รีวิวฉบับที่ 1751 … สวัสดีคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ หลังจากเวลาผ่านไปร่วม 2 ปี โครงการ Ideo พหลโยธิน-จตุจักร ก็สร้างเสร็จให้เราได้เข้าไปรีวิวกันแล้วนะคะ โครงการนี้ความน่าสนใจคือทำเลใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 เส้นหลักด้วยกัน ทั้ง BTS สะพานควาย และ MRT กำแพงเพชร พร้อมทั้งติดถนนหลักพหลโยธินอีกด้วยนะคะ เรามาดูกันค่ะว่าบรรยากาศจริงในโครงการจะเป็นอย่างไร

Fact @ 4 December 2018

  • Ideo Phaholyothin-Chatujak (ไอดีโอ พหลโยธิน-จตุจักร)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท
  • คอนโด High Rise 35 ชั้น 390 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 18 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 273 คันคิดเป็น 70% (Auto Parking)
  • ที่ดินประมาณ 1-3-37 ไร่
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กุมภาพันธ์ 2562
  • Studio ขนาด 24.50 – 27 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom ขนาด 34 – 34.50 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 45 – 49 ตารางเมตร
  • 2 Bedroom ขนาด 57.50 – 69 ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.89 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น ห้อง Studio ขนาด 27.62 ตร.ม.)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 165,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 02-316-2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.795858, 100.550205

โครงการ Ideo พหลโยธิน-จตุจักร จัดเป็นคอนโดแนวรถไฟฟ้า “BTS สถานี สะพานควาย” ซึ่งหากดูในแผนที่แสดงให้เห็นถึงจุดสำคัญต่างๆโดยรอบได้แก่ แนวเส้นทางรถไฟฟ้า BTS, MRT และทางด่วนศรีรัช(โทลเวย์) ในละแวกนี้ยังอยู่ใกล้ๆกับแหล่งออฟฟิศทำงานอีกด้วยอย่าง TMB, ตึกซันทาวเวอร์ และการบินไทย นอกจากนั้นยังอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งอย่าง ตลาดอตก. ตลาดนัดสวนจตุจักร และก็ Big C สะพานควาย และยังใกล้พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างสวนจตุจักรและสวนรถไฟด้วย เรียกว่าครบเครื่องทีเดียวนะคะ

สำหรับทำเลโครงการทางทีม Think of Living เราเคยได้ไปรีวิวทำเลแบบเจาะลึกกันมาแล้วนะคะ สามารถอ่านข้อมูลแบบละเอียดและเจาะลึกกันได้โดย (คลิกที่นี่)

สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะพาไปโครงการโดยเริ่มต้นจาก BTS สะพานควายนะคะ เดินลงที่ทางออก 3 จากนั้นเดินตรงไปมุ่งหน้าไปทางจตุจักร ใช้ระยะทางประมาณ 160 ม. ก็จะเห็นโครงการฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ

ออกจาก BTS มาให้เดินออกมาทางออก 3 นะคะ

จะมี Walk Way เดินยาวๆ ก่อนลงไปยังทางเท้าด้านล่าง

บรรยากาศบริเวณทางเท้าด้านล่างนี้ค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ มีร้านค้าและร้านอาหารริมทางเดินเท้า และยังมี 7-11 ด้วยนะคะ นอกจากนี้เดินลงมาแล้วก็เจอซุ้มพี่วินคอยให้บริการอยู่ ใครขี้เกียจเดินสามารถใช้บริการได้เลยค่ะ แต่ด้วยระยะทางเดินเพียง 160 ม. เราว่าเดินอีกหน่อยก็ถึงโครงการแล้วนะคะ

หันไปที่ฝั่งตรงข้ามนี้เป็นคอนโดรุ่นพี่อย่าง Ideo Mix พหลโยธิน ซึ่งบริเวณด้านล่างของโครงการจัดให้เป็นพื้นที่ร้านค้ามีทั้งร้านอาหารและร้านอื่นๆ เช่น คลินิกทันตกรรม ร้านทำผม ต่างๆ ด้วยนะคะ

ทางเดินเท้าตลอดจาก BTS ไปโครงการถือว่าเดินได้ง่ายนะคะ จากภาพจะเห็นว่าทางเท้ามีความกว้างทีเดียว

เดินมาอีกหน่อยเราก็จะเห็นป้ายโครงการ Ideo พหลโยธิน-จตุจักร แล้วค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาด อตก. 400 ม.
  • ตลาดนัดจตุจักร 500 ม.
  • สวนจตุจักร 700 ม.
  • โรงพยาบาลเปาโล เมมโมเรียล 1 กม.
  • สวนรถไฟ 1.8 กม.
  • Central ลาดพร้าว 2.3 กม.
  • Union Mall 2.5 กม.
  • โรงเรียนหอวัง 3.1 กม.
  • เทสโก้ โลตัส ลาดพร้าว 3.2 กม.
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น 4 กม.
  • เมเจอร์รัชโยธิน 4.2 กม.
  • SCB Park 4.4 กม.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม 5.3 กม.
  • โรงพยาบาลเปาโล เกษตร 5.4 กม.
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 9.7 กม.
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม 9.8 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Ideo พหล-จตุจักร คอนโด High Rise สูง 35 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งหมดร่วม 390 ยูนิต บนเนื้อที่ดิน 1 ไร่กว่านะคะ ปัจจุบันโครงการมีการก่อสร้างส่วนโครงสร้างแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย มีบางส่วนเริ่มทยอยโอนกันแล้ว แต่จะยังมีบางส่วนที่เป็นงาน Interior ยังไม่เรียบร้อยมากนัก คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ค่ะ สำหรับรูปแบบของอาคารนี้ยังคงออกแบบมาตาม DNA ของอนันดาในสไตล์ Futuristic เน้นความหวือหวา บนความเรียบง่ายฉบับ Modern นะคะ เพิ่มเติมคือตึกนี้จะมี Gimmick ด้านบนคือสวนลอยฟ้าอีกด้วยค่ะ

สำหรับรีวิวฉบับนี้จะเป็นการเก็บภาพรวมมารีวิวให้คุณผู้อ่านได้เห็นตึกจริงก่อนเปิดโครงการให้เข้าชมตึกเสร็จอีกทีนะคะ ซึ่งจะมีบางส่วนที่เราไม่สามารถเก็บภาพมาได้ครบหมด เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเก็บงานและตกแต่งภายในบางส่วน เช่น สวนลอยฟ้า สวนชั้นดาดฟ้า+ลู่วิ่ง Play Studio และห้องน้ำชั้น Main Facilities เป็นต้น โดยโครงการแจ้งว่าโครงการจะแล้วเสร็จทั้งหมด 100% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี้ค่ะ หากทาง Think of Living ได้มีโอกาสเข้าไปอีกรอบจะเก็บภาพที่เหลือมาอัพเดตกันนะคะ ^^

เรามาดูลักษณะผังโครงการกันต่อนะคะ โดยตัวผังนี้เป็นรูปเหลี่ยมแบบ Freeform มีหลายมุม แต่ภายในถือว่าจัดโซนได้ดี ที่เด่นๆ จากผังนี้เลยก็คือ สวน ที่อยู่ด้านข้างอาคาร ถ้าเทียบกับขนาดอาคารแล้วจะเห็นว่าทางโครงการจัดมาให้เยอะทีเดียวนะคะ ช่วยให้ลูกบ้านมีพื้นที่สีเขียวให้ผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่โครงการในเมืองมักจะมีพื้นที่ไม่มากให้จัดสวนบนดินได้เท่าไหร่นะคะ

ถัดมาในส่วนตัวอาคารจะอยู่ด้านหน้าสุด ใกล้กับทางเข้า-ออกโครงการ ด้านในจัดเป็นส่วน Lobby ต้อนรับ และ Meeting Room ซึ่งสะดวกดีสำหรับลูกบ้านที่ทำงานที่บ้าน เพราะสามารถนัดลูกค้ามาคุยงานต่างๆ ได้ที่ส่วน Lobby และห้อง Meeting ได้เลยค่ะ

สำหรับด้านหลังอาคารจะเป็นโซนที่จอดรถและ Auto Parking โดยให้ลิฟต์มาทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน ถือว่าให้มาพอสมควรไม่น้อยไปเพื่อลูกบ้านจะได้ไม่ต้องรอคิวเพื่อจอดรถนาน ส่วนจำนวนช่องจอดมีทั้งหมด 273 คัน คิดเป็น 70% ซึ่งถือว่าให้มาพอสมควรเมื่อเทียบกับราคาและการจัดที่จอดรถแบบ Auto parking เกือบทั้งหมด

จากหน้าทางเข้ามาในโครงการนั้นจะไม่ได้มีไม้กั้นกระดกหรือจัดให้เป็นพื้นที่ปิด จากรูปจะเห็นว่าเป็นพื้นที่เปิดมาก คือเดินจากฟุตบาทเข้าโครงการตรงเข้า Lobby ได้เลย ซึ่งก็จะมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไปนะคะ โดยสำหรับใครที่ชอบความสะดวกในการเข้า-ออกโครงการ ไม่ซีเรียสกับเรื่องความเป็นส่วนตัวมากนักก็จะเหมาะค่ะ แต่คนที่ซีเรียสไม่อยากให้คนนอกเข้า-ออกส่วนด้านหน้าโครงการรวมไปถึง Lobby ได้เลยก็อาจจะไม่ชอบนะคะ และยิ่งเป็นโครงการที่ไม่มี Shop ด้านหน้าด้วย เราคิดว่าเป็นแบบปิดจะเหมาะสมกว่าค่ะ ซึ่งในอนาคตหากมีการโอนให้นิติบุคคลดูแลเรียบร้อยแล้ว ลูกบ้านสามารถโหวตให้มีการกั้นรั้วเพิ่มเติมเพื่อทำให้โครงการเป็นพื้นที่ปิดมากขึ้นได้นะคะ

สำหรับไม้กั้นกระตกโครงการจะอยู่บริเวณถัดจากทางเข้า Lobby ไปแล้วนะคะ ลักษณะจะเป็นไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ ผ่านระบบ Keycard Access

ผ่านไม้กั้นกระดกมาแล้วก็จะตรงไปด้านหลังอาคารซึ่งเป็นส่วน Auto Parking และที่จอดรถ Visitor ค่ะ ซึ่งโซนที่จอดรถ Visitor นั้นยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างนะคะ เราเลยขอถ่ายมาเฉพาะส่วน Auto Parking ให้ดูกันก่อนค่ะ

ในส่วนพื้นที่ข้างถนนนั้นมีการตกแต่งรอบรั้วโครงการด้วยต้นไม้ทั้งแบบพุ่มและไม้ยืนต้น ช่วยบังสายตาภายในโครงการจากเพื่อนบ้านได้พอสมควรค่ะ

ตรงมาอีกหน่อยก็จะเป็นส่วน Auto Parking แล้วค่ะ วิธีการใช้เพียงขับรถเข้าเข้าไปในช่องจอดได้เลยค่ะ

ลักษณะของลิฟต์ขนรถจะเป็นประมาณนี้นะคะ ก็จะคล้ายๆ กับลิฟต์ขนของขนาดใหญ่ค่ะ และขออธิบายเพิ่มเติมอีกหน่อยสำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก Auto Parking มากนักนะคะ ในส่วนการใช้งานนี้ตอนจอดรถจะง่ายมาก เพราะแค่จอดรถในลิฟต์ จากนั้นลิฟต์ก็จะไปหาที่จอดรถเองเลย ส่วนตอนเรียกรถเพื่อมาใช้งานอาจจะต้องเสียเวลาคอยหน่อย ตกเวลาในรอต่อคันอยู่ที่ประมาณ 2 นาที หากไม่ได้มีคนจะเรียกรถพร้อมๆ กันมากนักก็ถือว่าใช้เวลาคอยไม่นานเลยนะคะ แต่หากเป็นช่วงเร่งด่วนทุกคนเรียกรถพร้อมๆ กันก็ต้องบวกเวลาเพิ่มไปอีกค่ะ ถัดมาในแง่ของจำนวนที่จอดรถ มีใครเคยสังเกตไหมคะว่าโครงการที่ให้ Auto Parking ส่วนใหญ่มีจำนวนที่จอดรถเยอะกว่าโครงการที่ออกแบบที่จอดรถเป็น Conventional มาตรฐาน ในระดับ Segment เดียวกันนะคะ เนื่องจากว่า Auto Parking นี้ใช้พื้นที่ในการจอดรถน้อยกว่าแบบ Conventional แค่ไม่มีถนนให้วนรถ กลับรถ ถอยรถ และก็ปรับมาเป็นที่จอดรถให้หมดจึงได้จำนวนจอดรถมากขึ้นนั่นเองค่ะ และสุดท้ายในแง่ของการดูแลรักษา แน่นอนว่าต้องมีการดูแลรักษาที่มากกว่า Conventional อยู่แล้วนะคะ ซึ่งต่อไปค่าลิฟต์ก็จะเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายผ่านค่าส่วนกลางนั่นเอง

การจอดรถ Auto Parking นั้นมีวิธีการตามป้ายเลยนะคะ ควรปฏิบัติตามทุกครั้งเลยนะคะ โดยเฉพาะการดึงเบรคมือ

ในส่วนลิฟต์จอดรถจะยกรถขึ้นไปจอดในชั้น 2-11 ที่เป็นชั้นจอดรถโดยเฉพาะ ซึ่งทางโครงการออกแบบให้บริเวณชั้นจอดรถเป็นกระจกโชว์ลิฟต์จอดรถเลย ทำให้อาคารดูเท่ห์มากขึ้น และแตกต่างจากปกติที่เรามักจะเห็นในโครงการอื่นๆ ที่มักจะทำ Facade ต่างๆ เพื่อบังสายตาส่วนชั้นจอดรถนะคะ

ก่อนเข้าโครงการเรามาดูส่วนสวนกันก่อนนะคะ บริเวณส่วนนี้จะเป็นสเต็ปยกระดับขึ้นจากถนนพอสมควร ซึ่งเรามองว่าดีนะคะ เพราะทำให้พื้นที่สวนเป็นสัดส่วนมากขึ้นและเวลาให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นที่สวนก็ไม่ต้องระวังมากเท่ากับสวนที่อยู่ในระดับเดียวกับถนน เพื่อวิ่งเพลินไม่ทันมองรถได้ค่ะ

บรรยากาศของสวนจะเน้นไปที่สนามหญ้าให้มีพื้นที่เดินเล่น และตกแต่งด้านข้างด้วยพุ่มไม้ ไม้ยืนต้นให้ดูร่มรื่น พร้อมบังสายตาจากเพื่อนบ้านและถนนหน้าโครงการ ส่วนบริเวณขอบกระถางออกแบบให้ยื่นออกมาเป็นขนาดที่เหมาะสมกับการนั่งเล่นได้ เหมือนม้านั่งค่ะ

กลับเข้ามาที่หน้าทางเข้า Lobby กันต่อนะคะ บริเวณนี้ออกแบบให้มีทั้งบันไดและทางลาดเอียง สะดวกต่อการใช้งานได้หลากหลาย อย่างทางลาดเอียงก็เผื่อไว้สำหรับใครเข็นกระเป๋าเดินทาง หรือคุณปู่คุณย่าที่ใช้ Wheel Chair ได้ค่ะ

ภายใน Lobby เมื่อเปิดเข้ามาเรารู้สึกเหมือนเจอ Shock Space เล็กน้อย เพราะฝ้าเพดานที่ยกสูงขึ้นต่างจากบริเวณหน้า Lobby ทำให้บรรยากาศโอ่โถงและโปร่งโล่งได้ดี ส่วนการตกแต่งภายในค่อนข้างหวือหวาบวก Modern ด้วยการตกแต่งพื้นด้วยลวดลายหินอ่อน และผนังกระจกสีดำ

ภายใน Lobby มีการจัดพื้นที่นั่งให้เป็นสัดส่วนแยกมาจากตรงโถงกลางโดยกั้นด้วยฉากกั้นยกสูงถึงฝ้าเพดาน และแบ่งพื้นที่ได้ดีแยกคนละมุม เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้นอีกหน่อยค่ะ เฟอร์นิเจอร์ที่ลงให้จัดมามาตรฐานนะคะ มีชุดโซฟาและเก้าอี้นั่งเล่น ไว้สำหรับรับรองแขกของลูกบ้าน ซึ่งที่เห็นจัดไว้ให้จะอยู่ที่ประมาณ 3 ชุดด้วยกัน

ส่วนอีกฝั่งติดกับหน้าทางเข้า Lobby เลยกั้นพื้นที่เป็นห้องประชุมแบบกระจกใส ภายในวางโต๊ะประชุมแบบ Long Table รองรับที่นั่งประมาณ 8-10 ที่นั่ง พร้อมมี Projector สำหรับพรีเซ้นงานเรียบร้อยค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมาใช้งานได้เลย หากมีนัดคุยงานกับลูกค้าโดยไม่จำเป็นต้องออกไปคาเฟ่ หรือร้านอาหารคุยงานเลยค่ะ

ถัดมาจะเป็นส่วนห้องนิติบุคคล และส่วน Waiting Area (รอรถจาก Auto Parking) จากนั้นจะเป็นทางเชื่อมไปยังส่วนลิฟต์รถยนต์นะคะ

สำหรับนิติบุคคลที่นี่ใช้นิติบุคคลจาก LPN ด้วยนะคะ ซึ่งถือว่าดีทีเดียวนะคะ เนื่องจากทางบริษัทแยกของ LPN ที่มาดูแลบริหารโครงการโดยเฉพาะนี้ค่อนข้างเก่งและชำนาญในเรื่อนิติบุคคลพอสมควรเลย หากใครไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้สามารถลอง Search หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ ต้องบอกว่าการมีนิติบุคคลที่ดูแลโครงการดี ช่วยส่งผลมากๆ ในเรื่องของความเรียบร้อยโครงการ ทั้งเรื่องสภาพโครงการและการอยู่ร่วมกันในอาคารเดียวกันร่วม 390 ยูนิตนะคะ

ถัดมาในส่วนบรรยากาศของ Waingting Area ได้จัดชุดโซฟายาวและเก้าอี้นั่งรอลิฟต์รถยนต์นำรถลงมาจอด ไม่ต้องไปยืนรอให้เมื่อยตรงหน้าลิฟต์ และอีกอย่างคือมีจอโทรทัศน์แสดงเวลาว่าอีกกี่นาทีรถของเราจะมาถึงด้วยค่ะ

สำหรับฝั่งตรงข้ามส่วน Waiting Area จะเป็นโถงลิฟต์โดยสาร ซึ่งออกแบบให้ดูหวือหวามากขึ้นโดยการทำ Facade ระแนงเหล็กครอบตัวกระจกโถงลิฟต์ไว้อีกทีนะคะ บริเวณนี้ไม่ได้จุดให้สแกนบัตรเพื่อเข้าโถงลิฟต์ เหมือนโครงการอื่นๆ นะคะ ดังนั้นคนภายนอกสามารถเข้ามาถึงส่วนโถงลิฟต์ได้ แต่จะขึ้นไปชั้นพักอาศัยไม่ได้เพราะตัวลิฟต์เป็นแบบลิฟต์ล็อกชั้น จำเป็นต้องใช้ Keycard สแกน ซึ่งถึงแม้จะเป็นลูกบ้านแต่ก็สามารถขึ้นได้เฉพาะชั้นพักอาศัยของตัวเองและชั้น Facilities เท่านั้นค่ะ

ด้านข้างของโถงลิฟต์เป็นส่วน Mailbox ซึ่งออกแบบให้มีความ Metalic ดูทันสมัยโฉบเฉี่ยว

เรามาดูที่ผังพื้นชั้น Typical Floor Plan กันก่อนจะขึ้นไปดูบรรยากาศจริงกันนะคะ ลักษณะการวางอาคารเน้นไปทางทิศเหนือ-ใต้ รูปตัว I นะคะ โดยรวมแล้วหลายคนอาจจะรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ทั่วไปนะคะ แต่จริงๆ เรามองว่ามีจุดพิเศษอยู่ 1 อย่างคือ บริเวณโถงลิฟต์ที่ไม่ได้ทำเป็นโถงแยกเป็นสัดส่วน แต่เปิดลิฟต์มาแล้วเจอกับ Corridor ทันทีเลย ซึ่งเวลาใช้งานจริงนั้นคนก็จะมารอลิฟต์ที่บริเวณโถงทางเดินหน้าลิฟต์เลย ดังนั้นห้องที่อยู่ใกล้กับลิฟต์อย่าง 12-12A อาจจะได้ยินเสียงคนเดินผ่านและรอลิฟต์อยู่พอสมควรนะคะ

แต่สำหรับห้องฝั่งขวามือของรูป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นห้องขนาดใหญ่ 2 Bedroom จะได้เปรียบในเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะมีบางห้องที่ได้โถงทางเดินส่วนตัวเลย อย่างห้อง 14,16 และ 18 เป็นต้น ส่วนห้อง 15,17 ก็ได้เป็นแบบ Single Corridor นะคะ

ส่วนห้องเล็กลงมาโซนซ้ายมือของรูป เช่นห้อง Studio และ 1 Bedroom ก็มียูนิตที่ตำแหน่งน่าสนใจอยู่ค่ะ เช่น ห้อง 08,09 ที่มีฝั่งนึงติดกับบันไดหนีไฟ แทนที่ติดกับเพื่อนบ้าน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และอีกห้องที่ฝั่งตรงข้ามห้องไม่จ๊ะเอ๋กับเพื่อนบ้านคือ ห้อง Studio 04 ค่ะ

สำหรับจำนวนห้องต่อชั้นอยู่ที่ 18 ยูนิตนะคะ ถือว่าไม่เยอะนะคะ แต่อัตราส่วนลิฟต์ในโครงการอยู่ที่ 195:1 จัดว่ามีความหนาแน่นพอสมควรค่ะ อาจจะต้องรอลิฟต์หน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วน อย่างตอนเช้าวันธรรมดา

ขึ้นมาที่ชั้นพักอาศัยบริเวณลิฟต์โดยสาร เปิดมาก็จะเห็นโถงทางเดินยาวไปจนสุดแบบนี้เลยค่ะ

ลักษณะโถงทางเดินออกแบบมาได้เรียบร้อยดีนะคะ ระยะกว้างโถงอยู่ที่ประมาณ 1.5 ม. เดินได้สบายๆ สุดทางติดบานหน้าต่างไว้ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดี ลดการเปิดไฟในตอนกลางวันได้ระดับนึงค่ะ และช่วยระบายอากาศได้

นมาที่ชั้น 35 ซึ่งเป็น Facilities หลักกันต่อนะคะ โดยจะประกอบด้วยสระว่ายน้ำยาว 35 ม. ลักษณะจะเป็นสระแบบ Semi-Outdoor หรือสระในที่ร่ม ส่วน Indoor จะมีห้อง Play Studio (ยังไม่เสร็จ) และห้อง Urban Lodge ลักษณะคือเป็นห้อง Sky Lounge จัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวมุมสูงได้

และที่เราเห็นเป็นสวนจากในผังนั้น ของจริงปรับให้เป็นพื้นกระเบื้องนะคะ แต่มีตกแต่งต้นไม้ใหญ่ไว้ที่ตรงมุมซ้ายบนอาคารเช่นเดิมค่ะ

ชั้น 36 ชั้นนี้ลิฟต์จะไม่ได้ขึ้นมาถึงนะคะ ต้องขึ้นจากบันไดเวียนของห้อง Urban Lodge เท่านั้นค่ะ โดยชั้นนี้จัดให้เป็นห้อง Fitness ขนาดใหญ่สามารถชมวิวมุมสูงได้จาก 3 ทิศทางเลยค่ะ

และสุดท้ายคือแปลนชั้นดาดฟ้า ในชั้นนี้ต้องขึ้นจากบันไดหนีไฟนะคะ โดยด้านบนจัดให้เป็นสวน+ลู่วิ่ง ออกกำลังกายบนชั้นดาดฟ้าของอาคาร ได้วิวมุมสูงไปในตัวด้วยค่ะ

ขึ้นมาที่ส่วนโถงลิฟต์ในชั้น 35 บริเวณนี้ออกแบบโถงให้เป็นเสมือนห้องกระจกด้านหน้ามีสระว่ายน้ำ

เดินออกมาเราก็จะเห็นสระว่ายน้ำเชื่อมกับวิวมุมสูงแบบนี้เลยค่ะ ด้วยความที่ตัวสระเป็นแบบ Infinity Edge Pool และรูปแบบที่ออกแบบให้เป็น Semi-Outdoor บรรยากาศในส่วนนี้จึงค่อนข้างว้าวทีเดียวค่ะ และสาวๆ ก็น่าจะชอบด้วยเพราะไม่ต้องว่ายน้ำเฉพาะเช้าตรู่หรือกลางคืนอย่างเดียว เนื่องจากอยู่ในร่มมีหลังคากันแดด ดังนั้นว่ายตอนกลางวันผิวก็ไม่ไหม้ด้วย

ติดกับสระว่ายน้ำออกแบบให้เป็น Deck ที่มีต้นไม้สร้างความร่มรื่นได้อีกหน่อยนะคะ พร้อมม้านั่งให้ชมวิวมุมสูงได้กว้างเลย

หันกลับมาส่วนสระว่ายน้ำมีการแยกการใช้งานสระระหว่างสระผู้ใหญ่ และสระเด็กนะคะ ส่วนเรื่องของงานดีไซน์ในส่วนนี้ค่อนข้างหวือหวาทีเดียว ถ้าเห็นของจริงจะชอบมากเพราะตรงขอบสระเอย ขอบพื้นเอยกั้นด้วยกระจกใสทั้งหมด จึงได้วิวดี ส่วนใครกลัวความสูงตรงนี้จะรู้สึกโหว่งๆ นิดนึง

มาดูบรรยากาศจากสระว่ายน้ำมองไปเห็นวิวทางสวนจตุจักร ซึ่งวิวฝั่งนี้ค่อนข้างการันตีได้เลยว่าจะโปร่งโล่งแบบนี้ เพราะฝั่งตรงข้ามของโครงการก็เป็นตลาดนัดสวนจตุจักร และถัดไปก็เป็นสวนเลยค่ะ

บริเวณริมสระที่เราเห็นว่าเหมือนชิดกับขอบกระจกอาคารเลย จริงๆ แล้วไม่ใช่นะคะ ทางโครงการมีการออกแบบทางเดินลงตรงไปยังพื้นที่นั่งเล่นมุมสูงอีกจุดนึงด้วยค่ะ

ลักษณะพื้นที่นั่งเล่นนี้จะเป็นเหมือน Sofa Bed แบบ Outdoor ริมสระ ให้นอนเล่นชมวิวกันชิลๆ นะคะ

และที่ติดกับสระว่ายน้ำอีกฝั่งในโซน Indoor ที่พร้อมให้เข้ามาดูแล้วคือ Urban Lodge ลักษณะจะเป็นห้องนั่งเล่น และรับรองแขกซึ่งจุดเด่นคือได้กระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าแบบ Double Volume เปิดวิวเห็นทั้งวิวฝั่งทิศใต้ และทิศเหนือได้เลย

ภายในนอกจากจัดชุดโซฟาริมหน้าต่างแล้วก็มีการจัด Long Table สำหรับมานั่งทำงานหรือประชุมงานกันได้ด้วยนะคะ

ถัดมาสำหรับใครที่จะไปออกกำลังกายที่ห้อง Fitness ต้องขึ้นผ่านบันไดเวียนนี้ค่ะ

ขึ้นมาจะเจอส่วนโถงก่อนเข้าสู่ห้อง Fitness นะคะ ในส่วนนี้จัดได้หรูหราและมีการเล่นเส้นสายของไฟให้ดูหวือหวา นำสายตาไปห้อง Fitness ได้ดี

ในส่วนห้อง Fitness ให้มาใหญ่ทีเดียวค่ะ และมีจำนวนเครื่องเล่นทั้งหมด 14 ชิ้นด้วยกันพร้อมกับมุมเวทเทรนนิ่ง ให้ออกกำลังกายได้เต็มที่และมีเพียงพอสำหรับลูกบ้านนะคะ การตกแต่งห้องนี้เน้นกระจกทรงสูงทั้งหมด 3 ด้านเลย เปิดรับวิวได้ดีมาก และหันขึ้นไปที่ฝ้าเพดานจะเห็นว่ามีการเล่นเส้นลายกับหลอดไฟสีน้ำเงินด้วยนะคะ เราว่าจะสวยในช่วงกลางคืนนะ พอเป็นช่วงกลางวันแล้วเราว่าห้องมืดไปหน่อยค่ะ

มาดูบรรยากาศบนลู่วิ่งที่สามารถออกกำลังกายไปพร้อมชมวิวสวนจตุจักรได้เลย

สำหรับโซนด้านหลังจะเป็นโซนเวทเทรนนิ่งทั้งหมด พร้อมกรุกระจกเงา ให้สามารถเช็ครูปร่างและท่าทางเราเองได้

ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้ากันบ้างนะคะ เราถ่ายมาให้ชมได้รูปเดียว เนื่องจากส่วนใหญ่บริเวณนี้ยังมีการก่อสร้างกันอยู่นะคะ แต่จะอธิบายให้เห็นภาพมากขึ้นว่าสวนชั้นบนนี้หลักๆ เป็นสนามหญ้าและลู่วิ่งนะคะ จะไม่ได้เน้นเป็นพื้นที่พักผ่อน ดูร่มรื่น แต่เน้นเป็นพื้นที่กิจกรรมให้ออกกำลังกายได้จริง พร้อมกับกั้นขอบอาคารด้วยกระจกทั้งหมด กลายเป็นจุดชมวิวชั้นดาดฟ้าสวยๆ ได้เลย

ทิ้งท้ายด้วยวิวจากชั้นที่ 35 ของอาคารนะคะ เริ่มต้นกันที่ทิศเหนือที่หันไปทางจตุจักร ทิศนี้ได้วิวโปร่งโล่งพร้อมกับสวนจตุจักรในระยะไกล

ทิศตะวันตกหันไปทางบางซื่อนะคะ ทิศนี้ก็โปร่งโล่งเช่นเดียวกัน เพราะส่วนใหญ่นั้นเราจะเป็นเป็นอาคารแนวราบหรือแบบ Low Rise ยาวไปสุดลูกหูลูกตานะคะ

ทิศใต้ของอาคารหันไปทางฝั่งอารีย์ ซึ่งหากใครที่ชอบบรรยากาศ City View ทิศนี้จะตอบโจทย์มากที่สุดค่ะ และปัจจุบันยังไม่มีอาคารสูงในระยะประชิดเกิดขึ้นจนบล็อกวิวระยะไกลของอาคารไป แต่ต้องบอกว่าในอนาคตก็ไม่แน่นะคะเพราะทิศนี้น่าจะมีสิทธิ์มีคอนโดเพื่อนบ้านมาเปิดใกล้ๆ มากที่สุดแล้วค่ะ หากใครเลือกทิศนี้ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงนี้เหมือนกันนะ

และทิศสุดท้ายคือทิศตะวันออกนี้จะหันไปทางสุทธิสารค่ะ โดยรวมแล้วบรรยากาศจะคล้ายคลึงกับทิศเหนือนะคะ เพราะส่วนใหญ่เป็นอาคารแนวราบเกือบทั้งหมด ยกเว้นโครงการเพื่อนบ้านที่เห็นชัดเลยอย่าง M Jatujak แต่ไม่ถึงกับโดนบล็อกวิวนะคะ

สรุปเรื่องวิวนะคะ โดยรวมแล้วทุกทิศไม่มีปัญหาในเรื่องของการถูกบล็อกวิวเลยค่ะ สามารถเลือกได้ทุกทิศ แต่หากใครชอบวิวเมืองจะแนะนำให้เลือกห้องจากทิศใต้ที่หันไปทางอารีย์มากที่สุด ส่วนทิศที่ได้วิวพื้นที่สีเขียวมากที่สุดคือทิศเหนือที่หันไปทางสวนจตุจักรนั่นเองค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • โถงต้อนรับ
  • ห้องประชุม
  • ห้องซักรีดไม่รวมอุปกรณ์
  • สวนส่วนกลาง

  • ชั้น 35

  • ห้องอเนกประสงค์ (Urban Lodge)
  • Play room
  • สระว่ายน้ำ
  • ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อคเกอร์
  • ห้องอบไอน้ำ
  • ห้อง Fitness (ชั้นยกระดับ)

  • ชั้นดาดฟ้า
    • สวนส่วนกลาง
    • ลู่วิ่งสำหรับออกกำลังกาย

    • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟต์ 195 :  1
    • Service Lift 1 ตัว
    • ที่จอดรถประมาณ 273 คันคิดเป็น 70% (Auto Parking)
    • ระบบ CCTV / Access Card


    Product Walkthrough

    วันนี้เราจะมาดูห้องตัวอย่างไซส์ใหญ่กันนะคะ โดยเริ่มต้นที่ห้อง 2 Bedroom ขนาด 61.5 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้อย่างแรกเลยคือห้องหน้ากว้าง ทำให้ทุกฟังก์ชันหลักได้วิวภายนอกทั้งหมด เช่น ห้องนอนใหญ่, ห้องนอนเล็ก และ Common Area อย่างที่ 2 คือได้ครัวปิดเป็นสัดส่วน เหมาะกับการทำอาหารได้ดี รวมไปถึงการจัดฟังก์ชัน Foyer ที่ได้ใช้งานจริงเพราะมีตู้ Built-in ชั้นวางรองเท้าด้านข้างให้เรียบร้อย ไม่ได้เป็นเพียงโถงทางเดินอย่างเดียว สุดท้ายคือระเบียงขนาดใหญ่ที่สามารถใช้งานได้จริง แต่ต้องใช้ทั้ง 2 รูปแบบร่วมกันทั้งแบบซักล้างและใช้ชมวิว

    และสรุปอีกรอบนะคะ สำหรับผังนี้เรามองว่าค่อนข้างลงตัวทั้งส่วนฟังก์ชันการใช้งาน รวมไปถึงตำแหน่งห้องก็ค่อนข้างน่าสนใจตรงที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง มีบางส่วนเท่านั้นที่มีผนังติดกับเพื่อนบ้าน

    รูปด้านบนนี้จะเป็นผังเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการให้มาเป็นมาตรฐานของห้องนี้นะคะ ให้อิงรูปนี้เป็นหลักเลยค่ะ เพราะให้ห้องตัวอย่างเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเกือบทั้งหมดไม่ได้เหมือนที่ได้จริงให้ห้องมาตรฐานนะคะ จะเป็นงาน Built-in เช่น ชุดครัว ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ ที่ได้ตามห้องตัวอย่างค่ะ

    เริ่มต้นที่หน้าประตูทางเข้ากันเลยนะคะ ลักษณะประตูใช้วัสดุ HDF ปิดผิวสีเทา มีเล่นลายเล็กน้อย พร้อมกับให้ Digital Door Lock จาก Samsung เป็นมาตรฐาน

    Digital Door Lock ที่ได้นี้สามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งหมด 3 แบบด้วยกันนะคะ คือ password (ตั้งค่ารหัสของตัวเอง), keycard (สแกนผ่านคีย์การ์ด)​ และสุดท้ายคือกุญแจค่ะ

    เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับส่วน Foyer หรือโถงต้อนรับ ซึ่งถือว่าดีนะคะ สำหรับคนที่ชอบการจัดพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน เพราะบริเวณนี้นอกจากเป็นพื้นที่ต้อนรับแล้วคือด้านข้างยังได้พื้นที่สำหรับวางรองเท้า หรือข้าวของต่างๆ ได้ด้วย

    อย่างบริเวณด้านข้างนั้นทางโครงการจัดชุด Built-in เป็นชั้นสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานไว้ให้เลยค่ะ

    โดยภายในออกแบบให้สามารถเก็บของได้หลากหลายรูปแบบนะคะ อย่างด้านบนก็เป็นพื้นที่เก็บของปกติทั่วไปค่ะ ตรงกลางมีชั้นไว้สำหรับให้เราวางของตกแต่งได้ หรือวางข้าวของเล็กๆ น้อยๆ เช่น กุญแจรถ กระเป๋าตัง เวลาเข้า-ออกห้องจะได้หยิบได้สะดวก ส่วนด้านล่างออกแบบให้เป็นชั้นวางรองเท้า สามารถวางได้หลายคู่เลยนะคะ ถือว่าจัดมาให้พอสมควรเหมาะกับห้องแบบ 2 ห้องนอน เพราะมีสมาชิกในห้องอยู่กันหลายคน

    ถัดมาหน่อย เชื่อมพื้นที่จาก Foyer มาเลยจะเป็นส่วนห้องครัวค่ะ ซึ่งลักษณะห้องครัวของผังนี้จะเป็นครัวปิด ที่แยกพื้นที่จากห้องนั่งเล่นนะคะ แต่จากส่วน Foyer จะไม่ได้กั้นพื้นที่ไว้ให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งหากต้องการกั้นพื้นที่แยกระหว่าง Foyer และห้องครัวสามารถติดตั้งบานประตูเพิ่มเติมเองได้เลยค่ะ

    สำหรับชุดครัวของผังนี้เราถือว่าให้มาพอสมควรนะคะ จึงสามารถจัดวางเคาน์เตอร์เป็นรูปแบบตัว L ได้เลย มีพื้นที่ทำอาหาร ล้างจาน และวางตู้เย็นได้ดี โดยทั้งชุดครัวที่เราเห็นในรูปด้านบนนี้จะได้มาครบทั้งหมดนะคะ ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และตู้เย็นเท่านั้นค่ะ เดี๋ยวเราไปชมรายละเอียดของวัสดุครัวกันต่อ

    เริ่มต้นจากบริเวณส่วนตู้เย็น จะมีชุด Built-in ชั้นวางของให้ด้านบน และด้านล่างเว้นช่องสำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ Side by Side ได้เลย (ตามห้องตัวอย่างวางตู้เย็นขนาด 22 คิวบิกฟุต) ซึ่งถือว่าให้มาเยอะเลยนะคะ เหมาะมากสำหรับสายตุนอาหารอย่างเรา

    ในส่วนเคาน์เตอร์แยกโซนของเตาไฟฟ้า และอ่างล้างจานออกจากกันชัดเจน เป็นสัดส่วนดีนะคะ ช่วยให้ง่ายต่อการใช้งาน และสะดวกมากยิ่งขึ้น สำหรับวัสดุหลักๆ แบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกันนะคะ เริ่มจากตู้วางของด้านบนปิดผิวบานเปิดด้วย High Gloss และใช้ Soft close ทั้งหมด ส่วนที่ 2 คือท็อปเคาน์เตอร์ใช้เป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้ดี คงทนและทำความสะอาดได้ง่าย และส่วนสุดท้ายคือด้านล่างของเคาน์เตอร์ จะเป็นชั้นเก็บของที่กรุด้วยลามิเนตและใช้บานเปิดแบบ Soft Close ทั้งหมด

    สำหรับผนังหลังชุดครัวจะกรุด้วยกระจกสีชาทองตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ วิเคราะห์ในแง่การใช้งานถือว่าดี เพราะง่ายต่อการทำความสะอาด และมีความคงทน และในแง่ของความสวยงามก็ตอบโจทย์ได้ดีกว่าการกรุกระเบื้อง

    ด้านล่างของเคาน์เตอร์นอกจากเป็นชั้นวางของ อุปกรณ์ครัวต่างๆ แล้ว ก็มีช่องว่างให้ 2 ช่องด้วยกัน ช่องแรกตั้งใจออกแบบให้วางเครื่องซักผ้าได้ ขนาด 8 กิโลกรัมเลยนะคะ ซึ่งถือว่าเป็นขนาดใหญ่นะ มากกว่าโครงการอื่นๆ ที่เราเห็นมา ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 7-7.5 กิโลกรัม ซึ่งเรามองว่าเหมาะกับห้องนี้เพราะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน มีสมาชิกเยอะ ส่วนอีกช่องออกแบบให้วางไมโครเวฟ ซึ่งเรามองว่าส่วนนี้การใช้งานแบบก้มลงไปเวฟอาหาร อาจจะไม่ถนัดเท่ากับวางบนโต๊ะหรือมีชั้นด้านบนนะคะ หากใครมีพื้นที่บนท็อปเคาน์เตอร์เหลือ ก็อยากแนะนำให้วางไมโครเวฟไว้ด้านบนแทน และใช้ช่องว่างวางจานชามต่างๆ ได้

    ถัดมาส่วน Hob & Hood จาก MEX ตัวเตาเป็นหัวเซรามิก ขนาด 4 หัวด้วยกัน ส่วน Hood ด้านบนเป็นแบบหมุนเวียนนะคะ

    ส่วน Sink ได้เป็นหลุมเดี่ยวนะคะ แต่ความลึก Sink ลึกมาตรฐาน สามารถรองรับจานชามได้ระดับนึงค่ะ ส่วนผนังติดตั้งราวจับและมีชั้นเล็กๆ สำหรับแขวนและวางอุปกรณ์ครัว

    ลักษณะประตูบานเลื่อนกระจกจะเป็นแบบ 3 ตอน ซึ่งถือว่าดีสามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างมากขึ้น เมื่อเทียบกับบานประตูแบบ 2 ตอนทั่วไป แต่แอบเสียดายจุดเดียวคือความสูงของประตูที่น่าจะได้ความสูงถึงฝ้าเพดานเลย จะช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น

    ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่ Common Area ซึ่งสามารถจัดพื้นที่ส่วนนี้เป็นได้ทั้งพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารนะคะ แต่จากห้องตัวอย่างจะเน้นไปที่ชุดโซฟาขนาดใหญ่แทน จึงไม่ได้มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะกินข้าวนะ จริงๆ หากใครที่ชอบโซฟาขนาดใหญ่ มีระยะดูทีวีเยอะๆ จะจัดตามห้องตัวอย่างก็ได้ค่ะ ส่วนใครที่ต้องการฟังก์ชันครบก็ง่ายค่ะ เพราะทางโครงการจัดชุดเฟอร์นิเจอร์โต๊ะกินข้าวสำหรับ 4 ที่นั่งมาให้เรียบร้อยอยู่ด้านหลังโซฟา (หากใครจำไม่ได้ย้อนกลับขึ้นไปดู ผัง Furniture ด้านบนได้เลยค่ะ)

    บรรยากาศส่วนห้องนั่งเล่นนี้จะค่อนข้างโปร่งโล่งเลยนะคะ เพราะว่าได้ช่องแสงจากประตูบานเลื่อนกระจกที่เชื่อมกับส่วนระเบียง ถ้าเปิดม่านก็จะเห็นวิวได้เต็มที่เลยค่ะ ในขณะเดียวกันฝั่งนี้จะเป็นทิศใต้ของอาคารนะ แดดจะค่อนข้างแรงพอสมควรในช่วงบ่ายๆ

    สำหรับส่วน Furniture ที่ได้ในห้องนี้ให้อิงตามผัง Furniture ด้านบนเป็นหลักนะคะ เนื่องจากโซฟา และที่นั่งของห้องตัวอย่างจะไม่เหมือนกับของจริงที่ได้ ส่วนชุด Built-in ทั้งหมดได้ตามห้องตัวอย่างค่ะ เช่น ชั้นวางทีวี เป็นต้น

    ออกมาดูบริเวณระเบียงกันต่อนะคะ สำหรับระเบียงจุดนี้เป็นระเบียงที่ออกแบบไว้สำหรับทั้งเป็นระเบียงชมวิวและระเบียงซักล้างในตัวนะคะ เพราะมีเพียงระเบียงเดียวในห้องนี้ โดยจุดที่เราชอบของระเบียงผังนี้คือ ได้ระเบียงหน้ากว้าง เปิดรับวิวได้ดี และมีหลังคายื่นคลุมระเบียงทั้งหมด ช่วยลดแสงแดดเข้าสู่ภายในตัวห้องได้มากขึ้น ส่วนที่อยากให้เพิ่มเติมคือติดกริลล์เบี่ยงทิศทางลมของ CDU แอร์ออกด้านนอกแทนเป่าเข้าด้านใน เพราะหากใช้เป็นระเบียงชมวิวจะร้อนมาก และราวกันตกที่น่าจะปรับมาให้เป็นกระจกแทน เพื่อให้คุ้มค่ากับราคามากขึ้น

    ขนาดระเบียงนี้กว้างขวางนะคะ ใช้งานได้จริง ไม่ได้เล็กจนเกินไป ความกว้างอยู่ที่ 1.1 ม. ส่วนความยาวในระยะที่ใช้งานได้ ไม่นับพื้นที่วาง CDU แอร์ จะกว้างอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 ม. ค่ะ

    สำหรับวิวของห้องนี้นะคะ จะอยู่ฝั่งทิศใต้ที่หันไปทางสะพานควาย, อารีย์ โดยรวมเป็น City View สลับกับบ้านพักอาศัย ซึ่งถือเป็นอีกวิวสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศเมืองมากกว่า วิวสวนฝั่งทิศเหนือ ส่วนความสูงห้องนี้อยู่ที่ชั้น 14 นะคะ เป็นชั้นกลางๆ ของอาคารค่ะ หากอยากได้มุมสูงขึ้นไปอีกก็เลือกชั้น 20 ขึ้นไปจะเห็นความต่างของวิวมากขึ้น ส่วนใครที่ไม่ซีเรียสเรื่องวิวมุมสูงเลือกชั้นกลางๆ ประมาณนี้ก็ได้วิวที่ไม่เสียความเป็นส่วนตัวแล้วนะคะ รวมไปถึงราคาห้องที่ถูกกว่าชั้นบนๆ ด้วย

    ถัดมาในโซนด้านหลังของโซฟา จะเป็นห้องน้ำส่วนกลางที่ใช้สำหรับต้อนรับแขก และใช้กับห้องนอนเล็กนะคะ ซึ่งทางเข้าห้องนอนเล็กจะอยู่ติดกับห้องน้ำเลย เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน

    ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่การใช้งานได้เป็นสัดส่วน โดยแยกส่วนเปียกและแห้งด้วยการยกธรณีสูงขึ้น บวกกับกั้นด้วยฉากกั้นกระจกนะคะ ด้านบนติดตั้งพัดลมดูดอากาศให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงเรื่องการใช้งานนะคะ ในเวลาตรวจห้อง เพราะห้องน้ำนี้ไม่ได้มีพื้นที่ติดผนังภายนอกอาคาร การระบายอากาศ+ความชื้นจะขึ้นอยู่กับพัดลมดูดอากาศอย่างเดียวเลย

    สำหรับพื้นที่โซนแห้งนี้ประกอบด้วยอ่างล้างมือวัสดุเป็น Fiber จาก Charmer ส่วนโถสุขภัณฑ์จาก American Standard โดยรวมแล้วน่าจะได้สุขภัณฑ์ที่ดีกว่านี้อีกหน่อย

    บริเวณอ่างล้างมือกรุกระจกเงาให้เรียบร้อย ส่วนด้านล่างก็มีการ Built-in ชั้นวางของให้ดีค่ะ

    ถัดมาที่ส่วนเปียกกันบ้างนะคะ พื้นที่นี้ทางโครงการจัดฉากกั้นกระจกแบบ Temper มาให้เรียบร้อยเลย

    พื้นที่อาบน้ำจัดมาให้พอประมาณนะคะ อยู่ที่ประมาณ 0.9 x 0.9 ม. ซึ่งก็จัดเป็นพื้นที่อาบน้ำเดี่ยวได้พอดีๆ และเปิด-ปิดประตูได้สะดวกค่ะ

    ปิดท้ายภายในห้องน้ำด้วยฝักบัวสายอ่อน พร้อมที่วางสบู่จาก American Standard

    เข้ามาภายในห้องนอนเล็กกันนะคะ สำหรับห้องนอนเล็กนี้ในห้องจริงจะได้เป็นหัวเตียง พร้อมกับชุดตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ให้นะคะ หากใครที่ต้องการพื้นที่นี้ปรับเป็นห้องทำงานก็สามารถจัดใหม่ได้เป็นการวางโต๊ะทำงานแทนที่ได้ ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    หากใครจะจัดเป็นห้องนอนเล็กตามเดิม บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่วางเตียงนะคะ ซึ่งทางโครงการจะให้เพียงหัวเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ค่ะ ไม่ได้ให้เตียงนะคะ ลูกบ้านต้องจัดการซื้อเตียงเพิ่มเติมเอง โดยขนาดของเตียงสามารถวางขนาดใหญ่สุดเลยคือ 5 ฟุต แต่ใครที่อยากมีพื้นที่ทางเดินรอบเตียงสะดวกมากขึ้น แนะนำให้เลือกเตียงขนาด 3.5 ฟุต แทนค่ะ

    หากใครที่เลือกวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตนะคะ จะมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัดริมหน้าต่างได้นะคะ

    หันกลับมาที่ตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการให้มา จะเป็นแบบ Built-in ที่กล่าวไว้นะคะ บวกกับได้ความสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานทำให้สามารถจุของภายในได้มากขึ้น

    ลักษณะการเปิดของตู้เป็นแบบเปิดออกนะคะ ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องคำนึงคือพื้นที่ทางเดินที่ต้องเหลือพื้นที่พอสำหรับการเปิดตู้เสื้อผ้าด้วยนะคะ ส่วนภายในตู้ออกแบบมาเรียบร้อยดี มีชั้นลิ้นชักให้เป็นสัดส่วนและด้านบนก็มีเก็บของให้ด้วย

    เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันต่อเลยนะคะ ตำแหน่งของห้องนอนใหญ่จะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นแต่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กค่ะ บรรยากาศภายในห้องโปร่งโล่งด้วยขนาดของห้องที่จัดมาค่อนข้างใหญ่ ถ้าได้ชุดหน้าต่างขนาดใหญ่กว่านี้อีกหน่อย และสูงจากพื้นขึ้นมาเลยจะให้ความรู้สึกโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้นและเปิดมุมมองวิวได้ดีเลย

    บริเวณเตียงนอน สิ่งที่ได้จากโครงการเป็นมาตรฐานจะเป็นหัวเตียงขนาด 6 ฟุต รองรับการวางเตียงขนาด 6 ฟุตหรือ King Size ได้สบายนะคะ จากห้องตัวอย่างก็วางเตียวไซส์นี้ จะเห็นว่ามีพื้นที่ทางเดินรอบข้างให้เดินได้ง่าย

    อีกโซนในห้องนี้จัดให้เป็นโซนแต่งตัวขนาดใหญ่ และเป็นสัดส่วนดี

    ตู้เสื้อผ้าของห้องนี้ได้ขนาดใหญ่เลยค่ะ สามารถ​แบ่งการใช้งานสำหรับ 2 คนได้กำลังดี และด้วยทางเดินที่ค่อนข้างกว้างนั้นทำให้การทำเป็นตู้แบบบานเปิดไม่ได้มีปัญหา ทำให้เดินไม่สะดวกเลยค่ะ

    อีกฝั่ง Built-in โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกรุกระจกเงาให้ไว้เป็นพื้นที่แต่งตัวขนาดกะทัดรัด เราซื้อเก้าอี้สตูลมาวางก็พอแล้วค่ะ

    ด้านในให้ลิ้นชักไว้วางของเรียบร้อยดี

    ติดๆ กันเป็นห้องน้ำในห้องนอน Master นะคะ

    ภายในห้องน้ำแยกการใช้งานเป็นสัดส่วนเช่นเดียวกับห้องน้ำด้านนอก โดยคั่นด้วยธรณีและฉากกั้นกระจก

    โซนแห้งวางสุขภัณฑ์​สเป็คเดียวกับห้องน้ำด้านนอกเลย

    ส่วนฉากกั้นกระจกจะแตกต่างจากห้องน้ำด้านนอกนะคะ เปลี่ยนเป็นบานเลื่อนแทน

    ซึ่งช่องเปิดของบานเลื่อนมีความกว้างประมาณ 60 ซม. จะค่อนข้างแคบไปหน่อยนะคะ อาจจะต้อวเดินเอี้ยวตัวสำหรับคนตัวใหญ่ แต่ส่วนพื้นที่อาบน้ำให้มามาตรฐาน​ค่ะ ประมาณ 1 x 1.2 ม.

    ฝักบัวสายอ่อนจาก American Standard เหมือนกันกับห้องน้ำภายนอกเลยค่ะ

     

    มาที่ห้องถัดไปกันนะคะ เป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยคือ 2 Bedroom ขนาด 64 ตร.ม. ห้องนี้ได้ตำแหน่งห้องริมอาคาร ดังนั้นเริ่มต้นเลยจุดเด่นคือห้องนอน Master ที่ได้วิวจากหน้าต่างทั้ง 2 ทิศ และฟังก์ชันหลักในห้องได้วิวจากภายนอกทั้งหมดนะคะ นอกจากนี้สิ่งที่เราชอบมากกว่าผังก่อนหน้าก็จะเป็นส่วนรับประทานอาหารที่สามารถวางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่งหันหน้าเข้าหากันได้แล้วค่ะ รวมไปถึงห้องนอนเล็กที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา วางเตียง 5 ฟุตก็สามารถมีพื้นที่ทางเดินด้านข้างที่เดินได้สะดวก

    ส่วนที่เป็นข้อรองลงมาต้องพิจารณาว่าเหมาะกับเราไหม ก็จะมีอยู่ 2 จุดด้วยกัน คือส่วนครัว ที่ได้เป็นครัวเปิดนะคะ และจากผังแล้วเรามองว่าการจะกั้นพื้นที่เองเพื่อให้เป็นครัวปิดทำได้ยาก ไม่แนะนำ ดังนั้นคนที่เลือกห้องนี้ควรจะเน้นทำอาหารเบาๆ เป็นหลักมากกว่า และอีกจุดคือส่วน Foyer หน้าห้อง มีขนาดค่อนข้างใหญ่เดินได้สบายๆ ข้อดีสำหรับคนที่ชอบคือเป็นพื้นที่เปลี่ยนถ่ายจากส่วนโถงทางเดินหน้าห้องก่อนจะเข้าสู่ฟังก์ชันหลักด้านใน แต่ก็ต้องแลกมากับการซื้อพื้นที่นี้ เพื่อใช้เป็นเพียงทางเดินผ่านนะคะ เพราะด้านข้างไม่มีพื้นที่ที่จะ Built-in ชั้นวางต่างๆ ได้เหมือนห้องที่แล้ว

    ผังเฟอร์นิเจอร์โดยรวมได้สเป็คเดียวกับห้องที่แล้วนะคะ แต่สิ่งที่แตกต่างก็จะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารที่จะได้เป็นโต๊ะหินสังเคราะห์

     

    เข้ามาดูอีกห้องนึงกันนะคะ เริ่มต้นที่หน้าทางเข้าห้องจะกั้นด้วยธรณียกสูงแยกกับพื้นโถงทางเดิน ส่วนพื้นภายในใช้พื้นลามิเนตมาตรฐาน​

    ลักษณะบริเวณนี้จะคล้ายกับห้องแรกคือออกแบบให้เป็น Foyer ก่อนเข้าสู่พื้นที่ใช้งานหลักภายในห้อง หลายคนชอบพื้นที่แบบนี้นะคะ เพราะเหมือนได้พื้นที่ปรับเปลี่ยนบรรยากาศ และสร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้ด้วย เนื่องจากฟังก์ชันนี้คั่นกลางระหว่างโถงทางเดินภายนอกและพื้นที่ใช้งานหลักในห้อง แต่บางคนก็ไม่ชอบตรงที่ Foyer แบบนี้ไม่ค่อยได้เอาไว้ใช้งานจริงจังเลยอาจจะไม่คุ้มกับราคาที่จ่ายพื้นที่ส่วนนี้ไป ซึ่งเราต้องตอบตัวเองให้ได้นะคะว่าชอบแบบไหนและได้ใช้คุ้มค่าไหม

    กรณีของ Foyer ห้องนี้จะแตกต่างจากห้องที่แล้วตรงที่ไม่มีพื้นที่ให้ Built-in ตู้เก็บของด้านข้างได้นะคะ แต่จะได้โถงที่เดินได้สบายๆ แลกกัน

    ถัดมาก็จะเชื่อมเข้าสู่ห้องครัวเลยนะคะ ลักษณะครัวของห้องนี้จะเป็นครัวเปิดนะคะ และไม่เหมาะกับการทำประตูกั้นปิดทีหลังเช่นกัน ดังนั้นห้องครัวนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำอาหารหนักมากนักนะคะ

    เรามาดูเคาน์เตอร์ครัวกันต่อนะคะ โดยเคาน์เตอร์​นี้ส่วนใกญ่ไม่แตกต่างจากห้องที่แล้วมากนัก แต่มีบาง Details ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละห้อง เช่นส่วนตู้วางรองเท้านี้ ออกแบบให้ติดเป็นชิ้นเดียวกับเคาน์เตอร์​ครัว เนื่องจาก Foyer ไม่มีพื้นที่ข้างเคียงให้ Built-in ตู้ตามที่เห็นนะคะ ซึ่งถือว่าออกแบบมาแก้ปัญหาส่วนนี้ได้ดี เพียงแต่จะได้ที่วางรองเท้าขนาดเล็กหน่อย

    ด้านบนมีพื้นที่สำหรับวางของเล็กๆ จุกจิก เช่นเดียวกับห้องแรก แต่ขนาดกะทัดรัดลงมา

    ส่วนครัวจัดเป็นรูปตัว L เข้ามุม วัสดุเดียวกับห้องก่อนหน้าเลยค่ะ ถือเป็นครัวที่มีพื้นที่ทำครัวพอสมควรเลยนะคะ ส่วนด้านล่างก็มีช่องว่างสำหรับวางเครื่องซักผ้า 8 กิโลกรัม +ไมโครเวฟ เช่นเดิม

    ด้านข้างเพิ่มเติมมาให้คือช่องวางของ เช่น พวกซอส เครื่องปรุงต่างๆ

    ฝั่งข้างๆ นี้ Built-in ชั้นเก็บของและมีพื้นที่ว่างสำหรับวางตู้เย็นขนาด 22 คิวบิกฟุต หรือ Side by Side ได้เลย

    ถัดมาจากพื้นที่ครัว จะเชื่อมเข้าสู่พื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งเรามองว่าห้องนี้ออกแบบส่วนนี้มาได้เป็นสัดส่วนมากกว่าห้องที่แล้วนะคะ เพราะมีมุมให้จัดแยกโซนชัดเจนดี

    อย่างพื้นที่รับประทานอาหารก็จะได้โต๊ะ+เก้าอี้สำหรับ 4 ที่นั่ง ซึ่งพอวางเข้ากับพื้นที่แล้ว ถือว่าไม่ได้คับแคบนะคะ กำลังพอดีในการใช้งาน (เฟอร์นิเจอร์​ตามรูปผังเฟอร์นิเจอร์​ด้านบน ไม่ได้ตามห้องตัวอย่าง)​

    ส่วนพื้นที่นั่งเล่นวางให้อยู่ติดระเบียงภายนอก ทำให้สามารถรับวิวภายนอกได้เต็มที่ สำหรับพื้นที่นี้ชุดเฟอร์นิเจอร์​จะได้ไม่เหมือนในห้องตัวอย่างเช่นเดียวกับส่วนรับประทานอาหารนะคะ

    สำหรับประตูบานเลื่อนกระจกจะได้แบบ 3 ตอน เปิดไปยังระเบียงได้กว้างมากขึ้น

    ระเบียงมีขนาดเล็กลงมาจากห้องที่แล้วนะคะ แต่ยังถือเป็นระเบียงที่สามารถใช้งานได้จริงอยู่ ไม่เล็กจนเกินไป แต่อยากให้ไปติดตั้งกริลล์เบี่ยงลมร้อนเพิ่มเติมนะคะ

    ถัดจากส่วนห้องนั่งเล่นจะมีโถงเล็กแจกไปยัง 2 ห้องด้วยกันคือ ห้องนอนเล็ก (ฝั่งซ้ายมือ) ห้องน้ำใช้ร่วมระหว่างห้องนอนเล็กและห้องนั่งเล่น (ฝั่งขวามือ) ซึ่งเรามองว่าการมีโถงเล็กๆ แบบนี้คือดีนะคะ เพราะเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

    ภายในห้องน้ำนี้จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นจากห้องที่แล้วนะคะ แต่ยังแยกโซนเป็นสัดส่วนชัดเจนค่ะ

    เริ่มต้นที่ส่วนอ่างล้างมือในห้องนี้ได้ขนาดใหญ่นะคะ ตรงตัวอ่างเลยจะขนาดมาตรฐานที่ใหญ่ขึ้นพื้นที่รอบข้าง สามารถวางของได้เยอะเลยค่ะ ส่วนวัสดุตามเดิมคือ Fiber ยี่ห้อ Charmer ผนังกรุด้วยกระจกเงาขนาดใหญ่ ด้านล่าง Built-in ด้วยชั้นวางของ แต่หากใครที่อยากได้พื้นที่วางของเก็บเป็นสัดส่วนมากขึ้น สามารถปิดด้วยบานเปิดเพิ่มเติมเองได้นะคะ

    ส่วนโถสุขภัณฑ์ขนาดเท่าเดิม สเป็คเดิมนะคะ รอบข้างมีพื้นที่พอสมควรให้นั่งได้สบายๆ ด้านข้าง Built-in ชั้นวางของให้เพิ่มเติมด้วย ไว้สำหรับวางของเล็กๆ น้อยๆ ได้ อย่างของตกแต่ง หรือบางคนชอบอ่านหนังสือเล่นเวลาเข้าห้องน้ำก็มาวางได้ค่ะ

    ฝั่งพื้นที่อาบน้ำกันบ้างนะคะ ตรงส่วนนี้ก็กั้นด้วยฉากกั้นกระจกแบบบานเลื่อนขนาดใหญ่

    พื้นที่ภายในมีขนาดกว้างขวางดีค่ะ อาบน้ำได้สบายๆ โดยขนาดจะอยู่ที่ประมาณ 1.4 x 1 ม.

    ฝักบัวและอุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดได้เหมือนเดิมกับห้องน้ำห้องอื่นๆ นะคะ แต่ตำแหน่งการวางจะแตกต่างกัน อย่างราวแขวนเสื้อที่นำมาอยู่ด้านในพื้นที่อาบน้ำแทน ซึ่งหากมองในแง่ของการเช็ดตัวให้เสร็จแล้วค่อยออกไปยังโซนแห้ง ก็ถือว่าสะดวกดีและน้ำไม่หยดเลอะเทอะส่วนแห้ง แต่ก็มีจุดด้อยสำหรับคนที่ชอบเปิดน้ำแรงๆ น้ำอาจจะกระเด็นไปโดนเสื้อผ้าได้เช่นกันค่ะ

    เข้ามาดูภายในห้องนอนเล็กกันต่อนะคะ ขนาดภายในห้องไม่ได้เล็กตามชื่อเท่าไหร่นะคะ สามารถวางเตียงแบบ 5 ฟุตได้ ส่วนหน้าต่างได้ขนาดมาตรฐานเลย ถ้าได้ใหญ่กว่านีจะดีมาก ได้วิวเต็มๆ มากขึ้น

    อีกฝั่งของเตียง Built-in ตู้เสื้อผ้าพร้อมชั้นเก็บของให้เรียบร้อย

    ถัดมาอีกฝั่งของพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นส่วนห้อง Master Bedroom ค่ะ

    เข้ามาภายในห้องนอนใหญ่จะแบ่งเป็น 3 โซนด้วยกันนะคะ คือ โซนเตียงนอน, โซนพื้นที่แต่งตัว และห้องน้ำในห้องนอน เริ่มต้นที่โซนเตียงนอนกันก่อนเลย ถือเป็นฟังก์ชัน Highlight ของผังห้องนี้ เพราะวางผังห้องอยู่ริมอาคาร ดังนั้นห้องนี้จึงเป็นห้องหัวมุม ได้วิวจากทั้ง 2 ทิศทาง มองเห็นวิวในมุมกว้างได้ดีค่ะ ส่วนขนาดของหัวเตียงที่ได้คือ 6 ฟุต และสามารถรองรับเตียงขนาด 6 ฟุต (King Size) ได้สบายพร้อมทางเดินรอบเตียงที่มีความกว้างเดินได้ง่าย

    ชุดหน้าต่างที่ได้ของห้องนี้ ให้มายาวทีเดียวนะคะ เรียกว่าจากผนังนึงจนชนอีกผนังนึงเลย และเป็นกระจกแบบเข้ามุมเปิดมุมมองได้มากขึ้น แต่จะสุดจริงถ้าได้ความยาวชุดหน้าต่างลงมาอีกหน่อยนะคะ ส่วนหน้าต่างให้เป็นบานเลื่อน 2 จุด สามารถเปิดระบายอากาศได้ดี

    อีกโซนเป็นพื้นที่แต่งตัวซึ่งแบ่งการใช้งานเป็น 2 ฝั่ง ตรงกลางเป็นทางเดินตรงไปยังห้องน้ำในห้องนอนนะคะ สำหรับชุดเฟอร์นิเจอร์ส่วนนี้จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in 2 ฝั่ง แบ่งกันใช้งานได้พอดีๆ สำหรับ 2 คน

    ภายในห้องน้ำนี้เข้ามาจะเจอกับโถสุขภัณฑ์ก่อน และเป็นส่วนอ่างล้างมือนะคะ วัสดุและสเป็คสุขภัณฑ์ใช้แบบเดียวกันในทุกห้องน้ำค่ะ

    และปิดท้ายที่พื้นที่อาบน้ำจัดมาให้ขนาดใหญ่อาบได้สบายๆ กั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อยเช่นเดิมค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 4 December 2018

    • Studio ห้อง 32-02 ทิศใต้ พื้นที่ 27.62 ตร.ม. ราคา 5.33 ล้านบาท ราคาพิเศษ 4.89 ล้านบาท หรือ 177,046 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom ห้อง 34-08 ทิศเหนือ พื้นที่ 34.72 ตร.ม. ราคา 6.952 ล้านบาท ราคาพิเศษ 6.19 ล้านบาท หรือ 178,283 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus ห้อง 21-17 ทิศใต้ พื้นที่ 49.6 ตร.ม. ราคา 8.737 ล้านบาท ราคาพิเศษ 7.95 ล้านบาท หรือ 160,282 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom ห้อง 15-16 ทิศใต้ พื้นที่ 64.71 ตร.ม. ราคา 10.579 ล้านบาท ราคาพิเศษ 9.99 ล้านบาท หรือ 154,381 บาท/ตร.ม.

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง+ทำสัญญา 30,000 บาท (ยกเว้นห้อง 2 Bedroom ไม่มีจอง+ทำสัญญา เป็นช่วงโปรโมชั่น)
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 68 บาท/ตร.ม./เดือน เก็บล่วงหน้า 1 ปี

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล

    โครงการ Ideo พหลโยธิน – จตุจักร จัดเป็นโครงการที่อยู่ในย่านระหว่างหมอชิตและสะพานควาย โดยตั้งติดกับถนนหลักบนย่านนี้คือถนนพหลโยธินเลยค่ะ ระหว่างแยกสำคัญอย่างแยกสะพานควาย และแยกกำแพงเพชร บรรยากาศในย่านนี้มีความคึกคักมายาวนานนะคะ จากเดิมที่เคยเป็นชุมชนเก่าขนาดใหญ่ มีคนอยู่เยอะ ทำให้เรื่องความอุดมสมบูรณ์หมดห่วงเลยค่ะ เรียกว่ามีร้านค้า ร้านอาหาร และมินิมาร์ท กระจายอยู่แทบจะทุกปากซอยและถนนใหญ่เลยค่ะ ยังไม่รวมถึงตลาดขนาดใหญ่อย่าง อตก.ที่อยู่ในระยะเดิน และตลาดนัดสวนจตุจักรอีกด้วย

    การเดินทางโดยใช้รถ

    สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกมากนะคะ ด้วยความที่ทำเลติดถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนหมายเลข 1 ของประเทศวิ่งผ่านจุดสำคัญหลักๆ ในกรุงเทพ อย่างวิ่งลงทิศใต้ก็จะเจอกับอนุสาวรีย์ชัย หรือถ้าขึ้นไปทางเหนือนิดเดียวก็จะผ่านสวนจตุจักรและห้าแยกลาดพร้าว หรือจะใช้ทางด่วนศรีรัช (Toll Way) ก็สะดวกมากค่ะ เพราะวิ่งเข้าตรงจากโครงการไปอีกหน่อยแล้วเลี้ยวเข้าถนนกำแพงเพชร เพียง 1.3 กม. ก็ถึงจุดขึ้นทางด่วนเพื่อเข้าเมืองได้แล้วค่ะ

    สำหรับการเดินทางโดยใช้รถนั้นอีกจุดที่ต้องคำนึงคือที่จอดรถนะคะ ที่นี่เรามองว่าจัดมาให้พอสมควรนะคะ อยู่ที่ประมาณ 70% แต่ส่วนใหญ่เป็น Auto Parking ทั้งหมดนะคะ ลักษณะการใช้งานก็จะต่างจากที่จอดรถแบบ Conventional ทั่วไป ซึ่งการออกแบบนี้ข้อดีหลักๆ เลยคือโครงการสามารถทำที่จอดรถได้มากขึ้นในพื้นที่ที่จำกัด และการใช้งานของลูกบ้านก็สะดวกมากขึ้นตรงที่ไม่ต้องเสียเวลาวนหาที่จอดรถ แต่ก็ต้องแลกกับการรอรถตอนจะใช้งานเช่นกันค่ะ ซึ่งหากคิวรอไม่มี ไม่ต้องต่อใคร เวลาในการให้ลิฟต์ลงมาส่งรถให้เราจะอยู่ที่ 2 นาทีนะคะ จัดว่าเร็วพอสมควรเลย

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ

    เป็นอีกจุดเด่นของโครงการนะคะ เพราะอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย อย่าง BTS สะพานควาย และ MRT กำแพงเพชรในระยะที่เดินได้ ทำให้ลูกบ้านมีตัวเลือกในการเดินทางได้มากขึ้น ส่วนระบบรถขนส่งอื่นๆ ก็เรียกได้ง่ายค่ะ เพราะอยู่ติดถนนใหญ่เลย จะโบกเรียกรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ ก็ง่ายและไม่เปลี่ยวอีกด้วยค่ะ

    วัสดุ

    สำหรับวัสดุภายในห้องที่ได้ โครงการนี้จัดมาแบบ Fully Furnished ครบทั้งหมดพร้อมเข้าอยู่ จะเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเสียเวลาในเรื่องการตกแต่งห้องเพิ่ม กลัวงบบานปลายกับค่าเฟอร์นิเจอร์นะคะ ซึ่งเกรดวัสดุที่ให้มาเรามองว่ามาตรฐานทั่วไปเมื่อเทียบกับราคา บางอย่างน่าจะได้ดีกว่านี้ เช่น เกรดของสุขภัณฑ์ เป็นต้นค่ะ แต่สิ่งที่ได้ในห้องและเราค่อนข้างชอบคือการ Built-in ตู้เก็บของต่างๆ เพราะจัดมาให้ค่อนข้างเยอะ เพียงพอในการใช้งานดีค่ะ

    การออกแบบ

    การออกแบบโครงการโดยรวมแล้วมาตรฐานนะคะ แต่ที่เรามองว่าเด่นคือการจัดพื้นที่สีเขียวในชั้นล่างมาให้พอสมควรเลย เมื่อเทียบกับขนาดที่ดินทั้งหมดของโครงการที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก และยังมีการแซมพื้นที่สีเขียวภายในอาคารเพิ่มเติมอีกด้วยในชั้นบนๆ ส่วนที่เรามองว่าแตกต่างจากโครงการอื่นมากๆ ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่คือไม่มีโถงลิฟต์เป็นสัดส่วนในชั้นพักอาศัย เปิดลิฟต์มาแล้วเจอกับโถงทางเดินเลย ซึ่งอาจจะทำให้ห้องพักอาศัยใกล้ลิฟต์ไม่เป็นส่วนตัวมากนัก เพราะจะมีคนมายืนรอขึ้น-ลงลิฟต์กันอยู่ใกล้ๆ โถงทางเดินหน้าห้องตัวเองนะคะ

    สำหรับการออกแบบห้องพักอาศัยจากที่เราได้ไปดูห้องตัวอย่าง 2 Bedroom มา 2 ห้องนะคะ เริ่มจากห้องแรก 2 Bedroom ขนาด 61.5 ตร.ม. ข้อดีจากตำแหน่งห้องคือมีผนังที่ติดกับเพื่อนบ้าน 1 ด้าน และได้โถงทางเดินส่วนตัว ทำให้ห้องนี้มีความเป็นส่วนตัวสูงนะคะ ภายในห้องจุดเด่นคือห้องหน้ากว้างทำให้ฟังก์ชันส่วนใหญ่ได้วิวและติดหน้าต่าง ได้ครัวปิดเหมาะกับการทำอาหาร พื้นที่ส่วน Foyer ได้ใช้งานจริงมี Built-in ตู้เก็บของไว้ให้ ส่วนข้อด้อยของห้องนี้คือพื้นที่รับประทานอาหารที่จะอยู่ติดกับโซฟา ไม่ได้เป็นพื้นที่ชัดเจนที่สามารถนั่งหันหน้าเข้าหากันกินข้าวได้ (จากการวางผังเฟอร์นิเจอร์ที่ได้)

    ห้องที่ 2 คือ 2 Bedroom ขนาด 64 ตร.ม. ห้องนี้เด่นที่สุดคือตำแหน่งห้องหัวมุมอาคาร ทำให้ห้อง Master Bedroom ได้ชุดหน้าต่างขนาดใหญ่เข้ามุม เปิดมุมมองวิวได้ 2 ทิศเลยค่ะ รองลงมาคือพื้นที่ Common Area ที่ประกอบด้วยพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นเป็นสัดส่วนชัดเจน ส่วนข้อด้อยสำหรับเราคือ Foyer ที่ไม่ได้ใช้งานเท่ากับห้องแรก ไม่มีพื้นที่ Built-in ตู้ เป็นเพียงทางเดินเชื่อมเข้าครัวและ Common Area อาจจะ Waste Space นะคะ แต่ก็จะเหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่เปลี่ยนผ่านจากโถงทางเดินด้านนอกห้องก่อนเข้าสู่พื้นที่ Private ในครอบครัว

    สาธารณูปโภค

    Facilities ของโครงการให้มาครบครันตามมาตรฐานนะคะ มีพิเศษขึ้นมาคือสระว่ายน้ำที่มีขนาดยาวถึง 35 ม. ในร่ม สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้สบายเลยค่ะ และอีกห้องที่เราชอบคือ Fitness เพราะจัดเครื่องเล่นมาให้พอสมควร ร่วม 14 เครื่อง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการ และยังเป็นห้องกระจกถึง 3 ด้าน เปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ค่ะ ส่วน Facilities อื่นๆ ก็จะมี Meeting Room, Play Room, Urban Lodge และ Jogging Track

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 165,000 บาท/ตร.ม.,  4 December 2018

    • ทำเล 8/10 – ทำเลมีความอุดสมบูรณ์สูง คึกคัก
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน และที่จอดรถ Auto Parking 70%
    • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ใกล้ BTS สะพานควาย และ ใกล้ MRT กำแพงเพชร ในระยะเดินได้
    • วัสดุ 7/10 – ให้มามาตรฐาน แบบ Fully Furnished
    • แบบ 7.5/10 – ตัวแบบลงตัว จัดฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วน
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีให้ครบครัน ตามมาตรฐาน และสระยาว 35 ม.

    • LUXURY CLASS
    • 7.83 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Ideo พหลโยธิน – จตุจักร เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านสะพานควาย ต้องการคอนโดทำเลดี ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า 2 สายในระยะเดินได้ พร้อมแพกกระเป๋าเข้าอยู่ ไม่ต้องเผื่องบสำหรับซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติม ได้ Facilities ครบครัน ในราคาเริ่มต้น 4.89 – 9.99 ล้านบาท