่งขึ้น จะช่วยทำให้ห้องดูกว้าง และใช้ม่านหรือมู่ลี่ในการช่วยแบ่งความเป็นส่วนตัวแทนก็ได้นะ

ส่วนฝั่งซ้ายมือที่เป็นกระจกใสสูงจากพื้นถึงฝ้าคือส่วนของห้องครัว ส่วนนี้ดีนะครับนอกจากจะป้องกันกลิ่นและควันได้แล้ว ด้วยความสูงถึงฝ้ายังทำให้แสงจากภายนอกส่องเข้ามาภายในได้อย่างเต็มที่ เข้าไปดูส่วนห้องครัวกันก่อนเลยครับ

ทางเข้าห้องครัวใช้ประตูบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสง สามารถล็อคจากด้านในได้ และมีรางที่พื้นอาจจะต้องระวังสะดุดกันบ้างนะครับ โดยประตูจะมีระยะเปิดสุดประมาณ 90 ซม. ถือของเข้าออกสบายๆ

ห้องครัวของห้องนี้มีพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างนะ สามารถมีพื้นที่รับประทานอาหารได้ด้วย ซึ่งส่วนที่ดีอีกส่วนคือการเคาน์เตอร์ครัวชิดผนังฝั่งระเบียงแล้วเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นไว้ที่ส่วนใกล้ประตูทางเข้าห้องครัว เพราะตู้เย็นเป็นส่วนที่ใช้งานบ่อย ทำให้เวลาจะใช้งานเราไม่ต้องเดินเข้าไปภายในห้องครัวมากนัก ยิ่งถ้ามีคนยืนประกอบอาหารอยู่ก็จะไม่ต้องเดินเข้าไปเบียดกันให้ยาก

สำหรับพื้นที่ภายในห้องครัว จริงๆเหลือพื้นที่พอสมควรเลยนะ มีขนาดจากผนังถึงเคาน์เตอร์ครัวประมาณ 1.4 เมตร แต่ในห้องตัวอย่างผมมองว่าวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ไปหน่อย จริงๆวางโต๊ะเล็กกว่านี้ได้ แล้วจะเหลือพื้นที่ประกอบอาหารที่ดูลงตัวกว่านี้นะ

ส่วนชุดเคาน์เตอร์ครัว ให้มาเต็มครบ 3 ตอน หน้าบานต่างๆเป็นไม้อัดกรุด้วยลามิเนต Top เคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านในเป็นกระเบื้อง ช่วยให้ทำความสะอาดง่ายนะครับ

ช่องด้านบนสามารถเก็บของได้หลากหลายเลย

ส่วนช่วงกลางเป็นส่วนประกอบอาหาร มีอ่างล้านจาน พื้นที่ประกอบอาหาร และเตาแม่เหล็กไฟฟ้า ปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์

อ่างล้างจานสเตนเลสหลุมเดี่ยวของ Teka ขนาดประมาณ 45 x 45 ซม.

เตาแม่เหล็กไฟฟ้าให้มา 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนวนภายในจาก Teka เช่นกันครับ

พื้นที่รับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ถ้าลดขนาดโต๊ะลงอาจจะนั่ง 3 ที่นั่งได้นะครับ ส่วนนี้ประกอบอาหารแล้วทานในครัว หลังจากทานเสร็จก็ล้างในครัวเลย ไม่ต้องออกไปรบกวนส่วนอื่น เป็นสัดส่วน ควบคุมความสะอาดได้ง่ายดีนะ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวงครับ

สำหรับด้านในจะเป็นช่องแสงหลักของตัวห้อง คือประตูเชื่อมต่อกับส่วนของระเบียงซักล้างนั่นเอง เป็นประตูบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสงครับ

มีตัวล็อคและรางที่พื้นยกขอบขึ้นประมาณ 15 ซม. เพื่อป้องกันน้ำและสิ่งสกปรกเข้ามาภายในห้อง

พื้นที่ภายนอกเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิค ผนังฉาบเรียบ มีพื้นที่ประมาณ 2.1 x 1.1 ม. สำหรับวางเครื่องซักผ้าและพื้นที่ใช้งานได้สะดวก มีแนวระเบียงกันตกและแนวระแนงช่วยปิดส่วนของ Condensing Unit ที่แขวนอยู่ด้านข้างให้ด้วย

ด้านบนแขวน Condensing Unit 2 ตัว และไฟกิ่ง 1 ดวงมาให้ ส่วนฝ้าเพดานจะฉาบเรียบ

มาต่อกันที่ห้องสุดท้ายของเรา ห้องนี้คือห้องนอนนั่นเอง ของจริงจะได้เป็นห้องเปล่านะ ซึ่งด้วยขนาดสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้เลย แล้วแต่การใช้งาน ที่ปลายเตียงก็เหลือพื้นที่สำหรับวางชั้นวางทีวี หรือจะ Built-in เป็นตู้เลยก็ได้ ที่สำคัญมีช่องแสงมาให้ด้วย พร้อมหน้าต่างที่เปิดระบายอากาศได้

ขนาดถือว่าค่อนข้างกว้างนะภายในห้องตัวอย่างวางเตียง 5 ฟุตมา สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่ง เหลือพื้นที่เดินไปมาได้รอบเตียง ซึ่งถ้าใครชอบนอนเตียงใหญ่ๆ ก็สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้นะ ดันชิดกำแพง แต่ต้องแลกกับโต๊ะข้างเตียงไปฝั่งหนึ่ง แล้วแต่ความชอบนะครับ แนะนำเป็นไอเดีย

ส่วนของปลายเตียงมีพื้นที่สามารถวางชั้นวางทีวีได้ หรือถ้าจะติดเป็นทีวีแขวนผนัง จะได้พื้นที่เดินปลายเตียงเยอะขึ้นนะครับ

พื้นที่ปลายเตียงในห้องตัวอย่างก็เหลือเยอะทีเดียว วางเป็นชั้นวางทีวีก็ยังเดินผ่านได้สบายๆ

ที่ริมผนังได้เป็นช่องแสงขนาดใหญ่ ประกอบไปด้วยบาน Fixed บานใหญ่ขนาด 1.5 x 1.2 ม. และบานเล็กด้านล่างขนาด 0.4 x 0.6 ม. และบานกระทุ้งเปิดรับลมระบายอากาศได้

หน้าต่างบานกระทุ้งขนาด 1 x 0.6 เมตร เปิดรับลมระบายอากาศได้

มองย้อนกลับไปที่ทางเข้าห้อง สามารถวางตู้เสื้อผ้าได้นะ และถ้าจะเปลี่ยนประตูเป็นกระจกก็เหลือพื้นที่ด้านบนสำหรับติดม่านได้ด้วย

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวง

มาดูห้องที่สองกันต่อ เป็นห้อง 1 Bedroom ที่จะเรียกว่า Plus ก็ได้ มีขนาดใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย อยู่ที่ 35 ตร.ม. มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในจัดห้องอเนกประสงค์มาให้หนึ่งห้อง สามารถจัดเป็นได้ทั้งห้องแต่งตัวสำหรับคุณผู้หญิง หรือจะทำห้องทำงานก็ได้ มีข้อดีคือเข้ามุมที่ค่อนข้างเป็นสัดส่วนและติดระเบียง ได้รับแสงและเปิดรับลมระบายอากาศได้ ส่วนอื่นๆภายในห้องก็เช่นเคย ถูกจัดไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วน แต่ห้องนี้จะได้เป็นครัวเปิดนะ ซึ่งดูจากลักษณะของพื้นที่แล้ว เราสามารถต่อเติมฉากกั้นปิดเองได้ไม่ยากครับ ภายในห้องเน้นการใช้กระจกในส่วนต่างๆ เพื่อให้ห้องดูโล่งโปร่ง และยังสามารถเป็นช่องแสงที่ส่องถึงกันได้ ไม่ทึบจนเกินไป ส่วนพื้นที่ด้านหน้าห้อง ทางเข้าออกถูกใช้งานเป็นห้องนั่งเล่น ก็จะต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาด และจัดหาพื้นที่วางตู้รองเท้าด้วย เช่นเดียวกับห้องที่ผ่านมา

ขอแบ่งพื้นที่การใช้งานภายในออกเป็น 6 ส่วนนะครับ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องอเนกประสงค์ และระเบียงซักล้าง เริ่มเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น จะเป็นส่วนแจกไปยังพื้นที่ต่อไป ส่วนด้านหน้าของห้องนี้จะมีระยะไม่มากนัก เน้นพื้นที่ภายในห้องซะมากกว่า ถัดเข้ามาจึงจะมีระยะกว้างขึ้น สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหาร หรือจะทำเป็นที่นั่งยาวตามแนวผนังก็ได้ ด้านข้างจะมีพื้นที่ครัว ซึ่งเป็นครัวเปิด ต้องระวังเรื่องกลิ่นและควันในการประกอบอาหารไปรบกวนส่วนอื่นๆนิดนึงนะ  ข้างๆครัวคือพื้นที่ห้องน้ำของห้องนี้ เวลามีแขกมา แล้วต้องการเข้าห้องน้ำจากห้องนอนอาจจะไม่ได้ความเป็นส่วนตัวนัก เพราะต้องเดินเข้าออกผ่านห้องนั่งเล่นและห้องครัว ส่วนต่อมาคือห้องนอนแบ่งกั้นด้วยฉากกั้นกระจกขนาดใหญ่ เป็นช่องแสงให้กับพื้นที่ภายในด้วย ห้องนอนมีขนาดไม่ใหญ่นัก ไม่มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า จะไปวางในห้องอเนกประสงค์แทน ซึ่งถ้าจะจัดเป็นห้องทำงานก็ต้องมีส่วนของตู้เสื้อผ้าภายในด้วย ห้องอเนกประสงค์เชื่อมต่อกับระเบียงเป็นช่องแสงและระบายอากาศได้ ระเบียงของห้องนี้มีพื้นที่ใช้งานกว้างขึ้น เพราะไม่ต้องวางเครื่องซักผ้าแล้ว (วางใต้เคาน์เตอร์ครัว)

ประตูทางเข้าเป็นเช่นเดิมกับห้องก่อนหน้านี้นะ HDF และก้านโยกสเตนเลส เข้ามาภายในห้องจะยังคงเป็นแบบ Fully Fitted มีระดับพื้นถึงฝ้า 2.55 เมตร พื้นเป็นลามิเนตหนา 8 มม. และผนังให้ wallpaper สีเทาอ่อน ส่วนฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight (ยกเว้นระเบียงเป็นไฟกิ่ง)

เข้ามาที่ภายในส่วนแรกจะเป็นห้องนั่งเล่น เช่นเดิมครับ.. เมื่อเราใช้งานพื้นที่ตั้งแต่หน้าประตู ทำให้พื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่ในการใส่และถอดรองเท้าด้วยเช่นกัน จะมีความสกปรกง่าย อาจจะหาชั้นวางรองเท้ามาวางยากสักหน่อยเพราะไม่ได้มีพื้นที่ส่วนนี้ให้

ส่วนนี้มีระยะดูทีวีอยู่ที่ ประมาณ 2.3 เมตร เหมาะกับการใช้ทีวีขนาดกลาง-ใหญ่ ประมาณ 40-50 นิ้ว

พื้นที่แนวยาวค่อนข้างกว้าง อาจจะใช้พื้นที่ข้างโซฟาทำเป็นชั้นวางของที่เก็บรองเท้าด้านล่าง

ส่วนฝั่งวางทีวีจะมีพื้นที่ห้องครัว และห้องน้ำภายใน ส่วนนี้จะไม่ได้เคาน์เตอร์ครัวมาให้นะ จะเป็นพื้นที่โล่งๆครับ พื้นที่บริเวณนี้เราสามารถทำฉากกั้นเพื่อปิดเป็นครัวปิดก็ได้สำหรับคนที่ชอบประกอบอาหาร จะได้ป้องกันกลิ่นและควันให้ไม่ไปรบกวนส่วนอื่นๆภายในห้อง แต่ถ้าใครที่ไม่ได้ประกอบอาหารเป็นประจำ ก็ไม่จำเป็นต้องปิด จะช่วยให้ห้องดูกว้างและโล่งมากขึ้น

ฝ้าเพดานส่วนห้องนั่งเล่นเป็นแบบฉาบเรียบทาสีให้ไฟ Downlight 2 ดวง

เดินเข้ามาดูส่วนครับกัน พื้นจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. เพราะง่ายแก่การทำความสะอาด เวลามีคราบอะไรหล่นลงพื้นก็จะเช็ดออกง่าย และยังทนทานต่อความชื้นได้มากกว่าพื้นไม้ลามิเนตเยอะครับเหมาะแก่การเป็นพื้นห้องครัว และพื้นที่หน้าห้องน้ำด้วย

ส่วนครัวจะให้เคาน์เตอร์มาเช่นเคย ของห้องนี้จะได้เป็นทรงตัว L มีข้อดีคือได้พื้นที่ใช้สอยเยอะและใช้งานง่าย พลิกตัวเล็กน้อยก็ไปได้ทั่วแล้ว นอกจากนั้นยังทำให้พื้นที่ตรงกลางที่ใช้งานตู้เย็น หรือต้องเดินเข้าออกห้องน้ำมีพื้นที่เยอะ กว้าง ไม่ต้องเบียดกันกับคนที่ประกอบอาหารอยู่เลย

พื้นที่ส่วนนี้จะมีขนาดประมาณ 1.5 x 1.8 เมตร ซึ่งก็ถือว่ากว้างพอสมควร เคาน์เตอร์ที่ให้มามีส่วนด้านล่างที่เป็นที่วางพื้นที่เครื่องซักผ้าด้วย (แบบฝาหน้า) ทำให้มีพื้นที่สำหรับใช้งานได้สบายๆ

ส่วนครัวด้านบนก็ให้ตู้บานเปิดมาเช่นเคย เป็นไม้อัดกรุลามิเนตเลือกเก็บของได้หลากหลาย

ส่วนช่วงกลางจะปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์ มีเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนวนภายใน และอ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยวของ Teka ทั้งหมดเหมือนห้องที่แล้วเลยครับ มีพื้นที่ประกอบอาหารด้านข้างให้ค่อนข้างกว้าง ที่สำคัญด้านบนมีแนวกระจกขนาดประมาณ 1.5 x 0.7 เมตร เป็นช่องแสงให้กับพื้นที่ส่วนนี้ ช่วยทำให้ดูโล่ง ไม่อึดอัดอีกด้วยนะ

ส่วนครัวนี้จะมีฝ้าฉาบเรียบและไฟ Downlight 2 ดวงครับ

ฝั่งด้านข้างจะมีห้องน้ำหนึ่งเดียวของห้องนี้ จะมีลักษณะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลยครับ ภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องเซรามิคสีโทนสว่าง จัดมาให้ครบทุกส่วนพร้อมฉากกั้นอาบน้ำ

ตัวห้องน้ำเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นที่ภายในถือว่ากว้างนะ นั่งใช้งานโถสุขภัณฑ์สบายๆ ไม่ชิดผนังจนเกินไป ทางเข้าห้องน้ำมีขอบยกสูงประมาณ 3-4 เซนติเมตร

ตัวอ่างล้างหน้าของ Grohe ขนาดประมาณ 45×55 ซม. ใช้งานสะดวกมีพื้นที่วางของที่ขอบเล็กน้อย และโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น จาก Kohler จัดมาให้พร้อมอุปกรณ์ด้านข้าง ติดตั้งพร้อมใช้งาน

ส่วนอาบน้ำแยกส่วนชัดเจนด้วยขอบที่พื้นที่ยกสูงขึ้น และฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Tempered Glass มีทางเข้าขนาดประมาณ 65 ซม.

มีขอบยกสูงจากพื้นประมาณ 5-6 ซม. พื้นที่ภายในพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.95 x 1 ม. ด้านข้างเว้นช่องไว้สำหรับทำชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำเอง

ส่วนอาบน้ำจะเป็น Hand Shower ของ Grohe สายสเตนเลสฝักบัวขนาดใหญ่ใช้ได้ มาพร้อมที่วางสบู่

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 2 ดวง มีเครื่องดูดอากาศให้

ออกจากห้องน้ำมาดูส่วนต่อไปคือห้องนอนนั่นเอง เป็นประตูกระจกบานสไลด์กั้นซึ่งมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเลย ข้อดีคือได้ความโล่งโปร่งแบบสุดๆ แสงจากภายนอกส่องเข้ามาภายในได้อย่างเต็มที่ แต่ข้อเสียคือไม่มีพื้นที่ด้านบนในห้องนอนสำหรับติดม่าน ทำให้จะแบ่งความเป็นส่วนตัวกับห้องนั่งเล่นลำบากสักหน่อย ไม่งั้นต้องใช้แบบติดกระจกแทน

ส่วนนี้มีตัวล็อคให้และรางที่พื้นประตูมีระยะเปิดสุดที่ 1 เมตร

ภายในห้องนอนขนาดกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่ มีช่องแสงภายใน แต่ไม่ได้มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวีมาให้นะ

พื้นที่รอบเตียงค่อนข้างกว้าง ถ้าใช้เตียง 5 ฟุตสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ เดินสะดวกทั้งสองฝั่ง ส่วนใครที่ชอบนอนเตียงใหญ่ ก็วางเตียง 6 ฟุตชิดผนัง มีโต๊ะหัวเตียงเพียงฝั่งเดียว เลือกเอาแล้วแต่ความชอบครับ

ด้านในมีกระจกขนาดเท่ากับห้องที่ผ่านมาเลยครับ ประกอบไปด้วยบาน Fixed บานใหญ่ขนาด 1.5 x 1.2 ม. และบานเล็กด้านล่างขนาด 0.4 x 0.6 ม. และบานกระทุ้งเปิดรับลมระบายอากาศได้ ขนาด 1 x 0.6 ม.

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง

ด้านปลายเตียงนอกจากจะมีพื้นที่ให้แขวนทีวีได้แล้ว ด้านข้างมีประตูเชื่อมต่อไปยังห้องอเนกประสงค์ได้ด้วย

ระยะปลายเตียงอยู่ประมาณ 50 เซนติเมตร เดินผ่านไปมาได้สบายๆ

ประตูเลื่อนเชื่อมต่อกับห้องอเนกประสงค์เป็นแบบรางแขวนด้านบน มีตัวล็อคภายใน ทำให้พื้นเรียบไม่มีรางที่พื้น ไม่ต้องกังวลสะดุดเลย

ภายในค่อนข้างกว้างนะ ห้องตัวอย่างจัดมาเป็นห้อง walk-in closet เอาใจสาวๆ แต่จริงๆสามารถทำเป็นห้องทำงานมุมสงบๆได้ด้วย แต่ยังไงก็ต้องมีพื้นที่ของตู้เสื้อผ้านะ เพราะในห้องนอนวางไม่ได้

พื้นที่ห้องนี้จะได้เป็นห้องเปล่าขนาดประมาณ 2 x 2.2 เมตร จัดได้หลากหลายเหมือนกัน

หันเข้าภายในห้องจะมีบานกระจกที่เชื่อมกับส่วนของห้องครัว ดีที่ได้บานใหญ่ให้ช่องแสงเยอะ แต่ไม่ได้เผื่อพื้นที่ด้านบนสำหรับติดม่านไว้ให้ ต้องติดทับตัวกระจกก็อาจจะดูไม่สวย หรือช่องแสงไม่เต็มบานนะ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีให้ไฟ downlight 1 ดวง

ส่วนอีกฝั่งของห้องมีประตูกระจากเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ระเบียง ประตูเปิดสุดมีระยะอยู่ที่ 0.75 เมตร เป็นประตูกรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสงเช่นเคย

มาพร้อมที่จับตัวล็อคและรางที่พื้น ยกขอบขึ้นมาประมาณ 15 ซม.

พื้นที่ภายนอกค่อนข้างกว้าง พื้นที่การใช้งานอยู่ที่ประมาณ 2.1 x 0.8 เมตร มีราวระแนงกันตกให้พร้อมแนวปิดบริเวณตำแหน่งที่แขวน condensing unit สามารถเก็บของใต้ condensing unit ที่แขวนได้ แต่ต้องคำนึงถึงแดดและฝนด้วยนะ

แขวน Condensing unit 2 ตัว พร้อมไฟกิ่งฝั่งตรงข้ามครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 April 2019

  • 1 Bedroom ชั้น 16 ห้อง A16B29 / เนื้อที่ 30.34 ตร.ม. / ราคา 2.69 ล้านบาท หรือ 88,991 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 19 ห้อง A19C37 / เนื้อที่ 34.84 ตร.ม. / ราคา 3.09 ล้านบาท หรือ 88,978 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedrooms ชั้น 20 ห้อง A20D04 / เนื้อที่ 51.20 ตร.ม. / ราคา 4.69 ล้านบาท หรือ 91,797 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedrooms ชั้น 20 ห้อง A20E36 / เนื้อที่ 56.00 ตร.ม. / ราคา 5.19 ล้านบาท หรือ 92,857 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink Topหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood ของยี่ห้อง Teka
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 0 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 34 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล :  สำหรับที่ตั้งโครงการจะอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นถนนใหญ่สายยาวที่เชื่อมต่อได้กับถนนหลายๆสายในย่านนี้ ทำให้สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ค่อนข้างสะดวก ไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง บริบทโดยรอบยังโครงการยังคงสภาพแวล้อมของความเป็นชุมชนเก่าแก่ ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวเปิดเป็นร้านค้าร้านอาหาร ของกินในระยะเดินถือว่าหาได้ง่าย มีให้เลือกเยอะ ส่วนความเจริญอื่นๆ อย่างพวกห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์นั้นจะอยู่บนถนนบรมราชชนนีห่างจากโครงการไปประมาณ 2-3 กม. ซึ่งจัดว่าอยู่ในระยะที่ขับรถได้สะดวก หรือนั่งรถสาธารณะไปก็ไม่นาน

การเดินทางโดยใช้รถ : การเดินทางโดยใช้รถส่วนตัวเป็นหลักถือว่าสะดวกพอสมควรเพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ มีตัวเลือกให้เดินทางเข้า-ออกเมืองได้หลากหลาย ใครเน้นเข้าเมืองบ่อยๆ ก็มีสะพานใกล้ๆ ใช้ข้ามไปยังฝั่งพระนครได้อย่างสะพานซังฮี้ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าและสะพานพระราม 8 เชื่อมต่อกับถนนแต่ละสาย ซึ่งจากโครงการสามารถลัดเข้าซอยจรัญสนิทวงศ์ 40 ไปขึ้นสะพานพระราม 8 ได้โดยไม่ต้องเสียเวลารถติดบริเวณแยกบรมราชชนนี นอกจากนี้ยังสามารถไปกลับรถบนถนนพระราม 8 ขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนีได้ไม่ยาก ตัวโครงการให้ที่จอดรถมา 52% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งจากที่ผมเองเข้าไปสำรวจดู ลูกบ้าน ไม่น้อยเลยที่จะทำงานในละแวกนี้ เช่นโรงพยาบาลศิริราช และทางฝั่งข้ามไปสนามหลวง รวมถึงกลุ่มนักศึกษา ซึ่งการเดินทางสาธารณะจะตอบโจทย์ได้ค่อนข้างดี จึงทำให้พื้นที่จอดรถภายในโครงการค่อนข้างเหลือเยอะทีเดียว มีให้ใช้แน่นอนครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : หลักๆเลยคือตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ จึงทำให้เรียกรถได้สะดวก มีแท็กซี่และพี่วินรวมถึงรถประจำทางผ่านไปอยู่ตลอด ในอนาคตอันใกล้นี้ก็สามารถอาศัยพึ่งพารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายได้สบาย เพราะตัวโครงการมีตำแหน่งอยู่ติดกับ MRT สถานีบางยี่ขัน โดยประมาณเพียง 20 เมตรเท่านั้น

นอกจากรถไฟฟ้าก็มีตัวเลือกอื่นทางน้ำให้อีก ซึ่งเป็นการเดินทางที่ควบคุมเวลาได้ดี มีตำแหน่งท่าเรือที่ใกล้ที่สุดอยู่ประมาณ 1.9 กิโลเมตร ที่ท่าเรือพระปิ่นเกล้า นั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปประมาณ 30 บาท

วัสดุ :  ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน รูปแบบการขายคือแบบ Fully Fitted จะให้แค่ชุดครัว wallpaper สีเทาอ่อน และเครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight ส่วนไฟระเบียงจะเป็นไฟกิ่ง วัสดุภายในห้องจะได้พื้นเป็นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. และกระเบื้องแกรนิตโต้ อุปกรณ์ภายในห้องน้ำจะเป็นของ Grohe และ Kohler หรือเทียบเท่า ให้ฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered Glass มาด้วย ส่วนครัวจะได้เคาน์เตอร์ Top หินสังเคราะห์ หน้าบานต่างๆเป็นไม้อัดกรุลามิเนต เตาแม่เหล็กไฟฟ้า และเครื่องดูดควันแบบหมุนวน จาก TEKA และ อ่างล้างจานสเตนเลสหลุมเดี่ยวจาก TEKA เช่นกัน ประตูและหน้าต่างกระจกภายในห้องทั้งหมดเป็นกรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวใสตัดแสง

การออกแบบ : ส่วนอาคารวางผังภายในได้ดี ด้านหน้าใช้ตัวสวนรับสายตาและสร้างบรรยากาศ ทำให้มีระยะ set back จากถนนใหญ่ค่อนข้างเยอะช่วยลดมลภาวะทางเสียงและฝุ่นที่จะรบกวนห้องพักอาศัยไปได้เยอะทีเดียว การเดินรถเข้าออกก็ทำได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ส่วนร้านค้าก็อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเข้าหรือออกก็ใช้งานได้สะดวก ชั้นพักอาศัยมีความหลากหลายในเรื่องของมุมมองแต่ละห้อง เพราะฟอร์มอาคารที่ไม่ได้ตรง มีการหักมุมค่อนข้างเยอะ การเลือกใช้ Core Lift ตรงกลางเพื่อแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ช่วยกระจายจำนวนห้องพักอาศัย ทำให้ลดความหนาแน่นของจำนวนห้องในแต่ละชั้น ตัวลิฟต์เข้าถึงง่ายโถงทางเดินกว้าง แต่ด้วยที่มีแนวทางเดินค่อนข้างยาวจึงทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ไม่ทั่วถึง การวางพื้นที่ส่วนกลางเป็นจุดเดียว ถือว่ามีสัดส่วนดี เข้าถึงง่าย และสะดวกแก่การจัดการและดูแลรักษาความปลอดภัย และยังเป็นวิวให้กับห้องชั้นด้านบนได้ด้วย ที่ตั้งเปิดรับแดดทางทิศใต้เต็มๆ ซึ่งจะเป็นแดดช่วงบ่ายจนถึงเย็น ไม่มีแนวอาคารช่วยบัง ทำให้อาจจะใช้งานลำบากหน่อย

การออกแบบห้องพักอาศัย มีให้เลือกหลายแบบหลายขนาด ภายในจัดสัดส่วนพื้นที่มาให้ค่อนข้างดี ได้เป็นครัวปิดเกือบจะทั้งหมด หรือบางห้องที่เป็นครัวเปิดก็มีลักษณะพื้นที่แบบที่สามารถต่อเติมเป็นครัวปิดเองได้ ให้ระดับพื้นถึงฝ้ามาที่ 2.55 เมตร และเน้นการใช้กระจกในการเชื่อมต่อแต่ละห้อง จึงทำให้ภาพรวมห้องดูโล่ง ไม่ทึบ ส่วนทางเข้าออกพื้นที่ห้องมีการใช้งานเลย เป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี ต้องระวังเรื่องการใช้งานฝุ่นและสิ่งสกปรกจะติดเข้ามาในห้องนั่งเล่นได้ง่าย และจะหาที่วางชั้นรองเท้าลำบากหน่อย ต้องคิดเผื่อจุดนี้ด้วยนะ ส่วนห้องน้ำเน้นโทนสว่าง ทำให้รู้สึกสะอาด ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาเรียบร้อย แต่ไม่ได้มีพื้นที่วางอุปกรณ์อาบน้ำมากนัก อาจจะต้องต่อเติมเพิ่มนะครับ

สาธารณูปโภค : รวมกันอยู่ที่ชั้น 5 ทั้งหมด ไม่ได้วิวสูงมากนัก อาจจะไม่ได้พื้นที่ส่วนกลางหลายส่วนนัก แต่ภายในก็จัดมาให้ค่อนข้างครบนะ ทั้งสระว่ายน้ำขนาด 40 x 18 เมตร เป็นขนาดที่สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริง มีลายเส้นที่ล้อไปกับพื้นที่สวนด้านข้างดูน่าใช้งาน ส่วนห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่ก็มีคนใช้งานจริงนะ รับแสงและวิว 3 ฝั่ง พร้อมระดับพื้นถึงฝ้าที่ 4 เมตร จึงทำให้พื้นที่ภายในค่อนข้างโล่ง น่าใช้งานอีกเช่นกัน ส่วนห้อง co-working space ตอนผมไปไม่มีคนใช้งาน แต่ผมว่าภายในจัดมาให้หลายมุมให้เลือก ทั้งจะมาคนเดียว หรือเป็นกลุ่มก็มีพื้นที่รองรับ แต่พื้นที่ทั้งหมดที่เป็น Main Facilities ที่ชั้น 5 จะตั้งอยู่ทางฝั่งทิศใต้ ไม่มีแนวอาคารช่วยบังแดด บางส่วนจึงอาจจะใช้งานลำบากหน่อยในช่วยกลางวัน แต่ภาพรวมบรรยากาศภายในโครงการ ตั้งแต่หน้าโครงการเข้าไปถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 5 ต้นไม้มีและแนวพุ่มไม้ประดับตลอด มีบรรยากาศร่มรื่นน่าใช้งาน อีกทั้งยังถูกดูแลจัดการอย่างดี มีการดูแลรักษาสภาพพื้นที่ต่างๆตลอด รวมถึง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 91,000 บาท/ตร.ม., 10 April 2019

  • ทำเล 8.5/10 – ใกล้แหล่งชุมชนเก่า ของกินหาง่าย เดินทางสะดวก
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 -ค่อนข้างสะดวก มีตัวช่วยในการเดินทาง มีซอยลัด ที่จอดรถรวมซ้อนคัน 52%
  • ไม่ใช้รถ 8.75/10 – ติดกับ MRT สถานีบางยี่ขันเลย ติดถนนใหญ่เรียกรถง่าย มีเรือให้เลือกใช้
  • วัสดุ 7.25/10 – ให้ตามระดับมาตรฐาน จัดมาแบบ Fully Fitted ต้องเผื่องบตกแต่งเพิ่ม
  • แบบ 7.5/10 – จัดพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน รูปแบบห้องมีให้เลือกหลายแบบ พื้นที่ส่วนกลางเปิดรับแดดทางทิศใต้ ใช้งานกลางวันยากไปหน่อย
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – จัดมาให้ครบตามมาตรฐาน ในแต่ละส่วนก็จัดมาให้เต็ม ใช้งานได้จริง

  • UPPER CLASS
  • 8.03 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Life ปิ่นเกล้า เหมาะสำหรับคนที่ทำงานหรือผ่านไปมาในละแวก ปิ่นเกล้า จรัญสนิทวงศ์ เป็นประจำ มีการเดินทางที่หลากหลาย ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและสาธารณะ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย เข้าเมืองง่าย ออกเมืองสะดวก มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ครบ ขายแบบ Fully Fitted ต้องเผื่องบสำหรับตกแต่งด้วยนะ โดยมีงบประมาณระดับ 2.7-5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 20,000 – 35,000 บาท/เดือน