…ผ่านมาแล้ว 2 ปี ในที่สุด Chapter One Flow บางโพ ก็สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะครับ เป็นคอนโด High Rise ที่ได้วิวโค้งแม่น้ำสวยๆในย่านบางโพ ไม่แพ้โครงการรุ่นพี่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้อย่าง Chapter One Shine ที่ขายหมดไปแล้ว โดยโครงการใหม่นี้จะมีพื้นที่ส่วนกลางน่าใช้งานหลายจุดเลย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่สวนเล่นระดับชั้นล่าง และ Sky Facilities ที่อยู่ชั้นบนสุด รวมถึงทำเลก็ใกล้ทางด่วน เดินทางได้สะดวกมากๆ ซึ่งผมรวบรวม Highlights หรือจุดเด่นที่น่าสนใจมาให้ตามนี้เลยครับ

  • การเดินทางสะดวก : ใกล้ทางด่วนศรีรัช 850 m. เข้า-ออกเมืองได้ง่าย เหมาะกับคนใช้รถใช้ถนนเป็นประจำ
  • วิว : ได้วิวโค้งแม่น้ำสวยๆในย่านบางโพ มองเห็นสะพานพระราม 7 และอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่โดดเด่นอยู่ไม่ไกล
  • พื้นที่ส่วนกลาง : ให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต มีทั้งสวนบนชั้นดาดฟ้าอาคารจอดรถ และ Sky Facilities บนชั้น 40 – 41 ให้ขึ้นไปใช้งานชมวิวอีกจุดหนึ่งด้วย
  • ราคา : หากเทียบกันในกลุ่มคอนโด High Rise ที่ได้วิวแม่น้ำเหมือนกันในย่านนี้ นับว่าเป็นโครงการที่มีราคาเฉลี่ยจับต้องได้ง่ายสุดในปัจจุบันครับ

ข้อมูลโครงการ

Chapter One Flow Bangpo (แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ) ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2564

 ชื่อโครงการ  Chapter One Flow Bangpo (แชปเตอร์ วัน โฟลว์ บางโพ)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด
 SEGMENT CLASS  MAIN – UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนน ประชาราษฎร์สาย 1 เขต บางซื่อ
 ที่ดิน  3-1-4.9 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 41 ชั้น 1 อาคาร และอาคารจอดรถสูง 4 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต  385 ยูนิต , ร้านค้า 1 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  11 ยูนิต
 ที่จอดรถ  218 คันคิดเป็น 56% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 63%)
 เริ่มก่อสร้าง  Q1 ปี 2562
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  Q4 ปี 2564
 ประเภทห้องพัก
    • 1 Bedroom (City View) ขนาด 31.8 – 32.85 ตร.ม.
    • 1 Bedroom Exclusive (River View) ขนาด 43.2 – 43.85 ตร.ม.
    • 2 Bedroom (River View) ขนาด 49.65 ตร.ม.
    • 2 Bedroom Exclusive (River View) ขนาด 64.75 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.7 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  2.59 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 98,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ https://bit.ly/3G6fwDC
 Call Center 1739

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้ทางด่วนศรีรัช 850 m. เดินทางด้วยรถยนต์สะดวกมาก
  • มีตัวเลือกในการเดินทางอื่นๆในพื้นที่หลากหลาย ทั้งรถไฟฟ้า ท่าเรือ และรถสาธารณะ
  • ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ ทั้งตลาดและห้างเปิดใหม่ในระยะไม่เกิน 1 km.
  • ได้วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ฝั่งถนนเดียวกับแม่น้ำ มีความเสี่ยงน้อยที่จะโดนบังวิว

พิกัด Google Maps: 13.812581, 100.520775
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Chapter One Flow บางโพ ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์สาย 1 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 ซึ่งเป็นทำเลที่เดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวกอีกจุดนึงเลยครับ เพราะเราสามารถข้ามสะพานไปฝั่งธน-บางใหญ่-นนทบุรีได้ ใกล้ทางด่วนศรีรัชเพียง 850 m. สามารถขับเข้าเมืองเพื่อเชื่อมต่อไปยังโซนต่างๆได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นจตุจักร-ปากเกร็ด-พระราม 9-สาทร เหมาะกับคนใช้รถใช้ถนนมากๆ และนอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าและท่าเรือบางโพในพื้นที่ เป็นตัวเลือกให้ใช้ในการเดินทางได้อีกด้วยนะครับ

และเดิมทีทำเลย่านนี้จะเป็นแหล่งชุมชนของชาวจีน ที่นิยมค้าไม้แปรรูปต่างๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้ด้วยครับ ปัจจุบันก็เลยยังมีร้านค้าและโกดังเก็บไม้ในพื้นที่ให้เห็นกันอยู่บ้าง ซึ่งพอมีชุมชนดั้งเดิมเหล่านี้อาศัยอยู่มานาน ก็เลยทำให้มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรเลยครับ โดยตลาดที่ใกล้ที่สุดคือ ตลาดศรีเขมา และตลาดบางโพ

อีกทั้งปัจจุบันก็เริ่มมีคอนโดมิเนียมเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น หลักๆนอกจากความสะดวกสบายที่ครบครัน ทั้งในแง่การเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยแล้ว หลายๆคนยังให้ความสนใจในเรื่องคอนโดวิวแม่น้ำอีกด้วย และเมื่อความคึกคักเริ่มมีมากขึ้น คนในพื้นที่เยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เลยมีห้างมาเปิดใหม่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้อย่าง Digital Gateway บางซื่อ ซึ่งภายในก็มีทั้งแหล่งช้อปปิ้งและโรงหนังครบเลยครับ

สำหรับทางด่วนที่ใกล้ที่สุดของโครงการคือ ทางพิเศษศรีรัชด่านพระราม 7 ซึ่งจะอยู่ห่างออกไปเพียง 850 m. เท่านั้น ใช้เวลาแค่ 3 – 5 นาทีก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้วครับ หรือถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนก็จะใช้ประมาณ 10 นาที

ส่วนรถไฟฟ้า MRT สถานี บางโพ จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 750 m. นะครับ ซึ่งอาจไม่ใช่ระยะเดิน ต้องต่อรถสาธารณะสักหน่อย แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกและหลากหลาย ซึ่งด้านหน้าโครงการก็สามารถเรียกได้ง่าย มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถสองแถว

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการ ใกล้ๆกันจะมีอาคารสูงของเพื่อนบ้านอยู่บ้างนะครับ แต่ยังสามารถเปิดรับวิวหลักๆทางด้านหน้าและด้านหลังอาคารได้อยู่ โดยจะแบ่งเป็น 2 วิวหลักๆคือ City View และ River View ซึ่งพื้นที่โกดังเก็บไม้ด้านหลังโครงการ อนาคตยังพอจะมีโครงการเกิดขึ้นได้อยู่ครับ แต่คิดว่าเต็มที่คงเป็นแค่อาคาร Low Rise เพราะที่ดินเค้าไม่ได้อยู่ติดกับถนนใหญ่ ไม่สามารถขึ้นอาคารสูงได้ อีกทั้งยังเป็นแปลงเล็กแปลงน้อยของชุมชนเยอะ ซึ่งการรวมที่ดินมาทำโครงการใหญ่ก็อาจทำได้ยากอยู่เหมือนกัน

วิวจากชั้น 40

  • ทิศเหนือ : ติดกับ คลองวัดเสาหิน โรงเรียนโยธินบูรณะ และอาคารที่พักข้าราชบริพารฯ สูง 27 ชั้น

วิวจากชั้น 40

  • ทิศใต้ : ติดกับ Chapter One Shine บางโพ สูง 37 ชั้น แต่ระยะไกลๆเราจะมองเห็นอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ได้ด้วยนะครับ ซึ่งจะอยู่ระหว่างอาคารของโครงการ 333 Riverside พอดีเลย (สีทองๆเด่นๆเห็นแต่ไกล)

วิวจากชั้น 40 ฝั่ง City View

  • ทิศตะวันออก : เป็นทางเข้าโครงการ ติดกับ อาคารพาณิชย์สูง 3 – 4 ชั้น และเป็นถนนประชาราษฎร์สาย 1 มองระยะไกลจะได้วิวชุมชนแนวราบที่เปิดโล่งทางฝั่งเตาปูน-บางซ่อน

วิวจากชั้น 40 ฝั่ง River View

  • ทิศตะวันตก : ติดกับ โกดังเก็บไม้ และได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงชุมชนทางฝั่งธนด้วย

บรรยากาศรอบๆโครงการ ทางด้านซ้ายจะเป็นอาคารพาณิชย์ และถนนด้านนี้จะมุ่งหน้าไปทาง MRT และท่าเรือบางโพ

ส่วนทางด้านขวาจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปทางด่วนศรีรัชด่านพระราม 7 ซึ่งถ้าเราเดินมาอีกหน่อยประมาณ 230 m. ก็จะมีตลาดศรีเขมาให้มาเดินจับจ่ายใช้สอยกันได้ด้วย มีทั้งร้านข้าวแกง ร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ และอื่นๆครบ โดยจะมีสะพานลอยให้ใช้ข้ามไปได้ด้วยครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • ตลาดสดศรีเขมา ~ 230 m.
  • Digital Gateway บางซื่อ ~ 1 km.
  • ตลาดเตาปูน ~ 1.7 km.
  • Tesco Lotus ประชาชื่น ~ 2 km.
  • Makro สามเสน ~ 2.7 km.
  • สุพรีมคอมเพล็กซ์ ~ 2.8 km.
  • BigC วงศ์สว่าง ~ 3 km.
  • JJ Mall ~ 6.3 km.
  • Central ลาดพร้าว ~ 8.4 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.บางโพ ~ 750 m.
  • รพ.ยันฮี ~ 3 km.
  • รพ.วิชัยยุทธ ~ 4.5 km.

โรงเรียน

  • รร.โยธินบูรณะ ~ 150 m.
  • รร. กุลวรรณศึกษา ~ 170 m.
  • ม.เทคโนโลยีพระนครเหนือ ~ 1.5 km.
  • รร.ราชินีบน ~ 2.9 km.
  • รร.สามเสนวิทยาลัย ~ 4.5 km.
  • รร.เซนต์คาเบรียล~ 4.6 km.

สถานที่ราชการและอื่นๆ

  • สน.บางโพ ~ 1.5 km.
  • รัฐสภาแห่งใหม่ ~ 1.7 km.
  • สนง.เขตบางซื่อ ~ 2.5 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • ส่วนกลางให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต มีทั้งสวนเล่นระดับบนชั้นดาดฟ้าอาคารจอดรถ และ Sky Facilities บนชั้น 40 – 41 ให้สามารถขึ้นไปชมวิวแม่น้ำสวยๆได้ด้วย
  • การออกแบบผังอาคารน่าสนใจตรงที่ ห้องฝั่ง City View จะมีการเจาะช่องแสง ทำให้ผนังด้านข้างของห้อง 1 Bedroom จะไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลย มีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว
  • แยกอาคารจอดรถออกมาจากอาคารหลัก ทำให้มีจำนวนจอดรถเยอะถึง 56% รวมซ้อนคันก็ประมาณ 63% เหมาะกับทำเลที่เน้นใช้รถได้สะดวกมากๆ แต่ก็แลกกับการใช้งานที่ต้องเดินข้ามอาคารไป-มาอยู่สักหน่อยนะครับ

โครงการ Chapter One Flow บางโพ มีขนาดที่ดิน 3-1-4.9 ไร่ และมีห้องพักอาศัย 385 ยูนิต ถือเป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก และมีการแยกอาคารจอดรถออกไป โดยที่จอดรถมีมาให้ถึง 56% รวมจอดซ้อนคันก็ประมาณ 63% ถือว่าเยอะพอสมควร อีกทั้งยังได้พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถมาใช้งานเพิ่มขึ้นอีกด้วยครับ แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกกับระยะที่ต้องเดินอยู่สักหน่อย เพราะจะไม่เหมือนกับการมีพื้นที่จอดรถอยู่ในอาคารเดียวกัน ที่ขึ้น-ลงจากลิฟต์ตัวเดียวจะสะดวกกว่า

ส่วนฟังก์ชันใต้อาคารพักอาศัยจะประกอบไปด้วย Lobby และ Meeting Room ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้รับแขกภายนอกได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องพาแขกขึ้นตึกให้เสียความเป็นส่วนตัว รวมถึงยังมีห้องน้ำ Mailbox และร้านค้าให้ใช้งานครบ ซึ่งจุดที่ผมชอบคือ พื้นที่ระหว่างอาคารจอดรถและอาคารหลัก ที่จะมีการทำเป็นพื้นที่สีเขียวเพิ่มความสดชื่น แทนที่จะนำไปใช้เป็นทางเดินรถล้อมรอบอาคารแบบปกติ อันนี้ผมถือว่าดีและยังทำให้การเดินเชื่อมระหว่างอาคาร มีความปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย ส่วนลิฟต์ขนของจะใช้งานโถงลิฟต์ร่วมกับลิฟต์หลักครับ

บริเวณด้านหน้าสุดจะเป็นถนนภาระจำยอม ที่ใช้งานร่วมกันระหว่าง Chapter One Flow และ Chapter One Shine ซึ่งหน้างานปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการทำซุ้มประตูทางเข้าและป้อมยามอยู่นะครับ

โดยเบื้องต้นผมได้ข้อมูลมาว่า จะมีการใช้ไม้กั้นกระดก และระบบ RFID หรือสัญญาณ Bluetooth ที่จะเปิดให้อัตโนมัติเหมือน Easy Pass บนทางด่วน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านได้นั่นเองครับ

และเมื่อผ่านป้อม รปภ. เข้ามาเราจะเจอกับ Drop Off ที่อยู่ด้านหน้าของอาคาร ซึ่งสามารถใช้รับ-ส่งคนตรงนี้ได้ ส่วนถ้าเป็นรถของลูกบ้านก็สามารถเลี้ยวซ้าย เพื่อไปจอดที่อาคารจอดรถด้านหลังได้เลยครับ

ซึ่งอาคารจอดรถปัจจุบันก็กำลังอยู่ในระหว่างการเก็บงานนะครับ โดยความน่าสนใจจะอยู่ตรงการจัด Landscape ที่จะทำให้พื้นที่ด้านหลังระหว่างอาคารจอดรถและอาคารหลัก กลายเป็นพื้นที่สวนพักผ่อนสวยๆได้

โดยอนาคตจะมีการปูพื้นหญ้าบริเวณนี้ทั้งหมด พร้อมกับมีฉากน้ำตกด้านข้างที่ไหลลงมาจากสวนบนดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ซึ่งนอกจากจะได้ความสดชื่นจากต้นไม้และน้ำตกแล้ว ความชื้นและความต่างของอุณหภูมิในอากาศ ยังจะทำให้พื้นที่ตรงนี้กลายเป็นเหมือนช่องลมขนาดใหญ่ ที่จะมีลมพัดผ่านตลอดเวลาอีกด้วย

ซึ่งน้ำตกจะไหลลงมาจากสวนบนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถแบบนี้ครับ อีกทั้งยังมี Vertical Garden หรือสวนแนวตั้ง ที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับคนที่มาใช้งานได้อีกด้วย

และถ้าเราเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน ก็จะเห็นว่าพื้นที่ตรงนี้จะถูกโอบล้อมด้วย 3 อาคาร ซึ่งก็จะได้เงาของตึกเหล่านี้มาช่วยบังแสงแดด ทำให้บริเวณนี้มีร่มเงาและมาใช้งานได้เกือบตลอดทั้งวันเลยครับ

เราสามารถเดินเชื่อมจากอาคารจอดรถสู่ตัวอาคารหลักได้ จากชั้น 1 และชั้น 3 บริเวณนี้ครับ (และซ้ายมือตรงข้ามกับทางเข้า Lobby จะมีทางแยกไปห้องนิติบุคคล และพื้นที่ร้านค้าให้เช่าในอนาคต ซึ่งปัจจุบันเป็นสำนักงานขายนะครับ)

ภายใน Lobby มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และได้ฝ้าเพดานสูงแบบ Triple Volume 7.2 m. บรรยากาศจึงโปร่งโล่งมากๆครับ ตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม กระจกเงา และแสงไฟสีเหลืองทอง เลยทำให้ดูหรูหรามากขึ้น

ซ้ายมือจะมีเคาน์เตอร์ Reception ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าที่ประจำอาคารนั่งอยู่ตลอดเวลาครับ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ให้ลูกบ้านได้นั่งเล่นพบปะพูดคุยกันได้ด้วย โดยจะแบ่งเป็น 2 ล็อคตามช่วงของเสาที่อยู่ด้านใน

พื้นที่นั่งเล่นจะเป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่ สามารถนั่งพร้อมกันได้ 6 – 8 คน รวมถึงยังมีช่องแสงที่สามารถมองออกไปเห็นสวนและน้ำตกด้านนอกได้อีกด้วย

นอกจากนี้ใน Lobby ยังมีอีก 3 ฟังก์ชันนะครับ ประกอบด้วย Meeting Room ที่อยู่ตรงกลาง ส่วนทางด้านซ้ายมือจะเป็น Mailbox และห้องน้ำตามลำดับ

สำหรับห้อง Meeting Room จะมีประตูกระจกปิดกั้นไว้เป็นสัดส่วน เวลาที่เรามีเพื่อนหรือแขกมาหา แล้วต้องการคุยธุระกันจริงจังเป็นการส่วนตัว ก็สามารถเข้ามาใช้ห้องนี้ได้นะครับ ซึ่งภายในจะเป็นโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ จุได้เป็น 10 คนเลย โดยเราก็ไม่ต้องพาคนนอกขึ้นอาคารให้เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเอง

ส่วน Mailbox ก็จะแต่งเป็นห้องโทนสีทองหรูหรา พร้อมกับโซฟาให้นั่งอ่านจดหมายหรือเช็คพัสดุกันก่อนได้ด้วยครับ

ส่วนห้องน้ำจะมีแยกชาย-หญิงให้เรียบร้อย แขกไปใครมาก็สามารถมาเข้าจาก Lobby ตรงนี้ได้สะดวกเลย

ทางเข้าโถงลิฟต์จะต้องใช้ Keycard Access เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวนะครับ โดยที่บริเวณหน้าประตูจะมีเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายตั้งอยู่ด้วย เพียงแค่เดินผ่านเข้า-ออกประตู ก็จะสามารถวัดอุณหภูมิได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีเสียงแจ้งว่าอุณหภูมิปกติดังออกมา นอกจากนี้การตกแต่งผนังของ Lobby ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุมชนดั้งเดิมของแถวนี้ ที่เป็นย่านค้าไม้มาก่อนนั่นเองครับ

ภายในจะมีลิฟต์โดยสารอยู่ทางขวามือ 3 ตัว ส่วนด้านซ้ายจะเป็นลิฟต์สำหรับขนของ ซึ่งจะใช้งานทางเข้าเดียวกับลิฟต์โดยสารตัวอื่นๆครับ

ภายในลิฟต์มีการตกแต่งด้วยผนังอลูมิเนียมลายเหมือนผิวไม้ เพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของ Lobby ก่อนหน้านี้ ทำให้ดูหรูหรามากขึ้นครับ

ชั้น 3 ของอาคารหลัก จะมีสะพานทางเชื่อมตึกไปยังดาดฟ้าของอาคารจอดรถได้ ซึ่งใครที่จอดรถอยู่ชั้นบนๆ ก็สามารถเดินผ่านสวนเพื่อมาเข้าอาคารหลักจากทางนี้ได้เลย โดยสวน Recreation Garden แห่งนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน Facilities หลักของโครงการที่เป็น Signature เลยก็ว่าได้ เพราะเราสามารถมาเดินเล่นและออกกำลังกาย รวมถึงยังมี Indoor Function ให้ใช้งานอีก 2 อย่างด้วยคือ Study Room และ Play Yard

โดยที่อาคารของ Play Yard ก็จะเป็นอาคาร 2 ชั้นครับ ด้านบนจะเป็น Party Room เอาไว้ให้มานั่งเล่นพักผ่อน หรือจัดปาร์ตี้สังสรรค์ร่วมกับลูกบ้านคนอื่นๆได้

บริเวณโถงลิฟต์ชั้น 3 จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ ที่สามารถมองลงไปเห็น Lobby ที่อยู่ด้านล่างได้ด้วย ทำให้มีความโปร่งโล่งพอสมควร

แล้วถ้าเราเลี้ยวขวามาก็จะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ส่วนประตูกระจกที่อยู่ด้านในตรงกลางจะเป็น Laundry Room ที่ในอนาคตจะมีเครื่องซักผ้ามาลงเพิ่ม โดยเราก็สามารถมานั่งเล่น หรือจะมานั่งคอยผ้าที่ซักบริเวณนี้ได้ครับ

ซึ่งถ้ามองออกไปจากมุมนี้ก็จะเห็นสวนบนดาดฟ้าของอาคารจอดรถพอดีเลย

โดยเราสามารถเดินข้ามอาคารไปได้ด้วยทางเชื่อมตรงนี้ ซึ่งจะมีประตูกระจกกั้นอยู่ พร้อมกับต้องใช้ Keycard Access เพื่อความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งด้วย

สวนเล่นระดับบนดาดฟ้าอาคารจอดรถ (Recreation Garden) มีขนาดประมาณ 840 ตร.ม. ถือว่าใหญ่เลยนะครับ เพราะปกติคอนโดทั่วไปจะไม่ค่อยมีพื้นที่สีเขียวแบบนี้ให้ใช้งานสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากชื่อของโครงการอีกด้วย

โดยคำว่า “Flow” จะหมายถึงความลื่นไหลของสายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งถูกจัดเป็นชั้นน้ำตกสวยๆไหลยาวต่อเนื่องมาจากด้านบน ไปจนถึงน้ำตกชั้นล่างก่อนหน้านี้เลยครับ ซึ่งเวลาเราเดินเล่นอยู่ในสวนก็จะได้ยินเสียงน้ำอยู่ตลอดเวลา โดยรอบก็มีการปลูกต้นไม้ช่วยพรางสายตาจากเพื่อนบ้าน และยังทำให้ดูร่มรื่นมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการออกแบบทางเดินให้ใช้งานง่าย โดยจะมีให้เลือก 2 เส้นทางคือ บันไดด้านข้างที่สามารถเดินตรงขึ้นไปได้ตามปกติ กับทางลาดที่จะซิกแซกไปตามแนวสวนเล่นระดับ ซึ่งก็ได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากคลื่นของสายน้ำด้วยเช่นกัน เหมาะที่จะมาเดินออกกำลังกายเบาๆ หรืออาจเป็นเส้นทางสำหรับผู้สูงอายุ และผู้ใช้รถวีลแชร์ก็ได้ครับ

ซ้ายมือจะมี Pavilion กระจายตัวอยู่ในแต่ละชั้นแยกออกจากกันเป็นส่วนตัว

ภายในจะมีที่นั่งเล่นในซุ้ม และถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้ดูร่มรื่นดีครับ ขนาดที่ว่าผมมาเดินตอนกลางวันก็ยังมีร่มเงาให้นั่งได้นะ โดยที่นั่งก็จะเป็นหินและโครงเหล็กที่ดูแลรักษาได้ง่าย สามารถใช้งานกันได้ยาวๆหลายปีเลยล่ะครับ

ส่วนด้านบนสุดของสวนก็จะมีอีก 2 อาคารให้ใช้งานแยกออกจากกันเป็นส่วนตัว

เดี๋ยวผมจะพาไปดูอาคารทางด้านซ้าย ที่เป็นอาคารชั้นเดียวก่อนนะครับ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าทุกๆฟังก์ชันของพื้นที่ส่วนกลาง จะมีประตูกั้นและต้องใช้ Keycard Access สำหรับลูกบ้านเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย คนภายนอกไม่สามารถเดินขึ้นมาใช้เองได้ครับ

เมื่อเปิดประตูเข้ามาเราจะเจอกับผนังทึบก่อน ทั้งนี้เพราะเค้าต้องการออกแบบให้ผนังหรือชั้นวางนี้ ทำหน้าที่เป็นฉากกั้นบังสายตาจากคนภายนอก เพื่อให้ Study Room มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเองครับ

ภายในมีพื้นที่นั่งกระจายตัวอยู่หลายจุด มีทั้งแบบชุดเก้าอี้เล็กๆ และชุดโต๊ะขนาดใหญ่ไว้นั่งทำงานกลุ่มหรือประชุมร่วมกันได้ แถมโดยรอบก็จะถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้สีเขียว ทำให้บรรยากาศห้องนี้ดูเย็นสบายและสดชื่น เหมาะกับการมานั่งทำงานอ่านหนังสือแบบส่วนตัวมากๆครับ

ส่วนอาคารทางขวามือจะเป็นอาคารใหญ่ 2 ชั้น ดีไซน์ภายนอกเป็นสีขาวเหมือนกัน ซึ่งตัดกับสีเขียวของต้นไม้รอบๆทำให้ดูโดดเด่นมากขึ้น

ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ใต้อาคารแบบ Semi-Outdoor เพื่อเปิดรับลมเย็นสบาย ด้านขวามือจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและห้องน้ำแยกชาย-หญิงครับ

ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นพื้นที่ Play Yard ที่จะมีโต๊ะปิงปองเอาไว้ให้เล่นกับเพื่อนๆได้อีกชุดนึง

แล้วพอเราขึ้นบันไดมาก็จะเจอกับห้องกระจกอีกฟังก์ชันหนึ่งครับ

ภายในเรียกว่า Party Room จะมีที่นั่งเล่นหลายจุดเลย ทั้งแบบถุง BigBag ให้นั่งพื้นกันแบบชิลๆ มีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งจริงจัง หรือจะเป็นเคาน์เตอร์บาร์ไว้นั่งจิบเครื่องดื่มก็ได้ โดยที่ทางโครงการจะมีตู้เย็นเตรียมไว้ให้ด้วย สามารถขนพวกเครื่องดื่มส่วนตัวมาแช่เย็น แล้วนั่งอยู่ยาวๆทั้งวันโดยไม่ต้องแวะกลับห้องบ่อยๆได้เลยครับ

พื้นที่โดยรอบถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้เพื่อพรางสายตา และเพิ่มความสดชื่นให้กับพื้นที่นั่งเล่นด้านในได้เป็นอย่างดี หรือถ้าใครอยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก ก็จะมีระเบียงและชุดเก้าอี้เตรียมไว้ให้แล้วด้วยครับ

ชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 4 – 38 เลยครับ ซึ่งแปลนของชั้น 28 – 38 จะต่างกับแปลนนี้แค่เรื่องของขนาดเสาภายในห้องที่เล็กลงเท่านั้น แต่จำนวนและตำแหน่งห้องคือเหมือนกันทุกอย่างเลย โดยจะมีเพื่อนบ้านแค่เพียง 11 ยูนิต/ชั้น ถือว่าค่อนข้างเป็นส่วนตัวอยู่นะครับ แต่อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการจะอยู่ที่ 128 : 1 ถือว่าเริ่มจะหนาแน่นอยู่พอสมควรแล้วเหมือนกัน อาจส่งผลต่อการต้องรอลิฟต์นานๆได้

ความน่าสนใจของผังนี้คือ ฝั่ง City View ของห้อง 1 Bedroom ที่จะมีการเปิดช่องแสงเพื่อให้โถงทางเดินมีการระบายอากาศได้ดีมากขึ้น แต่ก็ยังส่งผลให้ห้องพักเหล่านี้จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเช่นกัน เพราะผนังด้านข้างจะไม่ติดกับใครเลย ไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงรบกวนจะดังมาจากห้องข้างๆอีกต่อไป ซึ่งต้องบอกก่อนว่าห้องทิศนี้ขายดีมาก เพราะเรื่องความเป็นส่วนตัวอย่างที่บอกไป แถมห้องยังเป็นไซส์เล็กราคาจับต้องง่าย ปัจจุบันเหลือเพียงไม่กี่ยูนิตแล้วนะครับ

ส่วนห้องทางฝั่ง River View จะเป็นห้องไซส์ใหญ่ทั้งหมด ส่วนมากจะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus และห้องมุมจะเป็น 2 Bedroom ซึ่งห้องทิศนี้ถ้าเราเลือกชั้นไม่สูงมาก ก็จะสามารถมองเห็นวิวสวนบนดาดฟ้าอาคารจอดรถได้ แต่ถ้าใครที่เน้นวิวแม่น้ำก็อาจต้องเลือกชั้นที่สูงขึ้นมาหน่อย ประมาณชั้น 10 กว่าๆก็น่าจะเห็นได้ชัดเจนแล้วครับ

ขอแวะพามาดูชั้นพักอาศัยกันสักเล็กน้อย เพราะมีดีเทลการออกแบบที่น่าสนใจซ่อนอยู่ครับ อย่างที่เราเห็นจากแปลนกันไปแล้วว่า ห้องพักทั้งหมดจะโอบล้อมโถงทางเดินทั้ง 4 ทิศเอาไว้ เลยทำให้ช่องแสงของอาคารค่อนข้างน้อย จึงต้องเปิดไฟช่วยตลอดเวลาเพื่อให้โถงทางเดินสว่างเพียงพอ

และตรงบริเวณนี้จะเป็นช่องหน้าต่าง ที่เกิดจากช่องว่างของผนังห้องฝั่ง City View ฟังก์ชันนี้อาจไม่ได้ช่วยเรื่องความสว่างได้มาก เหมือนพวกช่องแสงที่อยู่ตรงปลายทางเดินแบบปกติสักเท่าไหร่นะครับ แต่จะเน้นช่วยเรื่องอากาศถ่ายเทมากกว่า ที่สำคัญคือยังทำให้ห้องพักฝั่ง City View ผนังไม่ติดกัน และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนั่นเองครับ

และตรงนี้คือบริเวณของช่องลม/ช่องแสง เมื่อเรามองจากภายนอกครับ

ชั้น 40 เป็นชั้นสระว่ายน้ำที่เราจะสามารถขึ้นมาชมวิวจากมุมสูงได้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 สระด้วยกันคือ Infinity Edge Pool ที่เป็นสระหลักขนาด 20 x 5 m. / Leisure Pool เป็นสระแช่น้ำชมวิว ซึ่งจะยื่นออกไปด้านนอกอาคารเล็กน้อย ขนาดประมาณ 12 x 3 m. และ Kid’s Pool สระเด็กขนาดประมาณ 4 x 4 m. รวมถึงยังมีจุดนั่งเล่นพักผ่อนรอบๆสระ และห้องน้ำแยกชาย-หญิงที่ด้านในจะมีห้อง Stream ให้ใช้งานอีกด้วยครับ

ส่วนกลางในชั้น 40 จะเป็นแบบ Semi-Outdoor อยู่ด้านนอกทั้งหมดเลย

พอออกมาเราจะเจอกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมกับมีพื้นที่นั่งเล่นแยกเป็นแท่นๆมาให้เพื่อความเป็นส่วนตัว โดยเวลาใช้งานของจริงก็อาจมีชุดหมอน หรือพวกเก้าอี้มาวางไว้ให้เพิ่มเติมอีกทีนะครับ แต่ที่ชอบก็คือเราสามารถมานั่งเล่นได้ตลอดทั้งวัน เพราะอยู่ใต้ชายคาแดดไม่ร้อนเลย และมองออกไปเห็นวิวกว้างๆได้อย่างเต็มที่

โดยสระว่ายน้ำหลักจะเป็น Infinity Edge Pool ที่เราสามารถเกาะขอบสระชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างใกล้ชิดเลยครับ ซึ่งสระจะมีขนาด 5 x 20 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจังเลย แต่แนะนำให้มาตอนช่วงแดดร่มๆหน่อยจะดีครับ และถ้าเป็นตอนเย็นก็จะได้เห็นพระอาทิตย์ตกดินด้วยนะ

เดินต่อมาตามทางเดินอีกหน่อย จะเจอกับห้องน้ำที่อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งจะมีแยกชาย-หญิงให้เรียบร้อย ภายในมีขนาดค่อนข้างใหญ่ คือเข้าไปครั้งแรกได้บรรยากาศเหมือนห้องน้ำตาม Fitness Center ด้านนอกเลยล่ะ มีทั้งที่นั่งแต่งตัว ตู้ล็อคเกอร์ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และยังมี Steam Room ให้ใช้งานอีกด้วย (ปัจจุบันยังมีเก็บงานอีกนิดหน่อย เลยยังไม่มีภาพมาฝากกันนะครับ)

ส่วนบริเวณริมสุดของอาคารจะเป็นสระเด็กครับ ขนาดประมาณ 4 x 4 m. ซึ่งจะมีกระถางต้นไม้มาคั่นเอาไว้จากริมอาคาร เวลาน้องๆมาใช้งานจะมีความปลอดภัยมากขึ้น

ส่วนอีกด้านหนึ่งของสระจะมีจุดที่เรียกว่า Leisure Pool ซึ่งจะเป็นส่วนที่ยื่นออกมานอกอาคารเล็กน้อย และทำขอบสระเป็นกระจกเพื่อให้ผืนน้ำดูเชื่อมต่อกับแม่น้ำ มีขนาดสระประมาณ 12 x 3 m. เน้นเอาไว้มาแช่น้ำชมวิวตรงสะพานพระราม 6 และ 7 แบบใกล้ๆมากกว่าครับ (นอกจากนี้ด้านหลังสระก็ยังจะมี Shower ไว้ล้างตัวก่อนลงสระด้วยนะ แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างการเก็บงานอยู่ ผมเลยเอาเฉพาะภาพวิว Highlight บางส่วนมาให้ชมกันก่อนครับ)

ชั้น 41 เป็นส่วนกลางที่อยู่ชั้นสูงสุดของอาคาร ประกอบด้วย Sky Lounge ขนาดใหญ่ ที่เอาไว้มานั่งพักผ่อนชมวิวกันได้เต็มที่ ถือไว้ว่าเป็นตำแหน่งที่ได้วิวดีแบบ Panorama 180 องศา มองเห็นโค้งแม่น้ำสวยที่สุดในโครงการ ซึ่งถ้าใครที่อยู่ชั้นล่างๆ หรือวิวในห้องอาจไม่ค่อยแจ่มเท่าไหร่ ก็ยังสามารถขึ้นมาดูวิวที่ชั้นนี้ได้นะครับ รวมถึงยังมี Sky Fitness ให้ใช้งาน ซึ่งเราจะได้ออกกำลังกายไป และชมวิวมุมสูงสวยๆไปด้วย

แต่ข้อจำกัดอย่างหนึ่งก็คือ ชั้นนี้จะไม่มีห้องน้ำให้ใช้งานครับ ซึ่งอาจไม่สะดวกสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะคนที่มาออกกำลังกาย มีเหงื่อท่วมตัว แล้วอยากล้างเนื้อล้างตัวเร็วๆ ก็จำเป็นต้องเสียเวลากดลิฟต์เพื่อลงไปชั้น 40 หรือไม่ก็ต้องกลับไปที่ห้องตัวเองเลยนั่นเอง แต่มองในแง่ดีคือ Fitness และ Sky Lounge จะมีขนาดพื้นที่ใหญ่ขึ้นนั่นเองครับ

สำหรับฟังก์ชันบนชั้น 41 จะเป็นแบบ Indoor ทั้งหมดเลย ซึ่งจะมีทางแยกขวาไป Sky Lounge และทางซ้ายไป Sky Fitness

เรามาเริ่มกันที่ Sky Lounge กันก่อนเลยครับ ซึ่งจะเป็นห้องขนาดใหญ่พื้นที่รูปตัว L และมีที่นั่งกระจายอยู่หลายจุด

โดยจะมีทั้งโต๊ะแบบเคาน์เตอร์บาร์ เหมาะที่จะไว้นั่งจิบเครื่องดื่ม หรือหันหน้าเข้าด้านข้างเพื่อทำงานแบบส่วนตัวก็ได้ รวมถึงยังมีโต๊ะให้นั่งแบบจริงจัง และชุดโซฟาสำหรับนั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ด้วยครับ

ซึ่งวิวจากห้อง Sky Lounge นี้เราสามารถมองเห็นโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มที่ ค่อนข้างสวยงามดีทีเดียวครับ

ถัดมาเราจะไปดู Sky Fitness ที่จะมีทางเดินแยกออกไปด้านซ้ายกันบ้างนะครับ ซึ่งระหว่างทางจะมีการเปิดช่องแสงเชื่อมต่อกับ Sky Lounge เลยทำให้โถงทางเดินสว่าง และยังได้ชมวิวไปด้วยพรางๆด้วย

ภายใน Sky Fitness มีขนาดใหญ่กำลังดีครับ ซึ่งก็มีเครื่องเล่นและอุปกรณ์มาให้ครบครัน อีกทั้งยังเปิดช่องแสงทั้ง 2 ด้าน เพื่อให้สามารถออกกำลังกายไปและชมวิวมุมสูงสวยๆไปด้วยได้

ซึ่งด้านซ้ายจะเป็น Weight Training สำหรับเพิ่มกล้ามเนื้อ ส่วนด้านในจะเป็น Cardio ลู่วิ่งและเครื่องปั่นจักรยาน ไว้สำหรับเบิร์นไขมันให้ผอมเพรียว โดยจะอยู่ติดกับช่องหน้าต่างแบบนี้เลยครับ ออกกำลังไปชมวิวไปเพลินดีเหมือนกัน

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

ชั้น 1

  • Lobby Triple Volume 7.2 m.
  • Mailbox
  • Meeting Room
  • Rental Storage
  • Juristic Room
  • Shop
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1 และชั้นดาดฟ้าอาคารจอดรถ รวมทั้งโครงการประมาณเกือบ 1 ไร่

ชั้น 3 ของอาคารหลัก และดาดฟ้าอาคารจอดรถ

  • Recreation Garden
  • Study Room
  • Play Yard
  • Party Room
  • Laundry Room
  • Connect to Residential Tower (สะพานทางเชื่อมอาคาร)

ชั้น 40

  • Infinity Edge Pool ระบบ เกลือ ขนาด 5 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • Leisure Pool ขนาด 12 x 3 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • Kid’s Pool ลึก 0.5 เมตร ขนาดประมาณ 4 x 4 เมตร
  • Female/Male Locker & Stream Room

ชั้น 41

  • Sky Lounge
  • Fitness

 

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 128 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 218 คันคิดเป็น 56% (ถ้ารวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 63%)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access

 

แบบห้อง

Highlights :

  • ห้อง 1 Bedroom Plus จะเป็นฝั่ง River View แบบสวยๆ มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างใหญ่ กว้างขวางและโปร่งโล่งดี ได้ห้องครัวปิดทำอาหารได้จริงจัง อีกทั้งยังมีห้องอเนกประสงค์ให้ใช้เป็นห้องทำงานช่วง WFH แบบนี้ได้ดี
  • ห้อง 1 Bedroom จะเป็นฝั่ง City View เป็นห้องหน้ากว้าง แม้พื้นที่จะเล็กสุดแต่ก็มีความโปร่งโล่งมากๆ และยังสามารถทำราคาเริ่มต้นออกมาได้น่าสนใจอีกด้วย
  • ห้องทุกแบบจะให้ความสำคัญกับเรื่องวิวเป็นพิเศษ โดยจัดให้ห้องครัวหรือห้องน้ำอยู่ทางด้านหน้าห้องทั้งหมด แล้วนำพื้นที่นั่งเล่น ห้องนอน หรือห้องอเนกประสงค์ ให้อยู่ติดกับช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้มีความโปร่งโล่งและสามารถชมวิวได้ดีมากขึ้น
  • ขายแบบ Fully Furnished ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เข้าอยู่ได้เลย

แบบห้องของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 4 Type และจะขายแบบ Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์ครบตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นแบบลอยตัวหรือ Built-in รวมถึงฟูกที่นอนด้วยนะ ขาดก็แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นก็เข้าอยู่ได้เลย ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom (City View) ขนาด 31.8 – 32.85 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Exclusive (River View) ขนาด 43.2 – 43.85 ตร.ม.
  • 2 Bedroom (River View) ขนาด 49.65 ตร.ม.
  • 2 Bedroom Exclusive (River View) ขนาด 64.75 ตร.ม.

  • 1 Bedroom Exclusive (River View) ขนาด 43.2 – 43.85 ตร.ม.

สำหรับห้องแรกที่เราจะมาแนะนำกันวันนี้คือ 1 Bedroom Plus ที่ชั้นยิ่งสูงก็จะยิ่งได้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆ ดังนั้นจึงออกแบบให้เน้นช่องแสงและระเบียงขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถชมวิวได้อย่างเต็มที่ โดยห้องที่น่าใช้งานมากที่สุดก็คือห้อง Plus ที่กั้นด้วยประตูกระจกเพื่อความโปร่งโล่ง แต่จะเป็นฟังก์ชันที่อยู่ติดกับหน้าต่างเลย ทำให้สามารถชมวิวได้สวยที่สุดห้องหนึ่ง เหมาะที่จะทำเป็นห้องทำงานอ่านหนังสือช่วง WFH แบบนี้มากๆ หรือถ้าใครมีลูกเล็กๆ ก็ยังสามารถใช้เป็นห้องนอนเล็กได้เหมือนกัน

นอกจากนี้เรายังได้ห้องครัวปิดที่เหมาะจะทำอาหารจริงจังได้ รวมถึงห้องน้ำก็สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทำให้การใช้งานค่อนข้างสะดวกสบาย เวลามีแขกมาเข้าห้องน้ำก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัวนั่นเองครับ โดยห้องนี้จะเหมาะกับการอยู่อาศัย 1 – 2 คน ถ้ามีลูกก็อาจจะเหมาะกับช่วงวัยเล็กๆกำลังดี และยังถือเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ พื้นที่ใช้งานโปร่งโล่ง และกั้นห้องนอนด้วยผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียว

และนี่จะเป็นรายการเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้จริงนะครับ ซึ่งก็จะได้เห็นภายในห้องตัวอย่างต่อไปนี้ด้วย ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นก็แพ็คกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย

ประตูทางเข้าห้องจะเป็นไม้บานทึบสีขาว พร้อมมือจับแบบก้านโยกใช้งานง่าย และช่องตาแมวเพื่อส่องความปลอดภัย ส่วนธรณีประตูก็จะมีขอบยกสูงจากโถงทางเดิน เวลาแม่บ้านทำความสะอาดภายนอกจะได้ไม่มีเศษฝุ่นเข้ามาในห้อง

เข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Common Area ฝ้าเพดานสูง 2.7 m. บรรยากาศค่อนข้างโปร่งโล่งดีทีเดียว และปูพื้นด้วยลามิเนตลายไม้ครับ ดูสวยงามเป็นธรรมชาติดี

ทางด้านหลังของประตูทางเข้าจะมีตู้ใส่รองเท้าเป็นสัดส่วนด้วยครับ ทำให้เราไม่ต้องถอดรองเท้าวางเกะกะหน้าห้อง ส่วนชั้นบนๆก็เอาไว้วางของใช้ที่จำเป็นต้องหยิบก่อนออกจากห้องบ่อยๆได้ เช่น กุญแจห้อง กุญแจรถ กระเป๋าเงิน แว่นกันแดด เป็นต้น

ส่วนด้านขวาของประตูจะเป็นโต๊ะทานอาหาร ซึ่งเราจะได้เป็นโต๊ะกลมแบบนี้ครับ ดังนั้นเวลาใช้งาน 4 คน ก็อาจต้องมีการเลื่อนโต๊ะออกมาตรงกลางๆห้องหน่อย เพื่ออีก 2 คนด้านในจะได้นั่งได้ด้วยครับ แล้วเวลาไม่ใช้งานก็ค่อยเลื่อนกลับไปชิดผนังเหมือนเดิม จะได้มีทางเดินกว้างมากขึ้น

ใกล้ๆกันจะเป็นห้องครัวที่กั้นด้วยประตูกระจกฝ้า ซึ่งจะมองเห็นด้านในได้ลางๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เปิดประตูชนกับคนด้านในครับ

ภายในมีขนาดพื้นที่กว้างประมาณ 1 m. สามารถใช้งาน 1 – 2 คนได้พอดีๆครับ อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนวัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ทำให้สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหรือความชื้น จะมาทำให้พื้นเสียหายง่ายเหมือนพื้นไม้ลามิเนต

ส่วนด้านบนก็จะติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยตามมาตรฐาน พร้อมกับพัดลมดูดอากาศมาให้ด้วยครับ เลยทำให้ห้องครัวนี้สามารถทำครัวจริงจัง ที่มีกลิ่นหรือควันได้เต็มที่มากขึ้น โดยไม่ต้องกลัวว่ากลิ่นจะไปติดตามโซฟา พรหม หรือผ้าม่านในห้องนั้นเอง

เคาร์เตอร์ครัวจะ Built-in มาให้ตามห้องตัวอย่างเลยครับ มีช่องเก็บของเยอะเพียงพอสำหรับ 1 – 2 คนแน่นอน มาพร้อมกับชุดครัวอย่าง Hob&Hood และอ่างล้างจานจาก TEKA กับ Top เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินสังเคราะห์สีดำ ที่ทนความร้อนและความชื้นได้ดีมากๆ แต่เราอาจต้องติดตั้ง Backsplash ที่ผนังรอบๆเพิ่มสักหน่อยนะครับ จะได้เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น

ส่วนด้านข้างก็จะมีช่องให้เก็บพวกเครื่องปรุงหรือวัตถุดิบเพิ่มเติม เวลาจะใช้งานก็จะหยิบจับได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงพื้นที่วางตู้เย็นก็จะมีขนาดประมาณ 70 x 70 cm. และควรเลือกตู้ที่มีบานเปิดแบบในห้องตัวอย่าง ให้สามารถหยิบของได้สะดวกครับ โดยด้านบนประตูที่อยู่ติดกันก็จะมี Stopper กันกระแทกเอาไว้ให้ด้วย

ประตูบานนี้จะเป็นประตูที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ ซึ่งผมลองเปิดดูแล้วปรากฏว่า Stopper สามารถกั้นประตูด้านบนไว้ได้จริง แต่ลูกบิดประตูที่อยู่ด้านล่างกลับชนเข้ากับตู้เย็นเต็มๆ เพราะเค้าจะยื่นออกมาเยอะกว่า ดังนั้นเวลาวางตู้เย็นก็อาจกะระยะดูให้ดีๆหน่อยนะครับ ว่าหลังตู้เย็นยังพอจะขยับได้อีกสักหน่อยมั้ย เวลาเปิดจะได้ไม่ชนกันอีก

กลับมาต่อกันที่พื้นที่นั่งเล่นในห้อง จะมีระยะดูทีวีประมาณ 2.1 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้นะ ซึ่งบริเวณนี้ก็จะยังคงได้แสงสว่าง จากหน้าต่างในห้องอเนกประสงค์ส่องเข้ามาอยู่เต็มๆ เลยทำให้บรรยากาศโปร่งโล่งไม่อึดอัดครับ

โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะประกอบด้วย ชั้นวางทีวี โซฟา และโต๊ะกลางขนาดเล็กที่เอาไว้ใช้นั่งกดคอมหน้าทีวีได้ด้วย โดยเราสามารถเพิ่มตู้เล็กๆด้านข้างทีวี และชั้นวางด้านบนเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้นะครับ

ห้องอเนกประสงค์จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้สามารถเปิดออกได้กว้างมากขึ้น ซึ่งถ้าเปิดเชื่อมต่อกับ Common Area ก็จะกลายเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ไปเลย แต่ถ้ากั้นปิดไว้ก็จะกลายเป็นห้องที่เป็นสัดส่วนเพิ่มมาอีกฟังก์ชันหนึ่ง

โดยด้านในประตูจะมีตัวล็อคเพื่อความเป็นส่วนตัวให้ด้วย หรือเราอาจติดม่านช่วยบังสายตาเพิ่มอีกก็ได้นะครับ และประตูนี้ก็จะเป็นแบบเดินรางบนพื้น ซึ่งก็ระวังเดินสะดุดล้มและต้องทำความสะอาดดีๆนิดนึง เพราะรางนี้อาจเก็บฝุ่นได้ง่ายหน่อยนะ

ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2.5 x 2 m. เพียงพอที่จะวางเตียง 3.5 ฟุต เพื่อทำเป็นห้องนอนเด็กเล็กได้อีกห้องหนึ่งเลยครับ แต่ทางโครงการเค้าก็จะให้ Sofa Bed มาอยู่แล้วนะ เหมาะที่จะใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรืออาจเพิ่มโต๊ะไว้นั่งทำงานจริงจังอีกสักชุดก็ยังได้ เหมาะกับช่วง WFH แบบนี้มากๆครับ

ส่วนช่องหน้าต่างก็ให้มาค่อนข้างใหญ่ดีครับ เป็นกรอบอลูมิเนียมสีดำและกระจกเขียวตัดแสง ช่องด้านซ้ายกว้างประมาณ 0.85 x 1.8 m. สามารถชมวิวแม่น้ำภายนอกได้เต็มๆเลย ส่วนหน้าต่างบานกระทุ้งด้านขวาก็เปิดระบายอากาศได้ด้วย

สุดท้ายเราจะเข้าไปดูในห้องนอนกันบ้างครับ ซึ่งจะกั้นด้วยผนังทึบแยกออกไปเป็นส่วนตัวเลย

ภายในมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ครับ ซึ่งทางโครงการจะให้เตียงขนาด 5 ฟุต ที่มาพร้อมกับฟูกที่นอนด้วย แต่เรื่องความนุ่มผมจะขอไม่พูดถึง เพราะ Test ของแต่ละคนชอบไม่เหมือนกันนะครับ

และที่ใต้เตียงก็จะมีลิ้นชักเก็บของซ่อนเอาไว้ด้วยแบบนี้

ส่วนผนังปลายเตียงก็สามารถติดทีวีแขวนผนังได้ครับ ซึ่งพื้นที่โดยรอบเตียงจะกว้างประมาณ 60 cm. สามารถเดินผ่านได้สะดวกอยู่

ด้านขวาของเตียงจะเป็นระเบียงขนาด 3.3 x 1.2 m. ถือว่าค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียวครับ สามารถนำโต๊ะเก้าอี้ออกมากางนั่งชมวิวได้เลย ส่วน Condensing Unit ก็จะอยู่ด้านข้าง และเป่าลมร้อนออกไปด้านนอก เลยทำให้ระเบียงไม่ร้อนเลย ซึ่งพื้นที่ด้านล่างก็ยังสามารถวางเครื่องซักผ้าเพิ่มเติมได้ครับ โดยจะมีความกว้างประมาณ 70 cm. (เผื่อใครไม่อยากวางเครื่องซักผ้าในห้องครัว เพราะตรงนี้ซักเสร็จก็ตากได้เลย ไม่ต้องขนมาไกล)

ส่วนด้านซ้ายของเตียงจะเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำครับ

โดยตู้เสื้อผ้าก็จะได้เป็นหน้าบานกระจกสีดำแบบนี้ ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นช่องสำหรับวางของหรือพับผ้าเก็บได้ด้วย และมีขนาดพื้นที่ยืนแต่งตัวกว้างประมาณ 1 m. สามารถใช้งานได้สบายๆครับ

หรือเราอาจทำพื้นที่หน้าห้องน้ำนี้ ให้กลายเป็นมุมแต่งตัวและ Walk-in Closet เล็กๆได้เช่นกัน โดยผมเคยเห็นไอเดียใช้ผ้าม่านมาเลื่อนปิด ก็จะสามารถใช้งานได้เป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ยังคงได้ความโปร่งโล่งอยู่ และเลื่อนเปิดเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ให้กว้างเหมือนเดิมได้อยู่ครับ

ส่วนภายในห้องน้ำเราจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยครับ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ใช้งานได้ดี

พื้นที่ส่วนแห้งกว้างประมาณ 1.4 x 1.9 m. สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือจากในห้องนอนและห้องครัวก่อนหน้านี้ โดยเราจะได้ชุดสุขภัณฑ์จาก COTTO ตามห้องตัวอย่างเลยครับ ทั้งอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และยังมีผนัง Low Wall ที่สามารถวางของเพิ่มเติมได้ด้วย เพียงแต่กระจกเงาที่ให้มาจะเป็นขนาดพอดีตัวไม่ได้ใหญ่นะครับ

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็จะมีขนาดประมาณ 1.1 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ และเราอาจต้องติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเติมเองนะครับ โดยด้านในจะมี Hand Shower และที่วางของในตัวนิดหน่อย ซึ่งเราอาจต้องติดชั้นวางตรงผนังเพิ่มเองอีกที และด้านบนมี Junction Box เอาไว้ให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นให้แล้วครับ

  • 1 Bedroom (City View) ขนาด 31.8 – 32.85 ตร.ม.

สำหรับห้อง Type นี้จะเหลืออยู่ไม่มากแล้วนะครับ อย่างที่บอกในช่วงผังอาคารแล้วว่า จุดเด่นของห้องนี้คือ ผนังด้านข้างเค้าจะไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลย ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะเราไม่ต้องกังวลว่าจะมีเพียงดังมาจากห้องข้างๆหรือเปล่า และด้วยความที่เป็นห้องหน้ากว้างพร้อมกับกั้นห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน จึงทำให้บรรยากาศภายในโปร่งโล่งมากๆเลยครับ โดยห้องนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่มีแขกมาหาบ่อยๆ เพราะอาจเสียความเป็นส่วนตัวในห้องนอนได้ง่าย รวมถึงไม่เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหาร เพราะเราจะได้ครัวเปิดที่เชื่อมต่อกับ Common Area แต่ถ้าอยู่คนเดียวหรือกับแฟนแค่ 2 คนนี่สบายๆเลยครับ

และนี่จะเป็นรายการเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้ของห้องนี้นะ ซึ่งก็จะเหมือนกับห้อง 1 Plus ก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่เราจะได้เก้าอี้ทานอาหารแค่ 2 ที่นั่งเท่านั้น

เมื่อเข้ามาภายในจะเจอกับครัวและ Common Area แต่จากมุมนี้จะยังมองไม่ค่อยเห็นห้องนอนนะ จึงทำให้หน้าห้องยังพอมีความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง

โดยครัวของห้องนี้จะเป็นครัวเปิด ที่เชื่อมกับ Common Area ซึ่งถ้าใครต้องการทำเป็นครัวปิด ก็พอจะมีระยะให้สามารถกั้นประตูกระจกบานเลื่อนเพิ่มเติมได้นะครับ

และพื้นบริเวณห้องครัวก็จะเป็นไม้ลามิเนตเช่นเดียวกับพื้นในห้อง ซึ่งจะไม่ได้ทนน้ำหรือความชื้นได้ดีเหมือนพื้นกระเบื้องของห้อง 1 Bedroom Plus นะครับ ดังนั้นก็อาจต้องคอยเช็ดทำความสะอาดกันดีๆหน่อย

เคาน์เตอร์ครัวที่ Built-in มาให้จะเหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้เลย เพียงแต่จะมีความกว้างที่น้อยลง เนื่องจากพื้นที่ด้านล่างจะไม่มีที่วางเครื่องซักผ้าแล้วนั่นเอง

ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นที่วางตู้เย็นกว้างประมาณ 70 cm. และจำกัดความสูงไม่เกิน 1.8 m. เพราะมีชั้นวางของด้านบนเพิ่มเข้ามาครับ ส่วนด้านข้างจะเป็นตู้รองเท้าเหมือนเดิม แต่จะมีขนาดที่ใหญ่และเก็บรองเท้าได้หลายคู่มากขึ้น

ติดกันจะเป็นพื้นที่วางโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งเรายังคงได้โต๊ะกลมเช่นเคยครับ แต่ผมค่อนข้างชอบตำแหน่งที่อยู่ติดกับตู้เย็นและครัวแบบนี้ เหมาะกับสายรักความสะดวกสบายไม่ต้องยกของไกลแบบผมมากๆ

Common Area จะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ได้แสงสว่างจาก 2 ช่องทาง

เริ่มจากพื้นที่นั่งเล่นจะมีระยะดูทีวีประมาณ 2.2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ และตำแหน่งนี้ก็จะอยู่ติดกับระเบียงเลย ทำให้สามารถนั่งดูทีวีไปแล้วชมวิวภายนอกไปด้วยได้

ระเบียงภายนอกมีขนาดประมาณ 3.3 x 0.9 m. สามารถออกมาใช้งานได้สบายๆ รวมถึงพื้นที่ใต้ Condensing Unit ก็กว้างประมาณ 75 cm. สามารถวางเครื่องซักผ้าตรงนี้ได้นะครับ

ถัดมาจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ค่อนข้างจะมีน้ำหนักนิดนึงนะครับ เพราะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยเราสามารถติดผ้าม่านไว้เลื่อนปิดเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้นะ

ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง และได้เตียงนอนขนาด 5 ฟุตพร้อมฟูกมาเช่นเคย

โดยตำแหน่งเตียงนี้นอกจากจะอยู่ติดหน้าต่าง ที่มองออกไปชมวิวด้านนอกได้แล้ว ยังสามารถนอนดูทีวีจากบนเตียงได้อีกด้วย (แต่อาจมีกรอบประตูบังอยู่สักนิดนึงนะครับ)

ส่วนทางด้านซ้ายของเตียงก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิม และอยู่ติดกับห้องน้ำครับ

ภายในห้องน้ำมีการแยกฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และได้อุปกรณ์ครบตามห้องตัวอย่างเหมือนเดิม

โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างประมาณ 1.5 x 2 m. สามารถใช้งานได้สะดวกครับ

ส่วนพื้นที่ยืนอาบน้ำก็จะมีขนาดประมาณ 1 x 0.8 m. สามารถติดฉากกั้นอาบน้ำหรือม่านพลาสติกเพิ่มเติมเองได้นะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

แบบแปลน

Image 1/2
2 Bedroom (River View) ขนาด 49.65 ตร.ม.

2 Bedroom (River View) ขนาด 49.65 ตร.ม.

ราคา

Chapter One Flow บางโพ ราคา ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2564

  • 1 Bedroom (City View) ขนาด 31.8 – 32.85 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Exclusive (River View) ขนาด 43.2 – 43.85 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.9 – 4.35 ล้านบาท
  • 2 Bedroom (River View) ขนาด 49.65 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.99 – 5.05 ล้านบาท
  • 2 Bedroom Exclusive (River View) ขนาด 64.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.94 – 6.44 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ TEKA
  • จอง 5,000 / 10,000 / 20,000 บาท
  • ฟรีค่าทำสัญญา
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ปัจจุบันเริ่มมีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ ในย่านบางโพนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆเลยนะครับ เพราะเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ค่อนข้างครบเครื่องมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคมที่สะดวก ทั้งการใช้รถยนต์ หรือรถสาธารณะอื่นๆ รวมถึงยังมีตลาดศรีเขมา ตลาดบางโพ และห้างสรรพสินค้าอย่าง Digital Gateway บางซื่อ อยู่ใกล้ๆอีกด้วย

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ย่านนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นก็คือ “วิวแม่น้ำเจ้าพระยา” ซึ่งจะเป็นหนึ่งในจุดที่ได้โค้งแม่น้ำเต็มๆสวยๆของกรุงเทพฯนั่นเอง โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่บนถนนฝั่งเดียวกับแม่น้ำ จึงมีความเสี่ยงน้อยที่จะโดนบังวิวในอนาคต และถึงแม้จะมีอาคารสูงเพื่อนบ้านขนาบเอาไว้ 2 ข้างอยู่บ้าง แต่ถ้ามองตรงๆ หรือขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร ก็ยังได้วิวโค้งแม่น้ำเต็มๆแบบกว้างๆอยู่ดีเหมือนกัน

อีกข้อหนึ่งผมขอมองในเรื่อง “ราคา” ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีกว่าเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ที่ตั้งของ Chapter One จะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าและห้างสรรพสินค้ามากกว่าโครงการอื่น นั่นจึงส่งผลต่อราคาที่ดินและราคาขายของโครงการนี้ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่านี่เป็นคอนโดวิวแม่น้ำโครงการใหม่ ที่มีราคาเฉลี่ยและราคาเริ่มต้นจับต้องได้ง่ายสุดในย่าน ณ ตอนนี้แล้วครับ

การเดินทางโดยใช้รถ : นับว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการเลยก็ว่าได้ ด้วยระยะห่างจากจุดขึ้นทางด่วนศรีรัชด่านพระราม 7 เพียงแค่ 850 m. ได้เปรียบเพื่อนบ้านอื่นๆในทำเลเดียวกัน ที่เค้าจะไปอิงกับห้างและรถไฟฟ้ามากกว่า อีกทั้งยังมีที่จอดรถ 56% หรือคิดเป็น 63% แบบรวมจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าให้มาเยอะเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน และเหมาะสมกับจุดเด่นทำเลโครงการ ที่เหมาะกับคนใช้รถใช้ถนนเป็นหลัก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : กลับกันกับข้อก่อนหน้านี้ โครงการนี้จะไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดิน เพราะห่างจาก MRT บางโพ ประมาณ 750 m. อาจต้องต่อรถสาธารณะอีกทีหนึ่ง แต่ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกในการเดินทางได้สะดวก และโชคดีที่โครงการตั้งอยู่ติดถนนสาธารณะหลัก ด้านหน้ามีพี่วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถสองแถววิ่งผ่านเกือบตลอดเวลา เลยสามารถเรียกได้ไม่ยากครับ

การออกแบบโครงการ : ผมชอบที่เค้านำแนวคิดของคำว่า “Flow” หรือความลื่นไหลของสายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา มาใช้ในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของโครงการนี้ โดยเราจะเห็นได้ชัดจากสวนเล่นระดับบนชั้นดาดฟ้าอาคารจอดรถ ซึ่งจะมีการเชื่อมต่อกันอย่างไหลลื่นมาตั้งแต่ชั้นบนลงมาจนถึงชั้นล่างสุด ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สายน้ำตก และทางลาดที่ซิกแซกไปมา เพราะนอกจากประโยชน์เพื่อความสวยงามแล้ว ยังเหมาะกับการใช้งานของผู้สูงอายุและผู้ใช้รถวีลแชร์อีกด้วยนะครับ

ในเรื่องการวางผังโครงการที่มีการแยกอาคารจอดรถออกไป สิ่งนี้ทำให้มีที่จอดรถได้ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังมีพื้นที่ดาดฟ้าให้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีกด้วย แต่การแยกตึกก็ต้องทำใจเรื่องระยะทางที่ต้องเดินข้ามอาคารอยู่สักหน่อยนะครับ อาจไม่ได้สะดวกเหมือนที่จอดรถอยู่ใต้ตึกแล้วขึ้น-ลงลิฟต์ตัวเดียวถึงรถเลย แต่ที่ผมชอบมากๆคือการวางผังชั้นพักอาศัย โดยเฉพาะห้อง 1 Bedroom ฝั่ง City View ที่ผนังห้องด้านข้างจะไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลย ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวและหมดห่วงเรื่องเสียงรบกวนจากเพื่อนบ้านข้างๆ ที่มักเป็นปัญหาสำหรับคนอยู่คอนโด

แต่ข้อติก็มีอยู่บ้างนิดหน่อยเหมือนกันครับ อย่างตำแหน่งลิฟต์ขนของผมคิดว่าควรแยกออกมาจากโถงลิฟต์หลัก จะทำให้การใช้งานปลอดภัยและเป็นสัดส่วนมากกว่านี้ รวมถึงห้องน้ำควรมีอยู่บนชั้น 41 ด้วยจะดีมาก เพราะมี Fitness และ Sky Lounge ตั้งอยู่ ไม่ควรจะต้องเสียเวลาลงลิฟต์มาใช้ที่ใช้ล่าง เป็นต้น แต่หากมองในแง่ดีคือ เราจะมีพื้นที่ใช้สอยของ 2 ฟังก์ชันใหญ่ขึ้นแบบนี้นั่นเอง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้องแลกกันไปนะ

การออกแบบห้องพักอาศัย : โครงการนี้เน้นการอยู่อาศัย 1 – 2 คนเป็นหลัก ซึ่งถ้าใครชอบห้องกว้างๆ มีความโปร่งโล่ง และผนังไม่ติดกับใครเลย ก็จะเหมาะกับห้อง 1 Bedroom แต่ถ้าต้องการห้องที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น กั้นด้วยผนังทึบ ได้ครัวปิดไว้ทำอาหารจริงจัง มีห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งาน และเน้นชมวิวแม่น้ำจากห้องตัวเองได้ ก็จะเหมาะกับห้อง 1 Bedroom Plus ส่วนห้อง 2 Bedroom ก็มีให้เลือกอยู่บ้างนะ สามารถอยู่แบบครอบครัวจริงจังได้เลย โดยแบบห้องโครงการนี้จะเน้นเรื่อง “วิว” เป็นหลักครับ คือจะนำฟังก์ชันใช้งานต่างๆ มาไว้บริเวณหน้าห้อง พยายามเปิดช่องแสง และนำฟังก์ชันพักผ่อนมาไว้ให้ใกล้หน้าต่างหรือระเบียงมากที่สุดแทนนั่นเอง

วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้มาครบ ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็แพ็คกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งเกรดวัสดุก็ให้มาตามระดับราคาโครงการครับ สิ่งที่เราอาจต้องซื้อเพิ่มเองเล็กๆน้อยๆก็อย่างเช่น Digital Door Lock ตรงประตูหน้าห้องเพื่อความปลอดภัย / Backsplash ตรงเคาน์เตอร์ครัวจะได้ทำความสะอาดได้ง่ายๆ / ฉากกั้นอาบน้ำในห้องน้ำ เป็นต้น แต่ที่ผมชอบก็คือ เค้าให้ช่องแสงหรือพวกประตูกระจกบานเลื่อนภายในห้องมาขนาดใหญ่ดีครับ ซึ่งจุดนี้แหละที่ทำให้ห้องดูสว่างโปร่งโล่ง

สาธารณูปโภค : ถือว่าให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต และมีบรรยากาศน่าใช้งานครับ โดยเฉพาะสวนเล่นระดับบนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ผมชอบตรงต้นไม้ที่ปลูกรอบๆอาคารส่วนกลาง ซึ่งทำให้บรรยากาศด้านในดูร่มรื่นและเงียบสงบดีมากๆ เหมาะที่จะมานั่งทำงานอ่านหนังสืออย่างยิ่ง แต่ถ้าใครที่อยากชมวิวแม่น้ำก็สามารถขึ้นไปที่ชั้น 40 – 41 ได้เลยครับ มีทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ที่ว่ายออกกำลังกายไปชมวิวแม่น้ำไปด้วยได้ และมีมุมพิเศษให้เกาะขอบกระจกชมวิวอย่าง Leisure Pool หรือถ้าใครไม่อยากเปียกก็ขึ้นไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส หรือไปนั่งชมวิวในห้องแอร์เย็นๆบน Sky Lounge ได้เลยครับ เห็นโค้งแม่น้ำแบบเต็มๆ วิวสุดยอดเหมือนกัน

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 90,000 – 100,000 บาท/ตร.ม., 14 ตุลาคม 2564

  • ทำเล 7.5/10 – ติดถนนประชาราษฏร์สาย 1 ใกล้ตลาดและห้างสรรพสินค้า ได้วิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา
  • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ใกล้ทางด่วน 850 m. เข้า-ออกเมืองง่าย ที่จอดรถ 63% แบบรวมซ้อนคัน
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ห่างจาก MRT บางโพ 750 m. หน้าโครงการเรียกรถสาธารณะง่าย
  • วัสดุ 7.5/10 – ให้มาตามมาตรฐานระดับราคา Fully Furnished พร้อมอยู่
  • แบบ 7.5/10 – มีความเป็นส่วนตัว ห้องไซส์ใหญ่ โปร่งโล่ง เน้นช่องแสงไว้ชมวิว
  • สาธารณูปโภค 8/10 – บรรยากาศน่าใช้งาน มีทั้งสวนสีเขียว และ Sky Facilities ที่ขึ้นไปชมวิวแม่น้ำจากมุมสูงได้

  • MAIN – UPPER CLASS
  • 7.74 / 10.00

Chapter One Flow บางโพ เหมาะกับใคร

โครงการ Chapter One Flow บางโพ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยาย่านบางโพ โดยเน้นการใช้รถยนต์เป็นหลัก ใกล้ทางด่วนศรีรัช และมีที่จอดรถเยอะ หาของกินไม่ยาก บรรยากาศโครงการมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น น่าใช้งาน สวนค่อนข้างร่มรื่นดี มี Sky Facilities ให้ขึ้นไปใช้งานและชมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาสวยๆได้ ซึ่งห้องพักอาศัยก็จะเหมาะกับการอยู่แบบ 1 – 2 คน บรรยากาศภายในโปร่งโล่ง เป็นสัดส่วน เน้นช่องแสงขนาดใหญ่ไว้รับวิว และมีราคาจับต้องได้ไม่ยากสำหรับคอนโดวิวแม่น้ำในย่านนี้ มีงบประมาณ 2.59 – 6.44 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,000 – 45,000 บาท/เดือนขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc