..ผ่านมา 2 ปี ตอนนี้โครงการ dcondo panaa สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะครับ ซึ่งเป็นโครงการรุ่นน้องต่อจาก dcondo tann ที่ก่อนหน้านี้ก็ได้การตอบรับค่อนข้างดี โดยเฉพาะจากคนที่ทำงานอยู่ในย่านนี้และบุคคลากรในโรงพยาบาลศิริราช เพราะจากตัวโครงการจะสามารถเดินทางไปยังโรงพยาบาลได้ง่ายมาก รวมถึงยังมีตัวเลือกอื่นๆอย่าง MRT บางขุนนนท์ และทางด่วนศรีรัชอีกด้วย ส่วนจุดเด่นอื่นๆของโครงการที่น่าสนใจผมก็ได้รวบรวมมาให้ดังนี้เลยครับ

  • ทำเลตั้งอยู่บนถนนตัดใหม่ ใกล้โรงพยาบาลศิริราช และเป็นทำเลเชื่อมต่อที่เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง รวมถึงยังมีการตัวเลือกเดินทางที่หลากหลายทั้งรถไฟฟ้าและทางด่วนอีกด้วย
  • เน้นห้อง 1 Bedroom ที่ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบแบบจัดเต็มมากๆ โดยนอกจากจะได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in แล้วยังตกแต่งมาให้เหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ
  • ส่วนกลางบรรยากาศร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท เน้นพื้นที่สีเขียวได้สมกับชื่อ ‘พนา’ ที่หมายถึง ‘ป่า’ รวมถึงยังมีฟังก์ชันครบให้ได้ใช้งานอีกด้วย
  • ราคาค่อนข้างจับต้องได้ง่าย หากเทียบกับทำเลข้างเคียง แลกกับความอุดมสมบูรณ์ที่ยังไม่คึกคักเท่าเพื่อนบ้านมากนัก

ข้อมูลโครงการ

dcondo panaa (ดีคอนโด พนา​) ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2566

 ชื่อโครงการ  dcondo panaa (ดีคอนโด พนา​)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  ECONOMY – MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนน เลียบทางรถไฟตลิ่งชัน เขต บางกอกน้อย
 ที่ดิน  ประมาณ 4 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร
 จำนวนยูนิต  541 ยูนิต (แบ่งเป็นอาคาร A 265 ยูนิต , อาคาร B 276 ยูนิต)
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  37 ยูนิต 
 ที่จอดรถ  160 คัน คิดเป็น 29%
 เริ่มก่อสร้าง  Q1 ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  Q3 ปี 2566 (สร้างเสร็จพร้อมอยู่)
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.00 – 27.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 53.75 – 54.00 ตร.ม.  (Sold Out)

 ฝ้าเพดานสูง  2.5 เมตร
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  69,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ https://www.sansiri.com/condominium/dcondo-panaa/th/
 Call Center  1685

 

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้โรงพยาบาลศิริราช และปัจจุบันมีสะพานข้ามถนนจรัญฯ เพื่อตรงไปยังโรงพยาบาลได้โดยตรง
  • ทำเลถนนตัดใหม่เชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง และมีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ทั้งทางด่วนศรีรัชและรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
  • เป็นซอยที่สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง
  • เป็นโซนคอนโดที่มีราคาน่าสนใจเมื่อเทียบกับย่านใกล้เคียง โดยแลกกับความอุดมสมบูรณ์ที่ปัจจุบันอาจยังไม่คึกคักเท่าย่านเพื่อนบ้าน

พิกัด Google Maps : 13.772517, 100.458331
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

..โครงการ dcondo panaa ตั้งอยู่บนถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่เชื่อมต่อถนนใหญ่ 2 สาย คือถนนบรมราชชนนี และถนนจรัญสนิทวงศ์ อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลศิริราชด้วยครับ โดยปัจจุบันก็มีสะพานให้ใช้ข้ามถนนจรัญฯไปยังฝั่งถนนสุทธาวาสได้ง่าย จึงทำให้เป็นทำเลที่สะดวกและตอบโจทย์สำหรับบุคคลากรในโรงพยาบาลศิริราชมากๆ รวมถึงยังเป็นทำเลเชื่อมต่อที่มีตัวเลือกในการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวก เพราะอยู่ใกล้ทั้งทางด่วนศรีรัช และไม่ไกลจาก MRT บางขุนนนท์

ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับความอุดมสมบูรณ์ใกล้เคียงจะยังคงมีไม่มากนัก เพราะเนื่องจากเป็นถนนตัดใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มมีที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นไม่กี่ปีมานี้ โดยเมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้วผมก็ได้มีโอกาสเข้ามาชมโครงการรุ่นพี่อื่นๆของแสนสิริ ที่ได้เข้ามาบุกเบิกบนถนนเส้นนี้ในช่วงแรกๆ ก็ยอมรับเลยว่าตอนนั้นยังแทบจะไม่มีอะไรเลยครับ ซึ่งปัจจุบันพอเริ่มมีคนเข้ามาอยู่ในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ก็เริ่มที่จะมีร้านค้าตามมาบ้างแล้ว เช่น ร้านสะดวกซื้อ และร้านอาหารต่างๆ ถึงแม้จะยังไม่ได้คึกคักมากนัก แต่ก็ช่วยทำให้ใช้ชีวิตได้ไม่ลำบากเลยครับ

อีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้ dcondo panaa มีความน่าสนใจก็คือ ‘ราคา’ เพราะบนถนนเส้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการแนวราบ ที่มีราคาเริ่มต้นหลายล้านบาทอยู่เหมือนกัน และถ้าเป็นคอนโดส่วนใหญ่ก็จะอยู่ติดถนนจรัญฯหรือใกล้รถไฟฟ้า ก็จะมีราคามากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป แต่ถ้าใครที่กำลังมองหาคอนโดราคาเริ่มต้นไม่เกินนี้อยู่ล่ะก็ จะต้องขยับออกมาบนถนนรองเส้นนี้นี่แหละครับ โดยมีผู้มาบุกเบิกเป็นเจ้าแรกๆก็คือแสนสิรินี่เอง

สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง :

ที่ตั้งโครงการ dcondo panaa จะอยู่ในซอยเอราวัณ ปาร์ค อเวนิว บนถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ซึ่งสามารถเข้าได้จาก 3 ทางหลักๆ คือ

  1. ถนนบรมราชชนนี : เป็นเส้นทางที่เหมาะกับคนใช้ทางด่วนศรีรัชในการเข้า-ออกเมืองเป็นประจำ โดยจะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2 km.
  2. ถนนจรัญสนิทวงศ์ : เป็นเส้นทางหลักที่สามารถเดินทางไป MRT บางขุนนนท์ และโรงพยาบาลศิริราชได้ง่าย ซึ่งทางโครงการก็จะมี Shuttle Service รับ-ส่งไปยังรถไฟฟ้าและโรงพยาบาลให้ด้วย จึงช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัวได้ดีทีเดียว
  3. ถนนราชพฤกษ์ : เป็นเส้นทางลัดเลาะไปภายในซอยเอราวัณ ปาร์ค อเวนิว เชื่อมต่อไปยังถนนแก้วเงินทอง และซอยจรัญฯ 35 เหมาะกับใช้เป็นเส้นทางกลับจากการไปช้อปปิ้ง/ทานอาหารที่ The Circle ราชพฤกษ์ หรือ Food Villa โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกลับรถบนถนนใหญ่ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทรอบๆโครงการจะค่อนข้างมีความเงียบสงบ เพราะเค้าจะตั้งอยู่ภายในซอยเอราวัณ ปาร์ค อเวนิว ซึ่งจะเป็นซอยแยกย่อยติดกับโครงการรุ่นพี่อย่าง dcondo tann โดยรอบๆก็จะยังคงเป็นที่ว่างและบ้านพักอาศัยแนวราบครับ ทำให้ปัจจุบันห้องพักส่วนใหญ่ก็จะยังคงได้วิวที่ค่อนข้างเปิดโล่งนะ แต่เราก็อาจการันตีไม่ได้ว่าอนาคตจะไม่มีโครงการใหม่เกิดขึ้นมาบังวิวได้เหมือนกัน ถ้ายังไงจะลองพิจารณาจากภาพถ่ายต่อไปนี้ดูก็ได้นะ

ทิศเหนือ : ติดกับ ลำรางสาธารณะเล็กๆ และที่ว่างรอการพัฒนา ซึ่งปัจจุบันก็เป็นสำนักงานขายเดิมของโครงการนั่นเอง และถัดไปจะเป็นถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน

ทิศใต้ : จะเป็นทางเข้าหลักของโครงการ ติดกับถนนภาระจำยอม และฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ว่างครับ

ทิศใต้ (ด้านในโครงการ) : ถ้าเป็นห้องทางทิศใต้ของอาคาร B จะเป็นวิวที่มองเห็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการทั้งหมดแบบนี้ครับ

ทิศตะวันออก : ติดกับถนนส่วนบุคคลเล็กๆ และฝั่งตรงข้ามเป็นโครงการเพื่อนบ้านอย่าง dcondo tann โดยจะไม่ได้อยู่ระยะประชิดมากนัก แต่จะมี Space ที่ห่างกันพอสมควรจากถนนที่คั่นกลางเอาไว้

ทิศตะวันตก : ติดกับ บ้านแนวราบและที่ว่าง รวมถึงยังมองเห็นพื้นที่สีเขียวได้อีกด้วย

เรามาเดินดูบรรยากาศทำเลรอบๆโครงการกันสักหน่อยครับ เริ่มจากบริเวณปากซอยเอราวัณ ปาร์ค อเวนิว จะเป็นถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ซึ่งเป็นถนนขนาดใหญ่ 4 เลน สามารถเดินทางได้สะดวกทั้ง 2 เส้นทาง

ส่วนตัวโครงการจะอยู่ภายในซอยลึกเข้าไปประมาณ 300 m. โดยภายในก็จะมีโครงการรุ่นพี่ของแสนสิริอีก 2 โครงการด้วยกันคือ dcondo tann และเศรษฐสิริ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า ทำให้ซอยนี้มีคนเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่อาจยังไม่มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการนะครับ (ต้องรอดูในอนาคตอีกที)

เข้ามาภายในซอยเราจะเจอกับ dcondo tann อยู่ทางขวามือ ซึ่งปัจจุบันก็ขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ โดยที่ด้านหน้าของคอนโด (หรือก็คือตรงปากซอยย่อยของ dcondo panaa) จะมีร้านค้าและร้านกาแฟมาเปิดให้บริการด้วย ทำให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่อาศัยอยู่ในโครงการต่างๆของแสนสิริได้พอสมควร

สำหรับตัวโครงการ dcondo panaa จะอยู่ภายในซอยข้างๆ dcondo tann แบบนี้ครับ โดยจะเข้าไปแค่ประมาณ 150 m. เท่านั้น เป็นระยะที่พอจะเดินหรือปั่นจักรยานออกมาซื้อของที่ร้านค้าเล็กๆน้อยๆได้นะ

สุดท้ายจะเป็นบรรยากาศของถนนภาระจำยอมที่อยู่ด้านหน้าโครงการ dcondo panaa ซึ่งจะเป็นถนนขนาด 4 เลนที่รถสามารถขับสวนเข้า-ออกกันได้สบายๆ (ปัจจุบันยังมีคนงานเข้ามาทำงานกันอยู่ ก็เลยอาจมีรถจอดข้างทางเยอะนิดนึงครับ)

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • โลตัส ปิ่นเกล้า  4 km.
  • แม็คโคร จรัญสนิทวงศ์  4 km.
  • ห้างเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า  4.2 km.
  • ฟู้ดวิลล่า ราชพฤกษ์  4.9 km.
  • เดอะเซอเคิล ราชพฤกษ์  5.5 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์  4 km.
  • โรงพยาบาลธนบุรี  5.3 km.
  • โรงพยาบาลเจ้าพระยา  5.3 km.
  • โรงพยาบาลตา หู คอ จมูก  7 km.

โรงเรียน

  • โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเคนซิงตัน  2.9 km.
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์  6.8 km.
  • มหาวิทยาลัยศิลปากร  7.5 km.
  • โรงเรียนเพลินพัฒนา  8 km.

การเดินทาง

  • รถไฟฟ้าสถานีบางขุนนนท์  1.9 km.
  • ท่าเรือวังหลัง  5.5 km.
  • ทางด่วนพิเศษศรีรัชฯ  5.7 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • อาคารทั้ง 2 โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องพักที่อยู่ตรงคอร์ดด้านใน จะได้วิวพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำสวยๆ
  • บรรยากาศส่วนกลางเป็นสไตล์รีสอร์ท มีความสวยงามและร่มรื่น ให้ความรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนในทุกๆวัน
  • มีการแบ่งโซนของ Visitor และโซนของลูกบ้านออกจากกันชัดเจน ทำให้พื้นที่ภายในโครงการมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง

..ผ่านมา 2 ปี ตอนนี้โครงการ dcondo panaa ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะครับ โดยคำว่า ‘พนา’ ก็หมายถึง ‘ป่า’ ดังนั้นทางโครงการจึงได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวเป็นพิเศษ และได้ออกแบบให้เป็นคอนโดบรรยากาศสไตล์รีสอร์ท ทำให้เราได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และรู้สึกผ่อนคลายเหมือนเราได้มาพักผ่อนในทุกๆวัน

ตัวโครงการเป็นอาคาร Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร มีจำนวนเพื่อนบ้านทั้งหมด 541 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ และปัจจุบันก็ขายไปแล้วกว่า 50% ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรตามผมไปชมพร้อมๆกันเลยครับ

Master Plan :

สำหรับผังโครงการก็จะแบ่งเป็น 2 อาคาร และโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ครับ โดยอาคาร B จะค่อนข้างพิเศษกว่าตรงที่จะอยู่ใกล้ Facilities มากกว่า ซึ่งนอกจากจะมีความสะดวกในการลงมาใช้งานฟังก์ชันต่างๆด้านล่างแล้ว ยังได้วิวจากห้องพักอาศัยภายในถึง 2 ด้านอีกด้วย ส่วนอาคาร A ก็จะอยู่ใกล้ที่จอดรถมากกว่า จึงทำให้มีความสะดวกสำหรับคนใช้รถทุกวันครับ

มาพูดถึงความน่าสนใจอื่นๆที่ผมมองเห็นจากการจัดผังกันบ้าง โดยโครงการจะมีการกั้นโซนแยกพื้นที่ภายในกับภายนอกออกจากกันอย่างชัดเจน ทำให้ Visitor ที่ไม่ใช่ลูกบ้านจะไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ส่วนกลางได้โดยไม่ได้รับอนุญาต ทำได้เพียงมานั่งรอที่ Lobby หรือเดินเชื่อมอาคารที่ด้านหน้าเท่านั้น

จึงทำให้พื้นที่ส่วนกลางด้านในมีความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกบ้านมากๆครับ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มีการแยก Lobby อาคาร B ให้อยู่คนละตำแหน่งกับโถงลิฟต์แบบนี้นั่นเอง รวมถึงบริเวณชั้น 1 ของแต่ละอาคารยังมีห้องพักอาศัยอยู่ติดกับสวนด้วยครับ ซึ่งก็มีการกั้นโซนแยกจากโถงลิฟต์หลักชัดเจน เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว (ปัจจุบันขายหมดไปเป็นห้องแรกๆเลยครับ)

บริเวณทางเข้าด้านหน้าจะมีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลาง และแบ่งทางเข้า-ออกชัดเจน กั้นด้วยไม้กั้นกระดก และใช้ระบบ Key Card Access เพื่อความปลอดภัย ส่วนทางด้านขวามือก็จะเป็นประตูทางเข้าคนเดินเล็กๆ ที่เข้า-ออกด้วย Key Card เช่นเดียวกัน สำหรับคนที่อาจต้องการเดินไปร้านค้าที่อยู่ปากซอยครับ

..ซึ่งต้องแจ้งก่อนแบบนี้ว่า ในวันที่ผมเข้ามารีวิว (22/06/2566) ตัวอาคารเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ เลยอาจมีบางจุดเล็กๆน้อยๆที่ยังไม่เรียบร้อยดี เช่น ตัวระบบเข้า-ออกยังไม่ได้นำเครื่องแตะบัตรมาติดตั้ง เป็นต้น แต่ในวันที่ทุกคนเข้ามาชมหลังจากนี้ ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยดีแล้วนะครับ

และเมื่อผ่านป้อม รปภ. เข้ามาก็จะเจอกับจุด Drop-Off ที่เป็นวงเวียนต้นไม้เล็กๆ ให้คอยวนรถรับ-ส่งได้ที่บริเวณทางเชื่อมต่ออาคารทั้ง 2 แต่ถ้าเป็นอาคาร B ก็จะใกล้กว่านิดนึง ส่วนถ้าเป็นลูกบ้านขับรถเข้ามาเอง ก็จะสามารถแยกออกไปจอดรอบๆอาคารได้ทั้ง 2 ด้านเลยครับ

แต่ถ้าใครที่อาจไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัว ทางโครงการก็มีรถ Shuttle Service เอาไว้บริการรับ-ส่งไปที่โรงพยาบาลศิริราช และรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆให้ด้วย

ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ดีทีเดียว (รายละเอียดเส้นทางและระยะเวลาการเดินรถ อาจต้องสอบถามกับนิติในอนาคตอีกทีนะครับ)

ต่อมาจะเป็น Lobby อาคาร A ภายในจะมีชุดโซฟาและเก้าอี้ให้พอสมควร ซึ่งถ้าเป็นแขกหรือ Visitor ก็สามารถเข้ามานั่งคอยในนี้ได้เลยครับ หรือในวันปกติลูกบ้านก็สามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้เช่นเดียวกัน

โดยถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นโถงทางเดินเชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆได้ และระหว่างทางก็จะมีเครื่องขายของอัตโนมัติไว้คอยบริการด้วย ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านได้ดีทีเดียว (โดยเฉพาะคนที่อยู่อาคาร A ก็จะสะดวกหน่อย)

ด้านขวามือจะเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้งานร่วมกันระหว่างชาย-หญิง และคนที่ใช้รถเข็นวีลแชร์ครับ

และถ้าเราเดินออกมาทางด้านหลังอาคาร A ที่อยู่ภายนอกอาคาร ติดกับที่จอดรถจะมี Laundry ให้เราได้มาใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญได้ รวมถึงยังมีห้องน้ำคอยให้บริการอยู่ใกล้ๆกันด้วยครับ

ต่อจาก Lobby อาคาร A เราจะเห็นว่ามีประตูกระจกอยู่ 2 ชุดด้วยกัน โดยประตูทางขวามือจะเป็นทางเดินเชื่อมไปสู่อาคาร B และ Drop-Off ด้านหน้าก่อนหน้านี้ ซึ่งประตูนี้ทุกคนจะสามารถเดินเข้า-ออกได้ตามปกติ

แต่สำหรับประตูทางซ้ายมือที่เปิดออกไปสู่ Facilities ที่อยู่ด้านในโครงการ จำเป็นจะต้องใช้ Key Card Access ในการผ่านเข้า-ออกครับ

โดยภาพนี้ก็จะเป็นบรรยากาศของโถงทางเดินเชื่อมต่ออาคาร A และ B ที่อยู่ด้านหน้า ซึ่งจะมีการกั้นด้วยระแนงเหล็ก บุคคลภายนอกจึงไม่สามารถเข้าไปด้านในโครงการได้เลย ทำให้ลูกบ้านที่มาใช้งาน Facilities จะมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้นครับ

ข้ามฝั่งมาที่อาคาร B กันบ้าง โดยตำแหน่งของ Lobby ก็จะอยู่ทางด้านหน้าสุดติดกับ Drop-Off และทางเดินเชื่อมอาคารทางด้านหน้า ซึ่งจะสะดวกในการใช้เป็นพื้นที่นั่งคอยสำหรับแขกภายนอกได้เป็นอย่างดี

โดยที่ Visitor จะยังไม่สามารถผ่านประตูกระจกด้านใน เข้าไปในส่วนของ Facilities ตรงกลางได้เหมือนกับอาคาร A ก่อนหน้านี้ครับ ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยอย่างที่แจ้งไปแล้ว ส่วนโถงลิฟต์ของอาคารนี้จะอยู่แยกออกไปอีกด้านหนึ่งแทน ซึ่งจะต้องใช้ Key Card Accesss อีกชั้นหนึ่งด้วยครับ

เข้ามาดูพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ด้านในกันบ้างครับ โดยโครงการนี้มีแนวคิดการออกแบบเป็นสไตล์รีสอร์ท ซึ่งก็ได้มีการออกแบบสวนและปลูกต้นไม้ให้มีความร่มรื่นสวยงามดีทีเดียว

โดยบริเวณปลายสระว่ายน้ำทางฝั่งนี้ก็จะเป็นจุด Sunken ลดระดับลงไปนิดหน่อย และมีชุดเก้าอี้ให้เราได้มานั่งเล่นพักผ่อน พร้อมกับฟังเสียงน้ำไหลชิลๆกันได้ครับ

ซึ่งสระว่ายน้ำและสวนตรงนี้จะถูกรายล้อมด้วยอาคารพักอาศัยทั้ง 2 ทำให้ห้องพักที่หันเข้ามาด้านในจะสามารถมองเห็นบรรยากาศส่วนกลางสวยๆบริเวณนี้ได้ดี

โดยที่ต้นไม้ที่ปลูกอยู่รอบๆสระ นอกจากจะช่วยเพิ่มความร่มรื่นและสดชื่นแล้ว ยังทำหน้าที่ช่วยพรางสายตาและเพิ่มความเป็นส่วนตัว ให้กับทั้งคนที่มาใช้งานสระและห้องพักที่อยู่ชั้นบนได้อีกด้วยนั่นเอง

นอกจากนี้บริเวณข้างสระว่ายน้ำก็จะมีทางเดินอยู่โดยรอบ ให้เราสามารถมาเดินเล่นพักผ่อน หรือจะวิ่งออกกำลังกายก็ได้ รวมถึงยังมีมุมนั่งเล่นแบบนี้กระจายอยู่ 2 – 3 จุดด้วยครับ

และอีกหนึ่งฟังก์ชันที่ใส่เข้ามาเพิ่มก็คือ พื้นหินสำหรับเดินนวดเท้านั่นเอง ซึ่งถึงแม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็เหมาะกับผู้สูงอายุหรือคนที่ต้องการกายภาพบำบัดมากๆครับ เพราะเค้าจะมีการทำราวจับเอาไว้ให้ด้วย

ทางด้านซ้ายของสระว่ายน้ำจะเป็นมุมของ Sansiri Backyard ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว ที่เราสามารถพบเห็นได้ในเกือบทุกๆโครงการของแสนสิริเลยนั่นเอง (ปกติเท่าที่ผมเคยเห็นก็จะมีการปลูกพวกใบกระเพรา ใบโหระพา และตะไคร้ เป็นต้น)

โดยนี่ก็เป็นหนึ่งใน Gimmick น่ารักๆ ที่ลูกบ้านสามารถมาเก็บผลผลิตตรงนี้ เพื่อไปใช้ประกอบอาหารในครัวเรือนของตัวเองได้ครับ ทำให้ช่วยประหยัดเวลาหรือค่าใช้จ่ายเล็กๆน้อยๆในการไปซื้อของที่ตลาดลงไปได้นั่นเอง

ปล.การจัดการฟังก์ชันนี้จะขึ้นอยู่กับนิติในอนาคตอีกทีนะ ซึ่งแต่ละโครงการจะไม่เหมือนกัน บางแห่งก็ให้ลูกบ้านมาปลูกและเก็บได้เอง หรือบางโครงการนิติจะเป็นคนเก็บเพื่อมาแจกจ่ายเองก็มีครับ

เรามาดูทางด้านขวาของสระว่ายน้ำกันบ้างครับ โดยจะมีรายละเอียดเล็กๆที่น่าสนใจที่โครงการใส่เข้ามาด้วย คือทางเดินรอบสระว่ายน้ำจะมีการใช้ทางลาดและราวจับในบางจุด

ซึ่งเป็นการออกแบบตามหลัก Universal Design เพื่อให้ผู้สูงอายุหรือผู้ใช้รถเข็นวีลแชร์สามารถใช้งานได้สะดวกด้วยนั่นเองครับ

และเมื่อเราเดินมาจนถึงปลายสระอีกด้านหนึ่ง ก็จะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นริมสระและฟังก์ชันอื่นๆที่อยู่ในอาคารให้ใช้งานครับ

เริ่มต้นกันที่สระว่ายน้ำแบบกลางแจ้งจะมีความยาว 25 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้แบบจริงจังเลย โดยผมแนะนำให้มาใช้งานตอนแดดร่มๆหน่อยนะดีครับ

ซึ่งบริเวณปลายสระฝั่งนี้ก็จะมี Day Bed ให้มานั่งเล่นพักผ่อนกันได้ด้วย (แต่เวลาจะขึ้น-ลงสระ อาจต้องเดินอ้อมไปทางด้านซ้ายมือแทนนะครับ)

ถัดมาจะเป็น Fitness ซึ่งภายในก็จะมีอุปกรณ์ต่างๆให้ใช้งานครบ แบ่งเป็นโซนของ Cardio และ Weight Training พร้อมทั้งยังมีมุมนั่งเล่นพักผ่อนและตู้กดน้ำดื่มมาให้บริการด้วยครับ

โดยเฉพาะโซนของ Cardio พวกลูวิ่งและเครื่องปั่นจักรยาน จะหันหน้าออกไปรับวิวสระว่ายน้ำและสวนด้านนอก เวลาออกกำลังกายก็จะได้มีวิวสวยๆให้ดูได้ไม่เบื่อครับ

ติดกับห้อง Fitness จะเป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง ซึ่งภายในก็จะมีตู้ล็อคเกอร์ให้นำของมาฝากไว้ได้ด้วย แต่อาจไม่ได้มีห้องให้อาบน้ำนะครับ มีแค่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใช้เท่านั้น ดังนั้นใครที่ว่ายน้ำหรือออกกำลังกายเสร็จแล้ว ก็อาจต้องขึ้นไปอาบที่ห้องของตัวเองแทนนะ

อีกด้านหนึ่งจะเป็น Co-Working Space ที่ภายในจะมีมุมนั่งเล่นและนั่งทำงานหลายจุดมาก ไม่ว่าจะเป็นชุดโซฟาแบบกลุ่มชิลๆ และโต๊ะทำงานจริงจังแบบจริงจังก็มี

โดยฟังก์ชันของห้องนี้ก็จะสามารถมองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียวภายนอกได้แบบนี้เลยครับ

สำหรับโถงลิฟต์จำเป็นต้องใช้ Key Card Access เข้ามาเพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย รวมถึงเวลาขึ้นลิฟต์ก็ต้องใช้อีกรอบหนึ่งเป็นแบบล็อคชั้นด้วยครับ โดยบริเวณชั้น 1 ด้านหน้าจะมี Mail Box ให้ลูกบ้านสามารถแวะหยิบจดหมายก่อนขึ้นห้องได้สะดวกแบบนี้เลย

โถงลิฟต์และโถงทางเดินบนชั้นพักอาศัยจะเป็นแบบเรียบๆ โดยสิ่งที่ผมสังเกตเพิ่มได้อีกอย่างก็คือ ประตูของแต่ละห้องจะไม่ได้อยู่ตรงกันพอดี นั่นหมายความว่าลูกบ้านจะมีความเป็นส่วนตัวจากเพื่อนบ้านมากขึ้นนั่นเอง

แปลนชั้น 2 – 8 จะมีลักษณะการวางตำแหน่งห้องที่เหมือนๆกันเลยครับ (พิเศษหน่อยสำหรับชั้น 2 ห้องที่หันเข้ามาในคอร์ดด้านใน เค้าจะมีกันสาดที่เป็นของส่วนกลางยื่นออกมาจากระเบียงเพิ่มอีกหน่อย ซึ่งก็จะช่วยบังแดดดังฝนได้ดีมากขึ้นครับ แต่แน่นอนว่าเท่าที่ผมได้ข่าวมาคือขายหมดแล้วเรียบร้อย)

ลักษณะการวางผังอาคารจะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ โดยอาคาร B จะได้เปรียบในเรื่องวิวส่วนกลาง และการลงไปใช้งาน Facilities ที่อยู่ใต้อาคารของตัวเองได้สะดวกกว่า ในขณะที่อาคาร A จะอยู่ใกล้กับที่จอดรถส่วนใหญ่ของโครงการ จึงสะดวกสำหรับคนที่ใช้รถอยู่ทุกวัน แถมที่ใต้อาคารก็ยังมีทั้งตู้ขายของอัตโนมัติและ Laundry ตั้งอยู่ด้วย ดังนั้นเราอาจลองเลือกจาก Lifestyle ก็ได้ครับ ว่าปกติแล้วเรามักจะใช้ฟังก์ชันไหนบ่อยกว่ากัน เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการใช้งานนั่นเอง ส่วนตำแหน่งห้องที่น่าสนใจก็จะมีดังนี้

  • กรอบสีแดง : เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการที่หันหน้าเข้ามาด้านใน แน่นอนว่าจะได้รับวิวสวนและสระว่ายน้ำที่ทางโครงการจัดเอาไว้สวยๆได้โดยตรง ซึ่งผมแนะนำเป็นชั้น 2 – 4 จะได้วิวกำลังสวยเลยครับ แต่ถ้าเป็นชั้นที่สูงกว่านั้นก็อาจต้องก้มลงมองสักนิดนึง  และอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาด้วยก็คือ “ราคา” เพราะห้องเหล่านี้จะมีราคาที่สูงกว่าห้องวิวด้านนอกอยู่นิดหน่อยด้วยนั่นเอง
  • กรอบสีเหลือง : เป็นห้อง 2 Bedrooms ที่มีอยู่เพียง 2 ห้อง/ชั้นเท่านั้น และปัจจุบันก็ Sold Out ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ เพราะมีจำนวนค่อนข้างน้อย แต่ก็อยู่ในตำแหน่งวิวด้านในที่ค่อนข้างดีด้วยนั่นเอง
  • กรอบสีน้ำเงิน : เป็นห้องที่จะได้รับวิวเปิดโล่งภายนอกโครงการ ซึ่งปัจจุบันส่วนใหญ่ยังคงเป็นที่ว่างอยู่ครับ ยกเว้นแค่ห้องทางทิศตะวันออกของอาคาร B จะหันหน้าเข้าหาเพื่อนบ้านอย่าง dcondo tann แต่ก็จะไม่ได้อยู่ประชิดกันมากนัก

นี่เป็นภาพวิวจากห้องบนชั้น 2 ของอาคาร B ที่อยู่ตรงปลายสระพอดี ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดของโครงการเลยครับ

เพราะนอกจากจะมองเห็นพื้นที่ส่วนกลางได้ทั้งหมดแล้ว ก็ยังได้วิวที่เปิดโล่ง ไม่มีเพื่อนบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามเหมือนด้านอื่นๆ จึงมีความเป็นส่วนตัวพ่วงมาด้วยนั่นเอง

ส่วนห้องที่อยู่ทางด้านข้างของส่วนกลาง ก็อาจมองเห็นเพื่อนบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้างแบบนี้ แต่ก็จะได้รับวิวสวนและสระว่ายน้ำสวยๆของโครงการด้วยนั่นเอง

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby แยก 2 อาคาร
  • Co-Working Space
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ยาว 25 เมตร
  • Fitness
  • Laundry
  • พื้นที่สวนพักผ่อนรอบสระว่ายน้ำ
  • Sansiri Backyard (สวนปลูกพืชผักสวนครัว)
  • Internet WIFI บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 225 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 132 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 138 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 160 คันคิดเป็น 29%
  • Shutter Service รถรับ-ส่งที่สถานีรถไฟฟ้า MRT บางขุนนนท์ และโรงพยาบาลศิริราช
  • ระบบรักษาความปลอดภัย CCTV และเจ้าหน้าที่ รปภ. 24 ชม.
  • การเข้า-ออกโครงการ ไม้กั้นกระดก ใช้ระบบ Bluetooth RFID

 

แบบห้อง

Highlights :

  • ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบแบบทั้ง Built-in / ลอยตัว / เครื่องใช้ไฟฟ้า และรวมถึงของตกแต่งด้วย สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาแต่งห้องเอง
  • ลักษณะจะคล้ายห้องสตูดิโอ จึงได้ข้อดีในเรื่องบรรยากาศที่กว้างขวางและโปร่งโล่ง
  • ได้ฟังก์ชันครัวปิดที่ด้านหน้าห้อง สามารถทำอาหารได้ในระดับหนึ่ง

โครงการ dcondo panaa ปัจจุบันมีแบบห้อง 1 Bedroom เหลือเพียงแค่ Type เดียวแล้วนะครับ ซึ่งตอนนี้ก็มีแพ็คเกจน่าสนใจเพิ่มเติมจากเมื่อสมัยที่เป็น Sale Gallery ซะอีกนะ

คือนอกจากจะขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเตอร์ Built-in และลอยตัวมาครบทั้งห้องแล้ว ยังได้พวกของตกแต่งต่างๆ เช่น ผ้าม่าน / วอลเปเปอร์ / หมอน / ฟูกที่นอน และของกระจุกกระจิกทั้งหลายแหล่ที่เห็นในห้อง เรียกได้ว่าเหมือนห้องตัวอย่างเปะๆเลยครับ

จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะกับคนไม่อยากเสียเวลาตกแต่งห้องเอง และสามารถหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าอยู่ได้ทันที ซึ่งหากเทียบกับราคาก็ถือว่าคุ้มน่าและน่าสนใจมากขึ้นเยอะเลยครับ

โดยแบบห้องที่ว่าก็คือ 1 Bedroom ขนาด 26.50 – 27.00 ตร.ม. ซึ่งลักษณะจะเป็นห้องตอนลึกที่มีการกั้นฟังก์ชันครัวปิดเอาไว้ด้านหน้า จึงสามารถทำครัวได้จริงจังระดับหนึ่ง อีกทั้งยังทำหน้าที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับพื้นที่พักผ่อนอีกชั้นหนึ่งได้อีกด้วย ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน ลักษณะจะคล้ายๆห้องสตูดิโอเลยครับ

จึงทำให้ห้องนี้มีจุดเด่นในเรื่องของบรรยากาศที่กว้างขวางและโปร่งโล่ง อีกทั้งยังมีมุมเอกประสงค์ข้างหน้าต่างให้ได้ใช้งานอีกด้วยนะครับ โดยภาพรวมจึงเป็นห้องที่เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ชอบบรรยากาศสบายๆโปร่งโล่ง และเน้นการใช้ชีวิตอยู่ภายในห้องนอนเป็นหลักได้นั่นเอง

ส่วนนี่จะเป็นรายการเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานทั้งหมดที่เราจะได้นะครับ โดยหน้าตาก็จะเหมือนกับในห้องตัวอย่างที่เราจะได้ชมกันต่อไปนี้เลย ถ้าพร้อมแล้วก็ตามผมไปดูกันเลยครับ

บริเวณหน้าประตูจะมีการติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ใช้งานสะดวกแบบนี้ สามารถรองรับระบบ Key Dard / รหัสผ่าน และกุญแจได้เป็นมาตรฐาน อีกทั้งบริเวณมุมประตูด้านในก็ยังมี Stopper คอยกันไม่ให้เปิดประตูกระแทกอีกด้วย

เมื่อเข้ามาด้านในเราจะเจอกับส่วน “ครัว” ก่อนเป็นอันดับแรก โดยพื้นก็จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้ ซึ่งเวลาที่ใส่รองเท้าเข้ามาด้านในห้อง หรือแม้แต่ตอนทำอาหารก็จะได้เช็ดทำความสะอาดพื้นที่เลอะได้ง่ายนั่นเอง ส่วนฝ้าเพดานห้องจะสูง 2.5 m. เป็นมาตรฐานครับ

ทางด้านขวาของประตูจะเป็นตู้รองเท้า ซึ่งสามารถเก็บเข้าตู้ให้เป็นระเบียงได้เกือบ 10 คู่เลยทีเดียว ส่วนพื้นที่ด้านบนก็สามารถใช้วางของบนหลังตู้ หรือจะเพิ่มชั้นวางของ/ที่แขวนของ เพื่อให้หยิบใช้ก่อนออกจากห้องได้สะดวกครับ

ติดกันคือ “ห้องน้ำ” ซึ่งภายในจะมีการกั้นฟังก์ชันแยกเป็นสัดส่วน โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.3 x 1.4 m. และได้สุขภัณฑ์จาก Bath line ครบตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยครับ

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้าง 1.1 x 0.85 m. สามารถใช้งานได้แบบพอดีๆ มีการกั้นกระจกนิรภัย Tempered Glass แบบบานเลื่อน 3 ตอนมาให้แบบนี้ ทำให้ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาเปียกด้านนอกได้ครับ

ซึ่งภายในก็จะมี Hand Shower พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น รวมถึงยังมีการเจาะช่องที่ผนังให้เราใช้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ด้วย (สามารถเพิ่มชั้นวางเองได้ถ้าต้องการนะครับ) ส่วนบนฝ้าเพดานจะมีพัดลมดูดอากาศติดมาให้เป็นมาตรฐานเลย

ฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำเป็นเคาน์เตอร์ครัว ที่จะ Built-in มาให้แบบนี้เลยครับ โดยช่องเก็บของด้านในก็เพียงพอสำหรับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน หรือเราจะวางของเหนือตู้ด้านบนเพิ่มอีกก็ยังได้นะ

สำหรับ Top เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นเมลามีน ที่ตัววัสดุเค้าจะไม่ค่อยทนน้ำและความร้อนสักเท่าไหร่ ดังนั้นเวลาใช้งานก็อาจต้องเช็ดทำความสะอาดดีๆกันสักนิดนึงนะครับ

รวมถึงเราอาจเพิ่ม Backsplash ที่ผนังด้วยก็ได้ เวลาล้างจานหรือทำอาหารจะได้เช็ดคราบที่กระเด็นไปโดนได้ง่ายนั่นเอง

โดยฟังก์ชันครัวและห้องน้ำจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อไม่ให้กลิ่น/ควันเข้ามารบกวนพื้นที่พักผ่อนภายใน รวมถึงยังทำหน้าที่เป็น Buffer คอยกันพวกเสียงจากภายนอกห้อง ไม่ให้เข้ามาได้อีกชั้นหนึ่งด้วยครับ

พื้นที่หลักของห้องจะมีลักษณะคล้ายกับห้อง Studio คือจะเป็นพื้นที่ใช้งานร่วมกันระหว่างห้องนอนและห้องนั่นเล่น จึงค่อนข้างมีขนาดใหญ่และได้บรรยากาศที่กว้างขวาง สว่างโปร่งโล่ง โดยพื้นก็จะเปลี่ยนมาเป็นไม้ลามิเนตที่ดูเป็นธรรมชาติและอบอุ่นครับ

สำหรับพื้นที่ส่วนแรกก็คือ “Living Area” โดยจะเป็นโซฟานั่งเล่นขนาด 2 ที่นั่ง + โต๊ะกลางขนาดเล็กให้ใช้วางของเล็กๆน้อยๆได้ ซึ่งตำแหน่งของชุดโซฟานี้จะไม่ได้อยู่ตรงกับทีวีพอดีนะครับ ดังนั้นเวลาดูทีวีก็อาจต้องมองแบบเฉียงๆสักนิดนึงนะ

ฝั่งตรงข้ามก็จะตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ด้านในสามารถเก็บเสื้อผ้าสำหรับ 1 – 2 คนได้สบายๆ มาพร้อมกับกระจกเงาที่ใช้ส่องแต่งตัวได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีชั้นวางทีวีและชั้นวางของแขวนผนังติดมาให้แบบห้องตัวอย่างนี้เลยครับ

สำหรับเตียงเราจะได้เป็นแบบกว้าง 5 ฟุต มาพร้อมกับฟูกที่นอน ตู้ใบเล็กข้างหัวเตียง และมีช่องให้เก็บของใต้เตียงได้ด้วย ถือว่าห้องนี้มีฟังก์ชันให้เราได้ใช้เก็บของได้หลายจุดเลยทีเดียว

ด้านซ้ายของเตียงจะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ริมหน้าต่าง โดยมีขนาดพื้นที่กว้าง 2 x 1.4 m. ซึ่งทางโครงการจะให้โต๊ะตัวยาวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัวแบบนี้เลย เราสามารถใช้เป็นโต๊ะนั่งทานอาหารก็ได้ หรือจะใช้เป็นมุมนั่งทำงานก็ดี

ช่องแสงนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เป็นกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดระบายอากาศและชมวิวได้ครับ โดยกรอบก็จะเป็น Powder Coad สีขาว พร้อมกระจกเขียวตัดแสง รวมถึงห้องโปรโมชั่นก็ได้มีผ้าม่านติดตั้งมาให้แบบนี้เลยด้วยครับ

ติดกันจะเป็นระเบียงขนาด 1.65 x 1 m. ซึ่งทางโครงการก็จะติด Condensing Unit เอาไว้ที่ด้านบน ทำให้เราสามารถใช้สอยพื้นที่ด้านล่างได้เต็มที่ สามารถออกมาใช้งานวางเครื่องซักผ้า ตากผ้า ออกมายืนชมวิว หรือจะทำเป็นมุมปลูกต้นไม้เล็กๆน้อยๆก็ได้ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

dcondo panaa (ดีคอนโด พนา​) ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2566

  • 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.00 – 27.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink ยี่ห้อ Teka / Top ครัว Melamine
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 10,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 46 บาท/ตร.ม./เดือน (ปีที่ 3 เป็นต้นไป 49 บาท/ตร.ม./เดือน)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ตั้งอยู่ภายในซอยเอราวัณ ปาร์ค อเวนิว บนถนนเลียบทางรถไฟตลิ่งชัน ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่เชื่อมต่อทำเลได้หลายเส้นทาง ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศิริราช และมีสะพานข้ามถนนจรัญฯเชื่อมต่อไปยังโรงพยาบาลได้โดยตรงอีกด้วย จึงค่อนข้างตอบโจทย์กับบุคคลากรที่ทำงานที่นี่มากๆครับ เห็นได้ชัดจากโครงการรุ่นพี่ก่อนหน้านี้ ที่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนจากโรงพยาบาลกว่า 80% เลยทีเดียว

ความน่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ ‘ราคา’ ที่จับต้องได้ง่ายกว่าทำเลข้างเคียง ซึ่งหากใครที่กำลังมองหาคอนโดราคาเริ่มต้นไม่เกิน 2 ล้านบาท ก็จะต้องเป็นทำเลบนถนนตัดใหม่เส้นนี้นี่แหละครับ ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับความอุดมสมบูรณ์ใกล้เคียงที่ยังคงมีไม่มากนัก แต่หลังจากที่แสนสิริได้เข้ามาบุกเบิกที่อยู่อาศัยในย่านนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ก็ทำให้พอจะมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารเริ่มมาเปิดกันบ้างแล้ว และคาดว่าอนาคตก็คงจะคึกคักมากขึ้นอีกครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : เป็นทำเลถนนตัดใหม่ที่เชื่อมต่อถนนหลัก 2 สาย ทั้งถนนจรัญสนิทวงศ์และถนนบรมราชชนนี รวมถึงยังมีทางลัดเลาะเชื่อมต่อกับถนนราชพฤกษ์ได้อีกด้วย จึงค่อนข้างสะดวกสำหรับการใช้รถยนต์ส่วนตัวมากๆครับ อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนศรีรัช ซึ่งห่างจากโครงการประมาณ 2 km. โดยที่จอดรถจะมีทั้งหมด 160 คัน คิดเป็น 29% เป็นมาตรฐานของคอนโดทั่วไป

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถึงแม้ว่าทำเลรอบๆโครงการจะไม่ได้มีรถสาธารณะอย่างวินมอเตอร์ไซค์ หรือเรียกแท็กซี่จากหน้าโครงการได้เลย แต่สมัยนี้เราก็มีเทคโนโลยีที่สามารถเรียกรถมารับได้ผ่าน Application บนโทรศัพท์มือถือ รวมถึงทางโครงการเองก็มีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งที่โรงพยาบาลศิริราชและ MRT บางขุนนนท์ จึงถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ค่อนข้างสะดวกอยู่เหมือนกันครับ เพียงแต่ช่วงเวลาในการเดินรถอาจต้องรอดูอนาคตอีกที เพราะเท่าที่ผมสังเกตรถที่ให้บริการจะสามารถจุผู้โดยสารได้รอบละ 6 – 7 คนเท่านั้น หากเป็นในช่วงเวลาเร่งด่วนที่คนเข้างานพร้อมกันเยอะๆ ก็อาจไม่เพียงพอได้เหมือนกัน (หรือถ้ามีการเพิ่มจำนวนรถก็น่าจะช่วยได้พอสมควรเลยครับ)

การออกแบบโครงการ : วางผังโครงการให้อาคารทั้ง 2 โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องพักอาศัยที่อยู่ในคอร์ดด้านในสามารถมองเห็นวิวส่วนกลางสวยๆที่จัดไว้ได้ โดยอาคาร B จะได้เปรียบในเรื่องวิวและการมาใช้งานฟังก์ชันส่วนกลางมากกว่าหน่อย ส่วนอาคาร A จะอยู่ใกล้พื้นที่จอดรถ และมีตู้ขายของอัตโนมติ + Laundry ให้ใช้งาน ซึ่งจะมีความสะดวกที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ Lifestyle ของแต่ละคน

สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่าเค้าทำได้ดีและแตกต่างจากโครงการอื่นๆก็คือ การกั้นโซนแยกกันชัดเจนระหว่างลูกบ้านและ Visitor โดยบุคคลภายนอกจะไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่ส่วนกลางด้านในโครงการได้เลย ทำให้ผู้พักอาศัยมีความรู้สึกเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของ Universal Design ให้ใช้งานร่วมกันได้ทุกวัย รวมถึงบรรยากาศสไตล์รีสอร์ท ผมก็คิดว่าทำออกมาได้ร่มรื่นน่าใช้งานดีทีเดียวครับ

การออกแบบห้องพักและพื้นที่ใช้สอย : ปัจจุบันเหลือห้อง 1 Bedroom เพียงแค่แบบเดียวนะครับ ซึ่งลักษณะจะคล้ายห้องสตูดิโอ จึงมีข้อดีในเรื่องบรรยากาศภายในห้องที่กว้างขวางและโปร่งโล่ง แต่ยังคงได้ฟังก์ชันครัวปิดที่ด้านหน้า จึงทำให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น และทำอาหารได้จริงจังในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน แต่ก็มีข้อจำกัดของฟังก์ชันเล็กน้อยตรงที่ โซฟาอาจไม่ได้อยู่ตรงกับทีวี และพื้นที่นั่งทานอาหารก็จะต้องปรับไปใช้งานร่วมกันโต๊ะอเนกประสงค์ข้างเตียงที่อยู่ริมหน้าต่างแทน เป็นต้น

วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้มาครบเหมือนห้องตัวอย่างเลยครับ ไม่ใช่แค่เพียงเฟอร์นิเจอร์ Built-in เท่านั้น แต่ยังรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว เครื่องใช้ไฟฟ้า และของตกแต่งต่างๆด้วย จึงทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาซื้อเฟอร์นิเจอร์และตกแต่งห้องเองให้เหนื่อย เพียงแต่ของที่เราจะได้เป็นมาตรฐานนั้น เราไม่สามารถกำหนดในแบบที่ชอบเองได้นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นสี ลวดลาย และเกรดวัสดุที่เป็นไปตามระดับราคาของโปรดักส์ แต่ถ้าใครที่ไม่ซีเรียสเรื่องการแต่งห้องอยู่แล้วล่ะก็ แพ็คเกจเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการมอบให้นี้ผมก็ว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยครับ

สาธารณูปโภค : มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ และเพียงพอต่อจำนวนยูนิต โดดเด่นในเรื่องพื้นที่สีเขียวรอบๆสระว่ายน้ำ ที่จะเห็นว่ามีการปลูกต้นไม้ดูร่มรื่นและสวยงามดีทีเดียวครับ ซึ่งผมคิดว่าคนที่ชอบธรรมชาติก็คงถูกใจไม่น้อย สระว่ายน้ำก็ยาว 25 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจัง รวมถึงยังมีพื้นที่นักพักผ่อนให้ใช้งานหลายจุดมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Lobby แยก 2 อาคาร มีพื้นที่นั่งชิลในสวน และ Co-Working Space ให้มาทำงานอ่านหนังสือจริงจังได้อีกด้วย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 69,000 บาท/ตร.ม., 22 มิถุนายน 2566

  • ทำเล 7.5/10 – อยู่ภายในซอยย่อยบนถนนตัดใหม่ ใกล้โรงพยาบาลศิริราช แต่ความอุดมสมบูรณ์ยังมีไม่มากนัก
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เชื่อมต่อทำเลได้หลายเส้นทาง และอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนศรีรัช
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มี Shuttle Service รับ-ส่งไปยังโรงพยาบาลศิริราชและ MRT บางขุนนนท์ รถสาธารณะผ่านน้อย ต้องใช้ Application
  • วัสดุ 7.75/10 – Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่ง ค่อนข้างคุ้มเมื่อเทียบกับราคา เกรดวัสดุตามมาตรฐาน
  • แบบ 8/10 – เน้นห้อง 1 Bedroom ได้ครัวปิด และภายในห้องกว้างขวางแบบสตูดิโอ
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – ฟังก์ชันครบ บรรยากาศร่มรื่นสไตล์รีสอร์ท แบ่งโซนได้ชัดเจนเป็นส่วนตัว

  • ECONOMY – MAIN CLASS
  • 7.69 / 10.00

dcondo panaa เหมาะกับใคร

..โครงการ dcondo panaa เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้โรงพยาบาลศิริราช ในราคาจับต้องได้ง่ายไม่ถึง 2 ล้าน โดยเฉพาะกับบุคลากรในโรงพยาบาลและคนที่ทำงานในย่านนี้ เน้นห้องพัก 1 Bedroom ที่อยู่ได้ 1 – 2 คน ได้เฟอร์นิเจอร์ครบและตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ รวมถึงยังมีส่วนกลางบรรยากาศร่มรื่นสไตล์รีสอร์ทให้ได้ใช้งาน และมีฟังก์ชันให้ใช้งานครบ มีงบประมาณระดับ 1.79 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,000 บาท/เดือนขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc