Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 เป็นโครงการที่หลายๆคนที่ใช้เส้นทางผ่านถนนรัตนาธิเบศร์อยู่เป็นประจำ ก็น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากับคอนโดตึกสูงแห่งนี้กันเป็นอย่างดีนะครับ เพราะเค้าสร้างเสร็จมาได้ประมาณ 5 – 6 ปีแล้ว และหากใครกำลังมองหาคอนโดติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงแบบนี้อยู่ล่ะก็ โครงการนี้ยังมีห้องขายอยู่นะครับ โดยผมมองว่าเค้ามี Highlight หรือจุดเด่นที่น่าสนใจดังนี้

  • ทำเลติดถนนใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง : ในระยะที่เดินไปใช้งานได้ (ประมาณ 270 m.)
  • บรรยากาศร่มรื่น : เนื่องจากเป็นโครงการที่สร้างเสร็จมาแล้ว 5 – 6 ปี ดังนั้นต้นไม้ภายในโครงการเลยเติบโตให้ร่มเงาได้เต็มที่แล้วนั่นเองครับ
  • ห้องไซส์ใหญ่ : 2 Bedrooms ขนาดพื้นที่ใช้สอย 45.5 ตารางเมตร และเป็นห้องมุมที่ได้ช่องเปิด 2 ด้าน จะอยู่แบบครอบครัวก็ได้ หรือซื้อไว้เป็นห้องทำงานเสริมช่วง WFH ก็น่าสนใจ
  • ราคา : ปัจจุบันมีราคาเริ่มต้นน่าสนใจ ซึ่งนับว่าจับต้องได้ง่ายและคุ้มค่ากว่าช่วงตอนเปิดตัวใหม่ๆซะอีกครับ เพราะเค้ากำลังเตรียมจะปิดโครงการแล้วนั่นเอง

ข้อมูลโครงการ

Aspire Rattanathibet 2 (แอสปาย รัตนาธิเบศร์ 2) ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2564

 ชื่อโครงการ  Aspire Rattanathibet 2 (แอสปาย รัตนาธิเบศร์ 2)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  ECONOMY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนน รัตนาธิเบศร์ ต.บางกะสอ อ.เมืองนนทบุรี
 ที่ดิน  9-1-91.8 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 25 ชั้น 2 อาคาร และอาคารจอดรถ 8 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต  1,428 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  31 ยูนิต
 ที่จอดรถ  503 คัน หรือคิดเป็น 35% (แบบรวมซ้อนคัน คิดเป็น 40%)
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  สร้างเสร็จพร้อมอยู่ (ปี 2558)
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 24.5 – 30.5 ตร.ม. (Sold Out)
  • 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอยภายใน 45.5 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  2.5 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  2.69 ล้านบาท (หรือเฉลี่ย 59,000 บาท/ตร.ม)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 70,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ https://www.apthai.com/th
 Call Center  1623

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง : โดยโครงการจะตั้งอยู่ระหว่าง MRT สถานีบางกะสอ และ MRT สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี สามารถเดินไปใช้งานได้ในระยะ 270 m. ทั้งคู่เลยครับ
  • ใกล้ห้างสรรพสินค้าและตลาด : มีให้เลือกเดินช้อปปิ้งทั้ง BigC , Central รัตนาธิเบศร์ และตลาดนกฮูก ซึ่งทั้งหมดห่างจากโครงการไม่เกิน 3 km.
  • ใกล้ศูนย์ราชการ : สำหรับใครที่เป็นข้าราชการ และทำงานอยู่ย่านนี้นับว่าสะดวกมากๆ

พิกัด Google Maps : 13.859677, 100.508097
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 ตั้งอยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออก โดยจะอยู่ระหว่างแยกแครายและแยกนนทบุรี ซึ่งเป็นช่วงที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงให้ใช้งานเข้า-ออกเมืองได้สะดวก ส่วนในด้านความอุดมสมบูรณ์ก็จะมี BigC ให้ใช้งานซื้อของเข้าบ้านได้ใกล้ที่สุด หรือถ้าเลยไปอีกหน่อยก็มีจะ Central รัตนาธิเบศร์ กับตลาดนกฮูกที่อยู่ตรงแยกนนทบุรี

และสิ่งสำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “แหล่งงาน” ซึ่งนอกจากจะมีเหล่าพ่อค้าแม่ค้าจากตลาดและห้างสรรพสินค้าในย่านแล้ว ยังมีศูนย์ราชการที่สำคัญต่างๆเพียบ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงสาธารณะสุข สำนักงานเทศบาล กรมบังคับคดี กองสลากกินแบ่งรัฐบาล และสำนักงาน ป.ป.ช. ก็ล้วนแต่อยู่ในทำเลนี้ทั้งสิ้น เรียกได้ว่าใครที่ทำงานเป็นข้าราชการย่านนี้ล่ะก็เหมาะเลยทีเดียวครับ

เพราะหากดูจากเส้นทางแล้ว โครงการของเราจะอยู่บริเวณสะพานกลับรถพอดี ดังนั้นหากใครที่ใช้รถส่วนตัว แล้วต้องการขับรถเข้าเมือง หรือไปขึ้นทางด่วนศรีรัช ก็อาจจะต้องไปกลับรถไกลสักหน่อย แต่ถ้าใครทำงานเป็นข้าราชการอยู่แถวๆถนนสนามบินน้ำล่ะก็ ถือว่าสะดวกมากๆเลยครับ เพราะเราสามารถใช้ชีวิตขับรถวน Loop แบบในภาพนี้ได้สบายๆ

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

ส่วนการขับรถไปขึ้นทางพิเศษศรีรัช ก็จะต้องไปกลับรถมาก่อน และถนนฝั่งขาเข้าช่วงเช้าก็มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นทีเดียว (เวลา 8.30 น.) จึงอาจต้องเผื่อเวลาเพิ่มอีกสัก 20 – 30 นาทีนะครับ

สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด :

สำหรับโครงการนี้เรายังมีอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกคือ “รถไฟฟ้าสายสีม่วง” โดยโครงการจะตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง MRT บางกะสอ และ MRT ศูนย์ราชการนนทบุรี ซึ่งผมลองวัดระยะใน Google Map ดูแล้ว มีระยะเดินไปจนถึงบันไปเลื่อนของแต่ละสถานีจะประมาณ 270 m. ทั้งคู่เลยครับ

ซึ่งเป็นระยะที่พอจะสามารถเดินได้แบบเหงื่อซึมๆ ส่วนบรรยากาศระหว่างทางจะต่างกันเล็กน้อย อย่างฝั่ง MRT บางกะสอ ส่วนใหญ่จะเป็นปั้มน้ำมันและที่ดินว่างเปล่า ถ้าเป็นฝั่ง MRT ศูนย์ราชการนนทบุรี จะเป็นอาคารพาณิยช์อยู่เรียงติดๆกัน

โดยเราสามารถเลือกใช้ได้ตามสะดวกครับ ว่าต้องการเข้าหรือออกเมือง ก็ให้เลือกใช้สถานีที่ใกล้เส้นทางที่เราจะไป เผื่ออาจช่วยลดค่าใช้จ่ายของจำนวนสถานีลงได้นะ

การเดินทางวันนี้ :

Image 1/5
สำหรับการเดินทางวันนี้ผมมาจากในเมือง โดยจะมาลงทางด่วนศรีรัชที่ถนนงามวงศ์วาน จากนั้นขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านแยกแครายมาประมาณ 2.4 km. ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ

สำหรับการเดินทางวันนี้ผมมาจากในเมือง โดยจะมาลงทางด่วนศรีรัชที่ถนนงามวงศ์วาน จากนั้นขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านแยกแครายมาประมาณ 2.4 km. ก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ว่าง และชุมชนแนวราบ อาจมีอาคารสูงๆของเพื่อนบ้านอยู่บ้างในระยะสายตา แต่ก็ไม่ได้กระชั้นชิดมากนัก และทั้ง 2 อาคารก็จะมีวิวที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย แต่โดยรวมก็ยังได้วิวที่เปิดโล่งอยู่ สามารถสรุปได้ดังนี้

วิวชั้น 8 ของอาคารจอดรถ

ทิศเหนือ : ติดกับ ที่ดินของ AP ที่กำลังจะก่อสร้างคอนโดใหม่ที่เป็นตึกสูงเหมือนกัน มีระยะห่างระหว่างอาคารพอสมควร (ประมาณ 70 – 80 m.) แต่ถ้ามองออกไปทางด้านข้างของห้องฝั่งทิศเหนือ North Tower ก็จะยังมองเห็นถนนรัตนาธิเบศร์ แนวรถไฟฟ้า และวิวเปิดโล่งบางส่วนได้อยู่ครับ

วิวชั้น 20 South Tower

ทิศใต้ : ติดกับ คลองบางซื่อ ซึ่งเป็นคลองเล็กๆด้านหลังโครงการ และถัดไปจะได้วิวที่เปิดโล่งจากชุมชนแนวราบที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งห้องทางทิศใต้ของ South Tower จะมองเห็นวิวนี้

วิวชั้น 20 South Tower

ทิศตะวันออก : ติดกับ พื้นที่ว่างและโกดังเก็บสินค้า รวมถึงได้วิวเปิดโล่งทางฝั่งแยกแคราย และเห็นแนวตึก City View อยู่ไกลๆ

Image 1/3
วิวชั้น 20 South Tower

วิวชั้น 20 South Tower

ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ว่าง และได้วิวที่เปิดโล่งในปัจจุบัน อีกทั้งยังสามารถก้มลงไปมองเห็น Facilities ที่อยู่ชั้น 1 ได้อีกด้วย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Big C ~ 550 m.
  • Central รัตนาธิเบศร์ ~ 3 km.
  • ตลาดนกฮูก ~ 3 km.
  • ตลาดต้นสัก ~ 4.4 km.
  • Tesco Lotus ~ 5.7 km.
  • The Mall Lifestore Ngamwongwan ~ 8.4 km.

โรงพยาบาล

  • สถาบันโรคทรวงอก ~ 6.1 km.
  • รพ. พระนั่งเกล้า ~ 4.1 km.

โรงเรียน

  • รร. นนทบุรีคริสเตียนวิทยา ~ 3.2 km.
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ราชมงคลสุวรรณภูมิ ~ 3.3 km.
  • รร. อนุราชประสิทธิ์ ~ 4.8 km.
  • รร. รัตนาธิเบศร์ ~ 5.1 km.
  • รร. นนทบุรีพิทยาคม ~ 7.9 km.

สถานที่ราชการ

  • สำนักงานที่ดิน จังหวัดนนทบุรี ~ 4.2 km.
  • สำนักงานบังคับคดี จังหวัดนนทบุรี ~ 4.5 km.
  • สำนักงาน เทศบาลนครนนทบุรี ~ 5.1 km.
  • สำนักงานสลาก กินแบ่งรัฐบาล ~ 5.5 km.
  • กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ~ 5.5 km.
  • สำนักงาน ป.ป.ช. ~ 5.6 km.
  • สำนักงานขนส่ง ~ 6.6 km.
  • กรมพลาธิการทหารบก ~ 6.6 km.
  • กระทรวง สาธารณสุข ~ 8.4 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • บรรยากาศที่ร่มรื่นของต้นไม้ : สังเกตได้ตั้งแต่ซุ้มทางเข้าโครงการ และบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง เนื่องจากอายุโครงการประมาณ 5 – 6 ปี ดังนั้นต้นไม้เหล่านี้เลยเติบโตและให้ร่มเงาได้เต็มที่แล้วครับ
  • มีระยะถอยร่นจากถนนเข้ามาด้านในค่อนข้างเยอะ : ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและได้ความเงียบสงบ จากความวุ่นวายบนถนนใหญ่ด้านหน้าโครงการ
  • ตำแหน่งของพื้นที่ส่วนกลาง : จะอยู่บริเวณชั้น 1 ระหว่าง 2 อาคาร ทำให้สามารถมาใช้งานได้ง่าย และมีขนาดที่เพียงพอต่อการใช้งานครับ

โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 เป็นคอนโด High Rise สูง 25 ชั้น 2 อาคาร โดยจะมีชื่อเรียกที่แบ่งตามทิศของอาคารนั้นๆคือ North Tower และ South Tower ซึ่งมีจำนวนยูนิตพักอาศัยรวมทั้งหมด 1,428 ยูนิต ถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ทีเดียวครับ

ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมอยู่มาได้ 5 – 6 ปี ดังนั้นถ้าใครที่เข้ามาชมโครงการในตอนนี้ ก็จะได้เห็นบรรยากาศของจริงว่าเป็นอย่างไร หรือเพื่อนบ้านและสังคมของที่นี่จะเป็นแบบไหน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนวัยทำงาน และเป็นข้าราชการแถวๆนี้นั่นเอง

Master Plan จะมีทางเข้า-ออกติดกับถนนรัตนาธิเบศร์เลยครับ แต่จะร่นระยะเข้ามาด้านในประมาณ 80 – 100 m. ทำให้มีความเป็นส่วนตัวจากถนนด้านนอกมากขึ้น แถมเรายังจะได้สัมผัสกับบรรยากาศร่มเงาของซุ้มต้นไม้ต่างๆที่อยู่ด้านหน้า เพื่อปรับอารมณ์และทิ้งความวุ่นวายภายนอกก่อนจะเข้าบ้านนั่นเอง

สำหรับเส้นทางเดินรถก็สามารถวนได้รอบโครงการเลยครับ แต่หลักๆจะมีอยู่ 2 จุดที่อาจได้ใช้ประจำก็คือ Drop Off ที่อยู่ระหว่างอาคารทั้ง 2 ซึ่งเป็นที่สำหรับวนรถรับ-ส่ง ส่วนอีกจุดนึงจะเป็นอาคารจอดรถที่อยู่ทางด้านหน้า สามารถจอดรถได้ประมาณ 40% แบบรวมซ้อนคัน

นอกจากนี้ Main Facilities ก็ยังอยู่ที่ชั้น 1 ด้วยนะครับ โดยจะอยู่ตรงกลางและถูกโอบล้อมด้วยอาคารพักอาศัยทั้ง 2 ทำให้สามารถมาใช้งานพื้นที่ส่วนนี้ได้สะดวกทั้งคู่เลย มีล็อบบี้ที่ใช้งานร่วมกันอยู่ตรงกลาง และสำหรับอาคาร South Tower ที่อยู่ด้านใน เค้าจะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่านิดนึง แต่ก็อาจต้องเดินไกลจากด้านหน้าโครงการ และอาคารจอดรถอยู่สักหน่อยนะครับ

ขอบคุณภาพจากทาง AP

เริ่มกันที่บริเวณด้านหน้า ซึ่งป้ายโครงการทางขวามือเค้ามีการทำใหม่ โดยใช้กระเบื้องหินอ่อนสีเทา ที่ตัดกับสีเขียวของต้นไม้และน้ำพุ ทำให้ดูทันสมัยมากขึ้นเยอะเลยครับ

ถัดมาจะเป็นป้อม รปภ. และไม้กั้นกระดก ระบบ RFID หรือเปิดแบบอัตโนมัติเหมือน Essy Pass บนทางด่วน พร้อมกล้อง CCTV บันทึกทั้งใบหน้าผู้ขับและป้ายทะเบียนรถ ส่วน Visitor ก็จะต้องแลกบัตรกับพี่ยามไปตามระเบียบ

ขอบคุณภาพจากทาง AP

ถัดเข้ามาเราจะเจอกับถนนโครงการ ที่มีต้นจามจุรีขนาดใหญ่ทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งโครงการนี้มีอายุ 5 – 6 ปีแล้ว ดังนั้นต้นไม้เหล่านี้เลยเติบโตและให้ร่มเงาได้เต็มที่แบบนี้ครับ

ขอบคุณภาพจากทาง AP

ส่วนด้านขวาของถนนก็จะมีทางเท้าให้ลูกบ้านได้เดินเข้า-ออกด้วยนะครับ เพราะมีหลายๆคนที่เดินใช้งานรถไฟฟ้ากันเป็นประจำ บรรยากาศร่มรื่นน่าเดินมากๆ ขนาดผมไปโครงการตอนเที่ยงๆ เดินอยู่บริเวณนี้ยังไม่รู้สึกร้อนเลยครับ

ขอบคุณภาพจากทาง AP

และถ้าเราขับรถเข้ามาด้านในเรื่อยๆ จะมาเจอกับ Drop Off ที่อยู่ระหว่างอาคารทั้ง 2 ตึก เป็นจุดที่เอาไว้วนรถรับ-ส่ง รวมถึงเวลาเราสั่ง Delivery ต่างๆ เค้าก็จะมาส่งของหรืออาหารให้บริเวณนี้ด้วยเช่นกัน

แต่สำหรับลูกบ้านที่ขับรถยนต์ส่วนตัว จะมีทางเลี้ยวมายังอาคารจอดรถทางขวามือ ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการก่อนถึงอาคารพักอาศัย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถเข้าไปลึกๆ และไม่ทำให้โซนพักอาศัยเสียความเป็นส่วนตัวครับ

อาคารจอดรถสูง 8 ชั้น จะอยู่ติดกับอาคาร North Tower แต่จะไม่สามารถเดินเชื่อมถึงกันที่ชั้นบนได้นะครับ เมื่อจอดรถบนอาคารเสร็จก็จะต้องใช้ลิฟต์โดยสารลงไปชั้น 1 ก่อน จากนั้นจึงแยกไปขึ้นลิฟต์ของแต่ละอาคารอีกทีเพื่อความปลอดภัย

โดยที่จอดรถจะมีประมาณ 503 คัน หรือคิดเป็น 35% (แบบรวมซ้อนคัน คิดเป็น 40%) ซึ่งจากการลองสอบถามดูพบว่า ปัจจุบันยังสามารถจอดกันได้สบายๆ ไม่มีปัญหาเรื่องที่จอดรถเต็มหรือไม่เพียงพอนะครับ

นอกจากนี้บนชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถ ยังมีการทำ Facilities เป็นสวนสาธารณะให้ลูกบ้านได้มาเดินเล่นพักผ่อนกันได้อีกด้วย

และนี่คือบรรยากาศของอาคารจอดรถ ซึ่งสวนบนชั้นดาดฟ้าอาจไม่ได้มีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาเยอะมากนักนะครับ ดังนั้นผมจึงแนะนำให้มาใช้งานช่วงเย็นที่แดดไม่ร้อนจะดีกว่า

จากอาคารจอดรถก็จะมีทางเดินเชื่อมต่อไปยังอาคารพักอาศัย ซึ่งจะมีหลังคากันแดดกันฝนให้ตลอดทางเลยครับ โดยก่อนที่จะเข้าไปเจอโถงลิฟต์หรือล็อบบี้ เราจะได้เดินผ่านสำนักงานนิติบุคคล ร้านค้า และห้อง Laundry ด้วยครับ ซึ่งเป็นส่วนที่เราอาจได้มีโอกาสมาติดต่อหรือใช้งานบ่อยๆ ก่อนจะกลับขึ้นห้องพัก เลยทำให้การใช้งานค่อนข้างสะดวกดี

และถัดมาจะเป็น Mail Box ที่รวมของทั้ง 2 อาคารไว้ในจุดเดียวกันนี้เลย ซึ่งง่ายต่อการจัดการของนิติบุคคลและไปรษณีย์ที่มาส่งอีกด้วย เพราะอยู่ใกล้กับจุดส่งของและสำนักงานนิติเลยครับ

ขอบคุณภาพจากทาง AP

ถัดเข้ามาเราจะเจอพื้นที่นั่งเล่น (Semi Outdoor Lobby) โดยจะมี 2 จุดของทั้งอาคาร North Tower และ South Tower ให้แยกกันใช้งานได้แบบส่วนตัว โดยบรรยากาศก็สบายๆครับ อากาศถ่ายเท มีลมพัดผ่านเย็นๆ และมีที่ให้นั่งเล่นได้ เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่นัดพบปะหรือมานั่งคอยก็ได้

ขอบคุณภาพจากทาง AP

ติดกันก็จะเป็น Lobby ที่อยู่ตรงกลางของพื้นที่นั้งเล่นทั้ง 2 อาคาร ซึ่งจะเป็นจุดที่ใช้งานร่วมกันครับ ปัจจุบันเคาน์เตอร์ทางขวามือ จะเป็นพื้นที่ให้บริการสำหรับทีมขายของ AP ที่จะประจำอยู่จนกว่าจะปิดโครงการนะ ถ้าใครที่สนใจก็สามารถเข้ามาติดต่อตรงบริเวณนี้ได้เลยครับ

ขอบคุณภาพจากทาง AP

ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นโซฟาแบบ Indoor ซึ่งเค้าจะแบ่งออกเป็น 3 ล็อค กั้นด้วยเสาตรงกลางเพื่อความเป็นส่วนตัว สามารถนั่งคุยกันได้หลายคน และมองออกไปชมวิวสวนด้านนอกได้อีกด้วย

ขอบคุณภาพจากทาง AP

ส่วนอีกด้านจะเป็น Co-Working Space หรือพื้นที่นั่งทำงาน ซึ่งผมก็เห็นมีคนมาใช้งานอยู่เรื่อยๆนะครับ โดยจะได้มาเปลี่ยนบรรยากาศจากในห้องตัวเอง มาตากแอร์เย็นๆ แถมยังมีสวนด้านข้างให้ชมวิวอีกด้วย แต่พื้นที่นี้อาจไม่ได้เป็นส่วนตัวหรือเงียบสงบเท่าไหร่นะครับ เพราะเค้าใช้พื้นที่เดียวกับ Lobby ซึ่งจะมีคนเดินผ่านเข้า-ออกอยู่ตลอดเวลาเลยนั่นเอง

ขอบคุณภาพจากทาง AP

เรามาดู Main Facilities ที่อยู่ด้านนอกอาคารกันบ้างครับ ซึ่งทางเดินเชื่อมไปยังส่วนกลางจะมีหลังคาคอยให้ร่มเงาอยู่ตลอดเวลา สามารถเดินไปใช้งานง่ายไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝนเลยครับ

ขอบคุณภาพจากทาง AP

บริเวณตรงกลางเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 30 x 10 m. สามารถว่ายออกกำลังกายได้เต็มที่เลยครับ และโดยรอบก็จะถูกโอบล้อมด้วยอาคารทั้ง 2 กับต้นไม้ต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกปาล์ม/ต้นมะพร้าว เลยทำให้ได้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ทนั่นเอง

ขอบคุณภาพจากทาง AP

ส่วนด้านข้างของสระก็จะมีพื้นที่นั่งเล่น พร้อมกับห้องน้ำแยกชาย-หญิง และห้อง Sauna ให้ใช้งานด้วยครับ

ส่วนภายใน Fitness ที่อยู่ตรงกลาง ก็จะมีเครื่องออกกำลังกายหลายชิ้นทีเดียว และโดยรอบก็เป็นผนังกระจก ทำให้เราสามารถออกกำลังกายไปและชมวิวสวน หรือวิวสระว่ายน้ำด้านนอกไปด้วยได้ครับ

ขอบคุณภาพจากทาง AP

ส่วนบรรยากาศสวนรอบๆสระว่ายน้ำก็มีความร่มรื่นดีทีเดียว สามารถมาเดินหรือวิ่งเล่นได้นะครับ

สุดท้ายคือ Playground หรือโซนเครื่องเล่นสำหรับเด็ก ซึ่งจะอยู่ข้างๆสระว่ายน้ำและพื้นที่นั่งเล่นของอาคารฝั่ง North Tower ใครมีลูกหลานก็พามาเล่นตรงนี้ได้นะ

สำหรับการเข้า-ออกโถงลิฟต์ของแต่ละอาคาร จะต้องมีการตรวจวัดอุณภูมิก่อนทุกครั้ง โดยจะมีพี่ยามคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งระบบการผ่านประตูเราสามารถเลือกใช้ Key Card หรือระบบสแกนใบหน้า (Face Scan) ก็ได้ครับ

นอกจากนี้ภายในลิฟต์โดยสารก็จะใช้ Key Card และ Face Scan เช่นกันครับ รู้สึกว่าจะเป็นระบบที่เพิ่งติดตั้งใหม่เมื่อ 1 – 2 ปีที่แล้วนี้เอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้านมากขึ้น ถ้าเผื่อวันไหนลืมหรือทำ Key Card หายก็ยังขึ้นห้องได้ แถมยังเหมาะกับช่วงโควิดแบบนี้อีกด้วย เพราะช่วยลดการสัมผัสได้ดีทีเดียว

ห้องพักอาศัยจะมีตั้งแต่ชั้น 1 เลยครับ แต่หากพูดถึงชั้นพักอาศัยแบบเต็มชั้นจะเริ่มที่ชั้น 9 – 25 โดยเค้าจะวางห้อง 2 Bedrooms ไว้ที่ตรงส่วนมุมอาคาร มีเพียงชั้นละ 3 ยูนิต/อาคารเท่านั้น และเป็นห้องที่ได้วิวเปิดโล่งทั้ง 2 ด้าน

สำหรับห้องที่อยู่ฝั่งทิศตะวันตกจะอยู่ไกลจากโถงลิฟต์ และต้องเดินไกลสักหน่อยนะครับ แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวด้วยเช่นกัน และห้องทางปีกอาคารอื่นๆก็จะมีเพื่อนบ้าน 4 – 9 ห้อง ถือว่าไม่เยอะมากนัก ซึ่งเป็นผลมาจากการแบ่งอาคารพักอาศัยออกเป็น 2 Tower แบบนี้ก็จะช่วยลดความหนาแน่นของแต่ละชั้นลงได้ (South Tower จะมียูนิตมากกว่า North Tower) และห้องที่หันหน้าเข้ามาด้านในโครงการ ก็สามารถก้มลงมองวิวสวนและสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้น 1 ได้อีกด้วย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Semi Outdoor Lobby
  • Co-Working Space
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 32 x 10 เมตร
  • Fitness
  • Playground
  • Sauna แยกชาย-หญิง
  • Garden บริเวณชั้น 1 และดาดฟ้าอาคารจอดรถ
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร ระบบลิฟต์ Lock ชั้น
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 238 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ North Tower = n/a : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ South Tower = n/a : 1
  • Service Lift 1 ตัว/อาคาร
  • ที่จอดรถประมาณ 503 คัน หรือคิดเป็น 35% (แบบรวมซ้อนคัน คิดเป็น 40%)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Face Scan

แบบห้อง

Highlights :

  • ราคา : ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสุดท้ายที่จะปิดการขายโครงการแล้ว จึงมีราคาพิเศษที่ถือว่าจับต้องได้ง่ายกว่าตอนเปิดตัวใหม่ๆซะอีกครับ ซึ่งถ้าใครที่มองเรื่องความคุ้มค่าก็น่าสนใจไม่น้อย
  • ขนาดพื้นที่ใช้สอยเยอะ : ปัจจุบันเหลือขายเป็นห้อง 2 Bedrooms ขนาด 45.5 ตารางเมตร กว้างขวางดีและให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน เหมาะทั้งอยู่แบบครอบครัว อาจมีลูกเล็กๆ หรืออยากได้ห้องทำงานไว้ WFH ช่วงนี้ก็ได้
  • เป็นห้องมุม : ได้ช่องแสง 2 ด้าน บรรยากาศห้องจึงสว่างและโปร่งโล่งมากๆ
  • ฟังก์ชันเป็นสัดส่วน : ได้ครัวปิดที่มีหน้าต่างระบายอากาศ ทำอาหารได้จริงจัง กับห้องน้ำที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง ใช้งานได้สะดวกดี

แบบห้องของโครงการนี้มีทั้ง 1 และ 2 Bedroom นะครับ แต่สำหรับปัจจุบันโครงการจะเหลือเพียงห้อง 2 Bedrooms ให้เลือกเท่านั้น มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 45.5 ตารางเมตร ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบ (ลักษณะอาจไม่ได้เหมือนห้องตัวอย่างนะครับ) ขาดแต่เพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าก็หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย

สำหรับห้องนี้ 2 Bedrooms นี้จะเป็นห้องมุมทุกห้องเลยครับ เราจึงได้ช่องแสง 2 ด้าน และเมื่อจัดห้องครัวให้ไปอยู่โซนด้านข้างของห้องแบบนี้ เลยทำให้มีช่องแสงเป็นของตัวเอง สามารถเปิดระบายอากาศและทำครัวจริงจังได้ ซึ่งการจัดห้องแบบนี้จะไม่รบกวนพื้นที่ช่องแสงของฟังก์ชันอื่นๆในห้อง ทำให้ห้องนั่งเล่นและห้องนอนได้ช่องแสงขนาดใหญ่เต็มที่มากขึ้น

อีกจุดนึงที่น่าสนใจคือ “ห้องนอนเล็ก” ที่กั้นด้วยผนังทึบได้ความเป็นส่วนตัวสูง ภายในสามารถวางเตียง 3.5 ฟุตพอดีๆ และทำเป็นห้องนอนได้จริง แต่ถ้าใครที่อยู่กับแฟนแค่ 2 คน เราก็สามารถปรับห้องนี้เป็นห้องทำงานได้นะครับ โดยเฉพาะช่วง WFH ที่หลายๆคนอาจต้องทำงานอยู่ที่บ้านแบบนี้ก็เหมาะเลย

ส่วนห้องนอนใหญ่ก็กว้างมากๆ พื้นที่ใช้สอยเยอะสุดๆ เพราะไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับระเบียงด้านนอก รวมถึงยังมีห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นอีกด้วยครับ ดังนั้นห้องนี้จึงเหมาะกับคนที่อยู่อาศัย 1 – 2 คน อาจเป็นคนที่วางแผนจะมีลูกเล็กๆสักคนในอนาคตก็ได้ หรือเป็นคนที่ต้องการห้องทำงานในยุค WFH แบบนี้ก็ดี

เมื่อเข้ามาภายในเราจะเจอกับ Common Area ขนาดใหญ่ สิ่งที่สัมผัสได้อย่างแรกคือ “ความสว่างและโปร่งโล่ง” เพราะห้องนี้เป็นห้องมุม และมีช่องแสง 2 ด้าน โดยเฉพาะห้องครัวที่อยู่ซ้ายมือ เค้าทำเป็นประตูกระจกบานเลื่อน จึงทำให้มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึงกลางห้องได้ด้วยนั่นเองครับ (ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.5 m. ปูพื้นไม้ลามิเนต และได้โคมไฟซาลาเปาทรงสี่เหลี่ยม)

บริเวณหน้าห้องมีพื้นที่ข้างประตูให้วางตู้รองเท้า หรือตู้เก็บของเพิ่มได้นะครับ ส่วนประตูกระจกบานเลื่อนของห้องครัวจะเป็นกรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ซึ่งจะคอยกันกลิ่นหรือควันจากการทำอาหาร ไม่ให้เข้ามารบกวนพื้นที่ในห้องได้ดี

ภายในห้องครัวจะเป็นพื้นที่ปิด แต่ก็มีช่องแสงและหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้นะครับ จึงทำอาหารได้จริงจังเลย

พื้นห้องเป็น “กระเบื้องเซรามิค” ซึ่งสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวน้ำเลยครับ โดยขนาดพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะกว้าง 2 x 2.4 m. แต่ถ้าตัดพื้นที่วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าด้านซ้ายมือออกไป ก็ยังมีพื้นที่ให้ยืนทำอาหารประมาณ 1 m. สามารถใช้งานได้สะดวกอยู่ครับ

ส่วนทางด้านขวาเค้าจะ Built in เคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของมาให้แบบนี้เลยครับ โดย Top เคาน์เตอร์จะเป็นเมลามีน ซึ่งเค้าจะไม่ถูกกับความชื้นและความร้อนเท่าไหร่นัก เวลาใช้งานอาจต้องระมัดระวังกันสักหน่อยครับ

ส่วนตรงผนังก็จะกรุกระเบื้องเพื่อกันสิ่งสกปรกมาให้แบบนี้ พร้อมทั้งมีซิงค์ล้างจาน และตู้เก็บของด้านบนมาให้ด้วย ถ้าไม่พอก็ยังสามารถ Built in ที่ผนังด้านบนเหนือตู้เย็นได้อีกนะครับ (ของจริงจะไม่ได้มีให้แบบห้องตัวอย่างนะ)

ตรงกลางของห้องสามารถวางโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่งได้สบายๆครับ ซึ่งเราก็สามารถใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์นั่งทำงานอ่านหนังสือได้อีกด้วย

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น สิ่งที่จะได้ก็คือ โซฟาและชั้นวางทีวี โดยมีระยะห่างจากจอทีวีอยู่ที่ 2.2 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ครับ รวมถึงยังอยู่ใกล้กับระเบียงแบบนี้ ทำให้สามารถนั่งดูทีวีไปและชมวิวด้านนอกไปด้วยได้

ระเบียงภายนอกมีขนาดค่อนข้างใหญ่ กว้างประมาณ 1 x 3.3 m. สามารถออกมาใช้งานตากผ้า หรือปลูกต้นไม้ได้นะครับ เพราะเค้ามีก๊อกน้ำติดตั้งมาให้เรียบร้อยเลย

ต่อไปผมจะพามาดูห้องนอนเล็กที่อยู่ทางขวามือ ซึ่งเค้ากั้นห้องด้วยผนังทึบแบบนี้ เลยทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูงดีทีเดียว

ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2 x 2.8 m. สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตได้แบบพอดีๆ พร้อมกับมีช่องหน้าต่างให้แสงสว่างและเปิดระบายอากาศได้ด้วยครับ

โดยโครงการจะให้เตียง 3.5 ฟุต พร้อมฟูกที่นอนมาให้แบบนี้เลยครับ และต้องวางชิดผนังริมหน้าต่างแบบนี้เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ส่วนอีกด้านก็จะมีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะอเนกประสงค์ Built-in มาให้ แต่อาจไม่ใช่ลักษณะแบบในห้องตัวอย่างนี้นะครับ

ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็นห้องนอนใหญ่และห้องน้ำ

เรามาเริ่มที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าก่อนครับ ซึ่งปกติเราจะคุ้นเคยกับห้องน้ำสำเร็จรูปในคอนโดแบรนด์ Aspire ใช่มั้ยครับ

แต่สำหรับโครงการนี้ยังคงเป็นห้องแบบผนังก่ออิฐอยู่เลย ผนังจึงแน่นและแข็งแรงทนทานดี ภายในมีการแบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และเราจะได้สุขภัณฑ์ครบตามนี้เลย

พื้นที่ส่วนแห้งมีขนาดประมาณ 1.5 x 1.5 m. มาพร้อมกับอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จาก COTTO ที่ผนังมีกระจกเงาบานใหญ่ให้ส่องได้เต็มตัว แถมยังทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นอีกด้วย

Shower Box จะกั้นด้วยฉากกั้นพลาสติกฝ้าขุ่น มีน้ำหนักเบา เปิด-ปิดง่ายด้วยแถบแม่เหล็ก และมีพื้นที่ใช้สอยภายในประมาณ 1.5 x 0.9 m. ใช้งานได้สบายๆ

ติดตั้งมาพร้อมกับฝักบัว ราวแขวนผ้าสเตนเลส และเจาะช่องที่ผนังมาให้ใช้วางของได้ด้วยครับ ซึ่งเราก็สามารถเพิ่มชั้นวางได้ตามต้องการ รวมถึงติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้เอง โดยเค้าได้เตรียม Junction Box เอาไว้ให้ด้านบนแล้ว

นอกจากนี้ตัวห้องน้ำยังสามารถเข้า-ออกได้ 2 ทาง คือจาก Common Area ด้านนอกก่อนหน้านี้ และจากในห้องนอนใหญ่ ซึ่งทำให้มีความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น หรือเวลามีแขกมาหาก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนก่อนให้เสียความเป็นส่วนตัว

ภายในห้องนอนใหญ่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเยอะครับ ซึ่งผมวัดได้ประมาณ 2.6 x 4.6 m. เลยทีเดียว โดยสิ่งที่จะได้ในห้องนี้ก็คือ เตียงนอนขนาด 6 ฟุต ที่มาพร้อมกับฟูกที่นอน และชุด Built-in อย่างตู้เสื้อผ้าและโต๊ะอเนกประสงค์ครบ ส่วนถ้าใครอยากติดทีวีปลายเตียงเพิ่มก็ทำได้ครับ

ทางซ้ายของเตียงเราจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้สามารถชมวิวภายนอกได้ดีมากขึ้น โดยไม่มีกรอบบานหน้าต่างมาบังวิวเลยครับ ส่วนบานที่เปิดระบายอากาศได้จะเป็นช่องเล็กทางขวานะ

พื้นที่ข้างเตียงจะมีเหลือเยอะมากๆ สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ข้าง และเดินใช้งานรอบเตียงได้สบายๆ ส่วนอีกด้านของห้องจะเป็นพื้นที่แต่งตัวที่อยู่ใกล้ห้องน้ำ ทำให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกดีครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

แบบแปลน

สำหรับแบบห้อง 1 Bedroom ที่ขายหมดแล้วจะมีดังต่อไปนี้ (เผื่อใครสนใจจะลองหาซื้อห้องมือ 2 นะครับ)

Image 1/3

ราคา

Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 ราคา ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2564

  • ห้อง 2 Bedrooms ขนาดพื้นที่ใช้สอย 45.5 ตารางเมตร
  • ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปเมลามีน
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา ฟรี
  • ค่ากองทุน 350 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 ตั้งอยู่ติดถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออก ระหว่างแยกแครายและแยกนนทบุรี แถมยังอยู่ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง 2 สถานี ในระยะที่สามารถเดินถึงได้ด้วย ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆก็มีพร้อมครับ ไม่ว่าจะเป็น BigC , Central รัตนาธิเบศร์ และตลาดนกฮูก เรียกได้ว่าใช้ชีวิตได้ไม่ลำบาก ถ้าเรียก Grab มาส่งอาหารจากร้านแถวนั้น ก็มีราคาค่าส่งไม่แพงเลยครับ

อีกทั้งยังมีศูนย์ราชการที่เป็นแหล่งงานอีกหลายแห่งเลยทีเดียว คนที่พักอาศัยโครงการนี้ส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นข้าราชการ หรือคนที่ทำมาค้าขายในย่านนี้ และอาจเน้นใช้งานรถไฟฟ้าสายสีม่วงเดินทางเป็นหลักนั่นเอง

การเดินทางโดยใช้รถ : เนื่องจากทำเลเค้าจะอยู่บนถนนฝั่งขาออก แถมยังอยู่บริเวณสะพานกลับรถพอดีๆ จุดกลับรถเข้าเมืองเพื่อไปขึ้นทางด่วนศรีรัชก็เลยอยู่ค่อนข้างไกล ระยะทาง 8 km. อาจต้องเผื่อเวลา 20 – 30 นาทีนะครับ เพราะอย่างที่ทราบกันว่าแยกแครายรถติดพอสมควรเลยทีเดียว

แต่ถ้าใครใช้ชีวิตขับรถไปทำงานนอกเมือง โดยการข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะพานพระนั่งเกล้า หรืออาจไปทำงานที่ศูนย์ราชการแถวๆถนนสนามบินน้ำล่ะก็ ถือว่าไม่ลำบากเท่าไหร่เลย ซึ่งโครงการมีที่จอดรถ 40% แบบรวมจอดซ้อนคัน ปัจจุบันที่สอบถามมาคือยังมีที่จอดเหลือเฟือ เพราะคนที่อยู่คอนโดนี้ส่วนใหญ่จะใช้รถไฟฟ้าเป็นหลักครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : โครงการตั้งอยู่ระหว่าง MRT บางกะสอ และ MRT ศูนย์ราชการนนทบุรี ซึ่งผมลองวัดระยะใน Google Map ดูแล้ว มีระยะทางไปจนถึงบันไดเลื่อนเท่าๆกันคือ ประมาณ 270 m. เป็นระยะที่สามารถเดินได้อยู่นะครับ ถือเป็นตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วของย่านนี้ (ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติด) หรือถ้าใครจะเดินออกมาโบกรถสาธารณะที่หน้าโครงการก็ได้ครับ เพราะจะมีแท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ขับผ่านอยู่เรื่อยๆเลย

วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นเองครับ ถือว่าไม่เลวเลยสำหรับราคาเฉลี่ยเริ่มต้น 59,000 บาท/ตร.ม. แต่บางคนอาจแปลกใจกับการได้โคมไฟซาลาเปาทรงสี่เหลี่ยมในห้อง ซึ่งต้องยอมรับว่านี่เป็นสเปควัสดุทั่วไปของโครงการเมื่อหลายปีก่อน แต่เราก็สามารถเปลี่ยนเป็นดาวน์ไลท์สวยๆได้เองในภายหลังไม่ยากเลยครับ

การออกแบบโครงการ : ภาพรวมถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ สิ่งที่ได้มาคือพื้นที่ส่วนกลางที่เยอะน่าใช้งานครับ โดยปัจจุบันโครงการมีอายุได้ 5 – 6 ปี เท่าที่ดูหน้างานก็ยังมีสภาพที่โอเคอยู่นะครับ เพราะทาง AP ยังคงเป็นคนดูแลให้อยู่ แถมกำลังจะปรับปรุงพื้นที่ส่วนกลางให้ใหม่อีกรอบด้วยนะ อย่างตรงซุ้มประตูเค้าก็ทำใหม่ ดูสวยงามและทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย

สิ่งที่ชอบในการออกแบบคือ การร่นระยะของที่ดินโครงการ แล้วทำเป็นซุ้มต้นไม้เพื่อสร้างความร่มรื่น แถมยังได้ความเป็นส่วนตัวจากภายนอกมากขึ้นอีกด้วยครับ รวมถึงการวาง Main Facilities เอาไว้ชั้น 1 ตรงกลางแบบนี้ ก็จะทำให้แต่ละอาคารสามารถมาใช้งานได้ง่าย โดยเค้าแบ่งอาคารพักอาศัยเป็น 2 Tower แบบนี้ ก็ยังทำให้ความหนาแน่นของแต่ละอาคารลดลงอีกด้วยครับ (แม้จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่คนพักอาศัยร่วมตึกกันจะไม่ถึง 1,000 ยูนิตครับ)

การออกแบบห้องพักอาศัย : ปัจจุบันโครงการเหลือห้องพักแต่ 2 Bedrooms ให้เลือกนะครับ จุดเด่นคือพื้นที่ใช้สอยเยอะ 45.5 ตร.ม. เป็นห้องมุมที่ได้ช่องแสง 2 ด้าน และจัดฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนดี โปร่งโล่ง และได้ความเป็นส่วนตัวเหมือนอยู่บ้านเลยครับ โดยเราจะได้ครัวปิดที่มีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศ และทำอาหารได้จริงจัง รวมถึงระเบียงที่กว้าง ห้องนอนขนาดใหญ่ และห้องน้ำที่เข้า-ออกได้สะดวก 2 ทาง

ส่วนห้องนอนเล็กก็จะได้ผนังทึบที่เป็นส่วนตัว วางเตียง 3.5 ฟุตและทำเป็นห้องนอนได้จริง เหมาะกับคนที่อยู่แบบครอบครัวและมีลูกเล็กๆครับ หรือถ้าใครที่ยังไม่มีน้องก็อาจมองไว้เป็นห้องทำงาน สำหรับช่วง WFH อยู่บ้านแบบนี้ก็ไม่เลว

ความน่าสนใจยังมีเรื่องของ “ราคา” ที่ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าตอนเปิดตัวแรกๆซะอีกครับ ซึ่งต้องยอมรับอย่างนึงว่ากลุ่มข้าราชการ หรือคนที่ทำมาค้าขายดั้งเดิมของย่านนี้ อาจไม่ได้มีรายได้สูงมากนัก ทำให้การหยิบจับห้องใหญ่ราคาเกิน 3 ล้าน จะทำได้ยากอยู่สักหน่อย แต่ในช่วงนี้ที่กำลังจะปิดโครงการ และมีราคาเริ่มต้นลดลงมาอยู่ที่ 2.69 ล้าน ทำให้มีความคุ้มค่าและสามารถจับต้องได้ง่ายมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาห้องไซส์ใหญ่ ในราคาที่จับต้องได้ไม่ยากเกินไปนั่นเองครับ

สาธารณูปโภค : ความดีงามสำหรับโครงการที่มีอายุหลายปีแล้วแบบนี้ก็คือ สวนและต้นไม้ที่เติบโตให้ร่มเงาเต็มที่ ซึ่งเราสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ซุ้มทางเข้าโครงการด้านหน้าเลยครับ ส่วนบริเวณรอบๆ Main Facilities ก็ถูกจัดเป็นสวนที่ให้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ทได้เป็นอย่างดี มีฟังก์ชันหลักๆให้ใช้งานครบ ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สนามเด็กเล่น พื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน และ Co-Working Space โดยภาพรวมถือว่าให้มาเยอะ น่าจะเพียงพอกับการใช้งานอยู่นะครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 60,000 – 70,000 บาท/ตร.ม., 12 พฤษภาคม 2564

  • ทำเล 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ ใกล้ห้างและศูนย์ราชการเยอะ ได้วิวที่เปิดโล่ง
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ขับรถออกเมือง หรือไปศูนย์ราชการแถวๆสนามบินน้ำจะสะดวกมาก แต่ถ้าเข้าเมืองมาขึ้นทางด่วนผ่านแยกแครายจะรถติด และจุดกลับรถจะอยู่ไกลสักหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง 2 สถานี ในระยะเดิน 270 m. และเรียกรถสาธารณะที่ถนนใหญ่หน้าโครงการได้ง่าย
  • วัสดุ 7.5/10 – ขายแบบ Fully Furnished ขาดแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เข้าอยู่ได้เลย คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา
  • แบบ 8/10 – โครงการขนาดใหญ่ เหลือห้อง 2 Bedrooms ที่เป็นห้องมุม พื้นที่ใช้สอยเยอะ สว่างโปร่งโล่ง และเป็นสัดส่วนดี
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ส่วนกลางใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น และฟังก์ชันครบ เพียงพอต่อการใช้งาน

  • ECONOMY CLASS
  • 7.68 / 10.00

Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 เหมาะกับใคร

โครงการ Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดติดถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออก ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงในระยะเดินถึง และไม่ไกลจากศูนย์ราชการที่สำคัญต่างๆ โดยเป็นโครงการพร้อมอยู่ บรรยากาศดีร่มรื่น ส่วนกลางเยอะ เน้นห้องมุมไซส์ใหญ่ 2 Bedrooms พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง ฟังก์ชันเป็นสัดส่วน ซึ่งอาจอยู่อาศัยเป็นครอบครัว มีลูกเล็กๆสักคน หรือกำลังมองหาห้องเล็กไว้ทำงานช่วง WFH แบบนี้ก็ได้ครับ โดยมีงบประมาณ 2.69 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 19,000 บาท/เดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc