รีวิวตึกเสร็จ ATMOZ Palacio ลาดพร้าว-วังหิน คอนโดแต่งครบ พร้อมส่วนกลางจัดเต็ม บนถนนลาดพร้าว-วังหิน จาก AssetWise

ATMOZ Palacio Ladprao – Wanghin (แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว – วังหิน) ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2568

พิกัด Google Maps : 13.816909401187912, 100.59120800283607
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Highlight

• ที่ตั้งโครงการติดถนนลาดพร้าววังหินช่วงกลางซอย ก่อนซอยลาดพร้าววังหิน 61 สามารถใช้วิ่งทะลุไปซอยรัชดาฯ 32 ได้
• มีเส้นทางลัดเชื่อมต่อถนนหลักได้หลากหลายเส้นทาง สะดวกในช่วงเวลารถติด มีทางเลือกให้ใช้เยอะ
• ความอุดมสมบูรณ์สูง มีร้านอาหาร คาเฟ่เยอะ ใกล้ห้างใหญ่หลายแห่งในระยะ 5-6 กม.
• มี Shuttle Service รับ-ส่ง ที่ MRT ลาดพร้าว สามารถ Interchange เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองได้

ATMOZ Palacio ลาดพร้าว-วังหิน ตั้งอยู่ติดถนนลาดพร้าววังหินช่วงกลางซอย ก่อนซอยลาดพร้าววังหิน 61 ที่สามารถใช้วิ่งทะลุไปซอยรัชดาฯ 32 ได้ ทำเลนี้เป็นย่านที่มีคอนโดมิเนียมอยู่ค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่เป็นคอนโด Low Rise ที่สร้างมานานแล้ว หรือสร้างเสร็จมาสักพัก ซึ่งปัจจุบันที่ยังมีขายมือหนึ่งจะอิงอยู่ในซอยรัชดาฯ 32 เนื่องจากใกล้ถนนใหญ่ และเดินทางไป MRT ลาดพร้าวไม่ยาก แต่เนื่องจากเป็นโครงการที่ขายมานานแล้วทำให้เหลือห้องพักอาศัยให้เลือกไม่เยอะ บางโครงการเหลือเฉพาะห้องไซส์ใหญ่ ช่วงราคาคอนโดในโซนนี้เริ่มต้น 2-3 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยในช่วง 85,000-110,000 บาท/ตร.ม.

ส่วนโครงการที่อยู่บนถนนลาดพร้าว-วังหิน ก็มีอยู่บ้าง แต่จะอยู่ลึกขึ้นไปใกล้แยกวังหินมากกว่า และเป็นโครงการที่สร้างเสร็จนานแล้ว จะเหลือเฉพาะห้องไซส์ใหญ่ ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาทขึ้นไป หรือถ้ามองหาคอนโดที่ใกล้ถนนลาดพร้าว และใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองขึ้นมาหน่อย ก็จะมีโครงการบนถนนสังคมสงเคราะห์ ช่วงใกล้ๆถนนโชคชัย 4 อยู่เหมือนกัน เป็นโครงการขนาดใหญ่ยูนิตเยอะ ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาทขึ้นไป ราคาเฉลี่ยประมาณ 80,000 บาท/ตร.ม.

ในขณะที่ ATMOZ Palacio ลาดพร้าว-วังหิน เป็นคอนโดแต่งครบ ราคา 1.89 ล้านบาท* ถือเป็นคอนโดที่มีราคาเริ่มต้นจับต้องได้ง่ายสุดในย่านนี้เลย ส่วนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 89,000 บาท/ตร.ม. ถือว่าพอๆ กับหลายโครงการในโซนนี้เช่นกัน แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นจุดเด่นเลยคือ ส่วนกลางที่จัดเต็มกว่า 33 ฟังก์ชัน พร้อมพื้นที่สีเขียวกว่า 3,000 ตร.ม. ถือว่าให้มาเยอะกว่าโครงการรอบข้าง แต่ก็แลกมาด้วยการที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ยูนิตค่อนข้างเยอะ และมีค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายสูงกว่าโครงการรอบข้างสักหน่อยค่ะ

ATMOZ Palacio ลาดพร้าว-วังหิน ตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว-วังหิน ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่มีคนอยู่อาศัยกันค่อนข้างหนาแน่น ทั้งบ้านพักอาศัยเดิมในพื้นที่ และคอนโดแนวราบอยู่ค่อนข้างเยอะเลย โดยตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนลาดพร้าว-วังหิน ช่วงกลางซอย ซึ่งมีจุดเด่น คือสามารถลัดเลาะไปตามถนนย่อย หรือซอยต่างๆ ไปเชื่อมต่อถนนหลักได้หลากหลาย สะดวกดีในช่วงเวลาที่รถติด ก็มีทางเลือกให้ลัดเลาะไปได้หลายเส้นทางเลย

ที่ตั้งโครงการเข้าออกจากถนนหลักได้หลายเส้นทาง ซึ่งเส้นที่ใกล้สุดคือ ถนนรัชดาภิเษก ในระยะประมาณ 2 กม. โดยใช้ซอยลาดพร้าววังหิน 61 ลัดเลาะไปออกซอยรัชดาฯ 32 ในระยะประมาณ 2 กม. ส่วนระยะห่างจากโครงการถึงถนนหลักเส้นต่างๆ สรุปได้ดังนี้

• ถนนรัชดาภิเษก – 2 กม.
• ถนนลาดพร้าว – 2.6 กม.
• ถนนประเสริฐมนูกิจ – 2.9 กม.
• ถนนเลียบด่วน-รามอินทรา – 4.6 กม.

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลยเพราะถนนลาดพร้าว-วังหิน ก็มีรถโดยสารให้บริการอยู่หลากหลาย ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถกะป๊อสองแถวเล็ก หรือรถแท็กซี่ก็มีรถวิ่งผ่านไปมาตลอด โบกเรียกใช้บริการได้ที่ถนนหน้าโครงการเลยค่ะ

การเดินทางโดยรถไฟฟ้า ในปัจจุบันรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ MRT ลาดพร้าว ที่ห่างออกไปประมาณ 3.1 กม. ใช้เดินทางเข้าเมืองไปพระราม 9, อโศก, สีลม ,สามย่าน, ได้สะดวก ซึ่งตรงนี้ทางโครงการมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งให้ด้วยถือว่าค่อนข้างสะดวกเลย (โปรดสอบถามข้อมูลจากทางโครงการอีกครั้ง) แต่อาจจะต้องเผื่อเวลาสักหน่อยสำหรับการเดินในช่วงเวลาเร่งด่วน เพราะตามตรอกซอกซอยในโซนนี้ รถค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ นอกจากนั้นในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองให้ใช้งานได้ใกล้ขึ้นอีกด้วยค่ะ โดยสถานีที่ใกล้สุดคือ BTS ภาวนาในระยะ 2.6 กม. ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว – สำโรงคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 นี้แล้วค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์สูง แหล่งอาหารการกินที่ใกล้ๆ โครงการเลยก็จะมีคอมมูนิตี้มอลล์ Plaza Lagoon ที่มี Hyper Market และร้านอาหาร ร้านค้าอยู่เยอะ ห่างจากโครงการเพียง 350 เมตร เดินได้สบายค่ะ หรือขยับไปอีกหน่อยก็มี The Jas วังหิน ซึ่งมีร้านอาหาร ร้านค้าอยู่เยอะเลยเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร และคาเฟ่กระจายตัวอยู่ทั้งบนถนนลาดพร้าว-วังหิน, ถนนโชคชัย 4, และถนนนาคนิวาส อยู่เยอะตลอด 2 ข้างทาง สามารถเดินทางลัดเลาะหาของกินได้ง่าย ไม่ต้องออกถนนใหญ่เลยค่ะ ส่วนใครชอบเดินตลาดหาของสดตุนไว้ทำอาหารก็มีตลาดวังหินยิ่งเจริญ ตลาดนัดเสือใหญ่อุทิศ และตลาดโชคชัย 4 อยู่ไม่ไกล

สำหรับใครที่ชอบเดินห้าง ในทำเลโซนนี้ก็ถือว่าสะดวกเลย เพราะใกล้ห้างใหญ่หลายแห่งในระยะ 5-6 กม. ที่อิงอยู่บนถนนเลียบด่วน-รามอินทรา ก็จะมี Central Festival East Ville, Crystal Park และที่อิงอยู่บนถนนพหลโยธินก็มีห้างใหญ่เก่าแก่อย่าง Central  ลาดพร้าว, Union Mall, Major รัชโยธิน

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

ATMOZ Palacio ลาดพร้าว-วังหิน ด้านหน้าโครงการติดกับถนนลาดพร้าววังหินซึ่งเป็นถนน 4 เลน แต่จะมีทิศเหนือที่มีอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น อยู่ในลักษณะเยื้องกัน ไม่ได้บดบังกันตรงๆ ส่วนทิศอื่นๆ จะเป็นบ้านแนวราบ และอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น ทำให้ชั้น 6-8 ก็จะได้วิวค่อนข้างโล่ง ซึ่งในคอนโด Low Rise ส่วนใหญ่คนที่ซื้อจะเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวมากกว่า ไม่ได้คาดหวังเรื่องวิวรอบๆโครงการเท่าไหร่ค่ะ

• ทิศเหนือ ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 2 – 8 ชั้น
• ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนลาดพร้าว-วังหิน ฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณย์ สูง 4 ชั้น
• ทิศใต้ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 – 3 ชั้น
• ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 – 3 ชั้น

Highlight

• ออกแบบอาคารและพื้นที่ส่วนกลางมีเอกลักษณ์ชัดเจนแบบ MODERN CLASSIC กลิ่นอายแบบพระราชวัง โดยคำว่า PALACIO ในชื่อโครงการนั้นแปลว่า PALACE (พระราชวัง) นั่นเองค่ะ
• พื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มกว่า 33 ฟังก์ชัน กระจายอยู่ทั้ง 4 อาคาร พร้อมสระว่ายน้ำให้มาถึง 2 สระ มีห้องดูหนังขนาดใหญ่,  Private Jacuzzi, Sauna, Stream ให้พักผ่อนได้เต็มที่ และพื้นที่สีเขียวมากกว่า 3,000 ตร.ม. ตอบโจทย์คนชอบใช้งานส่วนกลาง และชอบบรรยากาศโครงการสวยๆ
• มีร้านค้าด้านหน้าโครงการ 4 ยูนิต อำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน (สอบถามรายชื่อร้านค้ากับทางโครงการอีกครั้งนะคะ)

ATMOZ Palacio ลาดพร้าว – วังหิน เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 4 อาคาร บนพื้นที่ดินเกือบ 6 ไร่ มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 753 ยูนิต จาก Asset Wise จุดเด่นคือพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มมากกว่าโครงการอื่นในทำเลใกล้เคียง ในบรรยากาศที่ร่มรื่นผ่อนคลายเหมาะต่อการอยู่อาศัย

เพื่ออธิบายให้เห็นภาพรวมของโครงการเราขอใช้ภาพ Model ก่อนนะคะ โครงการ ATMOZ Palacio ลาดพร้าว-วังหิน มีจำนวน 4 อาคาร รวม 753 ยูนิต แบ่งเป็น

• อาคาร A 210ยูนิต
• อาคาร B 164 ยูนิต
• อาคาร C 167 ยูนิต
• อาคาร D 212 ยูนิต

โดยอาคาร A และ B จะอยู่ใกล้กับทางเข้า-ออก ส่วนอาคาร C และ D จะอยู่ถัดเข้ามาด้านใน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า นอกจากนั้นพื้นที่ด้านหน้าสุดที่ติดกับถนนลาดพร้าว-วังหิน จะเป็นอาคารร้านค้า 2 ชั้น จำนวน 4 ยูนิต ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านในโครงการ สามารถเดินออกมาซื้อของกินของใช้กันได้ง่ายๆ (สำหรับร้านค้าที่จะมาลงนั้นจะมีร้านอะไรบ้าง โปรดสอบถามข้อมูลจากทางโครงการอีกครั้งค่ะ*)

โครงการนี้ออกแบบมาภายใต้แนวคิด “YOUR PLACE IS YOUR PALACE” โดยคำว่า PALACIO ในชื่อโครงการนั้นมาจากภาษาสเปน ซึ่งแปลว่า PALACE โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก “วัง” ที่อยู่ในชื่อของทำเล “ลาดพร้าว-วังหิน” นั่นเองค่ะ

โดยการออกแบบ FACADE และงานสถาปัตยกรรม มาในสไตล์ MODERN CLASSIC ภายนอกใช้โทนสีเรียบๆ MONOTONE พร้อมทั้งมีการใส่ดีเทลบัวปูนปั้นต่างๆไว้ในหลายจุด  เพื่อให้ได้กลิ่นอาย ของรูปทรงอาคารในพระราชวัง ตัดกับการออกแบบภายใน ที่เน้นใช้สีสันสดใส เพิ่มความ Modern สนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ ถือว่าออกแบบมาได้น่าสนใจ  และเป็นสไตล์ที่แตกต่างจากโครงการรอบข้างทีเดียวค่ะ

ชั้น 1 : พื้นที่ใต้อาคารชั้น 1 เป็นที่จอดรถทั้งหมดเลยค่ะ โดยทางเดินรถเป็นแบบทางเดียว วนรอบทุกตึกหาที่จอดได้ง่าย เมื่อขับรถเข้ามาแล้วจะเจอกับที่จอดรถส่วนแรกก่อน ซึ่งใช้ร่วมกันกับอาคารร้านค้า ถัดเข้าไปด้านในจึงจะเจอกับ ประตูทางเข้าที่จอดรถใต้อาคาร ซึ่งเป็นแบบไม้กั้นกระดก ใช้ระบบ Bluetooth Access Control ในการผ่านเข้า-ออก

สำหรับที่จอดรถ เป็นแบบ Conventional ในซองปกติ จำนวน 256 คัน และที่จอด EV Charger 2 คัน คิดรวมเป็น 34% ซึ่งก็ถือว่าให้มาพอประมาณค่ะ เนื่องจากเป็นโครงการที่ติดกับถนนลาดพร้าววังหิน ที่มีรถสาธารณะให้เรียกใช้งานได้ง่าย และมีตัวเลือกการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า โดยทางโครงการมี shuttle service คอยรับ-ส่ง ที่ MRT ลาดพร้าว ให้ด้วย

สำหรับการวางผังอาคาร ออกแบบให้ตัวอาคารวางล้อมกันไปตามแนวที่ดิน เกิดพื้นที่ตรงกลาง ซึ่งจัดไว้เป็นสวนสีเขียวขนาดใหญ่ มีข้อดีคือห้องพักอาศัยฝั่งที่อยู่ด้านในจะสามารถมองเห็นวิวพื้นที่สวนส่วนกลางได้  นอกจากนี้ในแต่ละอาคารก็มีการจัดฟังก์ชันส่วนกลางที่แตกต่างกันออกไป สามารถเลือกได้ตามความชอบของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ

ส่วนฟังก์ชันที่อยู่ในอาคารชั้นนี้ จะมี Lobby และ Mail Box แยกอาคาร ส่วนระบบรักษาความปลอดภัย ในการเข้าออกอาคารใช้การสแกนใบหน้า ลิฟต์แบบล็อกชั้นซึ่งสามารถเข้าได้เฉพาะชั้นที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางของทุกอาคาร และชั้นพักอาศัยเฉพาะตำแหน่งชั้นของห้องที่เราอยู่เท่านั้นค่ะ

ที่จอดรถสาธารณะบริเวณด้านหน้าโครงการสำหรับผู้ที่มาใช้งาน Shop ด้านหน้า หรือลูกบ้านที่ต้องการจอดรถชั่วคราวค่ะ ก่อนจะเข้า Gate จะเจอกับป้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซึ่งมีคนดูแลอยู่ 24 ชั่วโมงค่ะ เข้า-ออกด้วย Bluetooth Access Control บริเวณใต้อาคาร B

ที่จอดรถทั้งหมดจะอยู่ใต้อาคารที่ชั้น 1 ค่ะ มีที่จอดทั้งหมด 256 คัน และมีช่องจอด EV Charger มาให้ 2 คัน บริเวณใต้อาคาร A ค่ะ ลูกบ้านสามารถวนหาที่จอดรถได้ทั้งหมดไม่จำเป็นต้องจอดใต้อาคารตัวเองก็ได้นะ

สวนตรงกลางออกแบบไว้อยู่ 2 ระดับค่ะ ที่ชั้น 1 ระหว่างอาคาร A และ B ออกแบบไว้เป็น The Front Yard Avenue เสมือนทางเข้าของพระราชวัง และที่อยู่ระดับเดียวกับชั้น 2 จะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ 2 สระ อยู่ที่อาคาร C และ D มีสวนรอบๆ โดย Royal Palace Pool (อาคาร C) เป็นสระว่ายน้ำเพื่อผ่อนคลาย และ Grand Royal Palace Pool (อาคาร D) เป็นสระว่ายน้ำเพื่อการว่ายออกกำลังกายค่ะ

ก่อนจะไปชมภาพบรรยากาศสระว่ายน้ำในอาคารด้านหลัง เราขอพาไปชมสวน The Front Yard Avenue ด้านหน้ากันก่อนนะคะ

สวน The Front Yard Avenue อยู่ระหว่างอาคาร A และ B ออกแบบไว้เป็นเหมือนทางเข้า ของพระราชวังที่มีประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่ค่ะ เมื่อเดินเข้ามาพบกับสนามหญ้ายาวไปถึงด้านใน มีการออกแบบสวนและที่นั่งพักผ่อน ไว้ให้รอบๆ

ฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่สวนเล่นระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ เชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 2 เลยค่ะ บริเวณที่นั่งตรงนี้ตกแต่งด้วยพรรณไม้บรรยากาศแบบต่างประเทศ มีที่นั่งเล่นในสวนชื่อว่า Fontage Garden Terrace และพื้นที่ Tea Pavilion

ส่วนฝั่งขวามือออกแบบเป็นแนวระเบียงทางเดินในพระราชวัง ชื่อว่า The Emerald Terrace ตรงนี้ก็มีที่นั่งเล่นพักผ่อนชมสวนเช่นกันค่ะ

ชั้น 2  : Facilities ต่างๆ จะกระจายตัวอยู่ตามชั้น 2 ของทุกอาคาร ในตำแหน่งติดสวนตรงกลางเลยค่ะ โดยทุกฟังก์ชันสามารถเดินเชื่อมต่อกันด้วยสวนตรงกลางได้เลย ใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี อีกทั้งทุกจุดยังได้บรรยากาศที่ร่มรื่นเห็นต้นไม้เขียวๆ ตลอด ดูผ่อนคลายทีเดียวค่ะ

ส่วนกลางของแต่ละอาคารก็มีการจัดฟังก์ชันแตกต่างกันไป  ดังนี้

• อาคาร A : PALACE GATE

เน้นพื้นที่ทำงาน ประชุม Panoramic Co-working, Royal Meeting Room คนที่ทำงานโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศสามารถเข้ามาใช้งานได้จริง และพื้นที่ทำงานแบบส่วนตัว Premier Private Pod ค่ะ

• อาคาร B : ACTIVITY FUNNY 

เน้นเป็นฟังก์ชันเพื่อการพักผ่อน และ Entertainment อย่าง Game Room และ Play Room ห้องดูหนังเล่นเกมขนาดใหญ่สามารถปาร์ตี้กับเพื่อนๆได้ นอกจากนั้นที่ชั้นดาดฟ้า ยังมีพื้นที่สีเขียว Edible Garden ให้ผ่อนคลายอีกด้วย

• อาคาร C : PRIVATE FAMILY 

เน้นเป็นพื้นที่พักผ่อนต่างสำหรับครอบครัว มี Royal Hall, Royal Dining Area สำหรับทำอาหารทานด้วยกัน Kid’s Club สำหรับน้องๆหนูๆ พร้อมทั้งมีสระว่ายน้ำที่ภายในมีฟังก์ชัน เพื่อการผ่อนคลาย อย่าง Jacuzzi และ Hydrotherapy Pool Seat ค่ะ

• อาคาร D : ACTIVITY HEALTHY 

เป็นส่วนกลางสำหรับการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพ มี Sauna และ Private Jacuzzi ให้จองใช้งาน พร้อมสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ออกกำลังกายได้จริง เชื่อมต่อกับ Fitness ที่ออกแบบมาเป็นห้องขนาดใหญ่พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน

เดี๋ยวเราจะพาไปชมบรรยากาศจริงภายในโครงการทีละอาคารกันค่ะ

อาคาร A : PALACE GATE

ที่ออกแบบเป็นพื้นที่ส่วนต้อนรับ มี Lobby ขนาดใหญ่ สามารถเข้าถึงได้จากด้านหน้าโครงการเลย นอกจากนั้นที่ชั้น 2 ฝั่งด้านใน ติดกับสวนส่วนกลาง ออกแบบเป็นพื้นที่สำหรับรองรับการทำงานต่างๆ ไว้หลายฟังก์ชันเลย

• The Emperor’s Lobby ชั้น 1
• Panoramic Co-working ชั้น 2
• Premier Private Pod ชั้น 2
• The Royal Meeting Room ชั้น 2

The Emperor’s Lobby เป็นพื้นที่ต้อนรับขนาดใหญ่ ฝ้าเพดานสูง Double Volume พร้อมมี chandelier ขนาดใหญ่ ภายในตกแต่งด้วยโทนสีสดใส ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 เข้าออกได้จากถนนด้านหน้าโครงการเลยค่ะ (เข้าโดยสแกนใบหน้า) ใครที่เรียกรถสาธารณะก็สามารถนั่งรอบริเวณนี้ได้ค่ะ

The Emperor’s Lobby จะเชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ก่อนเข้าสู่ห้องพักอาศัยค่ะ ซึ่งจะต้องสแกนใบหน้าในการเข้าเช่นกันนะ เข้ามาแล้วจะเจอกับ Mailbox ของลูกบ้านอาคาร A ให้เก็บจดหมายก่อนขึ้นห้องได้สะดวก

โดยลิฟต์โดยสารจะมี 2 ตัวต่ออาคาร อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการประมาณ 94 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นมาก ไม่ต้องรอลิฟต์นานค่ะ

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางชั้น 2 ที่อาคาร A สามารถเดินเข้าได้จากทั้งโถงทางเดินชั้น 2 และจากบริเวณที่จอดรถชั้น 1 เลยค่ะ

เดินขึ้นบันไดวนมาจะเจอกับโถงด้านหน้าห้อง Panoramic Co-working และ Royal Meeting Room ค่ะ

เข้ามาแล้วจะเจอกับโซน Royal Meeting Room สำหรับนั่งทำงานหรือนั่งประชุมได้ โดยจะมีที่นั่งแบ่งเป็นโซนๆ หลายชุดให้เลือกใช้งานค่ะ ส่วนด้านข้างจะแบ่งเป็น Premier Private Pod ห้องนั่งทำงานแบบส่วนตัว 4 ห้อง

ห้อง Premier Private Pod ออกแบบให้มีสีสันสดใส ให้ความรู้สึก Active เหมาะกับการมานั่งทำงานที่ต้องการความสงบเป็นส่วนตัว

ห้องประชุมเชื่อมต่อกับห้อง Panoramic Co-working เป็นพื้นที่รองรับการทำงานอีกโซนหนึ่งที่จะได้ความผ่อนคลายมากขึ้น มองเห็นวิวภายนอกได้แบบ Panorama ภายในจัดเป็นโต๊ะทำงานแบบเคาน์เตอร์บาร์ เหมาะกับการทำงานเบาๆ หรือว่าอ่านหนังสือค่ะ

อาคาร B : ACTIVITY FUNNY

พื้นที่ส่วนกลางที่อาคารนี้ออกแบบ เป็นฟังก์ชันสำหรับการพักผ่อน และ Entertainment ภายใต้แนวคิด ACTIVITY FUNNY โดยส่วนกลางชั้น 2 เป็น Play Room และ Game Room ขนาดใหญ่ นอกจากนั้นที่ชั้นดาดฟ้ายังเป็น Roof Garden พื้นที่สีเขียว ที่มีสวนผัก Edible Garden และพื้นที่สำหรับ Yoga area กลางสวนได้อีกด้วยค่ะ

• Play Room ชั้น 2
• Game Room ชั้น 2
• Edible Garden ชั้นดาดฟ้า

ทางเข้าห้อง Game Room พื้นที่ส่วนกลางที่อาคาร B ลูกบ้านอาคารอื่น สามารถเดินเข้ามาได้จากทางสวนส่วนกลางค่ะ

เข้ามาแล้วจะเจอกับสีสันสดใส จัดจ้านของ Game Room ตกแต่งด้วยโทนสีแดงเข้ม ตัดกับสีขาวดำลายทาง ดูสนุกสนาน ภายในวางโต๊ะพูลไว้ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยโต๊ะเก้าอี้เล็กๆหลายจุด พาเพื่อนๆ มาปาร์ตี้กันได้ค่ะ

ติดกับ Game Room จะมีห้องที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นคือ Play Room จัดเป็นชุดโซฟาเอาไว้หลายจุด พร้อมมีหน้าจอขนาดใหญ่ สามารถดูหนัง หรือดู Game Caster ด้วยกันกับเพื่อนๆ ได้ที่นี่เลยค่ะ

ชั้นดาดฟ้า : ที่อาคาร B จะมีพื้นที่สีเขียวแบบ Roof Garden ด้วยค่ะ มีฟังก์ชัน Yoga Area สามารถขึ้นมาปูเสื่อโยคะชมวิวมุมสูงได้ พร้อมทั้งมีสวนผักกินได้อย่าง Edible’s garden รองรับอยู่ด้วยค่ะ

ขึ้นมาแล้วจะได้รับลมค่อนข้างดีเลยค่ะ เหมาะกับการมาพักผ่อนในช่วงเวลาที่อากาศไม่ร้อน จะได้เห็นวิวในมุมมองที่ต่างออกไป มีพื้นที่ Yoga Area ให้นั่งเล่นออกกำลังกายกลางแจ้งได้ ถ้าเดินเข้าไปด้านในก็จะเจอกับ Edible’s garden พื้นที่ให้ลูกบ้านมาทำกิจกรรมปลูกผักสวนครัว และเก็บไปทานได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

อาคาร C : PRIVATE FAMILY

ส่วนกลางทั้งหมดอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ โดยส่วนกลาง indoor เน้น เป็นฟังก์ชันต่างๆ สำหรับครอบครัว ซึ่งเชื่อมต่อกับพื้นที่สระว่ายน้ำด้านนอกได้ ไฮไลต์คือ Royal Palace Pool ออกแบบไว้เป็นสระว่ายน้ำสำหรับผ่อนคลาย ภายในมี Outdoor Jacuzzi, Hydrotherapy Pool Seat พร้อมมีทางเชื่อมสามารถเดินไปที่ส่วนกลางของอาคาร D หรือสวนส่วนกลางชั้น 1 ได้เลย

• Kid’s Club
• The Culinary
• The Royal Dining Area
• The Royal Hall
• Royal Palace Pool
• The Palace Veranda
• Water Courtyard Lounge
• Kid Pool
• Outdoor Jacuzzi
• Sunken Seating
• Pool Deck
• Hydrotherapy Pool Seat

บรรยากาศทางเดินเชื่อมต่อระหว่างสวนด้านหน้าโครงการ (อาคาร B) ไปยังสระว่ายน้ำที่ชั้น 2 ด้านหลังโครงการ (อาคาร C)

สระว่ายน้ำจะอยู่ระดับเดียวกับชั้น 2 ที่อาคาร C และ D ค่ะ เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือทั้ง 2 สระ สระแรกอยู่บริเวณอาคาร C ชื่อว่า Royal Palace Pool ขนาด 4.50 x 10.50 เมตร ลึก 1.20 เมตร เป็นสระสำหรับพักผ่อน ภายในมี Hydrotherapy Pool Seat, Outdoor Jacuzzi และสระเด็กครบ รอบๆ สระมีการจัดเป็นพื้นที่พักผ่อน และสวนเอาไว้หลายจุดเลยค่ะ

บรรยากาศบริเวณ Royal Palace Pool มีพื้นที่นั่งเล่นหลายจุดทั้งริมสระว่ายน้ำและด้านในสระว่ายน้ำ มองเห็นวิวตรงไปยังสวนด้านหน้าโครงการได้ บริเวณสระว่ายน้ำอาคาร C จะมีสะพานเชื่อมต่อไปยังสระว่ายน้ำอาคาร D ได้

ซึ่งการแยกโซนเป็นสระสำหรับการพักผ่อน และสระสำหรับว่ายน้ำออกกำลังกายชัดเจนแบบนี้ มีข้อดีคือใช้งานได้สะดวก เวลาว่ายน้ำออกกำลังกายก็จะไม่ชนกับผู้คนที่มาแช่น้ำพักผ่อนด้วยค่ะ

ข้างโซน Royal Palace Pool เข้ามาภายในอาคาร C จะเจอกับ The Royal Hall เป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ภายในจัดวางเป็นชุดโซฟาไว้ให้ค่อนข้างเยอะ เป็นห้องฝ้าเพดานสูง ดูโอ่อ่ากว้างขวาง เน้นตกแต่งด้วยสีกรม ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ ดูสดใส สนุกสนาน ตกแต่งผนังด้วยลวดลายกลิ่นอายเหมือนอยู่ในพระราชวังตาม Concept ของที่นี่เลยค่ะ

ถัดเข้ามาอีกหน่อยก็จะเจอกับ The Royal Dining Area เป็นห้องรับประทานอาหาร ที่รองรับครอบครัวใหญ่ 10 ที่นั่ง หรือนัดเพื่อนๆ มาปาร์ตี้วันเกิดได้สบายๆ

ด้านในสุดจะเป็นพื้นที่ The Culinary เคาน์เตอร์ครัวสำหรับทำอาหารเอง ตกแต่งด้วยโทนสีส้ม ดูมีความเรียบหรูและสุขุมมากขึ้น สามารถใช้งานร่วมกับ The Royal Dinning Area ได้สะดวกค่ะ

สำหรับใครที่มีลูกน้อย ทางโครงการก็มีห้อง Kid’s Club สำหรับเด็กๆ ให้ด้วยค่ะ เป็นห้องแยกจากฟังก์ชันอื่นๆ สามารถวิ่งเล่นส่งเสียงได้เต็มที่ไม่รบกวนใคร ตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าพาสเทลแซมด้วยสีเหลืองส้มดูสดใส ภายในมีของเล่นเครื่องเล่น จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ

อาคาร D : ACTIVITY HEALTHY

ส่วนกลางทั้งหมดอยู่ที่ชั้น 2 เช่นกัน ภายในมีฟังก์ชันต่างๆ เพื่อสุขภาพ ทั้งห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่, Health Station, Sauna, Private Jacuzzi ส่วนด้านนอก มีสระว่ายน้ำ Grand Royal Palace Pool ขนาด 4.50 x 20.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร เป็นสระสำหรับว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริงจังเลยค่ะ

• Health Station
• Fitness
• Sauna
• The Lord Private Jacuzzi
• Blue Lagoon Seating
• Grand Royal Palace Pool
• Sun Lounger

ออกจาก Kid’s Club มาก็จะเจอกับสะพานทางเดินเชื่อมต่อไปยังอาคาร D

สระว่ายน้ำอาคาร D มีชื่อว่า Grand Royal Palace Pool เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือเช่นกันค่ะ มีขนาด 4.50 x 20.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร เหมาะกับการว่ายน้ำออกกำลังกายได้ ข้างๆ เป็นที่นั่งริมสระว่ายน้ำ มาพักผ่อนอ่านหนังสือ หรือถ่ายรูปถ่ายคอนเทนต์เก๋ๆ ได้ ซึ่งอาคาร D อยู่ด้านในสุดก็จะมีความเงียบสงบ มีคนผ่านไป-มาน้อยกว่าอาคารอื่นๆค่ะ

ด้านในอาคารเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำจะเป็นห้อง Fitness ขนาดใหญ่ ที่ออกแบบให้ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกตลอดแนวมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้กว้าง ภายในออกแบบด้วยสีส้มสดใสดู Active เหมาะต่อการออกกำลังกาย ใครเครื่องออกกำลังกายมาถึง 15 เครื่อง ครบทั้ง Weight Training และ Cardio ค่ะ

นอกจากจะมีฟังก์ชันออกกำลังกายแล้ว ที่โครงการนี้มี The Lord Private Jacuzzi หรือห้อง Jacuzzi ส่วนตัวขนาดใหญ่ ที่นัดเพื่อนๆ มาพักผ่อน แช่น้ำสบายๆ ด้วยกันได้ ภายในยังมีห้อง Sauna และ Steam ให้ด้วย จองครั้งเดียวใช้งานได้ทั้งหมดเลยค่ะ

ก่อนแช่น้ำจะมาอบตัวที่ห้อง Sauna, Steam ให้ผ่อนคลายก่อนก็ได้นะคะ พื้นที่ส่วนกลางต่างๆ ทางโครงการให้มาครบครันทีเดียวค่ะ ถือว่าเป็นคอนโด Low Rise ที่มี Facility ไม่น้อยไปกว่าคอนโด High Rise หรูๆ บางแห่งเลย

อาคาร D มีห้องน้ำส่วนกลางให้ใช้งานด้วยค่ะ ห้องผู้หญิงจะตกแต่งด้วยโทนสีชมพูและห้องผู้ชายเป็นโทนสีเขียว สำหรับคนที่มาออกกำลังกายที่ Fitness มาว่ายน้ำหรือว่า Sauna ก็สามารถเอาของมาเก็บที่ Locker และอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ที่นี้เลย

ค่าส่วนกลางของที่นี่จะอยู่ที่ 57 บาท/ตร.ม./เดือน หรือประมาณ 1,368-1,990 บาท/ห้อง/เดือน ถือว่ามีราคาสูงกว่าโครงการรอบข้างพอสมควรนะคะ แต่ก็แลกกับการมี Facility ส่วนกลางให้ใช้งานหลากหลายจัดเต็ม ซึ่งส่วนตัวเรามองว่าทดแทนการไป Fitness ข้างนอก หรือไปนั่งทำงานอ่านหนังสือตามคาเฟ่ต่างๆ ได้ค่ะ

ชั้นพักอาศัย

ดูส่วนกลางกันไปแล้วมาดูชั้นพักอาศัยกันค่ะ ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2-8 โดยชั้น 2 จะมีทั้งยูนิตพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางเลย สำหรับใครที่ชอบใช้ส่วนกลาง ห้องพักอาศัยชั้นนี้ถือว่าตอบโจทย์ทีเดียว เรียกได้ว่าออกจากห้องมาก็เดินเข้าใช้ส่วนกลางได้เลย ส่วนชั้นอื่นๆจะมีเฉพาะห้องพักอาศัยเท่านั้น ซึ่งก็จะได้ความสงบเป็นส่วนตัวมากกว่า

การจัดผังห้องพักอาศัย อาคาร A และ B ผังอาคารเป็นแนวยาว มองเห็นวิวทางด้านทิศเหนือ และทิศใต้ค่ะ ส่วนอาคาร C และ D ผังอาคารเป็น L-Shape ทำให้มีห้องพักอาศัยชมวิวได้อยู่ทุกทิศเลย

• อาคาร A : ห้องด้านใน (ทิศใต้) มองเห็นวิวสวนส่วนกลาง The Front Yard Avenue และถนนทางเข้าโครงการที่ดูหรูหรา ส่วนตัวมองว่าโอเคเลยค่ะ ห้องฝั่งด้านนอก (ทิศเหนือ) จะไม่เน้นวิวมากนัก ส่วนใหญ่เป็นห้องเล็กมองเห็นอาคารพักอาศัย 2 – 8 ชั้น แต่เป็นทิศที่ไม่โดนแดดมากนักค่ะ

อาคาร A เหมาะกับคนที่ต้องการเข้าถึงห้องพักอาศัยได้ง่าย ไม่ต้องเดินไกลจากด้านหน้าโครงการ ใช้รถสาธารณะเป็นหลัก ใช้งานพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นห้องทำงาน ห้องประชุมบ่อยๆ ชอบความเงียบสงบของพื้นที่ส่วนกลาง เป็นต้น

• อาคาร B : ห้องด้านใน (ทิศเหนือ) มองเห็นวิวสวนส่วนกลาง The Front Yard Avenue และถนนทางเข้าโครงการ ส่วนห้องด้านนอก (ทิศใต้) มองเห็นบ้านพักอาศัยสูง 2 – 5 ชั้น ใครที่อยากได้วิวโล่งหน่อย ก็ขยับเป็นชั้น 5 ขึ้นไปได้ค่ะ

อาคาร B เหมาะกับคนที่เน้นเข้าถึงห้องพักอาศัยได้ง่ายเช่นกันค่ะ ชอบกิจกรรม เล่นเกม ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางของอาคารนี้จะมีความคึกคักมากกว่าอาคาร A อีกทั้งยังเป็นอาคารเดียวที่ขึ้นไปใช้งานพื้นที่ดาดฟ้าได้

• อาคาร C : ห้องด้านใน (ทิศเหนือและตะวันออก) เป็นห้องที่ได้วิวสวยเลยค่ะ เพราะมองเห็นสระว่ายน้ำได้ใกล้ที่สุด ส่วนใหญ่เป็นห้องใหญ่ 1 Bedroom Plus ส่วนห้องด้านนอก (ทิศตะวันตก,ทิศใต้) จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กลง มองเห็นวิวบ้านพักอาศัยด้านนอกแต่จะไม่สูงมากนัก ชั้น 4 ขึ้นไปยังได้วิวเปิดโล่งค่ะ

อาคาร C เหมาะกับคนชอบวิวสวยๆ อยู่ใกล้สระว่ายน้ำ มีเด็กๆ เพราะเข้าถึงส่วนกลางสำหรับเด็กๆ ได้ง่ายที่สุดค่ะ

• อาคาร D : ห้องด้านใน (ทิศตะวันออกและทิศใต้) มองเห็นวิวสระว่ายน้ำ ส่วนใหญ่เป็นห้องใหญ่ 1 Bedroom Plus ส่วนห้องด้านนอก (ทิศตะวันตก,ทิศเหนือ) จะเป็นห้องที่มีขนาดเล็กลง มองเห็นวิวบ้านพักอาศัยด้านนอกแต่จะไม่สูงมากนักเช่นกันค่ะ

อาคาร D เหมาะกับคนชอบวิวสระว่ายน้ำ ชอบความเงียบสงบไม่วุ่นวาย เพราะอยู่ไกลจากถนนใหญ่มากที่สุด ยอมเดินไกลหน่อยหรือใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก

ผังห้องพักอาศัยของที่นี่เป็นแบบ Double Corridors มีโถงทางเดินตรงกลางแยกไปยังห้องพักอาศัยทั้งสองฝั่ง พร้อมมีลิฟต์ 2 ตัวต่ออาคาร โดยอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 94.4 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นเลยค่ะ ไม่ต้องรอลิฟต์นาน ส่วนตำแหน่งลิฟต์มักจะอยู่ช่วงกลางอาคารทำให้แเดินไปยังห้องพักอาศัยได้ง่าย จะมีเฉพาะอาคาร A เท่านั้นที่ลิฟต์อยู่ริมอาคาร ทำให้ห้องพักอาศัยที่อยู่ริมสุดของทางเดินอาจจะต้องเดินไกลสักหน่อย แต่ก็จะได้ความเงียบสงบมากขึ้นเพราะไม่ค่อยมีใครเดินผ่านหน้าห้องนั่นเองค่ะ

ส่วนห้องแต่ละแบบจะมีความน่าสนใจอะไรบ้างเราสรุปมาชมก่อนเลย ดังนี้

• 1 Bedroom ขนาด 24.00 – 24.80 ตร.ม. (สีครีม) :  เป็นห้องขนาดเริ่มต้นที่มีจำนวนยูนิตเยอะทีเดียว ส่วนใหญ่อยู่ในตำแหน่งที่เห็นวิวด้านนอก จะมีเพียง 2 ยูนิต ที่อาคาร D เท่านั้นที่มองเห็นวิวสระว่ายน้ำค่ะ เหมาะสำหรับคนที่มีงบจำกัดไม่เน้นวิวมากนัก
• 1 Bedroom Exclusive ขนาด 25.80 – 26.80 ตร.ม. (สีน้ำตาลอ่อน และน้ำตาลเข้ม) : เป็นห้องที่ใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยจากห้องขนาดเริ่มต้น เป็นห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดภายในโครงการ มีให้เลือกทั้งตำแหน่งเห็นวิวด้านนอก และเห็นวิวสวนส่วนกลาง หลากหลายตำแหน่ง
• 1 Bedroom Extra ขนาด 28.40 – 29.10 ตร.ม. (สีฟ้า) : เป็นห้องที่มีจำนวนไม่เยอะมาก กระจายตัวอยู่ทุกอาคาร ในตำแหน่งเห็นวิวส่วนกลางด้านในทั้งหมด เหมาะกับคนที่อยากได้ห้องใหญ่ อยู่สบายเห็นวิวสวยๆ โดยจะมีห้องมุมให้เลือกเยอะทีเดียว ใครที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวหน่อย ห้องมุมก็เหมาะเลยค่ะ
• 1 Bedroom Plus ขนาด 34.00 – 34.90 ตร.ม. (สีเทา) : ห้องขนาดใหญ่ที่สุด มีจำนวนไม่เยอะมาก ส่วนใหญ่อยู่ในตำแหน่งเห็นวิวด้านใน จะมีวิวด้านนอกอยู่บ้างไม่กี่ยูนิต ที่อาคาร C และ D ซึ่งเราคาดว่า 2 ห้องนี้จะมีราคาจับต้องได้ง่ายกว่าห้องอื่นๆ ค่ะ ห้อง 1 Bedroom Plus เหมาะสำหรับคนที่ อยากได้ห้องพื้นที่เยอะอยู่สบาย วิวสวย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

อาคาร A : PALACE GATE

• • สวนหย่อมที่ชั้น 1, 2 และ ดาดฟ้า ขนาด 3,169.63 ตร.ม.
  • The Emerald Terrace
  • The Front Yard Avenue
  • Tea Pavilion
  • Fontage Garden Terrace
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ 2 สระ
    – Royal Palace Pool (อาคารC) ขนาด 4.50 x 10.50 เมตร ลึก 1.20 เมตร
    – Grand Royal Palace Pool (อาคารD) ขนาด 4.50 x 20.00 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • มีการแบ่งสระเด็ก ลึก 0.55 เมตร ขนาดประมาณ 2.50 x 6.55 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 94 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 105 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 82 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 83.5 : 1
    อัตราส่วนลิฟต์ตึก D 106 : 1
  • ที่จอดรถ 256 คัน หรือคิดเป็น 34% (แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • EV Charger 2 คัน
  • ระบบในการเข้า-ออก (รถยนต์) Bluetooth Access Control
  • ระบบในการเข้า-ออก (เดินเข้าออก ขึ้นลงอาคาร) สแกนใบหน้า พร้อมระบบลิฟต์ล็อกชั้น
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV 24 ชั่วโมง

Highlight

• เน้นห้อง 1 Bedroom แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดทุกแบบ มีระเบียงส่วนตัว ออกแบบมาเน้นการใช้งานได้สะดวก มีแบบห้องให้เลือกกว่า 5 แบบ
• ห้องแต่งครบ Fully Furnished เพียงซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้อีกนิดหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย
• ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท* หรือประมาณ 89,000 บาท/ตร.ม. พร้อมเฟอร์นิเจอร์และพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายถือว่าค่อนข้างคุ้มค่า

ATMOZ Palacio ลาดพร้าว – วังหิน เป็นคอนโดที่เน้นห้องพักอาศัยแบบ 1 Bedroom เหมาะกับการอยู่ 1 – 2 คน และมีห้อง 1 Bedroom Plus สำหรับคนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ โดยมีแบบห้องหลักๆ ให้เลือกถึง 4 แบบ ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ไปจนถึง 3 ล้านบาทต้นๆ พร้อมขายแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์หลักๆ ภายในห้องครบครัน ถ้ามีงบประมาณ 3.5 ล้านบาทก็สามารถเลือกได้ทุกแบบพร้อมเข้าอยู่ได้เลยค่ะ

• 1 Bedroom ขนาด 24.00 – 24.80 ตร.ม.
• 1 Bedroom Exclusive ขนาด 25.80 – 26.80 ตร.ม.
• 1 Bedroom Extra ขนาด 28.40 – 29.10 ตร.ม.
• 1 Bedroom Plus ขนาด 34.00 – 34.90 ตร.ม.

ส่วนตัวรู้สึกว่าห้อง 1.89 ล้านบาทถือว่าเป็นราคาที่ดึงดูดย่านนี้ไม่ว่าจะอยู่เองหรือซื้อลงทุนก็น่าสนใจค่ะ เพราะนอกจากจะได้เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องครบพร้อมเข้าอยู่แล้ว พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการยังให้มาเยอะสุดๆ อีกด้วย ใครที่อยู่คอนโดมาก่อนก็จะทราบดีว่าบรรยากาศภายในโครงการมีผลต่อความรู้สึกเหมือนกัน คนที่กำลังลังเลอยู่อยากให้ลองเข้าไปชมโครงการจริงดูนะคะ

สรุปวัสดุภายในห้อง

• โครงสร้างอาคารแบบ Pre-Cast
• พื้นห้องปู Stone Plastic Composite ( SPC )
• พื้นระเบียง ปูกระเบื้องเซรามิก 30×30 ซม.
• พื้น และผนัง ห้องน้ำ ปูกระเบื้องเซรามิก 30×30 ซม.
• ผนังทั่วไปเป็น ผนังฉาบเรียบทาสีขาว ตามมาตรฐาน
• Built-in ครัว ท็อปหินสังเคราะห์, ที่ดูดควันแบบหมุนเวียน และชุดอ่างล้างจานสี่เหลี่ยม 1 ช่อง จาก TEKA, Backsplash กระเบื้องสีขาว หรือเทียบเท่า
• สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ จาก American standard, COTTO / ฉากกั้นอาบน้ำกระจก Shower King / รองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น หรือเทียบเท่า
• ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานสูง 2.4 ม. ฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว
• ปลั๊กและสวิตช์ ยี่ห้อ SIMON หรือเทียบเท่า
• เครื่องปรับอากาศ Wall Type จำนวน 1-2 เครื่อง (แล้วแต่ขนาดห้อง)
• Digital door lock ยี่ห้อ Home Shield ใช้งานได้ 5 ระบบ Passcode, Fingerprint, Mobile app. , Key , Key Card(RF Card) หรือเทียบเท่า
• Bluetooth Sound System เปิดเพลงฟังผ่านลำโพงที่อยู่บนฝ้าเพดานได้ พร้อมหน้าจอ Control
• เฟอร์นิเจอร์ครบแบบ Fully Furnished

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

1 Bedroom ขนาด 24.1 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom เป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาทค่ะ บรรยากาศภายในเหมือนกับห้อง Studio ที่ได้ความโปร่งโล่ง แต่ยังคงแยกพื้นที่ห้องครัวกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนช่วยลดกลิ่นรบกวน มีห้องน้ำเข้าได้จากห้องนอนใช้งานได้สะดวก แปลนนี้มีความน่าสนใจตรงที่ออกแบบให้มีพื้นที่เก็บรองเท้าด้านหน้าห้องแบบเข้ามุมพอดี ไม่ขวามทางเดิน และมีพื้นที่นั่งเล่น/นั่งทำงานริมหน้าต่างเพิ่มเติมด้วยค่ะ

ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่คนเดียว ชอบพื้นที่แบบเปิดโล่งเชื่อมต่อกัน ไม่เน้นทำอาหารเองมากนัก และต้องการงบประมาณที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นไม่เกิน 2 ล้านบาท จุดเด่นของห้องนี้จะมีอะไรบ้างเรารวบรวมมาให้ ดังนี้

สำหรับห้องนี้เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับ ส่วนของห้องครัวเป็นอันดับแรก ซึ่งมีข้อดีคือเมื่อซื้อของเข้าบ้านก็สามารถเก็บล้างเอาเข้าตู้ได้ก่อนเลย สำหรับห้องครัวเป็นแบบปิด กั้นจากส่วนห้องนอนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนเช่นกัน สามารถทำอาหารได้จริงจัง กลิ่นไม่ฟุ้งกระจาย โดยห้องครัวมีขนาด 1.75×1.9 เมตร ส่วนระยะหน้าเคาน์เตอร์ครัวกว้าง 1.15 เมตรเดินผ่านไป-มาได้สบาย

ชุดครัวจะได้เป็นเคาน์เตอร์รูปตัว I กว้าง 1.2 เมตร ส่วนวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ได้เหมือนห้องก่อนหน้าเลยค่ะ พร้อมมีพื้นที่ว่างด้านข้าง 0.70 เมตร สำหรับวางตู้เย็นขนาดมาตรฐานได้พอดีๆ

ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว มีตู้รองเท้า Built-in มาให้ในผนัง อยู่ในตำแหน่งด้านข้างประตูทางเข้า ใช้งานได้สะดวก กลับมาถึงห้องก็เก็บรองเท้าได้เลย เป็นสัดส่วน โดยตู้ที่ได้จะเป็นแบบนี้เลย สามารถวางรองเท้าได้เยอะ และยังมีช่องสำหรับวางไม้กวาด หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดขนาดยาวๆ ได้เป็นสัดส่วนดีด้วย พร้อมมีหน้าบานเปิดกระจกมาให้ฝั่งหนึ่ง ใช้ส่องดูความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้านได้ สะดวกดีค่ะ

หน้ากว้าง 3.75 เมตร ค่อนข้างกว้าง จะเห็นได้ว่าระยะปลายเตียงถึงหน้าตู้เสื้อผ้าเหลือค่อนข้างกว้าง เดินผ่านได้สบาย ภายในห้องได้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ 1 บาน พร้อมช่องเปิดระบายอากาศได้ บรรยากาศภายในห้องดูโปร่ง กว้าง ไม่อึดอัด สำหรับวัสดุ พื้นห้องปู SPC ลายไม้ ผนังฉาบเรียบทาสีขาว ระยะฝ้าเพดาน 2.4 เมตร เช่นเดียวกันกับห้องก่อนหน้าเลยค่ะ

ห้องนี้ลึกประมาณ 4.3 เมตร สามารถจัดวางเป็นโซฟา 2 ที่นั่งวางชิดกับเตียง 5 ฟุตแล้ว ยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงบริเวณติดริมหน้าต่าง สามารถวางโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ เพิ่มเติมได้ สำหรับโซฟาที่ได้ภายในห้องมาตรฐานจะเป็นโซฟา 2 ที่นั่ง ที่ปรับเป็นเตียงนอนได้ พร้อมชุดโต๊ะทานอาหาร ตามรูปรายการเฟอร์นิเจอร์ก่อนหน้านะคะ

พื้นที่ริมหน้าต่างด้านข้างเตียงนอน เป็นพื้นที่แบบ Bay Window ได้แสงธรรมชาติค่อนข้างดี อีกทั้งด้านข้างยังติดกับระเบียงอีกด้วย ยิ่งทำให้มุมนี้ดูโปร่งโล่งดีเลย สามารถจัดเป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ได้ ซึ่งตรงนี้จะเหลือพื้นที่ประมาณ 1 เมตรกว่าๆ กว้าง 2.7 เมตร วางได้พอดีๆ แนะนำให้ใช้เป็นโต๊ะโปร่งๆ เล็กๆ พร้อมเก้าอี้สตูล จะช่วยให้ ดูโปร่ง ไม่อึดอัดค่ะ

มาดูอีกฝั่งหนึ่ง ด้านปลายเตียงกันบ้าง จัดวางเป็นโต๊ะวางทีวี และตู้เสื้อผ้า โดยตู้เสื้อผ้าที่ได้ในห้องนี้มีขนาดกว้าง 1.4 เมตร วัสดุอุปกรณ์ เหมือนกันกับห้องก่อนหน้าเลย ส่วนโต๊ะวางทีวีที่ได้ภายในห้องมาตรฐานจะไม่ได้เป็นแบบนี้นะคะ โดยหน้าตาจะเหมือนในรายการเฟอร์นิเจอร์เลยค่ะ  โดยพื้นที่สำหรับติดตั้งทีวีจะเหลือกว้าง 1.15 เมตร วางทีวีขนาด 50 นิ้วได้ค่ะ

ส่วนด้านซ้ายจะเป็นประตูเชื่อมต่อกับห้องน้ำได้ในตัว เข้าถึงได้ง่าย ใช้งานได้สะดวก ส่วนขวามือสุดจะเป็นระเบียง ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกเช่นกัน ทำให้ดูโปร่ง ได้แสงธรรมชาติดีเลยค่ะ

มาดูในห้องน้ำกันก่อน ภายในห้องแยกส่วนเปียก ส่วนแห้งชัดเจน ใช้งานได้ง่าย เมื่อเข้ามาด้านซ้ายมือจะเป็นอ่างล้างหน้า ด้านขวามือเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ ซึ่งมีระยะกว้างประมาณ 95 ซม. หมุนตัวสบายๆ ส่วนตรงกลางด้านในจะเป็นพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกมาให้เช่นกันค่ะ

ห้องอาบน้ำขนาด 90×115 ซม. ภายในได้ที่อาบน้ำแบบ Hand shower และมีการออกแบบที่วางของในผนังมาให้เรียบร้อย สำหรับพื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิกเช่นกัน ส่วนสุขภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ติดตั้งมาให้สเปคเดียวกับห้องก่อนหน้าเลยค่ะ

มาดูส่วนระเบียงกันค่ะ มีขนาด 1.5×1.0 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ โดยในห้องมาตรฐานจะมีการวางระบบรองรับการติดตั้งเครื่องซักผ้า และมีปลั๊กไฟพร้อมหน้ากากกันน้ำมาให้ครบ สำหรับวัสดุต่างๆ พื้นระเบียงจะใช้เป็นกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30×30 ซม. สีเทา ด้านบนแขวน Condensing units พร้อมมีระแนงบังสายตา และมีไฟที่ผนังมาให้ 1 จุด เช่นกันค่ะ

1 Bedroom Exclusive B1 ขนาด 25.9 ตร.ม.

ห้องนี้เป็น Type ที่มีจำนวนและตำแหน่งให้เลือกเยอะที่สุดในโครงการเลยค่ะ เป็นห้องที่กั้นพื้นที่แต่ละฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง และมีทางเข้าห้องน้ำแบบเข้าได้ 2 ทาง ตอนกลางคืนก็เข้าห้องน้ำได้สะดวกถือว่าออกแบบมาโดยคำนึงถึงการใช้งานจริงได้ดีเลยค่ะ ส่วนห้องครัวมีประตูกระจกกั้นช่วยลดกลิ่นและเปิดระบายอากาศผ่านระเบียงได้ ห้องนี้จะมีความแตกต่างจาก B2 คือกั้นห้องนอนแบบผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัวสูง

ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 2 คน ชอบฟังก์ชันแยกแต่ละส่วนชัดเจน เน้นการใช้งาน ไม่ซีเรียสเรื่องความโปร่งและแสงธรรมชาติบริเวณห้องนั่งเล่น ชอบห้องนอนที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ในงบประมาณเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท

ส่วนจุดที่น่าสนใจของห้องนี้จะมีอะไรบ้าง เราขอสรุปดังนี้

ประตูด้านหน้าห้องเลือกเป็นสีเทาเข้มให้ความรู้สึกเคร่งขรึมดูดี ติดตั้ง Digital door lock ยี่ห้อ Home Shield มาให้ใช้งานได้ 5 ระบบทั้ง Passcode, Fingerprint, Mobile app. , Key , Key Card(RF Card) จุดสแกนนิ้วอยู่ตรงมือจับใช้งานได้ถนัดมือค่ะ

เข้ามาภายในจะเจอกับห้องนั่งเล่น พื้นที่ค่อนข้างกว้าง (2.50 x 2.80 เมตร) ทางโครงการเลือกโซฟาและโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งมาให้พอดีๆ เลยค่ะ พื้นห้องปูด้วย SPC ลายไม้ ทนน้ำ ความชื้นมากกว่าพื้นลามิเนต และรับแรงกระแทกได้ดี ไม่ลื่น ไม่ยืดหดตามสภาพแวดล้อมมากเท่าพื้นไวนิล มีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.4 เมตรตามมาตรฐานคอนโด Low Rise ทั่วไป ผนังห้องมาตรฐานเป็นผนังเรียบบทาสีขาวค่ะ ในห้องตัวอย่างจะตกแต่งให้ดูเป็นไอเดียนะ

ห้องนั่งเล่นจะมีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 2.20 เมตร สามารถวาง TV ขนาด 50 นิ้วขึ้นไปได้ มีเครื่องปรับอากาศ และติดตั้งหน้าจอ Control ของ Bluetooth Sound System มาให้ สามารถเปิดเพลงฟังผ่านลำโพงที่อยู่บนฝ้าเพดาน ซึ่งจะติดอยู่ 2 จุด ภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ พร้อมสวิตช์ไฟสีเท่ดำสวยๆ จาก SIMON แบบในภาพเลย

โซฟาเป็นโซฟาเบด 2 ที่นั่ง สามารถดึงออกมาเป็นเตียงนอนเผื่อเพื่อนๆ มาค้างที่ห้อง หรือว่านอนดู TV สบายๆ ได้ค่ะ ได้เป็นสีเทาเหมือนในห้องตัวอย่างเลย

ส่วนชั้นวาง TV และตู้รองเท้าทางโครงการ Built-in มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างค่ะ เป็นตู้รองเท้าและเก็บของด้านบนที่หน้าบานเป็นกระจกเงา เอาไว้เช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้ ส่วนชั้นวาง TV ก็มีช่องเก็บของมาให้ด้านล่างอีกจุดหนึ่งค่ะ

ที่นั่งทานข้าวเป็นโต๊ะเก้าอี้แบบ 2 ที่นั่ง เชื่อมต่อกับห้องครัวและระเบียง ยกอาหารออกมาทานได้สะดวก กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ภายในห้องนั่งเล่นก็จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาทางนี้ค่ะ

ส่วนครัวเป็นห้องครัวปิดมีประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน ช่วยกั้นกลิ่นและควันรบกวน ทำอาหารได้เต็มที่โดยไม่มีกลิ่นเข้าไปยังห้องนอนค่ะ และได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากทางระเบียงทำให้ครัวสว่างขึ้น สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศ ช่วยลดกลิ่นอับและเชื้อโรคได้

ครัวมีขนาดประมาณ 1.40 x 2.30 เมตร พร้อม Built-in เคาน์เตอร์และตู้เก็บของมาให้เหมือนในห้องตัวอย่าง (แต่ไม่ได้ของตกแต่งนะคะ) เหลือที่ว่างด้านขวาสำหรับวางตู้เย็นได้ มีระยะเดินประมาณ 0.80 เมตร ยืนทำอาหารได้พอดีๆ พื้นห้องครัวเป็น SPC ลายไม้เหมือนกับภายในห้องค่ะ

เคาน์เตอร์ครัวขนาดมาตรฐาน 1.20 เมตร มี Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว พร้อมติดตั้งเตาไฟฟ้า 2 หัว, ชุดอ่างล้างจานสี่เหลี่ยม 1 ช่อง และที่ดูดควันเป็นแบบหมุนเวียนอากาศ จาก TEKA  มาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ด้านหลังติดตั้ง Backsplash ด้วยกระเบื้องสีขาวมีลูกเล่นเป็นลายเล็กน้อยให้ดูสวยงามและทำความสะอาดง่าย

ตู้เก็บของด้านล่างมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟมาให้พอดีๆ ที่น่าสนใจคือมีลิ้นชักวางของเพิ่มเติม เวลาพื้นที่เตรียมอาหารไม่พอก็เลื่อนออกมาใช้วางของเพิ่มได้ค่ะ นอกจากนั้นยังมีลิ้นชักสำหรับช้อนส้อม และลิ้นชักเก็บของข้างล่างมาให้ ส่วนใต้อ่างล้างจานเป็นช่องเก็บของขนาดใหญ่สามารถวางถังขยะด้านในได้ค่ะ

ส่วนตู้ด้านบนมีทั้งแบบมีหน้าบานไว้เก็บของกระจุกกระจิก และช่องเก็บของที่ไม่มีหน้าบานปิด สำหรับวางของที่หยิบใช้งานบ่อยหรือขนมขบเคี้ยวต่างๆ ค่ะ

ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.90 x 1.40 เมตร มีปลั๊กไฟ(กันน้ำ) ก๊อกน้ำดี และท่อระบายน้ำทิ้งสำหรับต่อกับเครื่องซักผ้าได้ พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30×30 เซนติเมตร ด้านบนแขวน Condensing units พร้อมแผงเปลี่ยนทิศทางลมช่วยลดความร้อนบริเวณระเบียงได้ ราวกันตกมีระแนงบังสายตามาให้ดูเรียบร้อยดีค่ะ ใครซัก-ตามผ้าเอง แนะนำให้ใช้ราวตากผ้าแบบยึดผนัง 2 ด้าน จะช่วยให้ประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้นค่ะ

มาดูห้องนอนกันบ้างค่ะ ห้องนอน Type นี้เป็นห้องกั้นผนังทึบ จะได้ความเป็นส่วนตัวสูง หากอยู่กัน 2 คน ก็สามารถใช้งานได้ทั้ง 2 ฟังก์ชันโดยไม่รบกวนกัน ภายในห้องได้ช่องแสงขนาดใหญ่เกือบเต็มผนังทำให้ดูโปร่งสบาย มองเห็นวิวภายนอกได้กว้าง และรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่ค่ะ

ภายในห้องนอนมีพื้นที่ประมาณ 2.60 x 3.30 เมตร ทางโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้พอดีๆ พร้อมช่องเก็บของที่ฐานมาให้ด้วย เป็นการใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าค่ะ ส่วนปลายเตียงเหลือประมาณ 50 ซม. สามารถเดินไปเปิด-ปิดม่านได้ สำหรับใครที่ชอบนอนดูหนัง ที่ผนังปลายเตียงมีปลั๊กและงานระบบที่สามารถติดตั้งทีวีแขวนผนังมาให้ค่ะ

ด้านข้างเตียงเป็นตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่ยืนแต่งตัวได้สะดวก ตัวตู้เสื้อผ้าจะได้เหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ เป็นหน้าบานกระจกช่วยทำให้ห้องดูไม่ทึบตัน หน้าบานเป็นบานเลื่อนเปิดง่ายไม่กินพื้นที่ ภายในตู้มีช่องเก็บของชิ้นใหญ่ด้านบน ราวแขวนผ้า และชั้นเก็บของเล็กๆ ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น

ห้องน้ำเป็นห้องแบบเข้าได้ 2 ทาง จากห้องนั่งเล่นและห้องนอนใช้งานได้ดีเลยค่ะ ภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีขาวสะอาดตา แบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาให้ชัดเจน พร้อมติดตั้งพัดลมระบายอากาศมาให้เรียบร้อยค่ะ

อ่างล้างหน้าเป็นแบบติดตั้งลอยตัว จาก COTTO มีช่องเก็บของด้านล่างเล็กน้อย มีธรณีประตูห้องน้ำยกสูงจากพื้นเล็กน้อยกันน้ำไหลไปยังส่วนอื่นๆ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก American Standard (หรือเทียบเท่า)

ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นกระจกแบบ 3 ตอนติดตั้งมาให้แล้ว จาก Shower King ภายในได้ที่อาบน้ำแบบ Hand shower มาให้จาก American Standard พร้อมช่องวางของที่ผนังขนาดใหญ่ กว้าง 0.40 x 0.45 เมตร สามารถวางชั้นวางของเพิ่มเติมเองได้ พร้อมงานระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้แล้วค่ะ

1 Bedroom Exclusive B2 ขนาด 26 ตร.ม.

ห้อง Type นี้มีฟังก์ชันใกล้เคียงกับ B1 เลยค่ะ แต่จะแตกต่างกัน 2 จุด จุดแรกคือห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้ทั่วถึง และจุดที่ 2 โซน Service บริเวณห้องครัวจะที่ได้พื้นที่มากขึ้น เชื่อมต่อกับห้องน้ำ เปิดระบายอากาศห้องน้ำออกไปจนถึงระเบียงได้เลยค่ะ

ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 2 คน ชอบห้องบรรยากาศโปร่งสบายมีแสงเข้ามาทั่วถึง แต่ยังคงกั้นฟังก์ชันภายในชัดเจน เน้นการใช้งานแยกโซนครัวและห้องน้ำ ชอบทำอาหารแต่ไม่อยากให้กลิ่นรบกวนภายในห้อง ในงบประมาณเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท

บรรยากาศภายในห้อง 1 Bedroom Exclusive B2 จะมีความคล้ายกับ B1 ค่ะ แต่ภายในห้องส่วนนั่งเล่นมีความกว้างมากขึ้น อยู่ที่ 2.70 x 3.15 เมตร และได้ความโปร่งสบายจากประตูกระจกห้องนอนขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานด้วย

พื้นห้องปู SPC ลายไม้ส่วนผนังฉาบเรียบทาสีขาว ระยะฝ้าเพดาน 2.4 เมตร วางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งได้สบายๆ 

ห้องนั่งเล่นจะมีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 2.50 เมตร สามารถวาง TV ขนาด 50 นิ้วขึ้นไปได้ มีเครื่องปรับอากาศและติดตั้งหน้าจอ Control ของ Bluetooth Sound System มาให้ สามารถเปิดเพลงฟังผ่านลำโพงที่อยู่บนฝ้าเพดาน ซึ่งจะติดอยู่ 2 จุด ภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอน

ส่วนชั้นวาง TV และตู้รองเท้าทางโครงการ Built-in มาให้เหมือนกับห้อง B1 เลยค่ะ  เป็นตู้รองเท้าและเก็บของด้านบนที่หน้าบานเป็นกระจกเงา เอาไว้เช็กความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องได้ ส่วนชั้นวาง TV ก็มีช่องเก็บของมาให้ด้านล่างอีกจุดหนึ่ง

สำหรับห้องครัวจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกใส 1 ตอน ช่วยกันกลิ่นควันฟุ้งกระจายเข้ามารบกวนภายในห้องค่ะ

ส่วนห้องนอนของ Type B2 จะมีขนาดเล็กลงกว่า B1 (2.70 x 2.95 เมตร) แต่ดูไม่เล็กและอึดอัดจนเกินไป เพราะเป็นห้องนอนที่มีผนังกระจก อยู่ริมหน้าต่างขนาดใหญ่ มองเห็นวิวได้กว้างและรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้ทั่วถึงทั้งห้อง พร้อมระบบไฟฟ้ารองรับการติดตั้ง TV ปลายเตียงได้ค่ะ

ด้านข้างเตียงเป็นตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่ยืนแต่งตัวได้สะดวก ตัวตู้เสื้อผ้าจะได้เหมือนกับในห้อง B1  เป็นหน้าบานกระจกเลื่อนช่วยทำให้ห้องดูไม่ทึบตัน ประหยัดพื้นที่ในการเปิด-ปิด ภายในตู้มีช่องเก็บของชิ้นใหญ่ด้านบน ราวแขวนผ้า และชั้นเก็บของเล็กๆ ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น

ห้องครัวจะมีขนาดกว้างขึ้น สามารถวางชั้นวางของเพิ่มเติมด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวได้ ห้องครัวจะอยู่ติดกับระเบียงและห้องน้ำ สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้เต็มที่ ช่วยลดกลิ่นอับภายในห้องได้ดี และมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาทั่วถึง

เคาน์เตอร์ครัวมีขนาด 1.20 เมตร Top หินสังเคราะห์สีขาว พร้อมติดตั้งเตาไฟฟ้า 2 หัว, ชุดอ่างล้างจานสี่เหลี่ยม 1 ช่อง และที่ดูดควันเป็นแบบหมุนเวียนอากาศ จาก TEKA มาให้เ ด้านหลังติดตั้ง Backsplash ด้วยกระเบื้องสีขาวมีลูกเล่นเป็นลายเล็กน้อยให้ดูสวยงามและทำความสะอาดง่าย

ตู้เก็บของด้านล่างมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟมาให้พอดีๆ มีลิ้นชักวางของเพิ่มเติม นอกจากนั้นยังมีลิ้นชักสำหรับช้อนส้อม และลิ้นชักเก็บของข้างล่าง ส่วนใต้อ่างล้างจานเป็นช่องเก็บของขนาดใหญ่วางถังขยะด้านในได้ ตู้ด้านบนมีทั้งแบบมีหน้าบานไว้เก็บของกระจุกกระจิก และช่องเก็บของที่ไม่มีหน้าบานปิด สำหรับวางของที่หยิบใช้งานบ่อยหรือขนมขบเคี้ยวต่างๆ ค่ะ

ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.90 x 1.40 เมตร มีปลั๊กไฟ(กันน้ำ) ก๊อกน้ำดี และท่อระบายน้ำทิ้งสำหรับต่อกับเครื่องซักผ้าได้ พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30×30 เซนติเมตร ด้านบนแขวน Condensing units พร้อมแผงเปลี่ยนทิศทางลมช่วยลดความร้อนบริเวณระเบียงได้ค่ะ

ฟังก์ชันและอุปกรณ์ภายในห้องน้ำจะเหมือนกับห้อง B1 แต่จะเข้าได้ทางเดียวบริเวณห้องครัวค่ะ ข้อดีคือเป็นสัดส่วน สามารถเปิดประตูระบายอากาศเชื่อมต่อไปยังระเบียงภายนอกได้เลย โดยไม่ต้องผ่านห้องนอนหรือพื้นที่พักผ่อน

ภายในแบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งมาให้ชัดเจน พร้อมติดตั้งพัดลมระบายอากาศมาให้เรียบร้อย อ่างล้างหน้าเป็นแบบติดตั้งลอยตัว จาก COTTO และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก American Standard มีงานระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้แล้วค่ะ

1 Bedroom Extra ขนาด 28.4 ตร.ม.

ห้อง Extra จะมีฟังก์ชันเหมือนกับห้อง 1 Bedroom Exclusive B1 เลยค่ะ แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนและห้องนั่งเล่นเพิ่มมากขึ้น เป็นห้องที่กั้นพื้นที่แต่ละฟังก์ชันเป็นสัดส่วน มีทางเข้าห้องน้ำแบบเข้าได้ 2 ทาง เข้าห้องน้ำได้สะดวก ห้องนอนเป็นผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนห้องครัวมีประตูกระจกกั้นช่วยลดกลิ่นและเปิดระบายอากาศผ่านระเบียงได้เช่นกันค่ะ

ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 2 คน ชอบฟังก์ชันแยกแต่ละส่วนชัดเจน เน้นการใช้งาน ไม่ซีเรียสเรื่องความโปร่งและแสงธรรมชาติบริเวณห้องนั่งเล่น ชอบห้องนอนที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูงวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้สบายๆ ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะขึ้น ในงบประมาณเริ่มต้น 2.89 ล้านบาทค่ะ

1 Bedroom Plus ขนาด 34.2 ตร.ม.

ห้องนี้เป็นห้องที่ออกแบบมาได้น่าสนใจ เพราะพื้นที่ห้องอเนกประสงค์เชื่อมต่อได้ทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นเลยค่ะ สามารถทำเป็นห้องนอนเด็กน้อย หรือว่าเป็นห้องทำงาน/อ่านหนังสือแยกได้ ส่วนห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์แบบตัว L ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางห้องเชื่อมต่อกับห้องน้ำ ห้องน้ำอาจจะเข้าถึงยากสักหน่อยแลกกับความเป็นสัดส่วน ทำให้ความชื้นและกลิ่นไม่รบกวนภายในส่วนพักอาศัย

ห้องนี้เหมาะกับคนที่อยู่ 1 – 3 คน ต้องการพื้นที่ใช้สอยเยอะขึ้น เน้นพื้นที่พักผ่อน อยากได้ห้องทำงานแยกเป็นสัดส่วน มีแสงธรรมชาติเข้าถึง และต้องการแยกโซน Service มีงบประมาณ 3 ล้านบาทขึ้นไป

ATMOZ Palacio Ladprao-Wanghin (แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน) ราคา ณ วันที่ 3 กรกฎาคม 2568

• 1 Bedroom ขนาด 24.00 – 24.80 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
• 1 Bedroom Exclusive ขนาด 25.80 – 26.80 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท
• 1 Bedroom Extra ขนาด 28.40 – 29.10 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
• 1 Bedroom Plus ขนาด 34.00 – 34.90 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.xx ล้านบาท
• รูปแบบการขาย Fully Furnished
• ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
• Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
• Hob & Hood
• มีรถ Shuttle Service
• จอง 999 บาท
• ทำสัญญา 10,000 บาท
• ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
• ค่าส่วนกลาง 57 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

ทำเล :

โครงการตั้งอยู่ติดถนนลาดพร้าว-วังหินช่วงกลางซอย เป็นทำเลที่มีความคึกคักสูง มีร้านอาหารชื่อดังหลายแห่ง ตั้งแต่รถเข็น ร้านตึกแถว ไปจนถึงร้านอาหารติดแอร์ ซึ่งเป็นร้านที่อร่อยและขึ้นชื่อหลายร้าน นอกจากนั้นยังมีแหล่งอาหารการกินที่เดินไปได้ง่ายๆ อย่าง Plaza Lagoon และ The Jas วังหิน นอกจากนั้นยัง ใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่ง อย่าง Central Festival East Ville, Crystal Park, Central ลาดพร้าว, Union Mall, Major รัชโยธิน ในระยะทางประมาณ 5-6 กม. เท่านั้นเองค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ :

ถือว่าค่อนข้างสะดวกด้วยความที่บนถนนลาดพร้าววังหินมีจุดเด่น คือ มีซอยลัดเลาะเชื่อมต่อถนนหลักได้หลายเส้นทาง สะดวกในช่วงเวลารถติด สามารถเชื่อมต่อไปออกสู่ถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว ถนนประเสริฐมนูกิจ หรือถนนเลียบด่วน-รามอินทราได้ ภายในโครงการมีที่จอดรถมาให้ 256 คัน และที่จอดรถ EV 2 คัน (คิดเป็น 34%) ถือว่าไม่เยอะมากนักแต่ก็มีตัวเลือกการเดินทางด้วยรถสาธารณะเพิ่มเติมค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

หากใครจะเดินทางด้วยรถสาธารณะ บนถนนลาดพร้าว-วังหินเองก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถกะป๊อสองแถวเล็ก รถแท็กซี่ หรือ Grab ก็สามารถเรียกได้ง่าย และเป็นทำเลที่อยู่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและเหลือง ซึ่งทางโครงการมี Shuttle Service รับ-ส่งที่ MRT ลาดพร้าว ให้ด้วยค่ะ ถือว่าเดินทางสะดวกพอสมควรเลย

วัสดุ :

โครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ในห้องครบ พร้อมติดตั้งแอร์ 1 – 2 เครื่อง (แล้วแต่ขนาดห้อง) นอกจากนั้นจะได้ Bluetooth Sound System และ Digital Door Lock มาให้ด้วย ส่วนวัสดุต่างๆ ในห้องให้มาตามมาตรฐาน พื้นเป็น SPC ทนความชื้นได้ดี / Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ , ที่ดูดควันแบบหมุนเวียน และชุดอ่างล้างจานสี่เหลี่ยม 1 ช่อง จาก TEKA, Backsplash กระเบื้องสีขาว หรือเทียบเท่า / สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ จาก American standard, ฉากกั้นอาบน้ำกระจก Shower King หรือเทียบเท่า / ระยะฝ้าเพดาน 2.4 เมตร ตามมาตรฐานคอนโด Low Rise ทั่วไปเลยค่ะ

การออกแบบ :

การออกแบบโครงการถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจค่ะ ออกแบบตกแต่งสไตล์ Modern Classic ดูหรูหรา ในโทนสีเรียบ ตัดกับการออกแบบภายในที่เน้นใช้สีสันสดใส ดู Modern สนุกสนาน ตรงตามภาพ Perspective ตอนเปิดขายเลยค่ะ เรียกได้ว่าทำถึงทีเดียว การวางผังอาคารของแต่ละโซนจะออกแบบให้ตัวอาคารโอบล้อมพื้นที่สวนตรงกลางเอาไว้ และให้พื้นที่ส่วนกลางกระจายตัวอยู่รอบๆ ในทุกอาคาร ซึ่งทุกฟังก์ชันสามารถเดินเชื่อมกันได้ด้วยพื้นที่สีเขียวตรงกลาง การวางผังแบบนี้จะช่วยให้ห้องพักอาศัยด้านในได้วิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำสวยๆ อีกด้วยค่ะ

ส่วนห้องพักอาศัยมีให้เลือก 4 แบบหลักๆ เน้นห้อง 1 Bedroom อยู่ 1 – 2 คน และมีห้อง 1 Bedroom Plus ให้เลือกสำหรับครอบครัวเริ่มต้นด้วย การจัดฟังก์ชันภายในห้องทำได้ดี เป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดทุกแบบ มีให้เลือกทั้งครัวปิดติดระเบียง และครัวด้านใน ห้องนอนกั้นผนังทึบ และห้องนอนผนังกระจก เลือกได้ตามความชอบ พร้อมเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับขนาดของห้องมาให้แล้ว

สาธารณูปโภค :

พื้นที่ส่วนกลางถือว่าเป็นจุดเด่นหลักของโครงการนี้ค่ะ เพราะมี Facility มาให้ถึง 33 ฟังก์ชัน แบบใช้งานได้จริง มีสระว่ายน้ำ 2 สระ แยกสระสำหรับออกกำลังกายและสระสำหรับพักผ่อน, ห้อง Private Jacuzzi, Sauna, Steam, ห้องดูหนัง, Game Room, Co-Working และอีกหลากหลาย พร้อมพื้นที่สีเขียวกว่า 3,000 ตร.ม. เรียกได้ว่าเยอะกว่าเพื่อนๆ ในละแวกเดียวกันเลย แต่ก็จะมีค่าส่วนกลางที่สูงสักหน่อยอยู่ที่ 57 บาท/ตร.ม./เดือน แต่ก็ถือว่ามีให้ใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชันแบบที่คอนโด High Rise บางแห่งยังไม่มีค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 85,000 – 90,000 บาท/ตร.ม., 10 กรกฎาคม 2568

• ทำเล 7.75/10 – มีความอุดมสมบูรณ์สูง หาของกินง่าย เดินไปคอมมูนิตี้มอลล์ได้ใกล้ๆ
• เดินทางด้วยรถ 7.75/10 -เข้าออกได้หลายช่องทาง ที่จอด 34% ไม่รวมซ้อนคัน พร้อม EV Charger
• ไม่ใช้รถ 7.5/10 –  เรียกรถสาธารณะได้สะดวก มีรถรับ-ส่ง MRT ลาดพร้าว
• วัสดุ 8/10 – ขายห้องพร้อมเฟอร์นิเจอร์หลักๆ ครบ ติดตั้งแอร์ และ Bluetooth Sound System มาให้ด้วย
• แบบ 8.5/10 – วางผังโอบล้อมส่วนกลาง ห้องพักจัดฟังก์ชันลงตัวเป็นสัดส่วน ได้ครัวปิดทุกแบบ
• สาธารณูปโภค 9/10 – หลากหลาย จัดเต็มกว่า 33 ฟังก์ชัน เยอะสุดในย่านนี้

• MAIN CLASS
• 7.95 / 10.00

ATMOZ Palacio ลาดพร้าว – วังหิน เหมาะกับใคร

ATMOZ Palacio ลาดพร้าว – วังหิน เหมาะกับคนที่อยากได้คอนโดในย่านลาดพร้าว, โชคชัย 4 อยากอยู่ในย่านหาของกินง่าย เดินทางไปรถไฟฟ้าได้ มีรถรับ-ส่ง MRT ลาดพร้าว ชอบโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ หลาย Facility ให้ใช้งาน บรรยากาศโครงการสวย ต้องการห้องพร้อมอยู่ มีเฟอร์นิเจอร์ให้แล้ว อยู่ 1 – 2 คน มีงบประมาณเริ่มต้น 1.9 – 3.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,000 – 25,000 บาทต่อเดือนค่ะ

Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่