รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.232 – รีวิวคอนโด U Delight Residence Riverfront พระราม 3

14 สิงหาคม 2016

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1139 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมตึกเสร็จพร้อมอยู่กับโครงการ U Delight Residence Riverfront พระราม 3 คอนโด High Rise ติดแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนพระราม 3 โครงการนี้เป็นแบรนด์บนสุดของ Grand U ที่มีการออกแบบตัวยูนิตแบบเล่นระดับให้สอดคล้องกับวิวแม่น้ำได้น่าสนใจทีเดียว รายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น เราไปชมกันเลยค่ะ

  • อ่านรีวิวเจาะลึกโครงการ ช่วงเปิดตัวโครงการ ปี 2014 ได้โดย (คลิกที่นี่)
  • ชมรายการ คิด.เรื่อง.อยู่ – U Delight Residence Riverfront พระราม 3 ช่วงเปิดตัวโครงการได้โดย (คลิกที่นี่)

Fact @ 28 July 2016

  • U Delight Residence Riverfront Rama 3 (ยู ดีไลท์ เรสซิเดนซ์ รีเวอร์ฟร้อนท์ พระราม 3)
  • บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (แกรนด์ ยู)
  • MAIN – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ยานนาวา
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 979 ยูนิต (1030 ตามโฉนด) และร้านค้า 4 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 47 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 461 คันคิดเป็น 45% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 52%
  • ที่ดินประมาณ 6-2-34 ไร่
  • 1 Bedroom 34-68 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.82 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 55-102 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.82 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 90,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-652-4000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.675297, 100.532802

ที่ตั้งโครงการ U Delight Residence Riverfront พระราม 3 อยู่บนถนนพระราม 3 ช่วงระหว่างสะพานภูมิพลและสะพานพระราม 9 ใกล้กับวัดปริวาสประมาณ 90 ม.

ทำเลโครงการตั้งอยู่บน ถนนพระราม 3 จัดเป็นทำเลในย่านที่มีอาคารพักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำ High Rise ขนาดใหญ่มากมาย เนื่องด้วยถนนพระราม 3 ตลอดแนวเส้นทางจะเป็นพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งยังจัดเป็นย่านธุกิจที่สำคัญย่านหนึ่ง สังเกตในจากอาคารสำนักงานมากมายที่กระจายตัวกันอยู่ในพื้นที่ถนนพระราม 3 ตลอดแนวเส้นทาง ส่วนในด้านของความอุดมสมบูรณ์ในภาพกว้างแล้ว บริเวณในย่านนี้ก็มีทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ สามารถเดินทางไปถนนเจริญกรุง เพื่อไปเดินเล่นช้อปปิ้งที่ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ (ASIATIQUE The Riverfront) แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร และความบันเทิงริมน้ำที่เป็นที่นิยมของคนไทยและชาวต่างชาติได้

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นจัดว่าเป็นการเดินทางหลักของโครงการนี้นะคะ ซึ่งถือว่ามีความสะดวกดีทีเดียว เนื่องจากอยู่ติดกับถนนใหญ่อย่างถนนพระราม 3 และอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้นลงทางด่วนค่ะ ด้วยศักยภาพของถนนพระราม 3 นี้ เป็นถนนที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูง โดยจะเป็นถนนที่เลียบขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตามส่วนโค้งของแม่น้ำเลย ถ้าสังเกตจากในภาพด้านบน ถนนพระราม 3 จะเป็นถนนที่ยาวพอสมควรทีเดียว และการที่ถนนพระราม 3 นี้มีถนนเส้นอื่นๆวิ่งมาชนหลายเส้น ทำให้โครงการจะมีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างเยอะ สามารถมีทางเลี่ยงทางลัดในการหนีรถติดได้ค่อนข้างดี และถ้าใครวิ่งเส้นพระราม 3 บ่อยๆจะพบว่าเป็นถนนที่รถไม่ค่อยติด เนื่องจากรถจะถูกระบายออกไปทางถนนเส้นอื่นๆ ยกเว้นแยกที่จะเลี้ยวไปสะพานภูมิพลในช่วงเร่งด่วน และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ถนนสาธุประดิษฐ์นี้รถติดนี้จะรถติดนะคะ

  1. ถนนเจริญกรุง เป็นถนนที่ตัดจากพระราม 3 วิ่งขนานแม่นำ้เจ้าพระยา ทะลุไปเรื่อยเลยครับ ไปเจอถนนจันทน์, สาทร, สีลม, สุรวงศ์, สี่พระยา จนไปถึง พระราม 4 แถวๆหัวลำโพง และต่อไปทางเยาวราช เส้นนี้รถติด ถนนแคบ แต่มีประโยชน์สำหรับคน Local เพราะผ่านสถานที่สำคัญๆหลายอย่าง เช่น Asiatique, วัด, โรงแรมหรูริมน้ำ และ โรงเรียนดัง อีกหลายแห่ง
  2. ถัดมาเป็น ถนนเจริญราษฎร์ เป็นถนนเส้นสั้นๆที่ตัดจากพระราม 3 ไปยังถนนสาทร โดยจะผ่านถนนจันทน์ ถนนเส้นนี้จะมีความสำคัญตรงที่มีจุดขึ้น-ลงทางด่วนถนนจันทน์ด้วย แถมรถไม่ค่อยติด เมื่อเทียบกับเจริญกรุงหรือรัชดา และถ้าจะไปขึ้น สะพานสาทร(ตากสิน) ก็ต้องใช้เส้นนี้แหละ
  3. ถนนรัชดาภิเษก  ซึ่งจะเป็นถนนที่มีทางด่วนและ สะพานพระราม 9 อยู่คู่ขนานทางด้านบน ถนนรัชดานี้จะอำนวยความสะดวกให้กับโครงการมาก เพราะจะตัดผ่านถนนหลายเส้น ทั้งถนนสาธุประดิษฐ์, ถนนนราธิวาสฯ, ถนนนางลิ้นจี่, ผ่านถนนเชื้อเพลิง, ห้าแยก ณ ระนอง, แยกคลองเตย วิ่งไปจนถึงอโศกได้ แถมยังผ่านจุดขึ้นลงทางด่วนอีกถึง 3 จุดด้วยกัน คือ ด่านบางโคล่ กับ ด่านสาธุประดิษฐ์ และ ด่านพระราม 3 การเข้าออกถนนเส้นนี้สามารถทำได้หลายทาง แต่ก็เป็นเส้นที่รถติดพอสมควรทีเดียวและที่ถัดจากถนนรัชดามา ก็จะมีถนนใหญ่ๆอีกสองเส้นคือ
  4. ถนนสาธุประดิษฐ์ ที่ตัดมาจากถนนจันทน์ (จริงๆใกล้ๆกันจะมีถนนยานนาวาหรือสาธุฯตัดใหม่อีกเส้นหนึ่ง) เส้นนี้ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับคน Local เป็นหลัก แต่แถวๆแยกสาธุฯตัดถนนจันทน์ ของกินเพียบเลย
  5. ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ตัดมาจากสาทร โดยจะอยู่ไกลสุดของถนนพระราม 3 ผ่านโค้งเกือกม้าไปแล้ว อันนี้อาจจะไม่ได้ใช้บ่อยนัก เพราะอยู่ค่อนข้างไกลจากโครงการนอกเหนือจากนี้ ยังมี ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม  ที่เป็น “ถนน” พิเศษ ที่ตัดจากถนนพระราม 3 ไปเชื่อมกับ สะพานวงแหวนอุตสาหกรรม หรือ สะพานภูมิพล 1-2 เป็นเส้นทางลัด ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่านบางกระเจ้า ไปลงสมุทรปราการได้ และสามารถวิ่งต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกด้านใต้ ออกนอกเมืองไปได้เลย ถือเป็นเส้นทางพิเศษเฉพาะตัวสำหรับถนนเส้นนี้ ที่สะดวกในการไปสมุทรปราการ แบบที่ by-pass ทุกอย่าง ไม่ต้องไปรถติดบนเส้นสุขุมวิทเลย

ในส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นก็จะสะดวกน้อยลงมาหน่อย เพราะถนนพระราม 3 นี้เป็นถนนที่ไม่มีรถไฟฟ้าตัดผ่าน ซึ่งปัจจุบันก็จะมี BRT คอยให้บริการอยู่ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือ วัดปริวาส ที่อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 180 ม. ถือว่าเดินได้สะดวก แต่สำหรับอนาคต BRT นี้ก็ใกล้จะปิดตัวแล้วนะคะ ซึ่งใครที่เน้นการเดินทางด้วยระบบสาธารณะก็คงต้องกลับไปพึ่งพิงรถประจำทาง รถสองแถว และแท็กซี่แทน ด้วยความที่ไม่สะดวกมากนักในการเดินทางที่ไม่ใช้รถ ทางโครงการก็ได้มีการจัด Shuttle Service ให้ 2 คัน มีค่าโดยสาร 15 บาท โดยจะรับส่งที่ธนาคารกรุงศรีสำนักงานใหญ่ และ BTS หรือ MRT ที่ใกล้ที่สุด รวมทั้งในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะวิ่งไปเซ็นทรัลพระราม 3 ให้ด้วยค่ะ สำหรับเส้นทางการวิ่งของ Shuttle Service นี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นนะคะ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเส้นทาง การที่มี Shuttle Service มานั้นก็ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัวให้กับลูกบ้านได้ดีมากขึ้นค่ะ

ลองเข้ามาดูในบริเวณพื้นที่โดยรอบใกล้กับที่ตั้งโครงการในระยะไม่เกิน 3 กม. โดยรอบก็จะพบว่าพื้นที่ในบริเวณถนนพระราม 3 บริเวณนี้ จะประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ เช่น อาคารธนาคารกรุงศรีอยุธยาสำนักงานใหญ่ ตลอดจนอาคารบ้านพักอาศัยหลากหลายประเภท แต่ที่เห็นเด่นชัดจะเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้พื้นที่ในย่านนี้จัดเป็นพื้นที่ชุมชนพักอาศัยที่ผสมรวมกับพื้นที่เชิงพาณิชย์ธุรกิจไปพร้อมกัน ในด้านความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ จะเห็นว่าตลอดแนวเส้นทางถนนพระราม 3 มาจนถึง ถนนด้านหน้าโครงการ ก็จะมีทั้งตลาดนัด และไลฟ์สไตล์มอลล์ด้วยค่ะ ถือว่าหาของกินได้ไม่ยากมากและอยู่ในระยะเดินได้

การเดินทางของเราในวันนี้จะเป็นเพียงระยะสั้นๆ นะคะ จุดเริ่มต้นจะเริ่มบนถนนพระราม 3 บริเวณเลยช่วงที่ตัดถนนนราธิวาสราชนครินทร์ไปแล้วหน่อยนะคะ จากนั้นจะขึ้นสะพานยกระดับมุ่งหน้าไปทางสะพานกรุงเทพ แล้วตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 3.2 กม. ก็จะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือค่ะ

บนถนนพระราม 3 เป็นถนนใหญ่มี 8 ช่องการจราจรไปและกลับ โดยส่วนใหญ่แล้วถนนเส้นนี้จะไม่ได้ติดขัดมากนักเหมือนถนนเส้นหลักอื่นๆ ในเมือง จะมีติดบ้างในช่วงเวลาเร่งด่วนบริเวณที่เป็นจุดตัดกับถนนเส้นอื่นๆ ค่ะ สำหรับวันนี้เราจะขับตรงขึ้นสะพานยกระดับมุ่งหน้าไปตามป้ายสะพานกรุงเทพนะคะ หรือใครจะขับตรงไปเรื่อยๆ ไม่ขึ้นสะพานก็ได้นะคะ แต่ก็จะช้าหน่อยเพราะจะติดไฟแดงตามจุดตัดกับถนนต่างๆ

สะพานยกระดับมีทั้งหมด 2 เลยด้วยกัน อีกเลนนึงแบ่งไว้ให้เส้นทางรถ BRT ด้วย บางคนอาจจะเคยได้ยินแต่ยังไม่รู้จักกับ BRT มากนักนะคะ BRT คือ โครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit – BRT) จัดทำและพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาจราจร เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีในการบอกตำแหน่งของยานพาหนะอัตโนมัติ (AVL) ซึ่งจะสามารถทราบเวลาในการรอรถโดยสารสาธารณะได้ แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ก็จะมีการยกเลิก BRT แล้ว เนื่องจากขาดทุน และมีแนวโน้มต่อยอดเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาเฟส 3 พระราม 3-ท่าพระแทน

ลงจากสะพานยกระดับมาหน่อย จะเห็น Int Intersect หรือคอมมูนิตี้มอลล์ในย่านนี้ที่รวบรวมร้านอาหารต่างๆ ไว้

ถัดมาอีกหน่อยก็เป็นอีกหนึ่งคอมมูนิตี้มอลล์ใกล้โครงการคือ Bangkok Square ค่ะ ใครไม่อยากไปกินข้าวไกลๆ ก็สามารถแวะมากินก่อนกลับคอนโดได้นะคะ

ถัดมาเป็นวัดปริวาสค่ะ เป็นวัดที่อยู่ใกล้กับโครงการถัดไปอีกเพียงแปลงเดียว และเป็นที่ตั้งของสถานี BRT วัดปริวาสด้วย มีระยะห่างจากโครงการไปประมาณ 180 ม.

ผ่านวัดปริวาสมาแล้วให้ชิดซ้ายไว้เตรียมเลี้ยวเข้าโครงการได้เลยค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการนอกจากคอมมูนิตี้มอลล์ คอนโดมิเนียม High Rise ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารสำนักงานต่างๆแล้ว ก็ยังมีที่ดินว่างเปล่าอยู่รอบๆ อีกหลายแปลงนะคะ ซึ่งในอนาคตก็สามารถพัฒนาเป็นตึกสูงได้เช่นกันค่ะ บรรยากาศโดยรอบโครงการค่อนข้างเงียบสงบแม้จะติดถนนใหญ่แต่ก็ไม่ได้คึกคักมากนักค่ะ สำหรับที่ดินโครงการมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวลึกเข้าไปถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหน้าติดถนน ด้านหลังติดแม่น้ำ ขนาบข้างด้วยวัดปริวาสและร้านอาหารปลาบุรีริเวอร์ไซด์

  • ทิศเหนือ : ถนนพระราม 3, ร้าน Green Republic
  • ทิศตะวันออก : ที่ดินว่างเปล่า, วัดปริวาส
  • ทิศใต้ : แม่น้ำเจ้าพระยา
  • ทิศตะวันตก : ร้านอาหารปลาบุรี ริเวอร์ไซต์, ที่ดินว่างเปล่า

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาล BNH 8 กม.
  • โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ 8 กม.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน 8.9 กม.

  • โรงเรียน / มหาวิทยาลัย
    • โรงเรียนสาธุประดิษฐ์พณิชยการ 5.5 กม.
    • โรงเรียนนนทรีวิทยา 5.9 กม.
    • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 6.2 กม.
    • โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ 7.5 กม.
    • โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเเวนต์ 8 กม.
    • โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย 8.3 กม.
    • โรงเรียนเซนต์หลุยส์ศึกษา 8.4 กม.
    • โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์สีลม 8.4 กม.
    • โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก 9.4 กม.

  • ห้างสรรพสินค้าแหล่งช็อปปิ้ง
    • Bangkok Square 300 ม.
    • อินท์-อินเตอร์เซค 1.4 กม.
    • โลตัส พระราม 3 5.2 กม.
    • The Up Rama 3 4.7 กม.
    • เซ็นทรัล พระราม 3 5.2 กม.
    • แม็คโคร (นราธิวาส) 6.3 กม.
    • เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟรอนท์ 9.5 กม.


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ U Delight Residence Riverfront พระราม 3 เป็นโครงการคอนโด High Rise ริมแม่น้ำเจ้าพระยาโครงการแรกจาก Grand U และนำแบรนด์บนสุดอย่าง U Delight Residence มาใช้กับโครงการนี้ มีรูปแบบการออกแบบที่แตกต่างและมีความพิเศษ เน้นการใช้ชีวิตริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เกิดฟังก์ชันและ Details ต่างๆภายในอาคารที่สามารถเข้าถึงกับแม่น้ำเจ้าพระยาได้น่าสนใจทีเดียวค่ะ

    ลักษณะที่ดินโครงการเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าติดถนนพระราม 3 ยาวไปจนสุดแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ดินทั้งหมดของโครงการอยู่ที่ประมาณ 6 ไร่กว่า ผัง Master Plan จะแบ่งง่ายๆ เป็น 3 ส่วน คือ ด้านหน้าที่เป็นพื้นที่จอดรถกลางแจ้งและทางเดินรถเข้ามายังส่วน Drop-Off มีความยาวจากจุดทางเข้ามาถึงส่วนอาคารอยู่ประมาณ 95 ม. ถือว่าร่นระยะให้พอสมควรนะคะ ทำให้ห้องที่อยู่ใกล้ถนนก็ถูดลดปัญหาเรื่องมลภาวะและเสียงจากถนนใหญ่ได้ดี

    เข้ามาที่ส่วนตัวอาคารค่อนข้างแตกต่างจากโครงการทั่วไปนะคะ เพราะไม่มีพื้นที่ส่วน Lobby ต้อนรับแต่ถูกปรับให้เป็นโถงทางเดินยาวไปจนเจอโถงลิฟต์ตรงกลางอาคารและยาวไปจนสุดอาคารที่ทะลุออกไปเจอส่วน Facilities ด้านหลังที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา โดยโถงทางเดินนี้จะเป็นแบบ Semi-Outdoor นะคะ คืออยู่ในร่มแต่ไม่ได้เป็นห้องปิด เสมือนเป็นช่องลม ซึ่งทำให้ลูกบ้านที่จะขึ้นห้องพักนี้ต้องเดินผ่านส่วนโถงทางเดินที่มีลมจากแม่น้ำพัดผ่านเข้ามาเสมอ เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศและเข้าถึงแม่นน้ำเจ้าพระยามากยิ่งขึ้น เป็นจุดพิเศษในการออกแบบที่น่าสนใจดีค่ะ ส่วนด้านหน้าก็จะมีร้านค้าทั้งหมด 4 ร้าน โดย Fixed 7-11 ไว้ 1 ร้านค่ะ

    ด้านหลังสุดของโครงการคือส่วน Facilities ริมแม่น้ำจุดเดียวของโครงการ ใช้พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1 ไร่กว่าประกอบไปด้วย Club House ที่ชั้นล่างเป็นส่วนนั่งเล่นและด้านบนเป็น Fitness สระว่ายน้ำ Outdoor แยกสระเด็กและผู้ใหญ่  Sunken Seat และ Landscape สำหรับเดินเล่นพักผ่อนได้ค่ะ

    ตัวโครงการปัจจุบันอยู่ในช่วงเก็บงานนะคะ ยังไม่แล้วเสร็จครบ 100% อาจจะเห็นคนงานกำลังเก็บงานอยู่บ้างในแต่ละจุดค่ะ เรามาเริ่มจากหน้าทางเข้ากันเลย ป้ายทางเข้าโครงการเป็นป้ายไซส์ไม่ใหญ่มาก ตกแต่งด้วยระแนงไม้ ด้านล่างป้ายและรั้วโครงการตกแต่งด้วยหินค่ะ ซึ่งเป็น Gimmick (ลูกเล่น) วัสดุของโครงการนี้ เดี๋ยวเราไปด้านในกันค่ะ

    ด้านข้างก่อนเจอป้อมยามเป็นทางเดินเข้าไปขนานกับทางเดินรถนะคะ ตลอดเส้นทางปลูกต้นไม้ไว้ตลอดเลย ร่มรื่นมาก โดยไม่ต้องใช้ Cover Way หรือหลังคาสำหรับกันแดดเลย

    ป้อมยามอยู่ตรงกลางแบ่งออกเป็น 2 เลนเข้า-ออกนะคะ โครงการนี้ใช้ระบบ Key Card Access ระยะใกล้ เปิด-ปิดด้วยประตูบานเปิดอัตโนมัติ

    รอบข้างของถนนร่มรื่นมากใช้ต้นไม้เยอะ ซึ่งทางโครงการตั้งใจทำออกให้บรรยากาศดูร่มรื่นและสงบถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าตัวถนนแทนที่เค้าจะทำตรงๆก็ทำเป็นโค้งเพื่อให้จังหวะที่เลี้ยวมายังไม่เห็นตัวอาคารทั้งหมดทีเดียวแต่จะเห็นเป็นป่าสีเขียวๆแทน และยังช่วยบังสายตาจากบุคคลภายนอกได้ด้วยช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในอนาคตถ้ามีการจัดการดูแลที่ดีก็จะทำให้บริเวณนี้ร่วมรื่นและดูสวยงามมากขึ้นทีเดียวค่ะ

    ขับมาอีกหน่อยด้านข้างเป็นที่จอดรถกลางแจ้ง ตรงไปเจอส่วนอาคารแล้วค่ะ

    บริเวณจุด Drop-Off จะเป็นทางแยกเลี้ยวซ้ายไปยังส่วนที่จอดรถกลางแจ้ง ตรงไปเป็นทางขึ้นชั้นจอดรถ และที่จอดรถกลางแจ้งริมถนนภายในโครงการ

    หันกลับมาจะเป็นทางเดินที่เดินมาจากหน้าโครงการตามทางมาเรื่อยๆ รอบๆ มีต้นไม้ตลอดทางร่มรื่นดีค่ะ

    ที่จอดรถกลางแจ้งด้านหน้าโครงการ

    ด้านข้างซ้ายเป็นที่ตั้งศาลพระภูมิ และเดี๋ยวเราเดินตรงไปดูรอบๆ โครงการกันค่ะ

    ด้านข้างโครงการเป็นถนนยาวเข้าไปและสามารถเลี้ยววนออกออกอาคารอีกด้านนึง เป็นถนนแบบ One Way ซึ่งง่ายต่อการสัญจรภายในโครงการดี ด้านขวาเป็นทางลงจากชั้นจอดรถด้านบน

    ด้านข้างมีที่จอดรถกลางแจ้งให้ รั้วโครงการไม่สูงมากนักแต่เน้นปลูกไม้พุ่มและไม้ยืนต้นตลอดแนว ในอนาคตเมื่อต้นไม้สูงขึ้นก็สามารถบังสายตาได้ดีเลยค่ะ

    สุดทางเป็นส่วน Facilities หลักของโครงการนะคะ แต่เดี๋ยวเราจะวนออกไปตามทางรถยนต์กันก่อน

    ฝั่งนี้พื้นปูเป็นคอนกรีตตัวหนอนปลูกหญ้าด้านล่างสวยงามดีค่ะ สุดทางมีที่จอดรถแบบกลางแจ้งอีกจุดนึง

    อีกด้านนึงของถนนมีส่วนที่จอดรถใต้อาคารตลอดแนวอาคาร และอีกด้านปลูกไม้พุ่มและไม้ยืนต้นเช่นเดียวกับอีกฝั่งแต่ฝั่งนี้ดูเหมือนจะโตเร็วกว่าอีกฝั่งนะคะ ^^

    กลับมาที่หน้าโครงการบริเวณจุด Drop-Off จะมีกำแพงตั้งอยู่เป็นคู่กัน ด้านในกำแพงทั้ง 2 ด้านฝั่งที่หันชนกันจะมีการจัด Exhibition เกี่ยวกับแม่น้ำเจ้าพระยา บอกเล่าความเป็นอยู่แล้วการใช้ชีวิตของผู้คนริมน้ำในสมัยก่อนฝั่งนึง และอีกฝั่งเป็นภาพบอกเล่าภาพของโครงการนี้ที่เป็นโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ยังคงมีการรักษาความเป็นอยู่และวิถีชีวิตผู้คนริมน้ำไว้ค่ะ โดยตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการติดตั้งอยู่นะคะ เลยยังไม่สามารถถ่ายภาพมาให้เห็นกันได้

    เข้ามาส่วนโถงทางเดินนะคะ ด้านซ้ายมือนี้เป็นยูนิตร้านค้าซึ่งจัดให้เป็น 7-11 อยู่ยูนิตนึง บริเวณทางเดินเป็นแบบ Semi-Outdoor กว้างพอสมควร เดินได้สบาย ด้านข้างตกแต่งด้วยระแนงไม้ตลอดทางเดิน ซึ่งช่วยบังสายตาจากที่จอดรถใต้อาคารได้ดี ให้ Shade & Shadow ออกมาสวยเวลาที่แสงแดดส่องเข้ามาบริเวณโถงทางเดินด้วยค่ะ ถือเป็นการนำ Gimmick หรือลูกเล่น วัสดุตกแต่งออกมาได้สวยและสามารถใช้ประโยชน์ได้

    ระแนงไม้นี้ไม่ได้ปิดกั้นทางเดินระหว่างที่จอดรถกับโถงตลอดแนวจนเดินเข้าจากที่จอดรถใต้อาคารไม่ได้นะคะ จะมีการเปิดช่องบางส่วนเพื่อให้เดินเข้ามาในโถงทางเดินได้ โดยไม่ต้องเข้าจากจุด Drop-Off อย่างเดียว และมีทางลาดด้านข้างให้เผื่อรถเข็นและเป็นจุด Loading ค่ะ

    เดินมาถึงกลางอาคารจะเห็นซุ้มระแนงไม้ก่อนเข้าไปส่วนโถงลิฟต์ที่อยู่ด้านขวา และ Mail Box ทางซ้ายค่ะ

    ส่วนด้านหน้า Mail Box จัดออกได้สวยดีค่ะ

    ด้านในห้อง Mail Box ตกแต่งสวยงามด้านล่างตู้มีโรยหินกรวดและจัด Lighting ด้านหลังสวยงามดีค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นส่วนโถงลิฟต์โดยสาร

    ก่อนจะถึงโถงด้านในถูกกั้นด้วยประตูหนีไฟนะคะ ทำให้ลิฟต์โดยสารด้านในทั้งหมด 4 ตัว สามารถกลายเป็นลิฟต์หนีไฟ (Fire Man Lift) ได้ทั้งหมด ข้อดีคือเวลาเกิดเหตุไฟไหม้ก็มีจำนวนลิฟต์หนีไฟมากกว่า 1 ตัว ตามปกติของโครงการทั่วไปที่จะมีลิฟต์หนีไฟหรือลิฟต์ Service 1 ตัว แต่ข้อเสียก็คือเรื่องความสวยงามและความไม่สะดวกเวลาเปิด-ปิดเข้าโถงลิฟต์นะคะ

    ภายในโถงลิฟต์ตกแต่งสวยงาม ภายในมีลิฟต์ทั้งหมด 4 ตัว รวมอัตราลิฟต์อยู่ที่ 244.75 : 1 ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นสูงพอสมควรนะคะ

    ออกมาที่โถงทางเดินกันต่อหลังจากเลยส่วนโถงลิฟต์ไปแล้ว บริเวณนี้ทางเดินจะกว้างขึ้นเปิดรับลมและแสงธรรมชาติเข้ามาได้ดีเลยค่ะ และตรงกลางทางเดินวางชุดโซฟาไว้ให้นั่งเล่นบริเวณนี้กันได้ ด้านซ้ายจัดเป็นส่วน Office ซึ่งในอนาคตก็จะทำเป็นส่วนนิติบุคคลนะคะ จากนั้นเราจะตรงไปยังส่วน Facilities ด้านหลังโครงการกันค่ะ

    ก่อนถึง Facilities ด้านหลังมีห้อง Laundry ให้ ภายในตกแต่งได้สวยงามทีเดียวค่ะ

    ก่อนจะถึง Facilities ด้านหลังก็มี Facilities ในอาคารนี้ด้วยนะคะ ซึ่งอยู่ที่ชั้นลอย สามารถขึ้นจากบันไดและทางลาดได้ค่ะ

    ขึ้นมาชั้นลอยมีส่วนห้องน้ำรวมให้

    บรรยากาศภายในห้องน้ำตกแต่งสวยงาม

    จากนั้นเป็นส่วนโถงทางเดินก่อนจะไปยังระเบียงนั่งเล่น มีเก้าอี้วางไว้ให้บริเวณสุดขอบหน้าต่าง

    และอีกด้านวาง Day Bed ให้นอนชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาให้ 3 ที่นั่ง นั่งได้ที่นั่งละ 1-2 คน เย็นๆสามารถนั่งชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยากระหนุงกระหนิงกับแฟนได้ ^^

    ด้านหน้า Day Bed ทำฉากเหล็กบนรางเลื่อนแบบนี้ไว้ให้ ซึ่งคุณสมบัติของฉากนี้คือใช้กันแสงแดดที่ส่องเข้ามาด้านในค่ะ เวลาแดดส่องมาแรงๆก็สามารถบังแดดได้พอสมควรและยังสามารถชมวิวได้ด้วย เนื่องจากฉากนี้มีการเว้นช่องไว้ให้ตรงกลาง พอแดดร่มลมตกก็เลื่อนฉากออกไปด้านข้างได้ไม่ยากเพื่อจะได้ชมวิวได้มากขึ้น ถือเป็น Details ที่เพิ่มความสวยงามและได้ประโยชน์ดีค่ะ

    ถัดจากส่วน Day Bed ด้านหลังจะเป็นห้อง Lounge ภายในวางชุดเก้าอี้โซฟาไว้ให้หลายชุด ไว้สำหรับลูกบ้านมานั่งเล่นพักผ่อนชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาหรือจะมาหามุมสงบทำงานก็ได้เช่นกัน

    ด้านข้างมี Sofa Bed หันหน้าออกไปยังแม่น้ำ ให้นอนเล่นได้สบายๆ แต่ละช่องสามารถจุคนได้ถึง 2-3 คนเลย เบาะก็นุ่มแน่นดีค่ะไปลองนอนมาแหละ อิอิ

    เราไปดูบรรยากาศ Facilities ริมแม่น้ำของโครงการกันต่อเลยค่ะ

    ส่วนของ Club House ริมน้ำนี้ชั้นล่างเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ส่วนด้านบนเป็น Fitness และระเบียงชมวิวนะคะ การออกแบบทำออกมาได้สวย ตั้งแต่ Approach (ทางเข้า) ที่ทำทางเดินเข้าไปยังส่วน Club House และใช้ผนังทึบด้านนึงเพื่อดึงสายตาเราไปทางด้านริมแม่น้ำ และส่วนทางขึ้นบันไดได้ดีค่ะ มีการนำวัสดุ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโครงการนี้อย่างไม้และหินมาประกอบเป็นหนึ่งใน Details ของอาคารได้ลงตัวดี

    ด้านล่างเป็นส่วนนั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor มีชุดโซฟาชิงช้าให้ 2 ชุดและชุดเก้าอี้โซฟา 2 ชุดด้านหลัง เน้นมองวิวไปทางสระว่ายน้ำ ส่วนพื้นของชั้นล่างนี้จะมีระดับสูงกว่าสระว่ายน้ำนิดหน่อย สามารถหย่อนขาแช่น้ำได้นะคะ เพราะสระว่ายน้ำบริเวณนี้ถูกออกแบบมาเป็นสระน้ำตื้นสำหรับหย่อนขาหรือเดินเล่นบนผืนน้ำได้เลย

    ขึ้นมาชั้น 2 เข้ามาเจอห้อง Fitness ก่อนเลย จากห้อง Fitness จะสามารถออกไปยังส่วนระเบียงชมวิวได้ค่ะ

    ภายในห้อง Fitness มีเครื่องเล่นอยู่ประมาณ 7 เครื่อง ภายในออกแบบเป็นกระจกใสรอบห้อง สามารถมองวิวแม่น้ำและสระว่ายน้ำได้ดีจากในห้อง

    ส่วนระเบียงเป็นแบบ Semi-Outdoor เช่นกัน ด้านบนทำเป็นระแนงไม้กันแดดได้ระดับนึงแต่กันฝนไม่ได้นะคะ

    ด้านข้างวางชุดเก้าอี้สนามไว้ให้สำหรับนั่งเล่นชมวิวชิลๆ

    มาดูสระว่ายน้ำกันต่อค่ะ ลักษณะของสระว่ายน้ำจะยาวไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา มี Day Bed อยู่ด้านหลังเพื่อสามารถชมวิวสระว่ายน้ำขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาได้

    ภาพที่เห็นจาก Day Bed ก็จะประมาณนี้ เพราะได้สระแบบ Infinity-Eadge

    สระว่ายน้ำเป็นสระแบบ Outdoor มีขนาด 10 x 26 ม. ระบบเกลือ แบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนสระน้ำตื้นสำหรับแช่เท้า เดินเล่นบนผืนน้ำ หรือนอนชิลๆ บนน้ำ (เส้นประสีเหลือง) และส่วนสระสำหรับว่ายน้ำ (เส้นประสีส้ม) ซึ่งขนาดความยาวของสระนั้นถือว่าออกกำลังกายได้ดี แต่มีความกว้างของสระน้อยไปหน่อยที่จะรองรับจำนวนคนว่ายน้ำแบบออกกำลังกายได้หลายคนพร้อมๆกัน (รูปนี้ถ่ายจากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าโครงการนะคะ)

    Day Bed อาบแดดเบาๆ มีร่มกันแดดให้เล็กน้อย อีกจุดนึงที่อยากให้ดูในรูปนี้คือ รูปด้าน (Elevation) ฝั่งนี้ของ Club House ทำออกมาได้สวยทีเดียวค่ะ ^^

    ด้านข้างของสระว่ายน้ำเป็นสระว่ายน้ำเด็กคั่นกลางด้วยทางเดินลงไปส่วน Landscape ที่ติดริมแม่น้ำ

    เดินลงมามี Sunken Seat ล้อมรอบด้วยบ่อบัว โดยมีทั้งหมด 3 ที่

    ถัดมาเป็นขั้นบันไดลงไป สลับไปกับการปลูกต้นปาล์มให้ ซึ่งการปลูกต้นปาล์มบริเวณนี้ก็จะไม่ได้ในเชิงของความร่มเงานะคะ เพราะจากลักษณะใบของต้นปาล์มที่ไม่ได้มีกิ่งก้านสาขาที่ให้ร่มเงาได้ ซึ่งก็เหมาะกับการปลูกอยู่บริเวณนี้แล้วนะคะ เพราะไม่งั้นก็จะทำให้บังวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไปหมด

    แต่ละขั้นบันไดจัดเป็นไม้นั่งให้ด้วย ช่วงเย็นๆก่อนหัวค่ำจะเริ่มนั่งกินลมชมวิวได้แล้วค่ะเพราะตรงนี้ลมแรงดีจริงๆ

    มองย้อนกลับไปจะเห็นว่าพื้นที่ถูกลดระดับลงมาเป็นสเต็ปเรื่อยๆ ทำให้แต่ละพื้นที่โครงการสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดี ไม่บังวิวกัน

    มาดูผังกันต่อนะคะ ชั้น 2 – 5 เป็นชั้นจอดรถ มีฝั่งที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาหรือเรียกว่า Riverfront นั้นที่มีห้องพักอยู่ 2 ห้อง ขนาดใหญ่ 80 – 82 ตร.ม. เป็นห้องที่ง่ายต่อการเข้า-ออก สามารถขึ้นมาจอดรถแล้วเข้าห้องได้เลย สำหรับที่จอดรถของโครงการนี้มีทั้งหมด 45% รวมจอดซ้อนคันอยู่ที่ 52% ถือว่าให้มาตามราคา แต่เมื่อเทียบกับทำเลที่เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นก็อาจจะไม่เพียงพอนะคะ

    ชั้น 7-8, 14, 21-23, 28 มีจำนวนยูนิตสูงสุดอยู่ที่ 42 ยูนิต ถือว่ามีความหนาแน่นพอสมควรนะคะ ลักษณะของแปลนแบ่งออกเป็น 2 ส่วนชัดเจนด้วยตำแหน่งของโถงลิฟต์โดยสาร คือส่วน Riverfront (ขวา) และส่วน City view (ซ้าย) ส่วนใหญ่เน้นห้องพักแบบ 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. ตำแหน่งของโถงลิฟต์ที่อยู่ตรงกลางนั้นก็สามารถร่นระยะการเดินของห้องแต่ละฝั่งได้ดี รวมทั้งช่วยในเรื่องของความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่าตำแหน่งลิฟต์ที่อยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง อัตราส่วนของลิฟต์อยู่ที่ 244.75 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นพอสมควรค่ะ

    ชั้น 9, 10, 19, 20, 26, 29 มีจำนวนยูนิต 41 ยูนิต น้อยลงมาหน่อยจากชั้นก่อนหน้านี้ และมีขนาดห้อง 51 – 52 ตร.ม.เพิ่มมามากขึ้นในฝั่ง Riverfront

    ชั้น 11-13, 15-18, 24 มีห้องขนาด 34 ตร.ม. ขยับเข้ามาใกล้ริมแม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้น ทำให้มีห้องในราคา package รวม ที่สามารถหยิบจับง่ายหน่อยได้วิวที่เข้าถึงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วย ห้องส่วนใหญ่ของที่นี่จะเป็นห้องแบบหน้าแคบลึกนะคะ

    ชั้น 25, 30 เป็นชั้นสูงเห็นวิวสวยทุกด้าน จะเห็นว่ามีห้องขนาด 51 – 52 ตร.ม.อยู่ฝั่งด้าน City View ด้วย และโดยรวมในชั้นนี้มีจำนวนห้องใหญ่ 51-52 ตร.ม. เท่าๆกับห้องขนาด 34 ตร.ม. รวมทั้งมีห้อง Family Combine ขนาด 102 ตร.ม. เพิ่มมาทางฝั่ง Riverfront ด้วย

    เรามาดูวิวโครงการกันค่ะ โดยรอบโครงการไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะใกล้นะคะ แต่ไม่สามารถการันตีวิวได้ เพราะยังมีแปลงว่างอีกหลายแปลงที่โดยรอบโครงการที่สามารถขึ้นอาคารสูงได้เช่นกัน จะมีแต่ห้องที่เป็นห้อง Riverfront หันหน้าเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาเลยที่สามารถการันตีวิวได้แน่ๆ ค่ะ

    ทิศ A หรือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้หันหน้าเข้าหาแม่น้ำเจ้าพระยา วิวนี้จะได้เฉพาะห้อง Riverfront ที่หันหน้าเข้าแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้นนะคะ ไม่ว่าจะเลือกชั้นสูงหรือชั้นล่างก็เป็นวิวที่สวยทั้งนั้น สำหรับห้องชั้นล่างๆ ก็จะสัมผัสแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดี ส่วนห้องชั้นสูงๆ หน่อยก็จะเห็นวิวระยะไกลมากขึ้น เพราะจะเห็นวิวของฝั่งธนฯด้วยค่ะ

    ทิศ B หรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาขนานไปกับถนนพระราม 3 ซึ่งสามารถเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา ยาวไปจนสุดสายตา แต่มองไม่เห็นสะพานพระราม 9 ชัดเท่าไหร่นะคะ

    ทิศ C หรือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้นเป็น City View ทั้งหมด ซึ่งก็ไม่มีตึกสูงขึ้นมาบล็อกวิวใดใดนะคะ สามารถมองเห็นในระยะไกลได้สบาย ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นวิวที่อยู่ตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเลย ทำให้ได้อารมณ์คนละแบบกันไป ซึ่งฝั่งนี้ก็จะเห็นสีสันจากแสงสีบนตึกต่างๆ และไฟจากท้องถนนในตอนกลางคืน

    และทิศสุดท้าย คือทิศ D หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้นี้ นอกจากได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ก็จะได้วิววัดปริวาสและสะพานภูมิพลด้วย ซึ่งถ้าพูดถึงเฉพาะวิวแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะไม่เด่นเท่าทิศ B นะคะ เพราะความสูงนี้ยังไม่ค่อยเห็นทางโค้งแม่น้ำเจ้าพระยามากนะ แต่ก็มีแสงสีจากสะพานภูมิพลนี่แหละค่ะ ที่เป็นองค์ประกอบเพิ่มเติมทำให้วิวนี้ก็สวยเช่นเดียวกัน

     

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 10 x 26 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร และสระเด็ก ลึก 0.6 ม.
    • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง
    • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว
    • อัตราส่วนลิฟต์ 244.75 : 1 (คิดจากจำนวนยูนิต 979 ยูนิต)
    • Service Lift (เป็นตัวเดียวกับลิฟต์โดยสาร) 4 ตัว
    • ที่จอดรถประมาณ 461 คันคิดเป็น 45% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 52%
    • ระบบ CCTV / Access Card


    Product Walkthrough

    จุดเด่นของแบบห้องต่างๆ ของโครงการนี้คือการออกแบบเน้นการใช้ชีวิตที่สามารถสัมผัสกับวิวและแม่น้ำเจ้าพระยาได้ โดยเน้นพื้นที่ระเบียงที่ทำเป็น Sunken หรือระเบียงที่ถูกลดระดับพื้นลงมาในระดับที่ให้ห้องด้านในไม่ถูกบังวิวจากส่วนระเบียงไปด้วย รวมทั้งห้องครัวที่อยู่ด้านนอก ซึ่งนอกจากจะได้วิวจากห้องครัวได้แล้วก็ยังเชื่อมกับส่วนระเบียงใช้เป็นพื้นที่สำหรับปาร์ตี้ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเล็กๆ ภายในห้องได้

    รูปแบบการตกแต่งของโครงการเป็นแบบ Fully Furnished ได้ของดังนี้ สามารถเก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้เลย ไม่ต้องควักเงินอีกก้อนเพื่อซื้อชุดเฟอร์นิเจอร์

    • Furniture ทุกชิ้นทั้งแบบลอยตัวและแบบ Built-in
    • เครื่องปรับอากาศ
    • ชุดสุขภัณฑ์
    • Pantry

    เริ่มต้นด้วยห้อง 2 Bedroom กันก่อนนะคะ สำหรับห้องนี้เป็นห้อง Combine Sunken Balcony มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 68-69 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้อง Combine ห้องเล็กขนาด 34 และ 35 ตร.ม. เข้าด้วยกันแต่ออกโฉนดเป็น 2 ใบนะคะ ภายในทุบผนังทิ้งและเปลี่ยนแปลงการจัดวางฟังก์ชันภายในทั้งหมด เป็นห้องที่สามารถอยู่เป็นครอบครัวขยายขนาดเล็กได้สบาย

    พื้นที่โซนหน้าห้องที่ติดทางเดินจะเป็นส่วนของห้องน้ำก่อนและเป็นโถงทางเดินยาวเข้าไปส่วนด้านใน มีห้องนอนเล็กอยู่ตรงกลางแต่ไม่ทึบและมีแสงสว่างเข้ามาภายในได้จากประตูบานเลื่อนกระจกที่ติดกับส่วนห้องนั่งเล่น ในส่วนพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารใช้พื้นที่เชื่อมกันได้วิวและแสงสว่างจากภายนอกดี ถัดมาเป็นส่วนครัวที่ได้เป็นครัวปิดเรียบร้อยทำอาหารได้ดี และจากภายในครัวยังสามารถมองวิวได้อีกด้วย เหมาะใครที่ชื่นชอบการทำครัวและใช้เวลาอยู่ในครัวนานๆ การได้ครัวแบบปิดที่ติดกับ ส่วนระเบียงนั้นช่วยให้เวลาจะทำอะไรกินที่ระเบียงก็สะดวกมากค่ะ ตัวระเบียงของโครงการนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Sunken แปลนนี้จะได้พื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างกว้างสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะกลางได้สบาย สามารถจัดเป็นพื้นที่ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและยังเสริฟอาหารจากครัวมาส่วนระเบียงได้ง่ายเลย

    ห้องนอนใหญ่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเยอะ ลักษณะเป็นห้องแนวยาว ไม่ได้เน้นวิวแม่น้ำจากห้องนอนนะคะเพราะการจัดวางเตียงจะหันเข้ากำแพง มีแต่หน้าต่างและกระจกด้านข้างเตียงและจากส่วนพื้นที่ทำงานเท่านั้น แต่ก็สามารถมองเห็นวิวได้บ้างและมีแสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้ดีค่ะ ภายในห้องนอนจัดวางฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนดี แบ่งเป็นส่วนพื้นที่ทำงาน เตียงนอน Walk-in Closet และเนื่องจากเป็นห้องแบบ Combine ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่เลยมีขนาดเหมือนๆกันและวัสดุไม่ต่างกัน

    จากประตูทางเข้าห้องใช้วัสดุเป็น HDF มีตาแมวและมือจับแบบก้านโยก ส่วนพิเศษของประตูนี้ที่ไม่เหมือนประตูทั่วไปคือส่วน Windy Ventilation หรือง่ายๆ คือช่องเปิดด้านบนสำหรับระบายอากาศ สามารถเปิด-ปิดได้ ข้อดีของ Windy Ventilation นี้ คือสามารถปล่อยให้ลมไหลผ่านจากระเบียงไปที่หน้าห้องได้ มีอากาศถ่ายเทได้ดี แต่ก็มีข้อจำกัดหน่อยตรงนี้เสียงและกลิ่นก็สามารถลอดออกไปได้เช่นกันนะคะ ถือเป็น Detail ที่น่าสนใจและเหมาะกับโครงการริมแม่น้ำที่สามารถรับลมได้ดีและสัมผัสถึงความเป็นโครงการแม่น้ำเจ้าพระยาได้

    ลักษณะการเปิด-ปิดจะเป็นระบบง่ายๆ ไม่ยากค่ะ คือยกคันโยกด้านล่างขึ้น-ลง แบบนี้ตามคลิปวิดีโอเลยค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป ภายในห้องปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม.

    เข้ามาจะเจอโถงทางเดินก่อน มีความกว้างประมาณ 1.1 ม. ด้านข้าง Built-in ตู้เก็บของให้ และด้านขวาเป็นทางเข้าห้องน้ำค่ะ

    ตู้ที่ Built-in ให้ครบครันกับความต้องการ อธิบายจากทางขวาไปซ้ายนะคะ ตู้แรกเป็นส่วนที่วางรองเท้า ถัดมาเป็นที่เก็บของสามารถวางที่รีดผ้าได้พร้อมที่เก็บของด้านบนอีกเล็กน้อย ส่วนตู้เล็กสุดฝั่งซ้ายเป็นที่เก็บของเล็กๆ น้อยๆได้ดีค่ะ ด้านบนสามารถวางของประดับตกแต่งได้ ถือว่าให้มีตู้เก็บของมาพอสมควรนะคะ การมีตู้เก็บของแบบนี้ทำให้ห้องดูไม่รก และสามารถเก็บของได้เป็นระเบียบ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นส่วนห้องน้ำ ยกธรณีประตูขึ้นมาเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องสีขาว พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม.

    ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งชัดเจน โดยห้องน้ำในห้องมาตรฐานที่ได้จะได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    อ่างล้างมือพร้อมกระจกเงา

    อ่างล้างมืออะคลิลิกจาก Charmer ขนาดกะทัดรัด มีพื้นที่ด้านข้างให้วางสบู่หรือครีมได้เล็กน้อย

    โถสุขภัณฑ์และสายชำระ จาก Kohler พื้นที่บริเวณโถมีความกว้างประมาณ 70 ซม. นั่งได้แบบพอดีๆ

    ฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเลื่อน 3 ตอนกระจกฝ้าจาก Charmer แข็งแรงพอสมควร

    ขนาดพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.9 x 0.8 ม. เป็นขนาดที่อาบน้ำได้สบายๆ กั้นด้วยธรณียกสูงขึ้นมาเล็กน้อยทับด้วยวงกบของฉากกั้นกันน้ำไหลย้อนได้ดี

    ได้ฝักบัวสายอ่อนพร้อมที่วางสบู่

    ฝักบัวขนาดพอดีมือ หัวฝักบัวขนาดมาตรฐาน จาก American Standard

    ถัดจากห้องน้ำเป็นห้องนอนเล็ก มีประตูเปิดได้ 2 ฝั่ง คือฝั่งโถงทางเดินด้านหน้าเป็นประตูทึบ และประตูกระจกบานเลื่อนด้านที่ติดกับพื้นที่นั่งเล่นทำให้ได้แสงสว่างจากด้านนอกเข้ามาถึงในห้องนอนด้วย

    ภายในห้องนอนเล็กมีขนาด 2.3 x 3.7 ม. ได้ตู้เสื้อผ้า เตียงขนาด Single Bed และโต๊ะทำงาน

    ตู้เสื้อแบบ Built-in สูงถึงฝ้าเพดาน โดยมีความสูงฝ้าส่วนห้องนอนอยู่ที่ 2.4 ม. บานเลื่อนเป็นบานเลื่อนกระจกด้านนึงและอีกด้านเป็นบานเลื่อนบุลามิเนต ด้านในมีลิ้นชักให้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ราวแขวนเสื้อ และชั้นบนเป็นชั้นวางเครื่องนอนได้

    เตียงได้ขนาด Single Bed หรือ 3.5 ฟุต วางชนกำแพงด้านใน มีพื้นที่ทางเดินด้านข้างเพียงด้านเดียว

    ชุดโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้แบบลอยตัววางติดกับเตียง

    ประตูของห้องนอนเล็กนี้มี 2 ประตูซึ่งจริงๆ แล้วมีเพียงประตูบานเลื่อนกระจกอย่างเดียวก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานหลักๆ และเรื่องของแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาภายในห้องได้แล้ว แต่พอมีประตูบานเปิดมาก็ทำให้เสียพื้นที่ใช้สอยไปเป็นส่วนทางเดินแทน ซึ่งหากไม่ได้ใช้งานก็ประตูแล้ววางเป็นส่วนโต๊ะทำงานแทนที่จะไปติดกับส่วนเตียงนอนได้ และจะได้ขยับเตียงออกมาจากผนังหน่อยให้มีพื้นที่ทางเดินบ้างเล็กน้อย

    ในส่วนพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารเป็นพื้นที่เชื่อมกัน บริเวณนี้มีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.6 ม. บรรยากาศโปร่งโล่งเพราะได้หน้าต่างนำแสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี การวางโต๊ะรับประทานอาหารบริเวณนี้ทำให้สามารถดูทีวีจากส่วนรับประทานอาหารได้ด้วย

    ส่วนรับประทานอาหารมีขนาด 1.9 x 2.8 ม. ได้ชุดโต๊ะที่นั่งได้สำหรับ 4 ที่

    ชุดโต๊ะที่ได้มีขนาดกะทัดรัด พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว แต่ขาเก้าโต๊ะแอบใช้งานลำบากนิดหน่อยค่ะ

    และโซฟาเล็กๆ 2 ที่นั่งด้านล้างมีลิ้นชักสามารถเก็บของได้

    ตำแหน่งพื้นที่นั่งเล่นมีขนาด 2.6 x 3.45 ม. ได้หน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่สามารถชมวิวได้ดี นอกจากนี้การที่ระเบียงถูกลดระดับลงไปด้านล่างยิ่งทำให้สามารถดูวิวได้ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย ส่วนระยะห่างของทีวีนี้อยู่ที่ 2 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาด 40 – 42 นิ้ว

    ชุดโซฟาแบบ 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ

    และโต๊ะวางทีวีก็ได้ตามห้องตัวอย่างเช่นเดียวกัน แต่ไม่รวมชั้นวางของด้านบนนะคะ

    มาที่ห้องครัวกันต่อกั้นด้วยบานเลื่อน 3 ตอน ที่มีน้ำหนัก แข็งแรงดีทีเดียวค่ะ สำหรับครัวปิดแบบนี้เหมาะกับการทำอาหารดีทีเดียว

    มีธรณียกขึ้นเล็กน้อย พื้นครัวปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 40 x 40 ตร.ม. ทำความสะอาดได้ง่าย

    พอเปิดออกไปก็จะเจอครัวที่อยู่ริมระเบียงแบบนี้ ห้องครัวห้องนี้มีทางระบายอากาศธรรมชาติ เวลาทำอาหารสามารถเปิดหน้าต่างระบายออกไปได้ และด้วยขนาดหน้าต่างที่ค่อนข้างใหญ่ ซึ่งออกแบบมาไม่ได้เป็นเพียงระบายกลิ่นเท่านั้นแต่ยังสามารถมองวิวจากส่วน Pantry ครัวได้ด้วย สำหรับครัวของแปลนนี้ถือว่าเป็นฟังก์ชันที่เหมาะสม นอกจากจะใกล้กับพื้นที่รับประทานอาหารแล้วก็ยังติดกับส่วนระเบียงง่ายต่อการเสริฟอาหาร เวลาอยากจะนั่งรับประทานอาหารบริเวณระเบียงชมวิวแม่น้ำ ถือว่าส่วนนี้เป็นอีกจุดเด่นนึงของแปลนห้องนี้นะคะ

    Pantry ครัวได้ตามนี้เลยนะคะ ท็อปเป็น Particle ส่วนบานเปิดได้ Soft Closed หน้าบานบุด้วยลามิเนต มีช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าไม่เกิน 7 กก. ได้ Sink ล้างจานแบบหลุมเดี่ยว ส่วนเตาไฟฟ้าแถมให้เป็นแบบเตาลอย เก็บไว้ใต้ลิ้นชัก Microwave – สามารถเดินถือออกไปทำอาหารที่ริมระเบียง เช่นสุกี้หรือ BBQ ได้ค่ะ

    ชุดตู้ลอยด้านบนได้ตามห้องตัวอย่างพร้อมกรุกระเบื้องผนังให้เรียบร้อย เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด สำหรับวิวจากหน้าต่างครัวก็จะเห็นประมาณนี้เลยค่ะ เป็นครัวที่เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารดีทีเดียวค่ะ

    ด้านข้างเป็นประตูกระจกบานเฟี้ยมแบบ 2 ตอน

    วงกบหนาแข็งแรง มียางด้านข้างสามารถกันเสียงเข้าและทำให้บานประตูปิดได้สนิทดีทีเดียวค่ะ สำหรับบานประตูหน้าต่างของโครงการใช้ยี่ห้อ Frametek ทั้งหมดนะคะ

    Sunken Balcony ขนาด 4 x 1.32 ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 40 x 40 ซม. พื้นระเบียงลดระดับลงมาเพื่อให้วางเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟาหรือเก้าอี้แล้วไม่ไปบังหน้าต่างของห้องนั่งเล่น สำหรับบริเวณนี้จะไม่มีจุดแขวน CDU นะคะ โดยตำแหน่ง CDU จะไปยื่นอยู่ด้านข้างเลย เพื่อไม่ให้มีลมร้อนหรือเสียงพัดของเครื่องมารบกวน แต่พื้นที่นี้ก็ยังเป็นพื้นที่ที่ใช้ร่วมกับส่วนซักล้างนะคะ

    ด้านข้างมีตะแกรงระบายน้ำติดตั้งให้ค่อนข้างดีค่ะ

    มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างค่ะ

    ลักษณะของห้องนอนใหญ่อย่างที่ได้อธิบายไปในส่วนของแปลนห้องไปแล้วว่าเป็นห้องแบบยาว สามารถจัดวางฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนดี แต่ก็จะไม่ได้พื้นที่ในแต่ละส่วนใหญ่มากนัก สำหรับพื้นที่เตียงนอนนี้จะได้เตียงนอนขนาด 5 ฟุต วางได้พอดีๆ ตัวเตียงหันไปทางกำแพง ไม่ได้เน้นมองวิวจากส่วนเตียงมากนักแต่ก็จะได้หน้าต่างด้านข้างหัวเตียงให้สามารถชมวิวได้และได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้ดี

    โต๊ะวางทีวีและโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมเก้าอี้สตูล ได้ตามห้องตัวอย่าง

    ถัดมาเป็นพื้นที่ทำงาน จะได้หน้าต่างบานเลื่อนมาด้วย แต่เวลานั่งทำงานก็อาจจะไม่ได้เห็นวิวแบบเต็มๆ เท่าไหร่ ระยะที่พอดีกับสายตาคือส่วนหน้าต่างด้านล่างๆ แทน แต่ได้แสงสว่างเข้ามาได้ดีค่ะ ส่วนด้านข้างเป็นบานเฟี้ยมเช่นเดียวกับห้องครัว สามารถออกไปยังระเบียงได้

    โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ได้ตามนี้เลยค่ะ

    หันกลับหลังมาเป็นส่วน Walk-in Closet ยาวไปจนสุดจะเห็นประตูเหมือนประตูทางเข้าห้องนะคะ แต่จริงๆ แล้วประตูนี้จะปิดตายนะคะ ไม่สามารถเข้า-ออกได้

    ตู้เสื้อผ้า Built-in ขนาดใหญ่จุเสื้อผ้าด้านในได้เยอะทีเดียวค่ะ

    และตู้เสื้อผ้า Built-in อีกตู้นึงก็ได้เช่นเดียวกันนะคะ

    ภายในตู้นี้จะเป็นชั้นเก็บเสื้อผ้าเล็กๆ ไม่ได้เป็นราวแขวนปกตินะคะ ส่วนด้านล่างมีราวแขวนเล็กๆ ให้แขวนกางเกงสแล็คได้

    ตรงข้ามตู้เสื้อผ้าเป็นห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ซึ่งมีขนาด แบบ และยี่ห้อสุขภัณฑ์เช่นเดียวกับห้องน้ำห้องแรกค่ะ

    ห้องถัดมาที่จะพาไปดูกันเป็นห้องขนาดเล็กลงมาหน่อยนะคะ คือห้อง Living Plus 1 Bedroom มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 51 ตร.ม. ห้องนี้ก็ยังคงแนวคิดหลักของโครงการคือเป็นห้องที่มีระเบียงเป็น sunken และมีห้องครัวอยู่ด้านนอกเชื่อมกับส่วนระเบียง การจัดวางฟังก์ชันภายในห้องถือว่าลงตัวเป็นสัดส่วนดี เน้นให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางอย่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารเป็นหลักสามารถมองเห็นวิวและได้รับแสงธรรมชาติได้ดี ส่วนห้องนอนนั้นจะมีลักษณะเป็นห้องแนวยาว เป็นห้องนอนที่ไม่ได้เน้นการเห็นวิวจากภายนอกมากนัก เนื่องจากมีหน้าต่างจากส่วนพื้นที่ทำงานที่เดียว ซึ่งก็แลกกับพื้นที่ที่จัดฟังก์ชันได้ลงตัว แบ่งเป็นสัดส่วนดีและได้ Walk-in Closet ใหญ่ เหมาะกับสาวๆ ที่รักการแต่งตัวดีทีเดียวค่ะ

    เข้ามาภายในห้อง จะเจอกับโถงทางเดินก่อน ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ ด้านขวาเป็นทางเข้าห้องนอนและตรงเข้าไปจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องนั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร ครัวและระเบียงที่อยู่สุดห้องด้านใน พื้นปูด้วยลามิเนตเช่นเดิม มีความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.6 ม.

    ประตูใช้สเป็คเดิมมี Windy Ventilation แบบนี้ในทุกห้องค่ะ

    ด้านข้างประตูได้ตู้เก็บรองเท้าและเก็บโต๊ะรีดผ้าเช่นเดียวกับห้องแรกค่ะ มีบานกระจกมาให้ด้านนึง เผื่อสาวๆ คนไหนแต่งตัวสวยๆ ออกจากบ้านจะได้เช็คทรงผมหน้าตาได้ก่อนเปิดประตูออกไป ^^

    ห้องน้ำยกธรณีประตูและปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. เช่นเดิม

    ภายในแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน

    ใช้ยี่ห้อและเสป็คสุขภัณฑ์เช่นเดิม แต่ด้านหลังจะได้ Low Wall เพิ่มขึ้นมาจากห้องแรก มีความกว้างประมาณ 20 ซม. สามารถวางข้าวของเครื่องใช้ได้ดีขึ้น

    ขนาดพื้นที่อาบน้ำและขนาดห้องน้ำทั้งหมดจะใหญ่ขึ้นมาจากห้องแรกนะคะ เนื่องจากมีห้องน้ำเพียงห้องเดียวไม่ได้แบ่งเป็นห้องน้ำห้องเล็ก 2 ห้องที่มีจากห้อง Combine เช่นเดียวกับห้องแรก

    ฝักบัวสายอ่อนพร้อมที่วางสบู่จาก American Standard เช่นเดิม

    ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหาร ในส่วนนี้ค่อนข้างโปร่งเพราะด้านข้างได้หน้าต่างบานใหญ่ แสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี สำหรับชุดเฟอร์นิเจอร์ทั้งโซฟาพร้อมโต๊ะกลางและชุดรับประทานอาหารจะได้ตามนี้เลยค่ะ

    ระยะห่างทีวีอยู่ที่ 2.8 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาด 50 นิ้ว

    โต๊ะกลางจากรูปก่อนหน้านั้นจะเห็นว่ามีเบาะด้านบนสามารถปรับเป็นเก้าอี้สตูลเล็กๆ ได้ และหากจะเปลี่ยนเป็นโต๊ะกลางวางขนม เครื่องดื่มก็เพียงยกเบาะออกก็จะเห็นเป็นท็อปเป็นไม้แบบนี้ค่ะ

    ชั้นวางทีวีได้ตามห้องตัวอย่างเลย ด้านล่างมีลิ้นชักสามารถเก็บของได้ดี

    ถัดมาเป็นส่วนรับประทานอาหารมีขนาดประมาณ 2.6 x 2.65 ม. เหมาะสำหรับ 4 ที่นั่งกำลังดี ส่วนความกว้างของทางเดินเชื่อมไปยังครัวอยู่ที่ 1 ม.โต๊ะกินข้าวเปลี่ยนแบบไปนิดหน่อยแล้วขาโต๊ะแบบนี้ใช้งานสะดวกขึ้นเยอะเลยค่ะ

    โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้ 2 ที่นั่ง แข็งแรงพอสมควรและมีพื้นที่นั่งได้สบายๆ

    โซฟาที่นั่งด้านล่างมีลิ้นชักเก็บของได้เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ได้เช่นเดียวกันนะคะ

    สำหรับส่วนห้องครัวที่มีความกว้างของทางเข้าไม่มากนัก จึงมีการแก้ปัญหาด้วยประตูแบบจูง ซึ่งข้อดีของประตูแบบบานจูงนี้ คือสามารถเปิดได้แบบบานเปิดและสามารถลดขนาดหน้าบานให้ไม่กินพื้นที่ได้ดีกว่าบานเปิด แต่จะมีการเปิด-ปิดที่แปลกอยู่หน่อยนะคะ หากลองเปิดแรกๆ ก็คงจะยังไม่ชินมือเท่าไหร่ เดี๋ยวไปดูวิธีเปิด-ปิดกับคลิปวีดีโอด้านล่างค่ะ ส่วนเรื่องความแข็งแรงถือว่าทำออกมาได้ดี

    การเปิด-ปิดประตูแบบบานจูง

    ห้องครัวมีพื้นที่ใช้สอยพอๆ กับห้องแรกนะคะ ใช้สเป็คของ Pantry และได้หน้าต่างบานใหญ่ชมวิวได้เช่นเดียวกันกับห้องแรกค่ะ

    ส่วนประตูที่ออกไปยัง Sunken Balcony นั้นจะเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน เปิดง่ายกว่าบานเฟี้ยมของห้องที่แล้วแต่ก็จะกินพื้นที่มากกว่าบานเฟี้ยมอยู่หน่อยนะคะ

    ระเบียงขนาดกะทัดรัดอยู่ที่ 2 x 1.8 ม. ลดระดับพื้นลงไปเล็กน้อยเพื่อให้ไม่บังวิวภายนอกจากส่วนรับประทานอาหารด้านในห้อง บรรยากาศในส่วนระเบียงนี้ค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ เสียดายตรงรั้วระเบียงที่ใช้เป็นรั้วเหล็กแทนที่รั้วกระจกซึ่งจะได้ตอบโจทย์เรื่องวิวได้เต็มที่

    ที่นั่งส่วนระเบียงนี้จะได้เป็นแบบก่อขึ้นมาเลยและพร้อมเบาะเรียบร้อย ด้านข้างมีปลั๊กไฟกันน้ำให้ สำหรับใครมานอนเล่นมือถือชิลๆ ได้

    เข้ามาในส่วนของห้องนอนจะเจอส่วน Walk in Closet ก่อนเลยนะคะ สำหรับแปลนนี้จะได้ส่วน Walk in Closet ใหญ่เก็บของได้เยอะ เหมาะกับสาวๆ ที่มีเสื้อผ้าเยอะดีค่ะ

    หันมาอีกด้านจะเห็นว่าลักษณะห้องนอนนี้เป็นแนวยาวไปจนสุดทางที่เป็นพื้นที่ทำงาน ซึ่งเป็นห้องนอนที่ไม่ได้วิวเหมือนกับห้องอื่นๆ ที่ยังสามารถมองเห็นวิวได้จากส่วนเตียงนอนนะคะ ด้วยความที่ห้องนี้ติดเสาหลักของโครงการทั้ง 2 ต้นจึงทำให้ห้องนี้ดูแคบไปหน่อยแต่ก็แลกมากับการจัดวางฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนดี

    โต๊ะเครื่องสำอางค์พร้อมเก้าอี้สตูลได้ตามห้องตัวอย่างเลย

    พื้นที่บริเวณเตียงมีขนาด 2.65 x 2.85 ม. วางเตียงขนาด 5 ฟุตให้ มีพื้นที่เดินรอบเตียงได้กว้างประมาณ 50 ซม. ถือว่าเดินได้ระดับนึงค่ะ

    หัวเตียง Built-in ให้แบบนี้เลยมีไฟตรงหัวเตียงด้วย ใครชอบนอนอ่านหนังสือก็สามารถปิดไฟห้องนอนและเปิดไฟหัวเตียงได้

    ที่วางทีวีแบบนี้ก็ได้นะคะ ด้านล่างเป็นบานเปิด ซึ่งมีความกว้างของบานพอดีๆ กับทางเดินเลย

    ส่วนพื้นที่ทำงานเป็นโถงทางเดินกว้างประมาณ 1.6 ม. มีหน้าต่างให้บานไม่ใหญ่มากแต่ก็ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี เพียงแต่จะไม่ได้วิวเท่าไหร่นะคะ

    โต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ สวยงามและแข็งแรงดี

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 28 July 2016

    • 1 Bedroom ชั้น 8 ห้อง A-0806 เนื้อที่ 34.12 ตร.ม. ราคา 2.83 ล้านบาท หรือ 82,942 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom ชั้น 19 ห้อง A-1932 เนื้อที่ 51.49 ตร.ม. ราคา 5.109 ล้านบาท หรือ 99,223 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom ชั้น 27 ห้อง A-27-47 เนื้อที่ 56.27 ตร.ม. ราคา 5.597 ล้านบาท หรือ 99,466 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom (Combine) ชั้น 25 ห้อง A-2537, A-2538 เนื้อที่ 33.36+33.36 ตร.ม. ราคา 6.788 ล้านบาท หรือ 101,618 บาท/ตร.ม.

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • จอง 20,000 บาท
    • ทำสัญญา 30,000 บาท
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 35 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ U Delight Residence Riverfront พระราม 3 เป็นโครงการคอนโด High Rise ริมแม่น้ำเจ้าพระยาโครงการแรกจาก Grand U ซึ่งนำแบรนด์บนสุดอย่าง U Delight Residence มาใช้กับโครงการนี้ มีรูปแบบการออกแบบที่สอดคล้องกับทำเลริมแม่น้ำ รวมทั้งมี Details ต่างๆ ที่นำมาใช้ได้สวยงามเพิ่ม Value ของตัวโครงการได้ดี

    โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียม High Rise ติดถนนพระราม 3 และมีที่ดินยาวไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยารวมทั้งหมด 6 ไร่กว่า ตั้งอยู่ระหว่างช่วงสะพานภูมิพลและสะพานพระราม 9 ซึ่งบรรยากาศบริเวณนี้จะไม่ได้คึกคักมากนัก โดยรอบเป็นที่ดินว่างเปล่าหลายแปลงและห่างจากวัดปริวาสไปแปลงเดียวค่ะ ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ถือว่าครบครันส่วนใหญ่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ และร้านอาหารทั้งแบบริมแม่น้ำและร้านนั่งชิลค่ะ อยู่ในระยะขับรถได้สบาย หรือที่ใกล้ๆ เดินไปได้สบายก็จะเป็น Bangkok Square (ชื่อเดิมจตุจักรพระราม 3) ให้ฝากท้องก่อนกลับเข้าบ้านได้ง่ายๆ

    การเดินทางด้วยรถยนต์ถือเป็นการเดินทางหลักของทำเลในย่านนี้ ซึ่งถือว่ามีความสะดวกพอสมควรสำหรับคนใช้รถใช้ถนน เนื่องจากศักยภาพของถนนระราม 3 ที่เป็นถนนใหญ่ 8 ช่องการจราจร ไม่มีปัญหารถติดมากนักและมีถนนเส้นอื่นๆ มาตัดหลายเส้น ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลาย รวมทั้งมีทางด่วนตัดผ่านสามารถใช้ทางขึ้นลงบริเวณนางลิ้นจี่ หรือบริเวณหน้าเซ็นทรัลพระราม 3 ก็ได้ หรือถ้าใครจะเข้าไปทำงานที่โซนสาทร-สีลม ก็สามารถใช้ถนนนราธิวาสราชนครินทร์หรือถนนสาธุประดิษฐ์เพื่อทะลุไปเส้นสาทรได้ค่ะ ซึ่งหันกลับมามองจำนวนที่จอดรถรวมซ้อนคันอยู่ที่ 52% ก็อาจจะไม่เพียงพอเท่าไหร่นักกับโครงการที่เน้นการเดินทางด้วยรถยนต์นะคะ

    ในส่วนการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นอาจจะไม่สะดวกเท่าการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เพราะถนนพระราม 3 นี้เป็นถนนที่ไม่มีรถไฟฟ้าตัดผ่านนะคะ ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังคงมี BRT คอยให้บริการอยู่ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดก็คือ วัดปริวาส ที่อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 180 ม. แต่สำหรับอนาคต BRT นี้ก็ใกล้จะปิดตัวแล้วนะคะ ซึ่งใครที่เน้นการเดินทางด้วยระบบสาธารณะก็คงต้องกลับไปพึ่งพิงรถประจำทาง รถสองแถว และแท็กซี่แทน โดยทางโครงการก็ได้มีการจัด Shuttle Service มาให้เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางโดยไม่ใช้รถให้มากขึ้น ซึ่งจัด Shuttle Service ให้ 2 คัน มีค่าโดยสาร 15 บาท โดยจะรับส่งที่ธนาคารกรุงศรีสำนักงานใหญ่ และ BTS หรือ MRT ที่ใกล้ที่สุด รวมทั้งในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะวิ่งไปเซ็นทรัลพระราม 3 ให้ด้วยค่ะ สำหรับเส้นทางการวิ่งของ Shuttle Service นี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นนะคะ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางนะคะ

    เรื่องการออกแบบโครงการนี้ทำออกมาน่าสนใจ โดยคำนึงถึงแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก ทำให้รูปแบบการอยู่อาศัยของโครงการนี้จะสามารถสัมผัสบรรยากาศและได้ใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดี เช่นโถงทางเดินที่ยาวไปจนถึงส่วน Facilities ริมแม่น้ำเป็นเสมือนช่องลม ที่ลมสามารถพัดจากแม่น้ำไปยัง Drop-Off ได้เลย, ระบบ Windy Ventilation หรือบานเปิด-ปิดด้านบนประตูทางเข้าห้องนี้ก็ออกแบบมาเพื่อให้ห้องสามารถระบายอากาศได้ดี สัมผัสลมแม่น้ำได้จากภายในห้อง รวมทั้งSunken Balcony ที่ลดระดับพื้นลงมาเพื่อให้สามารถมองวิวจากภายในห้องได้โดยไม่ถูกเฟอร์นิเจอร์และราวระเบียงบังวิว ส่วนเรื่องความหนาแน่นของโครงการจัดว่าค่อนข้างสูงนะคะ จากจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 47 ยูนิต และความหนาแน่นลิฟต์อยู่ที่ 244.75 : 1 (คิดจากจำนวนยูนิต 979 ยูนิต)

    การออกแบบห้อง คุณบีม เคยได้วิเคราะห์ไว้แล้ว ดังนี้

    “แบบห้อง 34 ตารางเมตร เป็นแบบที่มีมากที่สุด แต่ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เนื่องจากมีการวางครัวเอาไว้ที่ริมระเบียง ซึ่งจะต้องเดินเข้าออกผ่านห้องนอน หากเป็นคนที่ชอบนั่งทานอาหารที่ริมระเบียงและชอบครัวเปิด ก็จะชอบห้องแบบนี้ แต่สำหรับบางคนที่ต้องยกของเข้าออกจากครัวไปยังห้องนั่งเล่น ก็จะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ประกอบฉากกั้นห้องนอนที่เป็นแบบบานเลื่อน ที่บางคนอาจจะชอบห้องนอนที่มีบานเปิดปิดกั้นเป็นสัดส่วนมากกว่า

    แบบห้อง 51 ตารางเมตร ทั้งแบบ Balcony Plus และ Living Plus เป็นแบบที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากห้อง 34 ตารางเมตร แก้ปัญหาเรื่องการเข้าออกครัวต้องผ่านห้องนอน พร้อมทั้งเปิดฟังก์ชันการใช้สอยใหม่ๆ เช่นระเบียงใหญ่, ห้องนั่งเล่นใหญ่ และห้องน้ำเข้าออกได้สองทาง ทำให้แบบห้อง 51 ตารางเมตรเป็น 1 Bedroom ที่ลงตัวมากๆ แต่ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้าง ทำให้ราคาขยับขึ้นไป 4 ล้านกว่าบาทกันเลย

    แบบห้อง 55 ตารางเมตร ที่มี 2 Bedrooms 1 Bathroom นั้นเป็นแบบห้องที่คล้ายกับโครงการ U Delight โครงการอื่น แต่ได้เติมในส่วนระเบียงและ Yard แยกออกจากกัน ทำให้อยู่อาศัยใช้สอยได้ง่ายขึ้น เป็นสัดส่วนมากขึ้น และส่วนระเบียงที่ยื่นออกไปริมน้ำนั้นเป็นส่วนที่โดดเด่นที่สุดของห้องแบบนี้ แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าห้องนี้มีห้องน้ำเพียงห้องเดียว ทำให้การใช้ห้องน้ำร่วมกัน 2 คนในเวลาเดียวกันนั้นทำไม่ได้ อาจจะไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย 4 คนขึ้นไปนะครับ

    แบบห้อง 91 ตารางเมตร มีอยู่ 12 ห้องเท่านั้น เป็นห้องที่ลงตัวที่สุด ทั้งทำเลห้อง ขนาดห้อง และ Layout ห้อง ซึ่งได้บรรยายไปแล้วในบทความรีวิว โดยเฉพาะผังบังแดดและส่วนของระเบียงริมน้ำที่โดดเด่นมาก แม้ว่าราคาจะแพงที่สุด 9.55 – 10.45 ล้านบาท แต่ด้วยจำนวนห้องที่มีน้อยนิด ก็คงจะถูกจองหมดอย่างรวดเร็ว

    แบบห้อง 102 ตารางเมตร Riverside จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทดแทนห้องใหญ่ 91 ตารางเมตร แม้ว่า Layout จะสวยสู้ไม่ได้ แต่ห้องนอนทั้งสองนั้นใหญ่กว่าแบบ 91 ตารางเมตรมาก มีพื้นที่ใช้สอยที่เยอะกว่า กว้างกว่า ในราคาที่ถูกกว่า เพราะเป็นส่วนของ Riverside … ตรงนี้เหมาะสำหรับครอบครัวที่อยากได้ห้องใหญ่ในราคา 8-9 ล้านบาท”

    วัสดุที่ได้ให้มาดีในระดับมาตรฐานตามราคา รูปแบบการตกแต่งเป็นแบบ Fully Furnished ให้ครบทุกอย่าง สามารถแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่ได้นั้นให้มาสวย เข้า Theme กับโครงการเน้นไม้และโทนสีเทา และที่สำคัญคือได้ไซส์ที่ลงตัวตามห้องของโครงการที่ค่อนข้างจะหาเฟอร์นิเจอร์ลงตัวยากหน่อย นอกจากจะสั่งทำแบบ Built-in เองค่ะ มีรายละเอียดของพวกบานประตูที่น่าสนใจอย่าง Windy Ventilation ที่หน้าห้อง บานประตูห้องครัวกับระเบียงที่แข็งแรงประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน นอกจากนี้เรื่องพื้นใช้ลามิเนต หนา 8 มม. พื้นห้องน้ำ ครัวและระเบียงใช้กระเบื้องเซรามิก 40 x 40 ซม. ส่วนสุขภัณฑ์อย่างอ่างล้างมือจาก Charmer โถสุขภัณฑ์จาก Kohler และอุปกรณ์อื่นๆ จาก American Standard

    สาธารณูปโภคของโครงการให้มาเหมาะสมกับจำนวนยูนิต โดยวาง Facilities อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยามีส่วน Club House ที่ชั้นล่างเป็นพื้นที่นั่งเล่นและชั้นบนเป็นส่วนฟิตเนส มีสระว่ายน้ำแยกสระเด็กและผู้ใหญ่ Sunken Seat และการจัด Landscape ให้สวยงาม นอกจากนี้ยังมี Lounge ที่อยู่ชั้นลอยในอาคารให้ลูกบ้านได้มาพักผ่อน นั่งเล่นชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ มีร้านค้าทั้งหมด 4 ร้าน Fixed 7-11 ให้เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านค่ะ และสุดท้ายคือเรื่องของความสวยงามและการเก็บ Details ต่างๆ ได้ค่อนข้างดีทีเดียว ตัว Club House และบรรยากาศส่วนกลางทำออกมาน่าใช้งานซึ่งถือเป็นหนึ่งใน Value ที่ลูกบ้านทุกคนได้รับด้วยนะคะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 90,000 บาท/ตร.ม., 28 July 2016

    • ทำเล 7.75/10 – เป็นคอนโดริมแม่น้ำติดถนนหลักพระราม 3 ใกล้คอมมูนิตี้มอลล์
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ แต่ได้ที่จอดรถมาน้อยไปหน่อยสำหรับโครงการเน้นขับรถ
    • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ติดถนนใหญ่เรียกรถง่าย มี Shuttle Bus ให้
    • วัสดุ 8.0/10 – ให้มาครบ สวยและแข็งแรงดี
    • แบบ 8.5/10 – มี Details และรูปแบบแปลนที่ออกแบบให้เข้ากับทำเลติดแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดี แต่มีความหนาแน่นสูง
    • สาธารณูปโภค 8.0/10 – สวย ครบครัน

    • MAIN – UPPER CLASS
    • 7.81 / 10.00

    BOTTOM LINE

    U Delight Residence Riverfront พระราม 3 เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการที่พักริมน้ำ โซนใกล้เมือง สะดวกด้วยการเดินทางด้วยรถยนต์  มองหาโครงการพร้อมอยู่ ไม่ต้องควักเงินก้อนซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติม มองหาคอนโดที่ออกแบบให้เข้าถึงแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดี ในระดับราคา 2.8 – 10 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 20,000 – 80,000 บาท/เดือน 

    ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )