วันนี้ขอต้อนรับช่วงเปิดเทอมกับรีวิวคอนโดใกล้ ม. ธรรมศาสตร์ กับ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต แบรนด์คอนโดน้องเล็กสุดจากแสนสิริ ออกแบบมาให้ตอบโจทย์นักศึกษา, คนทำงาน รวมถึงนักลงทุนเป็นหลัก เป็นคอนโด Low Rise 3 อาคาร ซึ่งแม้ว่าในย่านนี้จะมีคอนโดหลายโครงการให้เลือก แต่เราก็มองว่าที่นี่มีความน่าสนใจแตกต่างจากที่อื่นๆ ดังนี้ค่ะ
- ความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย : เห็นได้จากการออกแบบที่แยกอาคารส่วนกลางไว้ต่างหาก ให้อยู่คนละตึกกับห้องพักเลยนะคะ การใช้งานจึงดูเป็นสัดส่วนชัดเจน และบรรยากาศภายในโครงการดูไม่อึดอัด จากการวางตึกไม่ให้ขนานกันเป๊ะๆ ไม่ต้องเสีย Privacy ให้กับห้องพักอาคารตรงข้ามค่ะ
- ห้องพักหน้ากว้าง : จัดเป็น Rare Item สำหรับคอนโดระดับ Economy เลยนะคะ เพราะโครงการระดับราคานี้ส่วนใหญ่มักจะออกแบบแปลน เป็นห้องหน้าแคบ ทรงยาวเพื่อให้ได้จำนวนห้องเยอะๆ ทำให้ ‘ห้องพักหน้ากว้าง’ ของโครงการนี้ได้แสงธรรมชาติที่มากกว่า ห้องดูโปร่งโล่งมากกว่า
- Fully Furnished : ให้เฟอร์นิเจอร์ครบครัน และตอนนี้มีโปรฯ แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งทีวี, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องทำน้ำอุ่นอีกด้วยค่ะ
- ทำเล : อยู่ในซอยเยื้องๆ ประตูเชียงราก 2 และโซน U Square ที่เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยหลักของน้องๆ ม.ธรรมศาสตร์ โดยซอยนี้จะเป็นซอยที่มีคอนโดรุ่นพี่ในตระกูล dcondo หลายโครงการ ซึ่งมาบุกเบิกเป็นคอนโดใกล้ม. สมัยแรกๆ จนมาถึงโครงการนี้จะอยู่ด้านในสุดเข้าซอยไปประมาณ 700 เมตร เหมาะกับคนที่มองหาบรรยากาศที่สงบเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็จะต้องเดินทางโดยอาศัยรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือ Shuttle Service บริการรับ-ส่งมหาวิทยาลัยนะคะ
ข้อมูลโครงการ
dcondo Hideaway-Rangsit (ดีคอนโด ไฮด์อเวย์- รังสิต) ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564
ชื่อโครงการ | dcondo Hideaway-Rangsit (ดีคอนโด ไฮด์อเวย์ รังสิต) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) |
SEGMENT CLASS | ECONOMY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 ) |
โครงการตั้งอยู่ | อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี |
ที่ดิน | ประมาณ 10 ไร่ |
ประเภทคอนโด | คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคารและ Clubhouse 3 ชั้น 1 อาคาร |
จำนวนยูนิต | 800 ยูนิต (อาคาร A 267 ยูนิต, อาคาร B 267 ยูนิต, อาคาร C 266 ยูนิต) |
ยูนิตต่อชั้นสูงสุด | 34 ยูนิต |
ที่จอดรถ | 40% รวมจอดรถซ้อนคัน |
เริ่มก่อสร้าง | เดือน กรกฎาคม ปี 2563 |
สถานะโครงการ | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ เดือน กันยายน ปี 2564 |
ประเภทห้องพัก |
|
ฝ้าเพดานสูง | 2.5 เมตร |
ราคาเริ่มต้น | 1.69 ล้านบาท |
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ | ประมาณ 69,000 บาท/ตร.ม. |
ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) | 67,000 – 78,000 บาท |
เว็บไซต์โครงการ | http://siri.ly/n3C6ZFB |
Call Center | 1685 |
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม http://siri.ly/uOH1pWB
Line OA : http://siri.ly/prZN3DB
ทำเลที่ตั้ง
Highlights :
- อยู่ในซอยเยื้องๆ ประตูเชียงราก 2 และโซน U Square ที่เป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยหลักของน้องๆ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งโครงการนี้จะอยู่ด้านในสุดเข้าซอยไปประมาณ 700 เมตร เหมาะกับน้องๆนักศึกษา,บุคลากรของมหาวิทยาลัย หรือผู้ที่ทำงานในรพ.ธรรมศาสตร์ ที่มองหาบรรยากาศที่สงบเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยอมรับได้กับการเดินทางที่ต้องอาศัยรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือ Shuttle Service บริการรับ-ส่งมหาวิทยาลัย ค่ะ
- ใกล้ทางด่วนอุดรรัถยาในระยะประมาณ 4 กิโลเมตร
พิกัด Google Maps : 14.064050, 100.607506
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
โครงการ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต ตั้งอยู่บนถนนเชียงราก ในซอยเยื้องๆกับ U-Square และประตูเชียงราก 2 โดยเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าบริเวณนี้ จะเต็มไปด้วยหอพักของน้องๆนักศึกษามากมาย และมีคอนโดมาเปิดใหม่กันก็เยอะ ซึ่งคอนโดในตระกูล ‘ดีคอนโด’ นั้นนับเป็นโครงการแรกๆ ที่มาบุกเบิกเป็นคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เลยค่ะ มีคอนโดรุ่นพี่นำร่องในซอยเดียวกันถึง 3 โครงการ (ทั้ง 3 โครงการขายหมดแล้วนะคะ) มาจนถึงโครงการล่าสุดอย่างดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต ที่ยังอยู่ในซอยเดิมเช่นกันค่ะ
แน่นอนว่าคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยแบบนี้ย่อมเป็นที่หมายปองของกลุ่มนักลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะมีนักศึกษาแล้ว ก็ยังมีทั้งบุคลากรมหาวิทยาลัย คุณหมอ/พยาบาลที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และ สวทช. เป็นต้น
สำหรับความอุดมสมบูรณ์หลักๆ คือ U-Square ที่เป็นเหมือนเต็นท์อาหารขนาดใหญ่ ที่ไม่ได้มีแต่น้องๆในมหาวิทยาลัย หรือคนที่พักอยู่แถวนั้นเท่านั้นที่จะมาหาของกินที่นี่ แต่ยังรวมไปถึงคนในละแวกใกล้เคียง หรือคนวัยทำงานที่ขับรถผ่านไปมา ก็มักจะแวะมาฝากท้องกันเป็นประจำ
อีกหนึ่งจุดคือ TU Dome โครงการโปรเจค Mixed-use ของมหาวิทยาลัย ที่ด้านในจะเป็นหอพักนักศึกษา และด้านหน้าจะทำเป็นเหมือนศูนย์การค้าขนาดย่อมๆ ที่มีร้านค้าต่างๆค่อนข้างครบ เช่น MK, Yayoi, Chester’s Grill และ Watson เป็นต้น รวมถึงบริเวณด้านหน้าก็จะมีตลาดนัดเล็กๆที่เปิดทุกวันอีกด้วยค่ะ เรียกได้ว่าเป็นโซนมหาวิทยาลัยที่คึกคักมากๆเลยทีเดียว
จากภาพ เราสามารถแบ่งแยกโซนที่พักอาศัยของถนนเชียงรากออกได้อีกเป็น 4 โซน ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีลักษณะ สถาพแวดล้อม และความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันออกไป คือ
- โซน U-Square : เป็นโซนที่อุดมสมบูรณ์และใกล้กับประตูมหาวิทยาลัยมากที่สุด มีหอพักนักศึกษาขึ้นกันอยู่อย่างหนาแน่น และมีร้านค้าต่างๆมากมาย สรุปคือเป็นโซนที่สะดวกสบาย แต่ก็พลุกพล่านมากที่สุดโซนหนึ่ง ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ก็อาจยังไม่เหมาะกับโซนนี้มากนักนะคะ
- โซน SUNTA : เป็นโซนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยและ U-Square ซึ่งจะสามารถเดินข้ามไป-มาได้ด้วยสะพานลอย ก็ยังถือว่าเดินไปเรียนค่อนข้างสะดวกอยู่นะคะ รวมถึงเรื่องอาหารการกินก็พอจะมีตรงบริเวณริมถนนและปากซอยต่างๆ หรือส่วนใหญ่น้องๆนักศึกษาก็จะหาซื้อของกินกันตั้งแต่ฝั่ง U-Square เสร็จแล้วค่อยข้ามฝั่งเพื่อกลับไปยังที่พักได้ สรุปแล้วโซนนี้ถือว่ายังมีความสะดวกสบายอยู่นะ และมีความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นมาหน่อย ไม่พลุกพล่านเหมือนฝั่งมหาวิทยาลัย จึงเหมาะแก่การอยู่อาศัยมากขึ้น ซึ่งโครงการดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต ก็จะอยู่ในโซนนี้ด้วยค่ะ
- โซน J-Park : เป็นอีกโซนที่อยู่ฝั่งเดียวกับมหาวิทยาลัย แต่จะอยู่บริเวณด้านหลัง และถ้าออกมาจากมหาวิทยาลัย ก็จะต้องไปกลับรถมาก่อน 2 รอบ โซนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นโซนที่มีหอพักราคาแพงอย่าง J-Park ตั้งอยู่ ด้านหน้ามี Plaza เป็นของตัวเอง ซึ่งก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และยังมีหอพักอื่นๆอยู่ด้านในซอยอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ถือว่าสงบมากกว่า U-Square เพราะเดิมทีโดยรอบเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยดั้งเดิม แต่หากใครคิดว่าจุดนี้เป็นแหล่งผับและแฮงค์เอ้าท์ ตอนนี้ไม่มีแล้วนะคะ เพราะร้านปิดไปหมดแล้ว (T^T)
- โซน Golf View : โซนนี้ถือว่าเป็นเอกเทศมากๆ แยกตัวออกมาจากโซนอื่นๆ และได้ตั้งอาณาจักรขึ้นมาเป็นของตัวเองด้านใน แต่ด้วยความที่มันไกลและเดินทางลำบากมากสุดในบรรดาทุกๆโซน จึงทำให้ราคาหอพักค่อนข้างถูก เหมาะกับนักศึกษาที่ไม่เน้นเรื่องความอุดมสมบูรณ์ ไม่กลัวเรื่องเดินทางลำบาก แต่อันที่จริงแล้วทางหอก็มีรถรับ-ส่งนะ ดังนั้นถ้าใครที่เน้นเรื่องราคาถูกและความเป็นส่วนตัวก็จะเลือกอยู่ที่โซนนี้กันค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์จากประตูเชียงราก 1 และ 2
หากวัดขาไปมหาวิทยาลัย เราจะต้องไปกลับรถมาก่อนรอบหนึ่ง แล้วจึงเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัยที่ประตูเชียงราก 1 ได้ค่ะ ซึ่งจะมีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรค่ะ
การเดินทางไปใช้ทางด่วน
สำหรับตัวช่วยในการเดินทางที่ใกล้สุดคือ ทางด่วนอุดรรัถยา ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการเพียง 4 กิโลเมตร ช่วยให้เข้าเมืองไปทางแจ้งวัฒนะ ดินแดง ดาวคะนอง และบางนา ได้สะดวกขึ้นค่ะ
การเดินทางจากถนนเชียงรากไปโครงการ
เนื่องจากที่ตั้งของโครงการไม่ได้อยู่ติดถนนเชียงราก ต้องเข้าซอยไปประมาณ 700 เมตร เราจึงอยากพาเข้าไปชมว่าบรรยากาศในซอยเป็นอย่างไรบ้างค่ะ
นี่เป็นภาพบรรยากาศริมถนนเชียงราก ซึ่งปัจจุบันกำลังมีการทำถนนอยู่นะคะ ให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยที่มีป้ายโครงการติดอยู่ด้านหน้าค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
บริบทโดยรอบโครงการปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นที่ว่างนะคะ รวมถึงยังมีคอนโดเพื่อนบ้านอยู่ใกล้เคียงด้วย บรรยากาศก็ค่อนข้างเงียบสงบ ยังไม่พลุกพล่านหรือแออัดมากนัก สามารถสรุปได้ดังนี้
- ทิศเหนือ : ติดกับที่ว่าง + อาคารพักอาศัย 4 ชั้น และถัดไปจึงเป็นคอนโดเพื่อนบ้านที่สูง 8 ชั้น
- ทิศใต้ : ติดกับที่ว่าง
- ทิศตะวันออก : ติดกับที่ว่าง
- ทิศตะวันตก : ติดกับถนนซอยทางเข้าโครงการ ถัดไปจึงเป็นที่ดินเปล่าที่เว้นไว้เป็นแนวเสาไฟฟ้าแรงสูง และโครงการคอนโดเพื่อนบ้านที่สูง 8 ชั้นค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ (เริ่มเดินทางจากโครงการด้วยรถยนต์) เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- TU DOME PLAZA ~ 1.5 กิโลเมตร
- ตลาดไท ~ 9.4 กิโลเมตร
- Future Park รังสิต – 14.4 กิโลเมตร
- Major รังสิต ~ 14.7 กิโลเมตร
โรงพยาบาล
- รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ~ 6.1 กิโลเมตร
โรงเรียน
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ~ 3.3 กิโลเมตร
- รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ~ 5.9 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 10.3 กิโลเมตร
อื่นๆ
- จุดขึ้น – ลง ทางด่วนอุดรรัถยา ~ 4 กิโลเมตร
- สวทช. ~ 6.5 กิโลเมตร
รายละเอียดโครงการ
Highlights
- ความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย : เห็นได้จากการออกแบบที่แยกอาคารส่วนกลางไว้ต่างหาก ให้อยู่คนละตึกกับห้องพักเลยนะคะ การใช้งานจึงดูเป็นสัดส่วนชัดเจน และบรรยากาศภายในโครงการดูไม่อึดอัด จากการวางตึกไม่ให้ขนานกันเป๊ะๆ ไม่ต้องเสีย Privacy ให้กับห้องพักอาคารตรงข้ามค่ะ
- การวางผังลานจอดรถ : ลานจอดรถของที่นี่จะอยู่รอบโครงการทั้งหมด ทำให้ไม่ว่าจะอยู่อาคารไหนก็สามารถหาที่จอดใกล้ๆ อาคารได้สะดวก
ก่อนอื่นขอเล่าถึงแบรนด์ dcondo กันก่อนนะคะ ซึ่งเจ้า dcondo เนี่ยจัดเป็นแบรนด์คอนโดน้องเล็กสุดจากแสนสิริ ที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์นักศึกษา, คนทำงาน รวมถึงนักลงทุนเป็นหลัก ซึ่งเดิมทีเคยเป็นคอนโดที่มีจำนวนยูนิตถึงหลักพันมาก่อน แต่ปัจจุบันจะปรับไซส์ให้มีจำนวนยูนิตลดลง ไม่ให้ถึงพันแล้ว โดยเหลือประมาณ 400 – 800 ยูนิต/โครงการ เท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อลดความหนาแน่นลง ให้คนพักอาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้โครงการนี้แตกต่างจากคอนโดระดับ Economy อื่นๆ ในละแวกนี้ด้วยเช่นกัน
ดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น ทั้งหมด 3 อาคาร ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 10 ไร่ จัดวางอาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ซึ่งการวางผังของที่นี่จะเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย จึงแยกอาคาร Clubhouse ไว้ต่างหาก ให้อยู่คนละตึกกับห้องพักเลยนะคะ การใช้งานจึงดูเป็นสัดส่วนชัดเจน และจัด Outdoor-Indoor Facility เชื่อมถึงกันทั้งหมด กลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ และเป็นวิวที่ร่มรื่นให้กับห้องพักในโครงการอีกด้วยค่ะ
เทคนิคการวางตำแหน่งอาคารที่น่าสนใจอีกอย่างคือ โครงการจะไม่วางอาคารแต่ละตึกให้ขนานกันเป๊ะๆ พยายามหันให้หน้าต่างห้องพักไม่เจอกันโดยตรง ผู้อยู่อาศัยจึงไม่ต้องเสีย Privacy ให้กับห้องพักฝั่งตรงข้าม และสำหรับพื้นที่รอบนอกอาคารจะเป็นลานจอดรถทั้งหมด ทำให้ไม่ว่าจะอยู่อาคารไหนก็สามารถหาที่จอดใกล้ๆ อาคารได้สะดวก
ซุ้มประตูทางเข้าโครงการจะเป็นสไตล์โมเดิร์นเรียบๆ ใช้สีขาวเป็นส่วนใหญ่ และมีพี่รปภ. ที่คอยดูแล 24 ชั่วโมง
ระบบการเข้า-ออกจะใช้เป็น keycard ที่พอแตะปุ๊บไม้กั้นกระดกจะเปิดให้ และยังมีกล้อง CCTV คอยจับภาพป้ายทะเบียนรถอีกด้วยค่ะ
และเมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะเจอกับอาคาร A เป็นอาคารแรกสุด หากใครอาศัยอยู่ตึกนี้ก็หาที่จอดรอบๆ อาคารได้เลย หรือหากอยู่อาคาร B และ C ก็ขับตรงเข้าไปด้านในอีกหน่อย เพื่อไปจอดรถใกล้ๆ อาคารได้สะดวกไม่ต้องเดินไกล
ส่วนที่เราชอบคือลานจอดรถของที่นี่จะอยู่รอบโครงการทั้งหมด ทำให้ไม่ว่าจะอยู่อาคารไหนก็สามารถหาที่จอดใกล้ๆ อาคารได้ แต่ทั้งหมดเป็นลานจอดแบบกลางแจ้ง จึงแนะนำว่าพกร่มติดรถไว้สักหน่อยก็ดีค่ะ ><*
สำหรับรถจักรยานยนต์จะแยกที่จอดไว้ให้เป็นสัดส่วน ซึ่งเตรียมไว้ให้ทุกอาคารเช่นกันค่ะ
สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถใช้บริการ Shuttle Service บริการรับ-ส่งมหาวิทยาลัยได้ฟรี ซึ่งจะวิ่งไป-กลับระหว่างโครงการกับประตูเชียงราก 1 ค่ะ
ถัดมาที่ Facility ส่วนกลางจะวางตำแหน่งไว้ตรงกลาง ถูกโอบล้อมด้วยอาคารพักอาศัย 3 อาคาร ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะถูกจัดไว้เป็นสวนรวมประมาณ 8 ไร่ เยอะทีเดียวนะคะ
บรรยากาศภายในสวนจะเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา และไม้พุ่ม ดูร่มรื่นดีเลยค่ะ สำหรับเส้นทางเดินเล่นภายในสวนก็จะเทคอนกรีตไว้ให้เดินเล่นได้สะดวก หรือจะมาวิ่งจ๊อกกิ้งก็สามารถวน Loop ได้
หรือหากอยากนั่งพักผ่อนก็มีมุมนั่งเล่นในสวน ที่เหมาะจะออกมานั่งชิลล์เปลี่ยนบรรยากาศในช่วงเย็น ที่แดดร่มสักหน่อยค่ะ
อีก Signature หนึ่งที่ขาดไม่ได้ในพื้นที่ส่วนกลางของแสนสิริก็คือ Sansiri Backyard แปลงผักสวนครัวที่ทางนิติจะคอยปลูกและดูแลให้ ส่วนคุณลูกบ้านก็สามารถมาเก็บไปทำกับข้าวได้เลย
สระว่ายน้ำของที่นี่มีทั้งหมด 2 สระนะคะ สำหรับสระนี้เป็นสระว่ายน้ำหลักที่เหมาะจะใช้ออกกำลังกายแบบจริงๆ จังๆ เพราะตัวสระออกแบบมาเป็นทางตรงยาวๆ 35 เมตร ลึก 1.2 เมตร
โครงการออกแบบสระให้เป็นระบบน้ำล้น เพื่อให้น้ำหมุนเวียนเสมอ และข้อดีอีกอย่างคือเราจะได้ยินเสียงน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ช่วยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายขึ้นด้วย
อีกสระหนึ่งมีชื่อเก๋ๆ ว่า Private Pool ดีไซน์มาเป็นทรง Free Form พร้อมแทรกต้นไม้ใหญ่ไว้กลางสระ ทำให้ได้บรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งหากใครมีน้องๆหลานๆมาเที่ยวหาล่ะก็ สามารถพามาเล่นน้ำตรงนี้ได้เลยเพราะสระนี้ลึก 0.5 เมตร เท่านั้นค่ะ
นอกจากนี้ก็ยังมีมุม Jacuzzi ให้นวดตัว เพิ่มดีกรีการผ่อนคลายด้วยนะ แต่เนื่องจากเป็นสระแบบกลางแจ้งทั้งหมด จึงอาจต้องเลือกเวลามาใช้งานเป็นตอนแดดร่มๆหน่อย ก็จะค่อนข้างเหมาะเลยค่ะ
พื้นที่ข้างสระจะมี Daybed ให้มานั่งเล่น ชมวิวสระได้ เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งหากอยากเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ
หรือหากใครอยากหลบแดดก็มี Indoor Facility ให้ใช้งานกันใน Clubhouse 3 ชั้นค่ะ
ภายใน Clubhouse ชั้น 1 มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า Chilling Area คือจะเป็นมุมพักผ่อน ทำงาน เล่นเกมส์ แบบ Semi-Outdoor ไม่ได้ติดแอร์นะคะ แต่ก็มีลมพัดผ่านตลอด
นอกจากมุมโซฟา ก็มีโต๊ะสูงให้นั่งทำการบ้าน คุยงานกันได้อีกมุมหนึ่ง
ซึ่งไม่ว่าจะมุมโซฟา หรือโต๊ะสูง ต่างก็มีปลั๊กไฟรองรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ ชาร์ตแบตฯ มือถือ ได้ทั้งหมดนะคะ
อีกมุมหนึ่งก็จะมีของเล่นยอดฮิตทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน อย่างเจ้า Football Table ซึ่งเหมาะกับคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยที่น่าจะมีแกงค์เพื่อนๆ ที่อยู่คอนโดเดียวกันด้วยนะคะ
อีกฝั่งหนึ่งของ Clubhouse จะเป็นทางเดินไปห้องน้ำ ซึ่งจะมีเฉพาะที่ชั้น 1 ใช้เข้าห้องน้ำ/เปลี่ยนเสื้อผ้า/อาบน้ำหลังลงสระก็รวมไว้ที่เดียวเลย ก่อนจะเดินไปชมห้องน้ำ…สายตาเราก็ถูกดึงดูดด้วยตู้กดน้ำ Tao Bin ขวัญใจวัยรุ่น เป็นตู้ที่มีเมนูหลากหลายให้สั่ง เราสามารถเลือกระดับความหวาน ใส่น้ำแข็ง/ไม่ใส่น้ำแข็งได้ แล้วเครื่องก็จะชงออกมาให้เหมือนเราไปคาเฟ่เลยค่ะ ส่วนตู้ข้างๆ กันก็คือตู้ไอศกรีม Haagen dazs
ขยับมาที่ห้องน้ำ..ภายในจะมีทั้งโถสุขภัณฑ์, ห้องอาบน้ำให้ใช้ล้างเนื้อล้างตัวได้ครบครัน และมีตู้ Lockers ให้เก็บของด้วยนะคะ
หากใครเบื่ออากาศร้อนก็แนะนำให้ขึ้นมาที่ชั้น 2 นะคะ เพราะชั้นนี้จะมี Living Area ที่เปิดแอร์เย็นๆ ไว้ให้นั่งเล่น
ชุดโซฟาตัวแรกวางไว้ในตำแหน่งที่ได้วิวสระเลยค่ะ
มุมถัดมาเค้าจัดโซฟาและเก้าอี้สตูไว้ให้สามารถปรับการใช้งานได้ทั้งแบบเดี่ยวและกลุ่ม
หรือถ้าอยากนั่งทำงานแบบจริงจังก็ต้องเข้ามาโซนในสุด เป็นโต๊ะทำงานยาวๆ ถูกกิจจะลักษณะ รองรับได้อีกประมาณ 20 ที่นั่งค่ะ ซึ่งบรรยากาศโซนนี้ดูโปร่งโล่งดีมาก ได้วิวสวนส่วนกลาง เพราะเค้าใช้ผนังกระจกแบบทั้งหมดเลยนะคะ
ใต้โต๊ะก็จะมีปลั๊กไฟให้ใช้งานกันอีกเช่นเคยค่ะ
อีกมุมหนึ่งบน Clubhouse ชั้น 2 จัดไว้เป็นพื้นที่นั่งเล่นสวนอีกมุมหนึ่ง แม้ว่าไม่ได้บรรยากาศที่ร่มรื่นเท่าในสวนชั้นล่างแต่จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ
สำหรับชั้น 3 ของ Clubhouse จัดไว้เป็น Fitness ที่วางตำแหน่งให้มองออกไปเห็นวิวสระได้พอดี
ภายในมีทั้งเครื่องเล่นแบบ Cardio และ Weight Training ครบครัน แต่ก็ต้องแชร์กับลูกบ้านทั้งหมด 800 ยูนิต ซึ่งอาจจะต้องแบ่งๆ กันใช้งานสักหน่อย โดยเฉพาะช่วงเปิดเทอมที่คนอยู่เต็มอาคารค่ะ
อาคาร A
แปลนอาคาร A ชั้น 1 มาดูในฝั่งของอาคารพักอาศัยกันบ้าง ที่ชั้น 1 ของแต่ละอาคารก็จะมี Facility ที่จำเป็นๆ ในการอยู่อาศัย เช่น Lobby, ห้องซักผ้า, ห้องน้ำ, Mail Box และห้องพักของโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ด้วยเช่นกัน ทำให้ต้องมีประตูกั้นโซนห้องพักเพิ่มอีก 1 ชั้น ซึ่งเข้าออกโดยใช้ Keycard เท่านั้นค่ะ
โซนห้องพักอาศัยจัดวางทางเดินแบบ Double Corridor มีช่องหน้าต่างให้แสงเข้าเฉพาะบริเวณปลายทางเดินเท่านั้น ทำให้ต้องอาศัยแสงจากหลอดไฟเพิ่มเติม สำหรับโซนห้องที่เรามองว่าน่าสนใจในชั้นนี้ คือห้องทิศเหนือและทิศตะวันออก (กรอบเส้นประสีม่วง) เพราะเป็นทิศที่แดดไม่ส่องเข้าห้องตรงๆ ซึ่งจะมีให้เลือกทั้ง Type ห้อง Studio และ 1 Bedroom นะคะ
ทางเข้าอาคารพักอาศัยจะเป็นประตูเลื่อนอัตโนมัติ จึงใช้งานได้สะดวก
เข้ามาใน Lobby จะมีซุดโซฟาไว้ให้พักคอย นัดพบ เป็นจุดแรก สีสันที่ใช้ดูสดใสเข้ากับวัยนักศึกษา
โซน Lobby ไม่ได้มีแค่ชุดโซฟานะคะ มีโต๊ะเขียนหนังสือให้ลงมานั่งทำงานได้อีกมุมหนึ่งด้วยค่ะ
นอกจากนี้ก็จะมีห้องน้ำ และ Laundry Room อยู่ใกล้ๆ กัน
ห้องน้ำส่วนกลางในอาคารพักอาศัยมีขนาดใหญ่ดีนะคะ รวมใช้ทั้งชาย-หญิงเลย เพราะอยู่ในตึกพักอาศัยแล้ว คงไม่ได้มีคนใช้งานมากนักค่ะ ส่วนที่ชอบคือสุขภัณฑ์จะมีปุ่มกดแบบอัตโนมัติด้วยค่ะ
ถัดมาที่ Laundry Room จะมีทั้งเครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้าแบบ, ตู้กดน้ำแบบหยอดเหรียญไว้ให้ใช้งานได้ ซึ่งตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยอย่างแน่นอน
สำหรับ Mail Box จะถูกวางไว้ในตำแหน่งหน้าลิฟต์ เวลาขึ้นลงลิฟต์ก็เดินผ่านอยู่ตลอด หยิบจดหมายง่ายเลย แต่หากเป็นกล่องพัสดุ จะต้องไปขอรับที่นิติบุคคล ชั้น 1 อาคาร Clubhouse แทนนะคะ
ลิฟต์โดยสารจะมี 2 ตัว/อาคาร หน้าตาดูอบอุ่น สไตล์ Homey
สำหรับโซนห้องพักบน ชั้น 1 จะต้องใช้ Key Card เท่านั้น ถึงจะเข้ามาได้นะคะ เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับการอยู่อาศัยค่ะ
บรรยากาศทางเดินในโซนพักอาศัยเป็นสไตล์เรียบๆ ถือว่าดูดีในกลุ่มคอนโดระดับนี้ แต่ช่องหน้าต่างน้อยไปหน่อย ต้องใช้หลอดไฟช่วยค่ะ
แปลนอาคาร A ชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น แปลนโดยรวมคล้ายๆ กับชั้น 1 เลยค่ะ ต่างกันแค่จำนวนห้องพักอาศัยในชั้นนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 34 ห้อง โถงลิฟต์มีตำแหน่งเดียวอยู่ตรงมุมอาคาร ซึ่งจะมีลิฟต์ 2 ตัวนะคะ มีอัตราส่วนลิฟต์ของอาคาร A อยู่ที่ 134 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่เยอะพอสมควร ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นอาจจะต้องเผื่อเวลาไว้บ้าง และเป็นเรื่องปกติของอาคาร Low Rise ที่มักจะใช้ลิฟต์โดยสารเป็น Service Lift ด้วยเลยนะคะ
สำหรับโซนห้องที่เรามองว่าน่าสนใจในชั้นนี้ คือห้องทิศตะวันออก (กรอบเส้นประสีม่วง) เพราะนอกจากเป็นทิศที่แดดไม่ส่องเข้าห้องตรงๆ แล้ว ยังได้วิวสวนส่วนกลางแบบเป็นทางยาวไปจนถึงสุดอาคาร B ได้เลย ซึ่งห้องตำแหน่งนี้จะเป็น Type ห้อง Studio นะคะ
อาคาร B
แปลนอาคาร B ชั้น 1 เหมือนอาคาร A เลยค่ะ ที่ชั้น 1 จะมี Facility ที่จำเป็นๆ ในการอยู่อาศัย เช่น Lobby, ห้องซักผ้า, ห้องน้ำ, Mail Box โครงการจึงกั้นประตูโซนพักอาศัยเอาไว้อีกชั้น ซึ่งเข้าออกโดยใช้ Keycard เท่านั้นค่ะ
สำหรับโซนห้องที่เรามองว่าน่าสนใจในชั้นนี้ คือห้องทิศเหนือ (กรอบเส้นประสีม่วง) เพราะเป็นทิศที่ไม่ร้อน ซึ่งจะมีให้เลือกทั้ง Type ห้อง Studio และ 1 Bedroom นะคะ
แปลนอาคาร B ชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น แปลนโดยรวมละอัตราส่วนลิฟต์เหมือนที่อาคาร A เลยค่ะ อยู่ที่ 134 : 1 ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้าเย็นจึงอาจจะต้องเผื่อเวลาไว้บ้าง
สำหรับโซนห้องที่เรามองว่าน่าสนใจในชั้นนี้ ยังคงเป็นห้องทิศเหนือ (กรอบเส้นประสีม่วง) เพราะนอกจากเป็นทิศที่ไม่ร้อนแล้ว ยังได้วิวสวนส่วนกลางช่วยให้บรรยากาศดูร่มรื่นด้วยค่ะ ซึ่งห้องตำแหน่งนี้จะเป็น Type ห้อง Studio และ 1 Bedroom นะคะ
บรรยากาศและฟังก์ชันของส่วนกลางที่ชั้น 1 อาคาร B จะไม่แตกต่างจากอาคาร A นะคะ มีโซฟาให้นั่งพักคอย มีโต๊ะทำงานตอบโจทย์เด็กๆ รวมถึง มี Laundry Room และห้องน้ำ ครบค่ะ
อาคาร C
แปลนอาคาร C ชั้น 1 อยู่ด้านในสุดของโครงการ แต่ก็มีจำนวนยูนิตพอๆ กับอาคารอื่นๆ ส่วนที่แตกต่างจะเป็นเรื่องห้องรูปแบบห้องพัก ซึ่งห้อง Studio Type B จะมีที่อาคารนี้เท่านั้น และ Type ห้องนี้เองที่เป็นราคาเริ่มต้นของโครงการ
สำหรับโซนห้องที่เรามองว่าน่าสนใจในชั้นนี้ คือห้องทิศตะวันออกเฉียงใต้ (กรอบเส้นประสีม่วง) ที่หันหน้าเข้าสวนส่วนกลาง ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งห้อง Studio และ 1 Bedroom ค่ะ
แปลนอาคาร C ชั้น 2-8 เป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 133 : 1 พอๆ กับอาคารอื่น สำหรับโซนห้องที่เรามองว่าน่าสนใจในชั้นนี้ ยังคงเป็นห้องทิศตะวันออกเฉียงใต้ (กรอบเส้นประสีม่วง) ที่หันหน้าเข้าสวนส่วนกลาง ซึ่งห้องตำแหน่งนี้จะมีให้เลือกทั้ง Type Studio และ 1 Bedroom เลยนะคะ
Lobby ของอาคาร C จะมีขนาดใหญ่กว่าอาคารอื่นๆ จึงได้ชุดโซฟาขนาดใหญ่มา 2 ชุด รองรับการใช้งานได้ประมาณ 10 คนนะคะ
และยังคงมี Facility อื่นๆ ครบเหมือนอาคารอื่นๆ ค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Clubhouse 3 ชั้น
- Chilling Area ที่ชั้น 1
- Co-Working Area และ Functional Training Graphic ที่ชั้น 2
- Fitness ที่ชั้น 3
แบบห้อง
Highlights :
- ห้องพักหน้ากว้าง เหมาะกับคนที่ชอบให้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาในพักมากหน่อย ให้บรรยากาศดูโปร่งโล่ง
- ขายแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ ซึ่งตอนนี้มีโปรฯ แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งทีวี, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องทำน้ำอุ่นอีกด้วย แทบจะหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยค่ะ
สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อจำกัดของ dcondo คือรูปแบบห้องพักจะไม่ค่อยมีตัวเลือกให้มากนัก ซึ่งห้องพักส่วนใหญ่ของคอนโดระดับราคานี้จะเห็นห้องหน้าแคบ เพื่อให้ได้จำนวนยูนิตเยอะๆ แต่ที่โครงการนี้มีความพิเศษตรงที่ห้องพักส่วนใหญ่เป็นห้องหน้ากว้าง มีให้เลือกทั้งแบบ Studio และ 1 Bedroom ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้
- Studio Type A ขนาด 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
- Studio Type B ขนาด 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท
วัสดุและเฟอร์นิเจอร์
- Fully Furnished
- ตู้เก็บรองเท้า
- ชั้นวางทีวี
- โซฟา 2 ที่นั่ง ปรับเอนได้
- โต๊ะกลาง
- ฐานเตียง 5 ฟุต
- โต๊ะหัวเตียง
- ตู้เสื้อผ้า
- โต๊ะ+เก้าอี้ เขียนหนังสือ (เฉพาะห้อง 1 Bedroom)
แบบห้อง Studio Type A 26 ตร.ม. ซึ่งถือเป็น Studio ขนาดใหญ่ เหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับ Living Area และ Bedroom เป็นหลัก เพราะเค้าวางตำแหน่งไว้ให้ติดกับหน้าต่าง จึงได้วิวและแสงธรรมชาติจากภายนอกอย่างเต็มที่ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง
แต่ก็ต้องแลกมากับพื้นที่ครัวและห้องน้ำที่ต้องไปอยู่ด้านในอาคารแทน ประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำจึงลดลง เพราะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ เหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำครัวเยอะ ใช้พื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอนเป็นหลัก อย่างไรก็ตามแบบห้องจะลงตัวหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลนะคะ
ทางเข้าห้องเป็นประตูบานไม้สำเร็จรูป ติดระบบ Digital Doorlock ของ Kaadas ไว้ให้เรียบร้อย
เสียดายอย่างนึงที่ว่าพอเป็นคอนโด Economy Class แล้ว จึงไม่ได้มีการยกระดับพื้นห้องให้สูงกว่าพื้นทางเดิน ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายเวลาท่อแตก น้ำรั่ว ท่วมทางเดินได้ แบบนี้แนะนำให้พิจารณาประกันคอนโดเพิ่มไว้หน่อยก็อุ่นใจดีนะคะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับครัวเป็นโซนแรก ถัดเข้าไปด้านในจึงเป็นโซนพักผ่อน ซึ่งพอเป็นห้อง Studio ก็ต้องทำใจอย่างหนึ่งว่า กลิ่นควันเวลาทำกับข้าวก็อาจจะฟุ้งไปทั่วห้องได้ จึงเหมาะกับการซื้อกับข้าวจากข้างนอกมาทานหรือทำอาหารง่ายๆ สไตล์คนเมือง สำหรับฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตรเป็นมาตรฐาน และพื้นปูด้วยไม้ลามิเนตทั้งห้องจึงต้องระวังเวลาพื้นเปียก ต้องรีบเช็ดทุกครั้งนะคะ
เราคิดว่าพื้นที่ด้านหน้าห้องมีขนาดที่จัดเฟอร์ฯ ได้ลงตัวดีนะคะ โดยเค้าว่าประตูไว้ตรงกลางๆ จึงเหลือพื้นที่ทั้ง 2 ฝั่งของทางเดินสำหรับ Built-in ชุดครัว, วางตู้เก็บรองเท้า และตู้เย็นได้ ครบถ้วน
ส่วนเคาน์เตอร์ครัวทางโครงการจะ Built-in มาให้แบบนี้เลยค่ะ หน้าบานปิดผิวด้วยไม้ลามิเนตเป็นลายไม้ธรรมชาติ ส่วน Top เคาน์เตอร์จะเป็น High Pressure Laminate หรือที่คุ้นหูกันในชื่อฟอร์ไมก้า เป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับไม้จริง ทนน้ำ ทนขีดข่วนได้ดีกว่าเมลามีน
ส่วนพื้นที่เก็บของก็มีมาให้เพียงพอสำหรับการอยู่ 1 – 2 คน มีทั้งที่เก็บอุปกรณ์ครัวชิ้นใหญ่ๆด้านล่าง และชั้นวางของที่อยู่ด้านบนตามภาพเลย แต่จะไม่ได้มีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันมาให้ ซึ่งเป็นมาตรฐานปกติของคอนโดราคานี้ค่ะ
ซิงค์ล้างจานของ Mex มีขนาดพอจะใส่อุปกรณ์ทำครัวได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างจานได้สะดวก
ติดกับชุดครัวจะมีโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้สำหรับ 2 ที่นั่งมาให้
เราลองขยับเก้าอี้ดูแล้วก็ถือว่าพื้นที่รอบๆ โต๊ะ ให้ขยับเก้าอี้ลุกนั่งได้สะดวก
อีกฝั่งหนึ่งของประตูมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ขนาดประมาณ 8-9 คิวได้ ซึ่งเป็นไซส์ที่เหมาะสำหรับใช้งาน 2 คนได้พอดีๆ นะคะ
อย่างที่เกริ่นไปว่าข้อดีของแปลนห้องที่นี่ คือจะมีพื้นที่เผื่อให้วางตู้เก็บรองเท้าแถวหน้าห้องได้ ซึ่งโครงการก็ให้ตู้รองเท้ามาด้วยนะคะ ภายในออกแบบไว้ละเอียดดี มีช่องระบายอากาศด้วยค่ะ
เข้ามาด้านในจะเป็นโซนนั่งดูทีวีที่เชื่อมต่อกับเตียงนอน ซึ่งบรรยากาศดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษจากประตูกระจกและหน้าต่าง
โซนนั่งเล่นจะได้ชุดเฟอร์นิเจอร์มาครบเหมือนในห้องตัวอย่าง คือได้ตั้งแต่ตู้วางทีวี, ชั้นลอยวางของ, โซฟา 2 ที่นั่ง + โต๊ะกลาง และที่พิเศษคือตอนนี้โครงการมีโปรฯ แถมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย อย่างทีวีเราก็ไม่ต้องซื้อเองนะคะ ขนาดของพื้นที่มีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร ระยะพอๆ กับที่บ้านเราเลย แนะนำว่าใช้ขนาดทีวีประมาณ 43 นิ้วกำลังดีค่ะ
ขนาดของพื้นที่มีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร ระยะพอๆ กับที่บ้านเราเลย แนะนำว่าใช้ขนาดทีวีประมาณ 43 นิ้วกำลังดีนะคะ เฟอร์นิเจอร์ส่วนแรกที่ให้มาคือ โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และชั้นวางทีวีแต่จะเป็นเฟอร์ฯลอยตัวไม่ใช่ Built-in เหมือนห้องตัวอย่าง ฝ้าเพดานที่นี่สูง 2.4 เมตรตามมาตรฐานค่ะ
ชั้นวางทีวีเป็นตู้มีหน้าบานปิด ภายในจึงเก็บของใช้ต่างๆ ได้ทำให้ห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยขึ้น
ทีเด็ดคือ “โซฟา” ที่สามารถปรับพนักเอนลงได้ เผื่อนอนดูทีวีจากบนเตียงก็จะได้เอาพนักลงไม่บังสายตาค่ะ
ข้อดีของห้องนั่งเล่นที่นี่คืออยู่ติดกับระเบียงนี่แหละค่ะ เราจึงสามารถเปิดประตูให้ลมพัดผ่านได้ ซึ่งเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอนจึงเปิดได้กว้าง แนะนำว่าควรติดมุ้งลวดเพิ่มอีกสักนิด เพื่อให้เปิดใช้งานได้สะดวก ช่วยกันแมลงต่างๆ
ถ้าจะติดตั้งเครื่องซักผ้าก็ต้องไว้ที่ระเบียงนะคะ และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางราวตากผ้าได้อีกนิดหน่อย ภายในพื้นที่ระเบียง..เจ้า Condensing Unit จะถูกแขวนอยู่ด้านบนจึงช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยบริเวณระเบียงไปได้ แนะนำให้ติดที่ปรับทิศทางลมเพิ่มอีกหน่อย เพื่อให้ปัดลมร้อนออกไปนอกห้องนะ แต่ส่วนที่ดีคือเค้าทำระแนงบังสายตามาให้เรียบร้อยค่ะ
ที่ระเบียงจะมีการยกธรณีประตูขึ้น เพื่อป้องกันไม่ใช้น้ำไหลย้อนเข้าไปในห้องพัก
โครงการจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ชิดหน้าต่าง จึงสามารถนอนดูทีวีและชมวิวภายนอกไปพร้อมๆ กันได้
ซึ่งเจ้าเตียงที่ให้ก็จะมีช่องเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ใต้เตียงด้วยนะคะ
ส่วนที่เราชอบในห้องนอนที่นี่เห็นจะเป็นหน้าต่างบานใหญ่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แบบ Full Height แต่ก็ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งดีทีเดียวและยังเลื่อนเปิดระบายอากาศได้ด้วย
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ อย่างโต๊ะหัวเตียงก็ให้มาด้วยนะคะ เป็นตู้ช่องโล่งให้วางของได้
จากเตียงนอนก็สามารถมองเห็นทีวีได้ไกลๆ ซึ่งหากว่าพนักเก้าอี้บังสายตาก็สามารถปรับพนักลงได้ ห้องนี้จึงติดทีวีเครื่องเดียวก็เพียงพอค่ะ
ด้านข้างเตียงจะมีการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ เป็นหน้าบานไม้แบบเดียวกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ
ภายในตู้จะซ่อนกระจกและชั้นวางเครื่องสำอางค์เอาไว้ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ช่วยประหยัดพื้นที่ในห้องไปมาก ขอบประตูมีดีเทลที่สามารถใช้เป็นมือจับได้ ดีไซน์ดูเรียบๆ สวยดีค่ะ
มาดูส่วนของห้องน้ำกันบ้างจะได้มาครบตามแบบในห้องตัวอย่าง ยกเว้นพวกของตกแต่งนะคะ สำหรับพื้นและผนังของห้องปูด้วยกระเบื้องทั้งหมด จึงดูแลรักษาง่าย
อ่างล้างหน้าของ American Standard มีพื้นที่วางของด้านข้างก๊อกน้ำได้เล็กน้อย และมี Low Wall ด้านหลังให้วางของใช้กระจุกกระจิกได้
โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นของ American Standard อีกเช่นกัน มาพร้อมอุปกรณ์ในห้องน้ำอื่นๆ ได้แก่ สายฉีดชำระและที่แขวนกระดาษชำระ
Shower Box เป็นฉากกั้นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ข้อดีของบานเลื่อน 3 ตอนคือ ทำให้เราสามารถเปิดประตูได้กว้าง ประตูสูงประมาณ 2 เมตร สามารถใช้งานได้สะดวกตามความสูงมาตรฐานคนไทยค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างยาวประมาณ 0.8 x 1 m. กั้นพื้นที่ด้วยขอบธรณีเพื่อไม่ใช้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง
ภายในติดตั้งฝักบัวไว้ให้และช่วงนี้ก็แถมเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยค่ะ ส่วนที่เราชอบคือ โครงการติดตั้งก๊อกน้ำด้านล่างมาให้ด้วย ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ ในคอนโดทั่วไปนะคะ
เนื่องจากตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ภายในอาคาร ไม่มีหน้าต่างจึงต้องพึ่งพาระบบดูดอากาศล้วนๆ
หน้าตาของสวิตซ์ไฟที่ได้ของ Bticino ค่ะ
ห้อง 1 Bedroom 32 ตร.ม. ห้องนี้พอเข้ามาจะเจอกับครัวก่อน เป็นครัวเปิดขนาดกะทัดรัด เหมาะกับการซื้อกับข้าวจากข้างนอกมาทานหรือทำอาหารง่ายๆ สไตล์คนเมือง ซึ่งแปลนนี้ก็ยังคงจุดเด่นของแปลนห้องที่มีพื้นที่สำหรับวางตู้รองเท้าหน้าห้องได้
ถัดเข้ามาด้านในเป็นห้องนั่งเล่นอยู่ริมประตูระเบียง จึงได้ช่องแสงขนาดใหญ่ที่สูงจากพื้นถึงฝ้า เปิดระบายอากาศได้เต็มที่ ถ้าห้องทางทิศใต้รับรองว่าลมเข้าเต็มๆ ส่วนที่เราชอบเลยคือห้องนอนที่ได้ประตูทึบเป็นสัดส่วน +ห้องน้ำในตัว แต่หากใครที่มักมีเพื่อนมาเยี่ยมที่ห้องบ่อยๆ ก็อาจเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง เพราะเวลาเพื่อนเข้าห้องน้ำต้องเดินผ่านห้องนอนค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับ Common Area ที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่ Pantry ครัว, พื้นที่นั่งเล่นดูทีวี และพื้นที่ทานอาหาร ซึ่งเหตุผลที่บรรยากาศของห้องดูโปร่งๆ แบบนี้ก็เพราะได้เห็นแสงธรรมชาติเข้ามาจากประตูระเบียง เปิดให้เห็นวิวภายนอกได้เลย
ถัดมาดู Pantry ครัวบริเวณหน้าห้องกันบ้าง พื้นครัวจะต่างจากส่วนอื่นๆ ในห้องคือเป็นพื้นกระเบื้อง เวลามีน้ำมันกระเด็นก็ทำความสะอาดง่าย แต่พื้นห้องส่วนอื่นๆ จะเป็นพื้นลามิเนตลายไม้จึงต้องระวังเรื่องน้ำและความชื้นนะคะ
Pantry ครัวจะได้มาครบเซตตามแบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ยกเว้นเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันจะไม่ได้ให้มาซึ่งเป็นมาตรฐานของคอนโดระดับนี้ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจะมีตู้เก็บรองเท้ามาให้ พร้อมพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดประมาณ 8-9 คิว ซึ่งพอเหมาะกับการใช้งาน 1-2 คนนะคะ
ตำแหน่งโต๊ะทานอาหารของห้องนี้จะได้พื้นที่กว้างขึ้น สามารถวางเก้าอี้ตรงข้ามกันได้ และยังสามารถนั่งทานอาหารไปดูทีวีไปได้ด้วยได้อยู่นะคะ
ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่กว้างพอสมควร เหมาะกับคนที่ชอบห้องนั่งเล่นโปร่งๆ ใช้พื้นที่ตรงนี้บ่อยๆ เพราะจะได้วิวและแสงธรรมชาติผ่านประตูระเบียงที่อยู่ติดกัน
เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะได้มาครบตามในรูปนี้เลยนะคะ ทั้งชั้นวางทีวี โซฟาที่ปรับเอนได้ พร้อมโต๊ะกลาง ซึ่งเราแทบไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มเลย
ขนาดระเบียงพอๆ กับห้องแบบแรก มีพื้นที่ให้วางเครื่องซักผ้าใต้ Condensing Unit ได้ และเหลือพื้นที่สำหรับวางตากผ้านะคะ
ถัดมาดูห้องนอนที่ได้ประตูปิดทึบ ส่วนตัวเราชอบห้องนอนที่ได้ประตูแบบนี้นะ เพราะได้ความเป็นส่วนตัวกว่าห้องนอนที่ได้ประตูกระจกค่ะ
ภายในห้องนอนมีขนาดพอให้วางเฟอร์นิเจอร์ได้ทั้งเตียงนอน, โต๊ะเขียนหนังสือ, ตู้เสื้อผ้า และได้แสงธรรมชาติที่ผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามา สำหรับใครที่อยากติดทีวีในห้องนอนก็ติดได้ค่ะ เป็นแบบแขวนผนังเอานะคะ
สำหรับห้องนี้ก็จะได้โต๊ะหัวเตียงด้วยเช่นกัน
เฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นหนึ่งที่ได้เพิ่มขึ้นมาจากห้อง Studio ก็คือ โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมเก้าอี้นั่ง
ซึ่งเป็นโต๊ะที่มีลิ้นชักให้เก็บของได้อีกนะคะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า ตำแหน่งอยู่หน้าห้องน้ำเลยจึงเดินใช้งานได้สะดวก
ฟังก์ชันภายในตู้เหมือนแบบห้องแรก คือมีกระจกและชั้นวางเครื่องสำอางค์อยู่ภายในตู้เลย ช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดี และทำให้ห้องดูเรียบร้อยด้วยค่ะ
ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกแห้งออกเป็นสัดส่วน มีสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ครบของ American Standard
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดพอๆ กับห้องแรก พร้อมติดฉากกั้นอาบน้ำแบบ 3 ตอนมาให้ จึงเปิดได้กว้าง และมีขอบธรณีที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยช่วยกันไม่ให้น้ำไหลไปส่วนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ
ปิดท้ายด้วยแบบห้อง Studio Type B ขนาด 26 ตร.ม. โดยข้อดีหลักๆ ของห้องนี้คือได้ครัวปิด จึงเหมาะกับคนที่ซีเรียสเรื่องกลิ่นควัน อยากได้ครัวเป็นสัดส่วน และเหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับ Living Area และ Bedroom เป็นหลัก เพราะเค้าวางตำแหน่งไว้ให้ติดกับหน้าต่าง จึงได้วิวและแสงธรรมชาติจากภายนอกอย่างเต็มที่ ทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง มีมุมนั่งโต๊ะทำงานติดหน้าต่าง ถ้าตำแหน่งได้วิวสวนล่ะก็ นั่งทำงานกันเพลินๆ ได้เลยค่ะ
พื้นที่ส่วนใหญ่ในห้องเป็น Living Area+ Bedroom ที่มีหน้าต่างในตัว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคา
ดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต ราคา ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2564
- Studio Type A ขนาด 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
- Studio Type B ขนาด 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท
- ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 เมตร
- มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ ประตูเชียงราก 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- รูปแบบการขาย Fully Furnished
- Promotion!! TV, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ, เครื่องทำน้ำอุ่น
- จอง+ทำสัญญา 5,000 บาท
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 47 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเล : โครงการ ดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต ตั้งอยู่บนถนนเชียงราก เยื้องๆกับประตูเชียงราก 2 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ U-Square เป็นโซนที่อยู่ถนนฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยแบบนี้ จึงมีข้อดีในเรื่องความเงียบสงบและไม่พลุกพล่านเหมือนฝั่งเดียวกับมหาวิทยาลัยนะคะ ซึ่งหากต้องการไปเรียนหรือจับจ่ายใช้สอย แค่ข้ามฝั่งไปก็จะเจอกับโซน U-Sqare ที่มีร้านค้าร้านอาหารเยอะแยะเลย และจากตำแหน่งของโครงการที่ต้องเข้าซอยไป 700 เมตร ก็จะได้ประโยชน์ในเรื่องของบรรยากาศที่เงียบสงบขึ้น แต่เราก็มองว่าเหมาะกับคนที่มีรถยนต์ มอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง หรือยอมรับได้กับการนั่งShuttle Service ของโครงการค่ะ
หากใครที่เป็นสายนักลงทุน และกำลังมองหาคอนโดเพื่อซื้อปล่อยเช่าในทำเลนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยนะคะ เพราะหอพักแถวนี้ส่วนใหญ่ช่วงเปิดเทอมก็จะเต็มกันเกือบหมด โดยจะมีเรทราคาค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8,500 บาท/เดือน (สำหรับห้อง Studio ไซส์ประมาณ 23-26 ตร.ม.) และประมาณ 12,000 บาท/เดือน (สำหรับห้อง 1 Bedroom ไซส์ประมาณ 33 ตร.ม.) แต่จะเป็นโครงการที่ Niche Market ขึ้นมาหน่อยเพราะไม่ได้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยในระยะเดินสะดวก ตอบโจทย์คนที่ต้องการความสงบมากขึ้น อย่างเช่นบุคลากรในมหาวิทยาลัย, พนักงานในโรงพยาบาล รวมถึงเด็กนักเรียนที่มีรถส่วนตัวค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ : สะดวกเลยค่ะ เพราะโครงการอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลธรรมศาสตร์แค่ประมาณ 3-6 กิโลเมตรเท่านั้น แต่ถนนเชียงรากจะมีรถใช้งานค่อนข้างหนาแน่นจึงต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อย หรือใครขับมอเตอร์ไซค์ก็จะลัดเลาะไปได้ นอกจากนี้หากต้องการเข้าเมืองก็จะมีตัวช่วยอย่างทางด่วนอุดรรัถยาที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด ในระยะประมาณ 4 กิโลเมตร สำหรับที่จอดรถอยู่ประมาณ 40% แบบรวมจอดซ้อนคัน อาจมีน้อยไปนิดนึง ทำให้อาจจะต้องจอดข้างทางกันเกิดขึ้นได้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ปัจจุบันทางโครงการมี Shuttle Service บริการรับ-ส่งมหาวิทยาลัยบริเวณหน้าประตูเชียงราก 1 แถวๆ U-Square เก่า ที่อยู่ไม่ไกลจากท่ารถตู้ของมหาวิทยาลัย หรือจะนั่งรถโครงการมาลงที่หน้าปากซอย ก็จะมีรถสาธารณะให้บริการทั้งรถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ ให้บริการตรงถนนเชียงราก ใช้เดินทางไปฟิวเจอร์ปาร์ครังสิตและบริเวณรอบๆได้
วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished และช่วงนี้มีโปรฯแถมเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย ขาดแค่ซื้อเครื่องนอนก็เข้าอยู่ได้เลยค่ะ สำหรับวัสดุในห้องที่ให้มาจะได้ตามมาตรฐานราคา โดยสิ่งที่น่าสนใจก็คือพวกเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาเยอะ และดีไซน์มาให้เหมาะกับคอนโด มีช่องเก็บของเยอะ มีตู้รองเท้าอยู่หน้าห้อง โซฟาปรับพนักได้ เป็นต้น
การออกแบบ :
โครงการ – ออกแบบโดยเน้นความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย เห็นได้จากการออกแบบที่แยกอาคารส่วนกลางไว้ต่างหาก ให้อยู่คนละตึกกับห้องพักเลยนะคะ การใช้งานจึงดูเป็นสัดส่วนชัดเจน และบรรยากาศภายในโครงการดูไม่อึดอัด จากการวางตึกไม่ให้ขนานกันเป๊ะๆ ไม่ต้องเสีย Privacy ให้กับห้องพักอาคารตรงข้าม จึงเป็นตัวเลือกของคนที่มองหาคอนโดบรรยากาศเงียบสงบค่ะ
ห้องพักอาศัย – มีห้องห้องพักหน้ากว้างซึ่งจัดเป็น Rare Item สำหรับคอนโดระดับ Economy เลยนะคะ เพราะโครงการระดับราคานี้ส่วนใหญ่มักจะออกแบบแปลนห้องมาเป็นทรงยาวเพื่อให้ได้จำนวนห้องเยอะๆ ทำให้ ‘ห้องพักหน้ากว้าง’ ของโครงการนี้ได้แสงธรรมชาติที่มากกว่า ห้องดูโปร่งโล่งมากกว่าค่ะ แต่ก็ยังมีห้องหน้าแคบ ที่ได้ครัวปิดให้เลือกอยู่นะคะ
สาธารณูปโภค : ให้พื้นที่สีเขียวมาเยอะถึง 8 ไร่เลยนะคะ ซึ่งในสวนก็จะมีทั้งอาคาร Clubhouse 3 ชั้น โดยหลักๆ จะเป็นห้องแอร์สำหรับนั่งทำงาน และ Fitness ที่ได้วิวสระว่ายน้ำพอดี ซึ่งสระว่ายน้ำของที่นี่ก็ให้มาถึง 2 สระ เป็น Swimming Pool สำหรับออกกำลังกายจริงจัง ยาว 35 เมตร และ Private Pool + Jacuzzi ที่เหมาะกับการมาแช่น้ำผ่อนคลาย โดยทั้งหมดจัดวางให้เชื่อมต่อกันบริเวณกลางโครงการ ทำให้บรรยากาศภายในโครงการดูร่มรื่นดีเลยค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 69,000 บาท/ตร.ม., 6 พฤศจิกายน 2564
- ทำเล 7.25/10 – อยู่ในซอยตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิต หาของกินได้ไม่ยาก และเดินทางไปเรียนได้สะดวก
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ค่อนข้างสะดวก ใกล้ถนนใหญ่เชียงราก
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – มี Shuttle Service รับ-ส่งไปยังมาหวิทยาลัยฟรี จากหน้าปากซอยสามารถเดินไปมหาวิทยาลัย และเรียกรถสาธารณะต่อได้
- วัสดุ 8/10 – ขายเเบบ Fully Finished เฟอร์นิเจอร์เหมาะกับคอนโด ส่วนวัสดุตามมาตรฐาน
- แบบ 8.5/10 – เน้นความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย มีห้องพักหน้ากว้างให้เลือก
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาเยอะ ตอบโจทย์ทั้งการทำงาน อ่านหนังสือ และพักผ่อน
- ECONOMY CLASS
- 7.6 / 10.00
ดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต เหมาะกับใคร
ดีคอนโด ไฮด์อเวย์-รังสิต เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์อย่าง U-Square แต่ก็ต้องการทำเลที่มีความเป็นส่วนตัว ดูเงียบสงบขึ้นมาหน่อย ไม่พลุกพล่านเหมือนฝั่งมหาวิทยาลัย เหมาะกับคนที่มีรถยนต์, มอเตอร์ไซค์ส่วนตัว หรือโอเคกับการนั่ง Shuttle Service ของโครงการ ชอบโครงการที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมอยู่
ส่วนในแง่ของการลงทุนปล่อยเช่า ก็ยังถือว่าเป็นทำเลที่น่าสนใจ เพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ อาจจะจับกลุ่มนักศึกษาเป็นหลักเหมือนโครงการติดมหาวิทยาลัยเลยไม่ได้ เพราะเกินระยะเดิน 500 เมตรไปพอสมควร แต่จะไปตอบโจทย์กลุ่มบุคคลากร พนักงานของมหาวิทยาลัย รวมถึงนักศึกษาบางส่วนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว บรรยากาสที่เงียบสงบ ไม่อยากอยู่รวมกับคอนโดที่มีเด็กเยอะๆ ดูวุ่นวาย ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
โดยจะต้องมีงบประมาณระดับ 1.69 – 2.39 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 11,000 – 16,000 บาท/เดือนขึ้นไป และถ้าปล่อยเช่าในย่านนี้ก็จะมีเรทราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8,500 – 12,000 บาท/เดือนค่ะ
ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc